ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนวุ่นชุลมุนรัก YAOI!

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่1 : วุ่นวาย!?

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 56


                    ซ่า...

                    เสียงของสายลมยามเช้าพัดผ่านเย็นสบายส่งผลให้นักศึกษามหาวิทยาลัย A ชื่อดังที่ยังคงนั่งจับเจ่าคุยกันรอเวลาเรียนได้รู้สึกผ่อนคลายกับยามเช้าที่เย็นสบาย...แต่...

                    “อะไรกัน นั่นมันเด็กม.ปลายไม่ใช่เหรอ?”

                    “นั่นสิเธอ ชุดนักเรียนก็ใส่ คิดจะโดดเรียนรึไงกัน”

                    ซัน ขมวดคิ้วยุ่งเล็กน้อยกับคำพูดซุบซิบของนักศึกษาสาวที่มองมาที่เขาราวกับเป็นตัวประหลาด ...ทำไม เป็นนักเรียนแล้วมาที่นี่ไม่ได้หรือไงกัน!

                    “ให้ตาย แล้วจะไปหาที่ไหนกันเนี่ย” ซันบ่นอุบอิบพลางมองบัตรนักศึกษาในมืออย่างเอือมระอา

                    ซิออน เอเลสการ์... ดูจากปีที่เกิดแล้วเขาในตอนนี้คงอยู่ปี 2 สินะ... คณะอะไรก็ไม่ได้เขียนไว้ในบัตร แล้วเขาจะถามใครได้กัน นี่เขาลงทุนโดดเรียนคาบเข้าเพื่อมาคืนบัตรเชียวนะ!

                    จะถามใครดีนะ... ซันครุ่นคิด เขาไม่ค่อยอยากจะถามผู้หญิงพวกนั้นเท่าไหร่...อ๊ะ นั่นไง!

                    “เอ่อ...ขอโทษนะครับ” ซันตรงเข้าไปถามชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่หลังต้นไม้ห่างจากผู้คน เมื่อชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าถูกเรียก เขาก็หันมาหาซันอย่างสงสัย

                    ชั่วพริบตานั้นซันเบิกตากว้าง นี่มัน...

                    “มีอะไรให้ผมช่วยเหรอ?”

                    “เอ่ะ...คุณ...โอคิตะ?” ซันเอ่ยพึมพำชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ชายหนุ่มเห็นอาการของซันก็อดหัวเราะเบาๆ ขึ้นมาไม่ได้

                    “ฮะๆๆ ขอบคุณที่ดูฉันแสดงนะ แต่นั่นมันชื่อในหนัง ฉันอโลนนะ” ซันเบิกตากว้าง ก็โอคิตะน่ะ...เป็นพระเอกในการ์ตูนที่ถูกสร้างมาเป็นหนังเชียวนะ! เป็นหนังที่มียอดขายถึงพันล้านเชียว และพระเอกผู้รับบทเป็นโอคิตะ...หรือก็คืออโลนแสดงได้ดีมากๆ จนเขาแทบจะร้องไห้ตามในตอนสุดท้าย

                    “แล้ว...มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า?” อโลนเอ่ยถามเตือนความจำ

                    “อ่ะ...อ้อ คือรู้จักคนในบัตรนี้ไหมครับ คือเขาทำตกไว้...” ซันยื่นบัตรให้อโลนอย่างรู้งาน

                    “อือ...” อโลนรับบัตรมาดูอย่างครุ่นคิด แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดเขาก็รู้ทันทีว่าคนในภาพเป็นใคร เขาคือ ซิออน เอเลสการ์ เป็นคนที่มักจะมีข่าวลือแปลกๆ อย่างถ้าจ้องตาแล้วจะโดนแช่แข็งบ้าง หรือถ้าคุยด้วยแล้วจะโดนฆ่าบ้าง...ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงหรือเปล่า

                    ถึงแม้ว่าอโลนจะเพิ่งเขามหาวิทยาลัยในปีนี้ปีแรกก็จริง แต่เขาก็สืบข่าวความเป็นมาเกี่ยวกับสังคมในมหาลัยแห่งนี้มาอย่างดี เขารู้หมดแหละว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างอย่างเช่นดาวมหาลัยในตำนานเอน่า เจ้าชายแห่งรอยยิ้มซิการ์...หรือจะเรื่องของซิออน เขาก็รู้หมดนั่นล่ะ

