คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่5 : ความรู้สึก
“หนังสือพิมพ์โรงเรียนของเดือนนี้อออกแล้วนะคร้าบบบ หยิบได้ตามสบาย... เธอๆ! รับไว้หน่อยสิ มีเรื่องของเธออยู่ในบทความนี้ด้วยนะ!”
เนย์จิรับบทความจากคนชมรมหนังสือพิมพ์อย่างเอ๋อๆ ก่อนจะหยิบออกกางอย่างสงสัยปนหงุดหงิด
ในนี้...มีเรื่องของเราด้วย?
เนย์จิเปิดหนังสือพิมพ์โรงเรียนแบบผ่านๆ อย่างคนไม่สนใจ เนื้อหาข้างในที่เขาเห็นผ่านๆ ก็มีประมาณ คาถาสมหวังในความรักบ้าง อันดับสาวๆ ที่หนุ่มๆ อยากได้เป็นแฟนบ้าง อันดับหนุ่มๆ ที่สาวๆ อยากได้เป็นแฟน...เอ๊ะ แล้วนี่มัน...
เนย์จิเห็นหน้าของเขาติดอยู่ในหัวข้อ...อันดับหนุ่มหน้าหวานแห่งโรงเรียน A!!
ในหนังสือพิมพ์เป็นภาพของเขาที่ถูกแอบถ่ายจากมุมข้าง ข้อความข้างใต้มีเขียนพรรณนาเกี่ยวกับรูปลักษณ์ใบหน้าของเขา ความรู้สึกของคนเขียน และจำนวนโหวต
นี่มัน...นี่มัน...!!
“เฮ้ยแก!” เนย์จิพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของหนึ่งในชมรมหนังสือพิมพ์อย่างเอาเรื่อง “กล้าดียังไงถึงมาเขียนเรื่องของฉันแบบนี้น่ะหา!!”
“เอ่ะ...เอ่อ”
“เปลี่ยนเดี๋ยวนี้! แก้มันเดี๋ยวนี้!” เนย์จิไม่ว่าเปล่า เขาจัดการคว้าหนังสือพิมพ์ในมือของสมาชิกชมรมผู้น่าสงสารมาฉีกทิ้งอย่างไม่ใยดี
“ดะ เดี๋ยว ใครก็ได้ รีบหยุดเด็กคนนี้เร็วเข้า!!”
ผ่านไปสามชั่วโมงกว่า...เนย์จิซึ่งทำเรื่องอันโหดร้ายอย่างการทำลายหนังสือพิมพ์โรงเรียนที่อุตส่าห์สร้างขึ้นอย่างยากลำบากได้โดดเรียนกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ยังคงเดือดไม่หาย
ก็ถ้าขืนเขายังอยู่โรงเรียนต่อ...มีหวังได้โดนจับเข้าห้องปกครองแน่ๆ แบบนั้นมันน่ารำคาญจะตาย!
เนย์จิที่หมายจะแวะร้านขนมเจ้าประจำก่อนกลับบ้านเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงอันคุ้นตาคนหนึ่งที่กำลังฉีกซองไอศกรีมรสโปรดของเขา
เจ้านั่นมัน...!!
“ฮึ่ย...” เนย์จิเบือนหน้าหนีอย่างหงุดหงิด เขามัวแต่โมโหจนลืมไปว่าร้านนี้เองก็เป็นร้านเจ้าประจำของซิการ์ด้วยเช่นกัน
เนย์จิที่กำลังจะก้าวเท้าเดินหนีก็ชะงักคิดขึ้นได้
นี่เขากำลังจะหนีงั้นเหรอ!!
ด้วยทิฐิที่มีมากเกินจำเป็น เนย์จิหันควับตรงไปยังทางเข้าร้านขนมที่ซิการ์ยืนอยู่ทันที
“เฮ้ยแก...อย่ามายืนเกะกะรกสังคมสิวะ”
“ครับ? ...อ้าว?” ซิการ์เบิกตากว้างน้อยๆ “นี่มันสิบโมงแล้วนะครับ เนย์จิคุงไม่เรียนหนังสือเหรอ?”
“นั่นมันเรื่องของฉัน! แกถอยไปได้แล้ว!” เพราะตำแหน่งที่ซิการ์ยืนอยู่คือตรงถังขยะหน้าร้าน จึงเป็นตำแหน่งที่ขวางทางเนย์จิแบบพอดิบพอดี...
“...” ซิการ์เกาหน้าสองสามที หลังจากวันที่เขาไปตามหาเคลียร์แล้วพบเนย์จิโดยบังเอิญ เขาก็ไม่ได้คุยกับเนย์จิอีกเลย... เขานึกว่าเนย์จิจะโกรธที่เขาแกล้งแรงไปเสียอีก...
“หืม...เนย์จิคุง ระวังอะไรตกน่ะครับ” ซิการ์ที่บังเอิญเหลือบไปเห็นกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ถูกยัดไว้อย่างลวกๆ ข้างกระเป๋าก็ช่วยหยิบออกให้อย่างใจดี
“เอ๊ะ นั่นมัน...” เนย์จิถึงกับเบิกตากว้าง
“หนังสือพิมพ์โรงเรียนเหรอครับ” ซิการ์เปิดดูผ่านๆ อย่างถือวิสาสะ จากนั้นสายตาอันเฉียบคมก็พลันเหลือบไปเห็นหัวข้อที่มีใบหน้าหวานของคนตรงหน้าปรากฏอยู่อย่างพอดิบพอดี
“เอาคืนมานะ!” เนย์จิรีบคว้าหนังสือพิมพ์ในมือของซิการ์ออกอย่างรวดเร็ว แต่คนตัวเล็กอย่างเนย์จิน่ะหรือจะสู้คนตัวสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรอย่างซิการ์ได้ ซิการ์ที่ไหวตัวทันอยู่แล้วรีบเบนตัวหนีทันที ใบหน้าที่ติดจะหวานของซิการ์เหยียดยิ้มอย่างนึกสนุก
“อะไรกัน... อันดับหนุ่มหน้าหวานแห่งโรงเรียน A... ฮาซากะ เนย์จิ ได้คะแนนโหวตถึง 1120 คะแนน...อันดับ...”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะเจ้างั่ง!” เนย์จิกระชากคอเสื้อซิการ์อย่างหาเรื่อง
“ใจเย็นๆ หน่อยสิครับเนย์จิคุง ไม่ดีใจเหรอที่มีคนโหวตคะแนนให้มากถึงขนาดนี้?” ซิการ์ถามต่ออย่างสบายอารมณ์
“ใครจะไปดีใจกันเล่า! หน้าหวานน่ะ...มันใช้กับผู้หญิงต่างหากล่ะเฟ้ย!” เนย์จิผลักอกซิการ์ออกอย่างแรง ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อจากการเหนื่อยหอบและอับอายที่ตนพลาดเผลอยัดหนังสือพิมพ์ในมือตนเองแล้วไปอาละวาด
ไม่น่าเลย... ตอนที่เขาฟิวส์ขาดเขาเผลอยัดหนังสือพิมพ์ที่ได้มาลงกระเป๋า แล้วไปจัดการคนแจกหนังสือพิมพ์ต่อ เพราะการที่เขาพลาดเรื่องนี้จึงทำให้เจ้ารอยยิ้มกวนส้นนี่มาเห็นบทความแท้ๆ!!
