ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เริ่มเทอม 2
ผมทำงาน มา 2 อาทิตย์แล้ว เหลืออีก 2 อาทิตย์เท่านั้น ก็จะเปิดเรียนพอดี ผมได้เงิน วันละ 120 บาท เท่าๆกับต้นหละ 4 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน รวมแล้วก็ได้เงินประมาณ 2,880 บาท เข้าค่าย ก็ใช้ประมาณ 2,430 บาท ก็จะเหลือเงินใช้อีกด้วยดีจิงๆที่ได้ทำงาน
    งานที่ผมทำนั้นเป็นงานเกี่ยวกับ การซ่อมรถยนต์ ประเภทรถยนต์รถยุโรป ซ่อมนิดหน่อยๆเท่านั้น  ผมทำรถยนต์หรือที่เรียกว่าเป็นลูกมือเค้านั้นแหละ ผมทำช่วยน้า รงค์ส่วนต้นนั้น ทำกับ พี่แหลม ทำทุกวันบางทีก็เบื่อ เพราะรถบางวันก็เข้าน้อยเข้าเยอะไม่เหมือนกัน แต่ผมก็ยอมรับว่าได้เรียนรู้ชีวิตในด้านการทำงานมากขึ้น 
    แต่เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เหลืออีกแค่ 2 วันเท่านั้น โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว แต่ไม่สนหรอก วันนี้เงินออกด้วย ถ้าวันนี้ได้ ก็พอแล้วสำหรับการไปค่ายวิทย์ แต่ตอนนี้ ต้องผ่านวันนี้ไปก่อนถึงจะได้เงิน วันนี้แปลกดีที่ไม่มีรถเข้ามาเลย เอาหละวันนี้เราคิดว่า ‘วันนี้แม่งสบายวะ แม่งไม่ต้องทำอะไรเลย’ แต่ความคิดนี้ไปถึงได้แค่ตอนเที่ยงเท่านั้น พอพักเที่ยงกลับมา มีงานเข้ามาเยอะเลย ผมนี่เซ็งเลย ของต้นที่ทำกับพี่แหลม ก็มีแต่ ทำระบบไฮโดรลิค หรือ ไม่ก็ถอดยางกันฝุ่นเพลา มาเปลี่ยน แต่ผมนี่สิ ถอมอาร์มหลัง เป็นรถธรรมดาก็โอเค หละครับ แต่มันมีระบบ ไฮโดรลิค ด้วย เลยยากหน่อยแล้วก็เหนื่อยสุดๆด้วย แต่ตอนนี้สิ วันเงินเดือนออกไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย มาลำบากวันสุดท้ายอีกแล้ว
    แต่อย่างน้อย 4 ชั่วโมงที่เหลือ มันก็เสร็จแค่อัด จาระบีลงไปเท่านั้น ไม่มีอะไรเลย เฮ้อเซ็ง ให้เอาออกมาแค่อัดจาระบี จะทำทำไมก็ไม่รู้ แต่ผมก็รับเงินอย่างภาคภูมิใจว่า เป็นเงินที่เราได้มาเอง จากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง วันนั้น ผมกับต้นเลี้ยงฉลองกันเล็กๆน้อยๆ ขอบอกว่า ไม่มีแอลกฮออล์นะ ไม่กินกัน เป็นการแค่เลี้ยงข้าวกันธรรมดาเท่านั้น
    ใครๆก็ตามที่เห็นนั้น หรือใครที่รู้เรื่องของผมนั้น ใครๆก็อาจจะคิดว่าผมลืมเค้าไปแล้ว หรือตัดใจได้แล้ว แต่เปล่าเลย ผมไม่ได้ลืมเค้า ผมแค่สนุกเวลาได้ทำงานเท่านั้น ผมลืมเธอไม่ได้จิงๆ เป็นเพราะอะไรนั้นไม่มีใครรู้ แม้แต่ตัวของผมเอง ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะอะไร แต่แค่รู้สึกว่าตัดใจไม่ได้เท่านั้น
    วันอาทิตย์ อีกแค่วันเดียวเท่านั้น โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว ผมเพิ่งเตรียมตัวกับของที่จะไปเรียนพรุ่งนี้เสร็จ ต้นก็มาเรียกไปกินข้าวข้างนอกอีกแล้ว ผมก็เออ-ออตามเข้าไปหละ ผมหิวนิ กินๆข้าวไปต้นก็ถามผม
    “เฮ้!วุฒิ” ต้นพูด “นายลืมปิ้นได้ยังวะ” ต้นถามผม มันเป็นคำถามที่แปลกมากๆครับ ผมแปลกใจผมเองนะว่าทำไมต้นถึงถามยังงี้ แต่...มันก็ทำให้ผมคิดถึงเรื่องเก่าๆที่ผมน่าจะลืมไปแล้ว กลับมาวนเวียนในหัวของผมอีก 
