ตอนที่ 2 : :: chapter 1 ::
‘ตื่นได้แล้วเด็กขี้เซาาา’
“ขออีกห้านาที”
แทฮยอนตอบอย่างงัวเงียก่อนจะฝังหน้าลงบนหมอนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะปลุกเด็กขี้เซาคนนี้ไปโรงเรียนวันแรก
‘ห้านาทีไม่มีจริงหรอกนะแทฮยอน เดี๋ยวนายก็จะขอเพิ่มอีกจนมันครบชั่วโมงอยู่ดี’
แทฮยอนครางอย่างหงุดหงิดก่อนจะงัดตัวขึ้นจากเตียง เขารู้ว่าไม่มีทางทำให้อีกฝ่ายเงียบได้ถ้าฝ่ายนั้นไม่อยากเงียบไปเองจากประสบการณ์ในสองวันที่ผ่านมา และตอนนี้ซึงฮุนก็กำลังโคฟเวอร์เป็นแม่ได้อย่างมืออาชีพ
“ไปแล้วนะ” แทฮยอนจัดเสื้อผ้าและผมแสกกลางให้เข้าที่อีกครั้งก่อนจะหยิบกระเป๋ามาสะพาย
‘วันแรกต้องยิ้มเยอะๆ รู้ไหม อย่าทำหน้าเบื่อโลกเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน แล้วก็..’
“โอเคค เข้าใจแล้วครับแม่” แทฮยอนพูดเสียงยานคางประชดจนอีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมา
‘ไปดีมาดีนะ’
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชาคือสิ่งแรกที่แทฮยอนได้กลิ่นเมื่อลงจากชั้นสอง เด็กหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อคิดว่าจะเดินเข้าไปบอกยายว่าเขากำลังจะไปโรงเรียนดีไหม สองวันที่ผ่านมาทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันแทฮยอนเลยรู้สึกประหม่า แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในครัว
“ผมไปเรียนแล้วนะครับ”
แทฮยอนเห็นยายที่กำลังทำอาหารเหลือบมองมาทางเขาแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจซุปในหม้อต่อ เขาจึงเดินออกมาเงียบๆ
“ไม่กินข้าวเช้าเหรอ”
แทฮยอนกำลังพยายามตักซุปโดยให้ช้อนกระทบกับจานเบาที่สุด รู้ว่ามันเกร็งเกินไปแต่นี่เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติในบรรยากาศแบบนี้ เขาลอบมองยายที่กำลังดื่มชาอย่างปกติ หรือบางทีจะเป็นเขาคนเดียวที่อึดอัด ยายอาจจะไม่ได้เกลียดเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว …แต่แล้วทั้งคู่ก็ประสานสายตากันพอดี เขาหลุบตาลงแล้วทานซุปต่อ ผู้เป็นยายก็เช่นกัน
บางทีอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้
แทฮยอนเลือกที่จะไม่ใช้จักรยานของยายแล้วเดินแทนเพราะกลัวว่ามันอาจจะแยกชิ้นส่วนระหว่างทาง โชคดีที่ซึงฮุนปลุกเขาเช้าจึงมีเวลามากพอ
ถนนแคบที่ทอดยาวเงียบสงบไม่มีรถขับผ่าน มีแต่หญิงชราสองสามคนที่เดินสวนกับแทฮยอนพร้อมกับตะกร้าใบใหญ่ที่บรรจุของที่เพิ่งซื้อจากตลาด เด็กหนุ่มไม่ได้หยิบหูฟังออกมาฟังเพลงอย่างที่คิดจะทำในตอนแรก แต่ค่อยๆ เดินซึมซับบรรยากาศสดชื่นในหน้าร้อนที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ ดอกไม้หลากสีที่ขึ้นตามธรรมชาติสองข้างทางช่วยแต่งแต้มให้ถนนซีเมนต์สีจืดดูมีชีวิตชีวาขึ้น อย่างน้อยเขาก็เจอสิ่งดีๆ ที่นี่แล้ว
