คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER 8
CHAPTER 8
lost time is never foud again
10 ปีก่อนที่ริมทะสาบ
“แบคฮยอน ชอบสร้อยข้อเส้นนี้ไหม พี่ซื้อให้นายคนแรกเลยนะ”
“ชอบ ชอบสิครับ แต่มันใหญ่ไปหน่อยนะ”
พี่ชายวัยสิบแปดปียิ้มบางก่อนจะตั้งใจสวมสร้อมข้อมือให้กับน้องชายของตัวเองที่ยังดูซนและดื้ออยู่ น้องชายมองสร้อยนั้นแล้วทำปากยู่ มันใหญ่เกินไปจริงๆ พอมาอยู่ที่ข้อมือเขาก็เลยดูหลวม เขากลัวว่ามันจะหลุดหล่นหายไป คุณพ่อกับคุณแม่กำลังย่างบาร์บีคิวอยู่ใกล้ๆมองมาที่สองพี่น้องแล้วอมยิ้ม ลู่หานยกข้อมือของน้องชายมาดู พลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น
“ถ้าโตกว่านี้มันจะพอดีกับแบคฮยอนเลย เชื่อพี่”
น้องชายตัวเล็กพยักหน้า เขาลุกยืนขึ้นก่อนจะกระโดดกอดจากด้านหลังพี่ชาย ลู่หานหัวเราะออกมาเสียงดัง ลู่หานแบกแบคฮยอนไว้ที่หลังก่อนจะบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าจะพาน้องไปเดินเล่นซักหน่อย สองพี่น้องเดินเลียบริมชายฝั่งทะเลสาบไปเรื่อยๆก่อนน้องชายจะใช้ใบหน้าซบลงตรงไหล่หนาแล้วเอ่ยถาม
“เสี่ยวลู่...เสี่ยวลู่จะไม่ทิ้งแบคฮยอนไปใช่ไหม”
“ไม่ทิ้งอยู่แล้ว แต่แบคฮยอนต้องใส่สร้อยเส้นนี้ ห้ามถอดออกเลยนะ มันจะช่วยปกป้องแบคฮยอนทุกที่ที่แบคฮยอนไปเลย” น้องชายยิ้มกว้าง ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างดึงแก้มลู่หาน ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังอยู่บนหลังคนอายุมากกว่า
“พี่ชายรู้ไหม พี่ชายใจดีที่สุด แบคฮยอนจะไม่รักใครนอกจากพี่ชายเลย พี่ชายก็ต้องห้ามรักใครด้วย”
“ฮ่าๆๆ ทำไมพูดจาเอาแต่ใจแบบนี้”
“ไม่สนหรอก ยังไงแบคฮยอนก็รู้ว่าเสี่ยวลู่รักแบคฮยอนมากที่สุดในโลกอยู่แล้ว”
ลู่หานยกคิ้วขึ้นคล้ายกับจะบอกว่า เด็กอะไรทำไมมั่นใจขนาดนั้น ใบหน้ากวางหนุ่มหันไปยิ้มละมุนให้กับน้องชาย
“แล้วนายจะสัญญาหรือเปล่าล่ะว่าจะรักพี่คนเดียว”
“อื้มมมมมมมม รักคนเดียว”
แบคฮยอนซบลงกับไหล่หนา แล้วใช้แขนเล็กๆโอบกอดคนที่แบกหลังตัวเองอยู่ไว้แน่นก่อนจะหลับตาลงเพราะความเพลียจากการเล่นทั้งวัน คงเพราะหลังพี่ชายอบอุ่นเกินไป มันเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดในความคิดของน้องชายตอนนั้น
ความฝัน .....
มันคงเป็นฝันดี และ ฝันร้ายในคราวเดียวกัน
ไม่อยากตื่นเพราะมันเป็นฝันดี ไม่อยากคิดถึงเพราะมันทำให้เสียใจคล้ายดังฝันร้ายตลอดมา
ลู่หานลืมตาขึ้นมาขึ้นมากลางดึกพร้อมความทรงจำที่เหมือนหมุนกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขานอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว นั่นเป็นเพราะเขาคิดถึงแบคฮยอนมากเกินไป เขาคิดถึงน้องมากเกินไปจริงๆ ทั้งใจอยากจะลุกแอบเดินไปมองหน้าที่ห้องนอน หากแต่อีกใจก็ไม่กล้าแม้แต่จะพบเจอ
แบคฮยอนไม่คุยกับเขาอีกเลย ไม่แม้แต่จะมาให้เห็นหน้า ลู่หานเขยิบตัวลุกขึ้นมาจากที่นอนก่อนจะหยิบสร้อยข้อมือที่หัวเตียงขึ้นมาดูอีกครั้ง
ความทรมาณที่เขาคิดว่าพอจะทนไหว เทียบไม่ได้เลยกับความทรมาณของความเป็นจริงที่เป็น
มันเจ็บกว่าหลายเท่ามาก
เขาอยากจะตายเร็วๆ ไม่อยากจะอยู่บนโลกนี้ต่อไปแล้ว ความรู้สึกนี้คงเป็นคงความรู้เดียวกันที่แบคฮยอนเคยรู้สึกสินะ
แบคฮยอนครับ....ในตอนนี้พี่ชายเข้าใจ เข้าใจทุกอย่างแล้ว..
ลู่หานนอนหันข้างมองสร้อยข้อมืออยู่อย่างนั้น คืนนี้คงเป็นอีกคืนที่เขาจะไม่ได้นอนจนถึงเช้า..
Cinderella Story
“ชานยอล นายชอบกินอะไรหรอ?”
เด็กหนุ่มนักฟุตบอลก้าวเดินอย่างอารมณ์ดีมาที่ตึกคณะนิเทศศาสตร์ฝั่งของรุ่นพี่ วันนี้เขาไม่มีซ้อมฟุตบอล คงเป็นเพราะใกล้สอบมิดเทอมแล้ว รุ่นพี่กัปตันทีมเลยสั่งให้พักได้ ชานยอลมีว่างตอนเย็นหนึ่งวันและแน่นอน เขารีบมาหาคนที่อยากเจอมานาน
“พี่แบคครับ เย็นนี้ไปทานข้าวกันไหม?”
