คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER 6
Sharing and learning countless emotions everyday with you
ได้แบ่งปันและเรียนรู้อารมณ์ต่างๆมากมายที่ไม่อาจนับได้ เมื่ออยู่กับเธอ
Fighting, crying and huggingTell me, if this is love
ทั้งทะเลาะ ทั้งร้องไห้ รวมไปถึงการกอดกัน , ได้โปรดบอกฉันที ว่ามันคือความรักใช่หรือไม่?
พี่ลู่หานไม่กลับมาทานข้าวเย็น.. อาหารที่วางมากมายอยู่เต็มโต๊ะ มีเพียงเจ้าชายกับแบคฮยอนเท่านั้นที่นั่งอยู่ด้วยกัน คนตัวเล็กพยายามชะเง้อมองออกไปที่ประตูบ้าน แต่มันไม่มีวี่แววของพี่ลู่หานเลย
“ทานเถอะครับ ซุปเย็นแล้วไม่อร่อยนะ” เป็นเจ้าชายที่เอ่ยขึ้นก่อน เขาพยายามยื่นถ้วยซุปให้กับคนตัวเล็ก
“แต่ว่าพี่ลู่หาน..”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เจ้าเตี้ยนั่นคงงานยุ่งน่ะ พี่ว่าถ้ามันจะกลับมาก็กลับมานานแล้วละ นี่สองทุ่มแล้วนะครับ” เจ้าชายเอามือลูบศีรษะของแบคฮยอนอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยังมีสีหน้าที่ขึ้นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาเป็นห่วงว่าพี่ลู่หานจะยังไม่ได้ทานอะไรเลย..ดวงตาเรียวเล็กนั่นหม่นลง และเป็นเจ้าชายที่พยายามพูดให้แบคฮยอนทานข้าว
“........”
“คุณเจ้าหญิง เจ้าชายหิวแล้วครับ ดูสิ เจ้าชายท้องร้องจะตายแล้วนะครับ ทานเถอะ เดี๋ยวเจ้าชายตักให้นะ แบคฮยอนชอบทานไก่ใช่ไหมครับ เจ้าชายจำได้”
แบคฮยอนมองภาพคนในดวงใจตัวเองลูบท้องทำหน้ายู่ก่อนจะพยายามหั่นไก่เป็นชิ้นพอดีคำตักใส่จานให้ คนตัวเล็กมองไปที่พี่ “อู๋ อี้ฝาน” เจ้าชายใจดีที่พยักหน้าให้คล้ายกับบอกให้ทานข้าว แบคฮยอนปฏิเสธไม่ได้จึงได้แต่ก้มหน้ารับคำตกลงไปพร้อมกับใจที่ยังคงเป็นกังวลกับพี่เลี้ยงใจร้าย
“ครับ..”
Cinderella Story
ค่ำคืนที่มืดมิดปรากฏดาวพร่างพรายอยู่เต็มท้องฟ้า ผู้ชายตัวโตกับเด็กหนุ่มตัวเล็กนั่งข้างกันอยู่ที่ชิงช้าไม้สีขาวบริสุทธิ์ในสวนสวยหลังบ้าน แบคฮยอนหันไปมองด้านข้างของพี่อี้ฟานที่อมยิ้มเงยหน้าดูท้องฟ้าอยู่แล้วเอ่ยถาม
“เจ้าชายหายไปนานเลยนะครับ ผมไม่ได้เจอเจ้าชายพอๆกับไม่ได้เจอพี่ลู่หานเลย”
“แล้วเป็นไง เจ้าชายหล่อขึ้นมั้ย?”
“ฮ่ะๆ ก็เหมือนเดิมนี่ครับ ”
“อื้มม งั้นแสดงว่าหล่อเหมือนเดิม “
อู๋ อี้ฝาน หลิ่วตาให้แบคฮยอนแล้วยิ้มกว้างให้ เสียงหัวเราะของน้องชายตัวบางดังก้อง เจ้าชายหิมะมองรอยยิ้มนั้นแล้วยิ้มกว้างเช่นกันก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวแบคฮยอนเบาๆ
“เจ้าชายไปอยู่ที่แคนาดามาครับ อากาศที่นั่นหนาวมากเลย” ตาเรียวเล็กกลายเป็นตาโตเมื่อได้ฟังคำบอกกล่าว เขาเอียงคอสอบถามคนข้างๆ
“งั้นก็ต้องเจอพี่ลู่หานบ่อยสิครับ “
“ฮ่าๆ ทุกวันแหละครับ รายนั้นชอบมาดูบอลที่บ้านพี่ ”
แบคฮยอนพยักหน้าเข้าใจ พวกเขาสองคนคงจะสนิทกันมาก เพราะตั้งแต่เด็ก แบคฮยอนก็เห็นว่าเจ้าชายเป็นเพื่อนรักของพี่ลู่หาน และแน่นอน...สำหรับแบคฮยอนแล้ว เจ้าชายคือคนที่เปรียบดังความอบอุ่นในฤดูหนาว เป็นความอบอุ่นที่แสนดีที่คอยสาดแสงมายังดวงใจอันเล็กน้อยของแบคฮยอน
“ว่าแต่แบคฮยอนยังชอบการถ่ายรูปอยู่หรือเปล่าครับ?” เจ้าชายเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับแบคฮยอนที่พยักหน้าตอบรับเบาบาง
“ขอโทษด้วยนะที่แอบมาตัดดอกกุหลาบที่นี่หนึ่งดอกในสวน แล้วขี้ตู่เอามาให้แบคฮยอนตอนเย็น ที่จริงเจ้าชายซื้อของมาฝากด้วย อาจจะไม่แพงอะไรมาก แต่เชื่อว่าแบคฮยอนต้องชอบมากแน่เลย”
มือหนาของคนตัวสูงเอื้อมไปหยิบกล่องของขวัญสีน้ำเงินกล่องไม่ใหญ่มากออกมาจากด้านหลัง โบว์สีแดงประกายระยับระยับคล้ายแสงดาวทำให้ของขวัญดูสวยจนทำให้คนตัวเล็กกว่าไม่อยากเปิดออกมาดู
“ลองเปิดดูไหมครับ?” เจ้าชายสอบถามพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนมาให้ แบคฮยอนยิ้มจนเห็นฟันขาวเขี้ยวเล็กแล้วเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
“ดะ ได้หรอครับ?”
คนตัวสูงผมทองเพียงแต่พยักหน้าให้แล้วยิ้มบางเท่านั้น ก่อนมือหนาจะยกขึ้นมาเกาหัวตัวเองแก้เขิน เพิ่งรู้เหมือนกันว่าการเห็นดวงตาคู่นั้นฉายแววประกายความดีใจ จะทำให้รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก มือขาวเล็กของแบคฮยอนค่อยๆแกะกล่องของขวัญอย่างบรรจง..
