ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนวุ่นชุลมุนรัก YAOI!

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่3 : เปลี่ยนแปลง????

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 56


                    “ขอโทษที่ให้รอค่ะ พาร์เฟ่สตรอเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่คัสตาร์ดนม  พุดดิ้งสตรอเบอร์รี่โยเกิร์ต สตรอเบอร์รี่มูส สตรอเบอร์รี่เครปครีมวนิลาและก็น้ำสตอรเบอร์รี่นมสดได้แล้วค่ะ”

                    “ขอบคุณครับ” ซิการ์ยิ้มให้สาวเสริฟเล็กน้อย

                    “อะไรกันวะซิการ์ ทำไมมันมีแต่สตอรเบอร์รี่วะ” เอน่าที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยอย่างไม่พอใจพลางมองยังเมนูที่ซิการ์สั่งด้วยแววตาขยะแขยง

                    “ก็ฉันชอบกินสตอรเบอร์รี่นี่” ซิการ์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วฉันก็ไม่ได้สั่งมาเผื่อนายด้วย ฉันจะกินเอง”

                    “...เยอะขนาดนี้จะหมดรึไง”

                    “ฉันเคยเข้าร้านคาเฟ่แล้วกินไม่หมดด้วยเหรอ?” ซิการ์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเอน่าไม่เถียงอะไรตอบพลางตักพาร์เฟ่ขึ้นกินเป็นอันดับแรก

                    “เคลียร์เอาหน่อยมั๊ย?” ซิการ์หันไปถามเคลียร์ที่นั่งข้างๆ เอน่าบ้าง เคลียร์ส่งสายตางุนงงมาให้เล็กน้อยเมื่อตนถูกเรียก

                    “ไม่ดีกว่า...”

                    “เอาน่า เอ้า อ้าปากสิ” ซิการ์ส่งยิ้มที่ไม่อาจปฏิเสธได้มาให้พร้อมยื่นช้อนที่ตักเนื้อไอศกรีมรสสตอรเบอร์รี่สีชมพูหวานมาจ่อหน้าทำเอาเคลียร์จำต้องพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เคลียร์เงยหน้าขึ้นกำลังจะอ้าปาก... 

                    “ซิการ์! ทำบ้าอะไรของนาย! ไม่ต้องเลย ฉันจะป้อนเคลียร์เอง!” เอน่ารีบคว้าตัวเคลียร์เข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว ซิการ์ที่เห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจใหญ่

                    “ฮะๆๆ ไม่เอาน่า ฉันไม่ได้จะทำอะไรซักหน่อย”

                    “เฮอะ! ก็ใครใช้ให้แกมายุ่งกับของๆ ฉันกันเล่า...”

                    “แล้วฉันไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่หา!” เคลียร์เถียงขึ้นอย่างโมโหเล็กน้อยเมื่อพลาดโอกาสกินไอศกรีมแสนน่าอร่อยเมื่อครู่

                    “จะว่าไป...” ซิการ์เอ่ยขัดเพื่อไม่ให้สงครามน้ำลายของทั้งคู่เริ่มขึ้น “วันนี้เคลียร์ดูเปลี่ยนไปหน่อยเนอะ?”

                    ว่าจบซิการ์ก็ไล่สายตาสำรวจตัวเคลียร์อีกครั้ง เส้นผมสีครีมสวยของเคลียร์ถูกเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทเซตเป็นทรงปัดหน้าม้าข้างดูเรียบๆ แต่ก็ดูยังดูดี นัยน์ตาสีฟ้าสวยก็ถูกเปลี่ยนมาใส่คอนแท็กเลนส์สีดำอย่างน่าเสียดายสีธรรมชาติของเจ้าตัว

                    “อ้อ...ปกติเวลาผมจะออกมาข้างนอก...ต้องปลอมตัวซักหน่อยน่ะนะ ส่วนผมก็ใช้เสปรย์ย้อมสีผมชั่วคราว เดี๋ยวกลับไปสระผมก็ออกแล้วล่ะ”

                    “อ้อ...อย่างนี้นี่เอง แต่ถึงจะปลอมตัวเคลียร์ก็น่ารักเสมอเลยนะ” เคลียร์ยิ้มแห้งๆ รับคำชมของซิการ์เล็กน้อยก่อนจะคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าอย่างหงุดหงิด จู่ๆ เอน่าก็โผล่มาที่บ้านเขาพร้อมกับจะลากเขาออกไปให้ได้ เขาจึงจำต้องมานั่งปลอมตัวแปลงโฉมตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

                    เวลาก็ผ่านมาจนวันเสาร์แล้ว เคลียร์ที่อยากจะใช้วันหยุดอยู่บ้านอย่างสงบกลับต้องมาถูกลากตัวออกมานั่งร้านคาเฟ่...คิดแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้จริงๆ!

