สะดุดรัก คนข้างห้อง - สะดุดรัก คนข้างห้อง นิยาย สะดุดรัก คนข้างห้อง : Dek-D.com - Writer

    สะดุดรัก คนข้างห้อง

    ชิโอริ สาวสวยประจำโรงเรียน ย้ายออกมาอยู่คนเดียว เพราะไม่อยากไปอยู่บ้านนอกกับพ่อแม่ และพบว่า เธออยู่ห้องติดกับ อิชิอิ หนุ่มหล่อประจำโรงเรียน

    ผู้เข้าชมรวม

    308

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    308

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ส.ค. 52 / 13:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      บทละครเรื่อง สะดุดรัก คนข้างห้อง

             

              วันนี้ฉันต้องเดินทางไปบ้านนอกอย่างกะทันหัน เพราะคุณยายเกิดล้มป่วยเลยต้องไปดูแล แต่จะทำยังไงดี ก็ฉันไม่อยากไปนี่ ก็ที่นู่นนะบ้านนอกจะตาย ไปที่ไหนก็เจอแต่ไร่กับนา  รถประจำทางกว่าจะมาก็ตั้ง 3 ชม.แน่ะ

      โอ๊ย! เจ๊ จะบ้าตาย นี่คนสวยอย่างเราต้องไปอยู่บ้านนอกเหรอเนี่ย บ้าที่สุดเลย TOT แล้วนี่มันอะไรกันทำไมรถไฟไม่มาซักทีนะ

      พูดไม่ทันขาดคำรถไฟก็มาเลยค่ะท่านผู้อ่าน ไม่รู้ว่าฟ้าจงใจให้ฉันต้องตกระกำลำบากรึเปล่านะ พอประตูเปิดเท่านั้นล่ะ แม่กับพ่อก็รีบเดินเข้าไปกลัวจะไม่ได้ที่นั่ง

      ชิโอริ มาเร็วลูก แน้พ่อนะพ่อ ยังจะมาเรียกอีก รู้มั้ยว่าหนูไม่ได้อยากไปซักหน่อย อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว ทำไมไม่ให้อยู่ที่นี่นะ อยู่ดีๆมาย้ายกะทันหัน ไม่ได้ลาเพื่อนซักคำ

      แต่ฉันก็ต้องจำใจหิ้วกระเป๋าเก้าเท้าขึ้นรถไฟไป โดยที่พ่อยืนรออยู่

      ฉันไม่อยากไปนี่นา TOT ใช่แล้ว

      พ่อ เดี๋ยวหนูขอยืนอำลาโตเกียวตรงนี้สักพักนะคะ ฉันพูดเสียงอ่อย หวังว่าพ่อคงเข้าใจ

      ตัดใจซะเถอะลูกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ยายเค้าเป็นแม่ของแม่นะ เป็นหน้าที่ ที่เราต้องไปดูแล พ่อตบไหล่ฉันเบาๆแล้วก็เดินไปนั่งที่

      ไม่นานประตูใกล้จะปิด ก็มีเสียงประกาศออกมา

      ประตูกำลังจะปิด กรุณายืนห่างจากเส้นสีเหลือง ฉันหันไปยิ้มให้พ่อกับแม่แวบหนึ่ง ซึ่งพวกท่านก็ยิ้มตอบ

      พอประตูกำลังจะเลื่อนปิดฉันก็วิ่งพรวดออกจากประตู

      กว่าแม่จะวิ่งตามมาทัน ประตูก็ปิดแล้ว วะ ฮะ ฮะ ฮะ ^O^ (หัวเราะอย่างผู้ชนะ)

       

      เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นในเวลาไม่นาน ว่าแล้วเชียวว่าเดี๋ยวแม่ต้องโทรมา แต่ฉันก็รับสายอ่ะนะ

      ชิโอริ นี่แกทำอะไรลงไปห๊ะ! นั่งรถไฟขบวนถัดไปตามแม่มาเดี๋ยวนี้เลยนะ

      โถ่แม่อ่ะ ก็หนูไม่อยากไปนี่ ให้หนูอยู่นี่เถอะนะ เหลืออีกแค่ปีเดียวเองอ่ะฉันพยายามพูดออดอ้อนแม่

      ยัยเด็กบ้า! แม่ตะโกนด่าเสียงดังจนเสียงทะลุออกมาข้างนอก ฉันต้องดึงเอามือถือออก ขยี้หู แล้วฟังต่อ

      แกจะอยู่ได้ยังไง อยู่กับใคร แล้วเงินล่ะ จะเอาที่ไหนใช้ห๊ะ

      แม่ก็ส่งมาให้สิคะ ส่วนที่อยู่หนูมีเตรียมไว้อยู่แล้วล่ะ ไม่รู้หล่ะ ยังไงหนูก็จะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนทั้งสิ้น ฉันยื่นคำขาด จากนั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของแม่ ตามด้วยเสียงพ่อเล็ดลอดเข้ามาคุยเรื่องฉัน

      อะๆ อยู่ก็อยู่ แต่จำไว้นะว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นเมื่อไหร่ แม่จะไปลากตัวมาให้ได้เลย... ส่วนเงินถ้าแม่ไปถึงที่นู่นเมื่อไหร่จะส่งไปให้ทันที

      เย้ขอบคุณค่ะแม่

       

      เงินทอน 1325 เยนค่ะ นี่กุญแจห้องค่ะพนักงานประจำอพาร์ตเม้นยื่นกุญแจห้อง 507 ให้ฉัน ฉันรับมาแล้วยิ้มให้ ก่อนจะเดินขึ้นลิฟท์ไป ที่จริงฉันหลอกแม่เรื่องมีที่อยู่เตรียมไว้ แต่ก็หาได้ง่ายๆนี่นา

      เฮ้อ >< มันช่างโชคดีอะไรอย่างนี้นะ ได้อยู่ที่โตเกียวต่อ แถมยังเช่าห้องได้ในราคาถูกอีกต่างหาก เห็นพนักงานบอกว่าเป็นห้องคู่ ก็ไม่รู้ความหมายหรอกนะ แต่ช่างเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

      ติ้ง! เสียงลิฟท์ดังหลังจากมาหยุดอยู่ที่ชั้น 5 ฉันเดินไปห้อง 507 ทันที

      และพอฉันเปิดประตูเข้าไป... ว้าว *Ô* ห้องสวยจริงๆ กว้างมากด้วย แถมเฟอร์นิเจอร์ก็มีครบครัน มันช่างอลังการอะไรอย่างนี้ ฉันเปิดเข้าไปดูห้องนอน ที่นอนก็สวย มีหน้าระเบียงให้ออกไปดูวิวได้ด้วย ฉันล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือ มีประตูอยู่บานหนึ่งที่เปิดเข้าไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

       

      วันต่อมาฉันก็ให้บริษัทย้ายบ้าน จัดการขนของใช้ที่บ้านเก่ามาให้ที่นี่ นั่นทำให้ห้องฉันมีทุกอย่างครบ สะดวกสบายมากขึ้น แต่ฉันก็ต้องจัดของอยู่นานจนเวลาผ่านไปกว่า 5 โมงเย็น

      อาบน้ำดีกว่า ว่าแล้วฉันก็เดินเข้าห้องน้ำไปทันที ประมาณ 20 นาที ก็เดินออกมาในชุดผ้าขนหนูกระโจมอก ฉันเดินไปส่องกระจกในห้อง

      เฮ้อ ฉันนี่หุ่นดีจริงๆ ทั้งสวยทั้งหุ่นดี เส้นผมสีดำ ถูกดัดเป็นลอนยาวจนถึงกลางหลัง ผิวขาว ตาสีน้ำตาล ส่วนสูง 167 น้ำหนัก 48 ไม่ว่าจะมองมุมซ้าย มุมขวาก็สวย แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก นี่ไม่ได้โม้นะ ว่าฉันก็ติดอันดับ 5 สาวสวยของโรงเรียนเลย อยู่ตั้งอันดับ 2 แน่ะ อันดับ 1 เป็นครูห้องพยาบาลโนตมนั่น นี่ถ้าฉันใหญ่กว่านี้ล่ะก็

      ว่าแล้วฉันก็ก้มดูสักนิด

      อืม... พอสมควร... ว้ายเราเนี่ยทะลึ่ง!

      แค่นี้ก็สวยพอแล้ว เสียงหนึ่งดังขึ้น ฉันหันขวับไปมอง ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ

      ฉันรีบเอามือขึ้นบังบริเวณหน้าอกทันที

      นี่ นายมัน ฟูจิวาระ อิชิอิ ห้อง B นี่นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ออกไปนะ ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมด จู่ๆก็ถูกผู้ชายมาเห็นตอนกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ทำไมผู้ชายตรงหน้าถึงเข้ามาในห้องของฉันได้นะ

      ฉันจึงเดินไปดูที่ประตูห้อง และในขณะที่เดินไปอยู่นั้น ฉันก็รู้สึกเห็นอะไรแวบๆ โล่งๆ จึงได้หันไปดู

      กรี้ดดด ไม่จริง!? นี่มันประตูบานนั้นที่เปิดไม่ได้นี่นา

      ฉันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าอีกฝั่งเป็นห้องอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีประตูเชื่อมติดกันนั่นเอง

      โอ้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า ผู้หญิงที่ย้ายเข้ามาอยู่ห้องคู่กับฉันเป็น คางาวะ ชิโอริ สาวสวยประจำห้อง A นี่เอง เดินเข้ามากระซิบคุยใกล้ๆฉัน ที่ยืนขาสั่นอยู่ตรงหน้าประตู

      มันเป็นไปได้ยังไง ทำไมฉันซวยอย่างนี้นะ ต้องมาอยู่ห้องติดกับอีตานี่น่ะ ถึงจะหล่อติดอันดับที่ 1 ก็เถอะ ผมสีน้ำยาวพอดี สูง 172 หุ่นนักกีฬา แต่ความเจ้าชู้ ปลิ้นป้อน กะล่อน ตอแหลอยู่ในตัวเค้าหมดเลยเชียว

      นี่ไหนๆเราก็มาอยู่ห้องติดกันแล้ว ก็น่าจะมาพัฒนาความสัมพันธ์กันดีกว่านะ อย่างเช่น...

      อีตาอิชิอิเอามือลูบไล้แขนข้างขวาของฉันขึ้นลงเบาๆ บรื๋อ...ขนลุก แล้วก็จับให้ฉันหันหน้ามา ฉันยังเอามือบังหน้าอกเหมือนเดิม ๏๏

      อืม เล็กไปหน่อยนะ น่าจะอึ๋มๆเหมือนอาจารย์มิซึกิ

      หนอยมาว่าของเราเล็ก ไอ้ผู้ชายบ้า มีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์ฉันห๊ะ ว่าแล้วก็อารมณ์เสีย

      ว้าก!? ฉันจัดการยกเข่าขวาขึ้นด้วยความโมโห ให้มันกระแทกไปนี่ผ่าหมากเจ้าบ้าอิชิอิอย่างจัง มันถึงกับคุกเข้าลงด้วยอาการหน้าเขียว

      โอ๊ย เตะมาได้ยัยบ้า

      สมน้ำหน้า ฉันด่ามันไปทีหนึ่ง แล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องไป

      นี่มันอะไรกัน นอกจากจะเจ้าชู้ ปลิ้นป้อน กะล่อน ตอแหลแล้วยังมือไวใจเร็ว แถมปากเสียอีก โอ้ย เราจะทนอยู่ได้มั้ยเนี่ย

       

      หลังจากถูกเตะผ่าหมากจนล้มไปแล้วผมก็ลุกเดินกลับห้องตัวเองไม่น่าเชื่อว่าคางาวะ ชิโอริจะมาอยู่ห้องข้างเรา ยัยนั่นขึ้นชื่อเรื่องความสวย และสมองดีเป็นที่สุด แต่นิสัยเนี่ยคงต้องปรับปรุงหน่อย แถมหน้าอกยังแค่คัพ D เอง

      ฮึ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมจะทำให้ยัยนั้นเชื่อฟังผมให้ได้และเป็นของผมในที่สุด  วะ ฮะ ฮะ ฮะ จากนั้นจะให้มาเป็นคนใช้ซะเลย

