ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ในวันวิชาการ
วันรุ่งขึ้นอย่างที่บอกวันนี้เป็นวันวิชาการที่พึ่งจะมีเป็นครั้งแรกของโรงเรียน ผมซึ่งได้รับหน้าที่ประกวดโครงงานเครื่องบำบัดน้ำเสีย และยังมีการทดลองแสดงให้รุ่นน้องนั้นได้ดูอีกต่างหาก นักเรียนทุกห้องยกเว้นในระดับมัธยมศึกษานั้น ต้องมาดูพวกเราทำการทดลองกันทั้งนั้น  ผมได้รับการทดลองการทำปฏิกิริยาของน้ำ คือผมนั้นต้องแสดงให้ดูว่าน้ำนั้นจะมีสารเคมีชนิดหนึ่งเคลือบไว้ แล้วก็ใส่น้ำลงไปน้ำก็จะเปลี่ยนสีแล้วพอเทกลับไปอีกก็จะเปลี่ยนกลับเป็นน้ำเหมือนเดิม
    ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าผมแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลย มันรู้สึกเพลียๆ ลุกไม่ขึ้น ผมหยิบนาฬิกาปลุกขึ้นมาแล้วดูเวลา ‘พึ่งจะ ตี 5 ครึ่งเองนี่หน่า’ ผมเห็นดังนั้นก็นอนต่อไปอีก
    “ลูกตื่นได้แล้ว 7.30 แล้วนะ” เสียงผู้หญิงที่คอยปลุกผมให้ตื่นทุกเช้าดังขึ้น
    “อืม!รู้แล้ว....” ผมรับคำ ผมตื่นขึ้นมาแล้วดูนาฬิกาปลุกอันเดิมนั้น ใช่มันตายแล้ว เข็มนาฬิกาหยุดเข็มที่ 5.28 น. มันทำให้ผมสายสุดๆ ผมรีบทำธุระส่วนตัว แล้วออกจากบ้านทันที ยังไม่ได้กินข้าวเลย วันนี้วันวิชาการด้วย จะมีแรงยืนทั้งวันมะเนี่ย
    เมื่อผมมาถึงโรงเรียนตอน 7.50 น. พอดี กำลังจะเข้าแถวหน้าเสาธงพอดีผมรีบวิ่งมายังแถวของผม
    “สวัสดีค่ะพี่วุฒิ” มีเสียงผู้หญิงทักผม
    “อ้อ!...ดีครับ” ผมทักตามมารยาท “อ้าว!ตูนเองเหรอ”
    “เป็นไงพี่หายเหนื่อยยัง” ตูนถาม
    “ก็ยังเหนื่อยนิดหน่อย” ผมตอบ “แล้วตูนอะ” ผมถามกลับไป
    “อืม...ก็นิหน่อยอะแหละ” เธอตอบ
    “โอ๊ะ!ไปหละเดี๋ยวเข้าแถวแล้ว” ผมพูด
    “ค่ะ!แล้วเจอกัน” เธอพูด
    ตูนพูดคำนั้นมันทำให้ผมเสียวสันหลังวูบเลยทีเดียว คำว่า ‘แล้วเจอกัน’ นั้น มันเหมือนกับว่าจะทำให้วันๆนี้มีแต่เรื่องร้ายๆได้เลย เมื่อเคารพธงชาติเสร็จแล้ว เมื่อเลิกแถวผมก็พาต้นไปกับผมเพื่อไปยืนอยู่ข้างคอยแนะนำหรือบรรยายเกี่ยวกับเครื่องบำบัดน้ำเสียของผมที่จัดแสดงไว้ ใช่จริงๆมีคนสนใจมากมายทั้งอาจารย์หลายๆท่านและนักเรียนในระดับชั้นต่างๆ ผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นอย่างหนึ่งของความคิดต่างๆสู่การก้าวไปในอนาคต
