ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนวุ่นชุลมุนรัก YAOI!

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่2 : ตึกตัก!?

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 56


                    กริ๊งงงงง

                    เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาสามโมงครึ่งแล้ว นักเรียนแต่ละคนก็พากันทยอยกลับกันไปจนเหลือนักเรียนเพียงบางตาในห้องม.4/B

                    “เฮ้อ...” ฟุยุกิที่เป็นหนึ่งในนักเรียนบางตาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก็เขาน่ะ...โดดเรียนคาบเช้ายันคาบบ่ายเพื่อตามหารุ่นพี่ม.6ที่ชื่อว่าซันเชียวนะ! นี่ก็เพิ่งได้โผล่มาเรียนคาบสุดท้าย...เหนื่อยจริงๆ หวังว่าเขาจะไม่โดนลากไปอีกนะ...

                    “นี่ๆ ฟุยุ เป็นไรไป ไม่กลับบ้านเหรอ?” เอรีสจิ้มที่หน้าใสๆ ของฟุยุกิเบาๆ “เดี๋ยวฉันจะไปหาพี่คิลินล่ะ เย็นนี้เลยอยู่ด้วยไม่ได้ ขอโทษน๊า”

                    “ฮะๆ ไม่เป็นไรครับ” ฟุยุกิหัวเราะเบาๆ เขาไม่คิดอะไรหรอก เพราะยังไงซะทุกคนก็ต้องมีเรื่องที่อยากทำเป็นธรรมดา ถึงแม้จะเป็นวันแรกที่เปิดเทอมก็เถอะ...

                    “ฮี่ๆ ฟุยุเองก็กลับบ้านดีๆ นะ! บ๊ายบาย!” เอรีสว่าจบก็โบกมือลาฟุยุกิอย่างร่าเริง ฟุยุกิเริ่มเก็บของแล้วเดินออกจากห้องบ้าง

                    อืม...จะทำอะไรดีนะ ไปฝึกวิ่งหน่อยดีกว่า...

                    ระหว่างทางออกไปหน้าโรงเรียน ฟุยุกิราวกับจะแอบเห็นความวุ่นวายบังเกิด...คือหนึ่ง เอรีสที่ขอตัวไปหาพี่คิลินปีนหน้าต่างตึกห้องดนตรีต่อหน้าคนนับสิบอย่างเสียมารยาท สอง ชายหนุ่มที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเพล์บอยประจำโรงเรียนกับเด็กหนุ่มร่างเล็กที่ใส่เข็มแสดงชั้นม.6 กำลังยืนทะเลาะกันราวกับเด็กโดยมีผู้คนจำนวนมากมุงดูอย่างสนใจ และสาม...ดาราหนุ่มยอดนิยมอย่างเคลียร์กำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ ซุ่มอยู่แถวประตูโรงเรียนที่มีนักศึกษามหาวิทยาลัยตรงข้ามยืนอยู่

                    อืม...โรงเรียนนี้มันวุ่นวายดีเนอะ ฮะๆ...

                    ฟุยุกิคิดแล้วก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆ พลางเดินผ่านหน้าประตูโรงเรียนไปตามปกติ ฟุยุกิออกตัววิ่งจ้อกกิ้งเบาๆ เพราะเขาใส่ชุดนักเรียนอยู่จึงยังไม่อยากออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง เพราะเดี๋ยวชุดนักเรียนจะเลอะคราบเหงื่อเอา...

                    “ไง...ไอ้พระเอก เมื่อเช้าทำไว้แสบนักนะ” เสียงโหดๆ ดังออกมาจากตรอก ฟุยุกิที่วิ่งจ้องกิ้งอยู่หันมามองอย่างสงสัย

                    นั่นมัน...คุณริวนี่!

                    “...ทำอะไร?”

                    “หา! ก็ที่เมื่อเช้าแกทำไว้กับพวกเราไงเล่า! ดูพรรคพวกฉันสิ ข้อมือพลิกเลย!” อันธพาลไม่ว่าเปล่า เขาชูมือเพื่อนของเขาที่พันข้อมือขึ้นมาให้ริวดู

                    “...พันสวยดีนะ?”

                    “ไม่ได้ให้ชมเว้ย!” อันธพาลที่เหมือนจะโดนริวกวนใส่เงื้อหมัดขึ้นต่อยริวทันที! แต่ริวกลับไวกว่า เขารับหมัดของอันธพาลไว้ทันพร้อมเตะตวัดขาชายอันธพาลตรงหน้าล้มลงอย่างไม่เป็นท่า!

                    “แก!” แต่ถึงกระนั้นอันธพาลก็มีเยอะกว่าอยู่ดี กลุ่มอันธพาลพากันล็อกแขนล็อกขาริวไว้อย่างพร้อมเพรียง แต่กระนั้นริวก็ยังคงทำหน้าเฉยชาราวกับยอมให้จับง่ายๆ

                    แย่ล่ะ! คุณริว!