      เอาล่ะเริ่มจากแผนแรกละกัน

       

      อืม เสียงนาฬิกาปลุกดังแต่เช้าเลย วันนี้เราต้องไปโรงเรียนนี่นา ฉันยื่นมือไปกดปิดเสียงนาฬิกา แล้วนอนต่อ

      เอ๊ะแต่ทำไมมันหนักๆอย่างนี้นะ เหมือนถูกมัดไว้เลย

      ว่าแล้วฉันก็ลืมตาขึ้นดู อะไรนะทำไมมันเหมือน... ฉันขยี้ตาแล้วมองชัดๆ ภาพที่ฉันเห็นคืออิชิอิกำลังนอนหลับสบายอยู่ข้างๆฉัน แถมยังกอดฉันไว้แน่นอีก

      กรี้ดดดดด!!!?นี่นายมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันร้องลั่น แถมยังถีบเขาไปอย่างจัง จนอีตาบ้านั่นกระเด็นตกเตียง แล้วจึงตื่นขึ้นมามองหน้า

      อะไรกันตั้งแต่เช้า ชอบหาเรื่องนักนะ อิชิอิพูดพลางขยี้ตา

      ก็แล้วนายมานอนเตียงฉันทำไมล่ะ แถมยังกอดฉันอีก หรือว่านายจะ... ฉันก้มดูเสื้อผ้า

      ไม่น้า มันไม่จริงใช่มั้ย  TOT ฮือ ฮือ

      ยัยบ้า ฉันยังไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย จะบอกอะไรให้นะถ้าฉันจะทำ ฉันทำตอนที่เธอได้สติดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ

      ไอ้คนบ้า ฉันเริ่มหน้าแดง แต่มันกลับหัวเราะสะใจแล้วเดินกลับห้องตัวเองไป

       

      หงุดหงิด หงุดหงิด ทำไมมันหงุดหงิดแบบนี้ เพราะอีตาบ้านั่นคนเดียว

      ฉันคิดขณะที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียน บัดนี้ฉันอยู่ในชุดนักเรียนสีดำเทา ผูก เนคไท สูทสีดำ ดูเรียบร้อยที่สุด

      นี่ถ้าห้องไม่เต็มฉันคงย้ายไปไกลๆแล้ว จะไปหาที่อื่นอยู่ก็ไม่ได้ เฮ้อ ซวยจริงๆเลย

       

      หิวแล้ว มีอะไรกินบ้างเอ่ย? เสียงอิชิอิเดินเข้าประตูมา พร้อมทักทาย ฉันเหล่ตาขึ้นดูเล็กน้อยแล้วก้มกินข้าวต่ออย่างไม่สนใจใยดี

      อีตาอิชิอิเดินเข้ามาใกล้

      โอ้ วันนี้มีผัดเห็ดหอมเหรอ? ว่าแล้วก็ยื่นมือเข้ามาหยิบกินเฉยเลย

      หนอยชักยัวะแล้วนะ อีตาบ้า

      เพียะ!? ฉันตบมือเขาไปทีหนึ่ง ทำเอาเจ้าตัวดึงมือกับไปแทบไม่ทัน

      ตบฉันทำไมเนี่ย? อิชิอิลูบมือตัวเองที่โดนฉันตบ

      ก็ใครใช้ให้นายมากินของฉันล่ะ ฉันทำกินคนเดียว ไม่ได้เผื่อใคร

      ว่าไงนะ นี่ทำเยอะขนาดนี้ ไว้กินคนเดียวเหรอ? คนอะไรกินจุชะมัด

      ช่างฉันสิ ก็ฉันกินได้นี่ ฉันยังทำไม่สนใจต่อไป

      นี่ถ้าพวกแฟนคลับของเธอรู้เข้านะ ว่าเธอเป็นคนขี้เหนียวแม้แต่ข้าวยังไม่แบ่งให้เพื่อนบ้านกิน ปล่อยให้ต้องกินอาหารกล่องที่ไม่มีความอร่อยอะไรเลยเนี่ย เธอคงเสียชื่อเสียงน่าดู อิชิอิ กอดอกว่า

      ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ทำไมต้องมายุ่งกับฉันด้วย ฉันไปทำอะไรให้นายห๊ะ ถึงต้องมาก่อกวนกันแบบนี้

      แล้วถ้าแฟนคลับของฉันรู้เข้า เธอก็จะถูกโจมตี

      ยัง ยังจะพูดอีก ช่างไม่รู้ตัวเองซะเลย ไอ้คนน่ารังเกียจ

      และอีกอย่าง...

      พอแล้ว! ...นั่งลง ฉันพยายามสะกดอารมณ์ไว้ จากนั้นจึงลุกขึ้นไปตักข้าวให้อิชิอิ ขณะที่อีตาบ้ายืนกอดอกผิวปากสบายใจ

      เอ้า ฉันวางจานลง เชิญกินซะให้อิ่มเลยนะคะ พลางกัดฟันพูด

      ฉันเอากระเป๋ามาสะพายไว้ที่ไหล่

      จะไปโรงเรียนแล้วเหรอ? อิชิอิถาม เพิ่งจะ 7 โมงครึ่งเองนะ ทำไมไปเช้าจัง? ไปพร้อมกันกับฉันก็ได้นี่นา

      ไม่ล่ะ เราไม่ควรออกไปพร้อมกัน เผื่อใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี ฉันบอกแล้วเผอิญสังเกตเห็นการแต่งตัวของอิชิอิเข้า เขาอยู่ในชุดสูทสีดำที่ไม่ได้ติดกระดุม แล้วเนคไทก็ผูกไม่เรียบร้อย

      นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ? ฉันเดินเข้าไปกะจะจัดการให้เรียบร้อย

      แบบนี้สิเท่ห์ดีออก

      ตรงไหน อย่างกับกุ๊ยข้างถนนเลย ว่าแล้วฉันก็ดึงเนคไทจนสุด แล้วยังติดกระดุมให้ด้วย

      ให้ตายสิ เรานี่ช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี้ แม้แต่กับคนที่ตัวเองไม่ค่อยชอบ พอแต่งตัวให้ผู้ชายตรงหน้าเสร็จ

      อ้อ แล้วบอกไว้ก่อนนะว่า ระหว่างที่อยู่ที่โรงเรียน ห้ามทัก ห้ามคุย ห้ามยิ้มให้ ห้ามบอกใครว่าเรารู้จักสนิทสนมกัน พูดเสร็จฉันก็เดินออกไป

      กินเยอะๆนะ แล้วรีบตามมาล่ะ ฉันบอกก่อนจะปิดประตูห้อง

       

      พอชิโอริเดินออกไป ผมก็นั่งลงแล้วเริ่มตักข้าวคำแรกเข้าปาก

      อร่อยจัง ยัยนั่นมีดีมากกว่าปากจัดอีกนะเนี่ย ผมกินไป พลางก้มมองเสื้อผ้าที่ชิโอริเพิ่งแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนไป

      ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร แต่ผมก็รู้สึกดีใจจริงๆ ผมรีบจัดการกินอาหารบนโต๊ะให้หมดแล้วคว้ากระเป๋า ก่อนจะเดินตามออกไป

       

      นี่ชิโอริ มองอะไรอยู่เหรอ?  นี่คือซาระ เพื่อนสนิทของฉันเอง เธอถามขึ้นขณะที่ฉันนั่งเท้าคางอยู่ที่หน้าต่าง ก็โต๊ะฉันมันติดหน้าต่างนี่นา แล้วนี่ก็เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ฉันก็เลยต้องสอดแนมดูรุ่นน้องที่หน้าตาดีเข้าไว้

      แต่เหตุผลที่ฉันต้องนั่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานอาจจะมีมากกว่านั้น

      นั่นไง เขามาแล้วล่ะ ฉันบอกเมื่อมองเห็นชายคนหนึ่งที่หน้าตาดีมากๆเดินเข้าประตูโรงเรียนมา เขาซึ่งถูกรุมล้อมด้วยสาวๆมากมาย

      ไม่ยักรู้นะว่า เธอก็ชอบพี่เท็ตสึเหมือนกัน

      อ๊ะ แน่นอน ก็พี่เขาออกจะเท่ห์ขนาดนั้น ฉันพูดพลางยิ้ม ซึ่งเพื่อนฉันก็เห็นด้วยเช่นกัน

      เอ...แต่ฉันว่ายังมีอีกคนที่เท่ห์ไม่แพ้กันนะ

      ยังมีอีกเหรอ ที่หล่อกว่าน่ะ?  ฉันเริ่มสนใจ จึงละสายตาแล้วหันมามอง 

      ก็นั่นไงล่ะ ซาระชี้ไปที่เขาคนนั้น

      ผู้ชายซึ่งหล่อไม่แพ้กัน และกำลังถูกสาวๆรุมตอมเช่นเดียวกัน ชายผมสีน้ำตาลทอง ที่วันนี้เขาแต่งตัวเรียบร้อยสุดๆ เขามองขึ้นมาสบตากับฉันพอดี แถมยังยิ้มพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้ซะอีก

      เฮอะ กวนประสาทล่ะสิไม่ว่า ฉันทำทีเป็นไม่สนใจ

       

      ตอนเที่ยงฉันถูกอาจารย์ประจำชั้นเรียกพบที่ห้องพักครู เพื่อพูดเรื่องเกรดเฉลี่ยปีนี้ ที่ของฉันออกมาดีกว่าใครๆ ฉันกับครูเดินไปคุยไปเรื่อยๆจนออกไปนอกตึก

      พอดีว่าพี่เท็ตสึที่ฉันแอบชื่นชอบเดินผ่านมาพอดี

      อ้าว อามาคุระ พอดีเลยนี่คางาวะชิโอริที่สอบได้คะแนนดีที่สุดในระดับชั้น ปี 2

      อาจารย์ประจำชั้นแนะนำให้รู้จักกับพี่เท็ตสึ

      แหมมันช่างเหมาะเจาะอะไรเยี่ยงนี้ หวานเลยเรา ไม่ต้องเข้าไปตีสนิทให้เสียเวลา

      สวัสดีครับ พี่เท็ตสึทักทาย ฉันจึงทักทายกลับ

      สวัสดีค่ะ

      อามาคุระ จะช่วยแนะนำเธอเรื่องการสอบเรียนต่อ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ขึ้น ปี 3 แต่ครูว่าเธอน่าจะเตรียมตัวล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่านะ อาจารย์ประจำชั้น บอกแล้วเดินออกไป

      ตายแล้วๆๆๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ เวลาที่อยู่กันสองคนแบบนี้ ไม่รู้จะคุยอะไรดี... เอาล่ะต้องทำใจกล้าเข้าไว้ และทำตัวให้เป็นปรกติที่สุด

      เอ่อ... ฉันเริ่มพูดก่อน แต่คำที่พูดออกมาก็ดันเบา แถมฉันยังไม่กล้าสู้หน้าซะอีก

      ชิโอริ พี่เท็ตสึเรียก ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมอง โทษที พี่ขอเรียกว่าชิโอรินะ

      ค่ะ

      คิดว่าจะไปเรียนต่อที่ไหนล่ะ? พี่เท็ตสึถาม เขาเริ่มเดินไปข้างหน้า ฉันก็เลยเดินตามข้างๆ

      คิดว่าน่าจะเป็นที่โชนันน่ะค่ะ

      คิดว่าเหรอ?