    “ถามไมอะ”  ผมตั้งสติแล้วถามกลับไป
    “ปล่าวหรอก กรูนึกว่าเมิงจะติดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือยัง” ตันพูด
    “ก็...นิดหน่อย” ผมตอบกลับไป
    “อืม...ตัดไปซะเถอะ ผู้หญิงคนเดียว” ต้นพูดแนะนำ
    “เอาเถอะหน่า!ช่างมันเถอะ กินข้าวดีกว่า” ผมพูดโน้วน้าว
    ผมกลับบ้านหลังกินข้าว ผมกลับมานั่งคิดอยู่เหมือนกัน เกี่ยวกับคำพูดของต้นผมคิดว่ามันแปลกจิงๆว่า ทำไมเราถึงตัดใจจากปิ้นไม่ได้ ในเมื่อก็นานมาแล้ว ถึงตอนนี้ ก็ 1เดือน มาแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะลืมปิ้นได้เลย ผมได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ‘ทำไมเราถึงตัดใจจากปิ้นไม่ได้นะ’
    วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดเรียน ด้วยความที่เคยชินแล้ว ผมจะเป็นคนนอนดึก เมื่อคืนนอนเร็ว เลยนอนไม่ค่อยหลับ มาหลับเอาก็ดึกแล้ว เลยตื่นสายอีกแล้ว ทำไมต้องเป็นตลอดการเปิดเรียนเลยนะ ตอนนี้ 7.00 โมงเช้าแล้ว แต่มันก็ไม่สายเท่าไร ผมรีบอาบน้ำ แล้วแต่งตัวไปโรงเรียนทันที วันนี้ผมคิดว่ารถติดแน่ๆ ผมจึงนำจักรยานไปด้วย แล้วก็ไม่ผิด รถติดจิงๆ แต่ก็เป็นปกติของการเปิดเรียนอะนะ
   
    ผมถึงโรงเรียนก็ 7.20 พอดี ผมขึ้นไปหาอาจารย์แล้วก็ไปลงทะเบียน เรียน แล้วก็รับผลสอบ เพราะผมทำงานอยู่เลยยังไม่ได้รับผลสอบ เปิดออกมาก็ต้องตกใจตัวเอง ได้แค่ 3.00 เอง แต่ก็ดีแหะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่บางทีก็คิดอยากจะได้ 3.60 หรือ 4.00 เหมือนกับเค้าบ้าง
    วันแรกไม่ค่อยมีเรียนเท่าไรส่วนมากก็ Homeroom จากอาจารย์ที่ปรึกษา แล้วก็จัดโต๊ะเรียนเหมือนทั่วๆไป แล้วก็ถึงวิชา ที่เรียนเมื่อไรก็ แนะนำวิชา บอกการเก็บคะแนนจากวิชานั้นๆ แต่ก็ดีไม่ต้องเรียนเบื่อเหมือนกัน
    ตอนเที่ยงผมลงไปกินข้าวกับเพื่อน แต่เช้ายังไม่ได้กินเลย  เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็จะเดินขึ้นห้องเรียน แต่เพื่อนๆก็ชวนเล่นบาสตามประสา อีกแล้ว ไม่เบื่อกันบ้างหรือไง แต่ก็ผมจะเล่น ผมบังเอิญหรือจงใจก็ไม่รู้ ผมเห็นปิ้น ใช่ไม่ผิดหรอกผมเห็นปิ้นจิงๆ เดินอยู่กับ น๊อต อีกแล้ว ผมเบื่อจิงๆ ไอ้ น๊อตเนี่ยแม่ง กวนตรีน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมันอยู่ต่อหน้าปิ้น แต่อย่างว่า เราจะหึงทำไมในเมื่อเราก็ตัดใจจากเค้าไปแล้ว และ เค้าก็ไม่ได้รักเราด้วย แค่เราลืมเค้าไม่ได้เท่านั้นเอง
    “วุฒิ...วุฒิ เล่นบาสเว้ย” ตั้มเรียก
    “หา! เอ่อ โอเคๆ” ผมรับคำ
    “นายจะมองทำไมวะ” ต้นมากระซิบกับผม
    “ก็นะ” ผมพึมพำ
    “เอาหน่าตัดใจเถอะ” ต้นแนะนำ
    แต่ผมก็ไม่ตอบอะไรเลย ผมก็เล่นบาสไปตามประสาของผมเท่านั้น เมื่อถึงเวลาเรียนก็ขึ้นห้องไม่มีไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ตอนบ่ายนี้เรียนแต่ ภาษาไทยกับวิทย์เท่านั้น เดี๋ยวก็เลิกเรียนแล้ว
    เมื่อถึงวิชาวิทยาศาสตร์ อาจารย์ก็จะแจ้งพวกเราเกี่ยวกับเนื้อหาที่จะเรียน การเก็บคะแนนต่างๆ และ....