รุ่นน้องตาโตหูกางเดินเข้าไปตัดหน้าแบคฮยอนที่เดินอยู่กับคยองซูและเซฮุน เขาอยากเจอหน้าพี่แบคฮยอนมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่วันนั้นที่ห้างก็ไม่เห็นหน้าเลย ชานยอลตั้งใจจะชวนรุ่นพี่ไปเที่ยวกันสองคน
“อื้มมม เอาสิ เดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยงข้าวให้นายเอง”
“งั้น...เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้นะ ฉันต้องไปทำงานพิเศษก่อน” คยองซูเอ่ยขึ้นแล้วยิ้มกว้างอย่างร่าเริงโบกมือลาเพื่อนๆและรุ่นน้อง
“โอเค งั้นฉันกับคยองซูแยกกันตรงนี้เลย วันนี้มีซ้อมหลีด” เซฮุนเอ่ยขึ้นตามคยองซูก่อนจะปรายตามองชานยอลเล็กน้อยแล้วโบกมือยิ้มให้แค่แบคฮยอน
สายตาของชานยอลมองตามหลังของรุ่นพี่ร่างโปร่งไป ไม่รู้ทำไมถึงไม่ละสายตาซักที แบคฮยอนขมวดคิ้วมองภาพนั้นแล้วอมยิ้มนิดหน่อย รุ่นน้องตัวสูงมองตามหลังเซฮุนอยู่นานจนรู้สึกตัวแล้วสะดุ้งโหยง ก่อนเจ้าตัวจะรีบหันมาพูดกับรุ่นพี่ตัวเล็กอย่างเลิ่กลั่ก
“เฮ้ แล้วทำไมหน้าตาโทรมเซา ดูโศกเศร้าอีกละ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่านอนดึก เดี๋ยวผมตีเลยนะ”
สภาพแบคฮยอนดูไม่ได้จริงๆ ดวงตาคล้ำจากการร้องไห้และไม่ได้นอนไปพร้อมกัน อีกทั้งยังมีใบหน้ายังขาวซีดจนแทบจะเป็นกระดาษ
ชานยอลชี้หน้าดุ แถมยังแย่งถือหนังสือแล้วจูงข้อมือของแบคฮยอนไปที่ถนนข้างมหาวิทยาลัย พวกเขาสองคนเลือกร้านสุกี้ง่ายๆ นั่งคุยกันเรื่องต่างๆมากมาย ชานยอลก็ยังคงเล่นมุขทำให้แบคฮยอนขำเสมอ คนตัวเล็กยิ้มออกมาได้บ้าง และสุดท้ายพวกเขาก็ไปที่ร้านไอศครีมด้วยกัน
รุ่นน้องตัวโตมองหน้าขาวของรุ่นพี่ที่ตอนนี้ดูเศร้าหากแต่พยายามฝืนมีความสุขก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ชานยอลตักไอติมของตนเองแบ่งให้แบคฮยอน ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เก็บไว้ในใจ
วันนี้เขาควรจะบอกความในใจแก่รุ่นพี่ที่เขาแอบชอบมาตั้งนานซักที
“พี่แบคฮยอนครับ..... พี่รู้เปล่า ว่าผมชอบพี่ ชอบพี่มานานแล้วด้วย”
“พี่เป็นแฟนกับผมมั้ย? ผมจะรักพี่ให้มากที่สุดเลยนะ”
ชานยอลก็คือชานยอล เวลาบอกอะไรเขาเลือกที่จะไม่เก็บอะไรเลย บางทีก็พูดตรงกับความรู้สึกเกินไป ไม่ยั้งอะไรซักนิด บางทีก็ตลกเกินไป แบคฮยอนชะงักเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าชานยอลแล้วส่ายหน้ายิ้มบาง สำหรับแบคฮยอนแล้ว คนตัวโตตรงหน้าดูเหมือนเด็กน้อยยังไม่เข้าใจในความรักเท่าไหร่
แม้จะสงสาร แต่ชานยอลควรจะตัดใจจากเขาซักที ถ้าบอกในตอนนี้ รุ่นน้องจะยังทำใจได้ หากเขายังไม่ชัดเจน นานกว่านี้รุ่นน้องอาจจะเจ็บปวดมากกว่าเดิม
“ชานยอล นายชอบกินอะไรหรอ?”
“หืมม”
ชานยอลชะงักกับคำตอบที่กลับกลายเป็นคำถามของแบคฮยอน เขามองหน้ารุ่นพี่ตัวเล็กที่ยิ้มกว้างมาให้
“พี่ถามว่า นายน่ะ ชอบกินอะไร”
“ผมชอบกินก๋วยเตี๋ยว ใส่ลูกชิ้นเยอะๆนะ อร่อยมั้กกก แต่พี่แบคห้ามกินตามนะ เดี๋ยวอ้วน ผมออกกำลังกาย แต่พี่ดูเหมือนไม่ออกเลย เพราะงั้นถ้าพี่กิน พี่จะพุงหนากว่าผม ฮ่าๆ พี่แบคพุงโต ”
ถึงจะสงสัยในสิ่งที่แบคฮยอนถาม แต่ชานยอลก็ยังตอบคำถามสไตล์ขี้เล่นแบบเดิม
“อื้มม แล้วถ้าพี่ให้นายกินก๋วยเตี๋ยวทุกวันเลย แต่ไม่ใส่ลูกชิ้น แถมยังมีรสที่เผ็ด เค็ม หรือหวานเกินไปทุกวันชานยอลจะชอบหรือเปล่า?”
“................”
