ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : หลังจากนั้น
มันเป็นวันที่มีความสุขมาก เธอบอกรักผม จนวันนี้มันผ่านไป 2 เดือนแล้ว แต่เราก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน บางคนอาจจะเห็นว่าความสันธ์ของผมกับปิ้นนั้นเป็นแค่พี่น้องธรรมดา แต่ มันไม่ใช่ มันเป็นความสัมพันธ์ที่เกินพี่น้อง ในใครหลายๆคนอาจจะพูดว่าเป็น ‘แฟน’ กัน ผมอาจจะใช้คำว่า ‘คนรัก’ แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมกับปิ้นก็อาจจะมีความรักที่ดีต่อกัน บางทีเธออาจจะพูดให้ผมฟังว่า ‘คนนี้น่ารัก’ หรือ ‘คนโน้นน่ารักจัง’ เพื่อทำให้ผมหึงบ้างเล็กน้อย แต่ผมยอมรับผมเป็นคนขี้หึงคนนึงทีเดียว
    ผมนั้นอาจจะคิดเหมือนกันว่า ความสัมพันธ์ของผมกับปิ้นนั้นมันจะยืดยาวไปได้ซักแค่ไหน ผมนั้นรักคนเดียวไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว แต่ว่าเธอนั่นแหละที่ทำให้ผมเป็นกังวลอย่างที่บอก เธฮเป็นคนที่น่ารัก เธอนั้นอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่ลองคบกับผมเล่นๆ แล้วก็ทิ้งไป อย่างไรก็ไม่รู้
    “พี่วุฒิเป็นไรไปค่ะ” ปิ้นทักผม เพราะตอนนี้ผมนั้นนั่งดูปิ้น ทำการทดลองในห้องวิทย์อยู่กับเพื่อนๆ
    “อ้อ! ปล่าว ไม่มีไร” ผมพูดปฏิเสธ
    ผมปฏิเสธเธอไปอย่างนั้น แต่ในใจผมบางทีนี่ร้อนรุ่มไปเลยด้วยซ้ำ ด้วยความคิดเมื่อกี้ แต่ช่างมันเถอะ! ช่างมัน เราทำความรักนี้ให้ยาวๆไปก็พอแล้ว รักเค้าคนเดียว จะไปคิดมากทำไม
    แต่มันเหมือนว่าเซนต์ของผมนั้นจะถูกเผง ใครจะไปคิดว่า ความคิดของผมนั้นมันเป็นจิงขึ้นมาในวันสอบวันสุดท้ายของปลายภาคเรียนที่ 1 แต่ก่อนนั้น ก่อนวันสุดท้ายของปลายถาคเรียนที่เป็นเวลา ประมาณถึง 2 อาทิตย์ ผมก็เริ่มรู้สึกแล้วว่า ปิ้นนั้นเริ่มห่างเหินผมไป
    ผมโทรไปหาปิ้นตอน 1 ทุ่ม ใครๆก็คิดหละครับมันธรรมดาที่เป็นแฟนกันต้องโทรไปหากัน แต่ผมโทรไปเพราะวันนี้ผมไปคุยกับปิ้น ปกติเค้าจะคุยดีกับผมแต่ว่า วันนี้
    “ปิ้นเหรอ วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง” ผมถามปิ้นตามปกติถ้าเจอกัน
    “ก็ดีค่ะ...” เธอตอบกลับมา แต่เป็นน้ำเสียงที่เฉยชา “คือ...เดี๋ยวหนูไปหาอาจาย์ก่อนนะ” แล้วปิ้นก็เดินไป โดยไม่จากลากันเลยซักคำ
    ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันเริ่มมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นแล้ว
    วันสอบนั้นก็เหมือนปกติแหละครับ ผมต้องมาเรียนพิเศษวันเสาร์ตามปกติแต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว หรือใครๆที่เรียกกันว่าวันนี้เป็นวันปิดคอร์สหละครับ อาจารย์นั้นจะนัดนักเรียนที่อยากให้ติวนั้นมาเรียนกันในวันนี้ แล้วมันก็เหมือนเดิมครับ เพื่อนผมทุกคนในแก๊งของผมนั้นมาเรียนกันครบทุกคนเลย แล้วก็มีเพื่อนผู้หญิงอีกนิดๆหน่อยๆ
    เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ผมคิดว่าคราวนี้คงจะเหมือนเมื่อคราวก่อนแน่ๆ มีไอ้ตั้ม มาชวนเล่นบาสหรือไม่ก็เล่นบอล แต่วันนี้สิครับผิดคาด มันไม่ชวนเล่นหรือทำอะไรเลย มันชวนผมติวหนังสือกับอาจาย์ต่อ โอ้ไม่น่าเชื่อ อะไรมันจะตั้งใจเรียนกันขนาดนี้ ส่วนมากจะป็นวิทย์ กับ คณิตหละครับ ที่พวกเราจะเรียนอ่อนกัน แต่ ก่อนเที่ยงนั้น ก่อนผมจะไปติวกับอาจารย์ต่อนั้น ผมเห็นครับ ผมเห็น ผมเห็นปิ้นเดินอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง เป็นเพื่อนในห้องปิ้นแหละครับ รู้สึกจะชื่อ น๊อต เป็นผู้ชายที่สูง พอๆกับผม แต่หน้าตานี่ผมยอมเค้าหละครับ เค้าหน้าตาหล่อ ตี๋ ขาวด้วย แต่ผมก็ไม่คิดไรมากนักหรอก ผมเห็นเค้าเดินกัน 2 คน แล้วรู้สึกว่าเค้านั้นคุยกันถูกคอมากด้วย แต่ผมคิดในใจว่า ‘เอาหน่า มันไม่มีอะไรหรอก!’
    เป็นเวลา 5.30 แล้ว ผมพึ่งจะได้กลับบ้านหละ ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย แต่ในใจผมตอนนี้ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอยู่ ว่าทำไมเค้าถึงได้สนิทกับปิ้นขนาดนั้น แน่นอนผมหึงแต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมกะจะโทรไปถามให้มันรู้เรื่องกันไปเลย แต่กลัวว่าจะเข้าใจกันผิด แล้วทะเลาะกัน ผมก็ไม่กล้าหละครับ ผมว่าผมเอาใจใส่การสอบดีกว่า
    2 อาทิตย์ผ่านไปนั้นเร็วมากเหมือนโกหก วันจันทร์หน้าก็จะสอบแล้ว แต่ในส่วนตัวผม ผมเตรียมตัวพร้อมแล้วสำหรับการสอบ แต่ใจของผมนั้นยังไม่พร้อม มันยังพะว้าพะวงในเรื่องของปิ้นอยู่ ผมโทรไปหาเค้าอยู่บ่อยเหมือนกัน แต่ในคำตอบของเธอนั้น เธอจะบอกว่า ‘คือ...หนูไม่ว่างค่ะขอโทษนะ’ หรือ ‘หนูคุยอยู่กับเพื่อนค่ะ ขอโทษนะคะ’ เป็นอย่างนี้อยู่บ่อยทีเดียว จนผมรู้สึกว่านั่นเป็นสัญญาณอะไรหรือปล่าว ผมไม่ได้คุยกับปิ้นเป็นเรื่องเป็นราวเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงวันสอบนี้อีกเลย ผมนั่งอยู่กับโอ ในตอนพักเที่ยงของวันหนึ่ง เผอิญจิงๆที่แอมนั้นผ่านมาพอดี
    “แอม...แอม...” ผมเรียกแอม
    “อ้าวพี่วุฒิ มีไรค่ะ” แอมถามผม “เรื่องปิ้นใช่มั้ย” แอมเหมือนรู้ว่าผมจะถามอะไร
    “อืม...ใช่” ผมตอบ “คือ ปิ้นเค้ามีแฟนใหม่แล้วใช่มั้ย” ผมถาม
    “...” แอมเงียบไปเหมือนได้ยินคำถามผม
    “ใช่มั้ย” เสียงผมปนไปด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังเอามาก
    “อืม... ใช้แล้วค่ะ ปิ้นเค้ามีคนใหม่แล้ว” แอมตอบผม แต่เสียงของแอมนั้นเหมือนไม่อยากให้ผมรู้ความจิงนี้เลย
    “งั้นเหรอ” ผมยิ่งผิดหวังเข้าไปอีก
    “คือ...หนูก็ถามเค้าแล้ว ‘แล้วพี่วุฒิหละ...’ ” แอมชี้แจง “แต่เค้าก็ไม่พูดอะไรเลย” แอมพูด
    “ไม่มีไรแล้วไปเถอะ...ขอบคุณมากนะ” ผมขอบคุณแล้วยิ้มให้แอมนิดๆเหมือนกับบอกว่า ผมไม่เป็นไรนะ โอนั้นตบไหล่ผมเบาๆ เหมอนกับปลอบใจผม
    “แล้ว มึงจะทำไงต่อไป” โอถาม
    “กรูไม่รู้หวะ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงกลุ้มใจ
    “กรูก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร” โอตอบ “เป็นเรา...เราจะเข้าไปคุยให้มันรู้เรื่อง” โอชี้แจงเหตุผล
    “งั้นเหรอ” ผมพูด
    ผมขึ้นไปเรียนวิชาในภาคบ่ายด้วยความสับสนในหัวใจจิงๆ ผมไม่รู้จะทำยังไง หรือทำตามคำพูดของโอ ให้เข้าไปคุยให้มันรู้เรื่อง หรือจะ ปล่อยไว้อย่างนี้ เฮ้อ! ผมหละกลุ้มหัวใจจิงๆ
    กริ๊ง..........กริ๊ง
เป็นเสียงออดเลิกเรียน โอ้ ผมใช้เวลาคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงเลิกเรียนเลยเหรอเนี่ย ผมก็ยังไม่หายกลุ้มเลยผมก็ลองคิดว่าถ้าไปปรึกษาผู้หญิงดูหละน่าจะมีอะไรดีขึ้นบ้างละมั้ง ผมก็ลองไปปรึกษาเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ให้คำปรึกษาดีนะถึงจะบ๊องๆไปหน่อย คนนี้เค้าชื่อ ปอย เพื่อนๆในห้องเค้าเรียกกันว่า หนูผี แล้วใส่แว่นด้วยนะ ยิ่งเหมือนเข้าไปอีก แล้วอีกอย่างคนนี้จะออกทอมๆนิดๆด้วย
    “เฮ้ย ปอย ว่างป่าววะ” ผมถาม
    “อืม...ว่างมีไรอะ” ปอยถาม “เรื่องปิ้นอีกอะดิ” ปอยลองเดา
    “อ้าวนายรู้ได้ไง” ผมสงสัยเล็กน้อย
    “ข่าวมันดังหวะเพื่อน” ปอยพูดแถมด้วยการหัวเราะอย่างผู้มีชัย
    “ก็...นะ” ผมยอมรับ “งั้นไม่ต้องถามแล้วนายคงรู้เหตุผลนะ”
    “อืม! นายก็เขาไปคุยซะสิ ปล่อยยังงี้ไม่ได้อะไรหรอก” ปอยพูด
    “งั้นเหรอ” ผมลองถาม
    “อืม! ถ้าไม่ถามแล้วนายจะทำไง” ปอยถาม
    “เรากลัวเราจะเข้าใจผิด แล้วความสัมพันธ์อาจถึงขั้นขาดกันเลยไง” ผมชี้แจงเหตุผล
    “เราได้ยินว่าเค้ามีแฟนใหม่นะ” ปอยพูด “อาจจะเป็นเรื่องจิงไปแล้วก็ได้ ปอยพูด”
    “เราก็ได้ยินมา” ผมพูด
    “เราว่าเข้าไปคุยอะดีแล้ว” ปอยพูด
    “เหรอ” ผมตอบ เมื่อปอยได้พูดอย่างนั้น ผมก็ลองคิดดูว่าจะถามไปดีไหม เมื่อถึงเวลาเย็นผมก็กลับบ้าน ไปแล้วสิ่งแรกที่ผมทำคือโทรไปหาปิ้น
    “สวัสดีค่ะ” เสียงผู้หญิงพูดขึ้น
    “โหล ปิ้นเหรอ” ผมพูดขึ้น
    “ค่ะ พี่วุฒิเหรอค่ะ” ปิ้นพูด
    “อืม พี่เอง” ผมพูด “ว่างคุยหรือปล่าวอะ” ผมถาม
    “ไม่ว่างอะ กินข้าวอยู่อะค่ะ” ปิ้นพูด
    “เหรอ งั้นไม่รบกวนแหละ...” ผมพูด “งั้นแค่นี้นะ...”