    “ประมาณเดือน ธันวาคมมีเข้าค่ายด้วยนะ” อาจารย์พูด
    ผมก็ว่าแล้วแต่ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้ นี่เดือนพฤศจิกายนแล้ว เหลืออีกเดือนเดียวเอง
    “คือ...อาจารย์อยากให้ ลงๆชื่อไว้ก่อนเท่านั้น”  อาจารย์พูด “แล้วก็....” อาจารย์พูดอีกแต่ก็เงียบไป
    “คือคราวนี้อยากให้พี่ ม. 3 ไปเพราะเค้าจะไม่เอาพวกพี่ สตาร์ฟแล้ว เพราะมันจะใช้เงินเยอะพอสมควร อยากให้ไปเป็นตัวควบคุมลิง ตั้งแต่...เอ้ย!รุ่นน้อง ป.5-ม.2 แล้วคราวนี้เราจะไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียวด้วย เราจะไปเจอเพื่อนกัน” อาจารย์พูด
   
    ผมคิดว่าก็ดียังงี้ดูเป็นพี่ใกล้ชิดน้องๆ มากกว่า แล้วก็ได้กวนตรีนน้องๆเล่นด้วย เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ผมกับต้นก็ชวนไปสมัคร ทันที
    “โห! ไมรีบมาสมัครเร็วจัง” อาจารย์ถาม
    “เดี๋ยวเต็มครับ” ต้นพูด
    “แหนะ! อยากอยู่ใกล้ๆสาว รุ่นน้องอะดิ” อาจารย์ย้อนถามเหมือนรู้ทัน
    “ก็ครับ555+” ผมกับต้นตอบพร้อมกัน แถมยิ้มหัวเราะหน่อยๆด้วย
    “ตอนนี้ยังไม่ได้บอกรุ่นน้องพรุ่งนี้มีเรียน เดี๋ยวไปประกาศ แล้วก็จะติดบอร์ดด้วย”  อาจารย์พูดกับพวกเรา
    “เออ...แล้ว ในห้องจะมีใครสมัครอีกไหม”  อาจารย์ถามอีก
    “อืม ไม่ทราบเหมือนกับครับ แต่ว่า คงมีอีกแน่ๆ เพื่อนผมชอบเข้าค่ายกัน” ต้นพูด
    “เอ่อ แล้วไปวันไหนครับ” ผมถาม
    “ก็คง 10-12 อะแหละ มัน ศุกร์-อาทิตย์ พอดี” อาจารย์พูด
    “งั้น 13 นี่มัน อาทิตย์ของสัปดาห์วิชาการนี่ครับ” ผมถาม
    “ก็ต่อเลยไง วุฒิ กับ ต้น ต้องแสดงผลโครงงานี้ไม่ใช่หรอ” อาจารย์ถาม “โครงงานเครื่องบำบัดน้ำเสียอะ” อาจารย์พูดขึ้น
    “อ๋อ เหลือแต่ เนื้อหา อะครับ” ผมพูดตอบกลับไป
    “รีบทำละกัน มันใหล้เวลาแล้ว” อาจารย์พูด “เดี๋ยวไม่มีเวลาเตรียมตัว” อาจารย์เสริมอีก
    “ครับ งั้นผมไปหละครับ สวัสดีครับ” ผมกับต้นยกมือไหว้และลากลับบ้านกัน แต่ก็รู้ผมไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ ต้องเล่นบอลกับมาสเตอร์ก่อน เย็นก็ได้กลับบ้านจิงๆอยู่แล้ว
    วันรุ่งขึ้น ก็เริ่มมีเด็กๆมาสมัคร เข้าค่ายวิทย์ กันเริ่มเยอะแล้ว อาจารย์ก็ยิ่งมารบเร้า พวกเราให้ไปช่วยกันหน่อย ในแก๊งผมที่ไปแน่ๆ ก็มีแค่ผม แล้วก็ นายตั้ม นายต้น นายกานต์ นายแจ๊ค นายโอ  ไอซ์ ปอ ไปกันเท่านั้น แต่นาย บิว มิท ปาร์ค ไม่ไปอะ เซ็งเลย นึกว่าจะได้ไปเป็นแก๊ง แต่ก็มี ผู้หญิง ไปกัน ก็มี มี เจ๊ออม เจ๊ปอย หรือนายปอยก็ไม่รู้ แล้วก็ เจ๊กิฟท์ ผู้หญิงไปกันน้อย เพื่อนผมก็เงี้ยแหละ ไม่ค่อยไปกัน แต่ไปเที่ยวเนี่ยชอบ
    2 วัน ยิ่งมีคนสมัครมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็แค่มาเอาระเบียบการหรือพวกกำหนด การ ไม่ได้ลงชื่อไป ตอนนี้ยังไม่ถึง 100 คนเลย รับแค่ 150 คนเอง แต่ก็ยังสมัครไม่ถึง 150 คนเลย เราคิดว่ารับเยอะเกินไปหรือป่าว
