คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Gentle {MyungYeol} by Raindeer
Gentle
Couple : Kim Myungsoo x Lee Sungyeol
Rate : PG-13
Author : Raindeer
...หิมะสีขาวที่อ่อนนุ่ม บริสุทธิ์
ก็เหมือนความรักของคนสองคน...
ดวงตากลมโตจ้องมองปฏิทินตั้งโต๊ะใกล้ๆมือด้วยสายตาเหนื่อยล้า วันนี้คือวันที่ 24 ธันวาคม ค่ำคืนก่อนการฉลองเทศกาลาแห่งความสุขหรือที่เรียกกันว่า “คริสมาสต์อีฟ” วันก่อนเทศกาลคริสมาสต์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของต้นสนใหญ่ๆใบสีเขียวทรงสามเหลี่ยมและหิมะสีขาวที่โปรยปรายบนท้องถนน
“คริสมาสต์...”น้ำเสียงนุ่มพึมพำเบาๆในลำคอ ใบหน้าหวานหันเหออกไปนอกหน้าต่างที่เป็นกระจกใส เกล็ดหิมะมากมายโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน งดงามแต่ในสายตาของคนตัวเล็กที่นั่งจดจ้องมันอยู่กลับดู โดดเดี่ยวและเงียบเหงา
เสียงโทรศัพท์คู่ใจดังระงมท่ามกลางความเงียบของบ้านหลังเล็กใจกลางเมืองหลวงของเกาหลีใต้ “โซล” ที่ใครหลายคนปรารถนาที่จะได้เหยียบย่ำมาที่แห่งนี้สักครั้ง ดินแดนของนักร้อง ศิลปินที่โด่งดังไปไกลจนคาดไม่ถึง รวมทั้งยังเป็นดินแดนที่ถือว่างดงามมากอีกด้วย
“ขอโทษนะซองยอล วันนี้ฉันปลีกตัวไปไม่ได้เลย คืนนี้คงไม่กลับนะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้านไปฉลองกับนาย ฉันสัญญา...”เสียงทุ้มต่ำดังลอดสายเครื่องมือสื่อสารขนาดจิ๋วในมือคู่เรียว ยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป อีกฝ่ายก็วางสายไปเสียดื้อๆ
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จะขอโทษทำไม...”ซองยอลถอนหายใจแผ่วเบา วางโทรศัพท์คู่ชีพไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินออกไปหาอะไรดื่มดับอารมณ์ร้อนๆของตัวเองในห้องครัว
...อีซองยอลเป็นคนแบบนี้ ไม่เคยว่าอะไรคิมมยองซู แต่ปากไม่ว่า...ใช่ว่าใจจะไม่คิด...
หากนับเวลามันคงเนิ่นนานหลายปีที่เดียวที่อีซองยอลและคิมมยองซูตัดสินใจคบหากันจริงๆจังๆ แต่สองปีให้หลังเสน่ห์ที่แสนมากมายของมยองซูกลับดึงดูดแมวมองมากหน้าหลายตา จนในที่สุด คิมมยองซูคนธรรมดาก็กลายเป็นนายแบบชื่อดัง โลดแล่นอยู่บนเส้นทางแห่งสีสันและความบันเทิง พบเจอคนดังมากหน้าหลายตาในทุกวัน