                    “แก!!” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดบทสนทนาอย่างไร้มารยาท ซิการ์ เอน่าและเคลียร์หันไปมองอย่างสงสัย

                    “อ้าว? เนย์จิคุง อรุณสวัสดิ์ครับ” ซิการ์ยิ้มให้เล็กน้อย

                    “หืม...อ้อ เจ้าเด็กคนที่นายแย่งไอติมกินตอนนั้นรึเปล่านะ” เอน่าถามขึ้นบ้าง

                    “แกมาทำอะไรที่นี่!” เนย์จิตะโกนถามอย่างหงุดหงิด วันนี้เป็นวันหยุดวันแรกหลังเปิดเทอม เขาจึงมาหาร้านคาเฟ่กินของหวานซักหน่อยแต่กลับ...

                    มาเจอเจ้ารอยยิ้มกวนส้นนี่!!

                    “เนย์จิคุงนี่ก็ถามตลกดีนะครับ ผมคงไม่ได้มาร้านคาเฟ่เพื่อมานั่งส้วมหรอกนะ”

                    “หะ...หา!!” เนย์จิแทบจะพุ่งเข้าไปต่อยซิการ์ให้รู้แล้วรู้รอด แต่กลับมีเสียงพนักงานสาวคนหนึ่งเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน

                    “ขอโทษนะคะคุณลูกค้า พอดีว่าที่นั่งทางร้านเราเต็มหมดแล้ว ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะนั่งทานโต๊ะเดียวกับเพื่อนได้หรือเปล่าคะ”

                    “...ฮะ?”

                    “ได้ครับ เอ้าเนย์จิคุง มานั่งสิ” ซิการ์หันไปตอบพนักงานสาวแทนพร้อมเขยิบที่มานั่งมาชิดในเพื่อให้เนย์จิเข้ามานั่งได้อย่างใจดี

                    “หา!? ใครจะไปนั่งกับแกกัน...โอ๊ย!” เนย์จิถูกกระชากมานั่งอย่างไม่เต็มใจ เขาหันไปหมายจะโวยวายต่อ แต่ก็ถูกซิการ์ตักเค้กมายัดปากไว้อย่างรวดเร็ว

                    “อุ๊บ! แออำอ้าอะไอเอี่ย!

                    “ก็เนย์จิคุงโวยวายนี่ครับ คนรอบข้างเขารำคาญหมดแล้ว”

                    เนย์จิได้ยินดังนั้นก็สงบลงขึ้นบ้างเมื่อเห็นสายตาของโต๊ะข้างๆ มองมาอย่างสงสัย แต่ก็ไม่วายหันไปส่งสายตาจิกกัดให้ซิการ์ต่อ

                    “หืม...” เอน่าแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์มองไปทางซิการ์กับเนย์จิ “อะไรกันซิการ์ ...ในที่สุดคนอย่างนายก็มีวันนี้แล้วสินะ”

                    “...นายพูดเรื่องอะไรน่ะเอน่า” ซิการ์ถามกลับ แต่กระนั้นรอยยิ้มกลับเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย เอน่าเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มมากกว่าเดิม

                    “ฮ่าๆๆ นายปิดฉันไม่ได้หรอกนะซิการ์ ...เจ้าหนู ...เอ ชื่อเนย์จิสินะ ทำได้ดีมาก ฮ่าๆๆๆ!

                    เนย์จิและเคลียร์พร้อมใจกันขมวดคิ้วสงสัยมองไปทางเอน่าอย่างไม่เข้าใจ

                    “อะไรเหรอเอน่า พี่ซิการ์ทำไมเหรอ?” เคลียร์ถามขึ้น

                    “ก็เจ้าซิการ์น่ะ มัน...”

                    “เคลียร์” เสียงซิการ์ขัดขึ้นพร้อมกับชันตัวขึ้นมาประคองใบหน้าหวานของเคลียร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของทั้งสองใกล้กันเรื่อยๆ จนกระทั่ง...

                    “ซิการ์!” เอน่าผลักตัวซิการ์ออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกระชากเคลียร์ที่ยังคงตกใจอยู่เข้ามากอดอย่างหวงแหน “ทำบ้าอะไรของแกวะ!

                    “จะเลียครีมออกให้เคลียร์น่ะ...” ซิการ์หัวเราะเบาๆ พลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์แตะไปที่ริมฝีปากของตนเอง เคลียร์เห็นดังนั้นก็รีบเช็ดออกอย่างกระดากอาย

                    “ชิ! ไปเถอะเคลียร์” เอน่ากระชากแขนเคลียร์ให้ลุกขึ้นอย่างแรงจนเคลียร์ร้องออกมาเบาๆ “ครั้งนี้นายเลี้ยง ถือเป็นการลงโทษที่นายมายุ่งกับของๆ ฉัน...แล้วก็...”