    “ครบยังอะวุฒิ” อาจารย์ถามผม
    “ยังเลย’จารย์” ผมตอบ
    “อืม 79 คน ก็เยอะนะ” อาจย์พูด “ป.6 รู้ข่าวแค่ไม่กี่ห้องเอง”
    “เหรอคับ” ผมตอบรับ
    แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ได้มาดูแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น มันเต็มแล้วครับคนสมัครกันเต็มเลย ผมนี่แทบอึ้ง อะไรจะขนาดนี้ ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองทั้งหยิกแก้ม ตบหน้า ตัวเอง แต่มันไม่ตื่นครับมันเป็นเรื่องจริงเพราะมันเต็มแล้ว
                    “มีคนให้ความสนใจเยอะมาก” อาจารย์พูด “เยอะจิงๆ” อาจารย์พูดเสริมอีก
                    เอาเถอะผมเฉยๆ ผมไปเที่ยวให้สนุกดีกว่า
                    “เออ! เดี๋ยว อีก 2 วันจะมีการแบ่งกลุ่ม กันนะ พาไอ้ต้น แล้ววุฒินั่นแหละ มาช่วยด้วย” อาจารย์พูด “หรือไม่ก็ เอาพวกที่ไปของ ม.3 มาช่วยทั้งหมด” อาจารย์เสริมอีก
                    “ครับ”  ผมขานรับ
                    ยังไงๆผมว่าจะจับไงก็ได้ไม่เกี่ยงกันหละ แต่ที่รู้ๆคงไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเพื่อนๆเราแน่
                    2 อาทิตย์เป็นเวลาที่จะแบ่งกลุ่มมาแล้ว ผมก็ได้รู้จักชื่อ รุ่นน้องที่จะอยู่กลุ่มผม แล้วก็จิงๆ ไม่มีเพื่อนอยู่กันเลย แยกเป็นหัวหน้ากลุ่มไปซะหมด 150 คน จะมีโดยรวมกลุ่มนึงก็จะมีคนประมาณ 12-13 คนถือว่าไม่มากไม่น้อยหละ
                    “อีก 3 วันนี้จะเอาใบรายชื่อไปติดบอร์ด แล้วก็ฟังการรวมตัวจากหน้าเสาธงให้ดีนะ” อาจารย์พูด
                    อีก 3 วันใบกระดาษรายชื่อก็ถูกนำไปติดบอร์ดไว้ ได้เห็นรายชื่อ ก็รู้กันแล้วหละว่าใครอยู่กลุ่มไหน แต่รุ่นน้องเรานี่เหมือนรู้ชื่อรุ่นพี่เลย รู้จักชื่อเล่นรุ่นพี่หมดเลย ทุกคนเลย มันดังตรงไหนเราก็ไม่เคยไปบอกชื่อเล่นกับใครเค้าเลยนะเนี่ย นอกจากเพื่อนของเราเอง แต่ก็ช่างมันเถอะ
มาถึงตอนนี้ ใครๆก็อาจจะนึกว่า ผมนั้นลืมปิ้นไปแล้วแต่ป่าวเลย มันไม่ใช่ ผมก็ยังไม่ลืมแต่ผมไม่กล่าวถึงแล้วเท่านั้น ผมพยยามไม่นึกถึงเธอ แล้วที่ผมบอกเธอว่า ‘อย่ามาให้เห็นหน้าอีก นั้น เธอก็ไม่มาให้เห็นอีกเลยจิงๆ’ หรือเธอหลบหน้าผมก็ไม่รู้ แต่ผมก็เริ่มที่จะลืมๆเค้าไปแล้ว
    2-3 อาทิตย์ใกล้แล้ว ใกล้จะได้ไปแล้ว เป็นเวลาเข้าแถวพอดี หลังเข้าแถว เค้าประกาศด้วยว่าไปค่ายวิทย์ ให้มาร่วมกันหน้าเสาธง ผมก็ไปรวมหน้าเสาธง
   
“อาจารย์ขอเช็คชื่อนักเรียนที่จะไปหน่อยนะ” อาจารย์หัวหน้าสายวิทย์พูด “แล้วก็ให้เข้ากลุ่มที่จัดไว้ด้วย”
    ผมอยู่กลุ่ม 8 ต้นอยู่กลุ่ม 7 ใกล้ๆกัน ส่วนตั้ม อยู่กลุ่ม 9 ยิ่งใกล้ๆกัน ผมเช็คชื่อ คนในกลุ่มตามใบรายชื่อ แค่นับคนเท่านั้น 12 คน ก็โอเคแล้ว รู้อยู่ว่าครบ ผมนั้น ไม่เห็นหน้าใครเค้าหรอก เพราะมันอยู่ในชุดลูกเสือ มันไม่เป็นหรอก หมวกก็ปิดแล้ว ทำไมไม่ถอดกันนะ แต่ในตอนนั้น แม้แต่ผม หรือใครๆก็ไม่รู้หรอกครับ ว่า ความรักของผมนั้นจะเกิดขึ้นอีก แล้วก็เป็นผู้หญิง ที่อยู่ในกลุ่มผมนั่นแหละ เธอนั้นจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างในชีวิตผมในอนาคตอันใกล้เนี่ยแหละ
