คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 4
แต่อยากให้รู้ไว้อย่าง ว่าคนที่ไม่ดี ไม่ใช่ไม่มีหัวใจ
คนที่มันเลว แต่บางครั้ง มันไม่ตั้งใจ “ ไม่ใช่ว่าอยากจะเป็น คนไม่ดี “
เหมือนวิ่งวนอยู่ในฉากสีขาว มองไปทางไหนก็สว่างไปหมด แต่คงเพราะแสงสว่างนั้นกลับส่องจ้าจนเกินไปทำให้ไม่อาจคะเนได้ว่าคนที่กำลังวิ่งอยู่นั้นมุ่งหน้าไปทางไหน จุดมุ่งหมายของการวิ่งคืออะไร คล้ายจะหนีบางสิ่งแต่กลับคล้ายวิ่งเข้าไปหาบางอย่าง
“ พี่ครับ ฮือออออ พี่ชายช่วยผมด้วย ” ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาของน้องชายวัยสิบขวบเปรอะไปหมด
“แบคฮยอน นายอยู่ที่ไหนน่ะ” เสียงร้องของแบคฮยอนดังก้องมาจากทั่วทิศทาง สายตากวาดหามองไปรอบด้าน มีแต่สีขาว สีขาวอีกแล้ว มันสว่างมากจนเกินไป หายังไงก็หาไม่เจอ
“ น้องทำผิดอะไรหรอลู่หาน “ ใบหน้าของคุณแม่ที่ฉายแววตาเศร้า
“ ลู่หาน พ่อผิดหวัง” ใบหน้าของคุณพ่อที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจอีกต่อไป
“ ทำไมแค่นี้ ลูกดูแลน้องไม่ได้ ทำไมลูกถึงไม่มีความรับผิดชอบเลย!!”
น้ำเสียงตวาดของคุณพ่อทำให้ลู่หานสะดุ้งตื่นมาขึ้นมา
เฮือกกกก!!
“แบคฮยอน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วห้องนอน เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าพร้อมกับหัวใจที่หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา ลู่หานหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน เสียงตรงหน้าอกข้างซ้ายดังคงดังตุบตุบอยู่อย่างนั้นท่ามกลางเสียงแอร์ที่ดังกระหึ่ม
ฝันที่เหมือนจริงทำให้เขารู้สึกอยากอาเจียน.. ความจริงที่ไม่อาจมีใครล่วงรู้ ไม่ใช่แค่แบคฮยอนคนเดียวที่ฝันร้าย แต่ลู่หานเองก็ฝันร้ายแทบจะทุกคืน
ความรู้สึกผิดต่อน้องชายยังคงเกาะกุมหัวใจของคนเป็นพี่ไม่หายไป ลู่หาน ไม่กล้าอภัยตัวเอง แม้แต่วินาทีเดียว
ขายาวก้าวเดินลงไปยังชั้นล่างแล้วกดรีโมตเปิดทีวีดู ในตอนนี้แม้แต่ทีมฟุตบอลทีมโปรดก็ไม่อาจลบความว้าวุ่นในใจได้ ลู่หานกดย้ายช่องทีวีไปเรื่อยๆ ความคิดยังจมอยู่กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นระหว่างเขากับน้องชายต่างสายเลือด
“จะให้ผมไปตายที่ไหนก็เรื่องของผมเถอะครับ!!!!!”
“ผมเกลียดพี่ เกลียดพี่ที่สุดในโลกเลย!”
ทั้งแววตา น้ำเสียงของประโยคที่แบคฮยอนเอ่ยทำให้ลู่หานต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ เส้นเลือดปูดขึ้นมาจากด้านข้างของหน้าผากบ่งบอกได้ดีถึงความเครียดที่มีอยู่ ซักพักมวนบุหรี่หลายมวนก็ถูกจุดขึ้นมาสูบด้านนอกระเบียง
คนเป็นพี่ชายถอนหายใจคนเดียวภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด.. ดีแล้วแบคฮยอน นายต้องเกลียดพี่นะ เกลียดพี่ให้เยอะๆเลย
แต่ถ้านายจะเกลียดพี่ พี่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ได้โปรดอย่าพูดอีกเลย ว่าให้ไปตายที่ไหนก็เรื่องของนาย
ได้โปรดอย่าพูดประโยคนั้นอีกเลย..