                    เอน่าก้มลงหอมแก้มเนย์จิเบาๆ เนย์จิได้แต่อ้าปากค้างอย่างคนไม่ทันได้ตั้งตัว

                    “เสมอกันแล้วล่ะนะ...” เอน่าแสยะยิ้มหัวเราะเบาๆ มองหน้าซิการ์ก่อนจะลากเคลียร์เดินออกจากร้านไปโดยไม่สนใจแววตาซิการ์ที่แปรเปลี่ยนไปชั่วครู่และเสียงเนย์จิที่โวยวายตามหลังเลยแม้แต่น้อย...

                    ...

                    กริ๊งงงงงงงงง

                    “อือ...” ซันค่อยๆ พลิกตัวเอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกาอย่างยากลำบาก เขาลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ แต่ก็กลับทำไม่ได้ตามใจคิดเพราะแขนปริศนาข้างหนึ่งที่พาดมาทับตัวเขาทำให้เขาถูกแรงนั้นกดไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้

                    ซันเห็นดังนั้นก็หันไปเพ่งตามองอย่างงุนงง ปรากฏใบหน้าของริว...นักบาสหนุ่มที่นอนหลับใหลกอดตัวเขาอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์

                    “คุณริว!! ตื่นได้แล้ว!” ซันตะโกนใส่หน้าริวอย่างหงุดหงิด ...นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนับตั้งแต่ริวและซิออนได้ย้ายมาอยู่บ้านของเขาชั่วคราว เนื่องจากบ้านเขามีห้องเพียงแค่สองห้องที่มีเตียงนอนซึ่งก็คือห้องพ่อแม่ของเขาและห้องเขาเอง ริวและซิออนจึงต้องมานอนห้องเขาอย่างช่วยไม่ได้...แล้วยังมานอนเบียดที่เตียงเดียวกันอีก! เขาที่นอนตรงกลางแทบจะกลายร่างเป็นไส้แสนวิชอยู่แล้ว!!  

                    โดยเฉพาะริว...รายนี้ชอบมานอนเอาตัวเขาไปเป็นหมอนข้างตลอดเลย! ปกติแล้วเขาเป็นคนขี้เซามากนะ...แต่มาเจอความอึดอัดที่ต้องนอนเบียดสามเข้าไปทีนี่เล่นเอาเขานอนหลับไม่สนิทเลยทีเดียว!

                    “คุณริว!!

                    “อือ...รำคาญน่า” ไม่ว่าเปล่า ริวกลับรั้งตัวซันมาซุกอกตนเองอย่างตัดรำคาญเล่นเอาซันถึงกับโมโหมากกว่าเดิม

                    “คุณ...”

                    “ข้าวเสร็จแล้วนะ” เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างๆ หนึ่งเดินเข้ามาในสภาพใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูแหว๋วของแม่ซันเดินเข้ามา ซิออนดูจะเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพริวนอนกอดซันบนเตียงอย่างแนบแน่นกว่าปกติที่ผ่านมา

                    “...ขอโทษที่มารบกวน”

                    “ดะ...เดี๋ยวซิออน! ไม่ใช่นะ!” ซิออนปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็วทำเอาซันที่ยังไม่ทันได้แก้ตัวได้แต่คอตก ซันมองริวที่นอนหลับบนเตียงอย่างกินเลือดกินเนื้อพร้อมกับควักแรงเฮือกสุดท้ายสะบัดตัวริวออกจนริวกลิ้งลงไปนอนบนพื้นอย่างน่าสงสาร

                    “ฮึ่ย! ไม่ตื่นก็ไม่ต้องตื่น!” ซันว่าจบก็เข้าไปล้างหน้าบ้วนปากแล้วลงไปห้องอาหารตามซิออนอย่างหงุดหงิด

                    ซันเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามซิออนที่กำลังกินข้าวอยู่อย่างไม่คุ้นชินเล็กน้อยถึงแม้ว่าจะผ่านมาแล้วสามวันนับตั้งแต่ที่ซิออนเข้ามาอาศัยด้วยแล้วก็ตาม

                    “เห...น่ากินจัง” ซันเอ่ยปากชมข้าวไข่เจียวที่ซิออนทำ ถึงแม้ว่ามันดูจะเป็นเมนูธรรมดา แต่เขากลับรู้สึกว่ามันน่ากินมากกว่าเดิม

                    “ขอบคุณ”

                    ซันไม่พูดอะไรต่อ เขาตักข้าวกินเข้าปากตามปกติเหมือนที่ผ่านมา แต่แล้วจู่ๆ ซิออนก็เอ่ยปากถามขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

                    “ซัน...กับริวคบกันเหรอ?”