      ค่ะ คือยังไม่ค่อยแน่ใจน่ะค่ะ บางทีอาจจะได้ย้ายไปต่างจังหวัดก็ได้ ตอนนี้ยังเลือกไม่ได้เลย... แล้วพี่ล่ะคะ จะไปที่ไหน? ฉันถามบ้าง พอพี่เท็ตสึได้ฟังก็หยุดเดิน

      พี่น่ะ จะต้องไปที่ ม.โตเกียว ให้ได้เลย เขาตอบ

      ว้าว ดูภาพที่ฉันเห็นตอนนี้สิ พี่เท็ตสึตอบด้วยรอยยิ้มที่มุ่งมั่น เขาคงตั้งใจจะเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น

      เฮ้ เท็ตสึ มีคนเรียกพี่เท็ตสึอยู่ไกลๆ พอพี่เขาหันไปมองว่าเป็นใครก็หันมาบอกกับฉัน

      พี่ไปนะ พยายามเข้าล่ะ ถ้ามีอะไรก็มาปรึกษาพี่ได้ ว่าแล้วพี่เขาก็เดินจากไป

      พี่เท็ตสึเนี่ย คงเรียนเก่งหน้าดู น่าอิจฉาจัง คนที่มีเป้าหมายในชีวิตเนี่ย ^_^ ไม่ได้ๆ เราต้องหัดเอาอย่างบ้างแล้วนะ

      ตุ้บ!? ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ดีๆอะไรบางอย่างก็ตกมาใส่หัวฉัน มันกระเด็นกลิ้งตกไปข้างหน้า ฉันเดินไปเก็บมา

      แอบเปิ้ลเหรอ? มาได้ไง...

      ฉันเงยหน้าขึ้นมองบนต้นไม้ เจอละ เจอเต็มๆ ลิงที่ชื่อ อิชิอิ มันนั่งอยู่บนกิ่งไม้สูงขึ้นไป 4 ม. หัวเราะเยาะเย้ยที่แกล้งฉันได้

      นี่นาย ไม่มีอะไรทำรึไง มาเล่นปาลูกแอบเปิ้ลใส่คนอื่นน่ะห๊ะ?

      ฉันให้

      ว่าไงนะ?ฉันถามด้วยความประหลาดใจ โดยถือแอบเปิ้ลลูกไว้ในมือ

      ฉันให้เธอไง ยังมีอีกนะเอามั้ยล่ะ

      โอ้ พระเจ้ายอดมันจอร์จมาก นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอกัน ที่อีตาบ้านี่ทำดีกับฉัน แถมยังยิ้มให้อย่างสุภาพอีก

      อยากขึ้นมามั้ยล่ะ ตรงนี้วิวดีนะ เขาถาม

      อืม เอาสิ ฉันก็ตอบไปงั้นๆแหล่ะ ไม่ได้อยากขึ้นไปนั่งด้วยหรอกนะ ว่าไปว่ามานายนี่ก็นิสัยดีเหมือนกันแฮะ

      อิชิอิส่งมือให้ฉันจับเพื่อที่จะปีนขึ้นไป พอดีว่าข้างล่างมีกิ่งไม้ต่ำๆอยู่ จึงเหมาะที่ฉันจะเหยียบขึ้นไปได้

      จับแน่นๆนะ อิชิอิเตือนฉัน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้เอะใจอะไรหรอกนะ จนเมื่อมันแสดงอาการ

      หึหึหึ เขาหัวเราะในลำคอ ซึ่งไม่ได้ดังเท่าไหร่ เพียงแต่ฉันได้ยินเข้าพอดี

      เอาแล้วไง หัวเราะแบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรอีกแน่

      แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด อีตาบ้าอิชิอิดันปล่อยมือ ระหว่างที่ฉันปีนต้นไม้จวนเกือบจะถึงอยู่แล้ว

      ฉันไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงร้อง ก็ตกลงมาที่พื้นก้นจ้ำเบ้าแล้ว

      โอ้ย... ><  เจ็บนะ ทำไมทำแบบนี้อ่ะ! ฉันนั่งอยู่ที่พื้นหญ้า เอามือลูบก้นตัวเอง

      วะ ฮะ ฮะ ฮะ ตลกชะมัด ตกไม่เป็นท่าเลย หนอยแน่ะ มันหัวเราะค่ะ ทำคนอื่นเขาเจ็บแล้วยังไม่สำนึกอีก เจ็บใจนัก

      เออ หัวเราะเข้าไป อย่างนายมันต้องเจอแบบนี้ ฉันทนไม่ไหวแล้ว อย่างนี้มันต้องเอาคืน

      ฉันเก็บแอบเปิ้ลลูกสีแดงที่วางอยู่ขึ้นมา ก่อนจะเล็งให้แม่น แล้วปาใส่อิชิอิทันใด เอาตอนที่มันกำลังหัวเราะนี่แหล่ะ จะได้ไม่ทันระวังตัว

      โป๊ก!? โดนเต็มๆ ที่กลางหน้าผาก ตามมาด้วยเสียง ตุ้บ!? ลิงก็ตกต้นไม้ และเสียง

      โอ้ย... นี่เธอบังอาจแกล้งฉันเหรอ?เขารีบลุกขึ้นเพราะกลัวเสียฟอร์ม

      ทำไม แล้วนายจะทำไรฉัน? ฉันท้า

      อย่างเธอมันก็ต้องแบบนี้ อิชิอิเอานิ้มมาจี้ที่เอวฉัน ตัวฉันก็เลยกระตุกตัวทีหนึ่ง ก็คนมันบ้าจี้นี่นา

      พอนายอิชิอิเห็นฉันบ้าจี้ก็ได้ใจ จี้เอวฉันต่อ วิ่งสิเราจะอยู่ทำไมให้เขาแกล้ง แต่ยังไม่ทันได้วิ่งขาเจ้ากรรมก็ดันพันกันเองจนฉันสะดุดหกล้ม อิชิอินั่งลงข้างๆหักนิ้วมือดังกร๊อบเตรียมตัวลุย

      ณ วินาทีนั้น ข้าพเจ้าคงหนีไม่ทันแล้วล่ะค่ะ และทันทีที่เขาลงมือ

      กรี้ดดด ฮะๆๆ หยุดนะ มันจักกะจี๋

      ไม่มีทางซะหรอก

      ฮะๆๆ ถะ ถ้านายไม่หยุดเย็นนี้ฉันจะไม่ให้กินข้าวนะ

      กลัวตายล่ะ เขาบอก ฉันยังคงดิ้นไปมา

      กรี้ด หยุดเถอะ ขอร้อง ฮะๆๆ

      ก็ได้ แต่เธอต้องสัญญาก่อนว่า วันนี้จะทำซูชิให้ฉันกิน

      ฉันทำเป็นซะที่ไหนล่ะ ฮะๆๆ ฉันเอามือกุมท้อง หัวเราะแทบตาย

      ถ้าเธอทำไม่เป็นแล้ว ในครัวจะมีอุปกรณ์ทำซูชิได้ยังไง ว่าไงล่ะ จะทำรึไม่ทำ ถ้างั้นฉันไม่หยุดนะเอ้า อิชิอิจักกะจี้หนักขึ้นอีก แค่นี้ฉันก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ

      ฮะๆๆ กะ ก็ได้ๆ หยุดซักที พอได้อย่างที่ใจหวังแล้ว อีตาบ้าก็หยุดจักกะจี้ พอดีกับที่กริ่งหมดเวลาพักเที่ยงดังขึ้น ฉันนอนหอบด้วยความเหนื่อย

      อย่าลืมที่สัญญาไว้นะที่รัก เขาบอกแล้วเดินจากไป

      ส่วนฉันอยู่ในสภาพผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับหลุดลุ่ยหมด ฉันรีบลุกขึ้นปัดเสื้อผ้า

      บอกว่าอย่าทักเวลาอยู่ที่โรงเรียน ดีที่ไม่มีใครเห็น ฉันถอนหายใจ แล้วเดินไปอีกทาง

       

      ไม่ไกลจากที่ตรงนี้นัก มีเด็กผู้หญิงปีหนึ่ง 3 คน ยืนอยู่

      ได้ยินมั้ย ข้าวเย็นเหรอ? เด็กผมลอนคนหนึ่งว่า

      ไม่น่าเชื่อเลยว่ารุ่นพี่ฟูจิวาระ กับรุ่นพี่คางาวะจะ... เด็กอีกคนซึ่งผมยาวพูด

      ไม่ๆเรื่องนี้เราต้องสืบให้แน่ชัด ก่อนค่อยสรุปจะดีกว่า เด็กผมสั้นอีกคนบอก

      อืม... อีกสองคนเห็นด้วย จึงพยักหน้าพร้อมกัน

       

      นายแอบมาค้นครัวฉันตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันถามขึ้นขณะที่กำลังจะลงมือทำซูชิ ตอนนี้อุปกรณ์และวัตถุดิบทุกอย่างได้มากองกันอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว ก็ลงมือทำทันที

      เมื่อเช้านี้ ก่อนมาโรงเรียนนั่นแหล่ะ อิชิอินั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ เขาตอบโดยไม่ได้หันหน้ามามอง

      รวมถึงแอบเปิ้ลเมื่อเช้าด้วยรึเปล่า ฉันถามอีกครั้ง

      โปะเชะ เดาถูกเผงเละ

      ฮึ้ย...นายนี่นะ เป็นกาฝากซะจริงๆเลย ถามจริง...ตอนที่ฉันยังไม่มา นายไปเกาะใครเขาล่ะ

      ก็พึ่งตัวเอง คำตอบนี้ทำให้ฉันชะงักไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะทำต่อ

      พึ่งตัวเองงั้นเหรอ แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่พึ่งตัวเองล่ะ ฉันมาอยู่ที่นี่รวมวันนี้ก็ 3 วันกว่า โดนใช้อย่างกับทาส ฉันเป็นคนสวยประจำโรงเรียนนะ ไม่ใช่ภรรยานาย

      เอ้อ แล้วฝากเก็บกวาดห้องด้วยสิ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลย แน่ะพูดไม่ทันขาดคำก็โดนซะละ

      ทุกวันนี้นายมัวทำอะไรอยู่ห๊ะ?เห็นร่อนไปร่อนมาอย่างเดียว หัดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างเซ่!

      ไอ้บ้าอิชิอิเอ้ย

      แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ (- -') เฮ้อ

      เรื่องอะไรฉันต้องทำให้นาย ฉันเริ่มจัดจานซูชิ

      เอาน่า เดี๋ยวเฮียจ่ายไม่อั้น ทำเถอะนะหนู

      หนูไม่ได้บ้าเงินนะคะเฮีย ฉันเอาจานซูชิไปให้อิชิอิ

      จะกินตรงไหนล่ะ?

      ตรงนี้ อิชิอิบอกพลางขี้ที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟา ฉันจึงเอาไปวางไว้ตรงนั้น

      ตามสัญญา ฉันบอกแล้วกันหลังกลับ จะไปเก็บของที่ครัว

      เดี๋ยวสิ อิชิอิดึงมือฉันเอาไว้ เขาดึงจนฉันนั่งลงข้างๆกินด้วยกันก่อนสิ มาเดี๋ยวฉันป้อนว่าแล้วเขาก็คีบซูชิขึ้นมาหนึ่งคำ ฉันกินมันด้วยไม่อยากให้เสียน้ำใจ

      บางทีอีตานี่ก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายอะไรก็ได้

      นายนี่บางทีก็นิสัยดีเหมือนกันนะ ฉันคงต้องมองนายใหม่แล้วล่ะ

      อิชิอิวางตะเกียบลง ฉันน่ะ... เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ฉันก็เลยเอนตัวหลบเล็กน้อย

      มีความใฝ่ฝัน เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด ฉันก็เอนตัวหลบอีก

      อะไรกันหรือว่าเค้าจะ... ไม่นะ

      ว่า... อิชิอิยื่นหน้าเข้ามา คราวนี้มันใกล้มาก ฉันหลับตาปี๋แล้วเขาก็เอนกระซิบที่ข้างหูฉัน

      ฉันจะทำให้เธอเป็นของฉันให้ได้

      เมื่อคำนี้หลุดออกมาจากปากผู้ชายกะล่อน แต่เขากลับพูดด้วยใบหน้าจริงจัง ฉันเปล่าซาบซึ้งกันคำๆนั้นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามมันน่าถีบต่างหาก!

      ฉันเอามือผลักหน้าอิชิอิออกไปห่างๆ จนเขาแทบหงายหลัง

      ขอถอนคำพูดย่ะ ว่าแล้วก็เดินออกไปเก็บของต่อ

      เธอน่ะ ชอบเท็ตสึเหรอ? เขาถาม ฉันหยุดล้างจานจนแทบจะทันทีทันใด

      ...ก็เปล่านี่ ฉันล้างจานต่อ

      โกหก แหม เห็นคุยกันกระหนุงกระหนิงเชียว เนี่ยนะไม่ได้ชอบ อิชิอิปิดทีวีแล้วเดินมายืนข้างหลังฉัน

      เออๆ ชอบก็ชอบ แล้วทำไม?

