ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คำจากใจ
    ทุกๆวันนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ปาเข้ามาเป็นเวลาเกือบๆ 3 เดือนแล้ว ที่ผมได้คุยกับปิ้น ในใจใครหลายๆคนแม้แต่ผมก็เถอะก็ต้องคิดว่า ‘เค้าก็ต้องมีใจให้เราบ้างแหละ’ ไม่งั้นเค้าหรือเราจะโทรไปๆมาๆกันอยู่อย่างนี้เหรอ แต่โดยเนื้อความรวมโดยทั่วไปแล้วนั้น ก็เป็นการคุยกันถึงเรื่องเกี่ยวกับที่โรงเรียนว่าเป็นไงบ้าง เรียนเป็นไงบ้าง แต่คำที่หนุ่มสาวที่คบกันนั้นพูดอย่างเช่น คิดถึงอะไรนั้นไม่มีหรอกคับ จะมีก็แต่เรื่องที่เกี่ยวกับการเรียนหรือประเภท ปรึกษาต่างๆเกี่ยวกับว่าทะเลาะนิดหน่อยกับเพื่อนเค้าเท่านั้นแหละ ผมก็เหมือนกลายเป็นคนให้คำปรึกษาไปโดยปริยายซะแล้ว
    แต่เอาเถอะช่างมัน วันนี้ผมโทรไปหาเค้าตอนประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ตามปกติของทุกๆวัน จนบางทีเงินที่เติมนั้นไม่พอซะด้วยซ้ำ แต่บางทีผมก็ออกไปโทรตู้โทรศัพท์สาธารณะ ก็ยังเสียตังอยู่ดีแหละแต่ก็ได้ฟังเสียงก็ชื่นใจแล้ว และวันนี้ ผมออกไปกินข้าวกับเพื่อนข้างบ้าน และก็ถือโอกาสโทรหาปิ้นหละ
    “สวัสดีค่ะ” เสียงผู้หญิงพูด
    “สวัสดีคับ ขอสายปิ้นคับ” ผมพูดขอสายปิ้น
    “พูดอยู่ค่ะพี่วุฒิหรือปล่าวคะ” ปิ้นลองเดา
    “จ้า! พี่เอง เป็นไงบ้างเรียนวันนี้ หวังว่าคงสบายๆดิ ปิ้นเก่งอยู่แล้วนิ” ผมถามลองเชิง ก็ปกติเค้าเรียนเก่งอยู่แล้ว เป็นที่หนึ่งของห้องด้วยซ้ำ แต่ปิ้นก็พูดแทรกว่า
    “คือขอโทษนะพี่วุ่น คือวันนี้ปิ้นต้องนอนแล้วอะ” ปิ้นพูด “คือพรุ่งนี้หนูต้องไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนแต่เช้าอะ วันนี้เลยคงคุยไม่ได้แล้ว”
    “งั้นเหรอ งั้นไม่รบกวนหละ โอเค งั้น ฝันดีละกันนะ” ผมพูด
    “เช่นกันคะ ฝันดีนะคะ บายคะ” ปิ้นตอบ
    ผมคิดว่าแย่จังวันนี้เกิดอยากคุยกับเขาแหะ เอาเถอะวันนี้เค้าไม่ว่างวันหน้าก็ยังมีหน่า แต่คิดก็เสียดายแหะวันนี้อยากจะบอกไรกับเค้าซักคำนึงให้เค้ารู้ไว้ก็ยังดีว่า เรารู้สึกอย่างไรกับเค้าบ้าง และมากแค่ไหนแต่ไม่เป็นไร วันหน้ายังมี วันพระไม่ได้มีวันเดียวนิ แต่ในส่วนลึกก็ยังคิดอยู่ว่า ‘เฮ้อ! เสียดายวะ’
    ผมจะถือเคล็ดอยู่อย่างเดียวว่า “ขอสารภาพรักในวันศุกร์” เพราะชื่อของวันนี้ก็บอกอยู่แล้วว่าสุขจิงๆ และก็พอดีเป็นวันศุกร์ซะด้วยหละถึงอยากสารภาพไง แต่อดไปแล้วคับ เอาหน่า! เรากลับบ้านดีกว่า