                    ฟุยุกิเห็นท่าไม่ดี เขารีบวิ่งเข้ามาในตรอกอย่างรวดเร็วจนลืมไปว่า ตัวเขาเองก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้เช่นกัน...

                    “ดะ...เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! ขอร้องล่ะ!

                    “หา?” อันธพาลที่โดนขัดจังหวะซ้อมหันมาทำหน้าโหดใส่ฟุยุกิแทบจะทันที

                    “คือ...เขา...เขาเป็นคนรู้จักของผม ช่วยปล่อยเขาไปเถอะ...” ฟุยุกิพูดเสียงสั่นอย่างหวาดกลัว

                    “แล้วแกจะยุ่งอะไรด้วยเล่า! หรืออยากจะโดนต่อยด้วยอีกคน...ได้ จับมัน” อันธพาลที่ดูเหมือนจะเป็นตัวหัวหน้าสั่งให้ลูกน้องที่ยังว่างอยู่ตรงเข้าไปจับตัวฟุยุกิทันที

                    “เหวอ!

                    พลั่ก ตุ้บ โครม!

                    ริวสะบัดตัวอันธพาลที่ล็อกแขนขาตนเองออกอย่างง่ายดายพร้อมพุ่งเข้ามาเข่าใส่อันธพาลหนุ่มสองคนที่หมายจะมาจับตัวฟุยุกิอย่างรวดเร็ว!

                    “ไป...” ฟุยุกิที่มัวแต่ตะลึงกับภาพตรงหน้าถูกคว้าตัวไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผ่านพ้นจากบริเวณตรอกได้สักพักแล้วฟุยุกิก็เอ่ยปากขึ้น

                    “เอ่อ...คุณริว”

                    “อะไร?”

                    “เอ่อ...คุณริวเป็นอะไรหรือเปล่า?” ฟุยุกิถามอย่าเป็นห่วง

                    “ไม่”

                    “เอ่อ...” ฟุยุกิที่ไม่รู้จะถามอะไรต่อได้แต่นิ่งเงียบมองพื้นต่อ แต่กระนั้นสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นรอยช้ำบริเวณข้อมือของริวที่กลุ่มอันธพาลทำไว้เมื่อครู่

                    “คุณริว! ข้อมือ!

                    “...อะไร”

                    ฟุยุกิคว้าข้อมือของริวขึ้นตรวจอย่างเป็นห่วง...ขึ้นเป็นรอยม่วงเลย ทำไมคุณริวถึงยังทำหน้าเฉยๆ ได้อีกนะ

                    “มะ...ม่วงเลย! โหดร้าย...คุณริวเจ็บหรือเปล่าครับ ถ้าเจ็บแบบปวดไม่แน่วว่ากระดูกอาจร้าวได้นะครับ!

                    “...ไม่”

                    “ดีๆ สิคุณริว เจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ!” ฟุยุกิลนลาน “ไปโรงพยาบาล...โอ๊ย!

                    ริวยกมือข้างที่ช้ำขึ้นดีดหน้าผากฟุยุกิเบาๆ พลางยิ้มบางๆ

                    “เวอร์น่ะ มันไม่ได้แรงถึงขนาดข้อมือหักได้หรอก” นับเป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่ฟุยุกิได้พูดกับริวมาเลยทีเดียว...

                    “ไปล่ะ” ริวโบกมือลาฟุยุกิที่แข็งเป็นหินไปเรียบร้อย ก่อนจะเดินจากไป

                    คุณริว...ยิ้ม!? ฟุยุกิอ้าปากค้าง ถึงแม้เขากับริวจะเพิ่งรู้จักกันก็ตาม...แต่นี่จะเป็นวันที่เขาจะจดจำไปจนวันตาย...

                    ...

                    “ป้าครับ ขอไอติมช็อกโกแลตแท่งนึงครับ” เนย์จิ หนุ่มน้อยหน้าหวานแวะร้านขนมเจ้าประจำอีกครั้งหนึ่งด้วยความที่อยากกินไอติมรสช็อกโกแลตมาก

                    “แหม ขอโทษนะจ๊ะ แท่งสุดท้ายพ่อหนุ่มที่ออกไปเมื่อกี้ซื้อไปแล้วล่ะจ้ะ” เดจาวู!! เนย์จิอ้าปากค้าง ที่ขนาดเขามาตอนเย็น...ยังหมดเนี่ยนะ!? อะไรจะขายดีปานนั้น!?

                    แล้วยังจะ...พ่อหนุ่มเหรอ เจ้าหมอนั่น...ต้องเป็นเจ้าคนที่ชอบยิ้มกวนส้นตลอดเวลาแน่นอน!

                    เนย์จิวิ่งออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่จะได้กวาดสายตาหา ชายหนุ่มร่างสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนก็ยืนยิ้มอยู่หน้าร้านอย่างเด่นเป็นสง่าพลางโบกซองไอติมช็อกโกแลตไปมาอย่างน่าต่อยเป็นที่สุด!

                    “แก!!