Cinderella Story
เสียงดังกระหึ่มของเสียงเพลงลำโพงลอยเข้ามาในโสตประสาท ผับไฮโซกลางกรุงโซลคราคร่ำไปด้วยผู้คน ทั้งหมดกำลังอยู่ในความสนุก เสียงเพลงที่เมามันส์ประกอบกับร่างของใครหลายต่อหลายคนพยายามเบียดกันเข้ามาหาคนใบหน้าหล่อคล้ายกวางหนุ่ม
ลู่หานนั่งคนเดียวอยู่ที่บาร์เคาท์เตอร์แสดงออกเพียงแค่ปรายตามองคนพวกนั้นแล้วแค่นยิ้มก่อนจะหมุนแก้วช็อตที่เขาสั่งมาหลายต่อหลายครั้งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ทำไมถึงตัดสินใจเลือกมาที่นี่ ทั้งที่ตนเองตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะไม่มีวันมาเหยียบ
สตรีวัยมีอายุหน่อยคนหนึ่งเดินเข้ามา สไตล์การแต่งตัวของเธอช่างเปรี้ยวสะใจ แน่นอนเมื่อประกอบกับการรักษารูปร่างที่ยังคงมีส่วนเว้าให้ใครหลายคนมองตามทำให้เธอโดดเด่น สตรีคนดังกล่าวอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสั้นเดินเข้ามาใกล้ลู่หานมากขึ้น ผมสีน้ำตาลประกายพร้อมรอยยิ้มที่คล้ายกระดังงาลนไฟ เธอคงเป็นผู้หญิงประเภท ยิ่งมีอายุ ยิ่งมีเสน่ห์ ขาของเธอก้าวเข้ามาหมุนเก้าอี้ที่ชายหนุ่มนั่งอยู่แล้วจงใจนั่งลงบนตัก
“คืนนี้ เราไปด้วยกันไหมคะ? ” นมที่เข้ามาถูไถพร้อมกับจูบเบาๆที่ริมฝีปากคล้ายเย้ายวน เล็บสีแดงแจ๋จับส่วนเป้ากางเกงของลู่หานอย่างจงใจ
“หึ สวัสดี จางรี่อิน”
“คิดถึงฉันก็บอกมา Kiss me back หน่อยสิ!“
บุหรี่กลิ่น Davidoff Classic ของผู้หญิงลอยเข้ามาประกอบกับกลิ่นน้ำหอมแชนเนลเบอร์ห้าทำให้ลู่หานเวียนหัว แอลกฮอล์ที่คละคลุ้งบ่งบอกว่าผู้หญิงตรงหน้าดื่มหนักพอสมควร ตอนนี้คนสองคนอยู่นั่งเพียงอยู่สองต่อสองในห้อง VIPที่บรรยากาศแสงสลัว สตรีคนดังกล่าวชงบรั่นดีอย่างชำนาญให้ตัวเองก่อนจะลูบโครงหน้าของลู่หานอย่างเย้ายวน
“ ไม่เจอกันนานเท่าไหร่แล้ว สิบปี? นายหล่อขึ้นจนแทบจำไม่ได้ ไม่รู้ได้เชื้อมาจากใคร ”
“ หึ เธอก็ยังทำตัวเหลวแหลกเหมือนเดิมเลยนะ อายุปาไปเท่าไหร่แล้ว”
“ ฉันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนาน นายรู้ดีที่สุดนี่ที่รัก ”
ลู่หานยักไหล่ไม่ใส่ใจ เขาแย่งแก้วแอลกฮอล์จากคู่สนทนาแล้วซดหมดในคราเดียว มือหนาเอื้อมเช็ดคราบบรั่นดีที่มุมปากตนเองก่อนจะเอ่ย
“ฉันมีเรื่องจะถามเธอหน่อย”
“ถ้าฉันตอบ นายจะให้อะไรฉันละ” ริมฝีปากสีเลือดนกกระซิบที่หลังใบหู นิ้วมือของเธอแกล้งวนแถวต้นขาของลู่หาน แล้วหัวเราะคิกคักคนเดียว
“อย่าเล่น ฉันเหนื่อยแล้ว ”
“นี่นาย ไปหาหมอบ้างหรือเปล่า?”
“จะไปไม่ไปก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ ! ”
น้ำเสียงตวาดในทันทีที่ถูกถาม ผู้หญิงในชุดเดรสสั้นหยุดชะงัก เธอเลิกคิ้วขึ้นแล้วเปลี่ยนใจหันมาชงบรั่นดีอีกแก้วจากนั้นค่อยยื่นให้คนตรงหน้า ลู่หานเอนหลังพิงไปกับโซฟาแล้วพาดแขนไปยังที่นั่งของผู้หญิงคนนั้น
เสียงถอนหายใจยาวประกอบสีหน้าที่ดูไม่ดีทำให้เธอเห็นว่าลู่หานคงจะมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่างจริงๆ เธอจึงนั่งนิ่งรอคอยรับฟังอยู่เงียบๆ แล้วเอื้อมไปนวดระหว่างคิ้วที่ขมวดของลู่หาน
“ที่รักของฉันเป็นอะไรไป? ไหนเล่ามาซิ....”
“มีคนๆนึงที่ฉันรู้จักน่ะ...”
“อันที่จริง ฉันไม่ได้เกลียดคนๆนั้นหรอก แต่เขาดันคิดว่าฉันเกลียดเขามากๆไปแล้ว เขาบอกฉันให้ปล่อยเขาไปซักที เขาบอกฉันว่าจะให้เขาไปตายที่ไหนก็ไป แต่สายตาที่เศร้ามากของเขา ทำให้ฉันรู้สึกแย่ชะมัด และนั่นกลับกลายเป็นว่าฉันกลัวที่จะสูญเสียเขาไปจริงจริง”
“แต่เธอก็รู้ใช่ไหม เรื่องบางอย่างมันมีเหตุผล ฉันอยากให้เขาเกลียดฉันให้มากๆ แต่บางทีภายในใจฉันกลับบอกว่ามันไม่ใช่.....ฉันไม่อยากให้เขาหมดหวังในตัวฉันซักนิดเลย ฉันไม่เคยพูดคำว่าเกลียดกับเขาหรอกนะ แต่บางคำพูดและการกระทำของฉันมันแย่เกินกว่าคำว่าเกลียดจนเขาทนไม่ไหวแล้วละ“
ลู่หานในตอนนี้เหมือนคนจมอยู่ในโลกของความเศร้า เขาพูดทุกอย่างในหัวใจออกมาทั้งหมดคล้ายกับคนไม่มีหนทาง ดวงตาโตของเขามันทั้งเย็นชา และรู้สึกกังวลไปพร้อมกัน..