                    “หะ...หา!?” ซันแทบจะสำลักข้าวในปาก

                    “ก็พวกนายดูสนิทสนมกันดี...”

                    “ไม่ใช่นะ! พวกเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ จะไปคบกันได้ยังไงกันเล่า!

                    “...สมัยนี้มันมีชายรักชายแล้วนะ”

                    “...” ซันถึงกับเถียงต่อไม่เป็น ก็จริงที่ว่าเดี๋ยวนี้ชายรักชาย...หรือก็คือวายมีเยอะขึ้น สาววายก็เยอะขึ้นตาม ดังนั้นการที่ผู้ชายสองคนจะมาชอบกันก็ไม่แปลกเท่าไหร่...

                    แต่ว่า...

                    “กับคุณริวน่ะ พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันแน่นอน! คุณซิออนก็อย่าเข้าใจผิดสิ คุณริวเขาแค่ชอบเอาผมไปเป็นหมอนข้างเท่านั้นแหละ!

                    “...เหรอ”

                    “จะว่าไปคุณซิออน... ทำไมถึงจู่ๆ ย้ายมาพักบ้านผมเหรอ?” ซันรีบเปลี่ยนเรื่องถาม

                    “พ่อไปต่างประเทศ เลยฝากฉันมาพักบ้านริว...แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องที่พ่อแม่ริวไม่อยู่ เลยต้องมาพักบ้านนายแทน”

                    ซิออนที่ไม่ได้หงุดหงิดเวลาถามเรื่องส่วนตัวเหมือนแต่ก่อนทำให้ซันรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ซันมองหน้าซิออนก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

                    “อืม ถ้าเป็นซิออนล่ะก็จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้นะ ผมยินดี”

                    ซิออนเบิกตากว้างมองซันอย่างไม่คุ้นเคยก่อนจะเสหน้าไปทางอื่นพร้อมพยักหน้าเบาๆ

                    “อืม...”

                    ...

                    วันนี้...เป็นวันแรกในชีวิตที่เขาได้มาเกมเซนเตอร์...

                    วันนี้...เป็นวันแรกในชีวิตที่เขาได้ออกมาเล่นเกมเซนเตอร์กับ...

                    เพื่อน? คิลินลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างหวาดกลัว ถึงเอรีสจะบอกว่าให้เขาเข้ามาหาข้างในเลยก็เถอะ แต่ว่า...เขาไม่กล้านี่นา!

                    “อ้าวคุณหนู?” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้นจากข้างหลังพร้อมโอบคิลินอย่างถือวิสาสะเล่นเอาคิลินถึงกับสะดุ้งเฮือก

                    “อ่ะ...”

                    “หืม? มาทำอะไรเหรอ ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ?”

                    “เอ่อ...คือ...”

                    “ถ้าว่างล่ะก็ ออกไปหาอะไร...”

                    “พี่คิลินนนนนน!!!!” เสียงแปดหลอดที่ดังขึ้นหน้าเกมเซนเตอร์ทำเอาคนรอบข้างหันมามองอย่างตกใจกันเป็นการใหญ่ แต่นั่นก็รวมถึงตัวคิลินกับชายปริศนาด้วย

                    “พี่คิลิน!! มาแล้วสินะ มาจริงๆ ด้วย! ดีใจจังเลย ไปเล่นเกมข้างในกันดีกว่า!

                    “อะ...เอรีส” จู่ๆ เอรีสก็เข้ามาดึงตัวคิลินออกแล้วลากเข้าเกมเซนเตอร์ราวกับไม่เห็นตัวตนของชายปริศนาเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย

                    “ฟุยุ! พาพี่คิลินมาแล้วล่ะ!” เอรีสโบกมือเรียยกฟุยุกิที่นั่งรออย่างร่าเริง

                    “อ่า...สวัสดีครับพี่คิลิน” ฟุยุกิลุกขึ้นยืนทักทายอย่างเป็นมารยาท

                    “อ่า...สวัสดีครับ” คิลินที่ไม่รู้ว่ามีคนอื่นมาด้วยรีบก้มหัวทักทายอย่างกล้าๆ กลัวๆ

                    “พี่คิลิน นี่ฟุยุกิ เพื่อนของผมนะฮะ” เอรีสว่า “เอาล่ะ รู้จักกันแล้วก็ไปเล่นเกมต่อกันเถอะ!!

                    เอรีสที่แทบจะตะโกนลั่นเกมเซนเตอร์วิ่งไปแลกเหรียญอย่างรวดเร็ว ฟุยุกิและคิลินได้แต่ยิ้มแห้งๆ  ให้กับความร่าเริงเกินเหตุของเอรีส

                    หลังจากเอรีสไปแลกเหรียญเสร็จ เอรีสก็แจกจ่ายให้กับทุกคนโดยทันที เอรีสขอตัวไปเล่นเกิมสตรีทไฟท์เตอร์กลางจอแข่งกับคู่ต่อสู้อีกคนอย่างเมามัน ส่วนคิลินกับฟุยุกิที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก

                    “เอ่อ...พี่คิลินอยากเล่นอะไรหรือเปล่าครับ?”

                    “เอ่อ...ไม่...ฉันเล่นไม่เป็น”

                    “อ่า...ผมก็เหมือนกัน” ฟุยุกิเกาหน้าเกร็งๆ อย่างคนไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนคิลินเองก็รู้สึกโหวงๆ เช่นกัน เขาไม่คุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งยังต้องมาอยู่กับคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกอีก...

                    ให้ตายเถอะ...รู้อย่างนี้ไม่มาดีกว่า...

                    “พี่คิลิน!!!” จู่ๆ เสียงแปดหลอดก็ดังขึ้นขัดความคิดของคิลิน คิลินเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างสงสัย

                    “ผมชนะการแข่งเมื่อกี้ล่ะ! ดูสิๆ ผมได้เหรียญมาเยอะมากกกกกเลยล่ะ!” เอรีสว่าพลางยกถุงที่บรรจุเหรียญตู้เกมมาให้ดูอย่างร่าเริง “เอาล่ะ พี่คิลินอยากเล่นอะไรเหรอ? แล้วฟุยุกิล่ะ อยากเล่นอะไรรึเปล่า?”

                    “...ไม่”

                    “เอ๋? พี่คิลิน ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่สนุกเหรอ?” คิลินสะดุ้งเฮือกมองหน้าเอรีสอย่างตกตะลึง ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าเขาเก็บอารมณ์ไว้ได้ดีแล้วแท้ๆ แต่เอรีสกลับมองออก...

                    “ไม่เอาน่าพี่คิลิน! มาสิ เดี๋ยวผมจะจับตุ๊กตาใหญ่ๆ! ให้พี่คิลินเองนะ” เอรีสอ้าแขนกว้างๆ แสดงความใหญ่โตของตุ๊กตาที่หมายตาให้คิลินดู คิลินเผยอยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

                    “เอ้า ไปกันเถอะ” เอรีสยื่นมือมาหาคิลิน คิลินอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือมาจับมือเอรีส ความอบอุ่นแล่นขึ้นสู่หัวใจอันหนาวเหน็บของคิลินอีกครั้ง

                    ตอนนี้คิลินกลับคิดว่า ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานทีที่ไม่รู้จักหรือต้องเจอกับผู้คนมากมาย...แต่ตราบใดที่ได้อยู่กับเอรีส เขาก็มั่นใจว่าเขาจะไม่เป็นไร...

                    ...

                    “ไม่ได้นะคะ ที่นี่ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าค่ะ!

                    “ไม่เอา!! ก็ผมจะคุยกับพี่โอคิตะนี่!

                    “ไม่ได้ค่ะ! ตอนนี้เรากำลังเตรียมการถ่ายทำอยู่นะคะ ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าค่ะ!” อโลนที่กำลังนั่งเซ็ตผมมองภาพที่คิเรย์ถูกสต๊าฟกองถ่ายกั้นไม่ให้เข้ามาด้วยความเหนื่อยหน่าย

                    ตอนนี้เขามีถ่ายทำที่ถนน A ซึ่งไม่รู้ว่าโชคชะตากลั่นแกล้งหรือว่าเป็นเหตุบังเอิญก็ไม่ทราบ... ที่ถ่ายทำของเขากลับอยู่หน้าบ้านคิเรย์อย่างพอดิบพอดี!

                    “พี่โอคิต่า!! พาผมเข้าไปหน่อยซี่!” คิเรย์ร้องเรียก แต่กระนั้นอโลนกลับแสร้งทำทีเป็นไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ปฏิกิริยานี้ทำให้คิเรย์หน้าบูดขึ้นมาทันใด

                    “พี่โอคิตะใจร้าย! ทำไมถึงทิ้งผมแบบนี้ล่ะ!” คราวนี้เหล่าสตาฟฟ์ต่างพากันมองมาที่อโลนด้วยสายตาแปลกๆ ทันที อโลนถึงกับคิ้วกระตุกเมื่อเจอสถานการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้ง

                    “ฮือ!! พี่โอคิตะโกรธผมแล้วเหรอ? ผมทำผิดอะไร? ทำไม!!

                    “คิเรย์...”