เดินไปได้ประมาณสิบห้านาทีก็ไม่มีใครเดินสวนมาอีก แทฮยอนเริ่มเหนื่อยและเหงื่อออกแต่ดูเหมือนจะต้องเดินอีกไกล เขาเริ่มคิดถึงวัตถุโบราณที่นอนพิงกำแพงอยู่หลังบ้านแล้วสิ ถ้าปั่นมันมาอาจจะใกล้ถึงแล้วก็ได้
กริ๊งงง
แทฮยอนหันไปตามต้นเสียงและพบว่ามันคือเสียงกริ่งจักรยาน เด็กหนุ่มรู้สึกอิจฉาคนที่ขี่มันนิดหน่อยแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อจักรยานสีแดงคันนั้นมาหยุดลงข้างๆ เขา
“ขึ้นมาสิ ไปทางเดียวกัน”
“หา” แทฮยอนมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ
เจ้าของจักรยานที่กำลังเอาขาข้างหนึ่งยันฟุตปาธไว้เป็นคนผิวเข้มอายุน่าจะพอๆ กับเขาเพราะสวมเครื่องแบบโรงเรียนเหมือนกัน ผมที่ถูกย้อมเป็นสีทองบอกถึงความเอาเรื่องอยู่พอควร เสียงทุ้มเมื่อครู่ก็ทำให้นึกถึงฉากรีดไถเงินในละคร แต่แทฮยอนพยายามจะไม่มองอีกฝ่ายในแง่ร้ายนัก
“เอ้า ยืนงงอะไรขึ้นมาสิ” เด็กหนุ่มผิวเข้มยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทฮยอนผงะ “เดี๋ยวนะนาย..เคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”
นั่นไง…
แทฮยอนเห็นลางไม่ดีมาแต่ไกล สองเท้าทำหน้าที่ของมันโดยอัตโนมัติแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวก็ถูกคว้าแขนไว้ อีกฝ่ายจ้องหน้าเขาจนแทฮยอนไม่กล้าขยับ
ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้แต่เช้าด้วย!
“ไหนลองทำหน้าแบบเมื่อกี้อีกทีซิ”
“หา”
แทฮยอนเห็นอีกฝ่ายทำตาโตเหมือนค้นพบอะไรบางอย่าง
“แทฮยอนหรอ” คราวนี้เป็นแทฮยอนที่มองอีกฝ่ายอย่างตกใจ
“รู้ชื่อฉันได้ไง”
“แทฮยอนจริงๆ ด้วย ก็ว่าคิ้วคุ้นๆ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ประโยคนั้นยิ่งทำให้คิ้วที่ตกอยู่แล้วตกลงไปอีกนั่นทำให้อีกคนหัวเราะจนแทฮยอนเริ่มรำคาญ
“แล้วนายเป็นใคร”
“ขึ้นมาสิเดี๋ยวจะบอก”
“ย่าห์..”
“หรือจะเดินไปก็ตามใจนะ”
สุดท้ายแทฮยอนก็ซ้อนท้ายจักรยานสีแดงคันนั้นไป
“งั้นหมายความว่านายก็จำอะไรเกี่ยวกับที่นี่ไม่ได้เลยหรอ”
“อืม นี่ปั่นช้าๆ หน่อยได้ไหม”
แทฮยอนกระตุกชายเสื้อ’มินโฮ’ เป็นรอบที่สามหลังจากที่เจ้าของจักรยานร่างหมีจะพาเขาไปเฝ้ายมโลกอยู่หลายครั้งเวลาลงจากเนินสูงๆ
“เขาบอกว่าถ้าเจอเรื่องตกใจจะทำให้ความจำกลับมาได้นะ”
“จำได้กับผีน่ะสิ แบบนี้จะได้ตายก่อนจำได้แน่” แทฮยอนได้ยินมินโฮหัวเราะเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้จากการคุยกันไม่ถึงห้านาที
“ข้ามสะพานไปก็ถึงแล้วล่ะ” มินโฮชี้ไปที่สะพานโค้งเล็กๆ แทฮยอนได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากที่ไกลๆ พวกเขาเปลี่ยนจากขี่จักรยานเป็นเดินแล้วเข็นมันไปแทน
“อยู่ที่นี่ไปเดี๋ยวก็จำได้ ฉันจะเป็นคนทำให้นายจำได้เอง” แทฮยอนไม่ได้สังเกตว่าเสียงมินโฮจริงจังกว่าครั้งก่อนๆ เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่ทอดสายตาไปยังผิวน้ำที่มีภาพตัวเองสะท้อนอยู่