“อ้าว หน้าหวานแล้วไม่ดียังไงเหรอครับ?”
ราวกับว่าคำถามนี้ไปจี้จุดลึกของหัวใจเนย์จิเข้า เนย์จิทำหน้าหงุดหงิดโมโหราวกับแค้นเคืองสุดขั้วหัวใจพร้อมร่ายยาวอย่างคนเก็บกดมานาน “ก็เพราะอย่างนั้นไงเล่า! ที่ทำให้ฉันโดนมองเป็นผู้หญิงตลอด! แถมยังโดนผู้ชายด้วยกันจีบอย่างหน้าด้านๆ อีกด้วย! ไม่สิ ไม่ใช่แค่โดนจีบ บางครั้งฉันก็โดนลวนลามด้วยซ้ำ! ”
“หืม...”
“เพราะอย่างนั้นแหละ... ฉันถึงเกลียดพวกที่ทำมามองฉันเป็นผู้หญิงที่สุด!”
ซิการ์หัวเราะเบาๆ หลังจากที่เนย์จิว่าจบพลางขยี้เรือนผมสีน้ำเงินจากการย้อมสีของเนย์จิเบาๆ
“ดูท่าจะเก็บกดมานานสินะ... แต่ที่เนย์จิคุงว่ามามันมีแต่ข้อเสียไม่ใช่เหรอ? ทำไมเนย์จิคุงถึงไม่ลองมองข้อดีของมันดูบ้างล่ะ?”
“ของอย่างนั้นจะไปมีข้อดีได้ไงเล่า! ...แล้วก็อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นเด็กด้วย!”
“เนย์จิคุงรู้ไหม... ว่าคะแนนโหวตของเนย์จิคุงในบทความนี้หมายความว่ายังไง?” ซิการ์ถามพลางชูหน้าบทความที่แสดงผลโหวตของเนย์จิขึ้น
“แล้วมันจะทำไม! ฉันไม่สนใจหรอกนะ!”
“มันหมายความว่ามีคนชอบเนย์จิคุงมากถึง 1120 คน ยังไงล่ะครับ” ซิการ์ว่า “ไม่ว่าคนที่มาโหวตเนย์จิคุงจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เขาโหวตให้เนย์จิคุงเพราะชอบเนย์จิคุงนะครับ เนย์จิคุงจะไม่สนใจความรู้สึกนั้นบ้างเลยเหรอ?”
“...”
“เพราะงั้นเนย์จิคุงจะทำไม่พอใจแบบนี้ไม่ได้นะ...เข้าใจหรือเปล่า?”
ฉับพลันในวินาทีนั้น เนย์จิพลันรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน... คล้ายกับว่าความหมายในคำพูดของซิการ์...จะเป็นคำที่เขาโหยหามาตลอด...
ตั้งแต่เกิดมา เนย์จิมีทุกอย่างทั้งฐานะและหน้าตา แต่เขากลับไม่เคยมีใครทำให้เขาเข้าใจถึงความรู้สึกที่อบอุ่น...หรือเปล่านะ?
“โอ๊ะ...ได้เวลาแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวไปหาเอน่าก่อนนะครับ...อ้อ วางใจได้ ไอติมช็อกโกแลตแท่งนี้ไม่ใช่อันสุดท้ายครับ” ซิการ์หัวเราะเบาๆ ในลำคอก่อนเดินจากไป
เนย์จิได้แต่เบิกตากว้างมองแผ่นหลังของซิการ์ที่เดินจากไปอย่างน่าเสียดาย... ถ้าซิการ์อยู่นานกว่านี้คงจะได้เห็นใบหน้าของเนย์จิที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างแน่นอน...
...
“คัต!! เคลียร์! มานี่หน่อยซิ!” เคลียร์สะดุ้งกับเสียงอันเดือดดาลของผู้กำกับเล็กน้อย ก่อนจะเสหน้าไปทางอื่นอย่างข่มความกลัวไว้
“...เคลียร์เป็นอะไรไป ไม่เหมือนปกติเลย” อโลนถามอย่างห่วงใย นี่ก็เล่นฉากเดิมปาเข้าไปสี่รอบแล้ว...เคลียร์ก็ยังทำผิดซ้ำๆ ซากๆ เหมือนเดิม
อโลนกับเคลียร์เคยได้แสดงหนังร่วมกันมาก่อน ดังนั้นอโลนจึงรู้ได้ว่าตอนนี้เคลียร์แปลกไปจากเดิม
“...ไม่มีอะไร...ครับ” เคลียร์เบนหน้าหนี ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้กำกับ
“วันนี้เธอเป็นอะไรของเธอ! ไม่มีสมาธิทำงานบ้างเลย! ปกติแล้วเธอไม่ใช่แบบนี้นะ อย่าให้เรื่องส่วนตัวเข้ามาปนกับงานจะได้มั้ย!”
“...ขอโทษครับ”
“ให้ตายสิ!” ผู้กำกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ใบหน้าหงอยอย่างคนสำนึกผิดของเคลียร์ทำให้ผู้กำกับไม่อาจทำใจต่อว่าได้ “เธอไปพักก่อนละกัน...ให้ห้านาทีเตรียมอารมณ์ให้พร้อม เข้าใจมั้ย?”
“...ครับ” หลังจากที่เคลียร์พยักหน้า เขาก็เดินออกจากที่พักกองมาหาน้ำดื่มจากสต๊าฟอย่างเซ็งตนเองเล็กน้อย ตอนนี้เขากำลังถ่ายทำเอ็มวีอยู่ที่มหาลัย... ดังนั้นเหล่าบรรดานักศึกษาจำนวนมากจึงเข้ามามุงดูการถ่ายทำอย่างอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด แถวยังมีคนแอบถ่ายอีกด้วย ทั้งๆ ที่บังคับห้ามถ่ายแล้วแท้ๆ...
“เคลียร์เป็นอะไรไปเหรอ ดูไม่สดใสเลย” เสียงหนึ่งดังขึ้น
“นี่ก็เล่นผิดมาสี่รอบแล้วด้วย... เครียดอะไรหรือเปล่านะ?”
“เฮอะ! จะไปเอาอะไรมากกับเด็กอย่างนั้นกันเล่า!
เคลียร์ขมวดคิ้วกับคำนินทาเล็กน้อย เขายอมรับว่าเพราะเรื่องส่วนตัวมาทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน... แต่เรื่องแบบนี้มันเพิ่งจะเคยเกิดขึ้นนะ!
ตั้งแต่เขาหนีจากเอน่าไปตอนนั้น เอน่าก็ทั้งมาหาเขาที่บ้าน ที่คอนโดและโทรมาหาไม่หยุด ทั้งเบอร์บ้าน เบอร์คิลิน และเบอร์ผู้จัดการ...ซึ่งเขาไม่รู้ว่าสองอันหลังนั้นเอน่าเอามาได้ยังไง แถมดูเหมือนเขาจะได้ข่าวมาว่าซิการ์เองก็ตามมาหาเขาถึงที่โรงเรียนด้วยเช่นกัน
เมื่อวานนี้เขาหนีไปนอนบ้านของผู้จัดการ... ไม่นั้นคงไม่รอดต้องไปเจอเอน่าได้แน่ๆ แต่เพราะเอน่าเป็นคนฉลาด...อีกไม่นานเขาก็คงต้องเจอหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
ถึงตอนนั้น...จะทำยังไงดี...