รุ่นน้องลดรอยยิ้มลง ก่อนสีหน้าจะกลับกลายเป็นไม่เข้าใจ
“ชานยอล พี่ก็เหมือนก๋วยเตี๋ยวชามที่ไม่มีลูกชิ้น แถมยังรสชาติไม่ถูกปากชานยอลนั่นแหล่ะ ถ้าชานยอลยังเลือกที่จะชอบพี่ ทั้งที่เราไม่ได้เหมาะสมกัน นายอาจจะไม่มีความสุขก็ได้นะ ทุกอย่างบนโลกนี้ต้องเป็นไปด้วยความพอดี และบางที พี่ว่าความรักมันอาจจะต้องมีอะไรมากกว่าคำว่ารักหรือชอบนะ”
รุ่นพี่ตัวเล็กยังคงส่งยิ้มบางมาให้ แถมยังเอื้อมมือไปจับมือหนาเพื่อให้กำลังใจ
“พี่ขอโทษที่ตอบแทนความรู้สึกของนายคืนไม่ได้ พี่เข้าใจความรู้สึกของชานยอลดี แต่พี่จะไม่เห็นแก่ตัวกับนาย พี่จะไม่โกหกชานยอลว่าหัวใจของพี่รักคนๆนึงไปแล้ว”
ใบหน้าของทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่หม่นลงพร้อมกัน แบคฮยอนก้มลงมองไปที่พื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาน้ำตาคลอ
“และถึงแม้เขาคนนั้นจะเคยไม่รักพี่เลย..แต่พี่ดันเลือกกินก๋วยเตี๋ยวชามนั้นจนผูกพันไปแล้วนั่นแหละ อย่างตัวพี่เองพี่ไม่เคยชอบก๋วยเตี๋ยวใส่ถั่วงอกซักนิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย..คงเพราะพี่ใช้เวลานานเกินไปจนกลับกลายเป็นว่า พี่รักก๋วยเตี๋ยวรสชาติห่วยแตกนั่นไปซะแล้ว.”
“น้องชายของพี่ พี่จะไม่ทรยศหัวใจตัวเองและหัวใจของนาย ซักวันหนึ่งนายจะเจอคนที่เหมาะกับนายนะ นายจะต้องมีความสุข และไม่ต้องทุกข์ใจเหมือนกับพี่”
“พี่แค่อยากให้ชานยอลเข้าใจ”
นิยามความรักของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน
แต่นิยามคำว่ารักของแบคฮยอนที่ต้องการสื่อให้ชานยอลเห็นก็คือ
เราบอกว่าเราชอบก๋วยเตี๋ยว แต่เราจะสามารถอยู่กับมันได้หรือเปล่า ถ้าเรารัก เราคงต้องยอม เราคงต้องคีบเส้นบะหมี่เข้าปากไปพร้อมรอยยิ้มและหยดน้ำตา เพราะวันที่หวานมันอาจหวานเกินไป และวันที่เค็มจนอยากร้องไห้ เราก็อาจจะทำได้เพียงต้องฝืนทนกินไปอย่างนั้น
น่าแปลกที่ชานยอลฟังคำปฏิเสธของรุ่นพี่ตรงหน้าแล้วน้ำตาไม่ไหล เขาเพียงแต่ก้มหน้าให้แบคฮยอนจับมืออยู่อย่างนั้น แม้จะเสียใจแต่อาจจะเป็นเพราะเขาพอจะคาดเดาอะไรล่วงหน้าไว้แล้ว นับตั้งแต่วันที่พี่แบคฮยอนเลือกทิ้งเขาโดยไม่ลังเลเมื่ออยู่กับพี่ชายคนนั้น
“ว่าแต่...ชานยอลชอบทานก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียวหรอ? ชานยอลอย่าบอกพี่ว่านายชอบทานก๋วยเตี๋ยวเลย ทั้งๆที่ตัวเองก็แอบไปซื้อข้าวมันไก่กินบ่อยๆ”
“จริงมั้ย?”
รอยยิ้มที่สวยงามจากพี่แบคฮยอนส่งให้น้องชานยอลอีกครั้ง
มันคือความจริง....
ชานยอลไม่ได้ชอบแค่ก๋วยเตี๋ยวเพียงอย่างเดียว เขาชอบอาหารอย่างอื่นด้วย บางทีเขาควรจะลองหันไปมองสิ่งอื่นบ้าง แบคฮยอนเลื่อนมือเล็กของตัวเองออก คนสองคนมองหน้ากันอยู่นาน แววตาของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยน้ำสีใสหากแต่ไม่ได้ไหลลงมา ก่อนจะค่อยๆยิ้มกว้างให้กัน
ในตอนนี้รุ่นน้องตัวโตเข้าใจความหมายลึกซึ้งที่แบคฮยอนตั้งใจจะสอนได้ดีแล้ว เขาก้มหน้าจนชิดอก แอบใช้นิ้วหนาเกลี่ยน้ำตาของตนเองอีกครั้งก่อนจะเงยหน้ายกยิ้มกว้าง น้ำตาที่คลอเบ้าค่อยๆเหือดหายไป
“เฮ้ยยยยยยย รู้ได้ไงฟะว่าผมแอบกินข้าวมันไก่”
“ช่วยด้วยครับ รุ่นพี่คนนี้เป็นสตอล์กเกอร์ผม ช่วยด้วยยยยยยยยยยย อ้ากกกกกกก”
เสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วร้านขายไอศครีมอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงนักฟุตบอลจอมทะเล้นแกล้งโวยวายเสียงดัง รุ่นน้องตัวสูงยิ้มกว้างจนเห็นฟันทั้งหมดสามสิบสองซี่ให้กับรุ่นพี่ที่เขาปลื้ม
แบคฮยอนเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเป็นคนที่เป็นทั้งแบบอย่างของชานยอล เขาเป็นทั้งความใจดี ทั้งความอบอุ่นเหมือนพี่ชาย พี่ชายที่จะคอยสอนและช่วยเหลือน้องชายอยู่ตลอด
ทั้งหัวใจของชานยอลตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ตัวเองได้มีโอกาสชอบพี่แบคฮยอน...
