ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๓
ตอนที่ 3
โดยไม่ต้องผ่านการครุ่นคิดพิจารณาให้เนิ่นนาน สรินดาก็ตัดสินใจได้โดยนาย ‘เพื่อนรัก’ ลากสังขารที่ยังร่อแร่เอาการไปขออโหสิกรรมผู้เกือบจะได้เป็นเจ้านาย ณ บ้านหลังโตแสนโอ่อ่านาม ‘วชิรานินทร์’
“แกจะรีบมาทำไมเนี่ย ให้ฉันกินอะไรรองท้องก่อนก็ไม่ได้” เธอบ่นใส่เพื่อนข้างกายที่ทำให้เธออดลิ้มรสบะหมีกึ่งสำเร็จรูปที่เพิ่งต้มเสร็จหมาดๆ แต่ยังไม่ทันได้เอาเข้าปาก นายอานนท์ก็เริ่มหมดความอดทนกับความยืดยาดของเธอ ผลที่ได้คือเสียงโครกครากดังมาเป็นระยะๆ
“เอาน่า กินแต่ของอย่างนั้น แกถึงได้โทรมขนาดนี้”
“เฮ่ย ก็คนมันขาดแคลนนี่หว่า ว่าแต่.. ไอ้นนท์ แกชัวร์นะ ว่าเขาไม่ได้จ้างยามมาสกัดฉัน” เธอว่าพลางสูดน้ำมูกดังฟืดๆ
“มาถึงหน้าบ้านแล้วแกยังจะแหยงอีกเหรอวะ” อานนท์ส่ายหัว ก่อนจะยกมือขึ้นกดออกหน้าประตู
กิ๊ง..ก่อง~
“โห เสียงออดบ้านโคตรโบราณ” รินหลุดปากโพล่งออกมาหน้าตาเฉย ทั้งที่เคยได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง
“บ้านเขามีออดก็ดีแค่ไหนแล้ว เทียบกับรังหนูของแกแล้วคนละเรื่อง”
สรินดาเงื้อมือเตรียมจะยกขึ้นซัดคนที่เป็นเพื่อนซักทีสองที แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ลุงแก่ๆคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบสีฟ้า สวมหมวก ผูกเนคไทก็เปิดประตูผลัวะออกมา..
“ใครน่ะ ครั้งที่แล้วมา ไม่เห็นเจอ” สรินดากระซิบถามเพื่อนข้างกาย แล้วสั่งน้ำมูกใส่กระดาษทิชชู่ที่พกมาด้วย
“คงจะเป็นยามคนใหม่ล่ะมั้ง เห็นคุณเคนบอกว่าจะมาเริ่มงานวันนี้” อานนท์ว่า แล้วหยุดบทสนทนาลงเมื่อลุงแก่ๆก้าวเข้ามาใกล้
“ไอ้ เอ้อ คุณเคนอยู่ไหมคะ” สาวน้อยถามเสียงอู้อี้
“ .” ชายแก่คนนั้นยังคงเงียบ
“คุณยามครับ คุณเคนอยู่ไหมครับ” อานนท์ถามซ้ำ เผื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน
“ผมไม่ใช่ยาม ครับผม!” ชายในเครื่องแบบยืดตัวขึ้น ยกมือทำเครื่องหมายลูกเสือสำรองสองนิ้วใกล้ๆหมวก
“ตายแล้ว! คุณพ่อของคุณเคนเหรอคะ” สรินดายกมือไหว้ปะหลกๆ
“ผมเป็น ร.ป.ภ. รักษาความปลอดภัยครับผม!” เสียงตอบหนักแน่นราวภูมิใจที่เกิดมาเป็นอย่างยิ่ง
“แล้ว ร.ป.ภ. มันไม่ใช่ยามหรอกเหรอ” อานนท์ยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ
“ขอเราเข้าไปหาคุณเคนได้ไหมคะ คุณคนรักษาความปลอดภัย”
สิ้นประโยคของริน ชายแก่ส่งยิ้มกว้างโค้งให้หนึ่งครั้ง แล้วเดินนำเข้าไปภายในตัวบ้านหลังใหญ่
“คุณเคนครับ มีคนมาหาครับผม!”