                    “พี่โอคิตะทิ้งผม พี่โอคิตะทิ้ง...อุ๊บ!” อโลนเข้าไปปิดปากคิเรย์ทันทีพลางมองคิเรย์อย่างเหนื่อยหน่าย เขารู้สึกราวกับว่าตั้งแต่เขาพบกับคิเรย์...ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างไรอย่างนั้น

                    “คิเรย์...ตอนนี้ผมกำลังทำงานอยู่นะ ไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับคิเรย์หรอก”

                    “งานอะไรเหรอพี่โอคิตะ?” คิเรย์เปลี่ยนอารมณ์โศกเมื่อครู่มาถามเสียงสดใสอย่างรวดเร็ว

                    “...ถ่ายละคร เพราะงั้นแหละ ผมอยากให้คิเรย์อยู่นิ่งๆ ทำตัวเป็นเด็กดีรอผม...ได้หรือเปล่า?”

                    “ได้ครับ! ผมจะทำตัวเป็นเด็กดี หลังจากนั้นพี่คิเรย์ต้องไปซื้อขนทกินกับผมนะ!” คิเรย์กล่าวอย่างร่าเริงก่อนจะกวักมือเรียกอโลนให้ย่อตัวลง อโลนย่อตัวตามอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไร คิเรย์ก็ชิงหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็ว! อโลนเบิกตากว้าง

                    “ตั้งใจทำงานนะครับพี่โอคิตะ!” คิเรย์ยิ้มก่อนจะวิ่งเข้าบ้านอย่างร่าเริงทิ้งอโลนที่ได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

                    ...

                    “เฮ้อ...” ฟุยุกิที่เดินออกมาจากเกมเซนเตอร์คนเดียวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาลาเอรีสกลับไปก่อนเพราะเขาตั้งใจจะซ้อมวิ่งในช่วงบ่าย แต่ตอนนี้เที่ยงแล้วเขาคงต้องมาหาอะไรทานซักหน่อยล่ะนะ...

                    แชะ...

                    “หืม?” เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น ฟุยุกิหันไปมองอย่างสงสัย เขาเห็นริวกำลังนั่งถ่ายผีเสื้อสีฟ้าสวยตัวหนึ่งที่บินว่อนอย่างร่าเริง

                    “คุณ...ริว?”

                    ริวหันมามองตามเสียงเรียก

                    “เอ่อ...คุณริวถ่ายรูปอยู่เหรอครับ”

                    “อืม...”

                    “มีงานอดิเรกที่น่าสนุกดีนะครับ” ฟุยุกิหัวเราะแห้งๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ริวไม่ตอบแต่เดินมานั่งข้างๆ ฟุยุกิที่นั่งดื่มน้ำอยู่

                    “เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าครับคุณริว”

                    “อยากลองถ่ายดูมั๊ย?”

                    “ฮะ?”

                    “อยากลองถ่ายดูมั๊ย?” ริวไม่ว่าเปล่า เขายื่อกล้องตัวใหญ่ราคาแพงมาให้ ฟุยุกิรีบปฏิเสธทันที

                    “มะ...ไม่เป็นไรครับ ผมถ่ายไม่เป็น...”

                    “ลองดูสิ...” ริวยังคงพยักพเยิดกล้องให้ฟุยุกิ ฟุยุกิจึงจำใจรับอย่างปฏิเสธไม่ได้

                    “เอ่อ...อึ๊บ หนักจัง” ฟุยุกิยกกล้องขึ้นเล็งไปที่หน้าริวอย่างกล้าๆ กลัวๆ

                    แชะ...

                    “...ถ่ายฉันทำไม”

                    “เอ๊ะ?”

                    “ถ่ายฉันทำไม?” ริวยังคงถามคำถามเดิม ฟุยุกิได้แต่ใบ้กิน ทำไมน่ะเหรอ...

                    “ก็คุณริวหน้าสวยออก...เอ่อ ถ่ายไม่ได้เหรอครับ”

                    ริวไม่ตอบ แต่หยิบกล้องจากมือฟุยุกิไปดูภาพที่ถ่ายเมื่อครู่ ภาพออกมาสวยจริงๆ นั่นแหละ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไปฟุยุกิถึงได้เลือกถ่ายรูปเขาเท่านั้นเอง ปกติแล้วคนทั่วไปเวลาคิดจะถ่ายรูปใดรูปหนึ่งก็ต้องเกิดมาจากความชอบ...?

                    แชะ...

                    “เอ๊ะ...?” เสียงแฟลตดังขึ้นอีกครั้ง ฟุยุกิมองอย่างงงๆ ก่อนที่จู่ๆ ริวก็ลุกขึ้นอย่างไม่บอกไม่กล่าวพร้อมพูดว่า

                    “ไปกัน”

                    “เอ๊ะ?”

                    “ไปกัน” ริวลากฟุยุกิตรงไปยังบ้านของตนเองที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว เขาไขกุญแจเข้าบ้านก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ต่อสายยูเอสบีอย่างรวดเร็ว

                    “เอ่อ...คุณริว?”