    “เออ...นี่ทำงานยังไงค่ะ” เสียงผู้หญิงเล็กๆถามขึ้น
    “หา อ๋อ...คือ....” ผมตะกุกตะกัก “อ้าวตูนเองเหรอ” ผมตกใจเล็กน้อย
    “อืม...ตกลงทำงานไงอะ” ตูนถามอีก
    “ก็ยังงี้นะ...” ผมเริ่มอธิบายวิธีการทำงานของมันให้ตูนฟัง แน่นอนเค้ามีคำถามมากมายซะจนผมแทบจะบ้าตาย คิดไปได้ไงนะ ใช่ลางสังหรณ์ของผมถูกต้อง เธอทำให้ผมนั้นแทบฝันร้ายเลยเธอยิงคำถามเข้ามาเป็นชุดๆเลย
    “ขอบคุณมากค่ะพี่วุฒิ” ตูนตอบ “หนูเข้าใจจนได้” เธอพูดอีก
    “อืมก็ดีแล้ว” ผมตอบ
    ‘ไปได้ซักที’ ผมนันคิดในใจโธ่เอ้ย จะบ้าตาย ผมนั้นเหมือนโดนแก้แค้นเลย เธอคงแก้แค้นที่ผมไปเรียนเธอว่าโดเรมอนนะแหละ
    “วุฒิ” มีเสียงเรียกผม
    “อ้าวอาจารย์เหรอคับ” ผมพูดตกใจเล็กน้อย “มีอะไรเหรอครับ” ผมพูดถามอาจารย์
    “อืม...การทดลองที่วุฒิจะทำอะ อย่าลืมนะ แต่เค้าเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้” อาจารย์พูด
    “อ้าว! ไมอะครับ” ผมสงสัยเล็กน้อย
    “คือ..คุณพ่ออธิการอะ ต้องการให้ทำในวันพรุ่งนี้เพราะเค้าจะเอาเด็กมาดูมากขึ้น” อาจารย์พูดเสริม
    “อ๋อ...ได้ครับ” ผมพูด
    “อืมมม...ไม่มีไรแล้วไปหละ” อาจารย์พูดแล้วก็เดินจากไป
    “ครับ” ผมพูด
    ‘วันวิชาการในวันพรุ่งนี้จะเจออะไรกันบ้างนะ’ ผมเริ่มความคิดนี้ในใจแล้ว ทั้งๆที่มันยังไม่จบวันนี้ไปเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็คุ้มค่ากับการรอคอย
    “พี่ค่ะนี่ทำงานอย่างไรค่ะ” เป็นเสียงผู้หญิงที่คุ้นหูมากๆ
    “อ๋อเธอเองเรอะ....แป๊ปนะ” ผมพูด
    “ค่ะ” เสียงนั้นตอบ
    ปิ้นนั่นเองที่ถามผม กับเพื่อนๆของเธอที่ดูโครงงานของผมนั้นอย่างสนใจ
    “เอ้า...ฟังนะ” ผมพูดแล้วก็เริ่มอธิบาย
    เมื่อเวลาผ่านไปได้ครู่หนึ่งผมก็อธิบายเสร็จแต่เธอนั่นสิกลับไม่ค่อยจะถามอะไรผมเลยซักเท่าไรมันทำให้ผมโล่งอกไม่ใช่เพราะว่าดีใจที่เธอไปได้ซักทีหรอก แต่เพราะว่าไม่อยากจะตอบคำถามใครมากมายเหมือนกับตอนที่ตูนถามผมอีก
    “อืม...ขอบคุณมากนะค่ะพี่วุฒิ” ปิ้นพูดขอบคุณ
    “อืม...” ผมก็ตอบกลับไป