                    “อ้าวเนย์จิคุง!?” ซิการ์ทำทีเป็นตกใจ “สวัสดีตอนบ่ายนะครับ มาทำอะไรเหรอ?”

                    “มาต่อยหน้าแกไง! เอาไอติมของฉันคืนมา!

                    “ไอติมของเนย์จิคุง? หืม? มีชื่อเนย์จิคุงเขียนไว้ด้วยหรอกเหรอครับ?” ซิการ์แสร้งทำทีเป็นพลิกซองหาชื่อ เล่นเอาเนย์จิที่เดือดดาลอยู่แล้วถึงกับโมโหสุดขีด

                    “เอามานะไอ้งี่...อุ๊บ!” ซิการ์คว้าตัวเนย์จิมาปิดปากอย่างรวดเร็วพร้อมหันไปหาคุณป้าร้านขนมที่มองมาอย่างเป็นห่วงว่าจะมีเรื่องทะเลาะกัน

                    “ไม่มีอะไรครับคุณป้า พวกเราแค่เล่นกันนิดหน่อย”

                    “อ้อเหรอจ๊ะ เล่นกันอย่างแรงนะ” เมื่อเห็นว่าคุณป้าทำหน้าเข้าใจพร้อมเดินกลับเข้าร้านไปแล้ว ซิการ์ก็ปล่อยตัวเนย์จิที่ดิ้นอย่างแรงออกเป็นอิสระโดยทันที

                    “แรงเยอะดีนะครับ สงสัยจริงๆ ว่าเอน่าอุ้มเนย์จิคุงไหวเข้าไปได้ยังไง”

                    “ใครจะไปสนไอ้ถึกนั่นเล่า! เอาไอติมของฉันคืนมา!

                    “หืม...ยังไงดีนะ? แต่ผมเป็นคนซื้อมานะครับ” เมื่อได้ฟังดังนั้นเนย์จิก็เดือดขึ้นมาทันที เขาเงื้อหมัดขึ้นหมายจะต่อยไปที่ใบหน้าสวยๆ นั่นให้เละ แต่แล้วซิการ์กลับจัดการรวบข้อมือเนย์จิไพล่หลังโดยทันที!    

                    “ให้ตาย...เนย์จิคุงที่ป่าเถื่อนจังเลยนะครับ กับอีแค่ช็อกโกแลตแท่งเดียวก็ถึงจะต่อยกันเลยทีเดียว” ซิการ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

                    “ก็ใครใช้ให้แกมาแย่งของๆ ฉันเล่า! ปล่อยฉันนะ!

                    “แล้วยังจะไม่มีเหตุผลอีก ไอติมแท่งนี้ผมซื้อมาก่อนเนย์จิคุงนะครับ” ซิการ์ปล่อยตัวเนย์จิออกพร้อมกับทำทีเป็นถอนหายใจเฮือกใหญ่

                    “เอาไว้มีเหตุผลเมื่อไหร่ก็ค่อยมากินไอติมช็อกโกแลตที่แย่งมาจากผมได้ก็แล้วกันนะครับ” ซิการ์ว่าจบก็แกะซองไอติมเข้าปากโดยทันที เขาแสยะยิ้มน้อยๆ พร้อมกับหันหลังเดินจากไปโดยปล่อยให้เนย์จิที่ยังอึ้งค้างได้หงุดหงิดเล่นไปอีกหลายวัน...

                    ...

                    “พี่ โอ คิ - ต่า!!!!!” เสียงแปดปรอทดังลั่นมหาวิทยาลัย A ชื่อดัง เล่นเอานักศึกษาแต่ละคนหันมามองอย่างตื่นตกใจกันเป็นว่าเล่น

                    คิเรย์ หนุ่มน้อยหน้าใสเดินว่อนมหาวิทยาลัยราวกับเป็นสวนหลังบ้านของตนเองก็ว่าได้ เขาตะโกนแหกปากเรียกไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดราวกับว่าถ้ายังไม่เจอตัวก็จะไม่หยุด

                    “พี่โอ...อุ๊บ!” จู่ๆ คิเรย์ก็โดนกระชากหลบเข้ามุมตึกอย่างรวดเร็ว! อโลนขมวดคิ้วยุ่งถอนหายใจเหนื่อยหน่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

                    “คิเรย์...มีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงมาเดินเรียกเสียงดังขนาดนี้...”

                    “พี่โอคิตะ!!” คิเรย์ยิ้มร่า เป็นรอยยิ้มที่สดใสซะจนอโลนอดมองไม่ได้ “ผมจะกลับพร้อมพี่โอคิตะครับ!!

                    “...กลับพร้อมผม?” เหนือความคาดหมาย... อโลนแอบขมวดคิ้วสงสัย เด็กนี่มีจุดประสงค์อะไร...ทำไมถึงจู่ๆ มาอยากกลับพร้อมเขาได้?