                    อโลนลอบยิ้ม ที่จริงเขาก็พอรู้นะว่าคนอย่างซิออนจะไปหลบอยู่ส่วนไหนของมหาลัย แต่... “ขอโทษนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พอดีผมเพิ่งเข้าปีหนึ่งที่นี่น่ะ”

                    “อ่า...งั้นไม่เป็นไร ขอบคุณครับคุณอโลน”

                    “อโลนเหรอ!? เสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องขึ้น

                    “อะไรนะ! อโลนน่ะเหรอ! ...กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!

                    “...เวรล่ะ”

                    “ว้าก!” ซันถูกเตะออกโดยกลุ่มผู้หญิงโดยทันที โดยอโลนตกเป็นเป้านิ่งโดยมีผู้หญิงล้อมรอบ เหตุการณ์นี้ราวกับเป็นเดจาวูกับเหตุการณ์เคลียร์ไม่มีผิดเพี้ยน

                    “กรี๊ดดดดดดดดด! ขอจับมือหน่อยค่ะท่านอโลน!

                    “ท่านอโลนนนนนนน!!

                    “...” ซันทำหน้าเอือมระอาสุดขีด มันจะอะไรกันนักหนา! ทั้งต้องมาตามหาเจ้าของบัตร...แล้วยังจะมาโดนเตะอีก!

                    ซันมองบัตรในมือตนเอง... เอายังไงดีนะ

                    "...สงสัยต้องบังคับคุณริวให้มาคืนให้แล้วล่ะมั้ง...” ซันบ่นพึมพำกับตกเองเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากมหาลัยไปโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าเจ้าของบัตร...หรือก็คือซิออนคอยจับตาดูซันอยู่ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย...

                    ...

                    ณ.ห้องเรียนห้องม.5/C

                    “ว้าว เคลียร์มาเรียนด้วย”

                    “เข้าไปคุยดีมั้ย...” เสียงจ้องแจ้กจอแจของนักเรียนชั้นม.5/C ดังระงมไปทั่วห้อง เพราะเนื่องจากการเล่าเรื่องคุยกันของวันปิดเทอมที่ผ่านมาและการมาของดาราหนุ่มน้อยหน้าหวานเคลียร์

                    อาจเป็นเพราะเมื่อตอนม.4 เคลียร์งานยุ่งเสียจนแทบไม่ได้มาเรียน เหตุการณ์ที่คนในห้องจับเจ่าคุยกันเรื่องเดียวกันจึงไม่ค่อยมีให้เห็นนัก

                    เคลียร์ยังคงมีรอยยิ้มน่ารักประดับที่ใบหน้าราวกับไม่ได้ยินเสียงคนในห้องนินทาถึงเรื่องตัวเองเลยแม้แต่น้อย...

                    เคลียร์เหลือบเห็นผู้ชายสองคนกำลังเดินตรงมายังโต๊ะที่เขานั่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่ใช่คุยด้วยไม่ได้นะ...แต่ถ้าคุยแล้ว เขาคงต้องคุยยาวไปถึงคนทั้งห้องอย่างแน่นอน...ซึ่งนั่นมันเหนื่อยมาก! เขาอยากพักผ่อน!

                    ชิ...จะทำเป็นคุยกับเพื่อนก็ไม่ได้ คลินก็อยู่ห้องอื่น... โธ่เว้ย ครูรีบโผล่หัวมาซักทีเซ่!

                    “เอ้าๆ นั่งที่ได้แล้ว เงียบหน่อย...เดี๋ยวครูจะเช็คชื่อ” ราวกับสวรรค์ได้ยินเสียงของเคลียร์ ฉับพลันอาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องใช้ไม้ประจำตัวฟาดลงไปที่โต๊ะสองสามทีเพื่อเรียกความสงบ ตอนนี้ผู้ชายสองคนนั้นก็ต้องกลับไปนั่งที่ของตนเองแม้จะรู้สึกเสียดายก็ตามที

                    “เลขที่ 1 อะ...”

