ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Kingdom Earth

    ลำดับตอนที่ #1 : “ KEEPER’s BLACKSMITH”

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 49


    <  The Kingdom Earth >

    Episode 1 “The Blue Eyes”

    Chapter 1 “Orphious Kingdom”

    No.1 “ KEEPER’s BLACKSMITH”

              บนท้องฟ้าสีคราม ดวงอาทิตย์สดใส ฉายแสงเป็นเงาสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ เมืองที่แสนสงบสุข  แม่น้ำ*-เต็มไปด้วยปลามากมาย ทุ่งหญ้ามีสัตว์ต่างๆนานาชนิด รวมทั้งเด็กที่บางคนก็วิ่งเล่น บางคนก็นอนกลางวันอย่างสบายใจ ผู้ใหญ่ก็ทำงานตามอาชีพที่สืบต่อกันมาตั้งแต่ สมัยปู่ย่า ตายาย ของตนเอง

     

    *KeepeR’s BlacksmitH*

    * รับสั่ง ตี ซ่อม อุปกรณ์ทุกชนิด *

    *  เลขที่ 17/4 เนสเทลวิลล์  *

     

              ตัวหนังสือซึ่งถูกตีและหลอมจากเหล็กอย่างประณีต ติดอยู่บนบ้ายหน้ากระท่อมเล็กๆหลังหนึ่ง

    คีพ! ... คีพ! ... อยู่ไหม? เสียงของชายแก่กำลังตะโกนอยู่หน้าร้าน

    ...พ่อไม่อยู่หรอกครับ...มีเสียงตอบกลับมา พร้อมกับเงาของเด็กชายคนหนึ่งโผล่ออกมาจากหลังร้าน เป็นเด็กชายที่มีรูปร่างเล็ก อายุประมาณ 15-16 มีผมสีน้ำตาล ดูเหมือนเด็กทั่วๆไป เพียงแต่ว่าดวงตาของเขานั้น มีสีครามเหมือนท้องฟ้า ซึ่งดูแล้วสวยราวกับ อัญมณีล้ำค่า เลยทีเดียว

                    พ่อเขาไป ตีเกือกม้าให้ม้าที่ฟาร์ม วันนี้ผมเฝ้าร้านแทนพ่อ ... มีอะไรให้ช่วยครับ เด็กชายเอ่ยถาม

                    อ้าว...ไคท์นี่เองนึกว่าใคร เอ้านี่ ชายคนนั้นพูดพร้อมกับยื่นจอบให้ไคท์ ตัวใบจอบนั้นมีทั้งรอยบิ่นทั้งรอยหักเต็มไปหมด ฝากไอ้นี่ไว้ให้ คีพ พ่อเธอซ่อมหน่อยสิ

                    บิ่นแค่นี้เอง เดี๋ยวผมซ่อมให้ก็ได้ ไม่มีปัญหาลุงนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ แป๊บเดียวก็ได้แล้วครับ ไคท์รับจอบมาแล้วก็หายไปหลังร้าน เขาได้เห็นพ่อของเขาตีเหล็กมาตั้งแต่เด็กๆ และยังมาช่วยพ่อของเขาทำงานบ่อยๆ ทำให้ไคท์มีทักษะในการตีเหล็กดีมากไม่ว่าจะเทียบกับเด็กวัยเดียวกันหรือว่าเทียบกับผู้ใหญ่

                    แก๊งๆ กึงๆ ฉ่าๆ  ... เสียงดังอยู่อย่างนี้หลายต่อหลายเที่ยว จากนั้นเด็กชายก็เดินออกมาจากหลังร้านพร้อมกับจอบอันเดิมที่ถูกซ่อมจนดูเหมือนใหม่

                      ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำได้ไม่เลวนี่หว่า ไคท์ เสียงห้าวๆ ดังมาจากข้างหลัง ลุงเจ้าของจอบ ปรากฎว่าต้นเสียงนั้นเป็นชายร่างกายกำยำ แขนมีกล้ามเป็นมัดๆบ่งบอกถึงพละกำลังมหาศาล เขาใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขายาว พร้อมกับมีค้อน ทั่งเหล็ก มีด และอุปกรณ์อีกหลายอย่าง อยู่ในมือ

                    อ้าว พ่อ...ไปซะนานเชียว ผมเพิ่งซ่อมจอบให้ลุงคนนี้เสร็จพอดี ไคท์ ทักทายผู้เป็นพ่อ

                    เป็นไง ตีได้ดีใช่ใหมล่ะ ไคท์พูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มอย่างภูมิใจพร้อมกับส่งจอบให้ ลูกค้าแล้วก็รับเงินค่าซ่อมมา