                    “ใช่แล้วววว ผมจะเป็นองครักษ์ของพี่โอคิตะ! ผมจะตามพี่โอคิตะไปจนวันตายยยยยย” คิเรย์ไม่ว่าเปล่า เขาลุกขึ้นมากางแขนกางขาหมุนตัวไปมาอย่างร่าเริง

                    สดใสจริงๆ... เป็นคนร่าเริงหรือว่าเป็นคนบ้านะ...

                    “...ไม่ได้หรอกครับ เพราะหลังจากนี้ผมต้องไปทำงานต่อ”

                    “เอ๋!? ทำไมล่ะ!

                    “งานครับ...” อโลนเหลือบไปเห็นดวงตากลมโตที่คลอน้ำใสๆ อยู่ถึงกับจุกพูดไม่ออก “เอ่อ นั่นสินะ...งั้นถ้าคิเรย์เต้นไปมากลางประตูมหาลัยได้ ผมก็จะยอมกลับด้วยครับ”

                    หึ...ต่อให้บ้าแค่ไหนก็คงไม่กล้า...

                    “จริงนะ!” ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตของคิเรย์เป็นประกายวูบวาบขึ้นมาทันที ก่อนจะออกตัววิ่งไปกลางมหาวิทยาลัยพร้อมโชว์ลีลาการเต้นระบำชาวเกาะอย่างคนบ้า

                    “เย้เย ฮูลาฮูล่า ฮู้ว!! คิเรย์ผู้ยิ่งใหญ่ เย้!” อโลนแทบจะหลุดมาดอ้าปากค้างมองคิเรย์ที่ออกไปเต้นกลางมหาลัยอย่างบ้าคลั่ง อโลนจะทำเป็นไม่รู้จักแล้วเดินหนีไปก็ได้ แต่ไม่รู้เพราะอะไรอโลนถึงได้รู้สึกอับอายเหลือเกิน เขาปรี่เข้าไปกระชากตัวคิเรย์ที่เต้นอย่างบ้าคลั่งเดินออกจากมหาลัยอย่างรวดเร็ว

                    “เอ๊ะ พี่โอคิตะจะกลับด้วยแล้วใช่ม้า... อ้าวพี่โอคิตะ เป็นอะไร หน้าแดงเชียว...”

                    “เงียบน่า!

                    ...

                    ตอนนี้... เคลียร์ ครอสผู้เป็นถึงดารายอดนิยมถึงคราลำบาก... เคลียร์ที่ยืนหลบอยู่หลังเสาข้างๆ ประตูโรงเรียนลอบมองมายังหน้าประตูด้วยความลำบากใจถึงขีดสุด...

                    เอน่าที่ยืนพิงเสาหน้าประตูโรงเรียนดูหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่รอ เคลียร์เองก็อยากจะตะโกนบอกว่าเขาเองก็หงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่รอเอน่าไปเหมือนกัน!

                    โธ่เว้ย! ทางออกก็มีแค่ทางเดียว ถ้าจะปีนรั้วก็เด่นเกินไป...หรือถ้าจะตัดสินใจวิ่งตัดหน้าทันทีก็คงมีหวังโดนเอน่าจับตัวได้อยู่ดี!

                    หรือจะปลอมตัวดีนะ... ไม่สิ ก็ไม่ได้ เอน่าดูออกได้แน่นอน...

    ถ้าเขามีโทรศัพท์คงจะสามารถโทรให้ผู้จัดการมารับได้แท้ๆ...โธ่!

                    เคลียร์ตัดสินใจเปลี่ยนที่ เขาไม่มีวันออกไปเจอเอน่าหรอก! ถึงแม้ว่าจะโดนขโมยโทรศัพท์ไปก็เถอะ แต่เขาไม่มีวันจะโผล่หน้าไปเจอเอน่าอย่างแน่...

                    “เคลียร์!?” ราวกับโชคชะตากลั่นแกล้ง... เคนโซที่เดินออกมาจากตึกพอดียิ้มร่าทันทีเมื่อเห็นหน้าเคลียร์ เคลียร์เบิกตากว้างมองเคนโซเช่นกัน

                    “ดีใจจังเลย มารอฉันใช้มั้ยที่รัก? เคนโซถือวิสาสะโอบเคลียร์อย่างร่าเริง เคลียร์เองก็อึ้งไปทำตัวไม่ถูกเช่นกัน เคลียร์ลอบมองเอน่าทางหน้าประตู...เวรล่ะ! เอน่าเริ่มรู้สึกตัวแล้ว!

                    “ระ...รุ่นพี่ ผมรีบ ถอย...”

                    “หืม? รีบไปไหนเหรอ? เย็นแล้วนะ ไม่หิวเหรอ? ถ้าเคลียร์ยอมให้ฉันพาไปเลี้ยงข้าวล่ะก็พิเศษ! เลี้ยงวันนี้พาไปเลี้ยงตลอดชาติ!

                    “เอ่อ...พี่เคนโซ ถอยไปเร็ว! ไม่ได้การ... ไม่ว่ายังไงเคลียร์ก็ไม่สามารถปัดแขนอันมีแรงมหาสารของเคนโซได้เลย เอน่าก็เริ่มเดินมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วด้วย!