“คนนี้อ่ะหรอที่พี่บอกว่ารัก หึงดีไหมอะ ก็หล่อใช้ได้นะ ไม่สิ โคตรหล่อเลยก็ได้วะ ไม่น่าเชื่อนะมีคนน่าตาระดับเดียวกับผมอยู่บนโลกด้วย”
ระหว่างเดินไปยังป้ายรถเมล์ รุ่นน้องก็แย่งโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ของแบคฮยอนมาเปิดรูปดู ข้างในมีรูปของพี่อี้ฟานอยู่รูปเดียว มันเป็นรูปที่แบคฮยอนถ่ายไว้ตอนไปประชุมงานครั้งก่อน
“ฮ่าๆ หลงตัวเองอีกแล้ว คนนี้ไม่ใช่หรอก เป็นเจ้าชายน่ะ เจ้าชายในฝันพี่เอง”
แบคฮยอนแกล้งหลิ่วตาให้กับชานยอล รุ่นพี่ตัวเล็กยิ้มจนตาปิด และตอนนี้คนตัวสูงก็หัวเราะกว้างกว่าเดิม
“อ๋อ งั้นแสดงว่า พี่หลงรักพี่ผู้ชายหน้าบูดคนนั้นที่ห้างหรอ เยอะนะเรา เซี้ยวไปแล้วน้องแบคฮยอน เดี๋ยวโดนจักจี๋เลย นี่แหน่ะๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆ โอ้ยย อย่าแกล้งพี่”
ทั้งชานยอลและแบคฮยอนเล่นกันเหมือนเดิม วิ่งไล่กันเหมือนเดิม หัวเราะให้กันเหมือนเดิม
ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่เป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจ แต่จริงๆแล้วมันง่ายดายเพียงแค่เราลองเปิดใจมองดู
ระหว่างพวกเขามีเพียงมิตรภาพที่เกิดขึ้นท่ามกลางช่องว่างของวัยแค่เพียงเท่านั้น
ในชีวิตนี้ ถ้าหากได้พบเจอคนๆหนึ่งที่เป็นเหมือนกำลังใจ คนๆนั้นอาจจะไม่ใช่คนรักหรือแฟนของเรา แต่ถ้าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ และเราสามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง คงเรียกได้ว่านับเป็น “ความโชคดี” อย่างหนึ่งที่เราได้เจอผู้คนเหล่านั้น
แบคฮยอนหวังเพียงว่า
ชานยอลจะได้มีโอกาสเจอคนที่เป็นทั้งบะหมี่และน้ำซุปกลมกล่อมซึ่งเหมาะสมกับของตัวเขาเองในซักวันหนึ่ง..
Cinderella Story
" ได้โปรด รักฉันให้เหมือนกับเขา เพราะมันนานมาแล้วที่ฉันต้องตื่นมาเดียวดาย "
ไม่เข้าใจ..
จาง อี้ชิงไม่เคยเข้าใจมัน แต่เขาเลือกที่ไม่สนใจและปล่อยให้เรื่องราวผ่านไป
เขายังจำวันนั้นได้ดี วันที่พี่ลู่หานมาคุกเข่าและยังจับมือไว้แน่นขอคบกับเขา แววตาของพี่ลู่หานเต็มไปด้วยความสั่นไหว ความรู้สึกแรกของอี้ชิงคือแปลกใจปนตกใจ เพราะเหมือนว่าที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายแอบหลงรักพี่ลู่หานมาตลอด ดูก็รู้เขาเป็นได้แค่น้องชายของลู่หานเท่านั้น
พอพี่ชายผมทองมาทำอะไรที่แตกต่างออกไป เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่คนอื่นๆอย่างคยองซูคิดว่าเป็นตัวร้าย ก็มีสิทธิ์หวั่นไหวบ้างยอมรับเลยว่า อี้ชิงไม่เคยมั่นใจอะไรเลยซักวินาทีนับตั้งแต่วันที่เขาตกลงคบกับพี่ลู่หาน
เหรียญมักมีสองด้านเสมอ หากด้านที่คนอื่นมองเห็น คือความร้ายกาจตาใสของอี้ชิงเป็นด้านหัว สำหรับด้านก้อยที่แทบจะไม่มีใครเห็นแล้ว อี้ชิงไม่ใช่คนใจร้าย เพียงแต่ว่าเขาแค่อยากได้หัวใจของคนที่เขารัก แม้ว่าวิธีนั้นจะสกปรกแค่ไหนก็ตาม และนั่นทำให้เขาทำเรื่องเลวร้ายใส่คนอื่น
“พี่ชาย กินนี้ไหม อี้ทำเองเลยนะ”
“อื้มมม ขอบคุณนะ”
อี้ชิงตักแกงจืดเต้าหู้หมูสับให้กับพี่ลู่หานที่ก้มลงมองจานข้าวอยู่อย่างนั้น แกงจืดเป็นอาหารที่แบคฮยอนมักจะทำให้เสมอ ลู่หานมองข้าวในจานอยู่อย่างนั้นราวกับว่าความคิดของเขาลอยไปไกลแสนไกล
“พี่ชายจูบอี้หน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิ”
พี่ชายผมทองหลบสายตาแล้วยิ้มบาง เขาลุกยืนขึ้นมาแล้วเดินไปยังฝั่งตรงข้ามก่อนจะโค้งตัวสัมผัสริมปีฝากกับจางอี้ชิง จากนั้นก็กลับมายั่งที่นั่งเดิมของตนเอง
หุ่นยนต์
ลู่หานทุกวันนี้เหมือนหุ่นยนต์เดินได้ แค่กดโปรแกรม หุ่นยนต์ก็ทำตามโดยไม่ลังเล หากแต่การทำตามนั้น ไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึกปนอยู่ด้วยเลย ท่าทีเหม่อลอย เศร้าจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนอี้ชิงเป็นห่วง
“พี่ครับ..มีอะไรจะบอกอี้หรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก”
“เกี่ยวกับแบคฮยอนหรือเปล่า?”
“.........”
ความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด
ไม่ต้องบอก อี้ชิงก็รู้ดีถึงความสัมพันธ์ของแฟนตัวเองกับน้องชายต่างสายเลือด เพราะสายตาของลู่หานเวลาที่มองแบคฮยอน มันคือสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แม้จะเป็นการแอบมองฝ่ายเดียวของลู่หานก็ตามที
“พี่ลู่หานจะกลับเลยก็ได้นะ อี้อิ่มแล้ว วันนี้อี้ไม่ค่อยสบายด้วย”
อี้ชิงกระแทกช้อนลงกับจานข้าวแล้วเดินออกจากห้องทานข้าวไปอย่างไม่ระงับอารมณ์ ทั้งๆที่เขาบอกว่าไม่ค่อยสบาย แต่ลู่หานก็ไม่เคยคิดจะสนใจซักนิด มันไม่ใช่ท่าทีของคนรักกันหรอก ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว
หลังเคาท์เตอร์ในครัว มีเพียงเด็กหนุ่มหน้าสวยที่น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น
ไม่มีใครรู้เลยว่า อี้ชิงแอบร้องไห้ทุกคืน เพียงเพราะเขารู้ตัวดีว่า หัวใจของพี่ลู่หานไม่ได้อยู่ที่ตนเองซักนิดเลย
อี้ชิงไม่เคยสนใจว่าเขาจะโดนเกลียดจากใครบ้าง แต่แค่พี่ลู่หานไม่รักเขา เขาก็รู้สึกเกลียดตัวเอง
เกลียดที่ตัวเองไม่ใช่แบคฮยอน เกลียดตัวเองที่ไม่ใช่คนที่ลู่หานจะมอบความรักให้..
ตัวร้ายอย่างเขา ทั้งเกลียดและสมเพชตัวเองไปพร้อมๆกัน
สำหรับความรักอันแสนบอบบางในครั้งนี้ ไม่อาจล่วงรู้ได้เลย ว่ามีใครที่ต้องเจ็บปวดไปกับมันบ้าง
Cinderella Story
" ความรักที่เขาไม่อาจดูแลได้"
“คยองซู เดี๋ยววันนี้ฉันขอกลับบ้านก่อนน้า งื้อออ ไม่เป็นไรใช่ไหมอ่า?”
เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งของคยองซูเอ่ยถามระหว่างที่เขากำลังเช็ดโต๊ะในร้านกาแฟอยู่
คยองซูมาทำงานพิเศษที่นี่ได้ซักพักแล้ว เขาใฝ่ฝันอยากเป็นเถ้าแก่ร้านกาแฟเล็กๆ นั่นคือเหตุผลที่เจ้าตัวเข้าห้องสมุดอยู่บ่อยครั้ง เขาชอบที่จะศึกษาเมล็ดกาแฟขนิดต่างๆ วิธีการชงชา และการทำลวดลายที่น่ารักบนฟองกาแฟ คยองซูมักมีความสุขกับมันอยู่เสมอ เขามักเพลิดเพลินไปกับสิ่งเหล่านี้
คนตาโตมองเพื่อนตัวเองที่ทำท่าไหว้ตลกๆแล้วขำออกมา อึนจีคงต้องรีบกลับไปช่วยแม่ที่ร้านซักรีดอีกซินะ
“อื้มม ไม่เป็นไรหรอก นี่ดึกแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงร้านจะปิดแล้ว คงไม่มีคนมาซื้อกาแฟแล้วล่ะ”
คนตัวเล็กยิ้มกว้าง ก่อนจะเหลือบไปเห็นคัพเค้กที่เขาได้รับมาจากเจ้าของร้านวันก่อน เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าของร้านคือใคร เหมือนกับว่าเจ้าของไม่ว่างจะมาดูแลร้านนี้เลยสั่งให้จัดหาพนักงานมาดูแลร้านแทน
“เฮ้ อึนจี เอาคัพเค้กกลับไปทานที่บ้านด้วยซิ”
“แล้วนายไม่เก็บไว้กินเองหรอ?”
คนตัวเล็กส่ายหัวยิ้มเป็นเชิงปฏิเสธ คยองซูคิดว่าถ้าให้คนอื่นได้ทาน คงจะมีความสุขกว่า และตัวเขาเองก็ไม่ได้ชอบเค้กเท่าไหร่นัก
“อื้มมมมม งั้น..ขอบคุณนะ นายใจดีมากเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก กลับบ้านดีดีนะ”
คนตัวเล็กตาโตโบกมือลาอย่างร่าเริง อึนจีพยักหน้าแล้วทำท่าไฟท์ติ้งทำให้คยองซูหัวเราะออกมา เขาหันกลับไปเช็ดโต๊ะต่อ จากนั้นก็ตรวจดูยังลิสต์ออเดอร์สิ่งของที่ต้องการสั่งเพิ่ม
กริ๊ง....
เสียงผลักประตูเปิดออกทางหน้าร้าน มันเป็นเสียงระฆังที่น่ารักทำให้คยองซูที่หันหลังอยู่รู้สึกตัว คนตัวเล็กบ่นงึมงำอยู่คนเดียว ใครกันนะมาซื้อกาแฟเอาป่านนี้ ร้านจะปิดอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ เดี๋ยวแกล้งเรียกทิปเยอะๆเลย
“สวัสดีครับ ต้องการอะ ..”
“คิม จงอิน”
“มาทำไม!!!!”
พอเห็นหน้าก็ทำตาโตแถมยังมองค้อนปะหลับปะเหลือกมากๆ
มึงมาทำไม ไอ้ดำ !! ใครใช้ให้มึงมาเหยียบร้านกู
“ออกไปนะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างนาย!!”