“ใคร?” รัฐภูมิหรือคุณเคน โพล่งถามขณะที่สายตาจับจ้องไปยังโทรทัศน์จอยักษ์ที่กำลังฉายภาพของสัตว์ประหลาดที่กำลังถล่มเมืองให้ราบ เมื่อคำถามไม่ได้รับคำตอบ จึงหันมามองแขกผู้มาเยือน และถึงกับหลุดปากร้องลั่นไม่ทันตั้งตัว ทันทีเห็นเด็กสาวเจ้าของดร๊อปคิกภาค พิสดารซ้อนทับกับภาพที่เพิ่งละสายตามา
“เฮ้ย! ยัยก๊อตซิลล่า!”
“ไอ้ปากไม่เอนเตอร์เทน ก๊อตบ้านไหนออกจะสวยขนาดนี้!”
“..แกมาขอโทษเขานะไอ้ริน” อานนท์แอบกระซิบเบาๆ
“เออ ขอโทษ แต่ให้ตายสิ เห็นหน้านายนี่ฉันก็หมดอารมณ์จะขอโทษแล้ว” สรินดาพูดเสียงดังเหลือบมองใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำอันเกิดจากการกระทำของเธอเอง แล้วหันไปสั่งน้ำมูกดังฟืดฟาดอย่างไม่อายเจ้าของบ้าน
“นายนนท์! พายัยนี่มาบ้านฉันทำไม”
นาย รัฐภูมิ วชิรานินทร์...นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เจ้าของบริษัททัวร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยว และเตรียมที่จะเปิดกิจการใหม่ที่ต่างประเทศ ซึ่งพ่อและแม่ของเขากำลังดำเนินงานอยู่ จึงทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ตามลำพัง
ปกติแล้วเขาเป็นคนที่สุขุม และใช้เหตุผลในการคิดวิเคราะห์ในเรื่องต่างๆอยู่เสมอ ด้วยเอกลักษณ์ที่เป็นคนเงียบจึงทำให้มีสาวใหญ่สาวเล็กมารุมล้อมอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เขาไม่เคยคิดที่จะใส่ใจในเรื่องพวกนี้ ทั้งๆที่อายุก็ล่วงเลยเข้าสู่วัยเบญจเพสแล้ว
“อ้าวเฮีย พูดงี้ก็สวยดิ คนเขาอุตส่าห์มาขอโทษ ยังจะมาไล่กันอีก” เสียงที่ตอบกลับมาควรจะเป็นเสียงห้าวๆของชายหนุ่ม แต่กลับกลายเป็นเสียงใสๆของหญิงสาวคนข้างๆแทน... ผู้หญิงที่ไม่รู้จะเรียกว่าผู้หญิงได้หรือเปล่า และที่สำคัญ เธอเป็นผู้หญิงที่เขาไม่คิดจะต่อกรด้วย
...ให้ตายสิ! แผลเก่ายังไม่หายลางสังหรณ์ว่าแผลใหม่คงจะมาอีกแล้ว
“เอ่อ...คุณเคนครับ คือไอ้รินมันจะมาขอโทษที่ล่วงเกินคุณ ความจริงมันเข้าใจผิดแล้วก็ไม่ได้มีเจต - -”
“สรุปแล้วสรินดาจะมาขอโทษหรือนายจะมาขอโทษฉันกันแน่”
เอื๊อก! เจ้านายขัดแล้ว...มีหรือที่ลูกน้องจะไม่ทำตาม...