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช้ได้ คีพ มองหน้าลูกชายตัวเองแล้วก็ยิ้มให้กับเขาแล้วก็นั่งลง จากนั้นก็บอกกับ ลูกชายว่า ไคท์แกไปเตรียมตัวเก็บข้าวของได้แล้ว เราจะออกเดินทางไปเมืองอื่นกัน มีงานชิ้นใหญ่เข้ามา

    อ้าวไปใหนล่ะ พ่อ ไคท์ถามด้วยความสงสัย

    เมือง หลวง แถมอาจจะต้องอยู่เป็นเดือนด้วย

    เมืองหลวง!! จริงเหรอพ่อ!!! ยะฮู้ววว~~~~~~ ในที่สุดก็ได้ไปเมืองหลวงแล้ว วู้~~

     

    จากนั้นไคท์ก็วิ่งไปยังห้องของเขาที่อยู่ในบ้านข้างๆร้านนี้ แล้วพยายามยัดทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ลงไปในกระเป๋า สุดท้ายเขาก็หยิบสร้อย อัญมณีสีครามที่เหมือนกับสีดวงตาของเขา สร้อยเส้นนี้เป็นของดูต่างหน้าชิ้นเดียวของแม่ไคท์ ซึ่งเสียไปตอนเขายังเด็ก ทำให้เขายังแทบจำหน้าแม่ไม่ได้เลย สร้อยเส้นนี้จึงเป็นสิ่งของเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาระลึกถึงแม่ได้ ไคท์จะเอาสร้อยเส้นนี้ออกมาเฉพาะตอนเขารู้สึกอยากจะเจอแม่เท่านั้น ซึ่งมันก็แปลกที่อัญมณีชิ้นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเหมือนได้อยู่กับแม่จริงๆ

     

    ตกดึกคืนนั้น ไคท์แทบนอนไม่หลับเพราะเขาใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปในเมืองหลวงตั้งนานแล้ว เด็กคนอื่นในเมืองนี้ก็เหมือนกัน เพราะเมืองหลวงเป็นเหมือนแหล่งรวม สินค้า วิทยาการ ผู้คน และอย่างอื่นอีกมากมาย และที่สำคัญที่สุด เมืองหลวงเป็นที่เดียวที่สามารถสมัครเข้าเป็น หนึ่งใน Orphious Guild ( สมาคมที่ทำหน้าที่คล้ายอัศวินคอยพิทักษ์ประเทศ Orphious Kingdom ) ซึ่งเป็นเป็นที่ใฝ่ฝันของเด็กทุกๆคนแต่มีคนเพียง1 ใน 100 เท่านั้นที่ผ่านการทดสอบได้เข้าเป็นสมาชิก ของ Guild

     

    เช้าวันต่อมา ไคท์ตื่นตั้งแต่ พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น(จริงๆน่าจะเรียกว่าแทบไม่ได้นอนเลยมากกว่า)

    พ่อ พ่อ พ่อ ตื่นได้แล้วๆไคท์ตะโกนปลุกพ่อเสียจนลั่นบ้าน

    อืมๆ งึมๆ ยัง..ไม่เช้า...เลย อื..ม ผู้เป็นพ่อซึ่งยังนอนไม่เต็มอิ่มงัวเงียๆขึ้นมาแล้วก็ลงไปนอนต่อ

    พ่อๆ ตื่นเร็วออกเดินทางกันได้แล้ว เร็วพ่อๆ ไคท์ไม่ยอมเลิกราคราวนี้เขาเขย่าขาคีพแรงๆด้วย

    รำคาญ โว้ย!!!” เสียงคีพ ดังขึ้นพร้อมกันกับเท้าที่ถีบเข้าที่หน้าของไคท์ เต็มๆ

     

    *****************

     

                    ฮ่าๆๆ โทษทีไอ้ ไคท์ ก็แกอยากมาตะโกนโวยวายๆ ตั้งแต่ยังไม่ไก่โห่ นี่หว่า คีพพูดขณะเดินพลางแคะจมูกไปพลางอย่างไม่แยแสหน้าของไคท์ที่บวมเป็นรอยขึ้นมาจากฤทธิ์ฝ่าเท้าพ่อ

                    ....... ไคท์ไม่ตอบอะไรได้แต่กัดฟันแล้วพยายามนึกถึงเรื่องที่จะได้ไปเมืองหลวงแทนเผื่อความเจ็บใจและเจ็บตัวจะได้ลดลงบ้าง