      เธอชอบเขาตรงไหน?

      ก็พี่เท็ตสึน่ะ ทั้งหล่อ ใจดี เรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง แถมยังไม่ขี้กวนชาวบ้านอีก แล้วก็อีกหลายๆอย่าง ที่นายเทียบไม่ติดเลยแหล่ะ... อะไรกัน อย่าบอกนะว่านายหึงฉันอ่ะ? ฉันพูดขึ้นมาโดยไม่ได้คิดอะไร ตอกแรกกะว่าจะแกล้งหยอกเล่นซะหน่อย

      พอฉันหันไปดูก็พบว่าอิชิอิหน้าแดงไปถึงใบหูเลย ฉันไม่รู้จะทำยังไงไปด้วย เขาไม่ได้ปฏิเสธ หรือแม้แต่ยอมรับ

       

      เช้าวันต่อมา

      กรี้ดดด!? วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันร้องกรี้ดแต่เช้า เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าอิชิอิมานอนข้างๆฉันอีกแล้ว ทำไมนายนี่ไม่ไปนอนห้องตัวเองล่ะ มารบกวนคนอื่นเขา นอนไม่พอ มากอดฉันอีก

      ฉันเป็นผู้หญิงนะยะ

      หืม ตื่นแล้วเหรอ... กลับกัน อีตาบ้านี่งัวเงียตื่นขึ้นมา ทั้งๆที่ฉันโกรธแทบตาย

      การกรี้ดบริหารเสียงของฉันเกิดขึ้นทุกวัน จนจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แล้วฉันก็ต้องมานั่งอารมณ์เสียขณะที่กินข้าว ส่วนคนก่อเรื่องกลับยิ้มหน้าบานทุกทีเลยเชียว

      ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ? ทำไมวันนี้เธอโกรธนานจัง? เขาพูดพลางตักอาหารเข้าปาก ซึ่งวันนี้เป็นไข่เจียวธรรมดา กับกุ้งชุบแป้งทอด

      แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นรอยแดงที่แก้มซ้ายเขา เป็นรูปมือ ของฉันเอง

      แล้วจะไม่ให้โกรธได้ไงล่ะ ก็นายนอนกอดฉันไม่พอ วันนี้แถมด้วยล้วงมือเข้าไป... มันเกือบโดนหน้าอกฉันแล้วย่ะ ฉันก็เลยตบให้ฉาดใหญ่เลย

      คนอะไร ปากว่ามือถึงชะมัด ฉันบอกขณะที่เตรียมตัวจะไปโรงเรียน

      ก็บอกแล้วไงว่าตอนนั้นฉันไม่รู้ตัวเลยจริงๆ

      เฮ้อ ช่างเถอะ มานี่มา เดี๋ยวฉันจะจัดเนกไทให้ ฉันบอก และดูเหมือนเขาจะรู้ตัว รีบลุกขึ้นยืนต่อหน้าฉัน

      เมื่อไหร่นายจะทำเองซักทีอ่ะ

      แล้วเธอมาทำให้ฉันทำไมล่ะ?

      เพราะว่าฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นคนรู้จัก แต่งตัวไม่เรียบร้อยน่ะสิ ฉันดึงเนกไทไปจนสุด แล้วติดกระดุม

      แค่คนรู้จักเหรอ เขาถามขึ้น ฉันหยุดชะงักไปแวบหนึ่ง แล้วติดกระดุมต่อ

      ใช่ แค่คนรู้จัก เสร็จแล้ว ฉันก็ความกระเป๋าที่วางบนโต๊ะแล้วเดินออกไป

      เมื่อไหร่เราจะได้เดินไปโรงเรียนพร้อมกันซักทีล่ะอิชิอิถามขึ้น ตอนที่ฉันก้าวออกประตูพอดี

      ชาติหน้าตอนบ่ายๆย่ะ ฉันตอบแล้วปิดประตู

       

      ชาติหน้าตอนบ่ายๆเหรอ ใครจะไปรอไหวล่ะ ยัยบ้า...ผมพูดกับตัวเองเมื่อเธอเดินจากไป ไม่ว่าเธอจะชอบใครนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก

      แต่ทำไมต้องเป็นเท็ตสึด้วย คนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าที่สุด

      เอ จะเอายังไงดีนะเรา เล่นกีฬาเหรอ? ฟุตบอล บาสเก็ตบอล หรือว่าพวกการต่อสู้ดี ต้องทำให้รู้ซะแล้ว ว่าไผเป็นไผ

      ผมไม่ได้โม้นะ ว่าผมน่ะนอกจะจะหล่อแล้ว ผมเล่นกีฬาเป็นทุกชนิดเลย แต่ไม่เคยพูดเท่านั้นเอง ก็คนมันไม่ชอบโม้นี่นา ถึงแม้สมองจะสู้เขาไม่ได้ แต่ความหล่อล่ะก็ ระดับ top 5 เชียวนะ

       

      ตอนบ่ายวันนี้เอง

      ฝ่าย ปี 3 ตรงข้ามครองลูกได้ไม่นาน ก็ถูกแย่งโดย ม้ามืด ฟูจิวาระ อิชิอิ ปี 2 เขาเลี้ยงบอลไปที่ใต้แป้น ฝ่ายตรงข้ามจะกันเขาได้ไหม ไม่ได้ ช้าเกินไปแล้ว อิชิอิกระโดดดั้งค์ลูกด้วยท่าทางสง่างาม เย้!

      แล้วแกจะพากย์ทำไมห๊ะ น่าลำคาญจริง พวกเด็ก ปี 1 ชมรมบาสเนี่ย

      ตอนนี้ฉันนั่งอารมณ์เสียที่สุด อยู่ตรงข้างสนามบาส มีแต่พวกบ้าทั้งนั้นเลย ทั้งพวกแฟนคลับของพี่เท็ตสึกับอิชิอิที่กำลังถกเถียงกันเรื่องความเท่ห์ของคนที่ตัวเองชื่นชม พวกบ้าบาสที่กำลังพากย์การเล่นของอิชิอิอย่างเมามันและโอเวอร์มาก และอีตาบ้าอิชิอิที่ทำเป็นเท่ห์ลงเล่นบาส 1 ต่อ 5 โชว์แฟนคลับทั้งหลายแหล่

      นี่ถ้าแพ้มานะ แม่จะหัวเราจนฟันหลุดหมดปากเลยคอยดู

      แล้วอิชิอิก็ชู้ตอีกครั้ง แล้วไอ้นี่จะพากย์อะไรนักหน้าห๊ะ

      มันไกลเกินไปไหม เขาจะทำได้หรือไม่ แล้วก็... แล้วก็... ลงจนได้ พวกบ้าบาสพากย์การเล่นบาสตอนจบอย่างเมามันส์ พวกแฟนๆ กรี้ดลั่น บ้างก็ทำเสียงโห่ใส่ เขาทำท่าดีใจสุดขีด แล้ววิ่งเข้าไปแตะมือกันอิชิอิ

      อิชิอิหันหน้ามา ชูนิ้วโป้งให้ฉัน พลางยิ้มให้ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันก็ยักคิ้วให้เขาหนึ่งที แล้วจึงทำเป็นไม่สนใจ หยิบผ้าเช็ดต้วผืนเล็กข้างตัว แล้วเดินไปหาพี่เท็ตสึ ซึ่งแข่งเหมือนกัน

      ผ้าเช็ดหน้าค่ะ ฉันพูดพลางยื่นให้ พี่เขาก็รับไปเช็ดหน้าทันที ก่อนจะบอกกับฉัน

      ขอบใจนะ และยิ้มน้อยๆ

      โทษทีนะ ชิโอริ วันนี้เราคงติวหนังสือกันไม่ได้แล้ว พี่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ

      อุ๊ย ไม่เป็นไรเลยค่ะ ไม่เป็นไร

      แน่เหรอ?

      จริงๆค่ะ ฉันตอบแล้วยิ้มให้ พลางมองดูพี่เท็ตสึใช้ผ้าเช็ดหน้าของฉันอยู่ ปลื้ม...

       

      ภาพชิโอริ กับเท็ตสึยืนคุยกันอย่างมีความสุขทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มันหงุดหงิด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร บอกไม่ถูก ยิ่งเมื่อเห็นยัยนั่นยิ้มอย่างมีความสุขแล้วมัน...

      อะไรวะ คนอุตส่าห์เล่นบาสให้ดูดันไม่ดู คำชมสักนิดก็ไม่ได้ ขนาดยิ้มยังไม่ยิ้มให้เลย! ดันไปชมไอ้ขี้แพ้เท็ตสึนั่นซะอีก... อ้าว แล้วเราจะมาโมโหทำไมวะเนี่ย

      เออนั่นสิ ไม่เข้าใจตัวเองเลยวุ้ย

      ...อิชิอิครับ

      รุ่นพี่อิชิอิครับ! เสียงหนึ่งเรียกขึ้น ทำให้ผมหลุดจากความคิดแล้วหันหน้ากลับมา

      อะห๊ะ...ว่าไง ผมถามอีกครั้ง

      ผมถามว่าพี่ไม่อยากมาเข้าชมรมบาสบ้างเหรอครับ รุ่นน้องคนหนึ่งทวน

      จะดีเหรอ พี่เข้าชมรมหมากรุกแล้ว

      ไม่เป็นไรครับพี่ก็เลือกชมรมบาสเป็นชมรมหลัก แล้วหมากรุกก็เป็นชมรมรอง เพราะหมากรุกจะเล่นเมื่อไหร่ได้ แล้วอีกอย่าง... เสียงรุ่นน้องเงียบลงไปอย่างช้าๆ เมื่อผมเริ่มหันมามองทางยัยบ้าชิโอริอีกครั้ง

      เสียงเธอดังขึ้นแทนที่

      วันเสาร์นี้เหรอ?ว่างสิคะ

      พี่อยากจะชวนไปซื้อของหน่อย แบบว่าเดินเที่ยวน่ะ ได้รึเปล่า?

      เรื่องแค่นี้เอง ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ

      เอ่อ งั้นพี่ขอเบอร์ชิโอริหน่อยสิ ได้มั้ย จะได้โทรนัดเวลากันอีกที เท็ตสึหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์ เขาทั้งสองแลกเบอร์กัน

      พี่อิชิอิครับ รุ่นน้องเรียกอีกครั้ง ผมจึงหันมาเริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นมาอีก

      ตกลงพี่ว่ายังไงครับ?

      ไม่เข้า! ในที่สุดผมก็ตะโดนออกไปเสียงดัง โดยไม่ต้องคิดอะไรอีก แล้วก็เดินออกไป

      โดยที่เดินตรงไปทางชิโอริที่ยืนอยู่กับเท็ตสึตรงทางออก ผมจงใจเดินชนไหล่ไอ้หน้าหล่อกว่า(เล็กน้อย) จนเซไปข้างหน้าเล็กน้อย

      โทษที ฉันขอโทษห้วนๆ แล้วทำเป็นไม่สนใจเดินผ่านไป

      นี่นาย ชิโอริเรียก มีปัญหาอะไรรึเปล่าห๊ะ แน่จริงเจอกันซักตั้งเด่ะ เธอท้า ผมจึงเดินกลับมา มองหน้าเท็ตสึ แล้วมองที่ชิโอริ ยิ้มที่มุมปากหนึ่งที

      แล้วเธอจะเสียใจที่มาท้าทายฉัน ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ ผมบอกแล้วเดินออกไปอย่างผู้ชนะ และสะใจ

       

      ณ ห้องพยาบาล

      มีอะไรหนักใจมารึไง? ครูประจำห้องพยาบาลพูดกับผมซึ่งนอนอยู่บนเตียง ความหงุดหงิดเริ่มหายไปเล็กน้อย

      เธอลุกขึ้นชงกาแฟ จากนั่นจึงชงโกโก้ให้ผมหนึ่งแก้ว เธอยื่นแก้วหนึ่งให้ผม ผมลุกขึ้น รับแก้วมาจากมือ จากนั้นเธอก็หันไปลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียง

      ไม่อยากเล่าให้ครูฟังเหรอ? อาจารย์มิซึกิสุดสวย ที่สวยเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียน ถามอีกครั้ง

      ผมไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ผมจิบโกโก้ร้อนครั้งหนึ่ง ผมได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งทั้งปากร้าย ใจยักษ์ ขี้บ่น เรียนเก่ง แถมยังสวยอีก ผมไม่ได้ชอบเธอ แต่แค่รู้สึกดีด้วยเฉยๆน่ะครับ

      แล้วไง? ครูเอนตัวลงบนพนักพิงเล็กน้อย

      แต่เวลาที่ผมเห็นใครอยู่กับเธอ ก็รู้สึกหงุดหงิด มันเป็นยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกครับ

      เอางี้นะอิชิอิจัง เธอลองไปยืนอยู่ใกล้ๆเธอคนนั้น แล้วดูว่าตัวเธอเองรู้สึกใจเต้น หรือทำอะไรไม่ถูกรึเปล่า แล้วถ้ายังไงก็มาบอกครู แล้วครูถึงจะให้คำตอบเธอได้นะจ้ะ ครูบอกผม ผมคิดเล็กน้อย ว่าจะทำตามที่ครูบอกดีรึเปล่า...

       

      ชิโอริ วันนี้เราจะไปนัดบอดกัน เธอสนใจจะไปบ้างมั้ย หนุ่มหล่อๆงี้เพียบ ซาระ เพื่อนสนิทของฉันบอกขณะที่กำลังนั่งแต่งหน้าซะจนเข้มจัด อย่างกับจะไปเล่นงิ้ว

      ก็อยากไปนะ แต่วันนี้ขอบาย ฉันพูด ซึ่งตัวเองก็กำลังเก็บกระเป๋าอยู่

      อ้าว ทำไมล่ะ?

      ฉันต้องรีบกลับไปทำอาหารให้หมาที่บ้านกินน่ะสิ

      เอ๊ะ ซาระวางลิปสติกลง เธอเลี้ยงหมาด้วยเหรอ? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย พันธุ์อะไรล่ะ?

      อืม... ปาปิลอนน่ะ ฉันเก็บข้าวของเสร็จพอดี

      ไปนะ

      บาย ซาระโบกมือให้

      ฉันเดินไปที่ตู้ล็อกเกอร์เพื่อเอารองเท้าซึ่งอยู่ชั้นล่าง ไม่ไกลจากห้องฉันเท่าไหร่ แต่ที่ฉันสังเกตเห็นคืออิชิอิยืนอยู่ตรงหน้าตู้ล็อกเกอร์ เขามาทำอะไรกันนะ

      อะไร ฉันรู้สึกแปลกใจมาก

      กลับบ้านกับฉัน เขาถาม

      บ้ารึเปล่า กลับบ้านด้วยกัน เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอกว่าเราอยู่บ้านติดกัน...ไม่ได้ ฉันปฏิเสธไป จากนั้นก็หยิบรองเท้าออกมา แล้วปิดตู้

      มาเถอะน่า อิชิอิไม่ยอมฟังอะไร จูงมือฉันไปที่หน้าประตู

      นี่ปล่อยนะ จะสะบัดจนหลุด แต่แล้วก็มีรุ่นน้องคนหนึ่งวิ่งมาจนฉันซะจนเกือบจะล้ม รองเท้าหลุดมือ ดีที่อิชิอิมาโอบเอาไว้ทัน

      วินาทีนั้นฉันรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นเสียงดังฟังชัด อิชิอิปล่อยมือจากฉันแล้วเดินไปหยิบรองเท้ามา เขาเดินมานั่งลงข้างหน้าฉัน

      นี่นาย จะทำอะไรอ่ะ?ฉันตกใจเมื่อชายหนุ่มตรงหน้า สวมรองเท้าให้ฉันทั้งสองข้าง ฉันรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ทั้งใบหู พลางหันหน้าไปมา ดูว่าใครเห็นบ้างมั้ย

      เอาล่ะ ไปกันเถอะ อิชิอิว่า พร้อมกับจูงมือฉันไป

      นายนี่... ฉันเอ่ยขึ้น เมื่อเดินมาได้สักครู่ เห็นแก่ตัวชะมัด

      ว่าไงนะ อีตาบ้าอิชิอิหยุดเดิน

      ไม่เห็นถามซักคำว่าฉันอยากจะไปกับนายรึเปล่า ทำแบบนี้มันมัดมือชกกันนี่นา

      ...ก็ได้ เธอ...จะกลับบ้านกับฉันมั้ย? เขาพูด ด้วยท่าทางที่พยายามสุภาพมากที่สุด

      อืม...ก็ได้ ฉันตอบ ทำให้เขายิ้มออกมา แล้วเดินเข้ามากอดคอฉันแน่น

      โอ้ย นี่กะจะรัดคอฉันจนตายรึไงห๊ะ ฉันบอก เขาจึงเลื่อนมือมาที่ไหล่

      นี่ก็เดินไม่สะดวก อึดอัด ฉันบอกอีกครั้ง เขาจึงเลื่อนมือมาที่เอว คราวนี้ก็ยังไม่พูดอะไร

      ตรงนี้ก็ไม่ได้ ฉันยิ้มเล็กน้อย

      ก็คนมันบ้าจี้นี่ ยิ่งมาจับเอวยิ่งบ้าจี้เข้าไปใหญ่ และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้จุดอ่อนจึงแกล้งเอานิ้วมาจี้ซี่โครงฉัน ฉันดิ้นไปมา แต่เขาก็ยังไม่ปล่อย

      ฮะ ฮะ ฮะ พอแล้ว มันจักกะจี๋นะ ฮะ ฮะ

      ยัง ยังไม่พอ

      คนบ้า หยุดได้แล้ว ฮะๆๆ

      เย็นนี้กินแกงกะหรี่นะ

      ฮะๆๆ เข้าใจแล้ว แกงกะหรี่ก็แกงกะหรี่

      โอเคหยุดก็ได้ อิชิอิยอมปล่อยมือจากเอวฉัน จากนั้นก็เดินนำหน้าฉัน เราเดินกลับ อพาร์ตเม้นต์มาด้วยกันครั้งแรก

       

      นี่เห็นมั้ย พวกเขาเข้าไปด้วยกัน เด็กสาวผมสั้นที่แอบดูพูดขึ้นกับเพื่อนอีกสองคน

      พวกเขาอยู่ด้วยกันเหรอ ไม่น่าเชื่อเลยเด็กสาวผมยาวอีกคนพูดขึ้น

      รอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า อาจจะแค่มาเที่ยวเล่นเฉยๆก็ได้นะ เด็กผมลอนพูด

      แล้วทั้งสามก็แอบซุ่มดูอยู่ ตรงหลังพุ่มไม้ข้างหน้า อพาร์ตเม้นต์นของเขาทั้งสอง ซึ่งไม่ไกลจากทางเข้านัก

      เวลาล่วงเลยไปกว่า 1 ชม. ก็ไม่เห็นว่าใครคนหนึ่งจะออกมาจากที่นั่นเพื่อเดินทางกลับบ้าน แล้วเผอิญเด็กสาวผมลอนก็เหลือบไปเห็น ชิโอริกำลังเอาผ้าออกมาตากที่ระเบียงห้องชั้น 5

      เอ๊ะ นั่งพี่ชิโอรินี่นา เด็กคนนั้นพูดขึ้น

      ฉันมีแผนดีๆแล้วล่ะ เด็กผมยาวอีกคนบอก แล้วเรียกเพื่อนอีกสองคนมาวางแผน

       

      ชิโอริๆ เสียงอิชิอิดังขึ้นข้างหลังขณะที่ฉันตากผ้าเสร็จ แล้วกำลังจะหันหลังกลับ

      นี่ไง อิชิอิที่อยู่ในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว อยู่ดีๆก็ถอดผ้าเช็ดตัวออก ต่อหน้าต่อตา

      กรี้ดดดดด!!!?? ฉันร้องลั่นบ้าน ยกมือขึ้นปิดตาแทบไม่ทัน แถมยังทรงตัวไม่อยู่ ล้มนั่งลงกับพื้นอีก

      วะ ฮะๆๆๆๆ หน้าเธอตอนตกใจนี่ มันตลกซะจนดูไม่ได้เลย ฮะๆๆ อีตาบ้าอิชิอิหัวเราะสะใจ

      หนอยแน่ะ แกล้งคนอื่นนี่มันสนุกขนาดนั้นเลยรึไง มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นซะจริงนะ คนอะไรทุเรศที่สุด อยู่ดีๆมาโชว์อะไรให้ดู อ้าย ทุเรศจริงๆ ขนลุก

      ชิโอริ ลืมตาหน่อยสิ อิชิอิสะกิดเรียกฉันที่หลับตาปี๋ แถมมือยังปิดตาแน่น

      ไม่มีทาง อย่ามาแตะต้องฉันนะ ฉันปัดมือเขาออก

      ลืมตาเถอะ ดูสิฉันใส่กางเกงขาสั้นซ้อนอยู่นะ

      ไม่ ฉันไม่เชื่อหรอก นายจะหลอกให้ฉันดู... ของนายใช่มะ

      ยัยบ้า คิดอะไรเนี่ย น่าเกลียด

      ใครกันแน่ที่น่าเกลียดยิ่งกว่ายะ

      ตกลงจะดูหรือไม่ดู

      ไม่

      ก็ได้ ว่าแล้วอิชิอิก็ดึงมือฉันออก แล้วเอามือทั้งสองจับหน้าฉัน

      ลืมตาสิ

      ไม่ มีทาง ฉันดื้อดึงต่อไป

      ถ้าไม่ลืมตาล่ะก็ ฉัน... จะจูบ...จริงๆนะ เขาพูดด้วยเสียงเบาราวกระซิบ ฉันตกใจที่เขาพูดคำว่าจูบออกมา จึงได้ลืมตาขึ้น ในที่สุดฉันก็เผชิญหน้ากับอิชิอิตรงๆ ใบหน้าเขาอยู่ใกล้ฉันแค่นิดเดียว ไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ

      จะทำยังไงดีล่ะ ใจเต้นตึกตักไปหมดเลย จริงสิ เขาเคยทำแบบนี้กับเรามาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าอย่างงั้น ครั้งนี้เขาก็ต้องแกล้งด้วยแน่ๆเลย

      ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจจะไม่หลบหน้าเขา กลับเงยหน้าขึ้นมองตาอย่างมั่นใจ ยังไงซะ ถ้าเขาแกล้งฉันอีก ฉันก็จะได้ไม่หน้าแตกเหมือนคราวนั้นอีก

      แต่สิ่งที่ฉันคิดกลับตรงกันข้าม คราวนี้เขาไม่ได้แกล้ง จู่ๆ อิชิอิก็ยื่นหน้าเข้ามาแล้วประกบปากลงที่ปากฉัน วินาทีนั้น ฉันงงจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

      ก้อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันได้สติผลักตัวเขาออกไป เอามือปิดปาก แล้วนั่งมองหน้าเขา จนเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ฉันจึงลุกไปเปิดประตู

      พิซซ่ากล่องหนึ่งถูกยื่นมาที่ฉัน

      พิซซ่าที่สั่งได้แล้วครับ คนส่งพิซซ่าพูด ฉันก็เลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความงงงวย

      เอ่อ คือฉันไม่ได้สั่งค่ะ คุณคงเข้าผิดห้องแล้วค่ะ ฉันบอก แต่คงส่งพิซซ่าเหลือบมองผ่านฉันเข้าไปข้างใน แล้วก็ถอยหลังมามองเลขหน้าห้องอีกครั้ง

      อ๊ะ ขอโทษครับ ผมคงส่งผิดห้องจริงๆ ขอโทษนะครับ เขาโค้งตัวเป็นการขอโทษ แล้วเดินออกไป ฉันปิดประตู ก่อนจะถอนหายใจ

      ว่าไง อิชิอิมายืนอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันหันหลังกลับแล้วมองตาขวางใส่เขา ก่อนจะผลักตัวเขาออกไปเล็กน้อย

      ขอให้ลืมเรื่องเมื่อกี้ซะ ฉันขอร้อง ต่อไปนี้ ทำเหมือนเราไม่รู้จักกันได้มั้ย ฉันบอก อิชิอิก้มหน้านึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาคุยต่อ

      ทำเป็นไม่รู้จักกันน่ะเหรอ ฉันทำไม่ได้หรอกนะ ในเมื่อฉัน... เรา... หน้าเขาเศร้าลงเล็กน้อย ช่างเถอะ เขาบอกแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป ฉันมองตาม ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน อาจจะโล่งอก หรือเศร้า หรืออ้างว้างก็เป็นไปได้

       

      คนส่งพิซซ่าว่าเดินถือกล่องมาที่หน้าอพาร์ตเม้น ถอดหมวกออก ทำให้ผมยาวที่เก็บเอาไว้ร่วงลงมาประบ่า

      เป็นไง? เด็กผมสั้นถาม

      อืม มันเป็นเรื่องจริง พวกเขาอยู่ด้วยกัน ตอนที่พี่ชิโอริเปิดประตู ฉันเป็นพี่อิชิอินั่งอยู่ไม่ไกล เขาสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียวด้วยอ่ะ เธอตอบ

      ฮือ... เป็นความจริงเหรอเนี่ย เด็กผมลอนเริ่มน้ำตาคลอ เธอแอบชอบอิชิอิมานานแล้ว เธอเคยไปสารภาพรักแต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างมาใยดี

      รุ่นพี่คะ คือหนูแอบชอบรุ่นพี่มานาน...