“พี่-โอ-คิ-ตะ!!!” จู่ๆ เสียงแปดปรอทเจ้าเดิมก็ดังขึ้น เคลียร์สะดุ้งโหยงหันไปมองอย่างตื่นตกใจปนสงสัยก่อนจะเหลือบไปเห็นสีหน้าของอโลนที่นั่งดื่มน้ำข้างๆ ทำหน้าแปลกๆ
“เอ...คนรู้จักเหรอครับ”
“อ่า...” อโลนหัวเราะเบาๆ น่าแปลกที่ครั้งนี้เจากลับไม่รู้สึกแย่เหมือนแต่ก่อน อโลนลุกขึ้นเดินไปหาคิเรย์ที่ถูกสต๊าฟว่า
“คิเรย์มาดูผมเหรอ ดีใจจังเลยนะ” อโลนยิ้ม “แล้วนี่โดดเรียนมากับเพื่อนเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว! ผมได้ยินว่าพี่โอคิตะจะมาที่นี่ล่ะ! แล้วว่าแต่พี่โอคิตะจะนอกใจรินเหรอครับ ไม่ได้นะ เดี๋ยวรินเสียใจ”
รินที่ว่าก็คือนางเอกในหนังที่เขาไปแสดงนั่นเอง...
“ไม่ได้นอกใจซักหน่อย ผม...”
“หมดเวลาแล้ว! นักแสดงเข้าที่ได้แล้วค่ะ!” เสียงของสต๊าฟตะโกนบอกขึ้น อโลนสบถเบาๆ อย่างหงุดหงิด
“งั้นคิเรย์...เป็นกำลังให้ผมด้วยนะ” อโลนยิ้มก่อนจะลูบหัวคิเรย์เบาๆ ก่อนจะเดินเข้าฉากไปหาเคลียร์ที่ยืนรออยู่แล้ว
“ทวนบทอีกครั้งนะคะ ฉากนี้จะเป็นน้องเคลียร์ที่รับรู้ในความรู้สึกของคุณอโลนแล้วเกิดกลัวขึ้นมาได้พยายามจะหนีไป แต่แล้วคุณอโลนก็เข้ามาดึงน้องเคลียร์เข้ากอดอย่างแนบแน่นที่สื่อไปด้วยความหมายค่ะ”
“...ครับ”
“ครับ” อโลนยิ้มให้สต๊าฟ ก่อนจะหันมาหาเคลียร์ “อย่าทำหน้าอาลัยตายอยากแบบนั้นสิ เตรียมอารมณ์หน่อย จะเริ่มแล้วนะ”
“...ผมไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นซักหน่อย” เคลียร์เถียง
“ฉากพร้อม เสียงพร้อม นักแสดงพร้อม เอ้า สาม สอง หนึ่ง...”
“คิเรย์!!!” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดการกระทำทุกอย่าง ทุกสายตามองไปยังจุดต้นเสียงแทบจะทันที
“คิเรย์ แย่ล่ะ...อาการแบบนี้มันหอบนี่นา!” ฟุยุกิเลิกลั่กมองคิเรย์ที่ตอนนี้หอบพร่าไปหมดในอ้อมแขนของเอรีสอย่างตื่นกลัว
“จริงสิ! คิเรย์เป็นโรคหอบ อยู่ในที่คนเยอะๆ ไม่ได้นี่นา! ไม่ได้การ ไปโรงพยาล...”
“คิเรย์!” อโลนนพุ่งเข้ามาหาคิเรย์อย่างรวดเร็วพร้อมช้อนตัวคิเรย์ขึ้นอย่างรีบร้อน ไม่ได้การ ตอนนี้คิเรย์หน้าซีดไปหมด ริมฝีปากแห้งเผือดและหายใจถี่พร่า
“เดี๋ยว! นั่นพี่จะทำอะไร!” ฟุยุกิรีบเข้ามาถาม
“โรงพยาบาล!” อโลนว่าจบก็เข้าไปในรถพร้อมออกตัวไปอย่างรวดเร็วทำให้ทั้งนักศึกษาและกองถ่ายได้แต่ใบ้กิน
“เดี๋ยวสิ...แล้วเอ็มวีล่ะ” ผู้กำกับได้แต่อ้าปากค้าง “ยังไม่ทันจะได้ถ่ายซักฉาก อโลนก็ดันมาหนีหายไปเฉยอย่างนี้เนี่ยนะ! นี่มันหนักกว่าการเล่นบทผิดอีกนะเฟ้ย!”
ผู้กำกับสบถอย่างหัวเสีย กำหนดการเอ็มวีก็ออกมาแล้ว ถ้าวันนี้เขาไม่ถ่ายให้เสร็จก็คงมีหวังทำเอ็มวีเพลงอื่นต่อไม่ทันแน่ๆ และอโลนก็คงไม่กลับมาในเร็วๆ นี้อีกด้วย
“เอ่อ...ผู้กำกับคะ จะลองหาคนมาเล่นแทนตอนนี้ดีมั้ยคะ”
“จะไปมีได้ยังไงกันเล่า! แล้วอีกอย่าง ถึงมีก็ใช่ว่าจะเป็นมืออาชีพ...” ผู้กำกับว่าไม่ทันจบก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงผู้มีนัยน์ตาสีแดงทับทิมเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ผมมั่นใจว่าผมเล่นได้นะครับ จะให้ผมลองเล่นดูมั้ย?” เคลียร์อ้าปากค้าง นั่นมัน...
“อะไรของเธอ ถึงแม้ว่าหน้าตาเธอจะใช้ได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าจู่ๆ จะมาแทนกันง่ายๆ หรอกนะ แล้วอีกอย่างคนนอกห้ามเข้ามาในกองถ่ายด้วย!”
“งั้นผมจะเล่นฉากเมื่อกี้ให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ...” เอน่ายิ้มเย็น ก่อนจะเดินเข้ามาหาเคลียร์ที่ตอนนี้ถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัว
“เอน่า...” เป็นบรรยากาศเยือกเย็นที่แม้แต่เคลียร์ก็รู้สึกได้ ยังไม่ทันที่เคลียร์จะได้พูดอะไร เอน่าก็เข้ามากระชากแขนเคลียร์เขากอดอย่างรวดเร็ว!
เคลียร์เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ก่อนจะรีบผลักตัวเอน่าออกราวกับสัญชาติญาณ แต่เอน่าก็ไม่ปล่อยตัวเคลียร์ไปง่ายๆ เขากอดแน่นกว่าเดิมอย่างโหยหาราวกับตั้งใจจะสื่ออะไรบางอย่างให้คนในอ้อมกอดได้รับรู้
“...” เคลียร์เองก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์นั้นเช่นกัน ยังไม่ทันที่เคลียร์จะได้พูดอะไรเสียงของผู้กำกับก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน!