                    การเดินทางของทั้งสองคนเป็นไปอย่างไม่ค่อยราบรื่นนักเนื่องจาก เมื่อง เนสเทลวิลล์ ที่ไคท์อยู่นี้เป็นเมืองซึ่งอยู่รอบนอกของอณาจักร Orphious kingdom(เรียกอีกอย่างว่า บ้านนอกก็คงจะไม่ผิด) ก็เลยไม่มีถนนลาดยางตัดตรงตัดตรงถึงเมืองหลวง และก็ไม่มีรถม้ารับจ้างด้วย พวกสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายนั้นจะอยู่ถัดจากเมืองหัวเมืองชั้นในของ Orphious kingdom เข้าไปแล้ว

                    เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงชายป่าซึ่งเป็นทางผ่านไปยังเมืองหลวงนั้น คีพ ก็วางกระเป๋าลงพร้อมกับล้วงหาบางอย่างในกระเป๋านั้น

                    เอ้านี่ คีพพูดพลางโยนมีดเล่มเล็กๆ ให้ไคท์ มันเป็นมีดรูปร่างดู เก่าและธรรมดา ดีไซน์อยู่ในระดับที่แย่ถึงแย่ที่สุด แต่ที่ปลอกมีดนั้นมีอัญมณีสีแดงใส ฝังอยู่ตรงกลางปลอก

    จำไว้นะ ไคท์ นั่นคืออาวุธเวทย์มนต์ แกอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะมันเป็นของหายาก

    อ้าวหายากแล้วพ่อเอามาจากไหนล่ะ ไคท์ถาม

    เฮ้ย นี่พ่อเป็นช่างตีเหล็ก ก็ต้องตีขึ้นเองสิ จะไปซื้อเขาทำไมให้เสียสตางค์

    ไคท์ทำตาโตแล้วก็กำลังจะอ้าปากถามถึงวิธีการตี แต่ก็โดนพ่อพูดแทรกขึ้นมาก่อน

    ยังไม่ต้องถามนะว่าตียังไง เดี๋ยวหาวัตถุดิบในการตีมาก่อนแล้วจะสอนให้ ยังไม่ต้องรีบ

    แต่ ตอนนี้มาดูวิธีใช้มันก่อน ไหนแกลองเอาออกจากฝักมาดูสิคีพพูดจบแล้วให้ไคท์ก็ลองถอดมีดออกจากฝักดู ซึ่ง ไคท์พิจารณาดูแล้วยังไงๆก็เป็นมีดธรรมดาๆ แถมมันยังดูเหมือนแท่งเหล็กมากกว่ามีดนะ เพราะมันจะแทบไม่มีความคมเลย

    ไอ้มีดโคดทื่อเนี่ยะ มันเป็นอาวุธเวทย์ตรงไหน หว่าไคท์ งงอยู่ในใจ

    เอ้า เป็นไง ไม่มีอะไรใช่ไหม ทีนี้ลองใส่กลับเข้าไปในฝัก คีพพูดต่อ

    เห็นก้อนแร่ที่อยู่บนปลอกไหม เอ้าลองกดมันค้างไว้แล้วดึงมีดออกมาดู ไคท์ทำตามที่คีพสั่งทันที คราวนี้เมื่อไคท์กดลงไป อัญมณีสีแดงก้อนนั้นก็เรืองแสงระเรื่อขึ้น และเมื่อเขาชักมีดออกมามีดก็เปล่งแสงสีแดงออกมาทันที บนมีดนั้นมีเปลวเพลิงสีแดงกำลังลุกไหม้อยู่

    ปลอกมีดอันนี้น่ะ เรียกว่า ปลอกมีดRuning Flame เป็นอาวุธเวทย์มนต์ระดับล่างๆ ใช้กับมีดเล่มไหนก็ได้มีดยิ่งดีไฟยิ่งแรง ซึ่งหินเวทย์ก้อนที่ประดับอยู่บนปลอกน่ะบรรจุเวทย์ ไฟไว้ มันทำหน้าที่ปล่อยออร่าไฟมาห่อหุ้มมีดและกลายเป็นคมมีดให้ทำให้ความคมของมีดเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า และ ...