      โทษที ไม่ทันที่เด็กผมลอนจะพูดจบ อิชิอิก็แทรกขึ้นมา สเป็กของฉันต้องสวย และฉลาดเท่านั้น ดังนั้นฉันจึงคบกับเธอไม่ได้

      มันเจ็บใจนัก เรื่องนี้ต้องถูกพูดไปทั่วโรงเรียน เธอพูดต่อพลางร้องไห้ เพื่อนสาวจึงเดินเข้ามาปลอบ

      ไม่เป็นไรนะ เราจะช่วยเธอเอง

       

      เฮ้อ เมื่อวานนี้เขาก็ไม่ได้มากินข้าว และเช้านี้ก็อีก... แต่ก็ดีแล้วนี่ ก็ในเมื่อเราเป็นคนบอกเองว่าให้ทำเป็นไม่รู้จักกัน มันถูกแล้วที่เขาจะทำตัวห่างเหิน

      เป็นอะไรไปยะ วันนี้ไม่ร่าเริงเลย ซาระเดินเข้ามากอดคอฉัน

      ไม่มีไรหรอก ฉันบอก

      นี่เอาการบ้านคณิตศาสตร์มาลอกหน่อยดิ

      ว่าไงนะ

      การบ้านน่ะ ซาระพูดพลางแบมือขอ ฉันต้องจำใจหยิบมายื่นให้

      นี่มีใครมาหาเธอแน่ะ ซาระบอกฉัน พลางชี้ไปที่ประตู ฉันมองตาม เห็นพี่เท็ตสึมายืนรออยู่ โดยที่กำลังโดนสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังอยู่

      ยัยบ้าทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ ฉันพูดกระแทกเสียงเล็กน้อย แล้วเดินออกไปหา

       

      พี่เท็ตสึชวนฉันเดินไปตามระเบียงอาคาร ชั่วโมงนี้เป็นชั่วโมงสุดท้ายของวันนี้ ซึ่งเป็นชั่วโมงว่างอาจารย์ให้ศึกษาเอาเอง

      พี่มีอะไรเหรอคะ? ฉันถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเดินมาตั้งนานแล้ว พี่เท็ตสึยังไม่พูดอะไร

      เอ่อ คือพี่อยากจะคุยเรื่องของอิชิอิน่ะ

      เอ๊ะ อิชิอิ... นี่เขาไปทำอะไรให้พี่ลำบากใจรึเปล่าคะ?

      ก็ไม่หรอก อันที่จริงพี่ต่างหากล่ะ ที่ไปทำให้เขาลำบากใจ... พี่เท็ตสึพูด ตอนนี้เราเดินมาถึงบริเวณข้างสนามฟุตบอลแล้ว

       

      เซ็งๆๆ ทำไมวันนี้มันเซ็งอย่างนี้โว้ย

      ผมหลบออกมานอนใต้ต้นไม้ในสวนใกล้สนามฟุตบอลตั้งแต่เช้าแล้ว รู้สึกนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน พอมาตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับเพราคำพูดของอาจารย์มิซึกิอีก

      แล้วผลเป็นยังไงล่ะ อาจารย์มิซึกิประจำห้องพยาบาลถามผล ขณะที่นั่งเล่นอยู่ที่ห้องพยาบาล วันนี้เธอก็แต่งตัวสวยเซ็กซี่เหมือนเดิม

      ก็ไม่ยังไงหรอกครับ ผมตอบแบบขอไปที

      พูดมาตามตรงเถอะ

      ก็พออยู่ใกล้มันก็... ใจเต้นอยู่อ่ะนะครับ

      เต้นขนาดไหน?

      เต้นแรง... เเรงจนทำให้ผมเผลอตัว... ผมหยุดเพราะอายที่จะพูดออกมา

      เผลอตัวจูบไปสินะ อาจารย์มิซึกิพูดออกมาตรงๆ จนผมอึ้ง

      หรืออาจจะมากกว่านั้น เธอพูดพลางมองมาด้วยสายตาเฉียบแหลม ผมไม่อาจปกปิดได้

      เฮ้ย ไม่ใช่นะครับ ไม่มีจริงๆ ผมพยายามปฏิเสธ

      ฮึๆๆ อิชิอิคุง เธอไม่ได้แปลกไปกว่าใครๆเลยนะ สิ่งที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้ คือความรักไงล่ะ เพียงแต่บางครั้งมันอาจจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเท่านั้นเอง

      แต่ทำไมความรักถึงไม่หวานเหมือนคู่อื่นๆเลยล่ะครับ ผมนึกว่ามันอาจจะไม่ใช่ก็ได้

      ความรักไม่จำเป็นต้องหวานเสมอไปนี่จ้ะ และความรักอาจจะแสดงออกมาในรูปแบบอื่น เช่น มิตรภาพ หรือความรู้สึกหวงแหนอะไรบางอย่าง เธอต้องไปหาตำตอบเอาเองแล้วล่ะ  อาจารย์สาวว่า

      นี่เรามันบื้อขนาดไม่รู้จักความรักขนาดนั้นเลยหรือวะ น่าอายจริง รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั่น ผมนอนคิดตามลำพัง ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะของชิโอริแว่วมาไกลๆ

      สงสัยผมคงหูแว่วไปเอง

      แต่อีกประเดี๋ยวก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ผมชักไม่แน่ใจ จึงลุกขึ้นแอบดู จากหลังพุ่มไม้ ภาพที่ผมเห็นคือ ยัยชิโอริกำลังคุยสนุกอยู่กันเท็ตสึ

      เฮอะ หน้าบานเป็นกระด้งเชียวนะ ผู้หญิงอย่างเธอใครจะไปชอบลง ยัยบ้า จากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพียงแต่อยากรู้จึงเดินเข้าไปใกล้ เพื่อแอบฟังว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน

       

      เอาเป็นอะไรที่ใช้ได้ดีกว่าค่ะ อย่างเช่น... กระเป๋าตังค์ หรือ นาฬิกาข้อมือ

      ผู้หญิงเขาใช้ของแบบนี้กันเหรอ พี่เท็ตสึ ทำท่าคิดมาก

      ค่ะ เพราะว่าถ้าเป็นเครื่องประดับส่วนใหญ่ จะเอาไว้ใช้ตอนออกงานมากกว่า แถมยังเลือกอันที่ถูกใจยากซะด้วย ฉันแนะนำอีกครั้ง

      อืม... พี่เท็ตสึเอามือลูบคาง เอางี้ดีกว่า พี่ว่าให้ชิโอริไปเลือกเอาเองดีกว่านะ

      ค่ะ ฉันตอบ โดยที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ยินเสียง คนตะโกนลั่นว่าให้หลบลูกฟุตบอลที่ถูกเตะ มันไปปะทะกับเสาไฟแล้วกระเด็นมาที่ฉันอย่างแรง

      กว่าฉันจะรู้ตัวหันไปมองก็ไม่ทันแล้ว เพราะลูกฟุตบอลมันเข้ามาใกล้มาก พี่เท็ตสึดึงเอาตัวฉันเข้ามากอด แล้วหันหลังมาบังลูกฟุตบอลไว้ ฉันหลับตาแน่น

      ตุ๊บ!? เสียงกระทบดังมาก พี่เท็ตสึจะเป็นไรมากรึเปล่านะ เสียงทุกอย่างเงียบไปครู่ใหญ่ พี่เท็ตสึนิ่งไป มือของเขาค่อยคลายออกจากตัวฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมอง เห็นพี่เขาหันมองไปข้างๆ ฉันจึงมองตาม

      มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ฉันรู้จักดี เจ้าของผมสีน้ำตาลอ่อน ตามสีน้ำตาลเข้ม แต่ดูเขาตอนนี้สิ อิชิอินั่งอยู่กับพื้น เลือดกำเดาไหลไม่หยุด ฉันรู้สึกตกใจมาก รีบวิ่งเข้าไปดู โดยที่นักกีฬา เจ้าของลูกเตะมหากาฬก็รีบวิ่งเข้ามาดูอาการ พลางขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

      อิชิอิ นายเป็นไงบ้าง ฉันถามดึงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากระโปรงมาเช็ดเลือดให้เขา

      เจ็บสิยัยบ้า เขาตะคอกและดึงผ้าเช็ดหน้าจากมือฉันไปเช็ดเอง ก่อนจะลดเสียงลง คราวหน้าก็ระวังหน่อยละกัน อย่ามัวแต่คุยเพลินจนไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกล่ะ อิชิอิเหล่มองพี่เท็ตสึที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้างหลังฉัน

      เออนี่ ไปทำแผลกันเถอะ ฉันบอกแล้วพยุงเขาลุกขึ้น ฉันหันไปยิ้มให้พี่เท็ตสึซึ่งเขาก็ยิ้มตอบ แล้วจึงพาอิชิอิออกไป

       

      ปล่อยได้แล้ว เดินมาอยู่ดีๆ อิชิอิก็สะบัดแขนออก ไม่ยอมให้ฉันพยุง

      แต่นายยังเจ็บอยู่เลยนะ ให้ฉันช่วยเถอะ ฉันเดินตามข้าง

      เดี๋ยวมันก็หยุดไหลเอง เธอก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเท็ตสึเถอะ รักกันมากนักไม่ใช่เหรอ เขาพูด แล้วเดินนำหน้าฉันไป ฉันหยุดเดินพลางคิดในใจว่าเขาไปรู้มาจากไหนว่าฉันกับพี่เท็ตสึรักกัน

      ฉันมองตามอิชิอิที่เดินห่างออกไป และแล้วฉันก็ได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงวิ่งตามไป

      นายขาเจ็บไม่ใช่เหรอ? ฉันพูด อิชิอิหยุดเดินทันที

      เธอ... รู้ได้ไง? เขาถาม ฉันยิ้มแล้วเขกศีรษะเขาไปหนึ่งที อิชิอิร้องลั่นพลางเอามือลูบหัว

      โอ้ย ยัยบ้าเขกลงมาได้ หัวคนนะ ไม่ใช่ลูกมะพร้าว จะได้เขกเอาๆ

      นายน่ะสิบ้า เด็กอมมือยังรู้เลยเดินกะเผลกๆซะขนาดนั้น มาให้ฉันพยุงไปห้องพยาบาลซะดีๆเลย ไม่งั้นฉันคงรู้สึกผิดไปจนตายแน่ ฉันบอก แล้วเดินเข้าไปจับแขนเขาโดยที่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น