หัวใจดวงน้อยเต้นดังออกมาเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องของขวัญ..จริงอย่างที่บอก มันไม่ได้แพงหรือเริศหรูอะไรมาก
แต่สิ่งที่เจ้าชายมอบให้นั้น มันจะสร้างคุณค่าในใจให้กับเขาได้อีกมากมาย
สิ่งนั้นคือกล้องโพลารอยด์..
แบคฮยอนพลิกสำรวจมองกล้องสีขาวตัวนั้นแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมีสติกเกอร์รูปการ์ตูน เจ้าชายกับเจ้าหญิงและตัวอักษรเล็กๆแปะอยู่ มันมีคำว่า “KRISBAEK”
“เจ้าชาย...”
คงเป็นเพราะไม่มีใครให้ของขวัญกับแบคฮยอนมานานมากแล้ว คนตัวเล็กน้ำตารื้นแล้วกอดไปยังไหล่หนาของพี่อู๋อี้ฟานเต็มแรง เขาดีใจที่เจ้าชายกลับมา ดีใจมากที่ได้เจอกันอีกครั้ง เพราะเจ้าชายคือ คนที่แสนดีที่สุด..
ที่เรียกว่าเจ้าชาย เพราะพี่ “ อู๋ อี้ฝาน ” คือคนที่ช่วยแบคฮยอนจากอุบัติหตุในครั้งนั้น
ในครั้งนั้นที่ร่างบางตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้ว่าพี่ลู่หานไปอยู่ที่ไหน ในครั้งนั้นที่รู้ความจริงว่า ตัวเองต้องอยู่ที่บ้านคนเดียว ไม่มีคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชายอีกต่อไป
ในวันที่ไม่เหลือใคร พี่อี้ฟานคือคนที่ดูแลเค้า ให้ความอบอุ่นเค้า อีกทั้งยังพามาส่งที่บ้านก่อนจะบอกว่าเจ้าชายต้องไปเรียนต่อและทำงานก่อน แล้วจะกลับมารับ “เจ้าหญิง” อย่าง พยอน แบคฮยอน
การที่เราได้รู้ว่าตัวเองมีความสำคัญ หรือมีคุณค่ากับใครมันทำให้เรารู้สึกว่ามีกำลังใจอยากอยู่บนโลกนี้ต่อไป และเจ้าชายคือหนึ่งในคนหลายร้อยคนบนโลกที่คอยบอกว่า “แบคฮยอน เป็นคนหนึ่งที่สำคัญสำหรับเจ้าชาย..”
“ไง ไม่กลับมาพรุ่งนี้เลยละ มึงไปไหนมา ไอ้สัส นี่กูอุตส่าห์บินตรงกลับมา เพื่อมาเห็นหน้ามึงพร้อมกลิ่นคลุ้งแอลกฮอล์เนี่ยนะ”
อู๋ อี้ฝานเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเดินลงมาจากบันไดชั้นบนของบ้าน หลังจากส่งแบคฮยอนเข้านอนเสร็จ คนตัวสูงก็ตั้งใจจะขับรถกลับ แต่ดวงตาคมของเขาก็เหลือบเห็นว่าเพื่อนรักตัวเตี้ยกว่าเดินสวนเข้ามาในบ้านพอดี ผมเผ้ายุ่งเหยิงพร้อมกับใบหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อน เหมือนไปเมาที่ไหนมา และพอสร่างเมาก็ขับรถกลับบ้าน
ให้ได้แบบนี้สิวะ ไอลู่!
“จะบ่นเพื่อ? กูไปจัดการงานที่บริษัทให้มึงนี่แหละ มึงไม่สนใจเหี้ยไรเลยนี่หว่า กูไปหาอี้ชิงต่อและกูรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยขับรถไปหาหมอ”
ลู่หานตอบแบบไม่ใส่ใจนัก เรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เจ้าชายของแบคฮยอนไม่สนใจด้านธุรกิจเลยซักนิดเพราะเขามีความใฝ่ฝันอยากเป็นสถาปนิก งานที่บริษัทส่วนใหญ่จึงให้ผู้บริหารอื่นๆมาช่วยจัดการเท่านั้น เพื่อนซี้ตัวโย่งขมวดคิ้วหนาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
“และหมอว่าไงวะ มึงยังไหวนะ”
“ไม่ว่าไง หมอแค่บอกกูให้พักผ่อนบ้าง กูไม่ค่อยได้นอน แต่ยังไหวอยู่ มึงจะกลับยังละ แดกเบียร์กับกูก่อนดิ มีเรื่องต้องคุยกะมึงเยอะเลยสัส”
“เออ แต่กูขอร้อง...กูกับมึงแดกคนละกระป๋องพอนะ”
“ฮ่าๆ มึงกลัวขับรถกลับบ้านไม่ได้หรอวะ? ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเปลืองเหล้าบ้านกูมาก”
อี้ฝานเดินออกไปนอกบ้านแล้วจุดบุหรี่สูบรอ ลู่หานเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อจะหยิบเบียร์มาสองกระป๋อง เมื่อเปิดตู้เย็นขาโปร่งของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่เลี้ยงใจร้ายต้องสะดุด เพราะสายตาเหลือบไปเห็นถ้วยซุปเขียวข้นที่มีพลาสติกซีนอย่างดี มันเป็นซุปบรอคโคลี่ อาหารถ้วยโปรดของลู่หานวางอยู่บนเคาท์เตอร์ใกล้กับตู้เย็นใหญ่
มือหนาเอื้อมไปหยิบกระดาษโน้ตเล็กๆที่แปะอยู่ขึ้นมาอ่าน เขาจำได้ดี มันเป็นลายมือของน้องชาย...ลายมือตัวเล็กของแบคฮยอนเรียบร้อย และเขียนตัวบรรจงเป็นระเบียบราวกับตั้งใจเขียนอย่างมาก
เผื่อพี่กลับมาแล้วหิว อย่าลืมอุ่นทานนะครับ
ลู่หานถอนหายใจยาวออกมาแล้วหลับตาลง ทั้งที่เขาพลั้งตัวพูดไม่ดีใส่เมื่อวันก่อน ทั้งที่เขาเผลอตวาดคนตัวเล็กไปเพียงเพราะเห็นน้องอยู่กับคนอื่น แบคฮยอนก็ยังเป็นแบบเดิม เอาใจใส่เขาอยู่อย่างนั้น
ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะแบคฮยอน นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับพี่เลย..
พี่เลี้ยงใจร้ายหยิบถ้วยซุปเขียวนั้นขึ้นมาค่อยๆแกะพลาสติกออก จากนั้นมือของกวางหนุ่มก็จัดการเทซุปทั้งหมดลงไปในถังขยะด้วยอารมณ์ที่ยากจะเข้าใจ
พี่อยากทานให้นายนะ แต่พี่อิ่มแล้ว...