ในสายตาของคนทั่วไป การเป็นคนดัง เป็นไอดอลมันคงจะดี แต่หากในสายตาของซองยอลมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด เวลาที่เคยมีให้กันเป็นวันๆกลับลดลงเรื่อยๆจนตอนนี้มันไม่มีเหลืออีกแล้ว มีเพียงแค่เสียงทุ้มต่ำที่ลอดตามสายโทรศัพท์มาให้ชื่นใจบ้างเท่านั้น ยิ่งมยองซูดังมากเท่าไหร่ เวลาของซองยอลก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น มันเป็นเหมือนสิ่งที่ตอบแทนซึ่งกันและกัน ชื่อเสียงกับเงินแลกมาด้วยความสัมพันธ์ของคนสองคนและเวลาอันมีค่าพวกนั้น
ใบหน้าหวานสวยยับยู่ยี่เมื่อหันไปทางไหนก็เจอแต่หน้าคนใจร้ายที่วันๆเอาแต่ทำงาน ถ่ายแบบ ให้สัมภาษณ์นักข่าวหรืออะไรทำนองนั้น ในบ้านหลังเล็กแบบนี้เมื่อก่อนเคยอยู่ด้วยกันสองคนตลอดเวลาแต่ตอนนี้มันเหลือแค่ซองยอลคนเดียว จากที่เคยอบอุ่นกลายเป็นว่ามันเงียบเหงาเกินไปจริงๆ เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง สองมือคว้าเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ สองขายาวๆก้าวออกจากบ้านหลังเล็ก มุ่งหน้าไปห้างสรรพสินค้าที่ไม่ห่างไกลจากที่นี่มากนัก
ลมเย็นปะทะใบหน้าที่แม้ว่าจะหลบซ่อนด้วยหมวกไหมพรมมากแค่ไหนแต่ก็หนีไม่พ้นละอองความเย็นในอากาศอยู่ดี ฝ่ามือสองข้างล้วงเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บจากภายนอก รอบข้างมีแต่หิมะสีขาวสว่าง ถึงแม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดมิดแต่แสงไฟจากอาคารบ้านเรือนตามทางก็สว่างมากพอให้ซองยอลได้เห็นหิมะบนทางเท้า
ทันทีที่ซองยอลก้าวเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน ความหนาวเย็นก็หายไปเกือบหมด มีเพียงความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ ดวงตาคู่โตกวาดมองรอบๆเพื่อหาของที่ต้องการ ก่อนที่ขาสองข้างจะก้าวตรงไปตามที่ใจคิด ต้นสนสีเขียวสดขนาดเล็กประดับประดาไปด้วยเส้นสายรุ้งและกระดิ่ง กล่องของขวัญเล็กๆมากมาย มันน่ารักมากทีเดียวในสายตาของซองยอล
คิมมยองซูชอบของจุกจิกที่ขนาดเล็กๆแต่น่ารักน่าชัง ต้นสนน้อยๆต้นนี้เลยเข้าตาซองยอลมากที่สุด ถึงมันจะต้นเล็กนิดเดียวแต่หากประดับประดาดีๆแล้ว มันก็สวยไม่แพ้ต้นสนใหญ่ๆเหมือนกัน สุดท้ายต้นไม้พลาสติกรูปสามเหลี่ยมก็ลงไปอยู่ในถุงของห้างชื่อดังที่ซองยอลเดินเล่นอยู่จนได้ พร้อมกับของตกแต่งเล็กๆน้อยๆอีกสองสามอย่าง เมื่อได้ของที่ต้องการ ขายาวๆของซองยอลก็ก้าวฉับๆออกจากตึกขนาดใหญ่ที่แสนอบอุ่น มุ่งหน้ากลับสู่บ้านของตนเอง ที่ผู้อยู่อาศัยในคืนนี้มีแค่เขาคนเดียว...