    วันรุ่งขึ้นผมไปเรียนพิเศษที่โรงเรียน แน่นอนปิ้นก็เรียนครับ แต่รู้สึกว่าเค้าคงจะขออาจารย์ทำงานอยู่บนห้องวิทย์ เพราะคงเกี่ยวกับวิทย์แน่ๆ ผมก็เลยไม่เห็นเธอ แต่ตอนนี้ก็ใกล้สอบกลางภาคแล้วผมก็ต้องขยันหละครับไม่งั้นหาที่ต่อโรงเรียนใหม่ไม่ได้แน่ๆ กลางภาคก็ยังมีผลถึงปลายภาคหละครับผมคิดว่างั้น เมื่อถึงเวลาโรงเรียนเลิก ผมก็ลองขึ้นไปหาปิ้นดูบนห้องวิทย์ แต่ขึ้นไปนั้นผมกลับเจอแต่ แอมเท่านั้น แอมก็ทักผม
“หวัดดีพี่วุฒิ” แอมพูดพร้อมกับยกมือไหว้ผม
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ตอบ
“พี่วุฒิมาทำไรอะค่ะ” แอมถามผม “หรือว่ามาหาปิ้น” แอมพูดอีก
เหมือนแอมเค้าจะรู้ใจผมจิงๆว่าผมมาหาปิ้น ใช่ถูกต้องผมมาหปิ้นแต่ตอนนี้ไม่เห็นเค้าอยู่ในห้องเลย
“คือ ปิ้นเค้าลงไปซื้อของมากินอะคะ เลยเหลือหนูทำงานอยู่อะคะ” แอมตอบ
“แล้วทดลองเกี่ยวกับเรื่องอะไรอะ” ผมถาม
“เป็นการแยกแป้งออกจากใบไม้อะ” แอมตอบ ผมว่าผมก็เคยทำเรื่องนี้นะแต่จำไม่ค่อยได้แล้ว เพราะมันก็ตั้งแต่ ม.1 แล้วหละ เมื่อตอบคำถามนั้นเสร็จแล้วแอมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำการทดลองแล้วจดบันทึกต่อไป แต่อยู่ๆแอมก็ถามผมว่า
“พี่วุฒิชอบปิ้นเค้าหรอ” แอมยิงคำถามที่ทำให้ผมต้องอึ้งมาแล้ว
“ไมอะ ถามทำไม” ผมย้อนถามกลับไป
“ป่าวหรอก แค่ถามดู” แอมตอบ “ป่าวหรอกมีเรื่องอยากจะเตือนเอาไว้นะพี่วุฒิ”
แอมพูดประโยคสุดท้ายนี้มาทำให้ผมรู้สึกงงว่า เรื่องที่ผมชอบปิ้นนั้นมันจะ น่ากลัวหรือน่าตกใจหรือผิดหวังตรงไหนเลย และที่สำคัญไม่ได้หนัก กระ-บาล ใครด้วย
“คือแอมไม่ได้อยากขายเพื่อนหรอกนะ แต่ปิ้นอะเค้าหลายใจ” แอมพูดออกมา
คำที่แอมพูดออกมานั้นผมแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เป็นไปได้เหรอถ้าปิ้นนั้นจะเป็นคนหลายใจ เป็นใครได้ยินในตอนนี้ก็คงไม่เชื่อหรอกคับเพราะ เป็นคำจากปากเพื่อนที่อาจจะอิจฉาหรือว่าอาจจะชอบเราอยู่แล้วบอกมาว่าเค้าหลายใจก็เป็นได้
“แอมพูดจิงๆนะพี่วุฒิ คือแอมเค้าหลายใจ ตอนที่เค้ามาอยู่ที่นี่ไม่เพียงแต่จะบอกชอบคนอื่นๆหลายๆคน ยังปลื้มอีกหลายคนจากต่างโรงเรียนอีกนะ” แอมพูดอีก
ยิ่งประโยคที่แอมพูดมาอีกนั้นยิ่งทำให้ผมไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ ปิ้นนั้นอาจจะเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย และขยันเรียนคงไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกมั้ง แต่ก็นะมีส่วนให้เชื่อเหมือนกัน เพราะเพื่อนแก๊งผมก็ยังบอกๆกันอยู่ในบางครั้งว่า ‘กรูเห็นปิ้นบอกชอบคนโน้นคนนี้ แม้แต่ไอ้ต้นยังโดนเลย’ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่หรอกนะ แต่พอมาได้ยินจากปากคนอื่นอีก เชื่อสิเป็นใคร ใครก็ต้องเริ่มทีจะโอนเอนนิดๆหละ เผอิญปิ้นนั้นเข้ามาพอดีกับเพื่อนๆอีก 2-3 คน
