ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ] กระชากหัวใจยัยบอดี้การ์ด [KiHae KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 หมาปีศาจ

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 57


    บทที่ 3

     
                    Proceed By ดงเฮ
                    ฉันเดินออกมาจากห้องครัวเมื่อได้ยินเสียงรถจอดอยู่หน้าบ้าน ใครมาอีกล่ะเนี๊ย -0-
                    “ซองมิน
    ~ แกเป็นไงบ้าง”
                    ยังไม่ทันที่ฉันจะได้วางตะหลิว (ไม่รู้ว่าฉันจะถือมาทำไม) ดงเฮก็วิ่งเข้ามาสวมกอดฉันด้วยความรักใคร่ แต่ฉันคิดว่าถ้านายนี่กอดฉันนานกว่านี้ฉันต้องกระดูกหักแน่ๆเลย
    T^T
                    “ฉันไม่เป็นไร ^_^
                    “แน่ใจนะ
    ! นายฮงกิจอมเจ้าเล่ห์นั่นไม่ได้ทำอะไรแกแน่นะ”
                    “อืม เขาไม่ได้ทำ”
                    “อ่า
    ~ ค่อยสบายใจหน่อย ว่าแต่มีอะไรกินบ้างอ่ะ ><
                    “มีเยอะแยะเลย ลองเข้าไปดูในครัวสิ”
                    “นี่นาย
    ! จะกินข้าวกับพวกเรามั้ย”
                    ฉันทำหน้างงเมื่อเห็นดงเฮชะโงกหน้าไปคุยกับใครที่หน้าบ้านก็ไม่รู้ นายนี่คุยกับใครน่ะ เจ้าที่หรอ
    O.o อะไรกัน ฉันอยู่บ้านนี้มา 19 ปี ยังไม่เคยเจอท่านเลยนะ ><
                    “ข้าวหรอ ฉันไม่อยากกินอ่ะ”
                    เจ้าที่พูดและเดินเข้ามาในบ้าน แต่เอ๊ะ หล่อๆ สูงๆ หน้าหวานๆแบบนี้ฮงกินี่นา ไม่ใช่เจ้าที่แบบที่ฉันคิดซะหน่อย - -
                    “แล้วฮงกิอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันทำให้
    ^_^
                    ฉันพูดและยิ้มให้กับเขา ฮงกิหันมามองหน้าฉันและยิ้มแบบแปลกๆ ฉันว่ามันดูน่ารักแบบเจ้าเล่ห์ๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ
                    “ฉันอยากกิน...กระต่าย 
    : )”
                    “
    O.o!<<< หน้าฉัน
                    “ฮงกิ อยากตายหรอ
    !
                    ดงเฮหันไปพูดกับฮงกิด้วยน้ำเสียงอาฆาต
                    “อะไรกัน ฉันบอกว่าอยากกินกระต่าย ไม่ได้บอกว่าอยากกินซองมินซะหน่อย
    :D
                    “แล้วปกตินายกินเนื้อกระต่ายหรือไง -*-”
                    “ไม่รู้สิ อยากลองกินดูเหมือนกัน
    :D
                    “นี่นาย
    ! ออกไปเลยไป --*--”
                    คือว่า...ตลอดเวลาที่ฮงกิคุยกับดงเฮน่ะ ฉันอยากจะบอกว่าสายตาเขาไม่ได้มองไปที่ดงเฮเลย สายตาของเขามองมาที่ฉันตลอดเลยอ่ะ แล้วดูแววตาของเขาสิ เหมือนเสือชีตาร์จ้องจะขย่ำกระต่ายเลย (แน่นอนว่าฉันคือกระต่ายตัวนั้น
    T^T)
                    “ไม่เอาน่าด๊อง ฮงกิเขาแค่พูดเล่น
    ^^
                    ฉันหันไปบอกดงเฮ (และพยายามปลอบใจตัวเองด้วย - -)
                    “เข้ามาก่อนสิ ฮงกิ”
                    ฉันละสายตาจากดงเฮและหันไปพูดกับฮงกิที่ยืน (มองฉัน) อยู่หน้าประตูบ้าน
                    “2 คน คุยกันไปก่อนนะ ฉันไปเก็บกระเป๋าก่อน เออนี่ฮงกิ
    ! ขอย้ำนะว่าแค่คุย -*-”
                    “คร๊าบบบบบ”
                    “เดี๋ยวสิด๊อง
    ! เก็บกระเป๋าไปไหน!