    ในวันนี้เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีผมปิดเครื่องและเตรียมตัวที่จะเก็บของที่พอจะเก็บได้หรือไม่ใช้แล้ว ผมนั้นยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยซะด้วยซ้ำ ผมหิวใจแทบขาด แต่ตอนนี้มันก็ 3 โมงเย็นเข้าไปแล้ว ผมมีเรียนพิเศษตอนเย็นด้วย ไม่ว่าใครก็เถอะ ถ้านั่งเรียนตอนเย็นแล้วไม่ได้กินข้าวแล้วเข้าไปนั่งเรียนหละก็คงไม่มีสมาธิอยู่กับสิ่งที่เรียนแน่ๆ ผมจึงตัดสินใจที่จะเก็บกระเป๋าแล้วกลับบ้านทันที ผมเดินขึ้นไปเก็บของไว้ที่ห้องพักครูแล้วก็เดินไปที่ห้องเรียนของผม เพื่อที่จะเก็บกระเป๋าแล้วกลับบ้านทันทีหรือจะเรียนอย่างที่คนทั่วๆไปเค้าเรียกว่าโดดเรียนพิเศษนั่นแหละ แต่ว่าเมื่อผมไปถึงห้องของผม อาจารย์ที่สอนพิเศษผมนั้นเข้ามานั่งแล้ว ‘โอ้!นรกมาแล้ว’ เป็นคำที่ผมคิดในใจ ผมจึงหนีออกไปไหนไม่ได้เลย ผมต้องนั่งทนเรียนพิเศษ นั้นอย่างอดโซ ผมนั้นพยายามจะเพ่งสมาธิให้อยู่กับสิ่งที่อาจารย์สอนอยู่บนกระดาน แต่ว่าผมนั้นทำไม่ได้ สมาธิผมลอยไปอยู่กับ อาหารที่ผมนั้นจะกินในตอนเย็นผมคิดว่าทำไมนะการรอคอยอะไรซักอย่างนั้น เวลานั้นมันช่างผ่านไปอย่างช้ามากๆเลย ผมนั่งไปเฉยๆอย่างนั้นจนถึงเวลา 16.30 น. ผมนั้นไม่ได้จดอะไรอยู่บนกระดาษเลยด้วยซ้ำแต่ดีที่อาจารย์ไม่ได้สั่งทำแบบฝึกหัด
    ผมเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้องทันที แต่เพื่อนของผมนั้นทักผมว่า...
    “เฮ้ย....วุฒิ” ตั้มทักผม
    “หือ...มีไรตั้ม” ผมถามกลับไป
    “ไม่มีไรเย็นนี่ว่างปะ จะชวนเตะบอล ทุกคนก็ไปเตะกันนะ” ตั้มพูด
    “อ๋อ ไม่อะกรูหิวงะ” ผมตอบหลับไป
    “อ้าวไม่เล่นเหรอ” ตั้มพูด “ไมอะ” ตั้มพูดเพื่อขอฟังเหตุผล
    “เออกรูหิวข้าววะ” ผมพูด “กรูยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย” ผมพูดเหตุผลออกไป
    “อืม...กรูมีทางเลือกให้เมิง 3 ทาง” ตั้มพูด
    “ทางเลือก....ทางเลือกอะไรวะ” ผมถาม
    “ทางที่ 1 ไปเล่นบอลกับกรู” ตั้มพูด
    “เออ....กรูคงไม่เลือกข้อนี้อะ” ผมพูดออกไป
    “ยังไม่จบ” ตั้มพูด “ทางที่ 2 ไปเตะบอลกับไอ้ต้น” ตั้มพูดออกมา
    “ข้อนี้กรูก็ไม่เอา” ผมพูด
    “ข้อที่ 3 กลับไปอ่านข้อที่ 1 ใหม่” ตั้มพูดออกมาอีก
    “อ้าว...ยังงี้กรูก็ไม่มีตัวเลือกดิ” ผมพูด
    “อืมดิ” ตั้มพูดพร้อมยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
    “เออ...ก็ได้วะ” ผมพูดโดยไม่สนใจท้องของตัวเองแล้ว