“ เหอะ เธอนี่นิสัยเหมือนผู้ชายใครคนนึงที่ฉันเคยรู้จักเลยนะ” ไม่รู้ทำไมผู้หญิงคนนั้นกลับหัวเราะเสียงดังแล้วยิ้มตอบกลับมาราวกับที่ลู่หานเล่าเป็นเรื่องตลก รอยยิ้มของเธอช่างงดงามเหลือเกิน
“ เค้าบอกว่าเกลียดฉันจนแทบไม่อยากเห็นหน้าอีกต่อไป แต่เขากลับส่งเงินมาให้ฉันทุกครั้งที่มีปํญหา ”
“ เค้าบอกว่าเกลียดฉัน โกรธฉันแทบเป็นแทบตายที่หนีไปอยู่กับคนอื่น แต่เค้ากลับเลือกที่เลี้ยงดูลูกของฉันไว้เอง คิก คงเป็นเพราะอยากกีดกันผู้หญิงไม่ดีอย่างฉันมากกว่าละมั้ง “
“ ฉันดีใจนะที่ผู้ชายคนนั้นเจอผู้หญิงที่รักเขาอย่างจริงจัง มันทำให้เขามีครอบครัวอบอุ่นอย่างที่ต้องการซักที เราเลิกกันแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะทุกข์ทนหรอก น่าเสียดาย พระเจ้ามักจะพรากชีวิตคนเราจากไปเสมอ ฉันเองก็คิดถึงเขานะ แต่คนเราก็เป็นแบบนี้แหละ มีพบก็ต้องมีจาก“
“เฮ้อ ให้ตายสิ ฉันไม่อยากจะหน้าเหี่ยวและร่วงโรยไปตามวัยเลยนะ ” บุหรี่อีกมวนถูกจุดขึ้นมาสูบแล้วพ่นควันใส่หน้าลู่หานอย่างหยอกเย้า
“นี่ และบางครั้งนะ ฉันก็อยากจะเชื่อแต่คำพูดบ้าๆนั่นเหมือนกัน คำพูดที่ขับไสไล่ส่งตลอดเวลาน่ะ แต่ฉันก็ไม่อาจปฏิเสธได้หรอกนะ ว่าผู้ชายคนนั้น เป็นคนดี..”
“ลู่หาน คนนั้นที่นายแคร์น่ะ ซักวันหนึ่งเขาต้องรู้แหละ ว่านายเป็นคนยังไง“
“เพราะฉะนั้น อย่าคิดมากเลย...ฉันคิดว่าคนนั้นไม่มีทางผิดหวังในตัวนายง่ายๆหรอก...” ผู้หญิงคนนั้นประคองใบหน้าแล้วบรรจงจูบไปที่แก้มขวาของลู่หานอย่างอ่อนโยนคล้ายต้องการจะปลอบใจ
“หึ แล้วหน้าละอ่อนอย่างนาย ถ้าเคยบอกฉันเองว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกก็ไม่ต้องมา ฉันว่าเรื่องบนเตียงของนายคงไม่ได้เรื่องหรอก คิก จนกว่าฉันจะสืบได้ว่านายมีแฟนแล้วฉันจะไปหาเอง อยากจะไปร้องกรี๊ดป่วนคนรักนายบ้าง พังงานแต่งคนอื่นท่าทางจะสนุกดี”
“นี่....ฉันอุตส่าห์ตอบคำถามโลกแตกให้ จะไม่จูบฉันคืนหน่อยหรอ? ” เธอคนนั้นยื่นปากจู๋มาให้อีกครั้ง
ผู้หญิงคนนี้อันตรายเกินไป..
ลู่หานเงียบไปซักพัก เขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้นก่อนจะใช้แขนดันคนตรงหน้าให้ออกห่าง เขาลุกยืนขึ้นเปิดประตูเพื่อจะออกไปจากห้อง VIP แห่งนี้ ลู่หานคิดว่า ถ้าจะกลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง เขาคงจะต้องพาคนที่เขารักมาด้วย
ก่อนจะปิดประตู ชายหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลายหันหลังกลับมาพูดประโยคที่แสนเย่อหยิ่งให้กับผู้หญิงสวยที่นั่งในห้อง
“ เผื่อแม่ไม่รู้......ผมไม่เคยชอบแม่เลย.” เธอคนนั้นยกยิ้มมุมปากตอบกลับมา
“ แม่ก็ไม่เคยชอบหน้านาย เสี่ยวลู่”
จางรี่อิน สตรีในวัยสี่สิบตอนต้นที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับการท่องเที่ยวในยามราตรี คล้ายกับผีเสื้อที่ยังต้องการโบยบินอิสระในทุกเวลา เธอคือแม่แท้ๆผู้ให้กำเนิดลู่หานเมื่อตอนที่เธออายุ15 ปี เกือบสามสิบปีที่แล้วทุกคนเข้าใจว่าจางรี่อินทอดทิ้งลูกให้อยู่กับคุณลู่เพื่อมาแต่งงานใหม่กับลูกเจ้าของผับที่อยู่ในวัยเดียวกัน คำด่าทอ เกลียดชัง ประนามมากมายออกมาจากคนรอบข้าง
อย่างไรก็ตามความจริงที่เธอรู้ดีที่สุดอยู่เพียงคนเดียวภายในใจ
“คุณลู่คือสามีคนแรกที่ผู้หญิงอย่างเธอรักและเคารพตลอดมา ”
บางครั้ง ความรักอาจจะเต็มไปด้วยความผิดพลาด และบางครั้ง การกระทำและคำพูดที่แสดงออกอาจจะไม่ได้บ่งบอกถึงความรักซักนิดเลย
แต่ท้ายสุดแล้วเราทุกคนต่างรู้ดี....”ความรัก“ บนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่รูปแบบเดียว..