“ดีมาก! เคลียร์! สีหน้าแบบเมื่อกี้นั่นแหละที่ฉันต้องการ! ดีมากๆ! สต๊าฟเตรียมฉากอีกรอบ! เด็กคนนั้นจะรับหน้าที่แสดงแทนอโลนในเอ็มวีนี้!”
เอน่าผละออกจากตัวเคลียร์อย่างเสียดาย ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเบาๆ อย่างเย็นชา
“ฉันจะไม่มีวันปล่อยนายไป”
“...” เคลียร์เบิกตากว้าง นัยน์ตาสีฟ้าสวยสบตากับนัยน์ตาสีทับทิมที่ยืดตัวเต็มความสูงเรียบร้อยอย่างไม่เข้าใจ แววตาของเอน่าที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นและเจ้าเล่ห์ตลอดเวลา บัดนี้กลับมีแต่ความเย็นชาและเยือกเย็น
ทำไม...
...
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ตอนนี้คนไข้กำลังพักผ่อนค่ะ” เสียงพยาบาลเอ่ยอย่างใจดี
“ครับ...ขอบคุณมากครับ” อโลนพยักหน้าให้พยาบาลก่อนจะเดินเข้าไปหาคิเรย์ที่บัดนี้หลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียง
เขามองไปยังดวงหน้าใสของคิเรย์อย่างไม่เข้าใจตนเองเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่เขาถูกปลูกฝัง แต่เป็นความรู้สึกที่เขารู้สึกได้จากก้นบึ้งของหัวใจ
เขาไม่อยากให้คิเรย์เป็นอะไรไป...
ปกติแล้วเพราะพ่อแม่ของเขาเป็นดารา เขาจึงจำต้องขลุกอยู่ในวงการบันเทิงที่มีแต่คนใส่หน้ากากเข้าหากันตั้งแต่ยังเด็ก นิสัยของเขาในตอนนี้เองก็ราวกับว่าถูกบังคับให้มีด้วยเช่นกัน
แต่ทว่าความรู้สึกโหยหาที่ไม่อยากให้คิเรย์เป็นอะไรไปนั่นคือเรื่องจริง ทั้งๆ ที่เขาจะปล่อยให้เพื่อนของคิเรย์พาไปเองก็ได้แท้ๆ แต่เขากลับเลือกที่จะทิ้งงานเข้ามาหาคิเรย์อย่างลืมตัว
นี่มันคือความรู้สึก...อะไร...
...
ตื๊ด...ตื๊ด... ขอโทษค่ะ เลขหมายในขณะนี้...
“เฮ้อ...” คิลินตัดสายอย่างเซ็งๆ เล็กน้อย เขาโทรหาเคลียร์หลายสายแล้วเพื่อจะชวนไปกินข้าวด้วยกัน... จะว่าไปแล้วช่วงนี้เขาก็ไม่เห็นเคลียร์เลย หรือว่าจะติดงานเลยไม่มาโรงเรียนกันนะ...
แล้วข้าวกล่องนี้... จะเอายังไงดีล่ะ
คิลินมองกล่องข้าวในมือที่อุตส่าห์ให้แม่บ้านทำเผื่ออย่างรู้สึกปลงๆ วินาทีฉับพลัน ใบหน้าของเอรีสก็ลอยขึ้นมาทำให้คิลินเกิดใบหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุ!
รึว่า...จะเอาไปให้เอรีสกินดี...
“พี่คิลิน...” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้คิลินที่สะดุ้งอย่างคนตกใจถึงกับทำกล่องข้าวในมือร่วงหล่นลงทันที!
“โอ๊ะ!” เป็นเอรีสที่เข้ามารับกล่องข้าวไว้ให้ทันเวลาจนแม้แต่คิลินยังอดอึ้งไม่ได้ “พี่คิลินเหม่ออะไรครับเนี่ย?”
“เอ...เอรีส”
“แล้วนี่จะไปทานข้าวเหรอครับ” เอรีสถาม “สองกล่อง? พี่คิลินกินจุกว่าที่คิดนะ ฮ่าๆๆ”
“ฉันไม่ได้กินคนเดียวซักหน่อย” คิลินเบ้หน้าใส่เล็กน้อย
“อ้าว แล้วกล่องนี้มันของใครอ่ะครับ...อย่าบอกนะว่า...แฟน??” เอรีสยิ้มกวนๆ ก่อนจะทำทีล้อต่อ “แหมๆพี่คิลินนี่ไม่เบาเลยยยย มีแฟนก่อนผมซะแล้ววว”
“มะ...ไม่ใช่นะ"
“ไม่ต้องอายหรอกน๊า ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย ว่างๆ ก็พาสาวคนนั้นมาให้ดูด้วยสิฮะ กิ๊วๆ” เอรีสหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ทำให้คิลินรู้สึกโหวงๆ ในจิตใจ
เอรีส...อยากให้เรามีแฟนงั้นเหรอ...
“แต่ข้าวกล่องนี้...ฉัน...ให้นายนะ”
“เอ๊ะ...” เอรีสเหวอไปเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มสดใสปนเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “พี่คิลิน ปกติแล้วข้าวกล่องเขาทำมาให้แฟนกันนะครับ ฮันแน่...นี่อย่าบอกนะว่า...พี่คิลินชอบผมเหรออ??”
“...” คิลินถึงกับเบิกตากว้าง ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำรามไปถึงหูอย่างรวดเร็ว! ริมฝีปากหวานได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อย่างคนพูดอะไรไม่ออก ปฏิกิริยาอันไม่คาดคิดนี้ทำให้เอรีสเองก็ถึงกับอึ้งไปเช่นกัน
“นี่อย่าบอกนะว่า...”
“...” คิลินยังคงอึ้ง ทำให้เอรีสเองก็ถึงกับใบหน้าขึ้นสีระเรื่อตามด้วยเช่นกัน
ไม่จริงน่ะ...นี่พี่คิลิน...พี่คิลินน่ะเหรอจะมา...คนอย่างเรา...
“เอ่อ...นี่พี่คิลิน...ชอบผมเหรอ?” คิลินเบิกตากว้างกับคำถามอันไม่คาดคิดของเอรีส
ไม่นะ ไม่นะ ไม่นะ ไม่นะ!!
“ไม่นะ!!” คิลินที่สติแตกไปเรียบร้อยเขวี้ยงกล่องข้าวใส่ใบหน้าเอรีสอย่างแรง! ก่อนจะออกตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นะ... ความรู้สึกแบบนี้มันคือ...ชอบเหรอ!?
...
“เอ้าซัน อ้า-ม” ริวที่นั่งด้านซ้านยื่นนักเก็ตคำโตมาให้
“ซัน...ปากเลอะ” ซิออนที่นั่งด้านขวาเช็ดปากให้อย่างใจดี
“เอ่อ... อะไรของพวกคุณครับ” ซันขมวดคิ้วคล้ายจะระเบิดอยู่รอมร่อ “แล้วนี่ทำไมพวกคุณต้องมานั่งเบียดผมอย่างนี้กันด้วยเล่า!”