    งานที่ผมทำนั้นเป็นงานเกี่ยวกับ การซ่อมรถยนต์ ประเภทรถยนต์รถยุโรป ซ่อมนิดหน่อยๆเท่านั้น  ผมทำรถยนต์หรือที่เรียกว่าเป็นลูกมือเค้านั้นแหละ ผมทำช่วยน้า รงค์ส่วนต้นนั้น ทำกับ พี่แหลม ทำทุกวันบางทีก็เบื่อ เพราะรถบางวันก็เข้าน้อยเข้าเยอะไม่เหมือนกัน แต่ผมก็ยอมรับว่าได้เรียนรู้ชีวิตในด้านการทำงานมากขึ้น 
    แต่เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เหลืออีกแค่ 2 วันเท่านั้น โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว แต่ไม่สนหรอก วันนี้เงินออกด้วย ถ้าวันนี้ได้ ก็พอแล้วสำหรับการไปค่ายวิทย์ แต่ตอนนี้ ต้องผ่านวันนี้ไปก่อนถึงจะได้เงิน วันนี้แปลกดีที่ไม่มีรถเข้ามาเลย เอาหละวันนี้เราคิดว่า ‘วันนี้แม่งสบายวะ แม่งไม่ต้องทำอะไรเลย’ แต่ความคิดนี้ไปถึงได้แค่ตอนเที่ยงเท่านั้น พอพักเที่ยงกลับมา มีงานเข้ามาเยอะเลย ผมนี่เซ็งเลย ของต้นที่ทำกับพี่แหลม ก็มีแต่ ทำระบบไฮโดรลิค หรือ ไม่ก็ถอดยางกันฝุ่นเพลา มาเปลี่ยน แต่ผมนี่สิ ถอมอาร์มหลัง เป็นรถธรรมดาก็โอเค หละครับ แต่มันมีระบบ ไฮโดรลิค ด้วย เลยยากหน่อยแล้วก็เหนื่อยสุดๆด้วย แต่ตอนนี้สิ วันเงินเดือนออกไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย มาลำบากวันสุดท้ายอีกแล้ว
    แต่อย่างน้อย 4 ชั่วโมงที่เหลือ มันก็เสร็จแค่อัด จาระบีลงไปเท่านั้น ไม่มีอะไรเลย เฮ้อเซ็ง ให้เอาออกมาแค่อัดจาระบี จะทำทำไมก็ไม่รู้ แต่ผมก็รับเงินอย่างภาคภูมิใจว่า เป็นเงินที่เราได้มาเอง จากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง วันนั้น ผมกับต้นเลี้ยงฉลองกันเล็กๆน้อยๆ ขอบอกว่า ไม่มีแอลกฮออล์นะ ไม่กินกัน เป็นการแค่เลี้ยงข้าวกันธรรมดาเท่านั้น
    ใครๆก็ตามที่เห็นนั้น หรือใครที่รู้เรื่องของผมนั้น ใครๆก็อาจจะคิดว่าผมลืมเค้าไปแล้ว หรือตัดใจได้แล้ว แต่เปล่าเลย ผมไม่ได้ลืมเค้า ผมแค่สนุกเวลาได้ทำงานเท่านั้น ผมลืมเธอไม่ได้จิงๆ เป็นเพราะอะไรนั้นไม่มีใครรู้ แม้แต่ตัวของผมเอง ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะอะไร แต่แค่รู้สึกว่าตัดใจไม่ได้เท่านั้น
    วันอาทิตย์ อีกแค่วันเดียวเท่านั้น โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว ผมเพิ่งเตรียมตัวกับของที่จะไปเรียนพรุ่งนี้เสร็จ ต้นก็มาเรียกไปกินข้าวข้างนอกอีกแล้ว ผมก็เออ-ออตามเข้าไปหละ ผมหิวนิ กินๆข้าวไปต้นก็ถามผม
    “เฮ้!วุฒิ” ต้นพูด “นายลืมปิ้นได้ยังวะ” ต้นถามผม มันเป็นคำถามที่แปลกมากๆครับ ผมแปลกใจผมเองนะว่าทำไมต้นถึงถามยังงี้ แต่...มันก็ทำให้ผมคิดถึงเรื่องเก่าๆที่ผมน่าจะลืมไปแล้ว กลับมาวนเวียนในหัวของผมอีก 
    “ถามไมอะ”  ผมตั้งสติแล้วถามกลับไป