      หลังจากอิชิอิเอาตัวเข้ามาบังลูกฟุตบอลจนหกล้มข้อเท้าพลิก เลือดกำเดาไหล ฉันพาอิชิอิไปทำแผลที่ห้องพยาบาล แล้วฉันก็พาเขากลับบ้าน

       

      เช้าวันต่อมา ซึ่งเป็นวันเสาร์ ฉันแต่งตัวสวยออกมาจากห้องน้ำ ฉันสวมเสื้อยืดรัดรูป และกระโปรงยาวถึงหัวเข่า เกล้าผมขึ้นให้เรียบร้อย

      ก็อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเรียกของอิชิอิ

      ชิโอริ เสร็จยัง? แต่งตัวนานเป็นบ้าเลย ฉันหิวแล้วนะ

      นั่นทำให้ฉันหมดอารมณ์ไปในที่สุด คนกำลังชมความสวยของตัวเองในกระจกอยู่ ไม่รู้ว่าจะมาเรียกทำไม แต่ตอนนี้หน้าที่ทำอาหารมันเป็นของฉันไปซะแล้ว ทั้งทำความสะอาดบ้าน ซักผ้าอย่างกับคนรับใช้แน่ะ แล้วถ้าลองไม่ทำสิ ก็จะโดนแกล้งทั้งวันเลย

      เข้าใจแล้ว ฉันตอบ แล้วเดินไปเปิดประตู แต่เขาเดินไปนั่งที่โซฟาแล้ว เขาหันหน้ามาพูดกับฉัน

      พันผ้าที่ข้อเท้าให้หน่อย

      เพราะฉันเป็นต้นเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บจึงต้องทำตามคำสั่งของเขาโดยไม่มีเงื่อนไง ฉันไม่ได้พูดอะไร เดินไปหยิบกล่องพยาบาลที่ว่างอยู่หลังตู้เย็น แล้วเดินมานั่งตรงหน้าเขา

      อิชิอิบิดตัวพิงที่วางแขน แล้วยกขาขึ้นวางตรงโซฟาข้างๆฉัน ฉันจัดการดึงผ้าพันแผลเก่าออก ข้อเท้าเขามีอาการบวมเล็กน้อย

      เพราะใครกันล่ะ อิชิอิพูดขึ้นมา ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ จะทำอะไรก็ไม่สะดวก

      โทษที ก็ฉันรับผิดชอบด้วยการทำแผลให้นายแล้วไง แถมยังทำตามคำสั่งนายทุกอย่าง

      แค่นี้มันจะไปพออะไร เขาพูด

      นายยังต้องการอะไรอีกล่ะ ฉันเริ่มพันผ้าพันแผลอันใหม่จนเสร็จ

      วันนี้เธอต้องอยู่กับฉันทั้งวัน คอยดูแลฉัน และทำตามที่ฉันสั่ง เรียกอีกอย่างว่ามาเป็นคนใช้ฉันก็ได้

      วันนี้ไม่ได้หรอก

      ทำไม มีนัดสำคัญกับใครรึไง... นี่ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ จะโทรสั่งพิซซ่า

      ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือให้อิชิอิไป เขารับไปแล้วอดเบอร์ ก่อนจะยกขึ้นแนบหู ฉันเอากล่องพยาบาลไปเก็บที่เดิม

      ฮัลโหล อิชิอิเริ่มพูด ฉันเดินเข้ามาใกล้

      วันนี้ชิโอริจะอยู่กับฉันทั้งวัน เขาพูดกับคู่สนทนา ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร พี่เท็ตสึไงล่ะ เขารู้ได้ยังไงว่าฉันจะออกไปกับพี่เท็ตสึ ฉันตกใจ รีบวิ่งไปดึงโทรศัพท์ออกมา

      ฮัลโหลๆ พี่เท็ตสึคะ แต่ก็ไม่ทันเขาวางสายไปแล้ว ฉันหันไปพลางทำหน้ามุ่ย

      อะไร แค่นี้เธอก็ไม่ต้องไปไหนแล้วไง อิชิอิทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฉันถอนหายใจ ก่อนจะกดเบอร์พี่เท็ตสึ

      พี่เท็ตสึคะ... ฉันเริ่มพูดเมื่อมีคนรับสาย แต่ไม่ทันจะได้พูด พี่เท็ตสึพูดสวนขึ้นมาอย่างทันควัน

      ไม่เป็นไรหรอกครับ ชิโอริอยู่เฝ้าอิชิอิเถอะ ส่วนเรื่องของขวัญ พี่ว่าพี่เลือกซื้อเองดีกว่า

      เอาแบบนั้นเลยหรือคะ? ฉันถามอย่างไม่แน่ใจ

      ครับ พี่เขาตอบกลับมา แล้วฉันก็วางสาย ก่อนจะหันไปมองอีตาบ้า ด้วยแววตาอาฆาตเล็กน้อย

      เพราะนายคนเดียวเลย... โอ้ย พี่เท็ตสึคงโกรธฉันมากแน่ๆ ที่ผิดสัญญา ฉันเดินไปนั่งข้างๆนายนั่น แล้วยกมือขึ้นกุมขมับ

      ช่างสิฉันไม่สนอยู่แล้ว

      แน่ะ ยังจะมาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีก ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ๆ ทำไมนายชอบแกล้งฉันนักนะ

      เฮ้อ ง่วงนอนจริงๆเลย อิชิอิทำท่าหาว แล้วบิดขี้เกียจ

      อ้าวแล้วไม่กินข้าวก่อนเหรอ ไหนนายบอกว่าหิวไง? ฉันถาม อิชิอิไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยกลับล้มตัวลงนอนหนุนตักฉันซะงั้น

      ก็ฉันง่วงนี่นา อิชิอิหลับตาลง ฉันเอามือลูบผมเส้นสีน้ำตาลของเขาเบาๆ ไวกว่าความคิด คำพูดหนึ่งก็หลุดออกมาจากปากฉันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

      พี่เท็ตสึเขาคงไม่ได้ตั้งใจ... อิชิอิลืมตาขึ้นทันใด

      ว่าไงนะ

      เอ่อเปล่า... ไม่มีอะไรหรอก

      เธอไปรู้อะไรมา พูดมาซะดีๆ อิชิอิลุกขึ้นนั่งมองหน้าฉัน

      เรื่องครอบครัวของนาย พี่เท็ตสึเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ที่จริงนายไม่น่าทำแบบนั้น ยังไง... ท่านก็เป็นแม่ของนายนะ ฉันบอก พลางมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของอิชิอิ

      แม่ของฉันมีคนเดียว ฉันไม่ต้องการแม่เลี้ยง อิชิอิหลบหน้าฉัน

      นายก็เลยหนีออกมางั้นสิ แล้วพ่อของนายล่ะ ท่านจะเสียใจขนาดไหน

      เธอไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน

      ท่านต้องเลือกระหว่างลูกชายของตัวเอง กับแม่ของพี่เท็ตสึ

      ฉันบอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง... คราวนี้ไม่ว่าเปล่า อิชิอิหันมาผลักฉันล้มลงบนโซฟา แล้วก้มลงจูบปากฉันแน่น จนฉันพูดไม่ได้

      คราวนี้มันนานกว่าครั้งที่แล้ว ฉันไม่ได้ขัดขืน เพราะฉันผิดเองที่เอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด มันเหมือนเป็นการตอกย้ำให้เขาไม่สบายใจ อิชิอิถอนริมฝีปากออกไป

      โทษที... เขาพูดอย่างสำนึกผิด

      ถ้าเป็นเธอจะเรียกใคร? เขาถามโดยที่ไม่ได้หันมามองฉัน

      ว่าไงนะ? ฉันถามพลางลุกขึ้นนั่ง

      ระหว่างฉันกับเท็ตสึ

      ...ก็ต้องเป็นนายอยู่แล้ว...ล่ะมั้ง

      จริงเหรอ อิชิอิหันมา หน้าตาเขาแสดงออกถึงความตื่นเต้น ทำไมล่ะ

      อืม เพราะนายเป็นคนที่ฉันสนิทด้วยที่สุดในเวลานี้ล่ะมั้ง อีกอย่างพี่เท็ตสึเขาก็เป็นเหมือนพี่ชายฉันคนหนึ่ง

      อิชิอิได้ฟังดังนั้น ก็โผเข้ากอดฉันแน่น แถมยังลอบหอมแก้มฉันไปฟอดใหญ่

      อ้าว ทำไมเปลี่ยนอารมณ์เร็วจังแฮะ แถมยังมาหอมแก้มฉันอีก ช่างเถอะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะที่ให้อภัย ตาบ้า

       

      เช้าวันต่อมา ตั้งแต่ผมเดินเข้ามาในโรงเรียนก็รู้สึกแปลกๆ เพราะมีแต่คนมอง แถมยังซุบซิบนินทากันตลอดทาง แต่พอผมหันไปมอง ก็กลับเงียบแล้วเดินหนีไปเฉยเลย

      ผมเริ่มงงแล้วนะ มีอะไรก็ว่ามาสิ! ในที่สุดผมก็ทนเดินมาจนเกือบถึงหน้าห้องของผมแล้ว แต่ทว่า ข้างหน้าไม่ไกลจากผมนัก มีคนมามุงดูบริเวณบอร์ดบอกข่าวเต็มไปหมด สงสัยคงมีข่าวอะไรใหม่ๆมาล่ะมั้ง ผมไม่ได้สนใจ จึงเดินผ่านไป

      ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ

      นั่นสิ คนสวยแถมเรียนเก่งอย่างพี่ชิโอริน่ะ

      กับพี่อิชิอิเนี่ยนะ เหมาะสมกันอยู่นา

      เสียงนินทาที่ดังขึ้น บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องของผม ผมหยุดเดินอย่างทีนทีทันใด แล้วรีบเดินเข้ามาดู และเมื่อผมปรากฏตัวขึ้น เท่านั้นแหล่ะ ทุกคนก็หยุดนินทา พลางหลบทางให้ผมเดินเข้าไปดูข่าวของตัวเอง

      และภาพที่ผมได้เห็น ก็ทำให้ผมตะลึงเป็นที่สุด

      นี่มันภาพที่ชิโอริพยุงนายผมที่เจ็บขาเข้าไปในห้องนี่นา พอถ่ายจากทางด้านหลังแล้ว มันก็เลยดูเหมือนเรารักกันมากๆ แถมยังมีภาพตอนที่เธอตากผ้าอยู่ที่ระเบียง แล้วผมยืนอยู่ข้างหลังด้วย นี่มันอะไรกันน่ะ!?