“หวัดดีค่ะพี่วุฒิ” เพื่อนปิ้นที่เข้ามานั้นทักทายผมรวมทั้งปิ้นด้วย
“ดีคับ” ผมก็ทักทายตอบกลับไป
“พี่วุฒิมาทำไรอะ” ปอเพื่อนของปิ้นถาม
“อ๋อ พอดีมาดูหนะเลิกเรียนพอดี” ผมตอบไป “เอ่อ! ใช่ คืออาจารย์ เค้าบอกให้มาดูแลความเรียบร้อยและคอยปิดห้องเวลาพวกน้องใช้เสร็จด้วย” ในใจก็คิดหละครับว่า ‘ไมต้องเป็นกรูด้วยฟะ’ แต่เอาเถอะอยากเจอปิ้นอยู่แล้วหละ เอาก็เอา
“อ๋อ โอเคค่ะ เดี๋ยวก็เส็ดแล้ว” แอมได้ยินแล้วก็ตอบผม
“เร็วๆละกัน” ผมพูด แต่ที่แน่ๆเลย มันไม่ใช่การทดลองที่จะเสร็จง่ายๆหรอกกว่าผมจะทำเสร็จก็ปาเข้าไปตั้ง 3 ชั่วโมงเลยเวลาเรียนปกติไปถึงเวลาที่เรียนพิเศษตอนเย็นด้วย แล้วก็จิงๆคับเวลาเสร็จนั้นก็เข้าไปสู่เวลา 4.30 โอ้!ผมนี่แทบจะร้องไห้หละครับ  เอาเถอะแต่อย่างน้อยเราก็ได้กลับบ้านแล้ว อยากกลับไปเตะบอลด้วยเพราะนัดเพื่อนๆผมไปเตะกันที่ ลาดพร้าวซอย 18 แต่มันเริ่มจะเย็นแล้ว เก็บของและทำความสะอาดห้องวิทย์นั้นก็ใกล้ๆจะ 5 โมงเย็นแล้ว ผมลงไปคือกุญแจให้อาจารย์ แล้วก็กลับบ้านกับเพื่อนของปิ้นทันที แต่ผมก็ยังคิดว่าผมกลับเองได้แน่ๆผมเอาจักรยานมาอยู่แล้วแถมด้วยว่าบ้านผมยังอยู่ใกล้ที่โรงเรียนนี้อีก ผมก็ต้องถามรุ่นน้องแหละว่าจะกลับกันยังไง
“เอ้า!แล้วพวกน้องกลับกันยังไงอะ” ผมถาม
“ก็มีพ่อแม่มารับค่ะ” แอมและเพื่อนๆอีก 2-3 คนตอบ แต่ปิ้นนั้นไม่ได้ตอบด้วย
“อ้าว!แล้วปิ้นหละครับ” ผมลองถาม
“คือ...หนูกลับบ้านเอง” ปิ้นตอบ
“ไปทางไหนอะ” ผมลองถามดู
“ไปออกทางโชคชัยฯอพี่วุฒิ เดี๋ยวปิ้นต้องไปหาแม่ที่สำนักงานด้วยอะ” ปิ้นตอบ
“งั้นก็กลับทางเดียวกับพี่อะดิ” ผมพูด “ให้พี่ไปส่งมะ” ผมพูดโดยแค่เล่นๆ และหวังไว้ในใจว่าเป็นไปได้ก็ดีสิ
“ไม่เป็นไรมั้งค่ะพี่วุฒิ เดี๋ยวพี่เหนื่อยปล่าว” ปิ้นปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร พี่ว่างและก็...ยังไม่อยากเข้าบ้านด้วย” ผมตอบในใจอยากให้เค้าไปด้วยหละ
“งั้น...” ปิ้นคิด “ไปก็ได้ค่ะ” ปิ้นตอบตกลง
ผมนี่แทบดีใจโคตรหละครับ จะเป็นผู้หญิงคนแรกหละครับที่ซ้อนท้ายผม
“งั้นโชคดีนะน้องๆ” ผมพูดลาเพื่อนของปิ้นที่ยังรอผู้ปกครองมารับอยู่
ผมก็รีบไปเอาจักรยานมารอรับแหละครับ แล้วก็ให้เค้าซ้อนดีๆแล้วก็ปั่นไปตามทางซอยโชคชัยฯหละครับ มันเหมือนฝัน เหมือนฝันจิงๆ ที่มีผู้หญิงมาซ้อนท้ายจักรยานเก่าๆคันนี้ ผมขับไปเรื่อยตามทางแหละครับ แล้วก็เหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างผมอีกแล้ว ผมเผอิญขับไปสะดุดก้อนหินตรงทางที่เค้ากำลังก่อสร้างกัน มันทำให้รถเสียหลักแต่ไม่ถึงกับล้ม แต่ก็พอให้ปิ้นตกใจและกอดเอวผมแน่นหละครับ ตอนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้สึกตัวหรอกครับ เพราะกลัวรถจะล้มกันทั้งนั้นแหละ