                    ฉันตะโกนถามดงเฮที่วิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน -0- ให้ตายสิ จะรีบไปไหนนะ
                    “เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังก็ได้”
                    ฉันพยักหน้าและเดินนำฮงกิไปที่โซฟาและนั่งลง ฮงกินั่งลงตรงข้ามกับฉันและเริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้ฉันฟัง ซึ่งฉันฟังแล้วก็จับใจความได้ประมาณว่า ดงเฮได้งานใหม่แล้ว ซึ่งก็คือการเป็นบอดี้การ์ดให้กับมาเฟีย ซึ่งอันนี้ฉันก็พอรู้จากพี่่บอม...เอ่อชั่งเถอะ เอาเป็นว่าฉันพอรู้แล้วแหละ แต่ที่มันเหนือความคาดหมายของฉันก็คือดงเฮต้องย้ายไปอยู่บ้านเดียวกันกับพวกมาเฟีย (แน่นอนว่าความปลอดภัยของดงเฮเป็น 0) และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือดงเฮต้องย้ายไปเรียนมหาลัยไบร์ซิสเตอร์ แน่นอนว่ามหาลัยนั้นราคาค่าเทอมแพงเป็นหลักล้านชัวป์ๆ แต่ฉันจะไม่ตกใจขนาดนี้เลยถ้าฮงกิไม่บอกว่าฉันและคยูฮยอนจะต้องย้ายไปอยู่ด้วย เรื่องค่าเทอมฉันไม่ค่อยเครียดหรอก เพราะครอบครัวของฉันกับคยูฮยอนก็พอจะจ่ายไหวอยู่แล้วแต่ที่ฉันไม่ชอบก็คือสังคมใหม่ๆน่ะ ฉันไม่ชอบการต้องมานั่งปรับตัวใหม่ ฉันเป็นคนเข้ากับคนค่อนข้างจะยากน่ะ
                    “ทำไมด๊องขึ้นไปนานจังเลยนะ”
                    ฉันบ่นพึมพำๆพลางเหลือบมองไปที่บันไดเป็นระยะๆ
                    “เดี๋ยวฉันขอขึ้นไปตามด๊องก่อนนะ”
                    “ลงมาเร็วๆนะครับ คิดถึง
    : )”
                    “
    O///o
                    ฉัน (พยายาม) ไม่สนใจชายหนุ่มที่นั่งหน้าหล่อเหมือนมีร์ เอ็มแบล็ค และวิ่งขึ้นไปบนบันไดด้วยความรวดเร็ว เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ของฮงกิดังไล่หลังฉันขึ้นมา บ้าที่สุดเลย ฉันก็เขินนะ -///-
                   
    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                    Proceed By ดงเฮ
                    ฉันมองซองมินที่เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางประหม่า แล้วไหนจะหน้าที่แดงๆเหมือนลูกตำลึงสุกนั่นอีก
                    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ -*-”
                    “อะ...อะไรหรอ -///-”
                    “ทำไมแกหน้าแดง ฮงกิทำอะไรแก
    !
                    “เปล่านะ แล้วนั่นจะไหนน่ะด๊อง 
    O.o
                    “ก็จะไปฆ่ามันน่ะสิ
    !
                    หนอย
    ! อีตาบ้าฮงกิ ไอจอมกระล่อน ฉันไม่น่าปล่อยให้ซองมินอยู่กับนายนั่น 2 ต่อ 2 เลย คอยดูเถอะ ฉันจะเตะก้นนาย แล้วก็ควักลูกตาออกมาย่างจากนั้นก็จะใช้ไม้ปิงปองเสิร์ฟแบบโฟร์แฮนให้มันกระเด็นออกนอกโลกไปเลย!
                    “เปล่านะด๊อง! ฮงกิเขาไม่ได้ทำอะไรฉัน ><
                    “แล้วทำไมแกหน้าแดง -*-”
                    “กะ...ก็..ก็อากาศมันร้อนน่ะ”
                    “แน่ใจนะ - -”
                    “อืม
    !
                    “- -”
                    “เก็บของเสร็จแล้วหรอ เดี๋ยวฉันช่วยยกลงไปนะ”
                    “อืม”
                    ฉันพยักหน้าและยกกระเป๋าของตัวเองขึ้น ซองมินก็พยายามมาช่วยฉันยกแต่ว่าเค้ายกไม่ขึ้นฉันก็เลยบอกให้เดินไปเปิดประตูให้กับฉันแทน ฉันก้าวลงบันไดไปไม่กี่ก้าวฮงกิก็เดินขึ้นมาจับมือข้างที่กำลังยกกระเป๋าของฉันเอาไว้ ย้ำนะว่าจับมือ -*-
                    “ปล่อยมือเลยนะ ถ้าไม่อยากกระเด็นตกลงไป”
                    “ฉันมาช่วยนายยกนะ นายนั่นแหละเอามือออก”
                    ฮงกิพูดและทำหน้าน้อยใจก่อนจะยกกระเป๋าของฉันและเดินลงบันไดไปด้วยท่าทางชิวๆ อะไรกัน ฉันว่ามันหนักออกนะ -0-
                    “กินข้าวกันเถอะ
    ><
                    ฉันวิ่งไปที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว กินล่ะนะ
    >< ฉันเอาส้อมจิ้มไส้กรอกและเอาเข้าปาก โอ๊ยยยย อร่อย  >0<
                    “ด๊อง อย่าพึ่งกินสิ รอฮงกิก่อน”
                    ซองมินเดินมาพูดกับฉัน ฉันก็เลยต้องจำใจวางส้อมลงอย่างเสียดาย
                    “ทำไมแกถึงกลับมาที่นี่อีก
    !
                    เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายคนหนึ่งเดินเขามาในบ้านมือของเขาจับอยู่ที่คอเสื้อของชายอีกคนและแน่นอนชายคนนั้นมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
                    “คยู
    ! ทำไมนายลากคอฮงกิเข้ามาแบบนั้นล่ะ!
                    ซองมินพูดและผลักคยูฮยอนออกก่อนจะเดินไปหาฮงกิและจัดเสื้อของเขาให้เรียบแบบเดิม
                    “ทำไมนายถึงได้ไว้ใจคนง่ายแบบนี้นะ ซองมิน”
                    “อย่ามายุ่ง
    ! ฮงกิ ฉันขอโทษแทนเขาด้วยนะ”
                    “ไม่เป็นไร
    ^_^
                    ซองมินเดินหันหลังกลับมาที่โต๊ะอาหาร และทันใดนั้นฮงกิก็หันไปแลบลิ้นใส่คยูฮยอน คยูฮยอนก็เลยกระชากคอเสื้อของเขาและเงื้อมือขึ้นจะต่อยลงไปที่ใบหน้าหล่อๆของฮงกิ
                    “หยุดนะ
    ! ทำไมนายทำตัวแบบนี้ คยูฮยอน!
                    แต่ซองมินดันหันไปเจอตอนที่คยูฮยอนจะต่อยฮงกิพอดี เค้าก็เลยโวยวายขึ้นอีกครั้ง
                    “ก็มัน...”
                    “พอเลย ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของนาย
    !