“หาน คุณลู่หานคะ ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะคะ” เสียงของแม่นมดังเข้ามาในโสตประสาททำให้คนในชุดเสื้อเชิ้ตขาวยับที่นอนอยู่บนโซฟาขยับเปลือกตาลืมขึ้นมา ลู่หานนอนอยู่บนโซฟาด้วยสภาพคล้ายกับคนเมาค้าง
“แบคฮยอนอยู่ไหนละครับ?” คนตัวสูงลืมตัวเผลอถามหาออกไปตามความเคยชิน เพราะทุกครั้งที่ตื่นนอนก็จะคอยถามอยู่เสมอ
“คุณลู่หานลืมหรือเปล่าคะ คุณแบคฮยอนเธอออกไปค้างบ้างเพื่อนตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ”
จริงสินะ...ลู่หานยกมือขึ้นมาจับขมับ เขารู้สึกปวดหัวมากตอนนี้
“ เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยหรอคะ ”
“ ครับก็นิดนึง ว่าแต่บ้านของใครครับ คุณป้าทราบหรือเปล่า? ”
“ คุณหนูเซฮุนค่ะ ”
ลู่หานพยักหน้าเข้าใจ ความโล่งอกที่มีเกิดขึ้น น้องไม่ได้หนีไปไหนไกลจนเขาทุกข์ใจ คนเป็นพี่บอกกับตัวเองว่าน้องปลอดภัยดี น้องแค่ไปอยู่กับคนที่เขาสามารถไว้ใจได้ อย่างน้อยเซฮุนก็เป็นญาติกับไอ้โย่งนั่น เพื่อนรักของเขาตั้งแต่สมัยอนุบาล ถึงแม้ตอนนี้ไอ้หล่อนั่นจะยังอยู่ที่แคนาดาก็ตามที.....
เปลือกตาของใบหน้าขาวเรียวยาวค่อยๆขยับขึ้น “โอเ ซฮุน” ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพลิกตัวตั้งใจจะกอดหมอนข้าง ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง แต่แล้วตาปรือของเขาก็ต้องถ่างกว้าง เมื่อหมอนข้างของเขาในตอนนี้คือเพื่อนรักที่นอนจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น.
เมื่อคืนพวกเขาสองคนหันหน้าเข้าหากันแล้วนอนคุยกันเพลินจนเซฮุนเผลอหลับไป เปลือกตาปรับกระพริบโฟกัสอีกครั้งเพื่อมองใบหน้าของเพื่อนรักที่ตอนนี้ขอบตาคล้ำและซีดเซียวเหลือเกิน
“แบคฮยอน ทำไมนายตื่นแล้วละ? นี่อย่าบอกฉันนะว่าไม่ได้นอนทั้งคืน”
“แอบมองหน้านายตอนหลับแล้วฉันมีความสุข นายสวยอ่ะ” แบคฮยอนตอบไม่ตรงคำถาม คนที่เดาได้ว่าแทบไม่ได้หลับตาเลยตอบอย่างอ่อนเพลียแล้วยิ้มบางให้คล้ายจะร้องไห้
“แบคฮยอน...” เซฮุนไม่กล้าเอ่ยอะไรต่อจากนั้น เพื่อนรักของเขาในตอนนี้ดูเศร้าซะเหลือเกิน เศร้าจนเกินไปจนเซฮุนอดสงสารไม่ได้
อยู่ดีดีเมื่อคืนแบคฮยอนก็โทรมาหาเขา บอกว่าขอนอนด้วยซักคืนได้ไหม คนตัวเล็กมาเจอเขายามดึกพร้อมใบหน้าที่เหมือนคนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เซฮุนไม่ว่าอะไร จึงพาแบคฮยอนเข้ามานอนค้างที่บ้านด้วยกัน
เพื่อนรักตัวเล็กของเขาพยายามร่าเริง ชวนคุยเรื่องน้องชานยอล เรื่องคยองซู เรื่องกิจกรรมที่มหาลัย แต่เซฮุนเองก็รู้สึกแปลกใจ เหมือนแบคฮยอนพยายามจะมีความสุข ทั้งๆที่ในใจเก็บความทุกข์เอาไว้มากมาย
“แบคฮยอน นายมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกฉันหรือเปล่า”
“นายทะเลาะกับพี่ลู่หานหรอ พี่เขาทำร้ายนายตรงไหนหรือเปล่า ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
แบคฮยอนก็คือแบคฮยอนคนเดิม คนที่มีเรื่องอะไรก็เก็บไว้ในหัวใจคนเดียว ถ้าเจ็บขนาดไหน แบคฮยอนก็จะรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เองคนเดียว เซฮุนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เขาทำได้จึงมีเพียงแต่อยู่เคียงข้างเพื่อนรักเท่านั้น
“ เซฮุน ถ้าฉันอยู่ต่อที่นี่นานกว่านี้จะได้ไหม ”
“ ได้สิ นายเป็นเพื่อนรักฉันนะ จะอยู่ตลอดไปก็ยังได้” เซฮุนยิ้มบางให้กับแบคฮยอนแล้วเอามือไปลูบหัวเพื่อน เขากอดคนตัวเล็กเอาไว้แล้วเอ่ยถาม...