“ปิ้น! คือ....” ผมพูด
“อะไรค่ะพี่วุฒิ” ปิ้นถาม
“คือ...ปิ้น... พี่หายใจจะไม่ออกแล้ว”  ผมพูดออกไป
“อะ!ขอโทษค่ะ” ปิ้นพูดพร้อมกับค่อยๆขยายมือออก ผมลองหันไปดูหน้าเค้านิดๆ แต่ก็พอรู้ได้ว่าเค้าก็ออกอาการหน้าแดงเหมือนกัน แถมหน้าตอนอายของปิ้นน่ารักจิงๆ เฮ้อ!แต่ว่าเอาเถอะต้องรีบหน่อยใกล้เย็นแล้ว ต้องรีบหน่อย แต่ไม่นานผมก็ไปส่งเค้าถึงตรงสะพานแยกข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง จะเป็นสำนักงานที่แม่ปิ้นทำงงานอยู่
“จะให้ไปส่งที่สำนักงานของแม่มะ” ผมถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว” ปิ้นตอบ
“งั้น! ลากันตรงนี้นะ โชคดีปิ้น เดี๋ยวพี่โทรไปหานะ คืนนี้อะ” ผมบอกเค้า
“อื้ม! บายค่ะ” ปิ้นตอบพร้อมหันหลังเดินไป
ในตอนนั้นผมกะจะเลี้ยวรถกลับแล้วแต่มีบางอย่างดหมือนฉุดผมไว้ว่า ‘ทำไมไม่บอกเค้าไปหละ’ ในใจผผมตรึกตรองและลองคิดดูว่า การที่จะบอกรักใครซักคนเนี่ย มันไม่จำเป็นหรอกที่ต้องบอกในวันศุกร์ ทุกวันก็บอกได้ อยู่ที่ว่าเราเนี่ยรักเค้าจิงหรือปล่าวเท่านั้น แล้วเมื่อคิดได้ยังงี้ ผมก็เรียกปิ้นกลับมา
“ปิ้น .ปิ้น” ผมเรียกปิ้นแล้วให้เค้ามาหาผม
“คือพี่มีไรจะบอกอะ....” ผมพูดและเว้นไปซักพักนึง
“มีไรค่ะ” ปิ้นถามผม แต่เจอไปยังงี้ผมก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
“คือ........เอ่อ...........ครือว่า” ผมอ้ำอึ้งอยู่นาน แบบว่าทำตัวไม่ถูกหละครับ ในตอนนั้นผู้ชายหลายๆคน ก็คงไม่กล้าหรอกครับและพูดไม่ออกด้วย
“มีไรอะพี่วุฒิ” ปิ้นเร่งอีก
เอาวะเป็นไงก็เป็นกันผมคิดในใจแล้วก็พูดว่า...
“ปิ้น ยื่นมือมาหน่อยดิ” ผมพูด
“ทำไมอะ” ปิ้นพูดอย่างนั้นแต่ก็ยังยื่นมือให้ผม
ผมจับมือปิ้นแล้วดึงปิ้นเข้ามาหาผม ผมนำปากของผมไปไว้ที่ใกล้ๆหูของปิ้นแล้วผมก็พูดว่า
“ปิ้น...คือ... พี่ชอบปิ้นนะ!” ผมพูดออกไป ใช่!ผมพูดออกไปแล้ว แล้วผมก็ปล่อยมือเค้า และผมก็หวังคำตอบจากปากเค้านิดๆเหมือนกัน
ผมสังเกตเห็นหน้าของปิ้น เค้าคงตกใจอยู่พอสมควร แล้วเค้าก็ไม่พูดไรอีก
“พี่อาจจะไม่ใช่คนดิบดีอะไรหรอกนะ แต่ก็รักจิงๆนะ อยากให้น้องเก็บพี่ไว้พิจ-จารณาเท่านั้นแหละ และคำพูดที่พี่พูดนั้นออกมาจากใจทั้งหมดด้วย” ผมพูดออกไป
เอาเถอะเราได้พูดไปแล้วจากใจด้วย
“คือ...เอ่อ...” ปิ้นอ้ำอึ้ง
“เอาเถอะยังไม่ต้องให้คำตอบพี่วันนี้ก็ได้” ผมพูด “ไปเถอะเดี๋ยวแม่ว่าเอา” ผมพูด