                    ริวใช้เวลาไม่นานปริ้นต์รูปออกมาสองใบ ใบหนึ่งเป็นรูปตัวเขาเองที่ฟุยุกิถ่าย ส่วนอีกใบเป็นรูปฟุยุกิที่เขาถ่าย ริวยื่นรูปที่ปรากฏหน้าเขาให้ฟุยุกิ

                    “ถ้าชอบก็เอาไปสิ”

                    “ฮะ!?

                    “ฉันเองก็ชอบหน้านาย ฉันจะเก็บหน้านายไว้” ริวไม่ว่าเปล่า เขาหยิบรูปฟุยุกิสอดเข้ากระเป๋าตังค์ของเขาเองทันที ฟุยุกิได้แต่เบิกตากว้างตามไม่ทัน

                    เดี๋ยวนะ...ชอบ...งั้นเหรอ!???

                    ...

                    “คราฟฟ์!

                    “รุ่นพี่...” คราฟฟ์หันไปมองหน้าเต้อย่างเหนื่อยอ่อน ไม่คิดเลยว่าแม้กระทั่งวันหยุดแบบนี้...เต้ก็ยังมาตามระวีเขาไม่เลิก!

                    “วาดหน้าฉันหน่อยสิๆ วาดฉันให้ออกมาหล่อๆ! มีเท็นแพ็ก!” เต้ว่าพลางทำท่านักยกน้ำหนักที่มีกล้ามเป็นมัดๆ อย่างร่าเริง

                    วันแพ็กยังไม่มีแล้วจะหวังถึงเท็นแพ็กเลยเนี่ยนะ... คราฟฟ์แอบกัดในใจ

                    วันนี้เขามานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด แต่กลับมาเจอบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะมาห้องสมุด...อย่างเต้

                    “ว่าแต่รุ่นพี่เถอะ มาทำอะไรที่ห้องสมุดครับ?”

                    “มาอ่านการ์ตูน!” เต้ตอบอย่างภูมิใจ

                    “ที่ห้องสมุดไม่มีการ์ตูนให้อ่านหรอกนะครับ”

                    “เห!??” เต้เบิกตากว้างทันที “นี่มันห้องสมุดไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่มีการ์ตูนล่ะ!?

                    “นี่มันห้องสมุด ความรู้นะครับ ใครจะไปยัดการ์ตูนลงห้องสมุดบ้างล่ะครับ และอีกอย่าง...รุ่นพี่ช่วยลดเสียงหน่อยจะได้มั๊ยครับ” คราฟฟ์ตอกกลับ

                    “ทำมายยย...ฉันคิดว่า...” ยังไม่ทันที่เต้จะได้โวยวายอะไรต่อ จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้น

                    “อ้าว เต้? นี่นายมาห้องสมุดเหรอ?” เป็นเคนโซนี่เอง... เคนโซเบิกตากว้างจ้องมาที่เต้อย่างไม่เชื่อสายตา ข้างหลังเคนโซที่เดินตามมาติดๆ คือกราฟ คราฟฟ์เองก็เบิกตากว้างขึ้นทันที

                    “นาย! เจ้าหื่น! ที่พูดแบบนี้นี่มันหมายความว่ายังไงฟะ!” เต้โวย

                    “อะไรเล่า ฉันก็แค่สงสัย ไม่คิดว่าคนอย่างนายจะมีความคิดอยากหาความรู้เข้าสมองแบบชาวบ้านเขาเหมือนกัน”

                    “หา!?? ฉันไม่อยากได้ยินคนที่คิด 0 ทุกวิชาอย่างนายมาว่าหรอกนะ! อย่างน้อยฉันก็ดีกว่านายเยอะล่ะน่า!

                    “ผมขอตัว...” คราฟฟ์ที่รู้สึกไม่ดีเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้ากราฟรีบเดินออกหนีสถานการณ์วุ่นวายนี้อย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงเต้ที่เรียกตามหลังเลยแม้แต่น้อย

                    “เฮ้อ...” คราฟฟ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย นี่ขนาดเขาหนีมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดยังจะโดนวุ่นวายอีก ให้ตายเถอะ...

                    “คราฟฟ์”

                    “เหวอ!” คราฟฟ์จะดุ้งโหยงมองผู้มาเยือนอย่างตกใจ

                    “คุณ...” คราฟฟ์เรียกไปได้ครึ่งเดียวก็หันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่พอใจ

                    “...ยังโกรธอยู่เหรอ?”

                    “...”

                    “...”

                    ต่างคนต่างไม่พูดอะไร แต่ไม่รู้เพราะอะไรคราฟฟ์ถึงกลับรู้สึกใจเต้นพิกลกับคำพูดที่คล้ายจะดูเหงาหงอยเมื่อครู่ ...ไม่สิ เขาคงคิดไปเองนั่นล่ะ!