“แบคฮยอน วันนี้เราสองคนโดดเรียนไปเที่ยวทะเลกันเถอะ! ฉันจะโทรไปชวนคยองซูด้วย...”
กลิ่นไอที่โชยมาของริมทะเลทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อนรักสามคนนั่งเรียงกันอยู่ริมชายหาดพร้อมกับมองพระอาทิตย์ตกพ้นขอบสายน้ำในตอนเย็น เมื่อตอนบ่ายคยองซูกับแบคฮยอนเล่นน้ำทะเลกันจนเหนื่อย
เซฮุนมองภาพนั้นแล้วยิ้มบาง เขาดีใจที่ได้เห็นแบคฮยอนมีสีหน้าที่สดใสขึ้น เพื่อนรักตัวเล็กนั่งตรงกลางระหว่างคยองซูกับเซฮุน นิ้วเรียววาดรูปดวงอาทิตย์ลงบนพื้นทรายแล้วเอ่ยถาม
“ พวกนายว่า...ดวงอาทิตย์แปลกประหลาดไหม? มันให้ความอบอุ่นไปพร้อมกับแสงสว่างจ้าที่เป็นอันตรายจนเกินไป บางครั้งมันทำให้ฉันไม่เข้าใจว่ามันจะเอายังไงกัน จะทำร้ายหรือให้ความอบอุ่นเรากันแน่ ?”
“ ไม่รู้สิ คงเพราะฉันไม่คิดไรมากมั้ง“ เซฮุนมองพระอาทิตย์ที่แบคฮยอนวาดแล้วช่วยเติมก้อนเมฆลงไปด้านข้าง
“สำหรับฉัน มีพระอาทิตย์ก็ดีนะ แค่รู้ว่ามันจะส่องแสงทำให้ฉันมองเห็นอย่างอื่นได้ ฉันก็ดีใจแล้วอะ ใครจะบ้าไปจ้องมองแสงพระอาทิตย์ที่แยงตาเรากันละแบคฮยอน? ตาบอดกันพอดี อีกอย่างฉันก็ขอบคุณพระอาทิตย์ด้วยนะ เพราะพระอาทิตย์ทำให้โลกได้หมุน หมุนจนฉันได้เจอพวกนายนี่แหละ ” เซฮุนยักคิ้วอีกทีหนึ่งแล้วส่งยิ้มกว้างไปยังเพื่อนรักทั้งสอง
“ คิก น้ำเน่าชะมัดยาก พระอาทิตย์ก็แค่พระอาทิตย์ที่ทำให้ผิวฉันดำเท่านั้นแหล่ะ” คยองซูที่นั่งฟังอยู่เงียบเอ่ยขึ้นมาแล้วเติมนกลงไปสามตัวบนพื้นทราย
ทั้งสามคนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นแล้วหลุดหัวเราะออกมา .
พระอาทิตย์ในสายตาของแต่ละคนคงแตกต่างกันไปสินะ..
แบคฮยอนยิ้มให้เพื่อนรักทั้งสองก่อนจะค่อยลดรอยยิ้มลง
“ เซฮุน คยองซู ฉันขอโทษด้วยนะ ฉันคงหาบริษัทมาสนับสุนนโปรเจคเราไม่ทันพรุ่งนี้แล้วแหละ ขอโทษที่รับผิดชอบไม่ได้เลย...ฉันคงเป็นต้นเหตุต้องทำให้พวกนายต้องถอนวิชานี้ไปด้วย “
“ฉันขอโทษจริงๆนะ ฉันไม่รู้จะไม่พวกนายยกโทษฉันยังไงเลย“
“ ขอโทษทำไมแบคฮยอน? อันที่จริงฉันหาได้แล้วละ เมื่อวานพี่ชายฉันโทรมาหา เขาบอกว่าบริษัทเขาจะสนับสนุนให้ พอดีเค้าติดธุระเยอะไปหน่อยเลยไม่ได้บอกพวกเรา” เซฮุนขมวดคิ้วแล้วหันหน้ามาบอกกับเพื่อน
“พี่ชายฉันบอกว่าเขายังอยู่ที่ต่างประเทศเลยโอนให้บริษัทในเครือพี่ลู่หานจัดการไปน่ะ ไม่ต้องรู้สึกแย่นะ..”
“พี่ลู่หาน? ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ..?”