                    ปัง!

                    “ฮายยยยยยยยยยยย!!! พาเด็กหลงมาส่งคร้าบบบบ!!!

                    “เหวอออ!” จู่ๆ ก็มีชายปริศนาถีบประตูห้องเรียนออกอย่างแรง! พร้อมด้วยโยนเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปข้างหน้าจนเด็กหนุ่มแทบจะเซล้มหน้าทิ่ม

                    “เอ่ะ...” ครูถึงกับอึ้งไปไม่เป็น

                    “ให้ตายสิเอน่า อย่าทำอะไรผลีผลามแบบนี้จะได้มั้ย” ซิการ์ที่เดินตามหลังมาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่กระนั้นใบหน้ากลับมีรอยยิ้มขำขันที่ราวกับเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องสนุก

                    “เอาน่าๆ” เอน่าพูดปัดรำคาญก่อนจะกวาดสายตามองรอบห้อง “เจอแล้ว!

                    “เฮ้ยแก! กล้าดียังไงมาโยนฉันแบบนี้หา!” เนย์จิตรงเข้าไปหมายจะกระชากตัวเอน่า แต่จู่ๆ เอน่าก็เดินตรงเข้าไปในกลุ่มนักเรียนที่นั่งอยู่อย่างไม่รู้สถานะตนเองว่าเป็นคนนอก

                    “...ชิบหาย” เคลียร์เบิกตากว้างมองเอน่าที่ตรงเข้ามาหาตนเองเรื่อยๆ อย่างไม่มีทางหนี เคลียร์เผลอลุกขึ้นจากเก้าอี้ถอยหนีโดยไม่รู้ตัว

                    “เจอตัวแล้ว!” ว่าแล้วเอน่าก็กอดหมับเข้าที่ตัวเคลียร์อย่างแรง เป็นอ้อมกอดที่ใหญ่เสียจนเคลียร์แทบจะกลืนหายเข้าไปในอ้อมกอดเลยก็ว่าได้

                    “เหวอ!” เคลียร์เบิกตากว้าง

                    “คิดถึงจังเลย ช่วงนี้นายเอาแต่หนีฉันไปนอนที่อื่นใช้มั้ยล่ะ!” เอน่ากอดแน่นขึ้นกว่าเดิมโดยไม่สนใจถึงสายตาของครูและนักเรียนโดยรอบเลยแม้แต่น้อย

                    “ปะ...ปล่อยนะ!” เคลียร์ที่เพิ่งได้สติรีบผลักตัวเอน่าออกมาอย่างแรง แต่แรงน้อยๆ อย่างเคลียร์น่ะหรือจะสู้เอน่าได้...

                    กลายเป็นว่าผลที่ได้คือเอน่ากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เอน่ากระซิบข้างหูเคลียร์เบาๆ จนเคลียร์อดรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้ “วันนี้ฉันจะมารับหลังเลิกเรียน...ถ้านายหนีไปก่อน นายเจอดีแน่”

                    “ฉันไม่รอ!” เคลียร์ยังดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดพร้อมตะโกนขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้ เรียกได้ว่าลืมรักษาภาพลักษณ์ของตนเองก็ว่าได้ “คนอย่างนายน่ะ ให้ตายฉันก็ไม่รอหรอกเฟ้ย!

                    “ก็เอาสิ” เอน่าแสยะยิ้มชอบใจ “แล้วนายจะได้รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง...”

                    เอน่าเลียที่ใบหูของดวงหน้าหวานอย่างลิ้มรสเบาๆ เล่นเอาเคลียร์ที่ลุกขึ้นสู้อยู่แล้วถึงกับสามารถใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดผลักเอน่าออกไปจากตัวได้!