ความจริงแล้วเขาอยากจำได้งั้นเหรอ
ทำไมแทฮยอนถึงไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย
หลังจากจัดการเรื่องเอกสารเสร็จอาจารย์ที่ปรึกษาก็พาแทฮยอนมาที่ห้องเพื่อเข้าเรียนตามปกติ แทฮยอนเคยย้ายโรงเรียนสามครั้งแต่ก็ยังไม่ชินกับการที่ต้องมาแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ซักที ภายนอกแล้วเขาดูเป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใครทั้งห้องจึงเงียบทุกครั้งที่แนะนำตัวเสร็จ คัง ซึงยุนเพื่อนสนิทของแทฮยอนก็เคยบอกให้เขาเลิกทำหน้าเย็นชา แต่แทฮยอนไม่เข้าใจจะให้เขายิ้มทั้งวันหรือยังไงก็หน้าปกติมันเป็นแบบนี้ จะว่าไปก็มีอีกคนที่เพิ่งบอกเขาแบบเดียวกัน
ไม่รู้ทำไมพอนึกถึงซึงฮุนแล้วเผลอยิ้มออกมา
แทฮยอนรอให้อาจารย์ที่ปรึกษาบอกนักเรียนในห้องเรื่องที่เขาจะย้ายมาเรียนเทอมนี้ เขาได้ยินเสียงซุบซิบหลังเธอพูดจบซึ่งเป็นเรื่องปกติแต่ก็ทำให้รู้สึกไม่ดีนิดหน่อย
“แทฮยอนมาแนะนำตัวสิจ๊ะ”
สายตาของคนทั้งห้องกำลังจดจ้องมาที่เขา
“แทฮยอน นัม แทฮยอน..”
‘วันแรกต้องยิ้มเยอะๆ รู้มัยอย่าทำหน้าเบื่อโลกเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน’
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
โอเค ยิ้มแล้วนะ
“แทฮยอนไปนั่งที่แล้วเตรียมเรียนวิชาแรกนะจ๊ะ ฝากดูแลเพื่อนใหม่ด้วยนะทุกคน”
นักเรียนในห้องขานรับพร้อมกัน แทฮยอนเห็นมินโฮที่กำลังโบกไม้โบกมือให้เขาพร้อมกับชี้ที่นั่งว่างข้างๆ ตัวเอง …ทำไมถึงรู้สึกไม่แปลกใจเลยนะที่ได้อยู่ห้องเดียวกัน
“ไงเด็กใหม่”
“ก็ดีมั้ง” แทฮยอนตอบส่งๆ พลางเตรียมหนังสือสำหรับวิชาแรก
“ไม่แค่ก็ดีมั้ง ผู้หญิงในห้องมองนายตาเป็นมันกันหมด”
“อิจฉาอะดิ”
“เออ อิจฉา” มินโฮพูดแล้วแกล้งทำหน้าอิจฉาแบบโอเวอร์แอคติ้งจนน่าหมั่นไส้แต่ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
ก่อนครูวิชาคณิตศาสตร์จะเข้ามีเพื่อนเข้ามาล้อมโต๊ะเพื่อทำความรู้จักกับแทฮยอน ส่วนมากก็จะถามว่ามาจากไหน ทำไมถึงย้ายมา และถามเบอร์โทรกับแอคเคาท์โซเชี่ยลต่างๆ โดยเฉพาะผู้หญิง
ท่าทางที่มินโฮบอกคงจะจริง
เมื่อครูเปิดประตูเข้ามาทุกคนก็กรูกันกลับที่เหมือนผึ้งแตกรัง ดูเหมือนว่าแม้จะเป็นวันเปิดเทอมวันแรกแต่ครูก็ไม่รอช้าที่จะเข้าสู่บทเรียนทันที เกิดเสียงถอนหายใจขึ้นพร้อมกันก่อนที่ทุกคนจะก้มหน้าก้มตาจดตามสิ่งที่ครูพูด แทฮยอนเองก็เช่นกัน
มินโฮมองคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับกระดานโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกตัวแล้วระบายยิ้มออกมา
ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ แทฮยอน
หลังจากวันนั้นมินโฮก็ติดสอยห้อยตามแทฮยอนไปทุกที่ยิ่งกว่าเงาตามตัว แทฮยอนก็ไม่รู้จะเรียกความสัมพันธ์นี้ว่ายังไง พวกเขายังไม่สนิทกันมากถึงขั้นเพื่อนสนิท แต่มินโฮก็เป็นคนที่คุยกันได้ อาจจะเพราะหมอนี่เป็นมิตรกับทุกคนไปซะหมด ซึ่งมันขัดกับภาพลักษณ์ที่แทฮยอนคิดไว้ในวันแรกที่เจอกันมาก