ชื่อของพี่เลี้ยงใจร้ายทำให้แบคฮยอนทั้งตกใจและสงสัย ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“อื้มม พี่ชายนายนั่นแหละ คาดว่าตั้งแต่วันที่พวกเราเจอพี่นายตอนเค้ามารับอ่ะ วันนั้นตอนเย็นพี่ลู่หานก็เซ็นสัญญาให้เฉยเลย น่าแปลกนะทั้งที่ทั้งสองบริษัทเป็นคู่แข่งกันมาตลอด ฉันละไม่อยากจะเชื่อเลย พนักงานลือกันให้แซ่ดว่าพี่เค้าขับรถมาเซ็นให้ด้วยตัวเองเลยนะ”
“ แต่รายละเอียดอื่นๆคงต้องไปถามพี่ชายที่เป็นญาติห่างๆของฉันเองหละ พี่ชายฉันเค้าบอกว่ารู้จักนายแถมเค้ายังบอกด้วยนะว่านายต้องจำเค้าได้”
“ เอ๋? ”
“ ไว้เค้ากลับมาจากต่างประเทศเดี๋ยวพวกนายก็เจอกันเองแหละเนอะ “
มันช่างทรมาณเหลือเกิน รักที่ต้องปิดบัง ซ่อนความจริง ซ่อนใจ ซ่อนทุกอย่าง อย่างไม่มีจุดหมาย
-ROMEO AND JULIET-
คุณเคยคิดจะหนีใครซักคนไหม? หนีเหมือนคนบ้าที่วิ่งวนอยู่ในวงกลมซึ่งยิ่งหนีเท่าไหร่ก็เหมือนเขาคนนั้นดึงคุณกลับมาที่เดิมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
“ ซวยชะมัด ฉันว่าแล้วเมื่อเช้าตาขวากระตุก แถมแมวดำยังวิ่งตัดหน้า ฉันรู้เลยว่าวันนี้ฉันจะเจอใคร”
โดคยองซูเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสียในทันทีที่เห็นว่าใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องสมุด ตอนนี้เป็นเวลาเช้า นักศึกษามีไม่มาก อย่างไรก็ตามที่นั่งตรงนี้อันเป็นที่นั่งตัวโปรดของคนตาโตกลับถูกผู้ชายผิวคล้ำเดินเข้ามานั่งข้างๆแถมยังแกล้งอ่านหนังสืออย่างไม่ใส่ใจอีก
“ คิมจงอิน นายมีความสุขมากหรือไงที่ทำแบบนี้ ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน ” ท่าทางยักไหล่ไขว่ห้างทำให้คยองซูควันแทบออกหู
คิม จงอิน ไอ้ดำ นายอยากจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ถ้าคิดว่าโด คยองซูจะหนี นายคิดผิดแล้วละ ฉันมานั่งที่นี่ก่อน ฉันจะไม่ลุกไปไหนทั้งนั้นเว้ย!
คนสองคนไม่พูดอะไรกันเลย ต่างคนอ่านหนังสือในโลกของตัวเอง จนกระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทั้งที่สายตายังจดจ้องอยู่กับตัวอักษรในกระดาษ แค่เพียงแค่คำถามสั้นๆกลับทำให้คยองซูรู้สึกราวกับหัวใจของเขาถูกดึงกระชาก..
“ นายเป็นไงบ้าง “
“ ก็ดี ชีวิตที่ไม่มีนาย ก็ต้องมีความสุขสิ ”
“ ฉันไม่ได้จะอะไรหรอกนะ แค่อยากรู้เฉยๆว่านายเป็นไง ”
“ เออ ฉันรู้ “
เงียบไปอีกครั้ง...คนสองคนไม่พูดอะไรกันเลยจนกระทั่งคนตัวสูงผิวคล้ำลุกออกไป มือเล็กที่แกล้งทำเป็นถือหนังสือปิดบังใบหน้าค่อยลดลง สีหน้าของคยองซูในตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน
ช่วยอย่ามาถามได้ไหมว่าเขาสบายดีหรือเปล่า....ถ้าตัวเองเป็นคนทิ้งเขาไป ช่วยอย่ามาถามว่าเขาเป็นอะไรไหม ทั้งที่ตนเองเคยทำเขาเจ็บเจียนตาย..
Cinderella Story
เย็นวันนี้ เซฮุนมีกิจกรรมที่ต้องไปฝึกน้องเชียร์หลีดเดอร์ทำให้แบคฮยอนต้องนั่งอยู่คนเดียวข้างสนามบอลเพื่อรอเซฮุนกลับบ้านด้วยกัน นับตั้งแต่วันนั้น เขากับลู่หานก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย
ส่วนโปรเจคโฆษณาก็ผ่านไปได้ด้วยดี อีกสองอาทิตย์หน้าถึงจะไปเสนอกับบริษัทจริงๆ แบคฮยอนถอนหายใจยาวเพราะเมื่อถึงวันนั้นเขาไม่รู้จะทำยังไงหากต้องเจอหน้าพี่เลี้ยงใจร้ายอีกครั้ง
ร่างเล็กลุกยืนขึ้นก่อนจะตั้งใจเดินไปซื้อชานมไข่มุกให้ตัวเองแล้วซื้อเผื่อเซฮุนด้วย แบคฮยอนจมกับความคิดของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งรู้สึกตัวเมื่อมีคนใส่ชุดนักบอลวิ่งมากอดจากด้านหลัง
“ !!! ”
“พี่แบคฮยอน ..”