                    ทำไมฉันรู้สึกเหมือนดูละครน้ำเน่าช่อง 73 อยู่เลยอ่ะ
    -*- อืม~ ซองมินต้องเป็นนางเอกสินะ ส่วนคยูฮยอนที่กำลังถูกเข้าใจผิดก็ต้องเป็นพระเอก และแน่นอนนายฮงกิจอมเจ้าเล่ห์นั่นต้องเป็นผู้ร้ายชัวป์ๆ
                    “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าตอนนี้พวกนายเหมือนตัวละครในละครน้ำเน่ามากแค่ไหนน่ะ -*-”
                    ฉันพูดขึ้นและมองพวกเขาอย่างระอา ก่อนจะเดินไปลากแขนฮงกิกับคยูฮยอนให้เดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ฉันผลักหลังคยูฮยอนให้เดินนำไปก่อนเพราะฉันมีเรื่องต้องคุยกับอีตาฮงกิจอมเจ้าเล่ห์นี่
                    “นายทำอะไรของนายน่ะ ไปยั่วโมโหคยูทำไม”
                    ฉันกระซิบถามเขา ฮงกิยักไหล่แบบไม่สนใจ
                    “ก็สนุกอ่ะ”
                    ไอหมอนี่มันเลว เลวจริงๆ -*-
                    “เดี๋ยวก็โดน คยูมันต่อยหน้าแหกหรอก”
                    ฮงกิหันมามองฉันก่อนจะหัวเราะราวกับเรื่องที่ฉันพูดมันไร้สาระมาก
                    “นายลองคิดดูก็แล้วกันนะ ฉันน่ะคลุกคลีกับพวกมาเฟียมาตั้งแต่เด็กๆ นายคิดว่าจะเป็นฉันหรือมันล่ะที่ถูกต่อยหน้าแหกน่ะ
    : )”
                     เออ มันก็จริงนะ ฮงกิคงจะถูกฝึกฝนในเรื่องพวกการต่อสู้มาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ ถึงแม้เขาจะดูตัวบางๆ น่ารักๆ แต่ว่าเขาก็ยังเป็นมาเฟียอยู่ดีนะ บางทีอาจจะต่อยคยูฮยอนหมัดเดียวน็อคเลยก็ได้นะ
    O.o
                    “ทำไมนายถึงยอมให้มันเข้ามาในบ้านล่ะ ซองมิน”
                    คยูฮยอนถามซองมินอย่าง (พยายาม) ใจเย็น
                    “เขาเป็นเพื่อนฉัน”
                    “แล้วเมื่อไหร่จะได้เป็นแฟนล่ะ
    :D
                    ฮงกิเสนอหน้าเขาไปพูดกับซองมิน ซองมินอึ้งไปก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำ
                    “ข้ามศพฉันไปก่อน
    !!!
                    ฉันกับคยูฮยอนพูดพร้อมกัน คือ ทุกคนคงจะแปลกใจกันสินะว่าทำไมฉันกับคยูฮยอนถึงได้หวงซองมินขนาดนี้ ฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว พวกเราอยู่ ม.5 กัน ซองมินเป็นคนน่ารักมากๆ เค้าเป็นป๊อบปูล่าของระดับชั้นเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นกลุ่มของพวกเรามีกัน 4 คน คือ ฉัน คยูฮยอน ซองมิน และซันนี่ ตอนช่วงกลางๆเทอม 1 มีผู้ชายคนนึงย้ายเข้ามาใหม่ เขาชื่อฮยอนจุง เป็นคนสุภาพ น่ารักมากๆเลย และก็แน่นอนอย่างที่ทุกคนคิด ฮยอนจุงมาจีบซองมิน และไม่นานทั้ง 2 คนก็คบกัน จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเรามารู้ความจริงที่หลังว่า ฮยอนจุนกับซันนี่แอบคบกันอยู่ลับหลังซองมิน เรื่องนั้นทำให้ซองมินเกือบฆ่าตัวตาย แต่ดีที่ตอนนั้นยัยนัมบีพาซองมินส่งโรงพยาบาลได้ทัน ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มีวันเห็นซองมินจนถึงทุกวันนี้หรอก

                    “ฉันไปนะ ลาก่อน
    ~ ฉันรักพวกแกนะ T^T
                    ตอนนี้ฉันยืนโบกมือบ๊ายบายซองมินกับคยูฮยอนอยู่หน้าบ้าน ประหนึ่งตัวเองเป็นนักล่าฝันจากทรูรังแคเดมี่แฟนมาเชียร์ตอนที่กำลังจะออกจากบ้านเพราะคะแนนโหวตไม่ถึง กระซิกๆ อย่าลืมคิดถึงฉันนะเพื่อนๆ T0T
                    “เดี๋ยวสิ! ใครก็ได้บอกฉันทีว่าด๊องจะไปไหน - -”
                    “อ้าว นายยังไม่รู้หรอคยู”
                    ฉันหันไปถามคยูฮยอนที่ยืนทำหน้างงอยู่ข้างๆซองมินที่กำลังร้องไห้อย่างแสนโศกาอาลัยราวกับว่าฉันกำลังสละชีพเพื่อชาติยังไงยังงั้น เอ่อ...ฉันไม่ได้ไปรบบางระจันนะเว๊ย
    !
                    “ก็ยังน่ะสิ!
                    “ฉันจะย้ายไปอยู่ที่ทำงานใหม่ ส่วนรายละเอียดอื่นๆเดี๋ยวฉันโทรมาบอกนะคยู ฉันไปล่ะ บ๊ายบาย”
                    ฉันเดินขึ้นรถของฮงกิ ซึ่งเจ้าตัวนั่งรอบนรถจนหลับไปแล้ว (บ่งบอกได้ถึงระยะเวลาในการอำลาของฉัน)
                    “ฮงกิๆ ไปกันเถอะ”
                    “ฮะ อืมๆ -.,-”
                    ฮงกิเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสีหน้าสะลึมสะลือ พลางเอาหลังมือของเขาเช็ดไปที่มุมปาก อี๋
    ~สกปรกจริงๆ -*- ทำแบบนี้แล้วหมดหล่อไปเลยอ่ะ (จริงๆแล้วฉันก็ไม่เคยเห็นหมอนี่หล่อหรอกนะ แค่น่ารักเท่านั้นเอง >///<)
                   
    บรืน~’
                    “บ๊ายบายยยยย”
                    ฉันกดกระจกลงและชะโงกหน้าไปบ๊ายบายซองมินที่กำลังร้องไห้ (แบบโม้ๆ) และคยูฮยอนที่กำลังยืนงง
                    “ดะ...เดี๋ยว
    ! เดี๋ยวสิด๊อง!