แบบนี้นายจะสบายใจกว่าที่นายจะตื่นมาแล้วเห็นว่าพี่ไม่ได้ทานซุปของนายเลย
หลังจากโยนกระป๋องเบียร์ไปให้เพื่อนสนิทที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่เก้าอี้หินอ่อน ลู่หานก็หยิบบุหรี่ชั้นดีมาคาบก่อนจะก้มหาไฟแช็คอยู่อย่างนั้น อี้ฟานเห็นดังนั้นก็จิปากแล้วโยนไฟแช็คราคาแพงของตัวเองมาให้ ลู่หานเหลือบตามองก่อนจะจุดแสงไฟวาบแล้วโยนคืนไปอย่างไม่ใยดี ควันขาวที่ลอยสูงทำให้คนสองคนนึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
“ มึงก็อย่ายึดติดกับอดีตมากนักเลย กูว่าน้องคงทรมาณแต่น้องคงไม่ได้โกรธมึงหรอก“
อู๋อี้ฟานจิบเบียร์ไปหลายอึกก่อนจะเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน เขาเงยหน้ามองฟ้าพลางใช้ความคิดคนเดียว กลิ่นบุหรี่ทำให้ปอดเขาชุ่มฉ่ำและจิตใจสงบ
“ ยังไงแบคฮยอนก็ต้องทรมาณอยู่แล้ว และกูก็ไม่อยากให้น้องให้อภัยกู มึงอย่าลืม ว่ากูเป็นคนทิ้งน้องไปนะ “
“ บางทีกูก็ไม่เข้าใจ มึงก็แค่บอกความจริงเค้าไป จะยากหรือไงวะ ”
“ อืม ยาก ”
ความเงียบเป็นคำตอบที่ดีอีกครั้ง...แต่ละคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง อี้ฝานถอนหายใจยาวออกมา เขารู้ดีว่าเพื่อนรักของเขาเป็นคนยังไง ลู่ หาน เป็นคนจริงจัง คิดจะทำอะไรทำจริง และเลือกที่จะไม่ให้อภัยตัวเองต่อสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
ตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา เจ้าชายหิมะคนนี้ มักจะได้ยินเพื่อนรักพร่ำอยู่อย่างนั้นทุกครั้งที่เมาว่ามัน “ไม่มีความรับผิดชอบ” เลย พี่ขอโทษนะครับแบคฮยอน พี่ผิดไปแล้วอยู่อย่างนั้น
“แล้วเรื่องนั้น....มึงมั่นใจใช่ไหม ว่าจะเอาอย่างนี้ ? เพราะถ้ามึงปล่อยมือแบคฮยอนให้มาหากู กูจะไม่ปล่อยน้องคืนให้มึงอีกแล้วนะ ”
“เออ อย่างนี้แหละ ยังไงกูก็สู้มึงไม่ได้อยู่แล้วนี่หว่า เจ้าชาย”
ลู่หานหัวเราะหึในลำคอก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาอีกครั้ง และแน่นอน อู๋อี้ฟานก็ต้องโยนไฟแช็คให้อีกตามเคย
จะเรียกว่าอย่างไรละ พวกเขาสองคน แค่มองหน้าก็รู้แล้ว ว่าคิดอะไรกันอยู่
“กูขอเวลาอยู่กับน้องซักสามวัน แล้วจากนั้นมึงก็เอาเจ้าหญิงของมึงไปได้เลย”
“ทำไมมึงพูดอย่างกับน้องเป็นสิ่งของ? จะให้กูเมื่อไหร่ก็ได้วะ บางทีจิตใจแบคฮยอนอาจจะไม่ใช่ของเล่น.”
“แล้วมึงจะเสือ กทำไม น้องเป็นคนของกู กูก็จะทำลายหัวใจน้องยังไงก็ได้”
“คนของมึง กล้าพูดนะ? แต่จะยกคนของมึงให้กู? ง่ายนี่หว่า”
ลู่หานส่ายหน้า ยิ้มบางให้กับพื้น แล้วเขี่ยบุหรี่ที่สูบไปได้เพียงครึ่งมวนเท่านั้น
“ที่กูให้มึงมา เพราะกูคิดว่ากูไว้ใจมึงได้”
“และมึงก็รักแบคฮยอน ไม่ใช่หรอวะ อี้ฝาน?”
เจ้าชายหิมะ ไม่ยิ้มให้กับเพื่อนรักของตนเอง ลู่หานคนนี้ไม่เหมาะที่จะได้รับรอยยิ้มจากเขาเลยซักนิด
มีบางอย่างที่เจ้าชายหิมะรู้สึกหนักใจ และบางอย่างนั้นมันดูผิดแปลกออกไป
“ความรักมันง่ายแบบนั้นจริงๆหรอ?”
เขารักแบคฮยอน ใช่ แต่เขารักแบคฮยอนเพียงเพราะแบคฮยอนน่าสงสารจนเขาสมควรให้ความรักต่างหาก เขากลัวแบคฮยอนจะไม่เหลือใครจริงๆ และนั่นคือสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ในใจของคนที่ชื่อว่าเป็น เจ้าชาย
อย่างไรก็ตามคำว่า “เพื่อนสนิท” ที่ค้ำคอของเจ้าชายหิมะอยู่อย่างนั้นทำให้ไม่มีประโยคใดเอื้อนเอ่ยต่อ เขาทำได้แค่เพียงทำสิ่งที่ลู่หานต้องการเพียงแค่นั้น
“มึงจะคิดไรมากวะ ยังไงแบคฮยอนก็รักมึงอยู่แล้ว”
ลู่หานชกหนักไปยังไหล่หนาของเพื่อนตัวสูงแล้วหัวเราะในลำคอ
เจ้าชายหิมะ หรือ อู๋อี้ฝาน คือเพื่อนรักที่ลู่หานไว้วางใจมากที่สุด
และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาเชื่อว่า อี้ฟานจะเป็นคนคอยดูแลแบคฮยอนอย่างดีแน่นอน
“เพราะตามหลักในหนังสือนิยายแล้ว เจ้าชายจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้าหญิงไปเหมือนกับเขา...”
สัมผัสยุกยิกที่ดวงตาทำให้แบคฮยอนรู้สึกรำคาญ มันเหมือนมีใครซักคนเอานิ้วมาแหย่ขนตาเขาอยู่อย่างนั้น ตาเรียวเล็กค่อยๆขยับขึ้นปรับโฟกัสลุกจากเตียง ภาพมัวปรากฏร่างของใครซักคนนั่งยองกำลังมองมาที่เขาและกำลังเล่นกับขนตาเขาอยู่ เมื่อภาพนั้นชัดเจนกลับทำให้คนตัวเล็กตกใจ
“พะ พี่ครับ”
“นายตื่นแล้วหรอ?”