                    “ว่าไงครับคนน่ารัก...สนใจ...”

                    “โธ่เว้ย! ก็บอกให้ปล่อยไงล่ะเจ้างั่ง! เอน่าตัดสินใจใช้แรงเฮือกสุดท้ายปัดแขนเคนโซออกอย่างแรงพร้อมออกตัววิ่งโดยทันที

                    “เอ๊ะ...”

                    “เคลียร์!!” ยังไม่ทันที่เคลียร์จะได้วิ่งหนี เอน่าก็เข้ามากระชากแขนบางๆ ของเคลียร์อย่างรวดเร็วจนเคลียร์เซถลาไปกระแทกแผ่นอกเอน่าเข้าอย่างจัง

                    “อึ้ก...”

                    “คิดจะหนีไปไหน...” เอน่าดูหงุดหงิดไม่น้อย เขาเหลือบตาขึ้นไปมองเคนโซอย่างกินเลือดกินเนื้อ “นายเป็นใคร”

                    “เอ่อ...ผมมิซึบารุ เคนโซ...”

                    “อ้อ...นายนี่เองเคนโซ” เอน่าหรี่ตาอย่างหาเรื่องทำเอาบรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นมาโดยจะทันที เคนโซที่ยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์โดยลึกได้แต่ยิ้มค้างไม่เข้าใจ

                    “เอน่า! อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ!” เคลียร์ที่เห็นว่าสถานการณ์ชักไม่ดีรีบเอ่ยร้องห้ามพลางพยายามบิดแขนออกจากการเกาะกุม เอน่าเห็นดังนั้นก็รู้สึกขัดใจมากกว่าเดิม เขากระชากแขนเคลียร์แรงขึ้นจนแขนบางๆ ขึ้นเป็นรอยจ้ำสีแดง

                    “นาย...”

                    “อ๊า!!!!” เสียงแปดหลอดเจ้าเก่าดังขึ้นลั่น เอน่า เคลียร์และเคนโซถึงกับสะดุ้งโหยง

                    “ที่รัก! มาอยู่ที่นี่นี่เองงงงง” เต้วิ่งปรี่เข้ามาคว้าท่อนแขนเคนโซไปกอดอย่างออดอ้อน “ไหนว่าจะรอกลับพร้อมกันไง เต้คิดถึ๊งงงงงงงคิดถึง!!

                    คำว่าคิดถึงฟังดูจะประชดไปหน่อยจนเคนโซได้แต่ใบ้กิน เคลียร์เห็นโอกาสดีรีบลากเอน่าออกไปอย่างรวดเร็ว

                    “อะ...เอน่า! ไปกันเถอะ มะ...มะ...มารับ...ไม่ใช่รึไง!” เคลียร์พยายามกัดฟันพูดถ้อยคำที่คล้ายจะเลี่ยนปากอย่างสุดความสามารถ “ไป...ไป...โธ่เว้ย! ไปกันได้แล้วน่ะเจ้าบ้า! โผล่มาวุ่นวายไม่พอยังจะมาป่วนคนอื่นอีก! คิดบ้าอะไรของนายอยู่น่ะหา! แล้วก็เอาโทรศัพท์ฉันคืนมาด้วย!

                    “หา!? กล้าดียังไงมาว่าฉันอยู่ฝ่ายเดียวกัน! นายต่างหากที่ฉันนัดแล้วหนีน่ะ! ปล่อยให้ฉันยืนรอเป็นชั่วโมง...”
                    เสียงของทั้งคู่เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ เต้ปล่อยแขนเคนโซออกโดยทันทีราวกับขยะแขยงมาแต่ชาติปางก่อน เคนโซมองการกระทำของเต้อย่างไม่เข้าใจ

                    “อะไรของนาย จู่ๆ มาเป็นบ้าอะไร วิ่งเข้ามาเกาะแขนฉันเองแล้วยังจะทำท่ารังเกียจอีก”

                    “หนอย! เจ้าคนเนรคุณ! ช่วยแล้วยังไม่รู้สึกสำนึกอีก!” เต้โวยอย่างไม่ยอมแพ้ เห็นดังนั้นเคนโซก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ เขารู้อยู่แล้วล่ะว่าเต้ตั้งใจจะมาช่วย แต่แค่แกล้งทำเนียนไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง

                    “แล้ว...เจ็บตรงไหนรึเปล่า เจ้านั่นมันทำอะไรกระทบกระเทือนสมองอันน้อยนิดของนายรึเปล่า”

                    ตึก... เคนโซเบิกตากว้าง นี่มัน...

                    “หืม...ฮัลโหลๆ อยู่รึเปล่า!?

                    “อะไรเล่าเจ้าเบ๊อะ!” เคนโซใช้กำปั้นทุบลงบนหัวเต้เบาๆ พร้อมย่อตัวลงกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงทุ้มพร่า “ว่าไง...ตกลงยังจะกลับบ้านพร้อมฉันอยู่อีกมั้ย?”