    “ปล่าวหรอก กรูนึกว่าเมิงจะติดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือยัง” ตันพูด
    “ก็...นิดหน่อย” ผมตอบกลับไป
    “อืม...ตัดไปซะเถอะ ผู้หญิงคนเดียว” ต้นพูดแนะนำ
    “เอาเถอะหน่า!ช่างมันเถอะ กินข้าวดีกว่า” ผมพูดโน้วน้าว
    ผมกลับบ้านหลังกินข้าว ผมกลับมานั่งคิดอยู่เหมือนกัน เกี่ยวกับคำพูดของต้นผมคิดว่ามันแปลกจิงๆว่า ทำไมเราถึงตัดใจจากปิ้นไม่ได้ ในเมื่อก็นานมาแล้ว ถึงตอนนี้ ก็ 1เดือน มาแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะลืมปิ้นได้เลย ผมได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ‘ทำไมเราถึงตัดใจจากปิ้นไม่ได้นะ’
    วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดเรียน ด้วยความที่เคยชินแล้ว ผมจะเป็นคนนอนดึก เมื่อคืนนอนเร็ว เลยนอนไม่ค่อยหลับ มาหลับเอาก็ดึกแล้ว เลยตื่นสายอีกแล้ว ทำไมต้องเป็นตลอดการเปิดเรียนเลยนะ ตอนนี้ 7.00 โมงเช้าแล้ว แต่มันก็ไม่สายเท่าไร ผมรีบอาบน้ำ แล้วแต่งตัวไปโรงเรียนทันที วันนี้ผมคิดว่ารถติดแน่ๆ ผมจึงนำจักรยานไปด้วย แล้วก็ไม่ผิด รถติดจิงๆ แต่ก็เป็นปกติของการเปิดเรียนอะนะ
   
    ผมถึงโรงเรียนก็ 7.20 พอดี ผมขึ้นไปหาอาจารย์แล้วก็ไปลงทะเบียน เรียน แล้วก็รับผลสอบ เพราะผมทำงานอยู่เลยยังไม่ได้รับผลสอบ เปิดออกมาก็ต้องตกใจตัวเอง ได้แค่ 3.00 เอง แต่ก็ดีแหะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่บางทีก็คิดอยากจะได้ 3.60 หรือ 4.00 เหมือนกับเค้าบ้าง
    วันแรกไม่ค่อยมีเรียนเท่าไรส่วนมากก็ Homeroom จากอาจารย์ที่ปรึกษา แล้วก็จัดโต๊ะเรียนเหมือนทั่วๆไป แล้วก็ถึงวิชา ที่เรียนเมื่อไรก็ แนะนำวิชา บอกการเก็บคะแนนจากวิชานั้นๆ แต่ก็ดีไม่ต้องเรียนเบื่อเหมือนกัน
    ตอนเที่ยงผมลงไปกินข้าวกับเพื่อน แต่เช้ายังไม่ได้กินเลย  เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็จะเดินขึ้นห้องเรียน แต่เพื่อนๆก็ชวนเล่นบาสตามประสา อีกแล้ว ไม่เบื่อกันบ้างหรือไง แต่ก็ผมจะเล่น ผมบังเอิญหรือจงใจก็ไม่รู้ ผมเห็นปิ้น ใช่ไม่ผิดหรอกผมเห็นปิ้นจิงๆ เดินอยู่กับ น๊อต อีกแล้ว ผมเบื่อจิงๆ ไอ้ น๊อตเนี่ยแม่ง กวนตรีน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมันอยู่ต่อหน้าปิ้น แต่อย่างว่า เราจะหึงทำไมในเมื่อเราก็ตัดใจจากเค้าไปแล้ว และ เค้าก็ไม่ได้รักเราด้วย แค่เราลืมเค้าไม่ได้เท่านั้นเอง
    “วุฒิ...วุฒิ เล่นบาสเว้ย” ตั้มเรียก
    “หา! เอ่อ โอเคๆ” ผมรับคำ
    “นายจะมองทำไมวะ” ต้นมากระซิบกับผม
    “ก็นะ” ผมพึมพำ
    “เอาหน่าตัดใจเถอะ” ต้นแนะนำ
    แต่ผมก็ไม่ตอบอะไรเลย ผมก็เล่นบาสไปตามประสาของผมเท่านั้น เมื่อถึงเวลาเรียนก็ขึ้นห้องไม่มีไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ตอนบ่ายนี้เรียนแต่ ภาษาไทยกับวิทย์เท่านั้น เดี๋ยวก็เลิกเรียนแล้ว
    เมื่อถึงวิชาวิทยาศาสตร์ อาจารย์ก็จะแจ้งพวกเราเกี่ยวกับเนื้อหาที่จะเรียน การเก็บคะแนนต่างๆ และ....