พี่ลู่หานหัวเราะแล้วยิ้มบางมาให้ น้ำเสียงที่ผิดแปลกออกไป แววตาที่มีแต่ความเอ็นดู แบคฮยอนแปลกใจอีกครั้งที่เห็นว่าอยู่ดีดีพี่ชายก็มาทำอะไรแบบนี้
“แบคฮยอน นายว่างหรือเปล่า....ช่วยโดดเรียนไปเที่ยวกับพี่สามวันได้ไหม?”
“คะ ครับ?”
รถเต่าสีฟ้าอ่อนที่เคลื่อนที่ออกไปตามถนนใหญ่ ทิวทัศน์ข้างทางเริ่มกลายเป็นทุ่งหญ้าและภูเขางดงาม พี่ลู่หานบอกว่าเขาเอารถเต่าไปซ่อมแซมให้แบคฮยอนแล้ว วันนี้จะทดลองขับมาเที่ยวที่นี่เพื่อทดสอบว่าการใช้งานยังดีอยู่ ลู่หานใช้มือข้างเดียวหมุนพวงมาลัย หากแต่มืออีกข้างกลับยื่นมือมาจับมือเล็กของแบคฮยอนอยู่อย่างนั้น
คนเป็นน้องชาย ไม่กล้าพูดอะไรมาก เขาได้แต่ปล่อยให้พี่ลู่หานส่งความอบอุ่นมาให้เท่านั้น ส่วนตาเรียวเล็กก็แอบมองใบหน้าด้านข้างของพี่ชายแล้วสงสัย วันนี้ใจดี วันนี้ไม่พูดว่าอะไรเค้าซักนิด รวมไปถึงวันนี้ช่างเหมือนกับวันดีดีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อนเลย ทั้งสองคนอยู่ในความเงียบกันมาซักระยะหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นพี่ชายผมทองจึงเอ่ยถาม
“อี้ฝานซื้ออะไรมาฝากนายละ”
“กล้องโพลารอยด์ครับ”
“เพื่อนฉันมันใจดีนะ แบคฮยอนต้องรักมันให้มากๆ เข้าใจไหม”
ใบหน้าเรียวเล็กพยักหน้าอ่อนๆ ก่อนจะมองไปข้างทาง สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่คุ้นเคยจัง พี่เขาจะพาเราไปที่ไหนกันนะ แบคฮยอนมองวิวข้างทางแล้วเพลินจนเผลอหลับไป เขาไม่ได้รู้สึกอ่อนเพลียเลย แต่ว่าพอเขาอยู่กับพี่ลู่หานแล้วเขารู้สึกปลอดภัย ปลอดภัยจนมั่นใจว่าตัวเองสามารถหลับตาลงโดยไม่ต้องกังวลอะไรซักนิดได้...
หากเจ้าชายหิมะ คือความอบอุ่นที่มาพร้อมความเย็นที่อ่อนโยน พี่ลู่หานจะคือความอบอุ่นที่มาพร้อมกับดวงอาทิตย์ ซึ่งบางครั้ง.... ดวงอาทิตย์นั้นอาจจะส่องแสงสว่างจ้าจนเกินไปและอาจจะทำร้ายแบคฮยอนได้ในวันหนึ่ง.....แต่เราทุกคนบนโลกต่างทราบดี...เราขาดดวงอาทิตย์ไม่ได้
“เอาละ น้องชาย ตื่นได้แล้ว เรามาถึงแล้วนะ” เสียงของพี่ลู่หานดังขึ้นมาในโสตประสาท แบคฮยอนขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะมองพี่ชายตนเองที่เปิดประตูรถรอไว้อยู่แล้วคนเป็นพี่ยักคิ้วให้แล้วยิ้มบาง ก่อนจะจับมือแบคฮยอนให้พาเข้าไปในบ้าน
บ้านหลังนี้ คือบ้านที่แบคฮยอนเคยบอกไว้เมื่อสิบปีก่อนว่าเป็นบ้านในฝัน บ้านที่เขาจะมาอยู่กับพี่ชาย..
บ้านเล็กสีขาวริมทะเลสาบยังคงเป็นแบบเดิม ประตูกระจกที่สามารถเปิดออกให้มองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบและภูเขาที่งดงามได้ ในตอนนี้ บ้านหลังน้อยมีการตกแต่งสวนดอกไม้เพิ่มขึ้นมาทำให้สวนหน้าบ้านสวยจนไม่มีที่ติ แบคฮยอนหันไปมองลู่หานที่อมยิ้มมาให้แล้วน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
“เป็นไง ชอบหรือเปล่า?”
“พี่ลู่หานจำได้ด้วยหรอครับ”
“จำได้สิ แบคฮยอนเคยบอกความฝันพี่ว่าอะไรพี่ก็จำได้หมดแหล่ะ “
“พี่ครับ...”
แบคฮยอนปาดน้ำตาของตัวเองแล้วร้องไห้เหมือนเด็กอยู่อย่างนั้น เขากระโดดเข้าไปกอดลู่หานโดยไม่สนใจว่าพี่ชายจะผลักเข้าออกหรือเปล่า เขาไม่สนใจว่าพี่เลี้ยงใจร้ายจะไม่สนใจใยดีเขาอีกหรือไม่ น้ำตาไหลซึมไปทั่วอกหนา แขนเล็กนั้นใช้กำลังที่มีอยู่ทั้งหมดโอบกอดลู่หานจนแน่น
“ร้องไห้ทำไม ขี้แยอีกแล้ว ไม่ต้องร้องนะ” ใบหน้าพี่ชายสะท้อนรอยยิ้มกลับมา ในแววตาของพี่เขามีน้ำสีใสเช่นกัน หากแต่ในประกายความสุกสว่างนั้นสะท้อนเงาของน้องชายอยู่ มือหนาค่อยๆเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ แบคฮยอนยิ้มกว้างทั้งน้ำตาแล้วกอดลู่หานอีกครั้งจนแน่นก่อนจะใช้คางของตัวเองซบลงกับไหล่ของพี่ชายอยู่อย่างนั้น
พี่ครับ....นี่คือพี่จริงๆด้วย พี่กลับมาแล้วหรอครับ...
พี่ลู่หานช่วยบอกแบคฮยอนที ว่าแบคฮยอนไม่ได้ฝันไปใช่ไหมครับ..
ทั้งสองคนกอดกันเนิ่นนาน ในบ้านสีขาวสะอาด บ้านที่เป็นความฝันของน้องชาย..