คยองซูพูดเสียงเย็นใส่ คนตัวสูงผิวคล้ำไม่รู้อารมณ์ไหน เขาเดินเข้ามาหาคยองซูน้ำตาคลอ สามปีแล้วที่เขาไม่เคยใช้มือหนาจับมือเล็กเลย สามปีแล้วที่พวกเขาไม่คุยกันดีดีเลย นั่นเป็นเพราะคิมจงอินเลือกที่จะเก็บงำความทุกข์เอาไว้และคยองซูเลือกที่จะหลีกหนีการเผชิญหน้าตลอดมา
แต่หลังจากที่คิมจงอินเห็นคยองซูต้องทำงานหนัก แถมยังไม่มีใครคอยดูแลกลับดึกทุกวัน มันทำให้เขาอยากอยู่กับคยองซูทุกวันจนทนไม่ไหว เขาจะไม่สนใจสิ่งอื่นอีกต่อไปแล้ว เพราะที่ผ่านมาเป็นคำตอบได้ดี เขาต้องอยู่อย่างทรมาณมาตลอด..
ยิ่งพอเล่นเทนนิส เขาก็ยิ่งทุกข์ใจ
ความรักที่เขาไม่อาจดูแลได้ แต่เขากลับไม่อยากทิ้งมันไปซักวินาที
คนผิวคล้ำคุกเข่าจับมือเล็กนั่นไว้แน่น ก่อนจะยกมันขึ้นมาสัมผัสที่ใบหน้าของเขาเอาไว้อยู่อย่างนั้น
“ไม่ได้จะมาขอโทษอะไรตอนนี้หรอก แต่แค่อยากให้นายฟัง”
“ฉันจะไม่คุยกับนายแบบเดิม เราจะไม่เป็นแบบเดิมก็ได้”
“ถ้านายจะเกลียดฉัน โกรธฉัน มันก็สมควรแล้ว”
“แต่ฉันแค่...คิดถึงนาย”
Cinderella Story
" ข้าวมันไก่ของชานยอล "
หลังซ้อมหลีดให้รุ่นน้องเสร็จ เซฮุนก็เดินกลับบ้านอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่ รุ่นน้องคนหนึ่งในคณะเชียร์หลีดเดอร์ถามว่าจะให้ไปส่งที่บ้านไหม แต่ก็กลับได้รับคำปฏิเสธจากหัวหน้าเชียร์หลีดเดอร์
วันนี้เซฮุนขับรถมาเองจึงไม่อยากรบกวนใคร เขาส่งเมสเสสไปหาเจ้าชายหิมะที่มานอนที่บ้าน บอกว่าวันนี้กลับดึกหน่อยแต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะกำลังจะกลับแล้ว
ขาเรียวก้าวไปตามทางเดินที่ค่อนข้างมืดสลัวข้างสนามฟุตบอลอย่างไม่เกรงกลัวซักนิด เซฮุนค่อนข้างจะชินแล้วกับการกลับดึกแบบนี้ ปกติแล้วช่วงเวลาที่เขาเลิกซ้อมเชียร์มักจะเป็นช่วงเวลาที่นักฟุตบอลของคณะกลับบ้านพอดี แต่ช่วงนี้กลุ่มนักฟุตบอลงดเล่นกีฬา ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาลงอยู่บ้าง
มือเรียวเริ่มควานหาพวงกุญแจเมื่อตัวเองเดินมาถึงรถมินิคูเปอร์สีแดงคันสวย
“ยังไม่กลับบ้านหรอจ้ะ เพื่อนรักแมลงสาบ” เสียงเรียกของผู้หญิง ทำให้เซฮุนชะงัก เขาหันไปมองเหวี่ยงไปมองแล้วเหยียดปาก
“ฮิฮิ อยู่คนเดียวซะด้วย เพื่อนรักแมลงสาบนี่เป็นคนดีเนอะ ช่วยแมลงสาบตั้งเยอะแหน่ะ”
กลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นคือพวกแฟนคลับของชานยอลนี่เอง พวกเธอเดินเข้ามารุมล้อมเซฮุนอยู่ประมาณสี่ห้าคน ทั้งๆที่โดนเซฮุนสั่งสอนไปจนบาดเจ็บขนาดนั้น แต่พวกเธอก็ยังจะกล้ามาพูดจาหาเรื่องใส่เซฮุนอยู่ คนหน้าเรียวกอดอกแล้วมองหน้าคล้ายหาเรื่องกลับ พวกผู้หญิงกลุ่มนี้...ไม่สำนึกสินะ
“พวกเธอมีอะไรกับฉัน โดนไปวันนั้นยังไม่เข็ดใช่ไหม อยากจะโดนอีกหรือไง?”
เซฮุนตวาดแถมมองตาเขียวใส่ผู้หญิงพวกนั้น ซึ่งพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นก็มองกลับไปไม่แพ้กัน ผู้หญิงผมบลอนด์คนหนึ่งในกลุ่มยกยิ้มร้ายกาจออกมาก่อนจะเอ่ย
“ทำพวกฉันไว้แสบนะ ถึงพวกฉันจะสู้นายไม่ได้ แต่พวกฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าถ้านายเจอกับผู้ชายเหมือนจะเป็นยังไง คิกคิก จัดการมันเลยมยองซู!!”
พวกเธอหลีกให้ผู้ชายสองสามคนเข้ามา หนึ่งในนั้นมีมยองซู อันธพาลแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์
มยองซูแอบหลงรักเซฮุนมานานแล้ว แต่เหมือนเซฮุนจะไม่เล่นด้วยเลย พอมีคนมาข้อเสนอดีดีพร้อมกับเงิน มยองซูเลือกที่จะไม่ปฏิเสธ ถ้าได้มีอะไรกับคนขาวๆอย่างเซฮุนคงจะทำให้สุขใจไม่น้อยทีเดียว
“ให้มันโดนข่มขืนซะบ้างจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร อยุ่ดีไม่ว่าดี ไปช่วยแมลงสาบซะได้” กลุ่มเพื่อนของมยองซูมาจับแขนเซฮุนไว้ คนตัวบางดิ้นสุดแรงเกิดอย่างไม่ยอม
“ปล่อยยยยย ปล่อยยยฉันนะ”
“หืม อะไรนะครับ ? พูดมากจริงเลยนะเซฮุน หยิ่งๆอย่างนาย อยากรู้จังว่าจะครางได้เพราะแค่ไหน”
“ปล่อยฉันไปนะ ไอ้โสโครก”
เซฮุนถุยน้ำลายไปเต็มใบหน้าของคนที่ขมขู่เขา มยองซูเช็ดน้ำลายบนใบหน้าของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน เขายกยิ้มร้ายที่มุมปากก่อนจะต่อยหนักไปที่หน้าท้องของเซฮุน
อ่อกกก....