                    “ใครจะไปกลับพร้อมคนอย่างนายเล่าเจ้าหื่นกาม!

                    เต้ผลักเคนโซออกอย่างแรงพร้อมกระทืบเท้าปึงปังเดินจากไปอย่างหงุดหงิด เคนโซลอบยิ้ม เขาแอบเห็นใบหูของเต้ที่เดินอยู่ข้างหน้าขึ้นสีเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรือเพราะ...

                    เขิน?

                    “หึๆ... เฮ้เจ้าสิงโต รอฉันด้วยเซ่!

                    ...

                    แต๊ง...แต๊ง...แต๊ง...

                    “เอ่อ...เอรีส หยุดก่อน” คิลินเอ่ยห้ามอย่างกล้าๆ กลัวๆ “นั่นมันไม่ใช่แล้ว...ยังไง...เอรีสก็ควรจะฝึกทีละมือให้คล่องๆ ก่อน...จะดีกว่านะ”

                    “เห!???? ทำมายอ้ะ ผมห่วยมากเลยเหรอ!?” เอรีสทำแก้มป่องหันมาทางคิลินอย่างงอนๆ

                    “เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก...” คิลินรีบปฏิเสธ “แต่ว่าเอรีสยังไม่คล่องเท่าไหร่เลย...”

                    “ชิ แล้วเมื่อไหร่ผมจะเล่นเก่งเหมือนพี่คิลินล่ะ” เอรีสหันไปฝึกด้วยมือขวาเพียงข้างเดียวตามคิลินอย่างงอนๆ แต่แล้วจู่ๆ เอรีสก็หันพรวดมาหาคิลินด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

                    “จะว่าไปๆๆๆ พี่คิลินเล่นเปียโนตั้งแต่อายุเท่าไหร่เหรอ?? ทำไมถึงเก่งจังเลยล่ะ!

                    “...เด็กๆ...แล้วล่ะ”

                    “ว้าว!! งั้นแสดงว่าที่บ้านพี่คิลินก็ต้องมีเปียโนด้วยน่ะสิ!

                    “...ก็นะ”

                    “สุดยอดดดดดดด” เอรีสยังคงตาเป็นประกาย “คุณพ่อคุณแม่พี่คิลินซื้อให้เหรอ ว้าวดีจังนะ ผมก็น่าจะขอให้พ่อแม่ซื้อให้บ้าง!

                    “อืม...ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ...ตอนนี้พวกท่านไปทำงานที่ต่างประเทศน่ะ” เมื่อจู่ๆ เอรีสก็พูดถึงเรื่องที่บ้านของคิลิน เขาก็อดรู้สึกเหงาขึ้นมาไม่ได้ สามปีนับตั้งแต่ที่พวกท่านมาเยี่ยมเขาล่าสุด...เขาก็ยังไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่อีกเลย...

                    “...”

                    “แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันน่ะ...มีเพื่อนแล้ว เคลียร์มักจะ...มาเล่นเปียโนเป็นเพื่อน...ตลอด แล้วฉัน...ก็มีเปียโน...แล้วก็แมว...ฉันไม่เหงาหรอก...”

                    “พี่คิลิน!!!!! จู่ๆ เอรีสก็ลุกขึ้นพรวดทำให้คิลินที่กำลังจมอยู่กับห้วงความคิดถึงกับสะดุ้งโหยงเบิกตากว้างมองเอรีสอย่างไม่เข้าใจ

                    “พี่คิลินจะไม่เหงาอีกแล้ว! ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่คิลินเอง!” เอรีสไม่ว่าเปล่า เขากอดร่างเล็กๆ ของคิลินเต็มแรงพร้อมตะโกนลั่นอีกว่า

                    “ถ้าพี่คิลินเหงาเมื่อไหร่ก็มาหาผมได้เลย! ผมอยู่ห้องม.4/B เบอร์โทร 08x-xxxxxxx อยู่หมู่บ้านAB บ้านเลขที่ A/C มาหาได้ทุกวันเลยยยยยยยยย!

                    “แอ่ก...เอ...เอรีส ปะ...ปล่อยก่อน...”

                    “แต่วันหยุดผมจะไปเที่ยวอ่ะนะ...งั้นเอางี้! วันเสาร์นี้ไปเกมเซนเตอร์กันเถอะ!! เอรีสยังคงตะโกนโหวกเหวกไม่ได้สนใจคิลินที่แทบจะขาดใจตายในอ้อนแขนเลยแม้แต่น้อย

                    แต่กระนั้น... คิลินเม้มปากเบาๆ ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อไปถึงใบหู...

                    อบอุ่นจังนะ...

                    ...

                    ~ ~

                    “ว้าย...นั่นมัน...เสียงกีร์ต้าของท่านกราฟแน่เลย”

                    “ว้ายๆ จริงด้วยล่ะ ฮิๆ แต่ไม่ได้ๆ ถ้าเข้าไปตอนนี้ท่านกราฟอาจอารมณ์เสียได้นะ” หญิงสาวสองคนพากันจับกลุ่มคุยกันอย่างร่าเริงปนขวยเขิน พวกเธอย่อตัวนั่งลงข้างพุ่มไม้แอบดูกราฟที่กำลังเกากีร์ต้าตัวโปรดอย่างผ่อนคลาย

                    หืม...นั่นมันคุณกราฟนี่...