      ปิ้งป่อง ของพบฟูจิวาระ อิชิอิ  ที่ห้องพักครูเวลานี้ด่วน ย้ำ ของพบ ฟูจิวาระ อิชิอิ  ที่ห้องพักครูเวลานี้ด่วน

      เอาล่ะสิ ซวยแล้วเรา ผมเดินฝ่าฝูงชนออกมา ขนาดผมมาไกลขนาดนี้แล้ว ยังรู้สึกได้เลยว่า มีสายตานับร้อยกำลังจ้องมองมาทางผมอยู่ ใครกันนะที่เป็นคนทำเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันชัดๆ ถึงแม้ว่าผมอยากจะให้เรื่องนี้เป็นความจริงขึ้นมา แต่ถ้ายัยชิโอริต้องเดือดร้อนล่ะก็

      เมื่อผมเดินไปถึงห้องพักครู ก็พบว่าชิโอริยืนอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว เธอมองดูผมด้วยแววตาละห้อย

      ครูอยากจะรู้ว่านี่มันเป็นเรื่องจริงหรือเข้าใจผิด เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมา คางาวะ เธอต้องหลุดออกจากการเป็นนักเรียนทุนของมหาวิทยาลัย อาจารย์ฝ่ายปกครองพูด

      นี่มันเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดนี้เชียวเหรอ

      มันเป็นเรื่อง... ชิโอริเริ่มพูด

      ไม่จริงครับ ผมพูดตัดบทขึ้น เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เอ่อ... แค่ห้องติดกันน่ะครับ

      ชิโอริหันมามองอย่างงงวย ผมส่งสายตากลับ ว่าไม่ต้องเป็นห่วง

      ผมไปห้องของเธอทุกวัน เพื่อให้เธอช่วยติวให้ เพราะผมก็อยากสอบติดมหาวิทยาลังดังๆบ้างครับ ดังนั้นข่าวที่ติดอยู่ที่บอร์ดนั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ผมบอก

      อย่างนี้นี่เอง อาจารย์ฝ่ายปกครองเริ่มเชื่อ ถึงยังไงเธอก็ต้องไปอธิบายกันพ่อและแม่ของเธอเอาเองนะ        คางาวะ เพราะครูได้โทรไปแจ้งแล้ว ท่านจะมาถึงโตเกียวเย็นนี้

       

      ตลอดวันนี้ชิโอริไม่ได้มาเรียน หรือเธอกลับบ้านไปแล้วกันแน่ ผมนั่งเรียนจนถึงตอนบ่าย วิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นชั่วโมงสุดท้ายแล้ว

      โว้ย ทนไม่ไหวแล้ว

      ครูครับ ขออนุญาตกลับบ้าน ผมลุกขึ้นแล้วหยับกระเป๋าก่อนจะเดินพรวดพราดออกไป

      เดี๋ยว ฟูจิวาระ... ครูและนักเรียนในห้องพากันงงเป็นแถว

       

      เอ คงไม่ลืมอะไรแล้วนะ ฉันเก็บข้างของใส่กระเป๋าจนหมด ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวันกว่าจะเก็บหมด เหนื่อยแทบแย่ ฉันนั่งลงที่โซฟาพลางมองไปรอบห้อง อย่างอาลัย ฉันไม่อยากไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปอยู่บ้านนอก แต่เป็นเพราะว่าอะไรบางอย่าง ที่ยากจะอธิบาย...

      ...ใช่แล้วหัวใจฉันอยู่ที่นี่

      ฉันยังจำคำที่แม่พูดเอาไว้ได้ดี

      'จำไว้นะว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นเมื่อไหร่ แม่จะไปลากตัวมาให้ได้เลย'

      อีกสองชั่วโมงพ่อกับแม่ก็จะมาถึงแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า

      ในตอนที่ฉันอาบน้ำและแต่งตัวอยู่นั้น ก็คิดอะไรไปต่างๆนานา ภาพต่างๆลอยเข้ามามากมาย ภาพของเขา ถึงแม้ว่าตอนแรกฉันจะไม่ชอบที่เขาเข้ามาในชีวิต แต่ทุกอย่างที่เขาทำ มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นทีละนิดๆ

      เขาคอยปกป้องฉันตลอดมา

      ...อิชิอิ...ฉันรักนายนะ ฉันพูดออกมา พลางน้ำใสๆก็ไหลออกมาจากดวงตา

      ก็อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ฉันต้องรีบเช็ดน้ำตาแล้วเดินไปเปิดประตู

      พ่อและแม่ของฉันยืนอยู่ ฉันหลบให้ท่านเดินเข้ามา ท่านทั้งสองเดินสำรวจไปรอบห้อง

      พ่อได้รับแจ้งแล้วว่า เรื่องที่ลูกอยู่กับผู้ชายนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ท่านพูด ฉันปิดประตูแล้วเดินตามมา

      แต่ถึงยังไงลูกก็ต้องกลับไปกันเราอยู่ดี แม่พูดขึ้น แล้วนี่ประตูอะไร แม่ถามพร้อมกับเดินไปเพื่อเปิดประตู

      เอ่อ นั่น ไม่นะแม่ อย่างเปิดเชียวนะ

      ประตูถูกล็อคแม่จึงเปิดเข้าไปไม่ได้ ฉันได้โอกาสแก้ตัว

      อันที่จริงมันเป็นประตูที่ทำขึ้นหลอกๆน่ะค่ะ เหมือนรู้ติดผนังไง ถ้ายังไงเรารีบไปกันดีกว่านะคะ

      ฉันเร่ง เพราะกลัวว่าถ้าอิชิอิกลับมาแล้วจะเป็นเรื่อง

      ไหนล่ะกระเป๋าลูกน่ะ พ่อถาม ฉันจึงเดินเข้าไปในห้องเพื่อหยิบมันออกมา โดยพ่อกับแม่รออยู่ข้างนอก

      แล้วเราก็เดินออกจากห้องไป ฉันจัดการปิดประตูห้องแล้วเดินขึ้นลิฟท์ไป

       

      ผมยืนอยู่ในลิฟท์อย่างไม่สบายใจ สังหรณ์อะไรบางอย่าง แล้วทันทีที่ลิฟท์เปิดออกผมก็วิ่งไปยังห้องของชิโอริ ผมเปิดประตูแต่มันก็ถูกล็อค ถึงจะพยายามเคาะสักเท่าไหร่ก็เหมือนไม่มีใครอยู่ เมื่อนึกอะไรออกจึงวิ่งไปที่ห้องตัวเอง ผมเปิดประตูเชื่อมระหว่างห้องผมกับห้องของยัยนั่น

      ว่างเปล่า ข้าวของชิ้นเล็กๆหายไปหมดเลย ผมวิ่งเข้าไปในห้องนอนก็พบว่าเสื้อผ้าหายไปหมด ผมจึงไปนั่งหมดอาลัยอยู่ที่เตียงนุ่ม

      พลันสายตาก็สังเกตไปเห็นกระดาษแผ่นเล็ก แปะอยู่ที่กระจก ผมจึงดึงออกมาอ่าน

       

      ตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับนาย ฉันยอมรับว่าฉันรู้สึกดี จนอาจเรียกได้ว่า...รัก

      แต่กว่าจะมารู้ตัวอีกที ฉันกลับไม่มีโอกาสได้บอกนาย ว่าฉันรู้สึกยังไง

      ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งบอกลาด้วยซ้ำ จึงต้องเขียนใส่กระดาษ

      ลาก่อน...ชิโอริ

      ผมขยำกระดาษแผ่นนั้นทิ้งแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง ผมก็วิ่งไปถามที่เคาเตอร์ทันที

      ขอโทษนะครับ ชิโอริ ออกไปนานรึยัง?

      เมื่อสักครูนี้เองค่ะ

      แล้วทราบมั้ยครับว่าเขาไปที่ไหน

      คิดว่าคงเป็นที่สนามบินน่ะค่ะ เห็นว่ารีบมากกลัวไม่ทันเครื่อง

      ขอบคุณครับ ผมรีบวิ่งออกไปเรียกรถแท็กซี่ แล้วตามเธอไปที่สนามบินทันที

       

      เครื่องบินออกกี่โมงนะพ่อ แม่ถามขณะที่นั่งรออยู่ โดยพ่อนั่งข้างๆ แล้วฉันนั่งข้างหลัง

      อีกประมาณ 15 นาที

      ฉันนั่งมองคนที่เดินผ่านไปมาอย่างหมดอารมณ์ ไม่มีอะไรจะน่าเบื่อไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันปิดโทรศัพท์แล้วเก็บใส่กระเป๋าอย่างเดิม ก่อนจะนั่งเหมือเหมือนเดิม

       

      'หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้ กรุณา...' ผมกดเบอร์ใหม่อีกครั้ง เบอร์ของชิโอริ แล้วแนบหูฟัง

      'หมายเลขที่ท่าน...' ผมกดวางสาย

      พี่ครับ ช่วยเร่งอีกหน่อยได้มั้ยครับ ผมบอกคนขับ ซึ่งพี่เขาก็ทำตามที่บอก กว่าจะมาถึงก็เกือบ 6 โมงแล้ว อีกประมาณ 5 นาที

      ผมรีบจ่ายเงิน แล้วลงจากรถ ก่อนจะวิ้งเข้าไปในสนามบิน

      ผมสอดส่ายสายตามองหาชิโอริอย่างไม่ลดละ ทุกซอกทุกมุม จนในที่สุดก็พบ

      นั่นไง ชิโอริกำลังจะเดินเข้าประตูไป

      ชิโอริ ชิโอริ อย่างเพิ่งไป ชิโอริ ผมตะโกนเรียกสุดเสียง

       

      ฉันรู้สึกเหมือนมีใครเรียก เสียงคล้ายๆอีตาอิชิอิ แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ สงสัยว่าคงหูฝาดไปเอง ฉันเดินตามพ่อกับแม่ไป ที่ตอนนี้กำลังจะผ่านเข้าประตูไป ฉันเดินตามไปติดๆ

      จู่ๆก็มีคนมาดึงมือฉันไว้

      เดี๋ยวสิอย่างเพิ่งไป อิชิอินั่นเอง เขาพูดด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ

      เสียงที่ฉันได้ยินเป็นเสียงนายจริงๆด้วย

      นี่มันอะไรกัน พ่อกับแม่เดินกลับมาดู อิชิอิเห็นดังนั้นก็คุกเข้านั่งลงต่อหน้าท่านทั้งสอง คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างหันมาดูกันยกใหญ่

      คุณคางาวะครับ ผมรักชิโอริครับ ผมจะไม่ยอมให้คุณพาคนที่ผมรักไป ถ้ายังไง ได้โปรดให้เราคบกันด้วยเถอะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอเสียใจเป้นอันขาด

      ตายแล้วนี่เขาสารภาพฉันกลางสนามบินเลยเหรอเนี่ย คนเริ่มมามุงดูกันมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าหน้าร้อนวูบวาบไปหมด พ่อกับแม่จะว่ายังไงบ้างนะ ฉันใจเต้นไปหมดเลย

      ทุกคนเงียบไป เพื่อฟังคำตัดสิน

      ฮะๆๆ กล้าดีนี่ พ่อหัวเราะออกมา ทั้งฉันและแม่งงไปตามๆกัน

      เอ้า ไม่เป็นไรๆ ลุกขึ้นเถอะ พ่อเดินเข้ามาพยุงให้อิชิอิลุกขึ้น

      คุณคะ... แม่ตั้งใจจะแย้ง แต่พ่อพูดขึ้นก่อน

      เอาน่า คุณจำไม่ได้เหรอว่าสมัยก่อนเราก็เป็นกันแบบนี้ ผมต้องลงทุนนั่งคุกเข้าหน้าบ้านคุณ เพื่อให้พ่อคุณเห็นใจ ผมจึงเข้าใจพ่อหนุ่มคนนี้ดี ให้พวกเขาคบกันเถอะนะ พ่อช่วยขอร้องแม่อีกทาง

      ...ก็ได้ค่ะ แต่นายต้องไม่ทำให้ลูกสาวฉันเสียใจเป็นอันขาด ไม่อย่างงั้นคราวนี้จะไม่มีคำว่าเห็นใจอีก แม่ยื่นคำขาด

      ครับ อิชิอิให้สัญญา ก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด คนที่มามุงดูต่างก็ปรบมือแสดงความยินดี และอวยพรให้เราทั้งสอง

      เราส่งพ่อกับแม่ขึ้นเครื่องบินแล้วก็พากันกลับบ้าน

      เป็นไงคำสารภาพรักของฉัน อิชิอิภามขึ้นเมื่อมาถึงบ้าน เขาเปิดประตูให้ฉันเข้าไปก่อน แล้วจึงตามเข้ามาทีหลัง

      อืม เป็นอะไรที่ซึ้งสุดๆเลย... นี่ไหนพูดให้ฟังอีกครั้งได้มั้ย ฉันอยากฟังอีก อิชิอิเดินเข้ามากระซิบเบาๆที่ข้างหู

      ฉันรักเธอ เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

      ขออีก

      ฉันรักเธอ

      อีกครั้งนึง

      ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ พอใจรึยัง อิชิอิบอกรักฉันพลางอุ้มฉันขึ้น แล้วหมุนไปมา ฉันกอดคอเขาอย่างมีความสุข

      ฉันก็รักนาย

      เราทั้งสองจุมพิตกันอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ฉันเชื่อว่าจะต้องมีครั้งสี่ ห้า และหก ต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่เรายังรักกันอยู่อย่างนี้

       

                                  จบ

       

        

       

         

       

       

         

       

          

       

       

       

       

       

          

       

       

         

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

           

       

       

       

       

       

             

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×