    “เดี๋ยวค่ะพี่วุฒิ”ปิ้นพูดขึ้น “วันสุดท้ายกลับบ้านด้วยกันนะ” ปิ้นพูด
    “เอางั้นเหรอ” ผมถาม “รอละกัน”
    “อืม! งั้นแค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ” ปิ้นพูดลาแล้ววางสายไป
    ผมคิดว่า กลับบ้านด้วยกันเหรอ ไม่เลวนิ เราคงคิดมากเรื่องนี้ไปเองละมั้ง เมื่อถึงวันจันทร์ วันนั้นเป็นเวลาสอบผมก็ต้องให้เวลากับการสอบเต็มที่ ผมให้เวลากับการสอบแล้วจนถึงวันที่ 3 ของการสอบซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการสอบแล้ว ผมเริ่มคิดถึงตอนเย็นที่ผมนั้นจะได้กลับบ้านพร้อมกับปิ้นอยู่แล้ว
    เย็นนั้นผมบอกให้ปิ้นรอผม เดี๋ยวขอเตะบอลก่อน แต่ปิ้นก็บอกผมว่า วันนี้รีบกลับจิงๆอะ ผมก็เลยต้องไปส่งเธอก่อนแล้วค่อยกลับมาเตะบอลกับมาสเตอร์ทีหลัง ผมนั้นไปส่งเธอจนถึงปากซอยตรงที่เดิมที่ผมเคยปั่นจักรยานมาส่งเธอ ผมบอกลาเธอ
    “ปิ้น โชคดีนะ เจอกันตอนเปิดเทอม” ผมพูด
    “เออพี่วุฒิต่ะ... หนูมีเรื่องจะพูดด้วย” ปิ้นพูด
    “มีเรื่องอะไรคับ” ผมถามปิ้น
    “คือ....หนู” ปิ้นอ้ำอึ้ง “คือ....ว่า....” ผมก็ยังเห็นเค้าไม่กล้าพูด
    “คือ...ขอโทษนะค่ะ” ปิ้นพูดกับผม
    “ขอโทษเรื่องอะไรอะ” ผมถาม
    “คือหนูว่า....” ปิ้นก็ยังไม่พูดอยู่นั่นแหละ
    “ว่าไรอะ” ผมพูด
    ปิ้นเดินเข้ามาข้างๆผมแล้วก็พูดข้างๆหูผมว่า
    “คือ หนูว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้หรอกค่ะ” ปิ้นพูดแล้วก็เคลื่อนตัวออกมา
    “ว่าไงนะ...” ผมถามด้วยความตกใจ
    “คือ...หนูว่าเราไปด้วยกันไม่ได้ค่ะ หนูเพิ่งจะรู้ตัวของหนูเองว่าหนูนั้น....” ปิ้นพูดไม่ออกอีก
    “ทำไม เพราะอะไร” ผมถาม
    “คือหนูว่า มันไม่ใช่อะคะ” ปิ้นพูด “มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่”
    “พอแล้วกลับไปเถอะ พี่ไม่อยากได้ยินอีก” ผมพูด
    ผมนั้นเดินกลับบ้านไปทันที ผมลืมไปด้วยซ้ำว่าผมนั้นต้องเตะบอลกับเพื่อนๆ ผมเดินกลับบ้านเหมือนคนไร้ความรู้สึก ในหัวสมองว่างปล่าว ไม่มีอะไรเลย ผมนั้นเมื่อถึงบ้าน เข้าไปอาบน้ำ ผมเปิดฝักบัวแล้วผมก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมปล่อยให้น้ำล้างตัวและ... ใช่ ผมปล่อยให้น้ำนั้นล้างน้ำตาที่ออกมาจากดวงตาของผมนั้น ผมไม่สามารถยับยั้งกับน้ำตาที่ออกมาเรื่อยๆได้ ผมยืนอยู่อย่างนั้น จนแม่ด่าผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่เคาะเรียกหลายที ผมเหมือนรู้ตัวของผมเอง ผมปิดฝักบัวแล้วเช็ดตัวเลยโดยที่ยังไม่ได้ฟอกสบู่ด้วยซ้ำไป ผมยอมแล้ว ผมยอมแพ้กับตัวเองเซนต์ของผมนั้นแม่งจิงๆ ผมอยากขอให้รักของผมนั้นกลับคืนมา ผมไม่อยากขออะไรอีกเลย ผมขอแค่ว่า เธอกลับมาเท่านั้น คำต่างๆที่เธอได้พูดมานั้น เหมือนกับว่า เป็นคำที่ตอกย้ำหัวใจของผม แล้วคำที่ว่า ‘เราไปด้วยกันไม่ได้หรอกค่ะ’ ‘คือมันไม่ใช่’ และ ‘มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่’ คำเหล่านี้ยังก้องอยู่ในหัวของผม โดยที่มันไม่มีท่าทีว่าจะลดลงหรือจางลงไปเลย