                    คยูฮยอนพูดและวิ่งออกมาจากบ้าน และก่อนที่เขาจะได้เปิดประตูรถ ฮงกิก็ออกรถอย่างรวดเร็ว
                    “เฮ้ย
    ! ทำบ้าอะไรของนายเนี๊ย ไม่เห็นหรอคยูฮยอนเขายังพูดกับฉันไม่เสร็จ”
                    “เห็น แต่ไม่สน
    :P
                    เหอะๆ สงสัยฮงกิจะแค้นเรื่องซุปปลา เอ๊ะ
    ! จริงสิ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟังแหละ คือว่าตอนที่พวกเรากำลังกินข้าวกันน่ะ ฮงกิตักไก่ทอดให้กับซองมิน ซองมินก็เลยเขิน คยูฮยอนมองฮงกิตาขวางเลย แต่นายนั่นก็ไม่สนใจ คยูฮยอนก็เลยแกล้งทำเป็นจะตักซุปปลา แล้วก็ทำช้อนหล่น ก็เลยทำให้หัวปลา (ซึ่งมันใหญ่มาก -*-) กระเด็นไปโดนตรงช่วงอกของฮงกิ ชุดหล่อๆของนายนั่นก็เลยเปรอะ แล้วคยูฮยอนก็พูดว่าอุ๊ย! โทษที ดูเหมือนปลามันยังไม่ตายนะ : )ตอนนั้นฉันล่ะสะใจมากๆก็เลยหัวเราะออกมาซะดังลั่น แต่สุดท้าย ฉันกับคยูฮยอนก็เลยโดนมะเหงกของซองมินกันไปคนลูก
                    “โอ๊ย
    ~ ฮงกิ นายจะแค้นคยูฮยอนไปถึงไหน”
                    “นายลองมาเป็นฉันดูสิ -*-”
                    “เอาน่า ชั่งมันเถอะ
    ><
                    “เหอะ
    !
                    ฮงกิทำแก้มป่องและสะบัดหน้าหนีฉัน เอ่อ...นายขับรถอยู่นะเว๊ย
    ! จะงอนก็งอนให้มันมีสติหน่อย  ><
                    “นี่ แล้วฉันต้องย้ายไปมหาลัยไบร์ซิสเตอร์วันไหนหรอ”
                    “...”
                    “เฮ้
    ! ได้ยินมั้ยเนี๊ย”
                    “...”
                    “ฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่า -*-”
                    “...”
                    “ฮงกิ
    !!!
                    “...”
                    แม่ง...กวนทีนนนนนนน
                    “ถ้านายเงียบอักที ฉันจะไม่ให้นายจีบซองมิน -*-”
                    “ฮะ
    ! วะ...ว่าไงครับ *0*”
                    แหม ที่แบบนี้นะรีบตอบเชียว ไอ...(ไม่รู้จะด่ามันว่าอะไร เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าฉันอยากจะด่ามันแล้วกัน -*-)
                    “ฉันต้องย้ายไปมหาลัยไบร์ซิสเตอร์วันไหน”
                    “วันจันทร์ ส่วนเพื่อนนายไปประมาณวันพุธ พี่ซีวอนเขาจัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้วล่ะ”
                    “ตั้งนานหรอ
    ? แต่ฉันพึ่งได้งานเมื่อกี้เองนะ - -”
                    ฉันหันไปถามฮงกิ ฮงกิสะดุ้งก่อนจะทำท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ
                    “ก็..ก็หมายถึงจัดการเมื่อกี้ไง
    ^0^’
                    วันนี้วันเสาร์ แล้วเข้าเรียนได้วันจันทร์ โห
    ! พี่ซีวอนจัดการเร็วไปมั้ยเนี๊ยฉันพึ่งได้งานเมื่อ 2-3 ชั่วโมงที่แล้วเองนะ      
                     “นายอยู่ปี 2 เหมือนฉันใช่ป่ะ”
                    “ใช่ เราอยู่ปีเดียวกัน คณะเดียวกัน ลงเรียนเรื่องเดียวกันหมดเลย”
                    “หมายความว่าฉัน ซองมิน คยูฮยอน ต้องเจอหน้านายทุกวันน่ะสิ -*-”
                    “ใช่ คิดแล้วมีความสุขชะมัด
    ><
                    ฉันสงสารซองมิน - -
                    “ฝากนายไปอธิบายเรื่องการย้ายมหาลัยกับคยูฮยอนด้วยล่ะ”
                    “ทำไมนายไม่บอกเอง -*-”
                    “ฉันไม่ว่าง ฉันมีงานต้องทำนะ ฉันต้องไปลงประวัตินายในคอมอีก และ บลาๆๆ”
                    “พอเถอ หยุดพูดได้แล้ว ฉันจะนอน”
                    “เชอะ
    ! มีคนเขาอยากฟังเสียงของฉัน : (”
                    “ใคร -0-”
                    “น้องกิ๊บ เชอร์รี่ น้องวาย มีตั้งมากมายที่เขาอยากฟัง”
                    “-0-
    !
                    “หรือว่าน้องเม น้องอัน น้องโบ น้องฮัน น้องฝัน...”