เพียงแค่นั้นเซฮุนก็รู้สึกจุกจนทนไม่ไหว เรี่ยวแรงที่ต้องการต่อสู้เริ่มหายไป..
ประโยคสุดท้ายที่คนตัวบางเอื้อนเอ่ยเป็นเพียงประโยคบางเบาที่ลอยไปตามสายลม
“ชะ ช่วยฉันด้วย”
ปาร์ค ชานยอล เดินกลับเข้ามาที่มหาลัยหลังจากแยกกับพี่แบคฮยอน เขาลืมไปว่าตัวเองตั้งใจจะเอารองเท้าคู่เน่าไปซักเสียที มันคลุกดินจนเลอะไปหมด
ถ้าเขากลับมาเตะฟุตบอลอีกครั้งอาจจะโดนสายตาของรุ่นพี่เชียร์หลีดเดอร์ที่มักจะเดินผ่านแล้วมองมาคล้ายกับจะบอกว่าเขาสกปรกก็ได้ ไม่รู้ทำไมชานยอลดันแคร์กับสายตาดูถูกนั้นซะมากมาย
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ดันลืมเอารองเท้ากลับบ้านไปพร้อมกันด้วย คงเพราะพอเลิกเรียนเขาก็รีบไปหาพี่แบคฮยอนเลย นั่นคือเหตุผลที่คนขายาวต้องย้อนกลับมาในมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
“ถ่ายคลิปไว้ด้วยนะ จะเอาไปประจานที่คณะมัน”
“คิก ถ้าแมลงสาบเห็นก็คงดิ้นชักแหง่วๆพอกันเลย”
“หุหุ ชานยอลก็ต้องภูมิใจในพวกเราชัวร์”
ประโยคลอยจากด้านหลังกำแพงทำให้ขายาวของชานยอลชะงัก ชื่อของเขาหรอ เกิดอะไรขึ้นน่ะ? พวกแฟนคลับของเขาคิดจะทำอะไรหรือเปล่า? นักฟุตบอลตัวสูงรีบวิ่งไปยังเสียงวงล้อมของผู้หญิงพวกนั้น เพื่ออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาใช้แขนดันผู้หญิงพวกนั้นออกไปก่อนดวงตาคมจะเบิกกว้างขึ้นในทันใด
ภาพของเซฮุนกำลังถูกมัดปากโดยผ้าขนหนู เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกกระฉากโยนออกไป ร่องรอยสีแดงประพรมบนผิวคอยาวระหง น้ำตาของของคนร่างโปร่งไหล เขาร้องไห้เพียงแต่ไม่อาจร้องให้ใครช่วยเหลือได้ เมื่อรุ่นพี่ตัวขาวสบตากับชานยอล น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างท่วมท้นกว่าเดิม ภาพของมยองซูที่กำลังจะถอดกางเกงยีนส์อย่างลวกๆ และหญิงสาวพวกนั้นกำลังถ่ายคลิปทำให้คนชานยอลโมโหมาก
“มึง...ไอ้เลว หยุดนะ !!!!!”
พลั่กกกกกกกกก
ชานยอลชกไปยังใบหน้าของมยองซูจนล้มคว่ำ ก่อนจะใช้เท้ากระทืบซี่โครงของคนที่ติดจะปล้ำเซฮุนอยู่อย่างนั้น สติและอารมณ์ของชานยอลขาดผึงในทันที พวกเพื่อนๆเมื่อเห็นว่ามยองซูกำลังโดนซ้อมก็กำลังจะมาช่วย แต่ก็โดนกลุ่มผู้หญิงร้องกรี๊ดห้ามไว้ก่อน
“กรี๊ดดดดดดด พวกนายอย่าทำอะไรชานนยอลนะ”
“ห้ามทำร้ายชานยอลนะ ไม่งั้นฉันไม่จ่ายเงินแน่”
พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นน้ำตาไหล มยองซูโดนชานยอลต่อยและกระทืบอยู่อย่างนั้น จนสุดท้าย คนตัวสูงก็หายใจแรงเหนื่อยหอบ เค้าปาดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเองก่อนจะเดินมาหากลุ่มพวกผู้หญิงด้วยสายตาน่ากลัว
“พวกเธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะชอบพวกเธอหรือไง “
“ฉันยอมไม่มีแฟนคลับแต่ทำแบบนี้ยังจะดีซะกว่า จำไว้ ถ้าคราวหน้าพวกเธอมาทักทายฉันไม่เล่นกับพวกเธออีกแล้ว”
“ออกไป ออกไปซะ!!!”
พอโดนสายตาและคำพูดแบบนั้น กลุ่มแฟนคลับของชานยอลก็ร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม พวกเธอค่อยๆเดินถอยหลังออกไปพร้อมกับใจที่หวาดกลัวในคนที่ตัวเองปลื้ม ชานยอลในตอนนี้ไม่ขี้เล่นเลยซักนิด แววตาเขามีแต่ความน่ากลัวและน่าเกรงขาม พวกกลุ่มของมยองซูก็เช่นกัน พวกเขารีบแบกมยองซูที่สภาพตาบวมช้ำ เสื้อยับยู่ยี่เต็มไปด้วยคราบเลือดออกไปอย่างรวดเร็ว สภาพของมยองซูที่โดนชานยอลอัดในตอนนี้ดูไม่ได้เลย
พอชานยอลไล่พวกคนที่มารังแกเซฮุนออกไปแล้ว คนตัวสูงก็กลับมามองหน้าของเซฮุนที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง มือหนาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมา ก่อนจะบรรจงสวมให้เซฮุนอย่างอ่อนโยน จากนั้นค่อยติดกระดุมให้เซฮุนทีละเม็ด ทีละเม็ด
รุ่นน้องก้มหน้าเม้มปาก ใช้นิ้วหนาเกลี่ยน้ำในตาตนเอง เขาเสียใจที่ต้องมีคนโดนทำร้ายเพราะเขา เป็นอีกครั้งที่เขาปกป้องใครไม่ได้เลย ชานยอลก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้าพยายามยิ้มกว้างให้กับรุ่นพี่ตัวขาวแล้วมือนั้นเช็ดน้ำตาให้เซฮุนแทน
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วนะเซฮุน”
เพี๊ยยยยยยะ!!!