    ผมนั้นอาจจะคิดเหมือนกันว่า ความสัมพันธ์ของผมกับปิ้นนั้นมันจะยืดยาวไปได้ซักแค่ไหน ผมนั้นรักคนเดียวไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว แต่ว่าเธอนั่นแหละที่ทำให้ผมเป็นกังวลอย่างที่บอก เธฮเป็นคนที่น่ารัก เธอนั้นอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่ลองคบกับผมเล่นๆ แล้วก็ทิ้งไป อย่างไรก็ไม่รู้
    “พี่วุฒิเป็นไรไปค่ะ” ปิ้นทักผม เพราะตอนนี้ผมนั้นนั่งดูปิ้น ทำการทดลองในห้องวิทย์อยู่กับเพื่อนๆ
    “อ้อ! ปล่าว ไม่มีไร” ผมพูดปฏิเสธ
    ผมปฏิเสธเธอไปอย่างนั้น แต่ในใจผมบางทีนี่ร้อนรุ่มไปเลยด้วยซ้ำ ด้วยความคิดเมื่อกี้ แต่ช่างมันเถอะ! ช่างมัน เราทำความรักนี้ให้ยาวๆไปก็พอแล้ว รักเค้าคนเดียว จะไปคิดมากทำไม
    แต่มันเหมือนว่าเซนต์ของผมนั้นจะถูกเผง ใครจะไปคิดว่า ความคิดของผมนั้นมันเป็นจิงขึ้นมาในวันสอบวันสุดท้ายของปลายภาคเรียนที่ 1 แต่ก่อนนั้น ก่อนวันสุดท้ายของปลายถาคเรียนที่เป็นเวลา ประมาณถึง 2 อาทิตย์ ผมก็เริ่มรู้สึกแล้วว่า ปิ้นนั้นเริ่มห่างเหินผมไป
    ผมโทรไปหาปิ้นตอน 1 ทุ่ม ใครๆก็คิดหละครับมันธรรมดาที่เป็นแฟนกันต้องโทรไปหากัน แต่ผมโทรไปเพราะวันนี้ผมไปคุยกับปิ้น ปกติเค้าจะคุยดีกับผมแต่ว่า วันนี้
    “ปิ้นเหรอ วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง” ผมถามปิ้นตามปกติถ้าเจอกัน
    “ก็ดีค่ะ...” เธอตอบกลับมา แต่เป็นน้ำเสียงที่เฉยชา “คือ...เดี๋ยวหนูไปหาอาจาย์ก่อนนะ” แล้วปิ้นก็เดินไป โดยไม่จากลากันเลยซักคำ
    ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันเริ่มมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นแล้ว
    วันสอบนั้นก็เหมือนปกติแหละครับ ผมต้องมาเรียนพิเศษวันเสาร์ตามปกติแต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว หรือใครๆที่เรียกกันว่าวันนี้เป็นวันปิดคอร์สหละครับ อาจารย์นั้นจะนัดนักเรียนที่อยากให้ติวนั้นมาเรียนกันในวันนี้ แล้วมันก็เหมือนเดิมครับ เพื่อนผมทุกคนในแก๊งของผมนั้นมาเรียนกันครบทุกคนเลย แล้วก็มีเพื่อนผู้หญิงอีกนิดๆหน่อยๆ
    เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ผมคิดว่าคราวนี้คงจะเหมือนเมื่อคราวก่อนแน่ๆ มีไอ้ตั้ม มาชวนเล่นบาสหรือไม่ก็เล่นบอล แต่วันนี้สิครับผิดคาด มันไม่ชวนเล่นหรือทำอะไรเลย มันชวนผมติวหนังสือกับอาจาย์ต่อ โอ้ไม่น่าเชื่อ อะไรมันจะตั้งใจเรียนกันขนาดนี้ ส่วนมากจะป็นวิทย์ กับ คณิตหละครับ ที่พวกเราจะเรียนอ่อนกัน แต่ ก่อนเที่ยงนั้น ก่อนผมจะไปติวกับอาจารย์ต่อนั้น ผมเห็นครับ ผมเห็น ผมเห็นปิ้นเดินอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง เป็นเพื่อนในห้องปิ้นแหละครับ รู้สึกจะชื่อ น๊อต เป็นผู้ชายที่สูง พอๆกับผม แต่หน้าตานี่ผมยอมเค้าหละครับ เค้าหน้าตาหล่อ ตี๋ ขาวด้วย แต่ผมก็ไม่คิดไรมากนักหรอก ผมเห็นเค้าเดินกัน 2 คน แล้วรู้สึกว่าเค้านั้นคุยกันถูกคอมากด้วย แต่ผมคิดในใจว่า ‘เอาหน่า มันไม่มีอะไรหรอก!’