    ผมลงไปเตะบอลกับเพื่อนอยู่อีก 1 ชั่วโมง ประมาณ 18.00 น. ผมก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่ก่อนที่ผมนั้นจะกลับบ้าน ผมเห็นตูนพอดี ผมจึงเดินเข้าไปทักเธอ
    “ยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมถามตูน
    “เห็นว่ากลับยังหละ” เธอตอบ
    “ซะงั้นหนะ เอาเป็นว่ายังไม่กลับอะ” ผมพูดกับเธอ “แล้วทำไรอยู่” ผมถามเธออีก
    “ก็ซ้อมเต้นอยู่” เธอบอก
    “เหรอ ไปเต้นวันไหนอีกอะ” ผมถามเธออีก
    “ก็วันคริสต์มาสที่จะถึงนี่ไง” เธอบอก
    “หา?เหรอ เออไม่รู้เลยนะ เอาเป็นว่า เรามีโดเรมอนไปเต้นข้างบนด้วย” ผมพูดออกไป
    “บ้าเหรอ ? ใครเป็นโดเรมอน” เธอถาม
    “เออ....มะรู้สิเอาเป็นว่าคนใกล้ๆเนี่ยแหละ” ผมพูด
    “หนูไม่ใช่โดเรมอนนะ” เธอตอบ
    “ยังไม่ได้ว่าเป็นนิ เอาหน่าพี่ไปแล้วโชคดีนะ” ผมพูดลาแล้วเดินออกไป
    “...” เธอเงียบไป
    ผมนั้นเดินกลับบ้านไปแล้วก็กินข้าวที่บ้านหนะแหละ ผมเห็นของที่กลับมาจากค่ายวิทย์ นั่นก็คือใบรายชื่อนั่นเอง ผมก็นั่งคิดว่า ทำไมนะ ‘ทำไมเราไม่ขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้นะ’ ผมได้แต่มองกระดาษใบนั้น และนั่งมองดูแต่ชื่อเธอ แต่ผมนั้นก็ได้แต่นั่งมองมันเท่านั้น แล้วผมก็ลุกไปหยิบกีตาร์ตัวโปรดของผมนั้นขึ้นมานั่งเล่นเท่านั้น แต่เพลงที่เล่นนั้นใครจะรู้บ้างว่า ทุกเพลงที่ผมเล่นนั้นมีแต่ความเหงาปนอยู่ในเพลงเกือบทุกเพลงด้วยซ้ำไป
    ผมซึ่งงกำลังเล่นกีตาร์อยู่นั้นก็มีเสียงเรียกผมจากหน้าบ้าน
    “วุฒิอยู่ไหมครับ” มีคนเรียกผมหน้าบ้านผมเลยออกไปดู
    “อ้าว!ต้นเองเหรอ” ผมพูด ต้นนั้นขับมอเตอร์ไซค์มาด้วย
    “ป่าว” ต้นพูด “แค่จะบอกว่า พรุ่งนี้พวกเราต้องไปซ้อมดนตรีนะ จะเล่น ในวันพุธและวันศุกร์นี้” ต้นพูดเสริมอีก
    “เล่นไร” ผมพูด “มีอะไรให้เล่นอีกอะ”
    “ก็วงดนตรีของเราไง” ต้นพูด
    “ได้เล่นแล้วเหรอ” ผมพูดอย่างงงๆ
    “อืม.....พรุ่งนี้ไปซ้อมด้วยเพื่อความมั่นใจ” ต้นพูด
    “เอองั้นกรูไปหละ” ต้นพูด
    “อืมโชคดี” ผมพูด
    “เออ....ใช่ เอ้านี่เพลงที่ต้องเล่น” ต้นพูด
    “อืมโชคดีนะ” ต้นพูด แล้วก็ขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านไป
    ผมรู้สึกว่าปีนี้ถึงจะเป็นวันวิชาการปีแรกที่มี แต่มีอะไรที่ประดังกันเข้ามามากๆมันก็ทำให้ผมนั้นมีความสุขที่สุดเลย ที่ได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมของโรงเรียน ผมนั้นจึงได้หยิบชื่อเพลงที่จะเล่นมาดู แล้วก็นำคอร์ดเพลงที่จะเล่นมาเริ่มซ้อมทันที อยู่จนถึงดึกดื่นไม่หลับไม่นอน
    ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าผมแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลย มันรู้สึกเพลียๆ ลุกไม่ขึ้น ผมหยิบนาฬิกาปลุกขึ้นมาแล้วดูเวลา ‘พึ่งจะ ตี 5 ครึ่งเองนี่หน่า’ ผมเห็นดังนั้นก็นอนต่อไปอีก
    “ลูกตื่นได้แล้ว 7.30 แล้วนะ” เสียงผู้หญิงที่คอยปลุกผมให้ตื่นทุกเช้าดังขึ้น
    “อืม!รู้แล้ว....” ผมรับคำ ผมตื่นขึ้นมาแล้วดูนาฬิกาปลุกอันเดิมนั้น ใช่มันตายแล้ว เข็มนาฬิกาหยุดเข็มที่ 5.28 น. มันทำให้ผมสายสุดๆ ผมรีบทำธุระส่วนตัว แล้วออกจากบ้านทันที ยังไม่ได้กินข้าวเลย วันนี้วันวิชาการด้วย จะมีแรงยืนทั้งวันมะเนี่ย
    เมื่อผมมาถึงโรงเรียนตอน 7.50 น. พอดี กำลังจะเข้าแถวหน้าเสาธงพอดีผมรีบวิ่งมายังแถวของผม
    “สวัสดีค่ะพี่วุฒิ” มีเสียงผู้หญิงทักผม
    “อ้อ!...ดีครับ” ผมทักตามมารยาท “อ้าว!ตูนเองเหรอ”
    “เป็นไงพี่หายเหนื่อยยัง” ตูนถาม
    “ก็ยังเหนื่อยนิดหน่อย” ผมตอบ “แล้วตูนอะ” ผมถามกลับไป
    “อืม...ก็นิหน่อยอะแหละ” เธอตอบ
    “โอ๊ะ!ไปหละเดี๋ยวเข้าแถวแล้ว” ผมพูด
    “ค่ะ!แล้วเจอกัน” เธอพูด
    ตูนพูดคำนั้นมันทำให้ผมเสียวสันหลังวูบเลยทีเดียว คำว่า ‘แล้วเจอกัน’ นั้น มันเหมือนกับว่าจะทำให้วันๆนี้มีแต่เรื่องร้ายๆได้เลย เมื่อเคารพธงชาติเสร็จแล้ว เมื่อเลิกแถวผมก็พาต้นไปกับผมเพื่อไปยืนอยู่ข้างคอยแนะนำหรือบรรยายเกี่ยวกับเครื่องบำบัดน้ำเสียของผมที่จัดแสดงไว้ ใช่จริงๆมีคนสนใจมากมายทั้งอาจารย์หลายๆท่านและนักเรียนในระดับชั้นต่างๆ ผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นอย่างหนึ่งของความคิดต่างๆสู่การก้าวไปในอนาคต
    “เออ...นี่ทำงานยังไงค่ะ” เสียงผู้หญิงเล็กๆถามขึ้น
    “หา อ๋อ...คือ....” ผมตะกุกตะกัก “อ้าวตูนเองเหรอ” ผมตกใจเล็กน้อย
    “อืม...ตกลงทำงานไงอะ” ตูนถามอีก
    “ก็ยังงี้นะ...” ผมเริ่มอธิบายวิธีการทำงานของมันให้ตูนฟัง แน่นอนเค้ามีคำถามมากมายซะจนผมแทบจะบ้าตาย คิดไปได้ไงนะ ใช่ลางสังหรณ์ของผมถูกต้อง เธอทำให้ผมนั้นแทบฝันร้ายเลยเธอยิงคำถามเข้ามาเป็นชุดๆเลย
    “ขอบคุณมากค่ะพี่วุฒิ” ตูนตอบ “หนูเข้าใจจนได้” เธอพูดอีก
    “อืมก็ดีแล้ว” ผมตอบ
    ‘ไปได้ซักที’ ผมนันคิดในใจโธ่เอ้ย จะบ้าตาย ผมนั้นเหมือนโดนแก้แค้นเลย เธอคงแก้แค้นที่ผมไปเรียนเธอว่าโดเรมอนนะแหละ
    “วุฒิ” มีเสียงเรียกผม
    “อ้าวอาจารย์เหรอคับ” ผมพูดตกใจเล็กน้อย “มีอะไรเหรอครับ” ผมพูดถามอาจารย์
    “อืม...การทดลองที่วุฒิจะทำอะ อย่าลืมนะ แต่เค้าเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้” อาจารย์พูด
    “อ้าว! ไมอะครับ” ผมสงสัยเล็กน้อย
    “คือ..คุณพ่ออธิการอะ ต้องการให้ทำในวันพรุ่งนี้เพราะเค้าจะเอาเด็กมาดูมากขึ้น” อาจารย์พูดเสริม
    “อ๋อ...ได้ครับ” ผมพูด
    “อืมมม...ไม่มีไรแล้วไปหละ” อาจารย์พูดแล้วก็เดินจากไป
    “ครับ” ผมพูด
    ‘วันวิชาการในวันพรุ่งนี้จะเจออะไรกันบ้างนะ’ ผมเริ่มความคิดนี้ในใจแล้ว ทั้งๆที่มันยังไม่จบวันนี้ไปเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็คุ้มค่ากับการรอคอย
    “พี่ค่ะนี่ทำงานอย่างไรค่ะ” เป็นเสียงผู้หญิงที่คุ้นหูมากๆ
    “อ๋อเธอเองเรอะ....แป๊ปนะ” ผมพูด
    “ค่ะ” เสียงนั้นตอบ
    ปิ้นนั่นเองที่ถามผม กับเพื่อนๆของเธอที่ดูโครงงานของผมนั้นอย่างสนใจ
    “เอ้า...ฟังนะ” ผมพูดแล้วก็เริ่มอธิบาย
    เมื่อเวลาผ่านไปได้ครู่หนึ่งผมก็อธิบายเสร็จแต่เธอนั่นสิกลับไม่ค่อยจะถามอะไรผมเลยซักเท่าไรมันทำให้ผมโล่งอกไม่ใช่เพราะว่าดีใจที่เธอไปได้ซักทีหรอก แต่เพราะว่าไม่อยากจะตอบคำถามใครมากมายเหมือนกับตอนที่ตูนถามผมอีก
    “อืม...ขอบคุณมากนะค่ะพี่วุฒิ” ปิ้นพูดขอบคุณ
    “อืม...” ผมก็ตอบกลับไป
    ในวันนี้เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีผมปิดเครื่องและเตรียมตัวที่จะเก็บของที่พอจะเก็บได้หรือไม่ใช้แล้ว ผมนั้นยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยซะด้วยซ้ำ ผมหิวใจแทบขาด แต่ตอนนี้มันก็ 3 โมงเย็นเข้าไปแล้ว ผมมีเรียนพิเศษตอนเย็นด้วย ไม่ว่าใครก็เถอะ ถ้านั่งเรียนตอนเย็นแล้วไม่ได้กินข้าวแล้วเข้าไปนั่งเรียนหละก็คงไม่มีสมาธิอยู่กับสิ่งที่เรียนแน่ๆ ผมจึงตัดสินใจที่จะเก็บกระเป๋าแล้วกลับบ้านทันที ผมเดินขึ้นไปเก็บของไว้ที่ห้องพักครูแล้วก็เดินไปที่ห้องเรียนของผม เพื่อที่จะเก็บกระเป๋าแล้วกลับบ้านทันทีหรือจะเรียนอย่างที่คนทั่วๆไปเค้าเรียกว่าโดดเรียนพิเศษนั่นแหละ แต่ว่าเมื่อผมไปถึงห้องของผม อาจารย์ที่สอนพิเศษผมนั้นเข้ามานั่งแล้ว ‘โอ้!นรกมาแล้ว’ เป็นคำที่ผมคิดในใจ ผมจึงหนีออกไปไหนไม่ได้เลย ผมต้องนั่งทนเรียนพิเศษ นั้นอย่างอดโซ ผมนั้นพยายามจะเพ่งสมาธิให้อยู่กับสิ่งที่อาจารย์สอนอยู่บนกระดาน แต่ว่าผมนั้นทำไม่ได้ สมาธิผมลอยไปอยู่กับ อาหารที่ผมนั้นจะกินในตอนเย็นผมคิดว่าทำไมนะการรอคอยอะไรซักอย่างนั้น เวลานั้นมันช่างผ่านไปอย่างช้ามากๆเลย ผมนั่งไปเฉยๆอย่างนั้นจนถึงเวลา 16.30 น. ผมนั้นไม่ได้จดอะไรอยู่บนกระดาษเลยด้วยซ้ำแต่ดีที่อาจารย์ไม่ได้สั่งทำแบบฝึกหัด
    ผมเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากห้องทันที แต่เพื่อนของผมนั้นทักผมว่า...
    “เฮ้ย....วุฒิ” ตั้มทักผม
    “หือ...มีไรตั้ม” ผมถามกลับไป
    “ไม่มีไรเย็นนี่ว่างปะ จะชวนเตะบอล ทุกคนก็ไปเตะกันนะ” ตั้มพูด
    “อ๋อ ไม่อะกรูหิวงะ” ผมตอบหลับไป
    “อ้าวไม่เล่นเหรอ” ตั้มพูด “ไมอะ” ตั้มพูดเพื่อขอฟังเหตุผล
    “เออกรูหิวข้าววะ” ผมพูด “กรูยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย” ผมพูดเหตุผลออกไป
    “อืม...กรูมีทางเลือกให้เมิง 3 ทาง” ตั้มพูด
    “ทางเลือก....ทางเลือกอะไรวะ” ผมถาม
    “ทางที่ 1 ไปเล่นบอลกับกรู” ตั้มพูด
    “เออ....กรูคงไม่เลือกข้อนี้อะ” ผมพูดออกไป
    “ยังไม่จบ” ตั้มพูด “ทางที่ 2 ไปเตะบอลกับไอ้ต้น” ตั้มพูดออกมา
    “ข้อนี้กรูก็ไม่เอา” ผมพูด
    “ข้อที่ 3 กลับไปอ่านข้อที่ 1 ใหม่” ตั้มพูดออกมาอีก
    “อ้าว...ยังงี้กรูก็ไม่มีตัวเลือกดิ” ผมพูด
    “อืมดิ” ตั้มพูดพร้อมยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
    “เออ...ก็ได้วะ” ผมพูดโดยไม่สนใจท้องของตัวเองแล้ว
    ผมลงไปเตะบอลกับเพื่อนอยู่อีก 1 ชั่วโมง ประมาณ 18.00 น. ผมก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่ก่อนที่ผมนั้นจะกลับบ้าน ผมเห็นตูนพอดี ผมจึงเดินเข้าไปทักเธอ
    “ยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมถามตูน
    “เห็นว่ากลับยังหละ” เธอตอบ