    ขณะที่คีพกำลังอธิบายอย่างเมามันส์ ไคท์ก็เกิดนึกสนุกอยากลองของใหม่ เขาจึงลองเอามีดไปฟันกิ่งไม้แถวๆนั้นดูกิ่งไม้ก็ถูกสับออกอย่างง่ายดาย ไม่เพียงแค่นั้นที่รอยตัดตรงไม้ ก็มีไฟลุกพรึบขึ้นมาจนทำให้ปลายไม้ใหม้เป็นถ่านสีแดงๆและไฟก็ค่อยๆลามไปที่ส่วนอื่นๆของกิ่ง แต่ว่ากลับกันไฟที่มีดของเขาดับลงในทันที

    เฮ้ย!!! อย่าเอาไปฟันกิ่งไม้เล่นสิฟะ นั่นมันหินใส่เวทย์ไฟนะเฟ้ย เดี๋ยวไฟก็ไหม้ป่าหรอก คีพตะโกนพลางกระโดดมาเหยียบปลายไม้นั้นให้ไฟดับสนิถแล้วก็หันไปเขกหัวเจ้าตัวยุ่งซะหนึ่งที

    เอ้า...เก็บไว้ใช้ให้ดีๆนะอย่าทำเรื่องยุ่งอีกล่ะ คีพบ่นออกมาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    ไอ้เนี่ยะ ... ที่พ่อให้แกไว้ ไม่ใช่อะไรหรอก เรายังต้องเดินทางกันอีกไกล เผื่อมีอะไรฉุกเฉินพ่อดูแลแกไม่ทันแกจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ คีพพูดพร้อมกับตบที่ใหล่ ไคท์เบาๆแล้วก็หันหลังกลับไปหยิบเป้เตรียมตัวเดินทางต่อ

    นี่ ... พ่อ ไคท์เรียกพ่อเบาๆ

    อะไรอีกล่ะ คีพถามต่อโดยไม่หันกลับมา

    ขอบคุณนะ

    ....…..  เออ

    แม้ไคท์ไม่ได้เห็นหน้าพ่อตอนนั้นแต่เขาก็มั่นใจว่าตอนนั้นพ่อคงกำลังยิ้มอยู่อย่างแน่นอน

     

    *********************

     

    เวลาผ่านไปหลายต่อหลายชั่วโมง การเดินทางของสองพ่อลูกก็ดำเนินต่อไป เรื่อยๆโดยไม่เร่งรีบอะไร

    นี่พ่อ เมื่อใหร่จะถึงซะทีเนี่ยะ ไคท์ โผลงถามพ่อขึ้นมาขณะที่ กำลังเดินผ่านทางเดินที่เป็นดินลูกรังและด้านข้างประกอบไปด้วย ทุ่งหญ้าบ้างต้นไม้บ้าง แต่ไม่หนาแน่นนัก เหมือนกับที่มันเป็นมาตั้งหลายต่อหลายกิโลแล้ว ดังนั้นไคท์ซึ่งยังเป็นเด็กอยู่จึงได้รู้สึกเบือหน่ายอย่างไม่ต้องสงสัย

    เฮ้ย นี่แกถามแบบนี้มาเป็นรอบที่ 5 ของชั่วโมงนี้แล้วนะ โน่น แกเห็นชายป่าลิบๆโน่นมะ นั่นเพิ่งถึงชายป่า Northwood Forest เอง ต้องผ่านป่านั้นไปแล้วเราก็จะถึง หัวเมืองชั้นในของ Orphious kingdom เมือง Dirodin City (ไดโรดิน ซิตี้) จากนั้นจะมีทางสายหลักตัดตรงเข้าไปเมืองหลวงก็เดินทางสบายแล้ว คีพพูดพลางชี้ไปยังชายป่าด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นป่าที่ขวางทางดินที่เขากำลังเดินไปอยู่

    จากนั้นไม่นานนัก ทั้งคู่ก็เดินมาจนสุดถนนดินลูกรังแล้วก็พบกับ ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี อุดมสมบูรณ์ ซี่งเป็นทุ่งหญ้าของชายป่า Northwood Forest ด้านข้างของปลายถนนมีป้ายไม้เก่าๆปักอยู่ว่า

     

    สุดเขตเมือง เนสเทลวิลล์ / เข้าสู่เขตป่า Northwood Forest ”

    ขอให้นักเดินทางทุกท่านระมัดระวัง

     

                    ไคท์เราจะเข้าเขตป่ากันแล้วนะ ระวังตัวด้วย แล้วก็อย่าเดินเหม่อเหมือนเมื่อกี้อีกล่ะ ในป่าจะมีอะไรรออยู่บ้างไม่มีใครรู้หรอก คีพ เตือนไคท์เสร็จก็เดินตัดเข้าไปในทุ่งหญ้าทันที ไคท์ก็รีบเดินตามไปทันทีแต่เขาก็มีท่าทางที่ระวังตัวมากขึ้นต่างกับตอนที่เดินอยู่บนถนน และแล้วเงาของสองพ่อลูกก็หายเข้าไปใน ป่านั้น

     

    **********************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×