                    “
    OK ฉันยอมแพ้ - -”
                    เล่นขุดเพลงคุณลำไยมาซะขนาดนี้ ขอบายล่ะ ขี้เกียจมานั่งต่อเพลงกับอีตานั่น เฮ้อ
    ~ นอนพักเอาแรงดีกว่า
                    “ฉันนอนนะ”
                    “ต้องร้องเพลงกล่อมมั้ย”
                    “ไม่ต้องย่ะ -*-”
                    ฉันปรับเบาะให้เอนลงและหลับตาลงช้าๆ ฮงกิฮัมเพลงในขณะที่ขับรถเบาๆ เวลาผ่านไปซักพักฉันก็ผล่อยหลับไป

                   
    ~นี่คือสถานแห่งบ้านทรายทองที่ฉันปองมาสู่~
     ว้าวววว *0* อมพระมาพูดก็ไม่ (อยากจะ) เชื่อ นี่คือบ้านของคนจริงๆหรอเนี๊ย ทำไมมันใหญ่โตมโหฬาร+อลังการงานสร้างอะไรขนาดนี้เนี๊ย >< นี่ถ้าฮงกิไม่บอกฉันว่าที่นี่คือบ้านของอีตาบ้าคิบอมล่ะก็ ฉันคงคิดว่ามันเป็นพิพิธภัณฑ์อะไรซักอย่างที่หรูหราและใหญ่โตมากแน่ๆ บ้านซองมินกับคยูฮยอนว่าใหญ่แล้วนะพอมาเจอหลังนี้กลายเป็นเรือนปลูกดอกไม้ขนาดย่อมๆไปเลยอ่ะ คงต้องใช้เวลาเดินซัก 10 กว่าวันถึงจะเดินได้รอบบ้าน (เวอร์) ไหนจะสนามหน้าบ้าน สระว่ายน้ำหลังบ้าน สวนดอกไม้ โรงจอดรถ และบลาๆๆ จะว่าไปเหมือนจะเห็นแลมเบอร์กินีจอดอยู่ในโรงจอดรถอยู่ 4-5 คัน ><
                   
    “อึ้งล่ะสิ ฮ่าๆๆ”
                    “ก็ต้องอึ้งอยู่แล้ว มันสุดยอดมากเลยยยย
    ><
                    “เอาล่ะ หมดเวลาอึ้งตามฉันมาได้แล้ว”
                    ฮงกิหันไปพูดอะไรซักอย่างกับสาวใช้ก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปในบ้าน เอ่อ...ฉันต้องถอดรองเท้าป่ะ
                    “นี่ๆ ถอดรองเท้าป่ะ”
                    “ถอดสิ เวลานายเข้าบ้านนายไม่ถอดหรือไง -*-”
                    ก็ฉันไม่รู้นี่ย๊ะ -0-
                    “ถอดเสร็จแล้วก็ใส่รองเท้าสำรองนั่นน่ะ ที่แม่บ้านเอามาให้น่ะ”
                    ฉันหันไปรับรองเท้าและกล่าวขอบคุณสาวใช้หน้าตาน่ารักที่หยิบรองเท้ามาให้กับฉัน
                    “เดี๋ยวก่อน
    !
                    ทันทีที่ฉันจะกล่าวเท้าเข้าไปในบ้าน ฮงกิก็โพล่งขึ้นอย่างตกใจและวิ่งมาผลักฉันออก อะไรอ่ะ
    ? ฉันก็ใส่รองเท้าสำรองแล้วนะ - -
                    “มีอะไรหรอ”
                    “ฉันลืมไปว่ายังไม่ได้ใส่ข้อมูลนายในคอมน่ะสิ”
                    “แล้วยังไงล่ะ”
                    “ก็ถ้านายก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน เซ็นเซอร์จับสิ่งผิดปกติก็จะเริ่มทำงาน แล้วตัวนายก็จะถูกตัดขาดด้วยเลเซอร์เป็น 2 ท่อนยังไงล่ะ”
                    “...
    !!!
                    ฮงกิพูดกับฉันก่อนจะเดินไปกดอะไรซักอย่างแถวๆหลังประตู จนมันร้อง
    ติ๊ดๆๆ แล้วนายนั่นก็โผล่หน้าออกมา
                    “เอาล่ะเข้ามาได้ ฉันปลดเลเซอร์ออกแล้ว”
                    “แน่ใจนะ - -”
                    “เออน่า”
                    “แล้วกระเป๋าฉัน...”
                    “คุณฮงกิคะ
    ! คุณบอมมี่สั่งไว้ว่าถ้าคุณกลับมาให้ไปหาที่ผับหน่อยน่ะค่ะ”
                    “อ๋อ ได้ครับ งั้นฝากป้าจุนมีดูแลบอดี้การ์ดคนใหม่หน่อยนะครับ”
                    “ได้ค่ะ”
                    แล้วฮงกิก็เดินสวนฉันออกจากบ้านไปโดยไม่หันมาร่ำลาเลยซักคำ เฮ้
    ! นายจะทิ้งฉันไปได้ยังไงกันน่ะ
                    “คุณคือลีดงเฮ บอดี้การ์ดคนใหม่ใช่มั้ยคะ”
                    “ใช่ฮะ”
                    “แหม คุณหนูนี่ตาถึงจริงๆ”
                    “อะ...อะไรนะครับ”
                    “เปล่าค่ะ ป้าชื่อจุนมีนะคะ เป็นแม่นมของคุณๆทั้ง 3 คน”
                    “คุณๆทั้ง 3 คน
    ?
                    “ป้าหมายถึง คุณบอมมี่ คุณซีวอน แล้วก็คุณฮงกิน่ะค่ะ”
                    “อ๋อ...”
                    “ตามป้ามาเถอะค่ะคุณดงเฮ เดี๋ยวป้าจะพาไปที่ห้อง”
                    “คือว่า...เรียกด๊องก็ได้ฮะคุณป้า”
                    “ได้จ้ะ หนูด๊อง”
                    “คือว่ากระเป๋าด๊อง...”
                    “อ๋อ กระเป๋าของหนูป้าให้เด็กไปเก็บไว้ที่ห้องแล้วค่ะ”
                    คุณป้าพูดและเดินนำฉันไปที่บันได
                    “ห้องของด๊องอยู่ชั้น 2 หรอฮะ”
                    “ไม่ใช่จ่ะ ชั้น 3 ชั้นเดียวกับคุณบอมมี่”
                    “แต่ด๊องเป็นแค่บอดี้การ์ดนะฮะ
    !
                    ฉันพูดขึ้นอย่างตกใจ คุณป้ามองฉันและยิ้มอย่างเอ็นดู
                    “แต่หนูเป็นบอดี้การ์ดคนพิเศษนี่นา
    : )”
                    “เอ๊ะ...”
                    “เดี๋ยวป้ามานะจ้ะ อย่าพึ่งไปไหนล่ะ”
                    คุณป้าเดินหายไปเข้าไปในห้องใต้บันไดซักพักก่อนจะเดินออกมา
                    “คุณป้าไปไหนมาหรอครับ”
                    “เรียกว่าป้าจุนมีก็ได้จ่ะ”
                    “ฮะ ป้าจุนมี”
                    “ป้าเดินไปปลดเซ็นเซอร์ตรงบันไดมาน่ะจ่ะ”
                    ให้ตายสิ บ้านหลังนี้มีเซ็นเซอร์อยู่กี่ที่กัน --*
                    “หนูด๊องอย่าเอามือไปจับราวบันไดนะจ่ะ”
                    ป้าจุนมีพูดในขณะที่ฉันเดินตามป้าจุนมีขึ้นบันไดเพื่อที่จะไปยังชั้น 3
                    “ทะ...ทำไมล่ะฮะ”
                    “คุณฮงกิยังไม่ได้ลงประวัติหนูในคอม ป้ากลัวว่าถูกจะถูกไฟช็อตน่ะจ่ะ”
                    บ้านหลังนี้นี่อันตรายจริงๆเลยนะ
    T^T
                    “ห้องทางขวามือคือห้องของคุณบอมมี่ค่ะ ตัว K.B. ย่อมาจาก คิบอม”
                    ป้าจุนมีชี้ให้ฉันดูตัวอักษร K.B.
     ที่ติดอยู่ตรงประตูหน้าห้องของนายโรคจิตคิบอม ฉันเดินตามป้าจุนมีไปอีกประมาณ 1 เมตร และป้าจุนมีก็หยุดเดิน
                    “ห้องนี้คือห้องของหนูจ่ะ ตัว D.H.
     ย่อมาจากชื่อของหนู ส่วนห้องคุณฮงกิกับคุณซีวอนอยู่ชั้น 2 นะจ้ะ”
                    ฉันยืนมองไม้แกะสลักตัว
     D.H. ด้วยสายตางงๆ ฉันพึ่งได้งานนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงเองนะ ทำไมไม้แกะสลักนี่มันทำเสร็จเร็วจัง มันเหมือนทำเอาไว้นานแล้ว เหมือนกับรอให้ฉันมาอยู่ที่นี่ แต่คงไม่หรอก ฉันคงคิดมากไปเองแหละ พี่ซีวอนคงจะจัดการทำเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้วก็ได้ ป้าจุนมีเปิดประตูห้องและเดินนำฉันเข้าไปในห้อง ฉันยืนนิ่งอยู่หน้าห้องด้วยความรู้สึกตกใจ ห้องนี้มันใหญ่กว่าห้องรับแขกบ้านฉันอีกนะ!
                    “ป้าจุนมี คือมัน...มันดีเกินไป...”
                    “นี่เหมาะสมกับตำแหน่งของหนูด๊องแล้วจ่ะ”
                    แค่บอดี้การ์ดเนี๊ยนะ
    O.o
                    “แต่ว่า...”
                    “อีก 1 ชั่วโมงจะ 6 โมงเย็น เดี๋ยวป้าจะมารับไปทานอาหารนะจ้ะ”
                    “แต่ว่าเรื่องห้อง...”
                    “จำไว้นะหนูด๊อง วันนี้หนูห้ามเดินออกจากห้องนี้เด็ดขาด ยกเว้นมาจะมีป้า คุณฮงกิ คุณซีวอน และคุณบอมมี่มารับ เข้าใจมั้ย เดินออกมาแม้แต่ก้าวเดียวก็ไม่ได้นะ
    !