“เอาล่ะ ทีนี้นายก็เซ็นนะ พี่ยกให้ มันจะไม่ได้เป็นของพี่ แต่มันคือสมบัติของนายนะ เข้าใจไหม” ลู่หานพาน้องเข้ามานั่งที่โซฟาสีครีมอ่อนก่อนจะหยิบกระดาษขาวพร้อมปากกาออกมา เขายื่นเอกสารที่มีให้กับคนอ่อนวัยกว่า
“ผมไม่อยากได้หรอกครับ...ผมมีสมบัติของพี่แล้ว” แบคฮยอนชี้ไปที่สร้อยข้อมือเงิน สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ลู่หานมอบให้เขาตั้งแต่เด็ก และมันไม่เคยถูกถอดออกเลยซักครั้ง
“เซ็นเถอะ นายจะได้มีบ้านเป็นของตัวเองไง พี่ซื้อให้นายนะหรือต้องให้พี่ดุ?” ลู่หานทำท่าขมวดคิ้วเท้าสะเอว แต่นั่นไม่ใช่ท่าทางของคนดุเลย แบคฮยอนคิดว่ามันคล้ายกับตาแก่มากกว่า คนเป็นน้องยู่หน้าลง ก่อนจะยิ้มบางแล้วพยักหน้ายินยอม เขาอยากให้พี่ชายใจดีกับเขาต่อไป จึงไม่อยากขัดใจอะไรทั้งนั้น
“แล้วเอกสารภาษาอังกฤษนี่หละครับ?“
“อื้มม เซ็นไปด้วย”
เป็นเวลาหลายปีหลังจากเรียนจบที่ลู่หานทำงานเป็นผู้บริหารให้กับบริษัทเครือจอห์นสันที่แคนดา นั่นเพียงเพราะว่าเจ้าของบริษัทไม่ยอมขายบ้านหลังนี้ให้เขาซักที บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ลู่หานและแบคฮยอนเคยผ่านมาเมื่อสมัยเด็ก
ด้วยความที่ใกล้กับทะเลสาบมาก ทั้งสองจึงใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยที่ใกล้บ้านสีขาว ไม่ว่าจะเป็นฤดูอบอุ่นอย่างในตอนนี้ หรือเป็นฤดูหนาวที่หิมะตก ทั้งสองพี่น้องก็มีความทรงจำมากมายอยู่ที่นี่..
“อืม แล้ววันนี้ตอนเย็น เราไปเทศกาลดอกไม้ไฟที่วัด K กันไหม”
“ไปได้หรอครับ?”
“ได้สิ”
“ยู้วฮุ้วววววววววว”
แบคฮยอนเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เขาร่าเริง ยิ้มให้ลู่หานจนกว้างตาปิด แถมยังจูงมือลู่หานให้วิ่งออกไปดูสวนหน้าบ้านด้วยกัน พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว มีเพียงแสงสีส้มอ่อนที่สาดทอลงมา ดอกไม้กลิ่นหอมประกอบกับผี้เสื้อตัวน้อยที่ยังไมกลับบ้านซักที อากาศที่บริสุทธิ์ทำให้สองพี่น้องนั่งดูอยู่อย่างนั้นแล้วยิ้มให้กัน
ไม่รู้เลยว่า เวลาที่มีรอยยิ้มต่อกันนั้น เป็นลู่หานหรือแบคฮยอน ที่เป็นคนอยากหยุดเวลาเหล่านั้นเอาไว้เพียงแค่นี้..
มือใหญ่ของพี่ชายกุมน้องชายเอาไว้อย่างนั้น พวกเขาเดินชมบรรยากาศรอบๆภายในงาน เนื่องจากที่นี่ค่อนข้างห่างไกลจากเมืองหลวง ร้านค้ามากมายที่วางแผงลอยอยู่จึงให้บรรยากาศคล้ายกับตอนเด็กๆที่พวกเขามาเที่ยวงานวัดได้ดีเลยทีเดียว ลู่หานซื้อลูกชิ้นมาสองไม้แล้วยื่นป้อนให้กับน้องชาย ซึ่งแบคฮยอนก็ตั้งใจกินอย่างดี แม้แก้มขาวจะปรากฏเรื่อสีชมพูอย่างประหลาด
“อยากได้ไหม เผื่อพี่ไม่ค่อยกลับบ้าน นายจะได้มีเพื่อนไว้กอดไง” ลู่หานเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นมาน้องชายหยุดมองดูคนเล่นยิงปืนชิงตุ๊กตาได้ซักพักแล้ว แบคฮยอนพยักหน้าแล้วยิ้มกว้างก่อนลู่หานจะซื้อบัตรมายิงปืนบ้าง
พี่เลี้ยงของแบคฮยอนเป็นคนเก่ง โดยเฉพาะการเล่นเกมแบบนี้ ลู่หานมักจะชำนาญอยู่เสมอ เรื่องบอลและเรื่องเกมขอให้บอกเลย พี่ชายผมทองถนัดมาก แตกต่างกับน้องชายตัวเล็ก เพราะแบคฮยอน ถนัดแต่ถ่ายรูปและพวกงานบ้านเท่านั้น
“เอาล่ะได้แล้ว” ในที่สุดพี่ชายก็ชิงตุ๊กตามาอย่างง่ายดาย เขายื่นตุ๊กตาหมาไซบีเรียนฮัสกี้มาให้ก่อนแบคฮยอนจะดีใจแล้วกอดมันไว้แน่น คนเป็นน้องจับหูมันดึงไปดึงมาอยู่อย่างนั้นแล้วเอ่ยถาม
“ตุ๊กตาหมาชื่อลูลู่ ดีไหมครับ?”
“ปัญญาอ่อน ทำไมนายไม่ชื่ออย่างอื่นละ”
“ไม่เอาอ่ะ มันหน้าเหมือนพี่ชายเลย ดูสิ “ แบคฮยอนหยิบตุ๊กตามาเทียบแล้วทำพยักหน้า ทำท่าว่ามันเหมือนกันมากๆ
“จริงๆพี่ก็หน้าคล้ายนายอ่ะ งั้นมันก็หน้าเหมือนนายอยู่ดี ชื่อแบคฮยอนไปเลยจะดีซะกว่า”
“อย่างงี้ได้ไงกันเล่า?”