“งั้น...หนูไปนะ” ปิ้นตอบพร้อมจากไป แต่ผมได้สังเกตุเห็นรอยยิ้มเล็กๆจากมุมปากของเธอ แค่แว๊บเดียวเลยทำให้ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมอาจจะตาฝาดก็ได้เอาเถอะผมกลับบ้านดีกว่า เมื่อถึงตอนดึกผมโทรไปหาปิ้น แต่เค้าปิดโทรศัพท์มือถือ เอาเถอะเค้าคงไม่อยากคุยไม่เป็นไร แต่ผมก็ดีใจนะที่ได้พูดคำๆนั้นจากใจส่งไปให้คนที่ผมชอบจิงๆ
    แต่เอาเถอะช่างมัน วันนี้ผมโทรไปหาเค้าตอนประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ตามปกติของทุกๆวัน จนบางทีเงินที่เติมนั้นไม่พอซะด้วยซ้ำ แต่บางทีผมก็ออกไปโทรตู้โทรศัพท์สาธารณะ ก็ยังเสียตังอยู่ดีแหละแต่ก็ได้ฟังเสียงก็ชื่นใจแล้ว และวันนี้ ผมออกไปกินข้าวกับเพื่อนข้างบ้าน และก็ถือโอกาสโทรหาปิ้นหละ
    “สวัสดีค่ะ” เสียงผู้หญิงพูด
    “สวัสดีคับ ขอสายปิ้นคับ” ผมพูดขอสายปิ้น
    “พูดอยู่ค่ะพี่วุฒิหรือปล่าวคะ” ปิ้นลองเดา
    “จ้า! พี่เอง เป็นไงบ้างเรียนวันนี้ หวังว่าคงสบายๆดิ ปิ้นเก่งอยู่แล้วนิ” ผมถามลองเชิง ก็ปกติเค้าเรียนเก่งอยู่แล้ว เป็นที่หนึ่งของห้องด้วยซ้ำ แต่ปิ้นก็พูดแทรกว่า
    “คือขอโทษนะพี่วุ่น คือวันนี้ปิ้นต้องนอนแล้วอะ” ปิ้นพูด “คือพรุ่งนี้หนูต้องไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนแต่เช้าอะ วันนี้เลยคงคุยไม่ได้แล้ว”
    “งั้นเหรอ งั้นไม่รบกวนหละ โอเค งั้น ฝันดีละกันนะ” ผมพูด
    “เช่นกันคะ ฝันดีนะคะ บายคะ” ปิ้นตอบ
    ผมคิดว่าแย่จังวันนี้เกิดอยากคุยกับเขาแหะ เอาเถอะวันนี้เค้าไม่ว่างวันหน้าก็ยังมีหน่า แต่คิดก็เสียดายแหะวันนี้อยากจะบอกไรกับเค้าซักคำนึงให้เค้ารู้ไว้ก็ยังดีว่า เรารู้สึกอย่างไรกับเค้าบ้าง และมากแค่ไหนแต่ไม่เป็นไร วันหน้ายังมี วันพระไม่ได้มีวันเดียวนิ แต่ในส่วนลึกก็ยังคิดอยู่ว่า ‘เฮ้อ! เสียดายวะ’
    ผมจะถือเคล็ดอยู่อย่างเดียวว่า “ขอสารภาพรักในวันศุกร์” เพราะชื่อของวันนี้ก็บอกอยู่แล้วว่าสุขจิงๆ และก็พอดีเป็นวันศุกร์ซะด้วยหละถึงอยากสารภาพไง แต่อดไปแล้วคับ เอาหน่า! เรากลับบ้านดีกว่า
    วันรุ่งขึ้นผมไปเรียนพิเศษที่โรงเรียน แน่นอนปิ้นก็เรียนครับ แต่รู้สึกว่าเค้าคงจะขออาจารย์ทำงานอยู่บนห้องวิทย์ เพราะคงเกี่ยวกับวิทย์แน่ๆ ผมก็เลยไม่เห็นเธอ แต่ตอนนี้ก็ใกล้สอบกลางภาคแล้วผมก็ต้องขยันหละครับไม่งั้นหาที่ต่อโรงเรียนใหม่ไม่ได้แน่ๆ กลางภาคก็ยังมีผลถึงปลายภาคหละครับผมคิดว่างั้น เมื่อถึงเวลาโรงเรียนเลิก ผมก็ลองขึ้นไปหาปิ้นดูบนห้องวิทย์ แต่ขึ้นไปนั้นผมกลับเจอแต่ แอมเท่านั้น แอมก็ทักผม
“หวัดดีพี่วุฒิ” แอมพูดพร้อมกับยกมือไหว้ผม
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ตอบ