“อะไร...ก็ฉันหนาว” ริวไม่ว่าเปล่า เขาทำท่าจะเอนตัวซบไหล่ซันอย่างออดอ้อน แต่กลับหน้าทิ่มแทบจะลงเก้าอี้แทนเมื่อซิออนดึงตัวซันหนีอย่างรู้งาน
“...” ริวมองหน้าซิออนด้วยนัยน์ตาที่นิ่งเฉย ซิออนเองก็เช่นกัน ทำให้บรรยากาศโดยรอบโต๊ะดูมาคุขึ้นมาจนแม้แต่โต๊ะข้างๆ ก็ยังรับรู้ถึงบรรยากาศอันไม่ชอบมาพากลได้
แต่คงมีคนเดียว...ที่ยังซื่อบื้อไม่รู้เรื่อง
“พอได้แล้ว! คุณริวไปเรียนได้แล้วครับ! นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนะ!”
“ไม่เอา วันนี้ฉันโดด”
ซิออนมองหน้าริวเล็กน้อยก่อนจะหันมาพูดกับซัน “งั้นฉันขอตัวกลับก่อน ยังไงก็ไม่มีเรียนอยู่แล้ว”
“อ่า...เดี๋ยวสิครับ ก็กลับด้วยกันเลยนี่แหละ ไหนๆ ผมก็โดดเรียนแล้ว...”
“...ฉันก็จะกลับด้วย” ริวพูดแทรกขึ้นทำให้ซิออนที่กำลังจะตอบรับซันถึงกับชะงักกึก ซิออนขมวดคิ้วโมโหเล็กน้อยก่อนจะผุนผลันเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว!
“เดี๋ยวสิ คุณซิออน!” ซันที่หมายจะลุกขึ้นตามไปกลับถูกริวดึงตัวไว้
“อะไรครับคุณริว”
“...อย่าตามไป”
“...อะไรของคุณเนี่ย ทำไมถึงไม่ชอบคุณซิออนขนาดนั้น” ซันว่า “ผมสังเกตนะ... ว่าตั้งแต่คุณซิออนเข้ามา คุณริวก็ทำตัวแปลกไป”
“...ซันชอบซิออนเหรอ?”
“หา? ถามอะไรของคุณกันเนี่ย” ซันขมวดคิ้วยุ่งใส่ริว
“...ชอบ...เหรอ?”
“...ครับ ชอบ” ริวถึงกับเบิกตากว้างแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้รับคำตอบ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ซันก็ชิงพูดต่อเสียก่อน
“ผมเองก็ชอบคุณริวด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าคุณจะสร้างแต่ปัญหาให้ผมก็เถอะ... พอแล้ว! ผมจะไปหาคุณซิออน ตามกลับมาเองละกันนะครับ แล้วก็จ่ายเงินด้วยล่ะ!”
ซันว่าจบก็สะบัดตัวจากริววิ่งออกจากร้านตามซิออนไป ริวมองตามแผ่นหลังของซันตามหลงพลางพึมพำด้วยน้ำเสียงติดงอน
“...ไม่ได้หมายความแบบนั้นซักหน่อย...”
.....
“คุณซิออน!” ซันที่วิ่งตามหาซิออนที่มานั่งเล่นที่สวนสาธารณะถึงกับหอบแฮ่ก ซิออนดูจะตกใจเล็กน้อย
“นายวิ่งมาทำไม” ซิออนรีบเดินไปหาซันอย่างงุนงง
“ก็...แฮ่ก... ก็คุณ...ซิออนโกรธ...ไม่ใช่เหรอครับ” ซันพูดอย่างยากลำบาก ก็เขานึกว่าซิออนจะกลับบ้านตามที่บอก แต่เมื่อกลับไปแล้วดันไม่เจอซิออนอยู่ในบ้านทำให้เขารู้สึกกังวลแปลกๆ จึงต้องรีบวิ่งออกมาตามหาซะทั่ว
แล้วเขาก็เป็นไม่ออกกำลังกายด้วย... การที่จะจู่ๆ มาวิ่งแบบนี้มันเหนื่อยเป็นบ้า!
“...เพราะงั้นนายเลยมาตามฉันงั้นเหรอ?” ซิออนถามต่อ “ทั้งๆ ที่จะปล่อยไปก็ได้ แต่นายก็ยังมาตามหา...”
“ฮะ อะไรนะครับ” ซันเงยหน้าขึ้นไปถามอย่างสงสัย ไอ้ประโยคแรกน่ะเขาได้ยิน แต่ประโยคหลังนี่ซิออนพูดเบาซะจนมันจะกลายเป็นพึมพำอยู่แล้ว
“เปล่า ไม่มีอะไร... มานั่งพักก่อนสิ”
“ครับ...เฮ้อ คราวหน้าจะไปไหนก็บอกกันบ้างนะครับ เป็นห่วงแทบแย่” ซัน เดินตามซิออนไปนั่งตรงม้านั่งอย่างหอบไม่หาย
“หึ... หัดออกกำลังกายซะบ้าง ตัวแห้งจะแย่อยู่แล้ว”
“เห ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ชอบ มันเหนื่อย” ซันหน้ามุ่ย “ว่าแต่คุณซิออน...ไม่ชอบคุณริวเหรอครับ?”
“...” ซิออนที่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อครู่ถึงกับหน้าบึ้งฉับพลัน เขาเบนหน้าหนีซันอย่างหงุดหงิด
“เอ่อ...ไม่ชอบสินะ” ซันหัวเราะแห้งๆ กับปฏิกิริยาตอบสนองอันฉับพลันของซิออน “คุณริวเขาเห็นอย่างนั้นแต่ก็เป็นคนดีนะครับ อย่าเกลียดเขาเลย”
“...ตกลงแล้วนายตามฉันมาเพื่อจะไม่ให้ฉันเกลียดเจ้านั่นหรอกเหรอ?”
“...มันก็มีส่วน เพราะผมไม่อยากให้ทั้งสองคนเข้าใจผิดกัน” ซิออนขมวดคิ้วโมโห ซันสู้อุตส่าห์วิ่งตามหาตัวเขาแทบตาย...ก็เพื่อไม่อยากให้เขาเข้าใจคนอย่างหมอนั่นผิดเนี่ยนะ!
“น่ารำคาญชะมัด...”
“เอ่อ ใจเย็นๆ ก่อนคุณซิออน เมื่อกี้ผมพูดว่า ‘ส่วน’ นะ แต่ประเด็นหลักคือ... ยังไงคุณซิออนก็ต้องมาอยู่บ้านนี้อีกซักพักถูกมั้ย เพราะอย่างนั้นการอยู่ร่วมกันแบบไม่เกลียดกัน...ผมคิดว่ามันจะดีกว่านะครับ”
“...”
“ผมไม่อยากให้คุณซิออนต้องอยู่อย่างทนๆ นะ คุณริวก็ด้วย ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมทั้งคู่ถึงดู...ไม่ลงรอยกันมากขนาดนี้ แต่การอยู่กันดีๆ ก็ดีกว่าการอยู่กันแบบเกลียดๆ...อ่า เอาเป็นว่าอย่าเกลียดกันเลยนะครับ”
“นายก็พูดได้...นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเราไม่ชอบกันเพราะเรื่องอะไร” ซิออนกล่าวแทรกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“...แล้วมันเรื่องอะไรเหรอครับ” ซิออนไม่ตอบ แต่กลับหันมาสบตาหลังกรอบแว่นของซันอย่างจริงจังพร้อมเอ่ยถามต่อ
“นายมีคนที่รักหรือยัง?”