อานนท์หันไปมองหน้าสรินดา พลางส่งสายตาไล่ให้หญิงสาวพูดจุดประสงค์ที่มา
“แค่ขอโทษก็จบใช่มั้ย” สรินดาส่งเสียงไปถามอานนท์ หากแต่หน้าของเธอยังจับจ้องมองคุณเคนอยู่
“เอ่อ...คงใช่” อานนท์ตอบกลับด้วยเสียงที่เบากว่าเสียงคนถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“ก็ได้  ขอโทษ!” คำขอโทษทีเปล่งออกมาเหมือนจะผ่านแบบขอไปที แน่นอนว่าคนอย่างรัฐภูมิไม่ปล่อยให้ใครมาหยามซึ่งๆหน้าแน่ ปกติเขามักจะให้เกียรติกับผู้หญิง แต่ในความคิดของเขา... สรินดาไม่ใช่ผู้หญิง
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“นายอย่าเรื่องมากนักได้มั้ย รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องอะไร ยังจะตีหน้าเซ่อ ยังไงก็แล้วแต่ ฉันถือว่าฉันขอโทษแล้ว และฉันก็จะ - -“ หญิงสาวชะงักค้าง สายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมและแสงแดดอ่อนๆ.. “ให้ตายสิ นั่นมันอะไรน่ะ\"
หากเธอตาไม่ฝาด.. หากเธอไม่ได้ฝัน
ไกลออกไป ควันทมิฬลอยสูงขึ้นสู่ผืนนภาสีฟ้าใสเบื้องบน เสียงโหวกเหวกของคนในละแวกดังมาแว่วๆ แต่ที่ชัดเจนกว่าก็คือเสียงหวอของรถดับเพลิง
“..โอ้ พระเจ้า..” เสียงอุทานแผ่วเบา ปากอ้าค้าง ทำอะไรไม่ถูก จู่ๆร่างทั้งร่างก็สั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เมื่อแลเห็นทิศทางที่มาของควันโขมง
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เสียงประกาศข่าวขั้นรายการดังมาจากโทรทัศน์จอยักษ์ที่เปิดทิ้งไว้ก็เรียกความสนใจจากผู้ที่อยู่ในห้องให้หันไปดู
ภาพของอพาร์ตเมนต์เล็กๆแห่งหนึ่ง ปกคลุมด้วยควันดำทมิฬฟุ้งโขมงดังที่สรินดาเห็นจากนอกหน้าต่าง เปลวเพลิงลามเลียตัวอาคารที่ดูมอซอ และพนักงานดับเพลิงกำลังพยายามฉีดน้ำเพื่อสกัดกั้นไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
“เฮ้ย! รังหนูของแกนี่หว่าไอ้ริน”
“..บรรลัยแล้วไง..” สิ้นเสียงที่ฟังดูล่องลอย หญิงสาวผู้พักอาศัยใน ‘รังหนู’ แห่งนั้นก็ถลาร่างออกมาจากบ้านที่แสนโอ่อ่าหลังนั้นทันที
“เฮ้ย รอด้วยสิ ริน”
เหตุเกิดในละแวกบ้าน มีหรือที่เขาจะไม่สนใจ
บุรุษร่างสูงที่ยืนฟังรายละเอียดของข่าวอยู่ชั่วครู่ ไม่รอช้า รีบวิ่งตามไปทันที เมื่อเห็นท่าทางของแขกผู้มาเยือนถลันออกจากบ้านของตนโดยไม่กล่าวอำลา
อพาร์ตเมนต์ที่ว่านั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านวชิรานินทร์นัก เพียงยืนมองหน้าประตูรั้วหรูๆของบ้าน ก็มองเห็นเหตุการณ์ชุลมุนของพนักงานดับเพลิงได้ชัดเจนถนัดตา
เมื่อเห็นร่างผู้เป็นเจ้านายเข้ามาใกล้ อานนท์ที่รั้งร่างบางของเพื่อนสาวไว้อยู่ ก็โยนภาระให้เจ้านายรับต่อไปทันที
“คุณเคนฝากเพื่อนผมด้วย เดี๋ยวผมมา” พูดจบก็วิ่งหายลับไป
ร่างบอบบางยืนโอนเอนไร้เรี่ยวแรง นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง เรียกเท่าไรก็ไม่ได้สติ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ริมฝีปากแห้งผากซีดเผือดไร้สีสันพึมพำไม่เป็นภาษา
...ร้อน... ร้อน..น ร้อน..
อุณหภูมิในร่างกายที่สูงเอาการกลับทวีความร้อนมากยิ่งขึ้น
โลกทั้งโลกดูเหมือนจะหมุนคว้าง อาการวิงเวียนมึนศีรษะทำให้หญิงสาวพยายามหาหลักยึดไม่ให้ตนล้ม หากแต่เมื่อก้าวถอยหลังไปชนบุรุษร่างสูง...
โลกทั้งโลกก็พลันมืดมิด ดับสิ้นซึ่งแสงสว่าง แม้กระทั่งแสงจากเปลวเพลิงที่ลุกโชน
...เพียงความร้อนเท่านั้นที่ยังคงแผดเผา
                                                            ~**~..::-:-::-:-::-:-::..~**~
To Be Con..