“พี่วุฒิมาทำไรอะค่ะ” แอมถามผม “หรือว่ามาหาปิ้น” แอมพูดอีก
เหมือนแอมเค้าจะรู้ใจผมจิงๆว่าผมมาหาปิ้น ใช่ถูกต้องผมมาหปิ้นแต่ตอนนี้ไม่เห็นเค้าอยู่ในห้องเลย
“คือ ปิ้นเค้าลงไปซื้อของมากินอะคะ เลยเหลือหนูทำงานอยู่อะคะ” แอมตอบ
“แล้วทดลองเกี่ยวกับเรื่องอะไรอะ” ผมถาม
“เป็นการแยกแป้งออกจากใบไม้อะ” แอมตอบ ผมว่าผมก็เคยทำเรื่องนี้นะแต่จำไม่ค่อยได้แล้ว เพราะมันก็ตั้งแต่ ม.1 แล้วหละ เมื่อตอบคำถามนั้นเสร็จแล้วแอมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำการทดลองแล้วจดบันทึกต่อไป แต่อยู่ๆแอมก็ถามผมว่า
“พี่วุฒิชอบปิ้นเค้าหรอ” แอมยิงคำถามที่ทำให้ผมต้องอึ้งมาแล้ว
“ไมอะ ถามทำไม” ผมย้อนถามกลับไป
“ป่าวหรอก แค่ถามดู” แอมตอบ “ป่าวหรอกมีเรื่องอยากจะเตือนเอาไว้นะพี่วุฒิ”
แอมพูดประโยคสุดท้ายนี้มาทำให้ผมรู้สึกงงว่า เรื่องที่ผมชอบปิ้นนั้นมันจะ น่ากลัวหรือน่าตกใจหรือผิดหวังตรงไหนเลย และที่สำคัญไม่ได้หนัก กระ-บาล ใครด้วย
“คือแอมไม่ได้อยากขายเพื่อนหรอกนะ แต่ปิ้นอะเค้าหลายใจ” แอมพูดออกมา
คำที่แอมพูดออกมานั้นผมแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เป็นไปได้เหรอถ้าปิ้นนั้นจะเป็นคนหลายใจ เป็นใครได้ยินในตอนนี้ก็คงไม่เชื่อหรอกคับเพราะ เป็นคำจากปากเพื่อนที่อาจจะอิจฉาหรือว่าอาจจะชอบเราอยู่แล้วบอกมาว่าเค้าหลายใจก็เป็นได้
“แอมพูดจิงๆนะพี่วุฒิ คือแอมเค้าหลายใจ ตอนที่เค้ามาอยู่ที่นี่ไม่เพียงแต่จะบอกชอบคนอื่นๆหลายๆคน ยังปลื้มอีกหลายคนจากต่างโรงเรียนอีกนะ” แอมพูดอีก
ยิ่งประโยคที่แอมพูดมาอีกนั้นยิ่งทำให้ผมไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ ปิ้นนั้นอาจจะเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย และขยันเรียนคงไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกมั้ง แต่ก็นะมีส่วนให้เชื่อเหมือนกัน เพราะเพื่อนแก๊งผมก็ยังบอกๆกันอยู่ในบางครั้งว่า ‘กรูเห็นปิ้นบอกชอบคนโน้นคนนี้ แม้แต่ไอ้ต้นยังโดนเลย’ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่หรอกนะ แต่พอมาได้ยินจากปากคนอื่นอีก เชื่อสิเป็นใคร ใครก็ต้องเริ่มทีจะโอนเอนนิดๆหละ เผอิญปิ้นนั้นเข้ามาพอดีกับเพื่อนๆอีก 2-3 คน
“หวัดดีค่ะพี่วุฒิ” เพื่อนปิ้นที่เข้ามานั้นทักทายผมรวมทั้งปิ้นด้วย
“ดีคับ” ผมก็ทักทายตอบกลับไป
“พี่วุฒิมาทำไรอะ” ปอเพื่อนของปิ้นถาม
“อ๋อ พอดีมาดูหนะเลิกเรียนพอดี” ผมตอบไป “เอ่อ! ใช่ คืออาจารย์ เค้าบอกให้มาดูแลความเรียบร้อยและคอยปิดห้องเวลาพวกน้องใช้เสร็จด้วย” ในใจก็คิดหละครับว่า ‘ไมต้องเป็นกรูด้วยฟะ’ แต่เอาเถอะอยากเจอปิ้นอยู่แล้วหละ เอาก็เอา