                    “ทะ..ทะ...ทำ ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!” เคลียร์ยกมือขึ้นปิดที่หูข้างขวาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานแดงก่ำราวกับลูกมะเขือเทศสุก ซึ่งปฏิกิริยานี้ทำให้เอน่ารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

                    “อะ...อะไรกัน เคลียร์มีแฟนแล้วเหรอ” เสียงนักเรียนชายในห้องพูดขึ้นมาอย่างตกใจ

                    “ไม่จริงน่ะ! แล้วข่าวที่ว่าคบกับเคนโซล่ะ...เหวอ!

                    “หา! ที่พูดนี่มันหมายความว่ายังไง!” เอน่าตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อนักเรียนชายอย่างหาเรื่อง “ไอ้เคนโซนั่นมันใคร!

                    “เอน่า! หยุดนะ!” เคลียร์รีบเข้าไปกระชากตัวเอน่าออก เมื่อจู่ๆ เหตุการณ์ลวนลามเมื่อครู่ก็กลายเป็นเหตุการณ์ทะเลาะอย่างไม่มีสาเหตุ

                    “ผม...ผมแค่ได้ยินมา...” นักเรียนชายพูดอย่างตื่นกลัวสุดขีด

                    “หา!

                    “...เอน่า ต่อจากนี้พวกเรามีคลาสต้องเข้านะ” ซิการ์เดินเข้ามาอย่างใจเย็น ที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มที่คาดเดาความหมายไม่ได้ประดับไว้

                    “ใครสน!

                    “หืม? แต่ฉันสนนะ แล้วนี่มันก็ห้องเรียน ใจเย็นๆ ก่อนสิ” ซิการ์พูดด้วยเหตุผล เอน่าปล่อยตัวนักเรียนชายอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาคู่สวยยังคงฉายแววขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย

                    “เย็นนี้ ห้ามไปไหน” เอน่าหันมาพูดกับเคลียร์ที่ยังทำหน้างงจับต้นชนปลายไม่ได้อย่างเก็บอารมณ์เต็มที่ ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว ซิการ์ถอนหายใจเหนื่อยๆ กับพฤติกรรมของเพื่อน

                    “ให้ตายสิ...อ้อ เนย์จิคุง” ซิการ์หันไปหาเนย์จิที่ยืนมองเหตุการณ์อึ้งๆ อยู่หน้าห้อง “ถ้าอยากคิดบัญชีกับผม...ก็มาหาผมได้ทุกเมื่อนะ”

                    ว่าแล้วซิการ์ก็หัวเราะเบาๆ แล้วเดินตามเอน่าออกไปทางหลังห้อง ปล่อยให้ทุกคนในห้องยังคงงงกับสถานการณ์ประหลาดๆ นี่...แต่แล้วจู่ๆ ก็มีนักเรียนชายคนหนึ่งพูดขึ้น

                    “นี่หมายความว่าทั้งเคลียร์ ทั้งเนย์จิก็โดนคาบไปแล้วเหรอ! โธ่เว้ย! เสียดายชะมัด!” เป็นคำพูดเปิดเรื่องที่ทำให้นักเรียนในห้องพากันฮือฮาในบัดดล

                    กริ๊งงงงงงงง

                    กริ่งสัญญาณหมดคาบดังขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร เคลียร์เหลือบมองที่ตารางสอน...ต่อไปเป็นคาบว่าง ดีล่ะ!

                    เคลียร์เดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่คนในห้องไม่มีใครสังเกตเลยแม้แต่น้อย เคลียร์ล้วงกระเป๋ากางเกงหาโทรศัพท์ตนเอง

                    “...เอ๊ะ?” เคลียร์หยุดเดินพลางตั้งใจล้วงหาดีๆ ...ไม่อยู่? เคลียร์ตบกระเป๋ากางเกงอีกข้างบ้าง แต่มันก็ว่างเปล่า เคลียร์ขมวดคิ้วยุ่ง...นี่เขาทำตกเหรอ? เป็นไปไม่ได้น่า...

                    ก็เอาสิ...แล้วนายจะได้รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง...

                    “ไอ้บ้านั่น!” เคลียร์ค้นพบคำตอบอย่างรวดเร็ว โทรศัพท์มือถือของเขา...โดนไอ้บ้านั่นขโมยไปเพื่อบังคับให้เขาต้องเผชิญหน้ากับเอน่า!