โดยไม่ต้องผ่านการครุ่นคิดพิจารณาให้เนิ่นนาน สรินดาก็ตัดสินใจได้โดยนาย ‘เพื่อนรัก’ ลากสังขารที่ยังร่อแร่เอาการไปขออโหสิกรรมผู้เกือบจะได้เป็นเจ้านาย ณ บ้านหลังโตแสนโอ่อ่านาม ‘วชิรานินทร์’
“แกจะรีบมาทำไมเนี่ย ให้ฉันกินอะไรรองท้องก่อนก็ไม่ได้” เธอบ่นใส่เพื่อนข้างกายที่ทำให้เธออดลิ้มรสบะหมีกึ่งสำเร็จรูปที่เพิ่งต้มเสร็จหมาดๆ แต่ยังไม่ทันได้เอาเข้าปาก นายอานนท์ก็เริ่มหมดความอดทนกับความยืดยาดของเธอ ผลที่ได้คือเสียงโครกครากดังมาเป็นระยะๆ
“เอาน่า กินแต่ของอย่างนั้น แกถึงได้โทรมขนาดนี้”
“เฮ่ย ก็คนมันขาดแคลนนี่หว่า ว่าแต่.. ไอ้นนท์ แกชัวร์นะ ว่าเขาไม่ได้จ้างยามมาสกัดฉัน” เธอว่าพลางสูดน้ำมูกดังฟืดๆ
“มาถึงหน้าบ้านแล้วแกยังจะแหยงอีกเหรอวะ” อานนท์ส่ายหัว ก่อนจะยกมือขึ้นกดออกหน้าประตู
กิ๊ง..ก่อง~
“โห เสียงออดบ้านโคตรโบราณ” รินหลุดปากโพล่งออกมาหน้าตาเฉย ทั้งที่เคยได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง
“บ้านเขามีออดก็ดีแค่ไหนแล้ว เทียบกับรังหนูของแกแล้วคนละเรื่อง”
สรินดาเงื้อมือเตรียมจะยกขึ้นซัดคนที่เป็นเพื่อนซักทีสองที แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ลุงแก่ๆคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบสีฟ้า สวมหมวก ผูกเนคไทก็เปิดประตูผลัวะออกมา..
“ใครน่ะ ครั้งที่แล้วมา ไม่เห็นเจอ” สรินดากระซิบถามเพื่อนข้างกาย แล้วสั่งน้ำมูกใส่กระดาษทิชชู่ที่พกมาด้วย
“คงจะเป็นยามคนใหม่ล่ะมั้ง เห็นคุณเคนบอกว่าจะมาเริ่มงานวันนี้” อานนท์ว่า แล้วหยุดบทสนทนาลงเมื่อลุงแก่ๆก้าวเข้ามาใกล้
“ไอ้ เอ้อ คุณเคนอยู่ไหมคะ” สาวน้อยถามเสียงอู้อี้
“ .” ชายแก่คนนั้นยังคงเงียบ
“คุณยามครับ คุณเคนอยู่ไหมครับ” อานนท์ถามซ้ำ เผื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน
“ผมไม่ใช่ยาม ครับผม!” ชายในเครื่องแบบยืดตัวขึ้น ยกมือทำเครื่องหมายลูกเสือสำรองสองนิ้วใกล้ๆหมวก
“ตายแล้ว! คุณพ่อของคุณเคนเหรอคะ” สรินดายกมือไหว้ปะหลกๆ
“ผมเป็น ร.ป.ภ. รักษาความปลอดภัยครับผม!” เสียงตอบหนักแน่นราวภูมิใจที่เกิดมาเป็นอย่างยิ่ง
“แล้ว ร.ป.ภ. มันไม่ใช่ยามหรอกเหรอ” อานนท์ยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ
“ขอเราเข้าไปหาคุณเคนได้ไหมคะ คุณคนรักษาความปลอดภัย”
สิ้นประโยคของริน ชายแก่ส่งยิ้มกว้างโค้งให้หนึ่งครั้ง แล้วเดินนำเข้าไปภายในตัวบ้านหลังใหญ่
“คุณเคนครับ มีคนมาหาครับผม!”