“มีสิ!” ซิออนเบิกตากว้างอย่างคนไม่ทันตั้งตัว ถึงแม้เขาจะไม่ได้คาดหวังในคำตอบของซัน แต่เขาก็ไม่คิดว่า...ซันจะตอบขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบไม่ลังเลขนาดนี้!!
“ใคร...”
“มามิจังยังไงล่ะ! มามิจังน่ะนะ น่ารักมากกกกกกกกกกกกเลยล่ะ!! คุณซิอนคงยังไม่ทันสังเกต คุณซิออนเห็นโปสเตอร์ที่ผมแปะไว้ในห้องได้หรือเปล่าครับ ผู้หญิงคนที่น่ารักๆ น่ะ!”
“...” ซิออนนิ่งคิดไปชั่วครู่ ถ้าเขาจำไม่ผิด... “เดี๋ยว นั่นมันการ์ตูน...”
“นั่นล่ะ!! คุณซิออนจำได้ด้วย! นั่นล่ะ น่ารักมากมั้ยล่ะ! ผมน่ะ ชอบมามิจังมาตั้งแต่อยู่ม.4แล้วนะ แล้วก็...”
ซิออนดูเหมือนจะใบ้กินเป็นที่เรียบร้อย ราวกับว่า...ช่วงเวลาแห่งคำถามที่ต้องการคำตอบจริงจังได้ถูกช่วงชิงไปโดยมามิจังผู้เป็นตัวละครในการ์ตูนเสียแล้ว...
ในชั่ววินาทีนั้น ความคิดของซิออนที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ... ไม่เข้าใจจริงๆ...
...
“...คุณริวครับ” เสียงเล็กกล้าๆ กลัวๆ ของฟุยุกิดังขึ้น ริวหันไปมองอย่างเฉื่อยชาตามฉบับความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
“เอ่อ... คุณริวเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ฟุยุกิถาม เพราะเขาคือหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ซิออนซันริวนั่งเบียดกัน และจากนั้นซิออนก็ลุกหนีไปตามด้วยซันที่ถูกริวรั้งไว้ แต่แล้วดูเหมือนทั้งคู่จะพูดอะไรกันซักพัก ซันก็จากไป
ตั้งแต่ที่คิเรย์ไปโรงพยาบาลกับอโลน เอรีสก็กลับโรงเรียน ส่วนเขานั้นกลับบ้าน แต่ระหว่างทางจึงมาแวะหาอะไรกินแต่ก็ดันมาเจอเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะ...
ฟุยุกิกลืนความคิดของตนเข้าไปในลำคออย่างรวดเร็ว แต่ในใจกลับรู้สึกหวั่นๆ ว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาแอบคิด
“นั่งสิ” ริวชวน ฟุยุกิจึงรีบเลิกลั่กโบกมือเป็นพัลวัน
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวผมก็...เหวอ!” ริวไม่รอให้ฟุยุกิพูดจบ เขาจัดการดึงฟุยุกิลงหน้าข้างๆ ทันที
“เอ่อ... ขอโทษนะครับ” ฟุยุกิขอโทษอย่างเป็นมารยาทว่าตนเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของริว
“...ขอโทษทำไม”
“เอ่อ ก็ผมมารบกวน”
“ไม่รบกวน” ริวตอบสั้นๆ จากนั้นก็จัดการกินไก่ในจานของตนเองต่อ ฟุยุกิเห็นดังนั้นก็ก้มลงกินข้าวในจานของตนเองบ้าง
“โดดเรียนเหรอ?”
“อ่า...แหะๆ ประมาณนั้นล่ะครับ พอดีเมื่อเช้าพวกเพื่อนๆ ผมอยากไปดูดาราถ่ายเอ็มวีเส้นขนานน่ะครับ”
“อ้อ... เพลงของเคลียร์สินะ”
“อ้อครับ ผมเพิ่งจะเคยฟัง เพราะมากเลยล่ะครับ” ฟุยุกิยิ้มบางๆ “ว่าแต่คุณริวรู้จักด้วยเหรอครับ”
“อืม... พอดีรู้จักกับเคลียร์...เพราะเคยไปแต่งเพลงให้”
“เอ๋! คุณริวเป็นคนแต่งเพลงเหรอครับ! เส้นขนานอ่ะนะ!”
“เปล่า... เพลงทุกเพลงในอัลบั้มนั้นเคลียร์แต่งเองหมด ฉันหมายถึงเพลงแรกๆ ที่เคลียร์เปิดตัว”
“อ้อ...” ฟุยุกิพยักหน้าเบาๆ เพราะเพลงเส้นขนานเป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก และติดชาร์ตอันดับเพลงยอดนิยมดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว ตอนแรกที่เขาเข้าใจว่าริวเป็นคนแต่งเขาจึงตกใจมาก เพราะถ้าริวเป็นคนแต่งจริงๆ... มันคือการสนิทสนมกับคนระดับโลกโดยไม่รู้ตัวเชียวนะ...
แต่ถึงยังไงก็เถอะ เพลงเดบิวท์แรกๆ ที่ริวเป็นคนแต่งเองก็ติดชาร์ตอันดับเพลงยอดนิยมทุกปี ถือว่าเขาได้สนิทสนมกับคนดังโดยไม่รู้ตัวได้เช่นกัน
“นี่คุณริวทำงานแล้วหรอกเหรอครับ”
“ก็นะ...งานพิเศษ?” ฟุยุกิแทบจะล้มหน้าคว่ำ ถ้านี่จะเป็นแค่งานพิเศษ...แล้วพวกพนักงานบริษัทจะเรียกว่าอะไรเล่า!
“เอ่อ...สุดยอดเลยอ่ะครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผมจะได้คุยกับคนที่เก่งขนาดนี้” ฟุยุกิชื่นชมจากใจ
“...ขอบคุณ” ริวพยักหน้าขอบคุณเบาๆ จากนั้นทั้งโต๊ะก็พลันเงียบงันอย่างคนไม่มีอะไรจะพูด ฟุยุกิเองก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่า...นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยเรื่องเรื่อยเปื่อยกับริว!
ฟุยุกิอดไม่ได้ที่จะใจเต้นเล็กน้อย แต่กระนั้นจู่ๆ ใบหน้าของซันก็ฉายขึ้นในหัวของเขา ฟุยุกินิ่งงัน
“...ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ผมขอถามอะไรคุณริวหน่อยจะได้มั้ยครับ?”
“อืม”
“คุณริว...ชอบคนที่ใส่แว่นคนนั้นเหรอครับ?”
“...”
“...”