    เป็นเวลา 5.30 แล้ว ผมพึ่งจะได้กลับบ้านหละ ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย แต่ในใจผมตอนนี้ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอยู่ ว่าทำไมเค้าถึงได้สนิทกับปิ้นขนาดนั้น แน่นอนผมหึงแต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมกะจะโทรไปถามให้มันรู้เรื่องกันไปเลย แต่กลัวว่าจะเข้าใจกันผิด แล้วทะเลาะกัน ผมก็ไม่กล้าหละครับ ผมว่าผมเอาใจใส่การสอบดีกว่า
    2 อาทิตย์ผ่านไปนั้นเร็วมากเหมือนโกหก วันจันทร์หน้าก็จะสอบแล้ว แต่ในส่วนตัวผม ผมเตรียมตัวพร้อมแล้วสำหรับการสอบ แต่ใจของผมนั้นยังไม่พร้อม มันยังพะว้าพะวงในเรื่องของปิ้นอยู่ ผมโทรไปหาเค้าอยู่บ่อยเหมือนกัน แต่ในคำตอบของเธอนั้น เธอจะบอกว่า ‘คือ...หนูไม่ว่างค่ะขอโทษนะ’ หรือ ‘หนูคุยอยู่กับเพื่อนค่ะ ขอโทษนะคะ’ เป็นอย่างนี้อยู่บ่อยทีเดียว จนผมรู้สึกว่านั่นเป็นสัญญาณอะไรหรือปล่าว ผมไม่ได้คุยกับปิ้นเป็นเรื่องเป็นราวเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงวันสอบนี้อีกเลย ผมนั่งอยู่กับโอ ในตอนพักเที่ยงของวันหนึ่ง เผอิญจิงๆที่แอมนั้นผ่านมาพอดี
    “แอม...แอม...” ผมเรียกแอม
    “อ้าวพี่วุฒิ มีไรค่ะ” แอมถามผม “เรื่องปิ้นใช่มั้ย” แอมเหมือนรู้ว่าผมจะถามอะไร
    “อืม...ใช่” ผมตอบ “คือ ปิ้นเค้ามีแฟนใหม่แล้วใช่มั้ย” ผมถาม
    “...” แอมเงียบไปเหมือนได้ยินคำถามผม
    “ใช่มั้ย” เสียงผมปนไปด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังเอามาก
    “อืม... ใช้แล้วค่ะ ปิ้นเค้ามีคนใหม่แล้ว” แอมตอบผม แต่เสียงของแอมนั้นเหมือนไม่อยากให้ผมรู้ความจิงนี้เลย
    “งั้นเหรอ” ผมยิ่งผิดหวังเข้าไปอีก
    “คือ...หนูก็ถามเค้าแล้ว ‘แล้วพี่วุฒิหละ...’ ” แอมชี้แจง “แต่เค้าก็ไม่พูดอะไรเลย” แอมพูด
    “ไม่มีไรแล้วไปเถอะ...ขอบคุณมากนะ” ผมขอบคุณแล้วยิ้มให้แอมนิดๆเหมือนกับบอกว่า ผมไม่เป็นไรนะ โอนั้นตบไหล่ผมเบาๆ เหมอนกับปลอบใจผม
    “แล้ว มึงจะทำไงต่อไป” โอถาม
    “กรูไม่รู้หวะ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงกลุ้มใจ