เถียงกันไปกันมาอยู่อย่างงั้น แล้วเดินจับมือกันชมงานไปเรื่อยเปื่อย มีสายไหมสีชมพูอ่อนที่แบคฮยอนถือ มีปลาคาร์พที่พี่ลู่หานกับแบคฮยอนช้อนด้วยกันแล้วตั้งใจจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน มีการแสดงตลกละครใบ้ที่ทั้งสองไปนั่งอยู่ในวงท่ามกลางเสียงหัวเราะ วันนี้เป็นวันที่แบคฮยอนมีความสุขมากที่สุด เขาเผลอเช็ดน้ำตาให้ตัวเองเบาๆหลังจากแอบมองรอยยิ้มกว้างของพี่ลู่หานที่หัวเราะไปกับตัวตลกจมูกแดง
พี่ชาย....พี่ชายที่แสนใจดีของแบคฮยอนคนนั้น กลับมาแล้วจริงๆ
พลุจะเริ่มจุดอีกไม่วินาที คนตัวเล็กกว่าตื่นเต้นจนมือเล็กยุกยิกอยู่ในมือหนาที่กอบกุมอยู่ ลู่หานมองน้องชายแล้วยิ้มให้ ก่อนจะทำท่าจุ๊ปากบอกให้อยู่นิ่งๆนะ อย่าซนสิ แบคฮยอนจึงยู่ปากลงสลดเพียงเล็กน้อย เพียงไม่นาน...ดวงตาเรียวเล็กนั้นจะเป็นประกายอีกครั้ง เมื่อเห็นแสงสว่างหลากหลายสีพุ่งออกมาเต็มทั่วท้องฟ้า
แบคฮยอนยิ้มกว้างให้ความสวยงามเหล่านั้น เขาเงยหน้าดูพร้อมกับมองไปทั่วท้องฟ้าสีดำที่ตอนนี้ถูกแต่งแต้มด้วยพลุหลายรูปที่งดงาม มีรูปมังกร รูปดอกไม้ เปลี่ยนแปลงไปตามการจุดในแต่ละครั้ง ใบหน้าเรียวเล็กนั้นเพลินกับการมองดูแล้วรีบหันไปมองพี่ชายที่ยืนจับมืออยู่ข้างๆ
“พี่ลู่หาน ดูสิครับ....สวยจังเลยนะครับพี่”
เมื่อแบคฮยอหันไปอย่างรวดเร็ว เขาค้นพบว่า แก้มใสของตัวเองเฉียดไปกับสันจมูกของพี่ชาย ใบหน้าของพี่ลู่หานในตอนนี้อยู่ใกล้จนแทบลืมหายใจ ทั้งสองจ้องตากันอยู่อย่างนั้น ก่อนลู่หานจะบรรจงใช้มืออีกข้างหนึ่งประคองใบหน้าเรียวเล็กของแบคฮยอนขึ้นมา เขาใช้แขนอีกข้างโอบเอวของแบคฮยอนให้เข้ามาใกล้อย่างหลวมๆ
“แต่....ฉันว่านายสวยกว่า”
ริมฝีปากของลู่หานค่อยๆบรรจงประกบไปยังริมฝีปากบางของน้องชาย
จูบ จูบที่แสนอ่อนโยน จูบที่ไม่ได้เข้ามารุกล้ำในโพรงปากของแบคฮยอนซักนิด หากแต่จูบนั้น ค้างอยู่เนิ่นนานพร้อมกับสัมผัสเบาคล้ายนุ่นที่พี่ชายมอบให้
แบคฮยอนเหมือนลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว เขามองไม่เห็นความสวยงามของดอกไม้ไฟเลยซักนิด เพราะมีเพียงแต่พี่ลู่หานนี่ส่องแสงสว่างอยู่ภายในใจ น้องชายไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของพลุและดอกไม้ไฟที่สนั่นหวั่นไหว เพราะสิ่งที่เขาได้ยิน มีเพียงแต่เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นดังไปพร้อมกับพี่ชายเท่านั้น
ลู่หานมอบสัมผัสนั้นอย่างอ่อนโยน เขาจูบย้ำเบาๆสองสามที ก่อนจะใช้สันจมูกจรดไปยังแก้มกลมทั้งสองข้างของน้องชาย...พวกเขาโอบกอดกัน และลู่หานที่ใช้คางซบไปกับไหล่ของคนตัวเล็กอยู่เนิ่นนาน...
“ใครหลับก่อนชนะ”
พี่ชายกวางหนุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อพวกเขาสองคนนอนอยู่บนเตียงนุ่ม จับมือกันแน่น หันหน้าเข้าหากันแล้วมองตากันอยู่อย่างนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว แววตาใสแจ๋วของแบคฮยอนมองหน้าพี่ชายอย่างไม่รู้สึกเบื่อ พวกเขาสองคนเลือกเล่นเกมที่ชอบเล่นกันในสมัยก่อน
“งั้นผมคงยอมแพ้เพราะผมจะนอนมองหน้าพี่ทั้งคืนเลย”
“เด็กหนอเด็ก..”
พี่ชายยิ้มบางให้กับแบคฮยอน ก่อนจะละมือหนาออกแล้วหยิบหมอนขึ้นตบแล้วตั้งอย่างดี ลู่หานโอบน้องชายให้ลุกขึ้นมานอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา แบคฮยอนหันหน้าไปมองลู่หานที่อยู่ใกล้ๆแล้วยิ้ม ร่างบางซบลงไปที่ไหล่หนาอย่างต้องการที่พักพิง
“ ถ้านายยังไม่นอน...”
“ เดี๋ยวคืนนี้ พี่จะเล่านิทานให้นายฟังนะ”
“ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.......”
แบคฮยอนไม่รู้หรอกว่า คืนนี้พี่ลู่หานเล่านิทานเรื่องไหนให้เขาฟัง เขารู้เพียงแต่ว่า เสียงทุ้มของพี่ชาย ไออุ่นที่เขาได้รับมันทำจะให้คืนนี้จะเป็นคืนที่เขานอนฝันดี
แม้ตัวเองอยากจะลืมตามองหน้าของพี่ชายให้นานที่สุด หากแต่สุดท้าย คนตัวเล็กก็ต้องหลับตาลงในอ้อมกอด พร้อมกับซึมซับความอบอุ่นที่จะยังคงตรงตรึงอยู่ในหัวใจ...เขาหลับลงไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่ชาย
“พยอน แบคฮยอน“ พี่ว่านายชนะแล้ว..
นายชนะหัวใจพี่ทั้งดวง และพี่เองก็เป็นได้แค่คนพ่ายแพ้เท่านั้น เพราะพี่แพ้ความดีนาย พี่แพ้ความน่ารักของนาย พี่แพ้ความอดทนของนาย พี่แพ้รอยยิ้มนาย พี่แพ้ทุกอย่างที่เป็นนาย
ในเกมนี้ พี่จะเป็นผู้แพ้ให้นายเอง...
เหมือนกับความฝัน และหากนี่คือฝัน
ขอฉันขอได้ไหม แค่ฉันไม่อยากตื่น..