                    คราฟฟ์ที่บังเอิญเดินผ่านมามองเข้าไปยังสวนสาธารณะที่กราฟนั่งเล่นกีร์ต้าคนเดียวอย่างสนใจ

                    หืม...เพราะจังนะ ลองเข้าไปทัก...

                    “ว้าย เท่จังเลยเนอะเธอ!

                    “นั่นสิๆ” คราฟฟ์ชะงักทันทีเมื่อเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย นั่นสินะ...ถ้าเข้าไปทักคงจะเป็นการรบกวน... คิดได้ดังนั้นคราฟฟ์ก็หันหน้าหนีเดินกลับบ้านต่ออย่างรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

                    “คราฟฟ์?” เสียงหนึ่งเรียกขึ้น คราฟฟ์หันไปยังต้นเสียงอย่างตกใจ

                    “คุณ...กราฟ?”

                    “มาทำอะไรป่านนี้...นี่มันเย็นแล้วนะ” คราฟฟ์เผยอยิ้มเล็กน้อยที่อีกฝ่ายเข้ามาทักด้วยตนเอง ถึงแม้พวกเขาจะเพิ่งรู้จักกัน แต่กระนั้นคราฟฟ์ก็รู้สึกประทับใจในน้ำใจของกราฟเป็นอย่างมาก

                    “กำลังกลับบ้านน่ะครับ บ้านผมไปทางนี้”

                    “หืม? ทางเดียวกันเลย...งั้นกลับด้วยกันมั้ย?” กราฟส่งยิ้มบางๆ

                    “ว้าย! ท่านกราฟยิ้มล่ะเธอ!” หญิงสาวที่หลบหลังพุ่มไม้พูดขึ้น

                    “ว้าย! คุณคนนั้นเป็นใครกัน! แฟนเหรอ กรี๊ด!

                    กราฟหันไปมองยังต้นเสียงเล็กน้อย เมื่อเหล่าหญิงสาวเห็นกราฟมองมาก็รีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว แต่เสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกเธอก็ยังคงดังไม่ขาดสาย

                    “เอ่อ...” คราฟฟ์งงกับสถานการณ์เล็กน้อย

                    “เฮ้อ...เราไปกันเถอะ” กราฟออกตัวเดินนำไปอย่างไม่ใส่ใจ คราฟฟ์เห็นดังนั้นก็รีบเดินตามทันที ถึงแม้จะแอบสนใจเรื่องเมื่อครู่อยู่ไม่น้อยก็ตาม

                    “ว่าแต่คุณกราฟ...” คราฟฟ์เปิดเรื่องคุย “คุณกราฟนี่สุดยอดเลย ผมเห็นที่คุณกราฟเล่นกีร์ต้าเมื่อกี้น่ะ เพราะมากเลยนะครับ”

                    “...”

                    “แล้วยังเสียงดีมากด้วย...ไม่ทราบว่าคุณกราฟเรียนคณะ...”

                    “รำคาญน่า...”

                    “เอ๊ะ?” คราฟฟ์เบิกตากว้าง

                    “ตกลงแล้วนายเองก็ไม่ต่างกับยัยผู้หญิงพวกนั้นที่เอาแต่ชื่นชมคนไปทั่วเพื่อให้ได้รับความสนใจงั้นเหรอ?”

                    “คะ...คุณกราฟ!?

                    “ฉันไม่สนใจหรอกนะ...” ว่าแล้วกราฟก็เดินจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คราฟฟ์ที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่งยืนนิ่งพร้อมเบิกตาค้างอึ้งกับสิ่งที่กราฟกล่าวมาเมื่อครู่

                    นี่มันอะไรกัน... ที่แท้กราฟก็เป็นคนอย่างนี้หรอกเหรอ? เมื่อเช้านี้คือการเสแสร้งงั้นสิ!

                    ให้ตายเหอะ แล้วคำพูดอวดดีนั่นมันคืออะไร!? พูดอย่างกับเขาไปชอบกราฟอย่างนั้นล่ะ! ...เกลียดจริงๆ ไอ้คนแบบนั้นน่ะ

                    งั้นเหรอ...ตกลงแล้วกราฟเป็นคนแบบนี้สินะ... ได้! งั้นเขาก็จะเกลียดกราฟเหมือนกัน!

                    ...

                    แกร็ก...

                    “กลับมาแล้วครับ...” ซันเปิดประตูเข้าบ้านอย่างเหนื่อยล้า ก็ตอนเช้าเขาได้แต่ตามตัวซิออนที่มหาลัยซะทั่วแถมยังไม่เจออีก...แล้วยังตอนบ่ายที่เขาตั้งใจจะมาเรียนก็ดันเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าทำบัตรนักเรียนหาย ซันเลยโดดเรียนคาบบ่ายต่อเพื่อมาตามหาบัตรนักเรียนของตนเองแทน...