                    ให้ตายสิ! ไม่น่าพลาดเลย! ทั้งๆ ที่รู้นิสัยเอน่าดีแท้ๆ! เคลียร์คิดอย่างหงุดหงิด พวกเขาสองคนรู้จักกันมาได้ซักพักแล้ว ดังนั้นเอน่าและเคลียร์จึงต่างรู้จักนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี

                    ด้วยความหงุดหงิด เคลียร์จึงตัดสินใจเปิดประตูห้องม.5/A อย่างแรง! เหล่านักเรียนห้องม.5/A ต่างเบิกตากว้างมองผู้มาเยือนอย่างงุนงง

     “คลิน คาบนี้คาบว่าง ไปเล่นเปียโนกันเถอะ”

    เคลียร์ปรี่เข้าไปหาคิลินที่นั่งมองเคลียร์อย่างงงๆ ก่อนจะถูกกระชากลุกขึ้นมาจากเก้าอี้โดยไม่ทันตั้งตัว

    “เอ๊ะ...เอ๊ะ? เคลียร์?” คิลินที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกพูดขึ้นมาอย่างงงๆ

    “คลิน นายไปรอที่ห้องเปียโนก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันตามไป...ขอไปหาอะไรเย็นๆ กินแก้หงุดหงิดก่อน” ว่าแล้วเคลียร์ก็ปล่อยคิรินเดินไปทางโรงอาหารโดยปล่อยให้คิรินยืนงง

    ...เกิดอะไรขึ้นนะ... ว่าแต่เราต้องไปรอที่ห้องเปียโนสินะ?

    คิลินคิดอย่างสงสัย อะไรทำให้เคลียร์ที่เก็บอารมณ์ได้ดีมาตลอดถึงกับตบะแตกได้ขนาดนี้นะ... ดูจากสีหน้าก็รู้เลยว่าหงุดหงิดมาอย่างแรง

    คิลินคิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงห้องเปียโน ระหว่างที่คิลินรอเคลียร์กลับมา คิลินก็เริ่มเล่นแกรนด์เปียโนที่ตั้งวางเด่นสง่ากลางห้องด้วยความพลิ้วไหว เรียวนิ้วสวยเคลื่อนที่ไปมาราวกับเต้นระบำอยู่ก็ไม่ปาน

    อืม...ยังไงเพลงของบาคก็เพราะจริงๆ นั่นล่ะ...

    “ว้าว!!

    แตร๊ง!

     คิลินกดผิดคีย์ทันที เขาเบิกตากว้างมองที่มาของเสียงประหลาดอย่างตื่นกลัว

    “สุดยอดเลย เล่นเก่งจัง!” ชายหนุ่มคนหนึ่งเกาะที่หน้าต่างห้องเปียโนด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับ “นี่ๆ สอนฉันบ้างสิ!

                    “เอ๊ะ?”

                    “ฮึบ!” ชายปริศนาปีนหน้าต่างขึ้นมาในห้องเปียโนอย่างคล่องแคล่ว “อ๊ะ อยู่ม.5หรอกเหรอ...แต่เอาเถอะ รุ่นพี่สอนผมบ้างสิ!

                    “เอ่อ...คือ...”

                    “อ้อ ผมชื่อเอรีส อยู่ม.4/B ตอนนี้เป็นคาบว่างน่ะฮะ แล้วรุ่นพี่ชื่ออะไรเหรอ?”

                    “เอ่อ...คิ...คิลิน” คิลินเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ

                    “ยินดีทีได้รู้จักนะครับพี่คิลิน! พี่สอนผมเล่นเปียโนบ้างสิ เมื่อกี้น่ะนะ พี่คิลินโคตร - เท่เลย! ผมก็อยากเล่นได้อย่างนั้นบ้างอ่ะ!