“นี่..ทำแบบนี้นะแบคฮยอน ถ้านายจะถ่ายรูป นายต้องจิ้มไปที่ตรงนี้”
หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเช้ากันเสร็จ ลู่หานก็นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับตั้งใจสอนน้องใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่ แบคฮยอนในตอนนี้กำลังนั่งคุกเข่าเข้าหาพี่ชายอยู่ที่พื้น คนตัวเล็กทำหน้าอกเข้าใจอยู่อย่างนั้น เมื่อเขามีโอกาสได้มองใบหน้าหวานของพี่ชายที่ขมวดคิ้วดูจริงจังเสียเหลือเกิน แบคฮยอนก็อมยิ้มชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจ
ฟอดดดดดด
จมูกเล็กๆนั้น บรรจงสัมผัสมาที่แก้มสากของคนเป็นพี่ทำให้ลู่หานชะงัก หากแต่เห็นเพียงรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้พร้อมกับประโยคที่ทำให้ก้อนเนื้อด้านซ้ายของพี่ชายเต้นผิดจังหวะ
“หอมจังเลยครับ”
“อะไรของนาย หะ หอมแก้มพี่ทำไม?”
อยู่ดีดีก็เกิดอาการพูดติดขัดซะงั้น เขาคิดไม่ถึงว่าน้องจะกล้าทำอะไรแบบนี้ ซึ่งพอเจอแบคฮยอนทำแบบนี้เข้าจริงๆแบบไม่ทันตั้งใจ ใบหน้าของลู่หานก็เกิดแดงขึ้นมาซะงั้น
“ก็เสี่ยวลู่....น่ารัก”
ชื่อเรียกที่ไม่ได้เรียกมาตั้งนานถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบาง แบคฮยอนจับแก้มแดงนุ่มของลู่หานแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น แถมยังทำหน้าทะเล้นอีก
“กล้าเรียก?”
“คิก”
คนเป็นน้องไม่ตอบอะไร มีเพียงแต่หัวเราะเสียงใสแล้วลุกยืนขึ้น เรียวขาบางเดินไปหยิบของโปรดที่อยู่ในตู้เย็น “ไอศครีมรสสตอร์เบอร์รี่” ที่เมื่อวานพี่ลู่หานซื้อมาแช่ตู้เย็นไว้ให้ แบคฮยอนหยิบไอศรีมมาแล้วยืนกินคนเดียวก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีพี่ชายกวางหนุ่มโอบเอวไว้จากด้านหลัง
ใบหน้าของพี่เลี้ยงซบลงกับไหล่เล็กแล้วค่อยๆใช้มือหนาจับเล่นพุงน้อยๆของน้องชายอยู่อย่างนั้น แบคฮยอนเป็นคนผอมบาง หากแต่การผอมบางนั้น มีไม่กี่คนที่รู้ว่าหุ่นของน้องชาย ไม่ได้มีซิกแพคอะไรเลย แถมยังมีหน้าท้องเล็กๆอีกต่างหาก
“อย่ากินหวานเยอะสิแบคฮยอน”
“ทำไมละครับ?”
แบคฮยอนหันหลังไปถามพี่ชาย แต่แล้วสายตาที่เขาได้รับจากพี่ชาย มีเพียงแววตาที่มองลึกลงไป และใบหน้าที่จริงจังเท่านั้น ลู่หานค่อยๆก้มหน้าลงมองน้องชายก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาดันตัวแบคฮยอนไปจนติดผนังแล้วใช้มือข้างหนึ่งยันเอาไว้
“เพราะ...”
“......”
“พี่หวานกว่า”
ลู่หานใช้ริมฝีปากประทับไปยังแก้มของน้องชาย ก่อนจะบรรจงจูบไปที่ริมฝีปาก แล้วค่อยๆชิมความหวานของไอศครีมรสนั้นด้วยลิ้นที่ตวัดไปจนทั่วโพรงปาก
พี่ชายมอบบทจูบที่ร้อนแรงและอ่อนหวานจนแทบขาดอาการหายใจให้กับน้องชายตรงหน้า แบคฮยอนตกใจจนเผลอทำถ้วยไอศครีมตก และตนเองก็ต้องใช้มือโอบไหล่ของพี่ชายอยู่อย่างอยู่อย่างนั้น เพราะขาของเขาแทบไม่มีแรงเลย
จูบของพี่ลู่หาน มันนุ่มนวล อ่อนหวาน แต่กลับแผดเผาดวงใจของแบคฮยอนให้แทบจะลายลายไปกับพื้น ถ้าจะให้เทียบกันแล้ว ไอศครีมรสสตอร์เบอร์รี่ที่เป็นรสโปรดกลับกลายเป็นหวานสู้กับจูบของพี่ชายไม่ได้เลย
เทียบกันไม่ได้เลย...
พี่เลี้ยงกวางหนุ่มอมยิ้มแล้วค่อยผละออกช้าๆ ก่อนจะเอ่ยกระซิบไปยังใบหูเล็ก
“ทีหลัง ถ้าแบคฮยอนเรียกชื่อเสี่ยวลู่แบบน่ารักๆเหมือนเมื่อกี้อีก พี่คงจะไม่หยุดแค่นี้นะครับ”
“เดี๋ยวตอนบ่าย เราไปเที่ยวกันอีกนะ แบคฮยอนอยากไปที่ไหน พี่จะพาไปหมดเลย”
สองพี่น้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่ริมทะเลสาบจนสาย พวกเขาออกไปเล่นว่าว และเล่นฟุตบอลด้วยกัน แบคฮยอนวิ่งตามลูกกลมๆนั้นจนเหนื่อย เพราะแย่งเท่าไหร่ ก็แย่งไม่ได้ซักที เขาได้ยินแต่เสียงพี่ชายหัวเราะอยู่อย่างนั้น
พี่ลู่หานน่ะ ชอบแกล้งจริงๆเลย แบคฮยอนจะแกล้งงอนดีไหมเนี่ย
พอกลับบ้านมาพักเหนื่อย พี่ชายก็ไปรินน้ำมาให้แถมยังลูบหัวแล้วบอกว่าจะพาไปเที่ยว ทำให้อารมณ์หงุดหงิดของคนน้องเปลี่ยนไปในทันใด แบคฮยอนยิ้มกว้างแล้วเอ่ยตอบพี่ชาย
“อยากไปดูปลาโลมา”
“อื้มมม เราไปกันนะ เดี๋ยวนายไปอาบน้ำก่อน เล่นกันจนเหงื่อแตกเลย หรือนายจะให้พี่อาบให้?”
ลู่หานยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์อีกครั้ง ก่อนจะโดนตีเบาๆไปที่ไหล่หนา
“บ้า ไม่ต้องเลย!” คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำพลางส่งสายดุมาให้ เขารีบหยิบผ้าขนหนูอย่างระมัดระวังและเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว..พี่ชายน่ะ อาจจะมาทำรุ่มร่ามก็ได้ อย่างไรก็ต้องป้องกันไว้ก่อนแหล่ะนะ...