นอนไม่หลับ...นั่นคือสิ่งที่ทำให้ซองยอลยังคงกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงขนาดสองคนนอนสบายแบบนี้ ดวงตาคู่โตจ้องมองเพดานห้องด้วยความเหนื่อยหน่าย เป็นแบบนี้เสมอเมื่อมยองซูไม่ได้กลับมานอนด้วย ที่ข้างๆว่างเปล่านั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ซองยอลดีใจด้วยซ้ำที่เตียงกว้างจะเป็นของเขาแค่คนเดียว ไม่ต้องนอนเบียดกับมยองซูที่เอาแต่กดหน้าหวานๆให้ซุกลงบนอก แต่มันกลับแปลกที่ไม่ได้นอนซุกอกของใครคนนั้น ทุกครั้งที่มยองซูไม่กลับบ้าน ซองยอลจะเป็นแบบนี้เสมอ
แสงจากหน้าจอโทรศัพท์คู่ใจวูบวาบทำเอาเจ้าของลุกไปคว้ามันขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเกือบตกเตียง ข้อความสั้นๆที่คนบางคนส่งมาให้ทั้งที่ตอนนี้เข็มนาฬิกาก็ชี้เลข12ไปแล้ว แน่นอนว่าถ้าเป็นคนอื่นซองยอลคงส่งข้อความไปด่ากลับ ด้วยเวลาที่ดึกขนาดนี้หากจะส่งมาก็ช่วยคิดถึงมารยาทบ้าง แต่คนที่ส่งกลับเป็นคนที่กำลังคิดถึงอยู่มันเลยเป็นข้อยกเว้น ข้อความสั้นๆที่ทำเอาซองยอลยิ้มหน้าบานก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย หลับตาลงก้าวเท้าเข้าไปในโลกแห่งความฝันอันแสนหวานอย่างรวดเร็ว
...ข้อความสั้นๆจากคิมมยองซูที่ส่งมาเพียงคำว่า ‘ฝันดี’....
แสงแดดแรงๆจากดวงอาทิตย์สาดส่องลอดผ้าม่านสีครีมเข้ามาถึงคนที่เอาแต่นอนหลับสบายบนเตียงไม่ยอมลุกไปไหน แน่นอนว่าวันนี้เป็นวันคริสมาสต์เรื่องทำงานจึงไม่ต้องพูดถึง มันเป็นวันหยุด ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเตียงนอนที่แสนนุ่มนิ่มอย่างไม่ยินยอมนัก แต่เพราะวันนี้มยองซูบอกว่าจะกลับมาหาถึงได้ต้องรีบลุกจัดเตรียมงานประจำปีที่ฉลองแค่พวกเขาสองคนเอาไว้ล่วงหน้า
ห้องนั่งเล่นที่เดิมทีก็ไม่ได้กว้างมากนักเมื่อจัดเสริมเติมแต่งเข้าไปทำให้พื้นที่ที่มีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งน้อยลงอีกเป็นเท่าตัว ยังดีที่ทางเดินยังไม่ได้โดนเบียดเบียนไปด้วยเท่าไหร่ ช่วงเวลากว่าครึ่งวันที่ซองยอลเอาแต่ปีนขึ้นบนเพดานเพื่อเอาสายรุ้งเจ้าปัญหาขึ้นไปติดทำเอาเจ้าตัวถึงกับหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน และแน่นอนว่าเกือบตกลงพื้นมาหลายรอบจนซองยอลไม่อยากจะปีนขึ้นไปอีก
“เหยียบเก้าอี้หมิ่นแบบนี้เดี๋ยวก็ตกลงมาพอดีหรอก”คำพูดสั้นๆที่แสนเรียบง่ายแต่แฝงเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงดังขึ้นจากประตูบ้านที่ปิดลงอย่างเงียบเชียบพร้อมกับคนที่อยากเจอมาหลายวันที่ถอดแว่นตาสีดำสนิทและหมวกไหมพรมสีน้ำตาลเข้มออกจากศีรษะ
“คิดถึงจัง!”ซองยอลกระโดดลงจากเก้าอี้ด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งเข้าไปสวมกอดคนรักด้วยความคิดถึงตามที่พูด ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้ดีถึงนิสัยเด็กน้อยของซองยอล จึงอ้าแขนออกกว้างเพื่อรับอ้อมกอดจากคนตัวบางกว่า