“อ๋อ โอเคค่ะ เดี๋ยวก็เส็ดแล้ว” แอมได้ยินแล้วก็ตอบผม
“เร็วๆละกัน” ผมพูด แต่ที่แน่ๆเลย มันไม่ใช่การทดลองที่จะเสร็จง่ายๆหรอกกว่าผมจะทำเสร็จก็ปาเข้าไปตั้ง 3 ชั่วโมงเลยเวลาเรียนปกติไปถึงเวลาที่เรียนพิเศษตอนเย็นด้วย แล้วก็จิงๆคับเวลาเสร็จนั้นก็เข้าไปสู่เวลา 4.30 โอ้!ผมนี่แทบจะร้องไห้หละครับ  เอาเถอะแต่อย่างน้อยเราก็ได้กลับบ้านแล้ว อยากกลับไปเตะบอลด้วยเพราะนัดเพื่อนๆผมไปเตะกันที่ ลาดพร้าวซอย 18 แต่มันเริ่มจะเย็นแล้ว เก็บของและทำความสะอาดห้องวิทย์นั้นก็ใกล้ๆจะ 5 โมงเย็นแล้ว ผมลงไปคือกุญแจให้อาจารย์ แล้วก็กลับบ้านกับเพื่อนของปิ้นทันที แต่ผมก็ยังคิดว่าผมกลับเองได้แน่ๆผมเอาจักรยานมาอยู่แล้วแถมด้วยว่าบ้านผมยังอยู่ใกล้ที่โรงเรียนนี้อีก ผมก็ต้องถามรุ่นน้องแหละว่าจะกลับกันยังไง
“เอ้า!แล้วพวกน้องกลับกันยังไงอะ” ผมถาม
“ก็มีพ่อแม่มารับค่ะ” แอมและเพื่อนๆอีก 2-3 คนตอบ แต่ปิ้นนั้นไม่ได้ตอบด้วย
“อ้าว!แล้วปิ้นหละครับ” ผมลองถาม
“คือ...หนูกลับบ้านเอง” ปิ้นตอบ
“ไปทางไหนอะ” ผมลองถามดู
“ไปออกทางโชคชัยฯอพี่วุฒิ เดี๋ยวปิ้นต้องไปหาแม่ที่สำนักงานด้วยอะ” ปิ้นตอบ
“งั้นก็กลับทางเดียวกับพี่อะดิ” ผมพูด “ให้พี่ไปส่งมะ” ผมพูดโดยแค่เล่นๆ และหวังไว้ในใจว่าเป็นไปได้ก็ดีสิ
“ไม่เป็นไรมั้งค่ะพี่วุฒิ เดี๋ยวพี่เหนื่อยปล่าว” ปิ้นปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร พี่ว่างและก็...ยังไม่อยากเข้าบ้านด้วย” ผมตอบในใจอยากให้เค้าไปด้วยหละ
“งั้น...” ปิ้นคิด “ไปก็ได้ค่ะ” ปิ้นตอบตกลง
ผมนี่แทบดีใจโคตรหละครับ จะเป็นผู้หญิงคนแรกหละครับที่ซ้อนท้ายผม
“งั้นโชคดีนะน้องๆ” ผมพูดลาเพื่อนของปิ้นที่ยังรอผู้ปกครองมารับอยู่
ผมก็รีบไปเอาจักรยานมารอรับแหละครับ แล้วก็ให้เค้าซ้อนดีๆแล้วก็ปั่นไปตามทางซอยโชคชัยฯหละครับ มันเหมือนฝัน เหมือนฝันจิงๆ ที่มีผู้หญิงมาซ้อนท้ายจักรยานเก่าๆคันนี้ ผมขับไปเรื่อยตามทางแหละครับ แล้วก็เหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างผมอีกแล้ว ผมเผอิญขับไปสะดุดก้อนหินตรงทางที่เค้ากำลังก่อสร้างกัน มันทำให้รถเสียหลักแต่ไม่ถึงกับล้ม แต่ก็พอให้ปิ้นตกใจและกอดเอวผมแน่นหละครับ ตอนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้สึกตัวหรอกครับ เพราะกลัวรถจะล้มกันทั้งนั้นแหละ
“ปิ้น! คือ....” ผมพูด
“อะไรค่ะพี่วุฒิ” ปิ้นถาม
“คือ...ปิ้น... พี่หายใจจะไม่ออกแล้ว”  ผมพูดออกไป