บรรยากาศรอบโต๊ะพลันเงียบสนิท ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวแม้กระทั่งริวเองก็หยุดกินไก่ในจานตนเอง ฟุยุกิที่กลั้นใจถามออกไปได้แต่ก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าที่จะสบตาริว
แย่แล้ว...บรรยากาศมัน... ต้องรีบทำเป็นถามเล่นๆ ซะแล้ว
ฟุยุกิทำใจกล้าเหลือบตาขึ้นไปมองริวที่ยังคงนั่งมองไก่ในจานของตนเอง... แต่กระนั้นฟุยุกิกลับสังเกตได้ถึงแววตาที่อ้างว้างและเหงาหงอย
เหมือน...ตอนที่เขารั้งซันไว้...
“อืม” ริวพูดขึ้น ฟุยุกิเบิกตากว้างทันที
ไม่นะ
“ฉัน”
อย่าพูดนะ
“ชอบซัน”
...
“ว้าว!! น่าสนุกจังเลยเนอะ!”
“...ไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหนเลย” คราฟฟ์แขวะคนเป็นรุ่นพี่ที่ปีนต้นไม้สำรวจผับแห่งหนึ่งอย่างสนุกสนาน
“ดูสิๆ! มีคนเข้าเต็มเลยล่ะ สาวเซ็กซี่ๆ เต็มไปหมด!”
“แล้วมันทำไมต้องลากผมมาด้วยล่ะครับ รุ่นพี่ยังไม่ตอบผมเลยนะ” เต้ได้ยินคำถามของคราฟฟ์ก็กระโดดลงจากต้นไม้ทันทีอย่างคล่องแคล่ว
“ก็ฉัน...อยากมา!”
“นั่นมันไม่ใช่คำตอบนะครับรุ่นพี่” คราฟฟ์ตอบทันควันทำเอาเต้หาข้อแก้ตัวใหม่ไม่เจอได้แต่กระอึกกระอักทนสายตาทิ่มแทงของคราฟฟ์ไม่ไหว
“ก็...ก็... ปกติแล้วฉันเห็นนายเอาแต่วาดรูปปปป จนจะแต่งงานกับสีน้ำอยู่แล้ว ฉันเลยอยากพานายมาเที่ยวววว อย่างที่วัยรุ่นนนนนน เขาทำกันไง!!”
“โกหกชัดๆ”
“เอ๋! รู้ได้ไงอ้ะ!” เต้อึกอักไปทันที ก่อนจะยอมก้มหน้าสารภาพราวกับเด็กสำนึกผิด “ก็...ฉันไม่กล้ามาคนเดียวอ้ะ”
“ตอนรุ่นพี่มาลากผม รุ่นพี่บอกว่าเพื่อนชวนไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้คนเดียวซักหน่อย”
“ก็...ก็...ก็...ก็...เพราะเป็นเจ้านั่นชวน... ฉันเลยไม่กล้า...อ่ะ”
“ไม่เข้าใจครับ”
อ๊า!! ก็ช่วยไม่ได้นี่นา!! ก็หมู่นี้เจ้านั่นชอบมาทำตัวแปลกๆ รอบๆ ตัวฉันอยู่เรื่อย!! ฉันเลยไม่กล้ามาคนเดียวไงเล่า!!”
“เฮ้ย!! เจ้าหนู!! มาทำอะไรลับๆ ล่อๆ แถวนี้หา!!” จู่ๆ เสียงของชายหัวโล้นใส่แว่นกันแดดพร้อมชุดสูทสีดำมาดนักเลงก็ตรงเข้ามาตะคอกใส่ทั้งคู่ที่ทำเสียงดัง
“เอ่อ...” คราฟฟ์นิ่งตอบไม่ถูก ตามตรง...พูดไม่ออกเพราะกลัวมากนักเลงของพี่แกนั่นล่ะ
“ผมจะมาเข้าผับของพี่นั่นล่ะฮะ” เต้ตอบอย่างห้าวหาญ ทำเอานักเลงเหยียดยิ้มอย่างท้าทาย
“เอาบัตรประชาชนแกมาซิ”
“ไม่ต้องเอาหรอก เพราะฉันอายุยังไม่ถึงสิบแปด”
“งั้นก็อดเข้าล่ะนะไอ้หนู” นักเลงหัวเราะร่า “กลับบ้านไปดูดนมแม่ไป๊!”
“เดี๋ยวสิ! ในนั้นมีคนนัดฉันไว้ เขาชื่อ...”
“กลับไปได้แล้ว! ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กนะ!”
“เดี๋ยวสิ! คนที่นัดฉัน...”
“กลับไป!!” เสียงนักเลงและเต้ดังโหวกเหวกพอที่จะทำให้สายตาของคนรอบข้างมองมาได้เป็นอย่างดี แม้แต่คนในร้านเองก็ยังหันมามองด้วยความสงสัย รวมถึง...
“มีอะไรกัน?”
“ก็เจ้าเด็กนี่มัน... คะ คุณกราฟ!” นักเลงที่ทำท่าจะหันไปบ่นสะดุ้งโหยงแทบจะทันทีพร้อมเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างรวดเร็ว “เอ่อ... พอดีมีเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบแปดจะฝืนกฎเข้าผับน่ะครับ”
“...” กราฟไม่ตอบ แต่กลับใช้นัยน์ตาสีชามองมายังคราฟฟ์อย่างสงสัยก่นไม่พอใจเล็กน้อย คราฟฟ์ที่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาแสร้งเบนสายตาหนีอย่างไม่รู้จะตอบยังไง
“...เขาเป็นแขกฉัน ให้เขาเข้ามาเถอะ”
“ครับ” นักเลงพยักหน้ารับ พลางเปิดทางให้สองหนุ่มเต้ คราฟฟ์ เข้าไปอย่างว่าง่ายผิดกับเมื่อครู่ เต้ที่พอได้ถือไพ่เหนือกว่าก็ทำทีเป็นแลบลิ้นใส่อย่างกวนทรีน
“...ใครใช้ให้มา?” กราฟเปิดประเด็นถาม
“เคนโซบอกให้มาน่ะ แต่ทำไมเจ้าหมอนั่นถึงไม่ยอมมารับตามที่บอกก็ไม่รู้!” เต้บ่นทันที
“อ้อ เคนโซ” กราฟเหยียดยิ้มพลางพึมพำเบาๆ “ฉันจะหักเงินเคนโซข้อหาทำวุ่นวาย”
“พวกนายนั่งรอโต๊ะนี้ก่อน เดี๋ยวฉันจะพาเคนโซมาหา...”กราฟบอก ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ทั้งสองนั่งรออยู่ในห้องวีไอพี
“ดูวุ่นวายจัง...กลับเถอะรุ่นพี่” คราฟฟ์ที่ได้โอกาสพูดรีบแย้งขึ้นอย่างรวดเร็ว “ผมว่าที่แบบนี้ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก...”