“รู้แล้วๆ จัดงานไปถึงไหนแล้วล่ะ ฝีมือใช้ได้เลยนะซองยอล...”ดวงตาคมกวาดมองบรรยากาศห้องนั่งเล่นที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากพอสมควรด้วยความชื่นชม สายรุ้งบนเพดานหลายเส้นที่แม้จะติดแบบมั่วๆแต่มันก็ไม่ได้ดูแย่อะไรนัก
“ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ เหลือแค่พวกอาหาร แล้วก็ตกแต่งต้นคริสมาสต์น่ะ”ซองยอลยิ้มแย้มสดใส ก่อนจะคว้าสายรุ้งที่ห้องต่องแต่งเพราะก่อนหน้านี้ซองยอลติดมันได้แค่ข้างเดียว แต่พอจะติดข้างที่สองมยองซูก็ดันเข้ามาพอดีทำให้ซองยอลกระโดดลงจากเก้าอี้ไปหาคนหน้าหล่อแทนที่จะติดสายรุ้งต่อให้เสร็จ
“มานี่มา...ฉันทำเอง นายน่ะเอาของกินพวกนี้ไปเก็บก่อนดีกว่า”มยองซูยื่นถุงสีใสที่ภายในบรรจุเค้กก้อนโตเอาไว้ให้กับซองยอล ก่อนจะคว้าสายรุ้งในมือบางมาถือเอาไว้เอง ถอดเสื้อนอกตักโตที่แสนหนักโยนไปพาดเอาไว้กับโซฟาใกล้ๆ สะบัดผมที่ปรกตาสองสามที ก่อนจะปีนเก้าอี้ขึ้นไปติดสายรุ้งแทนด้วยความคล่องแคล่ว
“คริสมาสต์ใครเขากินเค้กกัน...”ซองยอลบ่นงึงงำตามประสาพลางยกกล่องเค้กขึ้นมาจ้องมองในสายตาด้วยความไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยอมเอาของกินสิ่งนี้ไปเก็บให้แต่โดยดี
“ก็แฟนคลับเอามาให้กับมือเลยนี่นา ไม่กินก็เสียน้ำใจแย่สิ แต่ว่าวันนี้ฉันอยู่กับนายทั้งวันตามสัญญานะ”เรียวแขนแข็งแรงของคนที่น่าจะยังวุ่นวายติดสายรุ้งด้านนอกสวมกอดเข้ากับเอวบางอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่กระซิบข้างหู
“เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่หรอก แล้วติดสายรุ้งเสร็จแล้วหรือไงกัน เร็วไปหน่อยมั้ง?”ซองยอลยัดกล่องเค้กเข้าตู้เย็นก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับมยองซูที่ยิ้มแย้มเหมือนคนบ้า หัวคิ้วเรียวสวยขมวดติดกันด้วยความสงสัย
“ก็นายช้าเองนี่ ฉันติดสายรุ้งมาทุกปีฉันก็ต้องทำเสร็จเร็วอยู่แล้ว ใครจะเหมือนนายล่ะตั้งครึ่งวันก็ยังไม่เสร็จ จริงไหมล่ะ?”มยองซูหยิกแก้มนิ่วเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะลากซองยอลออกไปที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
“มาตกแต่งต้นคริสมาสต์ที่นายซื้อมากัน”
ต้นไม้พลาสติกสีเขียวสดใสต้นเล็กๆถูกวางลงกับโต๊ะกลางห้องที่ตอนนี้มันโล่งกว้าง โซฟาที่เคยตั้งอยู่กลับย้ายตำแหน่งไปวางอยู่นอกระเบียงแทน ทั้งมยองซูและซองยอลต่างช่วยกันติดกล่องของขวัญและกระดิ่งลงบนต้นคริสมาต์ด้วยความเพลิดเพลิน มันเป็นความเคยชินของพวกเขาทั้งสองคน