                    “ไม่ได้โกรธครับ คุณกราฟมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” คราฟฟ์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

                    “อืม...ไม่หรอก ว่าแต่นายพอจะเห็นหนังสือวิชาเศรษฐศาสตร์บ้างไหม?” คราฟฟ์งุนงงเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่กลับมาเป็นปกติของกราฟ ว่าแต่กราฟมาห้องสมุดเพื่อมาหาหนังสือเศรษฐศาสตร์เนี่ยนะ? ดูไม่เข้าเลย...

                    “อ่า...ครับ ที่ช่อง A004 ครับ”

                    “พาไปหน่อยได้ไหม?” กราฟยิ้ม นั่นทำให้คราฟฟ์อดที่จะงุนงงไม่ได้ เมื่อวันที่ผ่านมากราฟยังว่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงอยู่เลย! แล้วนี่กลับ...มาดีด้วยเนี่ยนะ!?

                    ทั้งพูดจาดี มีมารยาท แล้วยังมีรอยยิ้ม...

                    ตกลงแล้วตัวจริงของกราฟเป็นแบบไหนกันแน่!?

                    ...

                    “แล้วตกลงนายมาทำอะไรเนี่ย” เต้ถามเคนโซอย่างสงสัย

                    “พาคนมาส่งน่ะ” เคนโซว่า “คนเมื่อกี้ชื่อคราฟฟ์เหรอ?”

                    เต้ขมวดคิ้วโมโหทันทีพลางตวาดว่า “อย่ามาม่อใส่คราฟฟ์นะ!

                    “...เห? อะไรกันเนี่ย แค่นี้ก็หึงแล้วเหรอ?” เคนโซแสร้งหยอกยิ้ม

                    “หา!? ฉันไม่ได้...!

                    “ไม่เอาน่าที่รัก ฉันแค่พากราฟมาส่งน่ะ เห็นจู่ๆ เจ้านั่นก็บอกว่าจะมาห้องสมุดเพื่อตามหาคราฟฟ์...แต่กลับไม่รู้ทางมากซะได้”

                    “เอ๋? สองคนนั้นเขารู้จักกันด้วยเหรอ แล้วนายก็รู้จักกราฟเหรอ?”

                    “สองคนนั้นรู้จักกันยังไงฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ฉันรู้จักกราฟเพราะฉันเองก็ไปทำงานพิเศษในผับของกราฟบ่อยๆ เลยรู้จักกันน่ะ”

                    “อ้อ...”

                    “เอาล่ะ ทีนี้ก็ไม่ต้องหึงแล้วเนอะที่รัก” เคนโซหัวเราะเบาๆ พลางขยี้ผมของเต้ซะยุ่งเหยิง “เอาล่ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ!

                    “อะไรของนาย ทำไมวันนี้ทำตัวน่าขนลุกจัง ปกติจะเอาแต่หาเรื่องทะเลาะกับฉันแท้ๆ” เต้ว่าอย่างสงใสโดยไม่ได้สำเนียกตนเองเลยว่าเขานั่นแหละ...ที่มักจะเป็นคนจุดชนวนทะเลาะอยู่ร่ำไป

                    “เอ...นั่นสินะ เพราะจู่ๆ นายก็น่ารักขึ้นล่ะมั้ง?”

                    “หา! ไปไกลๆ เลยนะเจ้าหน้าม่อ! หน้าขยะแขยงจริงๆ!” เต้รีบถอนกรูดออกมาทำท่ารังเกียจ เคนโซเห็นดังนั้นก็อดรู้สึกฉุนขึ้นมาไม่ได้

                    “อะไรกันเล่าเจ้าสิงโต! คนอุตส่าห์พูดจาดีๆ แล้วแท้ๆ!

                    “ก็แล้วไงเล่า! จู่ๆ ก็มาพูดแต่น่ารักๆๆๆ แบบนี้น่ะ! หน้าม่อชะมัด!

                    “หา! ว่าไงนะเจ้าสิงโต!

                    “เจ้าหื่นกามๆๆๆๆ!!

                    “เจ้าสิงโตๆๆๆๆ!!

                    กลับกลายเป็นว่าทั้งสองทะเลาะกันแบบเด็กๆ อีกครั้งโดยไม่สนใจรอบข้างที่ส่งสายตารำคาญมาให้เลยแม้แต่น้อย...

     ----------------------------------
    โฮกกกกก เป็นตอนที่แต่งแล้วเหนื่อยแปลกๆ 555
    มีบางคนทายถูกสำหรับคู่ซันซิออนริวด้วยล่ะ 5555 //โดนตรบข้อหาสปอยล์
    ช่วงนี้เราต้องเตรียมเก็บของย้ายบ้าน อาจไม่ได้อัพทุดวันแต่ก็จะพยายามนะคะ > <;


    :-Daisy ✿

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×