น่าเสียดาย...อความเรียมที่พวกเขาเคยมาเมื่อสิบปีก่อนปิดตัวไปแล้ว
แบคฮยอนได้แต่ทำหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้น จนสุดท้าน ลู่หานจึงเลือกพาไปนั่งที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆกัน พี่ชายเดินไปเลือกโปสการ์ดมาสองใบ รูปหนึ่งเป็นรูปวิวของทะเลสาบ และอีกรูปคือรูปพลุสวยงามที่เทศกาลดอกไม้ไฟ พี่ชายวางโกโก้ลงบนโต๊ะแล้วหยิบปากกาออกมาก่อนจะเอ่ยชวนน้องชาย
“เอางี้ เรามาเขียนโปสการ์ดหากันไหม แบคฮยอนรู้สึกยังไงกับพี่ และพี่รู้สึกยังไงกับแบคฮยอน แล้วเดี๋ยวเรามาเปิดอ่านด้วยกันอีกสองเดือนข้างหน้า”
“ดีไหมครับ?”
ลู่หานเอ่ยถามใบหน้าเล็กนั้นที่ยังเศร้าอยู่ จากนั้นคนเป็นน้องก็ค่อยๆพยักหน้าตกลง อย่างน้อย ลู่หานคิดว่า การทำแบบนี้ จะช่วยให้แบคฮยอนหายเศร้าไปบ้าง
“แล้วก็.....อย่าแอบมองของพี่นะ” ลู่หานแกล้งหยิบโปสการ์ดของตัวเองมาแล้วปิดเอาไว้ ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้เขียนอะไรลงไป
“พี่แหละครับ จะแอบมองของผม! “น้องชายทำหน้ามู่ทู่ แล้วขู่เหมือนหมาใส่ให้ในทันใด คนตัวเล็กรีบหยิบปากกาของตนเองมาแล้วทำหน้านึก ก่อนจะเขียนข้อความลงไป
พี่เลี้ยงแอบมองน้องชายของตนเองที่ตั้งใจเขียนโปสการ์ดอย่างบรรจงแล้วอมยิ้ม เขานึกถึงความรู้สึกมากมายที่มีต่อแบคฮยอนแล้วตั้งใจเขียนลงไปเช่นเดียวกัน คนทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ แล้วแยกกันไปหย่อนไปรษณีย์
“อย่าลืมนะครับ อีกสองเดือนข้างหน้ามาอ่านด้วยกันนะ”
“อื้มมมมม”
“ทีนี้เราไปเดินเล่นดูของที่ตลาดแถวนี้ดีกว่า นายอยากได้อะไรพี่จะซื้อให้หมดเลย” ลู่หานทำท่าใช้มือวาดแขนไปทั่วอากาศเหมือนบอกว่า ของที่แบคฮยอนอยากได้จะเยอะมาก คนเป็นน้องหัวเราะเสียงใส
“ถ้าอยากได้หมดเลยละ?”
“ก็จะซื้อจนบริษัทล้มละลาย”
“ฮ่าๆ พี่ชายบ้าไปแล้ว”
พี่น้องสองคนคุยกันเรื่องสัพเพเหระกันต่อไป แบคฮยอนเล่าเรื่องที่มหาวิทยาลัยให้พี่ชายฟัง เขาเล่าเรื่องชานยอลและบอกว่าเป็นแค่รุ่นน้องที่ชมรมฟุตบอลเท่านั้น เล่าเรื่องที่คยองซูไม่ชอบกลุ่มอี้ชิง เล่าเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา
ส่วนลู่หานเองก็ฟังไปแล้วก็ยิ้มไปตลอดทาง แบคฮยอนพูดเก่งจนเขาไม่อยากขัดเท่าไหร่ อีกอย่างเขาไม่มีเรื่องอะไรมากมายที่จะเล่าให้น้องฟังหรอก เพราะเรื่องของเขาที่ทำตลอดมาก็ทำเพื่อน้องทั้งนั้น
มือหนาถูกมือเล็กดันออก เมื่อแบคฮยอนวิ่งถี่ไปข้างหน้าแล้วจิ้มๆตรงร้านขายทาโกยากิ ลู่ หานส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามไป รอยยิ้มของเขาค่อยๆลดลงตามก้าวที่เดิน หากแต่พอน้องหันหลังกลับมาเขาก็ฝืนยิ้มให้แบบเดิม
พี่จะให้ความรักนายวันนี้วันเดียวนะ
พี่ขอโทษ ที่ต้องบอกว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายแล้ว
Cinderella Story
รถเต่าที่วิ่งที่ตามท้องถนนที่มีแสงไฟข้างทางเพียงเล็กน้อย แบคฮยอนพิงเบาะแล้วหันหน้าเข้ากับลู่หานที่ขับรถอยู่ มือน้อยจับมือของพี่ชายอยู่อย่างนั้น ดวงตาเล็กเริ่มปรือลง คงเพราะอากาศที่เริ่มหนาวประกบกับความอ่อนเพลียที่มีอยู่ เสียงเล็กนั้นก็พยายามเอ่ยถามลู่หาน
“พี่ครับ ผมคือน้องชายของพี่หรือเปล่า”
“เป็นสิ นายคือน้องชายคนเดียวของพี่นะ”
“และนายก็เป็นคนสำคัญของพี่ด้วย”
แบคฮยอนยิ้มบางๆมาให้ เขากระชับความอุ่นในมือตนเองมากขึ้นก่อนจะหลับตาลงไปแล้วเข้าสู่นิทรา
“พี่ครับ...ผมรักพี่นะ..”
พยอน แบคฮยอนบอกรัก ลู่ หาน ด้วยความจริงใจ ถึงประโยคอ่อนหวานนั้นจะทำหัวใจของพี่ชายจะเต้นดังแค่ไหน แต่คนอายุมากกว่ากลับต้องหลับตาลงแล้วหมุนพวงมาลัยต่อไปด้วยความเจ็บปวด
เขาอยากจะแสดงความรักกับน้องให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้ว่าต่อจากนี้ไป มันคงจะไม่มีพี่ชายที่รักของแบคฮยอนอีกแล้ว
เพราะ “ลู่ หาน” เพิ่งตัดสินใจคบกับ “จางอี้ชิง” อย่างเป็นทางการ..
จริงหรือเปล่าไม่อยากรู้ แค่ตรงนี้มีเธออยู่ ขอฉันขอนะ ให้ใครช่วยบอกที
ว่าถ้าตื่นแล้วเธอไม่หาย รอยยิ้มที่เธอให้ฉันไม่เปลี่ยน อย่างน้อยก็ทำให้ฉันหลับตา ได้ทุกคืน,,
ความคิดเห็น