ไม่ว่างานจะยุ่งมากแค่ไหน แต่วันคริสมาสต์จะเป็นวันเดียวที่คิมมยองซูไม่ยอมรับงานใดๆและวันนั้นทั้งวันจะต้องมาอยู่กับซองยอล ทุกปีมยองซูจะเป็นคนติดสายรุ้งบนเพดานให้ ส่วนซองยอลก็จัดจัดของเล็กๆน้อยๆด้านล่างไปรวมทั้งเตรียมของกินเอาไว้ด้วย เมื่อต่างฝ่ายต่างเสร็จงานของตัวเอง พวกเขาทั้งคู่ก็จะนั่งลงช่วยกันตกแต่งต้นคริสมาต์เล็กๆด้วยความสุขใจ มันเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ปีแรกที่มยองซูและซองยอลฉลองคริสมาสต์ด้วยกันจนกระทั่งถึงวันนี้ที่ครบรอบปีที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจรู้ได้เลย มันอาจจะนานเกินกว่าที่ทั้งคู่จะจำได้
“มืดแล้ว...”คำพูดสั้นๆของซองยอลและรอยยิ้มหวานทำเอามยองซูเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ก่อนที่ซองยอลจะปลีกตัวเข้าไปหยิบเค้กในห้องครัวออกมา ตัดแบ่งมันเป็นชิ้นเล็กๆพร้อมกับน้ำหวานสองแก้ว
“ไหนบอกว่า ไม่มีใครเขาฉลองคริสมาสต์ด้วยเค้กกันล่ะ แล้วเดินถือมาทำไม?”มยองซูยิ้มแย้มเจ้าเล่ห์พลางจ้องมองซองยอลที่หน้ายับยู่ยี่ด้วยความขบขัน สองมือรับน้ำหวานของจานขนมเค้กจากซองยอลมาวางเอาไว้บนโต๊ะตัวเล็กๆที่ใช้มันตั้งวางต้นคริสมาสต์
โซฟาที่ถูกลากออกมาไว้ที่ริมระเบียงกับโต๊ะตัวเล็กที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโซฟาอีกทีทำเอาทั้งคู่ยิ้มแย้มด้วยความสุขใจ คนสองคนนั่งเล่นอยู่ตรงนั้นทั้งที่น้ำค้างก็ไม่ได้น้อยเลยสักนิด โชคยังดีที่หลังคายังคงเผื่อแผ่ออกมาปิดบังหิมะเอาไว้ไม่ให้ตกลงมาโดนพวกเขา
“ดาวยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ...”ซองยอลพึมพำเบาๆ ใบหน้าหวานใสประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ที่มยองซูชื่นชอบมันนักหนา สองมือกระชับผ้าห่มที่คลุมร่างสองร่างเอาไว้ให้แน่นขึ้นอีกนิด ใบหน้าหวานๆซบลงหับไหล่กว้างของมยองซูที่เอนตัวพิงโซฟาด้วยท่วงท่าที่ดูสบาย
“นายก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเหมือนกัน...”มยองซูกระชับอ้อมแขนข้างหนึ่งที่ใช้โอบเอวบางของซองยอลให้แน่นขึ้นอีกนิด ฝังจมูกลงบนแก้มนิ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ไม่ดีหรือไงที่ฉันไม่เปลี่ยนไปน่ะ...”
“ดีแล้วล่ะ เพราะฉันเองก็ยังรักนายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...เหมือนกับที่นายก็ยังรักฉัน”
คนสองคนนั่งซุกซบกันบนโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ริมระเบียงกับต้นคริสมาสต์เล็กๆที่ประดับประดาเอาไว้อย่างสวยงาม ความหนาวเย็นของบรรยากาศรอบกายกลับหายไปเพียงแค่มีอ้อมแขนของคนที่รักสุดหัวใจโอบกอดอยู่ และผ้าห่มผืนใหญ่ที่ห่มคลุมคนสองคนเอาไว้ในผืนผ้าเดียวกัน จานเค้กว่างเปล่าและแก้วน้ำสีใส ไม่มีใครสนใจมันอีกแล้ว ความสนใจทั้งหมดถูกดึงไปอยู่ที่ดวงดาวนับล้านบนท้องฟ้าที่แสนมืดมิด
“มยองซู...”ซองยอลเอ่ยปากเรียกคนที่โอบกอดเขาเอาไว้เบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงตาคู่คมด้วยความไม่มั่นใจนัก ทั้งที่ความเป็นจริงมันไม่สมควรจะมีความรู้สึกแบบนี้เลย
“คริสมาสต์ปีอื่นๆน่ะ... มันจะเป็นแบบนี้ต่อไปใช่ไหม...มันจะมีแค่ฉันกับนายสองคนใช่ไหม?”