“อะ!ขอโทษค่ะ” ปิ้นพูดพร้อมกับค่อยๆขยายมือออก ผมลองหันไปดูหน้าเค้านิดๆ แต่ก็พอรู้ได้ว่าเค้าก็ออกอาการหน้าแดงเหมือนกัน แถมหน้าตอนอายของปิ้นน่ารักจิงๆ เฮ้อ!แต่ว่าเอาเถอะต้องรีบหน่อยใกล้เย็นแล้ว ต้องรีบหน่อย แต่ไม่นานผมก็ไปส่งเค้าถึงตรงสะพานแยกข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง จะเป็นสำนักงานที่แม่ปิ้นทำงงานอยู่
“จะให้ไปส่งที่สำนักงานของแม่มะ” ผมถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว” ปิ้นตอบ
“งั้น! ลากันตรงนี้นะ โชคดีปิ้น เดี๋ยวพี่โทรไปหานะ คืนนี้อะ” ผมบอกเค้า
“อื้ม! บายค่ะ” ปิ้นตอบพร้อมหันหลังเดินไป
ในตอนนั้นผมกะจะเลี้ยวรถกลับแล้วแต่มีบางอย่างดหมือนฉุดผมไว้ว่า ‘ทำไมไม่บอกเค้าไปหละ’ ในใจผผมตรึกตรองและลองคิดดูว่า การที่จะบอกรักใครซักคนเนี่ย มันไม่จำเป็นหรอกที่ต้องบอกในวันศุกร์ ทุกวันก็บอกได้ อยู่ที่ว่าเราเนี่ยรักเค้าจิงหรือปล่าวเท่านั้น แล้วเมื่อคิดได้ยังงี้ ผมก็เรียกปิ้นกลับมา
“ปิ้น .ปิ้น” ผมเรียกปิ้นแล้วให้เค้ามาหาผม
“คือพี่มีไรจะบอกอะ....” ผมพูดและเว้นไปซักพักนึง
“มีไรค่ะ” ปิ้นถามผม แต่เจอไปยังงี้ผมก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
“คือ........เอ่อ...........ครือว่า” ผมอ้ำอึ้งอยู่นาน แบบว่าทำตัวไม่ถูกหละครับ ในตอนนั้นผู้ชายหลายๆคน ก็คงไม่กล้าหรอกครับและพูดไม่ออกด้วย
“มีไรอะพี่วุฒิ” ปิ้นเร่งอีก
เอาวะเป็นไงก็เป็นกันผมคิดในใจแล้วก็พูดว่า...
“ปิ้น ยื่นมือมาหน่อยดิ” ผมพูด
“ทำไมอะ” ปิ้นพูดอย่างนั้นแต่ก็ยังยื่นมือให้ผม
ผมจับมือปิ้นแล้วดึงปิ้นเข้ามาหาผม ผมนำปากของผมไปไว้ที่ใกล้ๆหูของปิ้นแล้วผมก็พูดว่า
“ปิ้น...คือ... พี่ชอบปิ้นนะ!” ผมพูดออกไป ใช่!ผมพูดออกไปแล้ว แล้วผมก็ปล่อยมือเค้า และผมก็หวังคำตอบจากปากเค้านิดๆเหมือนกัน
ผมสังเกตเห็นหน้าของปิ้น เค้าคงตกใจอยู่พอสมควร แล้วเค้าก็ไม่พูดไรอีก
“พี่อาจจะไม่ใช่คนดิบดีอะไรหรอกนะ แต่ก็รักจิงๆนะ อยากให้น้องเก็บพี่ไว้พิจ-จารณาเท่านั้นแหละ และคำพูดที่พี่พูดนั้นออกมาจากใจทั้งหมดด้วย” ผมพูดออกไป
เอาเถอะเราได้พูดไปแล้วจากใจด้วย
“คือ...เอ่อ...” ปิ้นอ้ำอึ้ง
“เอาเถอะยังไม่ต้องให้คำตอบพี่วันนี้ก็ได้” ผมพูด “ไปเถอะเดี๋ยวแม่ว่าเอา” ผมพูด
“งั้น...หนูไปนะ” ปิ้นตอบพร้อมจากไป แต่ผมได้สังเกตุเห็นรอยยิ้มเล็กๆจากมุมปากของเธอ แค่แว๊บเดียวเลยทำให้ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมอาจจะตาฝาดก็ได้เอาเถอะผมกลับบ้านดีกว่า เมื่อถึงตอนดึกผมโทรไปหาปิ้น แต่เค้าปิดโทรศัพท์มือถือ เอาเถอะเค้าคงไม่อยากคุยไม่เป็นไร แต่ผมก็ดีใจนะที่ได้พูดคำๆนั้นจากใจส่งไปให้คนที่ผมชอบจิงๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น