“ใคร?” รัฐภูมิหรือคุณเคน โพล่งถามขณะที่สายตาจับจ้องไปยังโทรทัศน์จอยักษ์ที่กำลังฉายภาพของสัตว์ประหลาดที่กำลังถล่มเมืองให้ราบ เมื่อคำถามไม่ได้รับคำตอบ จึงหันมามองแขกผู้มาเยือน และถึงกับหลุดปากร้องลั่นไม่ทันตั้งตัว ทันทีเห็นเด็กสาวเจ้าของดร๊อปคิกภาค พิสดารซ้อนทับกับภาพที่เพิ่งละสายตามา
“เฮ้ย! ยัยก๊อตซิลล่า!”
“ไอ้ปากไม่เอนเตอร์เทน ก๊อตบ้านไหนออกจะสวยขนาดนี้!”
“..แกมาขอโทษเขานะไอ้ริน” อานนท์แอบกระซิบเบาๆ
“เออ ขอโทษ แต่ให้ตายสิ เห็นหน้านายนี่ฉันก็หมดอารมณ์จะขอโทษแล้ว” สรินดาพูดเสียงดังเหลือบมองใบหน้าที่มีรอยเขียวช้ำอันเกิดจากการกระทำของเธอเอง แล้วหันไปสั่งน้ำมูกดังฟืดฟาดอย่างไม่อายเจ้าของบ้าน
“นายนนท์! พายัยนี่มาบ้านฉันทำไม”
นาย รัฐภูมิ วชิรานินทร์...นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เจ้าของบริษัททัวร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยว และเตรียมที่จะเปิดกิจการใหม่ที่ต่างประเทศ ซึ่งพ่อและแม่ของเขากำลังดำเนินงานอยู่ จึงทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ตามลำพัง
ปกติแล้วเขาเป็นคนที่สุขุม และใช้เหตุผลในการคิดวิเคราะห์ในเรื่องต่างๆอยู่เสมอ ด้วยเอกลักษณ์ที่เป็นคนเงียบจึงทำให้มีสาวใหญ่สาวเล็กมารุมล้อมอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เขาไม่เคยคิดที่จะใส่ใจในเรื่องพวกนี้ ทั้งๆที่อายุก็ล่วงเลยเข้าสู่วัยเบญจเพสแล้ว
“อ้าวเฮีย พูดงี้ก็สวยดิ คนเขาอุตส่าห์มาขอโทษ ยังจะมาไล่กันอีก” เสียงที่ตอบกลับมาควรจะเป็นเสียงห้าวๆของชายหนุ่ม แต่กลับกลายเป็นเสียงใสๆของหญิงสาวคนข้างๆแทน... ผู้หญิงที่ไม่รู้จะเรียกว่าผู้หญิงได้หรือเปล่า และที่สำคัญ เธอเป็นผู้หญิงที่เขาไม่คิดจะต่อกรด้วย
...ให้ตายสิ! แผลเก่ายังไม่หายลางสังหรณ์ว่าแผลใหม่คงจะมาอีกแล้ว
“เอ่อ...คุณเคนครับ คือไอ้รินมันจะมาขอโทษที่ล่วงเกินคุณ ความจริงมันเข้าใจผิดแล้วก็ไม่ได้มีเจต - -”
“สรุปแล้วสรินดาจะมาขอโทษหรือนายจะมาขอโทษฉันกันแน่”
เอื๊อก! เจ้านายขัดแล้ว...มีหรือที่ลูกน้องจะไม่ทำตาม...