“ทำไมถึงถามแบบนั้น เพราะข่าวที่นายอ่านจากหนังสือพิมพ์เหรอ?”มยองซูลูบเว้นผมนิ่มแผ่วเบา ส่งผ่านความอบอุ่น อ่อนโยนให้กับเด็กน้อยในอ้อมแขนที่กำลังหวั่นไหวกับเรื่องที่คนบางคนกุมันขึ้นมาเพียงเพื่อทำให้มีคนสนใจตนเองโดยใช้เขาเป็นเครื่องมือ
“ฉันแค่อยากฟังจากปากนาย...ก็แค่นั้น...ฉันแค่อยากฟังว่า ความรักของเราจะเป็นเหมือนเดิมไม่ว่าจะปีไหนๆก็ตาม...”ซองยอลซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง อาการออดอ้อนที่ไม่ค่อยได้แสดงออกมากนัก เพราะซองยอลจะอ้อนเมื่อไม่มั่นใจอะไรเท่านั้นและนั่นหมายความว่าจิตใจของอีซองยอลกำลังเปราะบางมากถึงที่สุด
“นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยผิดสัญญา และสัญญาเมื่อเจ็ดปีก่อนฉันก็ยังไม่ลืม สัญญาที่ฉันบอกว่า จะรักนายเท่าที่ลมหายใจของฉันยังคงอยู่ จำมันได้ไหม..”มยองซูเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า รำลึกถึงความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว คำสัญญาแรกที่เขาเคยให้กับซองยอลในวันที่ตัดสินใจคบหากันจริงจัง
“จำได้...ฉันจำได้...วันนี้และวันข้างหน้ามันจะยังคงเหมือนเดิม ฉันเชื่ออย่างนั้น เพราะนายไม่เคยผิดสัญญา...”ซองยอลยิ้มหวานด้วยความเชื่อใจ ตอบแทนความรักความอบอุ่นที่ได้รับจากอ้อมกอดของมยองซูด้วยอ้อมกอดของตนเอง
...ไม่ว่าจะคริสมาสต์ไหนๆ เที่ยงคืนของวันนั้นก็จะจบลง
ด้วยอ้อมกอดอบอุ่นของคนทั้งคู่บนโซฟาริมระเบียง...
TALK
เนื้อเรื่องช่างแสนสั้น...สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ raindeer ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านทึกคน ไม่ว่าจะเม้นหรือไม่ก็ตาม ฟิคเรื่องนี้อยู่ในโปรเจ็คฉลองคริสมาสต์ เนื้อหาอาจจะดูไร้สาระเอามากๆ เพราะเราเองไม่ได้ใส่รายละเอียดของเหตุการณ์ไปมากมายเท่าไหร่ แต่เราอยากให้ผู้อ่านทุกท่านได้สัมผัสกับความอ่อนหวาน บริสุทธิ์ของความรัก เหมือนกับหิมะสีขาวๆที่บริสุทธิ์และดูนุ่มนวลเวลาที่มันโปรายปรายลงมาจากท้องฟ้า อารมณ์ประมาณนั้นแหละค่ะ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักอ่านหรือนักเขียนที่ร่วมโปรเจ็คด้วยกันทุกท่าน ขอให้คริสมาสต์นี้มีแต่ความสดใสนะคะ ^^
ความคิดเห็น