“สวัสดีค่าหนุ่มๆ!!” ยังไม่ทันที่คราฟฟ์จะได้พูดจบ เหล่าสาวๆ ห้าหกคนก็พากันเดินเข้ามาในห้องวีไอพีด้วยท่าทางที่ยั่วยวนราวกับมืออาชีพ
“ว้าว! เซ็กซี่ชะมัดเลย!” เต้อ้าปากค้าง ทั้งทรวดทรงองเอว ทุกอย่างของพวกเธอช่างดูสมบูรณ์ยิ่งนักจึงอดไม่ได้ที่แม้แต่คนที่ไม่สนใจเรื่องผู้หญิงอย่างเต้ต้องร้องขึ้น
“อั๊ย พ่อหนุ่มน่ารักจัง หน้าเด๊กกเด็ก” สาวเจ้าว่าพลางขึ้นมานั่งโซฟาชิดเต้ด้วยท่าทางอันเซ็กซี่
“แล้วพ่อหนุ่มคนนี้ล่ะ เงียบตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ไม่พูดอะไรบ้างหรือจ๊ะ?” สาวในกลุ่มอีกคนมาเชยคางคราฟฟ์อย่างยั่วยวนทำเอาคราฟฟ์หน้าแด๋งแจ๋
“ทะ...ทำอะไร”
“ว้าย ใสซื่ออออ น่ารักถูกใจเจ๊” เธอว่าพลางคว้าคราฟฟ์เข้ากอด แผ่นอกของคราฟฟ์ชนให้กับอกโตๆ สองลูกเข้าอย่างจัง! คราฟฟ์แทบจะอ้าปากค้าง
“หนุ่มน้อยน่ารักจัง ขอเจ๊หอมแก้มทีนึงได้มั้ย?” หญิงสาวถามเต้ด้วยท่าทางเซ็กซี่ เต้ที่ยังคงยิ้มค้างพูดไม่ออกตามไม่ทันถึงกับงงหนักเข้าไปใหญ่
“เต้!!!!!” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นขัดการกระทำทุกอย่าง เคนโซในสภาพหน้าแดงแจ๋เดินโซเซเข้ามาหาเต้พร้อมคว้าเต้เข้ากอดอย่างคิดถึง
“มาด้วยซินะ ดีใจจังงงงงงง”
“คะ เคนโซ...อี๋! เหม็นกลิ่นเหล้าชะมัด นี่เมามาเหรอ!?”
“ม่ายยยยมาวววว” เคนโซยิ้มร่าพร้อมเอาหน้าถูไถออดอ้อนเต้ราวกับลูกแมวน้อย
“อะไรยะเคนโซ ฉันเจอเด็กคนนั้นก่อนนะ”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันยังมีเด็กคนนี้อยู่...” หญิงสาวหันมาหาคราฟฟ์ที่ยังคงนั่งเอ๋ออยู่บ้าง
“ขอโทษนะ พวกเธอช่วยออกไปก่อนได้มั้ย?” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดอีกครั้ง หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจใส่ทันที แต่เมื่อเห็นว่าใคร หญิงสาวก็รีบพากันเดินออกไปกันหมด
“...คุณกราฟ ขอบคุณนะครับ” คราฟฟ์หัวเราะแห้งๆ แต่กราฟกลับชักสีหน้าใส่คราฟฟ์ทันที
“นายมาทำอะไรที่นี่”
“...มาเป็นเพื่อรุ่นพี่น่ะครับ” คราฟฟ์เริ่มไม่พอใจ ตอบดีๆ แล้วทำไมต้องมาชักสีหน้ากันแบบนี้ด้วยนะ
“...มานี่” กราฟไม่ว่าเปล่า เขาจัดการดึงตัวคราฟฟ์ขึ้นพร้อมลากออกจากห้องทันที!
“เดี๋ยวสิพวกนาย...!” เต้ที่ร้องห้ามไม่ทันได้แต่นั่งงงในอ้อมกอดเคนโซ เต้รู้สึกร้อนใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่เล็กน้อย
“โธ่เว้ย! เคนโซ นายออกไปห่างๆ ก่อนจะได้มั้ย!”
“ทำมายยยยยย”
“ฉันจะไปหาคราฟฟ์เฟ้ย!” เคนโซตะโกนใส่อย่างหงุดหงิด “นายนี่มันเกะกะจริงๆ!”
“...ม่ายอาวววว ทำไมต้องปายสนใจคนอื่นด้วย.... นายมีฉันอยู่แล้วแท้ๆ”
“หา...”
“เจ้าแว่นนั่นมันเป็นของกราฟฟฟฟฟ ส่วนนายก็เป็นของฉันนนนน” เคนโซผละจากเต้ขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะประคองใบหน้าหวานของคนตรงหน้าเข้ามาใกล้
ริมฝีปากบางของเต้ถูกริวฝีปากนุ่มของเคนโซเข้าประทับเบาๆ แต่กระนั้นก็มากพอที่จะทำให้เต้ถึงกับเบิกตากว้าง หัวสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก
“หวาน...จัง” เคนโซหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะล่วงลงไปนอนบนตักเต้ทันที! เต้ที่ยังคงเบิกตากว้างถึงกับอ้าปากค้าง
นั่นมัน..................
“จูบแรกของช๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!”
....
“...คุณกราฟจะพาผมไปไหนกันเนี่ย” คราฟฟ์เอ่ยขึ้น กราฟยังคงเดินนำมาเรื่อยๆ จนถึงห้องๆ หนึ่ง
“นายนั่งพักอยู่ห้องฉันก่อนละกัน”
คราฟฟ์ขมวดคิ้วสงสัย แล้วที่เมื่อกี้นี้มันไม่ดีหรือไงกัน...
“แต่ผมปล่อยรุ่นพี่ไว้...”
“ช่างพวกนั้นเถอะ ถ้านายจะรอเด็กคนนั้นก็รอที่นี่นั่นแหละ... จะได้ไม่วุ่นวาย” คราฟฟ์ถึงกับเบิกตากว้าง นี่กราฟพาเขามาที่นี่...เพื่อที่จะไม่ให้เขาต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายอย่างนั้นเหรอ!?
แต่...ทำไมถึงไม่บอกล่ะ?
“คุณกราฟ...พาผมมาที่นี่...เพราะรู้ว่าผมไม่ชอบความวุ่นวายเหรอครับ?”
กราฟชะงักไปทันที
“...คุณกราฟ?”
“ฉันจะไปทำงานแล้ว นายรอที่นี่นั่นล่ะ”
“...ขอบคุณนะครับ” คราฟฟ์ยิ้มบางๆ เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคิดจะถูก... “ผมไม่ชอบความวุ่นวายจริงๆ นั่นล่ะ.. แต่คุณกราฟก็เล่นกระชากผมมาแบบนี้ผมก็นึกว่าคุณกราฟจะโกรธผมซะอีก”
“ฉันไม่ได้...”
“ฮะๆ ขอบคุณนะครับ... คุณกราฟไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะสายเอานะ” คราฟฟ์หัวเราะเบาๆ ภาพนี้ทำให้กราฟถึงกับต้องเม้มปากเบาๆ การกระทำของกราฟในตอนนี้ช่างขัดแย้งกับ
หัวใจที่เต้นระรัวในอกเสียจริง...
โฮกกกกกกกกกก 100% แล้วค่าาาาา
มาอัพเย็น = เที่ยงคืนฮ่ะ 5555 //โดนทรีน
(ชอบซัน ดูซื่อบื้อดีเนอะ 55555)
ขอบคุณธีมพี่เค > <
KING♬
ความคิดเห็น