    “ซะงั้นหนะ เอาเป็นว่ายังไม่กลับอะ” ผมพูดกับเธอ “แล้วทำไรอยู่” ผมถามเธออีก
    “ก็ซ้อมเต้นอยู่” เธอบอก
    “เหรอ ไปเต้นวันไหนอีกอะ” ผมถามเธออีก
    “ก็วันคริสต์มาสที่จะถึงนี่ไง” เธอบอก
    “หา?เหรอ เออไม่รู้เลยนะ เอาเป็นว่า เรามีโดเรมอนไปเต้นข้างบนด้วย” ผมพูดออกไป
    “บ้าเหรอ ? ใครเป็นโดเรมอน” เธอถาม
    “เออ....มะรู้สิเอาเป็นว่าคนใกล้ๆเนี่ยแหละ” ผมพูด
    “หนูไม่ใช่โดเรมอนนะ” เธอตอบ
    “ยังไม่ได้ว่าเป็นนิ เอาหน่าพี่ไปแล้วโชคดีนะ” ผมพูดลาแล้วเดินออกไป
    “...” เธอเงียบไป
    ผมนั้นเดินกลับบ้านไปแล้วก็กินข้าวที่บ้านหนะแหละ ผมเห็นของที่กลับมาจากค่ายวิทย์ นั่นก็คือใบรายชื่อนั่นเอง ผมก็นั่งคิดว่า ทำไมนะ ‘ทำไมเราไม่ขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้นะ’ ผมได้แต่มองกระดาษใบนั้น และนั่งมองดูแต่ชื่อเธอ แต่ผมนั้นก็ได้แต่นั่งมองมันเท่านั้น แล้วผมก็ลุกไปหยิบกีตาร์ตัวโปรดของผมนั้นขึ้นมานั่งเล่นเท่านั้น แต่เพลงที่เล่นนั้นใครจะรู้บ้างว่า ทุกเพลงที่ผมเล่นนั้นมีแต่ความเหงาปนอยู่ในเพลงเกือบทุกเพลงด้วยซ้ำไป
    ผมซึ่งงกำลังเล่นกีตาร์อยู่นั้นก็มีเสียงเรียกผมจากหน้าบ้าน
    “วุฒิอยู่ไหมครับ” มีคนเรียกผมหน้าบ้านผมเลยออกไปดู
    “อ้าว!ต้นเองเหรอ” ผมพูด ต้นนั้นขับมอเตอร์ไซค์มาด้วย
    “ป่าว” ต้นพูด “แค่จะบอกว่า พรุ่งนี้พวกเราต้องไปซ้อมดนตรีนะ จะเล่น ในวันพุธและวันศุกร์นี้” ต้นพูดเสริมอีก
    “เล่นไร” ผมพูด “มีอะไรให้เล่นอีกอะ”
    “ก็วงดนตรีของเราไง” ต้นพูด
    “ได้เล่นแล้วเหรอ” ผมพูดอย่างงงๆ
    “อืม.....พรุ่งนี้ไปซ้อมด้วยเพื่อความมั่นใจ” ต้นพูด
    “เอองั้นกรูไปหละ” ต้นพูด
    “อืมโชคดี” ผมพูด
    “เออ....ใช่ เอ้านี่เพลงที่ต้องเล่น” ต้นพูด
    “อืมโชคดีนะ” ต้นพูด แล้วก็ขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านไป
    ผมรู้สึกว่าปีนี้ถึงจะเป็นวันวิชาการปีแรกที่มี แต่มีอะไรที่ประดังกันเข้ามามากๆมันก็ทำให้ผมนั้นมีความสุขที่สุดเลย ที่ได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมของโรงเรียน ผมนั้นจึงได้หยิบชื่อเพลงที่จะเล่นมาดู แล้วก็นำคอร์ดเพลงที่จะเล่นมาเริ่มซ้อมทันที อยู่จนถึงดึกดื่นไม่หลับไม่นอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น