                    “ทำไมล่ะฮะ ป้าจุนมี”
                    “เพราะถ้าหนูออกมา ระบบเซ็นเซอร์จะทำงาน และจะปล่อยเลเซอร์ออกมาทำลายสิ่งแปลกปลอมยังไงล่ะจ้ะ หนูลองสังเกตดูนะ บ้านหลังนี้ไม่มียุง แมลงวัน หรือแม้แต้จิ้งจก จะมีก็แต่สุนัข 3 ตัว ที่ลงข้อมูลเอาไว้แล้ว”
                    คิดดูนะ ขนาดหมายังต้องลงข้อมูลอ่ะ - -
                    “พันธุ์อะไรหรอฮะ”
                    “ไซบีเรียน ฮัสกี 1 ตัว บางแก้ว 1 ตัว แล้วก็ปอมเมอเรเนียนอีก 1 ตัวจ่ะ”
                    ซะ...ไซ...ไซบีเรียน ไอหมาหน้าขนตัวใหญ่ๆที่คล้ายๆหมาป่าอ่ะนะ
    O.o
                    “งั้นป้าขอตัวไปก่อนนะจ่ะ”
                    “ครับ”
                    หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง ป้าจุนมีก็พาฉันไปกินข้าวกับพี่ซีวอน 
    >< ใช่แล้ว! กินกับพี่ซีวอน 2 คน เพราะฮงกิกับนายบ้าคิบอมไม่อยู่ ในระหว่างที่กินข้าวฉันก็ค่อยๆกระแซะไปหาพี่ซีวอนพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนจะพูดกับพี่ซีวอนว่า ขอลายเซ็นหน่อยสิฮะ คังตะโอปป้า ><’ แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากพี่ซีวอนก็คือมะเหงกลูกโตๆน่ะสิ ขอโทษนะซองมิน ฉันหาลายเซ็นคังตะให้กับแกไม่ได้ T^T (พอดีเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วซองมินโทรมาหาฉันและบังคับให้ฉันของลายเซ็นพี่ซีวอนด้วยเหตุผลที่ว่าพี่ซีวอนหน้าเหมือนคังตะ - -)

                    3 วันผ่านไป
                    นี่ก็ 3 วันแล้วสินะที่ฉันอยู่ (อย่างสุขสบาย) ที่บ้านหลังใหญ่โตมากหลังนี้ งานบอดี้การ์ดนี่มันสบายจริงๆ
    >< ก็แค่นั่งๆ นอนๆ กลิ้งไปกลิ้งมา และที่สำคัญฉันไม่ต้องคอยหวาดกลัวกับสายฟ้า...เอ่อ...ฉันหมายถึงเลเซอร์น่ะ พอดีว่าพี่ซีวอนลงประวัติฉันในคอมเรียบร้อยแล้ว >0< แต่ว่า 3 วันที่ผ่านมานี้ฉันก็เบื่อเหมือนกันนะเพราะนอกจากคุยโทรศัพท์กับซองมิน และก็วิ่งไล่จับกับเจ้าสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนที่แสนน่ารัก? (อันที่จริงมันวิ่งไล่งับฉันและฉันวิ่งหนีมัน T0T) ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย ฮงกิก็ไม่อยู่ให้ฉันเล่นด้วย พอฉันถามพี่ซีวอน พี่ซีวอนก็บอกว่านายนั่นไปทำธุระกับคิบอมที่ประเทศเวเนซุเอล่า แถบลุ่มแม่น้ำพระโขนง?
                    “น้องด๊อง ยังไม่ไปมหาลัยอีกหรอครับ”
                    พี่ซีวอนหันมาถามฉันเมื่อเห็นฉันนั่งสวาปามขนมปังกระเทียมอย่างแอร็ดอร่อยแบบไม่เกรงใจใคร
                    “วันนี้ด๊องมีเรียนภาคบ่ายฮะ”
                    “อ๋อ ถ้างั้นตอนไปช่วยไอลากเจ้าฮงกิมันไปด้วยนะ เดี๋ยวมันโดดอีก”
                    “ฮงกิกลับมาแล้วหรอฮะ 
    ><
                    “กลับมาตอนดึกๆเมื่อคืนน่ะ”
                    “พี่ซีวอนกินด้วยกันมั้ยคะ”
                    ฉันพูดพลางส่งขนมปังกระเทียมให้กับพี่ซีวอน พี่ซีวอนหยิบไป 2-3 ชิ้น ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว
                    “อ้าว คุณหนู ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ”
                    “เช้านี้มีอะไรกินบ้างครับป้าจุนมี”
                    ฉันหันไปมองตามเสียงก็เห็นป้าจุนมีคุยกับคิบอม แต่ที่แปลกใจก็คือ หมอนี่พูดว่า
    ครับงั้นหรอ ไม่อยากจะเชื่อ - -
                    “มีขนมปังกระเทียมค่ะ วางอยู่บนโต๊ะเยอะแยะเลย”
                    ป้าจุนมีชี้มาที่โต๊ะที่ฉันนั่งอยู่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะประเด็นสำคัญก็คือ...ฉันกินขนมปังที่ว่านั่นมันหมดแล้ว
    T^T คิบอมเดินมาที่โต๊ะกินข้าวซึ่งมันก็หมายความว่าหายนะกำลังจะเกิดขึ้นกับฉัน! อ๊าาา~ หมอนี่จะต้องโกรธมากและผ่าท้องฉันควักเอาขนมปังกระเทียมแสนอร่อยนั่นออกมาแน่เลย T^T
                    “ไหนล่ะครับ ป้าจุนมี”
                    “ก็อยู่...อ้าว...หายไปไหนหมดล่ะเนี๊ย”
                    “(
    T^T) /”
                    ฉันค่อยๆยกมือขึ้นและมองไปที่ป้าจุนมีด้วยสายตาสำนึกผิด แต่ทว่าก่อนที่ฉันจะได้สบตากับดวงตาแสนอบอุ่นของป้าจุนมี ฉันก็ดันไปสบตากับแววตาแสนโหดเหี้ยมของนายคิบวมซะก่อน ชิ
    ! อะไรนักหนากะอีแค่ขนมปังกระเทียม ฉันอ้วกคืนให้ก็ได้ (ทุเรศ -*-)
                    “ตายแล้ว
    ! นี่หนูด๊องหิวขนาดกินหมดเลยหรอเนี๊ย”
                    ป้าจุนมีพูดและหัวเราะเบาๆ
                    “ด๊องขอโทษฮะ 
    T^T
                    “ชั่งเถอะครับป้าจุนมี ผมยังไม่ค่อยหิว”
                    “คุณหนูรอซักครู่ก่อนนะคะ หนูด๊องจะเอาอีกมั้ยจ้ะ”
                    “ไม่เป็นไรแล้วฮะ 
    T0T
                    ป้าจุนมีหันมายิ้มล้อเลียนฉันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว นายบ้าคิบอมมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ฉันไม่สามารถจะอธิบายได้ จะเครียดแค้นก็ไม่ใช่ จะดูอบอุ่นก็ยิ่งไม่ใช่อีกอ่ะ -0- เอาเป็นว่ามันไม่ใช่สายตาอาลัยอาวรณ์แน่ๆอ่ะ คิบอมนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน แต่สายตาดุดันของเขาก็ยังจับจ้องมาที่ฉันอยู่ตลอดเวลา - -*
                    “มองอะไร -*-”
                    “ฉันถามหมอนั่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด + ขุ่นเคือง
                    “เปล่า”
                    นายนั่นเสมองไปทางอื่นก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
                    “ก็ฉันเห็นอยู่
    !