ใบหน้าของชานยอลหันข้างไปตามแรงกระทบนั้นอีกครั้ง อีกครั้งที่เขาโดนตบจากรุ่นพี่ตัวขาว เซฮุนปากสั่น มือสั่น มองหน้าชานยอลอย่างน้ำตาคลอ มือน้อยค่อยๆยกขึ้นมากำหมัดแล้วทุบไปอย่างแรง เซฮุนทุบ ทุบอกชานยอลอยู่อย่างนั้น ทุบจนสุดท้ายชานยอลต้องหยุดการกระทำของรุ่นพี่ด้วยการสวมกอด
รุ่นพี่โอเซฮุนยังคงทุบต่อไปด้วยน้ำตาที่ไหลริน
“ฮึก ไอ้บ้า ไอ้ชานยอลบ้า ฮืออออออออ ทำไม ทำไมมึงไม่มาช่วยกูพรุ่งนี้เลยละ”
“ฮืออออ ไอ้ควาย ทำไมมึงไม่มาหากูพรุ่งนี้เลยยยยย!!!!”
สรพพนามกูมึงที่เอ่ยออกมาจากปากเซฮุน บ่งบอกได้ดีว่าเขาโกรธมากแค่ไหน เขากลัวมากแค่ไหน เซฮุนร้องไห้หนักกว่าเดิม เขาใช้ไหล่ของชานยอลเป็นที่ซับน้ำตา เสื้อของชานยอลเปียกไปด้วยเหงื่อของรุ่นน้องและหยาดน้ำที่ไหลมาจากดวงตาของเซฮุน
“อย่าร้องไห้สิ น้องเซฮุนคนสวยต้องยิ้มเยอะๆนะ เข้าใจไหม?”
“ฮึก ฮือออออ กูบอกแล้วใช่ไหมว่ากูไม่ใช่น้องมึง”
คนตัวโตที่โอบกอดเซฮุนไว้อย่างอบอุ่นยิ้มบางออกมา
อีกมุมหนึ่งที่ชานยอลไม่เคยเห็น คือมุมที่พี่เซฮุนอ่อนแอ
มุมที่ไม่ได้มีใบหน้าอันเรียบเฉยและดูเหวี่ยงวีน มุมที่แทบจะไม่มีใครรู้เลย โอ เซฮุนไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น รุ่นพี่คนนี้ยังต้องการคนดูแลอยู่ดี คนตัวสูงรู้สึกแปลกที่ตนเองได้มีโอกาสรับรู้มุมมองเหล่านี้
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คงเพราะแสงไฟอ่อนๆในตอนกลางคืนที่กระทบไปยังใบหน้าขาวเปื้อนน้ำตาของเซฮุน คงเพราะหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะแทบบ้าตอนเห็นเซฮุนโดนทำร้าย หรือคงเพราะพี่เซฮุนกอดเขาคล้ายกับว่าไม่อยากให้เขาไปไหน คล้ายกับว่าขอบคุณมากเหลือเกินที่ชานยอลผ่านมาทางนั้นพอดี
ชานยอลคิดว่าท่าทางเหล่านั้น .. มันน่ารักดีเหมือนกัน...
“พี่ ชอบกินอะไรครับ”
“ฮือออออ อะไรของนายเล่า”
เซฮุนน้ำตาไหล กัดปากมองหน้าคนที่ยิ้มกว้างมาให้ตัวเอง น้ำตาของเขามันไม่หยุดไหลซักที ยิ่งมาพูดจาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ น้ำตามันก็ยิ่งไหล
มันใช่เวลาไหม ไอ้เด็กบ้าชานยอล!
“บอกหน่อยนะ ชอบกินอะไร?”
“ชอบกินก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ผัดไทยด้วย ฮึก ฮือออออ”
“จะมาถามทำไมตอนนี้เล่า กูหิวว ไอ้บ้า”
“ฮ่าๆ มันอ้วนนะ ทำไมพี่ถึงผอมละ”
ชานยอลคลายอ้อมกอดออกมาแล้วยิ้มกว้างจนเห็นฟันสามสิบสองซี่ เซฮุนเบะปากคล้ายจะร้องไห้อีกครั้ง
“โอ๋ ๆ อย่าร้องนะ ฮ่าๆ ผมก็ชอบกินเหมือนกัน เดี๋ยววันนี้จะซื้อให้กินนะ”
ชานยอลใช้ไหล่หนาของตนเองให้เซฮุนซบอยู่อย่างนั้น คนอะไร ชอบกินอาหารที่เขาชอบทั้งนั้นเลยนี่นา
ไม่รู้ว่าชานยอลค้นพบคนที่เป็น “ข้าวมันไก่” ของตัวเองแล้ว
หรือบางที พริกแสบๆของพี่เซฮุน อาจจะเป็นรสชาติน้ำซุปที่เขาตามหานานก็ได้
ชานยอลจูบเบาๆไปที่ขมับของรุ่นพี่คล้ายกับต้องการปลอบโยน วันนี้พี่เซฮุนไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ ยังไงวันนี้ผมก็มาช่วยพี่แล้ว แล้วผมก็จะไม่ขี้เล่นมากเกินไปกับคนอื่นจนทำให้ใครต้องเป็นอันตรายอีกแล้ว
คนตัวสูงยกมือหนาลูบหัวให้เซฮุนอยู่เนิ่นนานพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นดังคงที่ บ่งบอกว่าเขาจะสามารถเป็นที่พึ่งให้กับเซฮุนได้แน่นอน...
ความคิดเห็น