    “ประมาณเดือน ธันวาคมมีเข้าค่ายด้วยนะ” อาจารย์พูด
    ผมก็ว่าแล้วแต่ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้ นี่เดือนพฤศจิกายนแล้ว เหลืออีกเดือนเดียวเอง
    “คือ...อาจารย์อยากให้ ลงๆชื่อไว้ก่อนเท่านั้น”  อาจารย์พูด “แล้วก็....” อาจารย์พูดอีกแต่ก็เงียบไป
    “คือคราวนี้อยากให้พี่ ม. 3 ไปเพราะเค้าจะไม่เอาพวกพี่ สตาร์ฟแล้ว เพราะมันจะใช้เงินเยอะพอสมควร อยากให้ไปเป็นตัวควบคุมลิง ตั้งแต่...เอ้ย!รุ่นน้อง ป.5-ม.2 แล้วคราวนี้เราจะไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียวด้วย เราจะไปเจอเพื่อนกัน” อาจารย์พูด
   
    ผมคิดว่าก็ดียังงี้ดูเป็นพี่ใกล้ชิดน้องๆ มากกว่า แล้วก็ได้กวนตรีนน้องๆเล่นด้วย เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ผมกับต้นก็ชวนไปสมัคร ทันที
    “โห! ไมรีบมาสมัครเร็วจัง” อาจารย์ถาม
    “เดี๋ยวเต็มครับ” ต้นพูด
    “แหนะ! อยากอยู่ใกล้ๆสาว รุ่นน้องอะดิ” อาจารย์ย้อนถามเหมือนรู้ทัน
    “ก็ครับ555+” ผมกับต้นตอบพร้อมกัน แถมยิ้มหัวเราะหน่อยๆด้วย
    “ตอนนี้ยังไม่ได้บอกรุ่นน้องพรุ่งนี้มีเรียน เดี๋ยวไปประกาศ แล้วก็จะติดบอร์ดด้วย”  อาจารย์พูดกับพวกเรา
    “เออ...แล้ว ในห้องจะมีใครสมัครอีกไหม”  อาจารย์ถามอีก
    “อืม ไม่ทราบเหมือนกับครับ แต่ว่า คงมีอีกแน่ๆ เพื่อนผมชอบเข้าค่ายกัน” ต้นพูด
    “เอ่อ แล้วไปวันไหนครับ” ผมถาม
    “ก็คง 10-12 อะแหละ มัน ศุกร์-อาทิตย์ พอดี” อาจารย์พูด
    “งั้น 13 นี่มัน อาทิตย์ของสัปดาห์วิชาการนี่ครับ” ผมถาม
    “ก็ต่อเลยไง วุฒิ กับ ต้น ต้องแสดงผลโครงงานี้ไม่ใช่หรอ” อาจารย์ถาม “โครงงานเครื่องบำบัดน้ำเสียอะ” อาจารย์พูดขึ้น
    “อ๋อ เหลือแต่ เนื้อหา อะครับ” ผมพูดตอบกลับไป
    “รีบทำละกัน มันใหล้เวลาแล้ว” อาจารย์พูด “เดี๋ยวไม่มีเวลาเตรียมตัว” อาจารย์เสริมอีก
    “ครับ งั้นผมไปหละครับ สวัสดีครับ” ผมกับต้นยกมือไหว้และลากลับบ้านกัน แต่ก็รู้ผมไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ ต้องเล่นบอลกับมาสเตอร์ก่อน เย็นก็ได้กลับบ้านจิงๆอยู่แล้ว
    วันรุ่งขึ้น ก็เริ่มมีเด็กๆมาสมัคร เข้าค่ายวิทย์ กันเริ่มเยอะแล้ว อาจารย์ก็ยิ่งมารบเร้า พวกเราให้ไปช่วยกันหน่อย ในแก๊งผมที่ไปแน่ๆ ก็มีแค่ผม แล้วก็ นายตั้ม นายต้น นายกานต์ นายแจ๊ค นายโอ  ไอซ์ ปอ ไปกันเท่านั้น แต่นาย บิว มิท ปาร์ค ไม่ไปอะ เซ็งเลย นึกว่าจะได้ไปเป็นแก๊ง แต่ก็มี ผู้หญิง ไปกัน ก็มี มี เจ๊ออม เจ๊ปอย หรือนายปอยก็ไม่รู้ แล้วก็ เจ๊กิฟท์ ผู้หญิงไปกันน้อย เพื่อนผมก็เงี้ยแหละ ไม่ค่อยไปกัน แต่ไปเที่ยวเนี่ยชอบ
    2 วัน ยิ่งมีคนสมัครมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็แค่มาเอาระเบียบการหรือพวกกำหนด การ ไม่ได้ลงชื่อไป ตอนนี้ยังไม่ถึง 100 คนเลย รับแค่ 150 คนเอง แต่ก็ยังสมัครไม่ถึง 150 คนเลย เราคิดว่ารับเยอะเกินไปหรือป่าว
    “ครบยังอะวุฒิ” อาจารย์ถามผม
    “ยังเลย’จารย์” ผมตอบ
    “อืม 79 คน ก็เยอะนะ” อาจย์พูด “ป.6 รู้ข่าวแค่ไม่กี่ห้องเอง”
    “เหรอคับ” ผมตอบรับ
    แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ได้มาดูแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น มันเต็มแล้วครับคนสมัครกันเต็มเลย ผมนี่แทบอึ้ง อะไรจะขนาดนี้ ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองทั้งหยิกแก้ม ตบหน้า ตัวเอง แต่มันไม่ตื่นครับมันเป็นเรื่องจริงเพราะมันเต็มแล้ว
                    “มีคนให้ความสนใจเยอะมาก” อาจารย์พูด “เยอะจิงๆ” อาจารย์พูดเสริมอีก
                    เอาเถอะผมเฉยๆ ผมไปเที่ยวให้สนุกดีกว่า
                    “เออ! เดี๋ยว อีก 2 วันจะมีการแบ่งกลุ่ม กันนะ พาไอ้ต้น แล้ววุฒินั่นแหละ มาช่วยด้วย” อาจารย์พูด “หรือไม่ก็ เอาพวกที่ไปของ ม.3 มาช่วยทั้งหมด” อาจารย์เสริมอีก
                    “ครับ”  ผมขานรับ
                    ยังไงๆผมว่าจะจับไงก็ได้ไม่เกี่ยงกันหละ แต่ที่รู้ๆคงไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเพื่อนๆเราแน่
                    2 อาทิตย์เป็นเวลาที่จะแบ่งกลุ่มมาแล้ว ผมก็ได้รู้จักชื่อ รุ่นน้องที่จะอยู่กลุ่มผม แล้วก็จิงๆ ไม่มีเพื่อนอยู่กันเลย แยกเป็นหัวหน้ากลุ่มไปซะหมด 150 คน จะมีโดยรวมกลุ่มนึงก็จะมีคนประมาณ 12-13 คนถือว่าไม่มากไม่น้อยหละ
                    “อีก 3 วันนี้จะเอาใบรายชื่อไปติดบอร์ด แล้วก็ฟังการรวมตัวจากหน้าเสาธงให้ดีนะ” อาจารย์พูด
                    อีก 3 วันใบกระดาษรายชื่อก็ถูกนำไปติดบอร์ดไว้ ได้เห็นรายชื่อ ก็รู้กันแล้วหละว่าใครอยู่กลุ่มไหน แต่รุ่นน้องเรานี่เหมือนรู้ชื่อรุ่นพี่เลย รู้จักชื่อเล่นรุ่นพี่หมดเลย ทุกคนเลย มันดังตรงไหนเราก็ไม่เคยไปบอกชื่อเล่นกับใครเค้าเลยนะเนี่ย นอกจากเพื่อนของเราเอง แต่ก็ช่างมันเถอะ
มาถึงตอนนี้ ใครๆก็อาจจะนึกว่า ผมนั้นลืมปิ้นไปแล้วแต่ป่าวเลย มันไม่ใช่ ผมก็ยังไม่ลืมแต่ผมไม่กล่าวถึงแล้วเท่านั้น ผมพยยามไม่นึกถึงเธอ แล้วที่ผมบอกเธอว่า ‘อย่ามาให้เห็นหน้าอีก นั้น เธอก็ไม่มาให้เห็นอีกเลยจิงๆ’ หรือเธอหลบหน้าผมก็ไม่รู้ แต่ผมก็เริ่มที่จะลืมๆเค้าไปแล้ว
    2-3 อาทิตย์ใกล้แล้ว ใกล้จะได้ไปแล้ว เป็นเวลาเข้าแถวพอดี หลังเข้าแถว เค้าประกาศด้วยว่าไปค่ายวิทย์ ให้มาร่วมกันหน้าเสาธง ผมก็ไปรวมหน้าเสาธง
   
“อาจารย์ขอเช็คชื่อนักเรียนที่จะไปหน่อยนะ” อาจารย์หัวหน้าสายวิทย์พูด “แล้วก็ให้เข้ากลุ่มที่จัดไว้ด้วย”
    ผมอยู่กลุ่ม 8 ต้นอยู่กลุ่ม 7 ใกล้ๆกัน ส่วนตั้ม อยู่กลุ่ม 9 ยิ่งใกล้ๆกัน ผมเช็คชื่อ คนในกลุ่มตามใบรายชื่อ แค่นับคนเท่านั้น 12 คน ก็โอเคแล้ว รู้อยู่ว่าครบ ผมนั้น ไม่เห็นหน้าใครเค้าหรอก เพราะมันอยู่ในชุดลูกเสือ มันไม่เป็นหรอก หมวกก็ปิดแล้ว ทำไมไม่ถอดกันนะ แต่ในตอนนั้น แม้แต่ผม หรือใครๆก็ไม่รู้หรอกครับ ว่า ความรักของผมนั้นจะเกิดขึ้นอีก แล้วก็เป็นผู้หญิง ที่อยู่ในกลุ่มผมนั่นแหละ เธอนั้นจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างในชีวิตผมในอนาคตอันใกล้เนี่ยแหละ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น