เสียงทุ้มนั้นเป็นของชานยอลนี่เอง แบคฮยอนหันไปมองพร้อมกับยิ้มบ้างให้ ชานยอลที่ตาโตอยู่แล้วต้องตาโตมากกว่าเดิมเมื่อมองหน้าใกล้ๆของรุ่นพี่แล้วเห็นว่าหน้าตาซีดเซียวมากแถมขอบตาก็คล้ำดูไม่สดใสร่าเริง มันดูแย่มากเลย
“เห้ยย นี่เป็นอะไรหรือเปล่า ใครทำอะไรพี่อ่ะ เดี๋ยวผมจะไปต่อยให้ปากแตกเลย! ”
“บ้า พี่แค่นอนดึกน่ะ ”
“เป็นอย่างนี้อีกแล้วนะ แฟนผมต้องหน้าเป๊ะสิ” ชานยอลขมวดคิ้วจนยุ่ง จนแบคฮยอนต้องส่ายหน้ายิ้มบาง
“พี่แบคฮยอนเป็นไงบ้าง มากอดทีสิ“
“เหงื่อโชกขนาดนี้ ตาเด็กบ้า ”
“ฮ่าๆ หอมปะละ อ่ะให้ดม ”
ชานยอลพยายามโอบกอดแบคฮยอน แถมยื่นอกหนาให้อย่างจงใจแกล้ง แบคฮยอนพยายามหนี ใบหน้าเล็กยิ้มกว้างขึ้นแล้วพยายามเอามือทั้งสองข้างดันรุ่นน้องออก ชานยอลวิ่งไล่แบคฮยอนอยู่อย่างนั้น เสียงหัวเราะเกิดขึ้นระหว่างคนสองคน
ชานยอลเป็นคนพิเศษอย่างหนึ่ง คือต่อให้เรารู้สึกแย่แค่ไหน เด็กคนนี้ก็จะร่าเริงพลอยทำให้คนอื่นรู้สึกดีไปด้วย แบคฮยอนชอบที่จะได้เล่นกับน้องชายที่เขาเอ็นดูเหมือนคนในครอบครัว
สำหรับเด็กตาโตหูกางก็เหมือนกัน เขาชอบรอยยิ้มของรุ่นพี่ตัวเล็ก เขาหลงรักความใจดีของแบคฮยอน ชานยอลชอบแบคฮยอนมากๆ และเขาเชื่อมั่นว่าแอบหลงรักรุ่นพี่คนนี้จนเกินกว่าคำว่าพี่น้อง
นักบอลสุดหล่อของคณะนิเทศศาสตร์จึงอยากเป็นคนที่ทำให้รุ่นพี่คนนี้ยิ้มได้ตลอด และแม้แต่วินาทีเดียวเขาก็ไม่อยากให้รุ่นพี่ที่ชื่อ ”พยอน แบคฮยอน” คนนี้ต้องเสียใจเลย
การเป็นประธานฝ่ายสวัสดิการที่มีคนมาชอบมากมายไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งยังสนิทกับเดือนคณะเฟรชชี่ปีหนึ่งที่เป็นที่ต้องตาต้องใจของใครหลายคน ท่าทีที่สนิทสนิทสนมกันของทั้งแบคฮยอนและชานยอลจึงอยู่ในสายตาของกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ใส่กระโปรงนักศึกษาสั้นแค่คืบ ส้นสูงหลายนิ้วประกอบกับท่าทางอิจฉาริษยา พวกเธอเหล่านั้นเป็นแฟนคลับของชานยอล
และแน่นอน...กลุ่มนักศึกษาหญิงพวกนั้น เรียกแบคฮยอนว่าเป็น “ แมลงสาบ ”
“ พลั่กกกกกกกก!!!!! ”
แบคฮยอนถูกผลักทันที่จนชานมไข่มุกทั้งสองแก้วล้มลง เขาเกลียดตัวเองที่ฮับกิโดสายดำของตัวเองไม่อาจทำอะไร นั่นเป็นเพียงเพราะ เขาไม่กล้าทำร้ายผู้หญิง ส้นสูงหลายคู่ล้อมรอบคนตัวเล็กอยู่ แบคฮยอนรู้สึกเจ็บที่เข่ามาก
ผู้หญิงผมบลอนด์คนหนึ่งในกลุ่มยิ้มเหยียดแล้วค่อยๆถอดส้นสูงของเธอออก
“ อย่าระริกรี้มาอ่อยชานยอลอีกนะ “
“นายอย่าหวังจะได้ไประริกระรี้มีความสุขที่อื่นเลย!!!!” ประโยคที่ทับซ้อนขึ้นมาคล้ายกับสิ่งที่พี่เลี้ยงใจร้ายเคยพูด แบคฮยอนน้ำตาไหลลงอย่างช่วยไม่ได้ เขาไปนึกคนแบบนั้นทำไมกัน
“ แกอย่าลืมสิ นายเป็นใครและชานยอลเป็นใคร ไอ้ลูกกำพร้า!! “
“อย่าลืมว่ามีสถานะเป็นอะไร นายเป็นแค่คนรับใช้ของที่บ้าน”
หูของแบคฮยอนอื้ออึงไปหมด เขาได้ยังคงยินเสียงของผู้หญิงพวกนั้นซ้ำทับกับเสียงของลู่หาน พี่ชายที่ทำร้ายจิตใจเขาตลอด ลู่หานคือคนที่ตามมาคอยหลอกหลอนในทุกที่
แรงกระทบที่ใบหน้า ประกอบการถูกจิกผมอย่างรุนแรงทำให้แบคฮยอนต้องร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ผู้หญิงกลุ่มนั้นหลายคนรุมกันตบและทำร้ายเค้าอย่างไม่ปราณี แบคฮยอนเจ็บจนน้ำตาไหล ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ รอยมืออยู่เต็มไปหมด สายตาที่ใกล้ปิดลงเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนกอดอยู่ไม่ไกล
“ อี้ชิง....อี้ชิง ช่วยชั้นด้วย “
“ ก็อยากจะช่วยหรอกนะแบคฮยอน แต่ฉันติดธุระน่ะ โทษทีนะ ฉันนัดกับช่างทำผมไว้พอดี “
จางอี้ชิง.....ยิ้มให้แบบนั้นอีกแล้ว ยิ้มที่อ่อนโยนจนเห็นลักยิ้ม หากแต่การกระทำนั่นไม่ใช่เลย เขาร้ายกาจและเลือดเย็นจนแทบไม่มีหัวใจ
แบคฮยอนคงลืมไป...ไม่มีว่าใคร ต่างก็อยากได้หัวใจของคนที่เราอยากได้ คนที่เราใฝ่ฝันจนเรียกได้ว่าเป็นเจ้าชายด้วยกันทั้งนั้น
“ สนุกดีนะ แบคฮยอน ”
เจ็บ เจ็บไปหมด จางอี้ชิงเดินจากไปแล้ว ส้นสูงของผู้หญิงพวกนั้นฟาดหลายทีไปที่ใบหน้าขาวของแบคฮยอน เขาเจ็บไปทั้งหัวใจ น้ำหยาดสีใสหยดลงมาจนทั่วใบหน้า น้ำตาไหลอีกแล้ว มันไหลหลายต่อหลายครั้งจนแบคฮยอนเหนื่อยแทบทนไม่ไหว มือน้อยค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมา
ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด อาจเป็นเพราะคนๆนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่เขาคิดออก โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าต่อสายไปยังรายชื่อของคนที่บังคับให้เบอร์ของตัวเองคือเบอร์โทรที่กดเบอร์หนึ่ง
“ พี่ลู่หาน ”
พี่ลู่หาน..พี่ครับ....อย่าเพิ่งใจร้ายกับแบคฮยอนตอนนี้ได้ไหม ได้โปรดมาช่วยแบคฮยอนทีได้ไหม...