    “กรูก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร” โอตอบ “เป็นเรา...เราจะเข้าไปคุยให้มันรู้เรื่อง” โอชี้แจงเหตุผล
    “งั้นเหรอ” ผมพูด
    ผมขึ้นไปเรียนวิชาในภาคบ่ายด้วยความสับสนในหัวใจจิงๆ ผมไม่รู้จะทำยังไง หรือทำตามคำพูดของโอ ให้เข้าไปคุยให้มันรู้เรื่อง หรือจะ ปล่อยไว้อย่างนี้ เฮ้อ! ผมหละกลุ้มหัวใจจิงๆ
    กริ๊ง..........กริ๊ง
เป็นเสียงออดเลิกเรียน โอ้ ผมใช้เวลาคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงเลิกเรียนเลยเหรอเนี่ย ผมก็ยังไม่หายกลุ้มเลยผมก็ลองคิดว่าถ้าไปปรึกษาผู้หญิงดูหละน่าจะมีอะไรดีขึ้นบ้างละมั้ง ผมก็ลองไปปรึกษาเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ให้คำปรึกษาดีนะถึงจะบ๊องๆไปหน่อย คนนี้เค้าชื่อ ปอย เพื่อนๆในห้องเค้าเรียกกันว่า หนูผี แล้วใส่แว่นด้วยนะ ยิ่งเหมือนเข้าไปอีก แล้วอีกอย่างคนนี้จะออกทอมๆนิดๆด้วย
    “เฮ้ย ปอย ว่างป่าววะ” ผมถาม
    “อืม...ว่างมีไรอะ” ปอยถาม “เรื่องปิ้นอีกอะดิ” ปอยลองเดา
    “อ้าวนายรู้ได้ไง” ผมสงสัยเล็กน้อย
    “ข่าวมันดังหวะเพื่อน” ปอยพูดแถมด้วยการหัวเราะอย่างผู้มีชัย
    “ก็...นะ” ผมยอมรับ “งั้นไม่ต้องถามแล้วนายคงรู้เหตุผลนะ”
    “อืม! นายก็เขาไปคุยซะสิ ปล่อยยังงี้ไม่ได้อะไรหรอก” ปอยพูด
    “งั้นเหรอ” ผมลองถาม
    “อืม! ถ้าไม่ถามแล้วนายจะทำไง” ปอยถาม
    “เรากลัวเราจะเข้าใจผิด แล้วความสัมพันธ์อาจถึงขั้นขาดกันเลยไง” ผมชี้แจงเหตุผล
    “เราได้ยินว่าเค้ามีแฟนใหม่นะ” ปอยพูด “อาจจะเป็นเรื่องจิงไปแล้วก็ได้ ปอยพูด”
    “เราก็ได้ยินมา” ผมพูด
    “เราว่าเข้าไปคุยอะดีแล้ว” ปอยพูด
    “เหรอ” ผมตอบ เมื่อปอยได้พูดอย่างนั้น ผมก็ลองคิดดูว่าจะถามไปดีไหม เมื่อถึงเวลาเย็นผมก็กลับบ้าน ไปแล้วสิ่งแรกที่ผมทำคือโทรไปหาปิ้น
    “สวัสดีค่ะ” เสียงผู้หญิงพูดขึ้น
    “โหล ปิ้นเหรอ” ผมพูดขึ้น
    “ค่ะ พี่วุฒิเหรอค่ะ” ปิ้นพูด
    “อืม พี่เอง” ผมพูด “ว่างคุยหรือปล่าวอะ” ผมถาม
    “ไม่ว่างอะ กินข้าวอยู่อะค่ะ” ปิ้นพูด
    “เหรอ งั้นไม่รบกวนแหละ...” ผมพูด “งั้นแค่นี้นะ...”