“นายจะเข้าชุมนุมอะไร”
“ยังไม่ได้คิดเลย นายล่ะ”
“ผู้ชายเท่ห์ๆ อย่างฉันก็ต้องบาสเกตบอลอยู่แล้วสิ” แทฮยอนหัวเราะพรืด ก็ในคาบพละมีกีฬาอะไรบ้างที่ซงมินโฮเคยชนะคนอื่นเขา ตอบเลยว่าไม่มี
“รู้นะขำอะไร กีฬาอื่นอาจจะไม่เหมาะกับฉัน แต่บาสนี่เซียนนะขอบอก” ไม่พูดเปล่ายังทำท่าเลี้ยงลูกประกอบอีกด้วย แทฮยอนกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะขอตัวไปหาชมรมที่ตัวเองสนใจ
จริงๆ แทฮยอนก็พอจะมีชมรมที่เล็งๆ ไว้แล้วเหมือนกันคือชมรมดนตรีกับชมรมห้องสมุด แต่ชมรมดนตรีเต็มแล้ว แม้จะน่าเสียดายแต่ชมรมห้องสมุดก็ดีเหมือนกัน แทฮยอนเองก็ชอบอ่านหนังสือและที่เงียบๆ อยู่แล้ว
เขากรอกใบสมัครแล้วยื่นให้’คิม จินอู’ประธานชมรม อีกฝ่ายรับมาโดยไม่แม้แต่จะละสายตาจากหนังสือในมือด้วยซ้ำ สมาชิกคนอื่นก็นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ในมุมของตัวเอง มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษที่ทำให้รู้ว่าในห้องนี้มีคนอยู่ เด็กหนุ่มจึงเดินไปหามุมของตัวเองบ้าง แทฮยอนหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครเข้ามานัก หนังสือเล่มนี้ก็คงไม่ได้ถูกยืมมานานแล้ว บนปกเรียบสบายตานั้นมีชื่อเรื่องเขียนไว้ว่า'เจ้าชายน้อย'
วันนี้มินโฮก็มาส่งแทฮยอนเหมือนทุกๆ วัน มินโฮหันไปทักทายยายของแทฮยอนที่ยังคงตีหน้าขรึมรดน้ำต้นไม้เหมือนวันก่อนๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นี่คงเป็นความสามารถอีกอย่างหนึ่งของซงมินโฮ
แทฮยอนนั่งลงบนเตียงแล้วหยิบหนังสือที่เพิ่งยืมมาออกจากกระเป๋า เวลาชมรมไม่พอที่จะอ่านให้จบเขาจึงยืมมาอ่านต่อที่บ้าน
‘เข้าชมรมห้องสมุดเหรอ’
“อืม มันเงียบดี”
‘แต่ก่อนพี่ก็อยู่ชมรมนี้เหมือนกัน’
“พี่ชอบอ่านหนังสือด้วยเหรอ”
‘ไม่ได้ชอบขนาดนั้นหรอกแต่มีคนชอบให้อ่านให้ฟัง’
แทฮยอนยิ้มพลางพลิกหน้าถัดไป จนกระทั่งถึงหน้าสุดท้ายซึ่งถูกคั่นด้วยกระดาษที่กลายเป็นสีเหลืองตามกาลเวลา
กระดาษแผ่นนี้เองที่ทำให้แทฮยอนเลือกหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาจากชั้นลึกๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่น ใบรายชื่อผู้ยืมแผ่นนั้นบ่งบอกว่าไม่มีใครยืมหนังสือเล่มนี้มาหลายปีแล้ว
และชื่อผู้ยืมคนสุดท้ายนั้นก็เป็นชื่อที่เขาคุ้นเคย
อี ซึงฮุน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่ฮุนเป็นผีเหรอ!? แล้วมาอยู่กับแทฮยอนได้ยังไง
ทำไมแทฮยอนจำไม่ได้ แล้วคุณยายเป็นอะไร
มีความอยากรู้~~
ความนัมซงนี้แอบทำเลาฟินเบาๆ แต่ความฮุนนัมมันละมุนมากจริงไรจริง
และก็สัมผัสได้ว่าระหว่างฮุนนัมซงมันจะต้องมีอะไรแน่ๆ ใช่ไหม
จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ :)