ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจดวงสุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #14 : วันสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 48


        วันสุดท้ายของการเข้าค่ายแล้ว อาจารย์ไม่เร่งรัดนักเรียนในเรื่องของการตื่นนอนเลย เพราะไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำอีกแล้ว นอกจากเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมพร้อมที่จะกลับบ้าน อาจารย์บอกให้ตื่นอย่างสายที่สุด 8 โมงแล้วมารวมก่อนเวลา 8.30 น เพราะต้องรับประทานอาหารกัน ผมอยากจะบอกว่าสนุกก็จริง แต่ก็มีบางอย่างที่ผิดหวังเล็กน้อยคือการดูนกนั่นเอง การที่พวกเราไปดูนกเมื่อวานนั้น ไม่มีใครคนไหนหรือ ใครก็ตามจะเห็นนกเลย เพราะเอาแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับการเดินทางใบบนเขาอันลาดชัน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่มีใครหรอกที่จะละสายตาออกจากทางเดินที่อันตรายได้แต่มันก็คือวันสุดท้ายแล้ว วันที่สนุกสนานวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย เราจะกลับไปใช้ชีวิตจริง ในโลกจริงที่ไม่มีธรรมชาติอย่างนี้ให้เกี่ยวพันอีก

        8.30 น ทุกคนไปรวมเพื่อรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายของค่ายนี้กัน ในความคิดของผมหรืออาจะหลายๆคนอาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่พิเศษสุด ไม่ใช่เพราะรสชาติอาหารแต่เป็นเพราะ การที่อยู่ร่วมกันและเข้าใจกัน และเป็นการกินอาหารร่วมกันของรุ่นพี่และรุ่นน้องด้วยกัน เมื่อกินเสร็จแล้วอาจารย์บอกว่าให้ไปเก็บกระเป๋าแล้วมารวมตอน 11.00 น. กันเพื่อนเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน ทุกคนคงจะคิดถึงบ้านกันมากพอแล้ว

        

        “เฮ้ย! วุฒิ ” มีเสียงหนึ่งเรียกผม



        “มีไรตั้ม” ตั้มนั่นเอง



        “นายอยู่ช่วยติดตั้งโครงงานก่อนดิ” ตั้มบอก



        “เออ!พรุ่งนี้วันสัปดาห์วิชาการแล้วนี่” ผมพูด



        “อืม...อยู่ไม่นานหรอก” ตั้มพูด “เดี๋ยวต้นก็อยู่”



        “ได้เดี๋ยวจะอยู่” ผมรับคำ



        11.00 น แล้วได้เวลาที่เราจะกลับกันซักที นักเรียนค่อยๆลงเขากันไปทีละ 3 กลุ่ม ด้วยรถที่พาเราขึ้นเขามาตั้งแต่วันแรก เมื่อถึงข้างลางตรงตีนเขา มีรถทัวร์จอดอยู่เพื่อรอรับเรากลับไปยังกรุงเทพฯ พวกเราขึ้นรถแล้วออกเดินทางเวลาประมาณ 11.30 น รถนั้นแล่นเปนทางยาวไปเรื่อยๆ ผมสังเกตุเห็นว่าทุกคนนั้นค่อยๆที่จะเคลิ้มหลับเพราะความเหนื่อยอ่อน ผมเห็นดังนั้นแล้วก็หลับซักหน่อยดีกว่าจะได้มีแรงทำงานในตอนเย็น เดินทางมาเรื่อยๆจากที่นั่นก็ปาเข้าไป 1 ชั่วโมงแล้วผมว่ามันคงมาได้ถึงครึ่งทางแล้ว ผมยังเห็นว่าทุกคนนั้นยังหลับกันอยู่ ผมเผอิญไปเห็น ตูน ที่นั่งอยู่เบาะหน้าผมไปไม่เท่าไร ผมเห็นหน้าเธอตอนหลับนั้นยิ่งน่ารักมากๆ ผมอยากจะเดินไปคุยกับเธอเหมือนกันเพราะเธอเผอิญตื่นพอดีเลย แต่...ผมก็เอามือตบหน้าตัวเองเบาๆและพึมพำว่า ‘เราเป็นอะไรไป ทำไมเราต้องมองตูนด้วยนะ’ ผมสังเกตเห็นพอดีว่าเธอนั้นหันมาดูผม ผมนี้อายจิงๆที่ทำบ้าๆต่อหน้าเธอแต่เธอก็ยิ้มให้ผมและหัวเราะเล็กน้อยอีกด้วย แล้วผมก็ลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปหาเธอ



        “ไม่นอนแล้วเหรอ” ผมถามเธอด้วยเสียงค่อยๆพอให้เราได้ยิน



        “ไม่รู้สิ อยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาหนะ” ตูนตอบ



        “แล้วนอนต่อมะได้เลยหรือไง” ผมถามต่ออีก



        “ไม่เอาอะเดี๋ยวก็ต้องตื่นแล้ว ไปนอนต่อที่บ้านก็ได้” เธอตอบพร้อมชี้แจงเหตุผล “แล้วพี่ไม่นอนแล้วเหรอ”



        “พี่ไม่ง่วงแล้ว” ผมพูด



        “อืม...” เธอรับคำ



        “เออ!ใช่ๆแล้วโดเรมอนจะไปไหนต่อเมื่อกลับจากที่นี่” ผมถาม



        “ใครเป็นโดเรมอนเหอะ” เธอถาม



        “ก็ตูนนั่นแหละ” ผมพูด



        “ไม่ใช่นะ” เธอปฏิเสธ “ไม่พูดด้วยแล้ว” เธอเหมือนจะงอนด้วย แต่ก็อย่างที่บอก เวลาที่เธอโกรธนั้นหรืองอนนั้นเธอหน้าตาน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก



        “หน่าๆงั้นพี่ไปหละ” ผมพูดแล้วก็ลุกไปจากที่นั่น



        ผมหัวเราะเล็กน้อย เพราะคำว่าโดเรมอนที่เรียกเธอ แต่คำๆนี้ผมจะเรียกเธอไปอีกนานเลย



        รถทัวร์นั้นขับมาเรื่อยๆจนมาถึงกรุงเทพแล้ว เป็นการเดินทางกลับที่เร็วมากๆเมื่อเทียบกับตอนไปวันแรก เราขับมาเรื่อยๆทุกๆคนที่นอนหลับนั้นก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาเหมือนทุกคนนั้นจะรู้แล้วว่าใกล้ถึงที่หมายแล้ว



        ในที่สุดการเดินทางอันยาวนานก็สิ้นสุดลงรถมาจอดที่หน้าโรงเรียน แล้วนักเรียนทุกคนก็ขนของลงจากรถ แล้วเข้าไปในโรงเรียนกัน บางคนอาจจะรอผู้ปกครองมารอรับ บางคนอาจจะกลับบ้านเอง ส่วนพวกเรานั้นต้องเตรียมงานสำหรับวันวิชาการในวันพรุ่งนี้ด้วย ผมไปยกของลงมาจากห้องเรียนของผมแล้วลงมาหาอาจารย์ข้างล่างแล้วเตรียมติดตั้งโครงงานของผมเพื่อให้ทุกคนได้เห็นการทำงานของมันด้วย เมื่อผมยกของลงมาผมเห็นตูนนั้นนั่งอยู่กับเพื่อนของเธอตรงใต้ตึก ผมเลยเข้าไปทักเธอ....



        “โดเรมอน...ยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมถาม



        “ใครโดเรมอนเดี๋ยวเหอะ!”  ตูนตอบมา



        “เอาหน่าๆ...รอใครอยู่หรือไง” ผมถามอีกด้วยคำถามเดิม



        “ก็รอพ่อมารับ” เธอตอบ



        “เหรอ” ผมรับคำ



        “อะไรอะพี่วุฒิ” ตูนเห็นของที่ผมถือเลยถาม



        “อ๋อ!โครงงานพี่อะ” ผมตอบกลับไป “ชื่อโครงงานเครื่องบำบัดน้ำเสีย” ผมเสริมอีก



        “อืม! โอ๊ะพ่อมาแล้วไปนะ” เธอพูดแล้วก็บอกลาเพื่อนๆของเธอแล้วก็ไป



        “นี่พี่วุฒิ” มีเสียงหนึ่งเรียกผม



        “หือ!อะไรหรอ” ผมถามเธอ



        “ทรายอยากรู้ว่า ทำไมพี่ถึงเรียกตูนว่าโดเรมอนอะ” เธอถาม



        “ก็ไม่บอกเหตุผลละกันไปคิดเอง” ผมพูดแกมยิ้มเล็กน้อย



        “โถ่!พี่วุฒิ” ทรายแสดงอาการเสียดาย



        “พี่ไปนะ ยังต้องไปติดตั้งโครงงานอีก” ผมพูดแล้วก็เดินจากไป



        เมื่อผมเดินไปที่ๆต้องติดตั้งโครงงาน ที่นั่นเป็นบ่อเลี้ยงปลาธรรมดา แต่ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงปลาแล้วแต่ก็ยังมีน้ำอยู่ เป็นน้ำที่ดูแล้วยังมีความสกปรกอยู่นิดหน่อย เป็นที่ทดลองโครงงานผมเป็นอย่างดี

        ผมเริ่มดำเนินโครงงานผมโดยการ สร้างขาตั้งขึ้นมาให้พอกับความลึกของบ่อปลานั้น ตามผมกะก็ประมาณ 1 ฟุตครึ่งเท่านั้น เมื่อสร้างขาตั้งเสร็จก็ลองไปวางไว้ในบ่อน้ำ แล้วโยงสายไฟไว้ด้วย ที่ผมกลัวก็คือเวลาเปิดไฟเพื่อใช้งานน้ำจะซึมเข้าไป ผมโยงสายไฟออกมาแล้วต่อเข้าไปกับหม้อแปลงไฟฟ้า เพราะเครื่องนี้ใช้ไฟแค่ 12 โวลต์ กระแสตรง เมื่อทดลองต่อไฟเข้าไปแล้วเปิดวสวิตช์ทำงานก็ได้ผลเป็นที่หน้าพอใจ กาวยางซิลิโคนกันน้ำเข้าได้ดีจิงๆ เวลานั้นเป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้ว ผมหิวมากๆเลย



        “เฮ้!พวกเราไปกินข้าวกันป่าว” ตั้มเสนอขึ้นมา



        “กินเหรอก็ดีนะ แต่ว่าที่ไหนหละ”  โอพูด



        “หมูกระทะใกล้บ้านเรามะ” ต้นพูด



        “เออดีแหะ” ปอพูด



        “กระเป๋าอะ” ผมลองถามดู



        “เออ...เอางี้ เอาไปวางไว้ที่บ้านวุฒิก่อนแล้วค่อยไปกินกัน” ตั้มพูดเสนอความคิด นานๆทีเห็นจะมีความคิดเข้าท่าก็วันนี้แหละ

        

        “แล้วเราจะกลับไงอะ” แจ๊คถาม



        “เรากับไอ้ปอเอารถมาจอดไว้ตั้งแต่วันมาแล้ว เดี๋ยวขับไปส่งก็ได้” ตั้มพูด



        “งั้นก็ไปกันเถอะเดี๋ยวดึก” ผมพูด “พรุ่งนี้ยังมีงานโรงเรียนอีก” ผมพูดเสริมอีก



        ผมขอนั่งรถรับจ้างเข้าบ้านก่อนไปวางกระเป๋า ตั้มก็ให้โอกับกานต์ซ้อนท้าย ส่วนปอก็ให้แจ๊คกับไอซ์ซ้อนมา อัด 3 มาหละครับ ส่วนต้นก็ไปวางของที่บ้านก่อนแล้วจะออกมา

        เมื่อผมมาถึงบ้านผมก็เห็นเพื่อนมารออยู่แล้วเพราะจะมาวางกระเป๋าที่บ้านผมนิ เมื่อผมเข้าไปทุกคนก็สวัสดีพ่อแม่ของผมแล้วก็ ขอวางกระเป๋าไว้ก่อนเพื่อไปกินข้าวกันก่อน

        1 ทุ่มพอดี ที่ผมออกไปเจอเพื่อนๆที่ร้านเพราะผมขับรถออกมาทีหลัง ทุกคนก็มาพร้อมกันแล้ว ก็จัดการบรรเลงหละครับหิวกันนิ กินไปเหมือนร้านเค้าจะเจ๊งเพราะเราหละครับ กินกันเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะนายโอนี่ตัวจุเลย

        3 ทุ่ม แล้วดึกเหมือนกัน..



        “เราว่ารีบกลับเถอะ” ต้นพูด



        “อืมความคิดไม่เลว” ไอซ์พูด



        “งั้นบอกเค้าคิดตังค์แล้วไปกันเถอะ” ตั้มพูด



        พวกผมเรียกพี่ๆมาคิดเงินกัน แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ‘โชคดีเพื่อนๆ’ เป็นคำลาหละครับ ผมนั้นก็กลับบ้านอาบน้ำทันที เพื่อนเตรียมตัวนอน ผมเริ่มที่จะคิดถึง การไปเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ขึ้นมา เมื่อคิดถึงตั้งแต่ไปจนกลับ คิดถึงกิจกรรมต่างๆที่ทำกันแล้วผมก็เริ่มมีความคิดเกี่ยวกับตูนขึ้นมา ทำไมเราไม่ทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ทำไมเราไม่ขอเบอร์โทรเธอไว้นะ เป็นเวลา 3 ทุ่ม 30 น. มีเสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นมา



        “สวัสดีครับ” ผมพูดทักตามมารยาท



        “สวัสดีครับ ขอสายวุฒิครับ” เสียงผู้ชายพูดขึ้น



        “พูดอยู่ ใครอะ” ผมถาม



        “เราเอง แชมป์นะ” แชมป์พูด แชมป์นั้นเป็นเพื่อนในห้องผมคนนึง แชมป์นั้นเป็นผู้ชายที่เรียนเก่งที่สุดในห้องของผมเลย แล้วก็เป็นคนที่หัวไวมากๆด้วย



        “อ๋อ...มีไรอะ” ผมถาม



        “จะขอยืมหนังสืออะ” แชมป์พูด “วิธีเล่นหมากรุกสากลอะ” แชมป์พูดทำนองขอร้อง



        “อืม..ได้เดี๋ยวเอาไปให้”



        “อืม...ขอบคุณมากงั้นแค่นี้แหละ….บาย” แชมป์พูด



        “อืม โชคดี” ผมพูด



        ทำไมนะ แชมป์ถึงอยากเล่นหมากรุกขึ้นมา เห็นปกติไม่ค่อยสนใจนิ ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นอีก เมื่อผมดูที่หน้าจอมือถือ เป็นเบอร์ของปิ้นนั่นเอง



        “สวัสดีครับ” ผมพูดทักทาย



        “สวสัดีค่ะ พี่วุฒิ” เสียงใสนั้นทักขึ้น “นี่ปิ้นนะคะ”



        “อ๋อ..อืม มีไรอะ” ผมพูด



        “จะถามว่าเป็นไงบ้างสนุกไหม” เธอถามผม



        “ไปเข้าค่ายนะเหรอ” ผมถาม



        “ค่ะ” เธอตอบ



        “ก็หนุกดีนะ” ผมพูด



        “เล่าให้ฟังได้มะค่ะ” เธอถาม ผมไม่อยากบอกว่าเหนื่อเลย เพราะอาจะเป็นการเสียมารยาท



        “เออ....เอาก็เอา แป๊ปเดียวนะ” ผมพูด



        ผมก็เล่าตามที่เธอถามผมมา ผมก็อาจจะบอกได้ว่า ผมบอกไปอย่างละเอียดเลย ส่วนมากเธอจะถามถึงบรรยากาศของสถานที่ หรือไม่ก็ ที่นั่นเป็นไงหนาวไหม



        “หนูว่าพี่คงเหนื่อยแล้ว” ปิ้นพูด



        “ก็...นะ” ผมพูด



        “งั้นแค่นี้แหละค่ะ” เธอพูด “เออ....พี่วุฒิค่ะคือว่า.....”



        “หือ...อะไรหรอ” ผมพูด



        “เออ...ปล่าวคะ” เธอตอบกลับมา



        “งั้นเหรอ งั้นแค่นี้นะ สวัสดีครับ” ผมพูด



        “ค่ะฝันดีนะคะ” เธอพูดอวยพรก่อนนอน

        

        ผมอาจจะเดาใจเธอถูกว่า ที่เธออ้ำอึ้งนั่นเพราะอะไร เธออยากจะพูดเรื่องเก่าที่ผมเก็บไว้ในใจส่วนลึกของหัวใจแล้ว แต่เพราะอะไรนั้น ที่ทำให้เธอไม่พูดเพราะอะไรเหมือนกัน ผมผล็อยหลับไป ด้วยความเหนื่อยล้าและเพลียอย่างเป็นที่สุด ผมหลับอย่างสนิท และรอวันพรุ่งนี้ที่กำลังใกล้เข้ามาๆทุกขณะ  แล้ววันพรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×