Cinderella Story
เหงื่อที่ผุดขึ้นทั่วใบหน้าของลู่หานบ่งบอกว่าเขาวิ่งวนตามหาน้องจนเหนื่อย แบคฮยอนบอกว่าอยู่แถวสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัย หากแต่เพียงตอนนี้ฟ้ามืดลงแล้ว ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ลู่หานมองวนไปทั่วจนเป็นวงกลม เขากลัว กลัวน้องจะเป็นอะไรไป กลัวน้องเป็นอันตราย
สายตากวางหนุ่มตั้งสติแล้วมองหาอีกครั้ง ขาของเขาตั้งใจจะออกวิ่งอีกรอบแต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงัก มีสิ่งหนึ่งที่เรืองแสงออกมาในตอนกลางคืน สิ่งนั้นคือสร้อยข้อมือวาวระยับแสงของน้องชาย ขายาวก้าวไปอย่างช้าๆเข้าไปหาคนที่นั่งกอดเข่าซุกใบหน้าอยู่ ใจของเขาแทบแหลกเป็นเสี่ยงเมื่อเห็นภาพนั้น
“ แบคฮยอน..”
ใบหน้าเล็กที่เปรอะไปด้วยน้ำตานั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วมองหน้าลู่หาน รอยเลือดสีแดง เศษดินที่มอมแมม ผมเผ้าที่รุงรังของน้องชายทำให้คนเป็นพี่รู้สึกเจ็บแทน
“ พี่ครับ..พี่ชา ย ..”
น้ำเสียงเรียกชื่อที่อ่อนแรงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลมากกว่าเดิม ลู่หานคุกเข่าก้มลงมองไปหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของแบคฮยอนอย่างเจ็บปวด
มือหนาค่อยๆยกขึ้นเอื้อมไปสัมผัสแก้มของแบคฮยอนอย่างอ่อนโยน คงไม่ใช่วินาทีนี้แล้วที่ลู่หานจะต้องทำเย็นชาใส่แบคฮยอนอีก ไม่ใช่ตอนที่น้องกำลังเจ็บปวดเพราะคนอื่นแบบนี้
“นายเจ็บตรงไหน ไหนฉันดูซิ”
“จำไว้นะแบคฮยอน คนที่ทำให้นายร้องไห้ได้มีแค่ฉันคนเดียว “
มือหนาเอื้อมไปหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเช็ดรอยเลือดออกอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง
น้ำตาของคนเป็นน้องไหลลงมามากว่าเดิม เขาดีใจที่พี่ชายหาเจอ เขาดีใจที่พี่ชายเช็ดน้ำตาให้ เพราะที่ผ่านมาลู่หานไม่เคยทำแบบนี้เลยซักครั้ง ความรู้สึกทั้งตื้นตั้นและดีใจปรวมตัวอยู่ที่ก้อนเนื้อที่เต้นดัง
หัวใจของน้องชายบ่งบอกว่าพี่เขาไม่ได้ทอดทิ้งเรา...
แบคฮยอนก้มหน้าอยู่อย่างนั้นให้พี่ชายเช็ดน้ำตาของตัวเอง คนเป็นน้องเงยหน้าขึ้นสบตาอีกครั้งด้วยแววตาที่สั่นเครือ อยู่ดีดีพี่ชายผมทองก็ชะงักไป สายตาเสมองไปทางอื่น
ไม่รู้ทำไม ลู่หานไม่กล้ามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของแบคฮยอนเลย
พี่เลี้ยงใจร้ายลุกยืนขึ้นก่อนจะค่อยๆจับข้อมือของน้องชายให้ลุกขึ้นเช่นกัน ไม่มีแรงบีบ ไม่ได้มีแรงกระชาก มันเป็นเพียงการจับข้อมือเอาไว้หลวมๆเพียงแค่นั้น
ขายาวของคนตัวสูงก้าวขาไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วหยุดหยุดกับที่
“อย่าร้องไห้อีกนะ”
หลังกว้างไม่คิดแม้แต่จะหันหลังกลับมามอง ไม่ได้เอ่ยคำว่าขอโทษถึงสิ่งที่เขากระทำไว้ก่อนหน้านี้เลยซักนิด
หากแต่ประโยคที่เอ่ยทำให้ใจของคนฟังเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตีกันไปหมด
“กลับบ้านกันเถอะ”
ความคิดเห็น