                    เหนื่อยจังน๊า...

                    “ซัน...”

                    “วะ เหวอ!?” ซันสะดุ้งโหยงเบิกตากว้างมองริวที่นั่งกินเค้กในห้องอาหารอย่างถือวิสาสะ

                    “คะ...คุณริว! คุณริวมาทำอะไรเนี่ย! แล้วนั่น...นั่นมันเค้กของผมนะ!

                    “ซัน...ตอนบ่ายไม่เข้าเรียน”

                    “เอ๊ะ?” ซันละจากขนมเค้กตรงหน้าริวพร้อมเอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมคุณริวถึง...”

                    “ไปไหน?”

                    “ผมทำบัตรนักเรียนตกเลยไปตามหาน่ะครับ”

                    “อยู่นี่” ซันหยิบบัตรนักเรียนออกจากกระเป๋าเสื้อมาวางลงบนโต๊ะอย่างสบายอารมณ์ “ฉันหยิบจากห้องซัน นายไม่ได้ทำตกหรอก”

                    “หา!?? แล้วคุณริวจะหยิบไปทำไมล่ะครับ” ซันอดที่จะโวยไม่ได้ ก็เขาตามหานานมากเชียวนะ!

                    “เผลอ?”

                    “...” ซันที่ไม่เคยเถียงริวชนะได้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่ใช่อะไรหรอกนะ...แต่การเถียงกับริวเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก...อย่างน้อยเขาก็ฉลาดพอที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปเถียงกับคนที่นิสัยชิวซะจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรอย่างริวหรอกนะ...

                    “แล้วคุณริวมาที่บ้านผมมีอะไรรึเปล่าครับ”

                    “...ฉันจะมาอยู่บ้านนายเดือนนึง”

                    “อ้อ...หา!?

                    “พ่อแม่ของฉันและของนายไปเที่ยวพักร้อนที่ต่างประเทศ...แม่นาย...เลยให้ฉันย้ายมาอยู่ดูแลนาย”

                    “หา!??? ซันแทบจะตะโกนใส่หน้าริว “จะบ้าเหรอ! ไม่เอา! คุณริวกลับบ้านไปเลย!

                    “แล้วก็...ญาติห่างๆ ของฉันเขาฝากคนมาอยู่ด้วยอีกคน”

                    “ฮะ!???

                    “เขาเป็นคนที่นายกำลังตามหาอยู่...นั่ไง” ซันหันไปมองตามสายตาของริวที่หันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญอีกคนหนึ่งโดยทันที

                    เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพอๆ กับเขา เพียงแต่น้อยกว่าเขานิดหนึ่ง เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนซอยยาวระต้นคอ ใบหน้าคมคายรูปไข่แลดูสวยกว่าผู้หญิง แต่กระนั้นใบหน้าคมนั้นกลับฉายแววบึ้งตึงไม่พอใจ

                    “...ซิออน...เอสการ์ลาต้า?” ซันอ้าปากค้างมองซิออนที่อยู่ในรูปลักษณ์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆ

                    “ฉันขออนุญาตแม่นายแล้ว...”

                    “ทำไม...เอ๊ะ?” ซันที่ยังคงตามไม่ทันได้แต่จ้องหน้าซิออนอย่างงุนงง

                    “...ลำบากมากนักสินะ ขอโทษที่มารบกวน” ซิออนไม่ว่าเปล่า พูดจบเขาก็เดินออกไปจากหน้าประตูห้องอาหารโดยทันที

                    “ดะ เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนซิออน!” ซันรีบวิ่งไปขวางอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ!

                    “...”

                    “...ฉันแค่...งง มันกะทันหันไปหน่อย...”

                    “อืม...” ซิออนนิ่งไปซักพัก ก่อนจะพยักหน้าตามอย่างว่าง่ายพร้อมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารทานเค้กช็อกโกแลตเช่นเดียวกับริว

                    เรื่องมันเป็นไงเขาไม่รู้ จะถามตอนนี้...ก็ไม่ได้

                    แต่ที่รู้ๆ คือ...เขาต้องอยู่ร่วมกับคุณริวและซิออนไปอีกเดือนเต็มๆ!!

                    ไม่นะ ชีวิตความสงบสุขของฉัน!!!

    ----------------------------------------
    ฮาาา จบไปอีกหนึ่งตอนนน
    หลายคนบอกว่าไรท์อัพไว 55555 
    อัพไวเนื่องจากฟินส่วนตัวอ่ะ >\\\< แล้วก็ถ้าเป็นไปได้เราอยากอัพทุกวันด้วย
    กลัวทุกคนลืมมมม //ผิดดดด 555
    ปล. บทซิออนดูเหมือนจะน้อยไปหน่อย... แต่หลังจากตอนนี้แหละ หึๆๆๆ //โดนตรบ

    Calista Tiny Bunny εїз
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×