    “เดี๋ยวค่ะพี่วุฒิ”ปิ้นพูดขึ้น “วันสุดท้ายกลับบ้านด้วยกันนะ” ปิ้นพูด
    “เอางั้นเหรอ” ผมถาม “รอละกัน”
    “อืม! งั้นแค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ” ปิ้นพูดลาแล้ววางสายไป
    ผมคิดว่า กลับบ้านด้วยกันเหรอ ไม่เลวนิ เราคงคิดมากเรื่องนี้ไปเองละมั้ง เมื่อถึงวันจันทร์ วันนั้นเป็นเวลาสอบผมก็ต้องให้เวลากับการสอบเต็มที่ ผมให้เวลากับการสอบแล้วจนถึงวันที่ 3 ของการสอบซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการสอบแล้ว ผมเริ่มคิดถึงตอนเย็นที่ผมนั้นจะได้กลับบ้านพร้อมกับปิ้นอยู่แล้ว
    เย็นนั้นผมบอกให้ปิ้นรอผม เดี๋ยวขอเตะบอลก่อน แต่ปิ้นก็บอกผมว่า วันนี้รีบกลับจิงๆอะ ผมก็เลยต้องไปส่งเธอก่อนแล้วค่อยกลับมาเตะบอลกับมาสเตอร์ทีหลัง ผมนั้นไปส่งเธอจนถึงปากซอยตรงที่เดิมที่ผมเคยปั่นจักรยานมาส่งเธอ ผมบอกลาเธอ
    “ปิ้น โชคดีนะ เจอกันตอนเปิดเทอม” ผมพูด
    “เออพี่วุฒิต่ะ... หนูมีเรื่องจะพูดด้วย” ปิ้นพูด
    “มีเรื่องอะไรคับ” ผมถามปิ้น
    “คือ....หนู” ปิ้นอ้ำอึ้ง “คือ....ว่า....” ผมก็ยังเห็นเค้าไม่กล้าพูด
    “คือ...ขอโทษนะค่ะ” ปิ้นพูดกับผม
    “ขอโทษเรื่องอะไรอะ” ผมถาม
    “คือหนูว่า....” ปิ้นก็ยังไม่พูดอยู่นั่นแหละ
    “ว่าไรอะ” ผมพูด
    ปิ้นเดินเข้ามาข้างๆผมแล้วก็พูดข้างๆหูผมว่า
    “คือ หนูว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้หรอกค่ะ” ปิ้นพูดแล้วก็เคลื่อนตัวออกมา
    “ว่าไงนะ...” ผมถามด้วยความตกใจ
    “คือ...หนูว่าเราไปด้วยกันไม่ได้ค่ะ หนูเพิ่งจะรู้ตัวของหนูเองว่าหนูนั้น....” ปิ้นพูดไม่ออกอีก
    “ทำไม เพราะอะไร” ผมถาม
    “คือหนูว่า มันไม่ใช่อะคะ” ปิ้นพูด “มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่”
    “พอแล้วกลับไปเถอะ พี่ไม่อยากได้ยินอีก” ผมพูด
    ผมนั้นเดินกลับบ้านไปทันที ผมลืมไปด้วยซ้ำว่าผมนั้นต้องเตะบอลกับเพื่อนๆ ผมเดินกลับบ้านเหมือนคนไร้ความรู้สึก ในหัวสมองว่างปล่าว ไม่มีอะไรเลย ผมนั้นเมื่อถึงบ้าน เข้าไปอาบน้ำ ผมเปิดฝักบัวแล้วผมก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมปล่อยให้น้ำล้างตัวและ... ใช่ ผมปล่อยให้น้ำนั้นล้างน้ำตาที่ออกมาจากดวงตาของผมนั้น ผมไม่สามารถยับยั้งกับน้ำตาที่ออกมาเรื่อยๆได้ ผมยืนอยู่อย่างนั้น จนแม่ด่าผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่เคาะเรียกหลายที ผมเหมือนรู้ตัวของผมเอง ผมปิดฝักบัวแล้วเช็ดตัวเลยโดยที่ยังไม่ได้ฟอกสบู่ด้วยซ้ำไป ผมยอมแล้ว ผมยอมแพ้กับตัวเองเซนต์ของผมนั้นแม่งจิงๆ ผมอยากขอให้รักของผมนั้นกลับคืนมา ผมไม่อยากขออะไรอีกเลย ผมขอแค่ว่า เธอกลับมาเท่านั้น คำต่างๆที่เธอได้พูดมานั้น เหมือนกับว่า เป็นคำที่ตอกย้ำหัวใจของผม แล้วคำที่ว่า ‘เราไปด้วยกันไม่ได้หรอกค่ะ’ ‘คือมันไม่ใช่’ และ ‘มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่’ คำเหล่านี้ยังก้องอยู่ในหัวของผม โดยที่มันไม่มีท่าทีว่าจะลดลงหรือจางลงไปเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น