                    “ฉันก็แค่สงสัยมานายกินพยาธิเป็นอาหารเสริมหรือเปล่า”
                    “นี่นายหาว่าฉันเป็นคุณยายวรนาถหรอ
    !
                    “ผิดเรื่องแล้ว นั่นมันตะขาบ”
                    “...
    !!
                    “แล้วอีกอย่างคุณยายวรนาถก็ไม่ได้กินตะขาบเป็นอาหารเสริมด้วย”
                    อีตาบ้าคิบอมพูดและยักคิ้วอย่างกวนทีนให้กับฉัน ฉันพยายามระงับอารมณ์โดยการหันมองไปทางอื่นและไม่สนใจนายมาฟียหน้าหล่อที่นั่งทำหน้ากวนโอ๊ยอยู่ตรงหน้า เมื่อไหร่ฮงกิจะลงมาซะทีนะ อยู่กัน 2 คนแบบนี้ ฉันอึดอัด
    !
                    “- -*”
                    ฉันหมดความอดทนกับบรรยากาศแสนอึดอัด (โคตรๆ) ก็เลยลุกขึ้นและเดินออกไปสูดอากาศที่สนามหน้าบ้าน แต่ฉันก็ลืมไปเลยว่าฉันมีศัตรูที่เครียดแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน มันกำลังนอนอาบแดดอยู่แถวๆน้ำพุ และดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะเห็นฉันแล้ว -0-
                    “โฮ่งๆๆๆ”
                    ไซบีเรียน ฮัสกี ตัวใหญ่มหึมา เจ้าหมาตัวนี้มีสีขาวสลับดำ (อย่างคิดว่ามันเป็นม้าลายล่ะ - -) ดวงตาดุดันเหมือนกับเจ้าของ (คิบอม) ฟันสีขาวคมกริบ เอ่อ...ฉันขอไม่บรรยายต่อแล้วนะ เพราะตอนนี้มันวิ่งมาแล้ววววว อ๊าก
    !!!!
                    “โฮ่งๆๆๆ”
                    ไซบีเรียน ฮัสกี วิ่งไล่เขมือบฉัน โดยมีกองเชียร์คือเจ้าปอมเมอเรเนียน ที่มีขนสีขาวทั้งตัว ดวงตากลมดูน่ารัก ตัวเล็กจิ๋ว แต่เห็นน่ารักๆแบบนี้ เจ้านี่ก็ใช่ย่อยนะ ศัตรูหมายเลข 2 ของฉันเลยล่ะ เวลาที่เจ้าไซบีเรียน ฮัสกีวิ่งไล่งับฉันอย่างเมามันส์เจ้าปอมเมอเรเนียนก็จะส่งเสียงเห่าอย่างแข็งขันเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนของมัน ส่วนข้างๆเจ้าปอมเมอเรเนียนก็จะมีสุนัขพันธุ์บางแก้ว สีขาวแซมน้ำตาล ยืนอยู่ เจ้านี่ไม่เห่าและไม่วิ่งไล่กัดฉัน เพียงแต่มันจะนั่งมองอยู่อย่างสมเพชเท่านั้นเอง
    T^T ฉันวิ่งหนีไปทางซ้าย มันก็มองไปทางซ้าย ฉันวิ่งหนีไปทางขวา มันก็มองไปทางขวา ฮึ่ย! ช่วยได้มากกกก!!!~
                    “ช่วยด้วยยยย!!! T0T
                    เสียง 180 ล้านเดซิเบลของฉันทำให้ฮงกิโผล่พรวดออกมาจากหน้าต่าง เอ่อ...คือฉันหมายถึงหมอนั่นชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างชั้น 2 นะ ไม่ใช่หมอนั่นกระโดดลงมา - -* หมอนั่นมองฉันอย่างงงๆ ก่อนจะโบกมือให้ฉันอย่างน่ารัก
                    “
    \ (^_^ )  ( ^_^) /  \ (^_^ )  ( ^_^) /
                    ทำเพื่อใครเนี๊ย แทนที่แกจะลงมาช่วยฉัน
    T^T
                    “สู้ๆ ฮันเตอร์กัดมันเลย >0< 
                    เอ่อ...มันไม่ได้โบกมือให้กับฉันหรอก มันโบกมือให้กำลังใจเจ้าไซบีเรียนตั้งหาก T^T ฮงกิยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง และไม่ลืมที่จะปิดม่านและหน้าต่างด้วย ไอเลวววว TT^TT
                    “โฮ่งๆๆๆ”
                    เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้ฮงกิเรียกหมาตัวนี้ว่าอะไรนะ...
                    “ธันเดอร์ หยุด
    !!!
                    ฉันหันไปตะโกนใส่ไอหมาบ้านั่น และมันก็หยุดวิ่งในทันที เฮ้อ...รอดแล้ว
    ^0^          
                    “กรร...แฮ่
    !!!!
                    เจ้าไซบีเรียน ฮัสกี ตำรามในลำคออย่างน่ากลัว เอ่อ...ฉันว่ามันไม่ได้หยุดหรอก มันแค่ตั้งสติก่อนสตาร์ทใหม่อีกรอบเท่านั้นเอง
    TT^TT
                    “โฮ่งๆๆๆ”
                    ทันทีที่เจ้าหมาเลวปอมเมอเรเนียนเริ่มเห่า เจ้าไซบีเรียน ฮัสกี ก็กระโจนเข้าหาฉันอย่างรวดเร็ว ฉันล้มลงกับพื้นเพราะแรงกระแทกที่เจ้าไซบีเรียน ฮัสกี กระโจนเข้ามาใส่ มันอ้าปากโชว์เขี้ยวสีขาวเงาวับของมัน อ๊าก
    !!! มันจะกัดฉันแล้ว >0<
                    “ฮันเตอร์ หยุด!!!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×