อานนท์หันไปมองหน้าสรินดา พลางส่งสายตาไล่ให้หญิงสาวพูดจุดประสงค์ที่มา
“แค่ขอโทษก็จบใช่มั้ย” สรินดาส่งเสียงไปถามอานนท์ หากแต่หน้าของเธอยังจับจ้องมองคุณเคนอยู่
“เอ่อ...คงใช่” อานนท์ตอบกลับด้วยเสียงที่เบากว่าเสียงคนถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“ก็ได้  ขอโทษ!” คำขอโทษทีเปล่งออกมาเหมือนจะผ่านแบบขอไปที แน่นอนว่าคนอย่างรัฐภูมิไม่ปล่อยให้ใครมาหยามซึ่งๆหน้าแน่ ปกติเขามักจะให้เกียรติกับผู้หญิง แต่ในความคิดของเขา... สรินดาไม่ใช่ผู้หญิง
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“นายอย่าเรื่องมากนักได้มั้ย รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องอะไร ยังจะตีหน้าเซ่อ ยังไงก็แล้วแต่ ฉันถือว่าฉันขอโทษแล้ว และฉันก็จะ - -“ หญิงสาวชะงักค้าง สายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมและแสงแดดอ่อนๆ.. “ให้ตายสิ นั่นมันอะไรน่ะ\"
หากเธอตาไม่ฝาด.. หากเธอไม่ได้ฝัน
ไกลออกไป ควันทมิฬลอยสูงขึ้นสู่ผืนนภาสีฟ้าใสเบื้องบน เสียงโหวกเหวกของคนในละแวกดังมาแว่วๆ แต่ที่ชัดเจนกว่าก็คือเสียงหวอของรถดับเพลิง
“..โอ้ พระเจ้า..” เสียงอุทานแผ่วเบา ปากอ้าค้าง ทำอะไรไม่ถูก จู่ๆร่างทั้งร่างก็สั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เมื่อแลเห็นทิศทางที่มาของควันโขมง
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เสียงประกาศข่าวขั้นรายการดังมาจากโทรทัศน์จอยักษ์ที่เปิดทิ้งไว้ก็เรียกความสนใจจากผู้ที่อยู่ในห้องให้หันไปดู
ภาพของอพาร์ตเมนต์เล็กๆแห่งหนึ่ง ปกคลุมด้วยควันดำทมิฬฟุ้งโขมงดังที่สรินดาเห็นจากนอกหน้าต่าง เปลวเพลิงลามเลียตัวอาคารที่ดูมอซอ และพนักงานดับเพลิงกำลังพยายามฉีดน้ำเพื่อสกัดกั้นไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
“เฮ้ย! รังหนูของแกนี่หว่าไอ้ริน”
“..บรรลัยแล้วไง..” สิ้นเสียงที่ฟังดูล่องลอย หญิงสาวผู้พักอาศัยใน ‘รังหนู’ แห่งนั้นก็ถลาร่างออกมาจากบ้านที่แสนโอ่อ่าหลังนั้นทันที
“เฮ้ย รอด้วยสิ ริน”
เหตุเกิดในละแวกบ้าน มีหรือที่เขาจะไม่สนใจ
บุรุษร่างสูงที่ยืนฟังรายละเอียดของข่าวอยู่ชั่วครู่ ไม่รอช้า รีบวิ่งตามไปทันที เมื่อเห็นท่าทางของแขกผู้มาเยือนถลันออกจากบ้านของตนโดยไม่กล่าวอำลา
อพาร์ตเมนต์ที่ว่านั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านวชิรานินทร์นัก เพียงยืนมองหน้าประตูรั้วหรูๆของบ้าน ก็มองเห็นเหตุการณ์ชุลมุนของพนักงานดับเพลิงได้ชัดเจนถนัดตา
เมื่อเห็นร่างผู้เป็นเจ้านายเข้ามาใกล้ อานนท์ที่รั้งร่างบางของเพื่อนสาวไว้อยู่ ก็โยนภาระให้เจ้านายรับต่อไปทันที
“คุณเคนฝากเพื่อนผมด้วย เดี๋ยวผมมา” พูดจบก็วิ่งหายลับไป
ร่างบอบบางยืนโอนเอนไร้เรี่ยวแรง นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง เรียกเท่าไรก็ไม่ได้สติ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ริมฝีปากแห้งผากซีดเผือดไร้สีสันพึมพำไม่เป็นภาษา
...ร้อน... ร้อน..น ร้อน..
อุณหภูมิในร่างกายที่สูงเอาการกลับทวีความร้อนมากยิ่งขึ้น
โลกทั้งโลกดูเหมือนจะหมุนคว้าง อาการวิงเวียนมึนศีรษะทำให้หญิงสาวพยายามหาหลักยึดไม่ให้ตนล้ม หากแต่เมื่อก้าวถอยหลังไปชนบุรุษร่างสูง...
โลกทั้งโลกก็พลันมืดมิด ดับสิ้นซึ่งแสงสว่าง แม้กระทั่งแสงจากเปลวเพลิงที่ลุกโชน
...เพียงความร้อนเท่านั้นที่ยังคงแผดเผา
                                                            ~**~..::-:-::-:-::-:-::..~**~
To Be Con..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น