                    “เอ๊ะ...ขะ...ขอบคุณ” คิลินที่จู่ๆ ก็โดนชมโดยไม่ทันได้ตั้งตัวอดรู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้ “แต่ไม่ได้...ขนาดนั้นหรอก”

                    “ขนาดนั้นเลยล่ะครับ! นี่ๆ รุ่นพี่สอนผมหน่อยเถอะ...น๊า นะๆ” เอรีสไม่ว่าเปล่า เขาปรี่เข้าไปออดอ้อนคิลินราวกับเป็นลูกแมวน้อยอ้อนเจ้าของก็ไม่ปาน

                    “เอ่อ...ฉันไม่เก่งหรอก...รอ...ให้เคลียร์มาสอยดีกว่านะ”

                    “ไม่เอาอ่ะ ก็ผมจะให้พี่สอนนี่” เอรีสพูดด้วยน้ำเสียงติดงอนเล็กน้อย “พี่เล่นเก่งจะตาย! เพราะมากด้วย! นี่ผมตามเสียงเปียโนพี่มาเชียวนะ!

                    “เอ่อ...”

                    “เพราะฉะนั้น...พี่คิลินสอนผมหน่อยเถอะน๊า” เอรีสไม่ว่าเปล่า เขาเข้าไปกอดคิลินโดยเอาหน้าซุกไซ้ถูไถไปมาราวกับลูกแมวตัวน้อย คิลินที่จู่ๆ ก็โดนกอดโดยไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับอึ้งข้างไปสามวิ

                    “...ก็ได้ แต่ฉันไม่เก่งหรอกนะ...” คิลินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

                    “เย้! รักพี่คิลินที่สุดเลยยยยย!

                    ...

                    ณ.อีกด้านหนึ่งที่โรงอาหาร

                    “พี่เคนโซคะ เย็นนี้ว่างมั๊ยคะ กิ๊กอยากไปเที่ยวจังเลยอ่ะค่ะ”

                    “แหม...”

                    “พี่เคนโซ นีน่าก็อยากไปเที่ยวนะคะ!

                    “พี่เคนโซ!

                    มิซึบารุ เคนโซ ถึงคราลำบากใจ แต่กระนั้นบนใบหน้าคมก็ยังฉายรอยยิ้มแห่งความสุขตามฉบับเพล์บอยประจำโรงเรียน

                    เคนโซโน้มตัวผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งบนโต๊ะต่ำลงกระซิบข้างหูแต่เสียงกลับดังพอที่จะได้ยินกันหมด

                    “นั่นสินะครับ...ไปเที่ยวบ้านผมน่าจะสนุกกว่านะครับ”

                    “กรี๊ดดดด!!

                    “พี่เคนโซ! นีน่าก็จะไปด้วยนะ!

                    “พี่เคนโซ!” เคนโซลอบยิ้ม พลางกระชับเด็กสาวร่างเล็กบนตักมาหอมแก้มบ้างจนเจ้าตัวหน้าแดงวูบวาบไปหมด เคนโซลอบยิ้มอีกครั้งหนึ่ง การอยู่กับสิ่งมีชีวิตน่ารักๆ มันก็มีความสุขอย่างนี้แหละ...

                    “อ๊า!!!” เสียงแปดปรอทดังลั่นโรงอาหารส่งผลให้เคนโซและเด็กสาวพากันมองอย่างสงสัย

                    “เจ้าคนหน้าไม่อายยยยย เล่นชู้กันหน้าด้านๆ!!” เคนโซเบิกตากว้างหลุดมาดไปในทันที นัยน์ตาสีฟ้าสวยมองไปยังเด็กหนุ่มร่างเล็กข้างหน้าที่ยืนชี้มาที่กลุ่มพวกเขา

                    “ทำไมล่ะเคนโซ... ทั้งๆ ที่บอกรักฉันแล้วแท้ๆ ฮือ!

                    “เอ๊ะ...”

                    “ไปไกลๆ เลยนะยัยพวกบ้า เคนโซเป็นของฉันต่างหาก!” ว่าแล้วเด็กหนุ่มร่างเล็กก็ปรี่เข้ามาไล่เหล่าสาวๆ ออกไปจากตัวเคนโซอย่างรวดเร็ว เหล่าผู้หญิงที่ยังงงกับสถานการณ์พากันหนีไปอย่างงุนงง

                    เคนโซที่เพิ่งได้สติมองหน้าเด็กหนุ่มร่างเล็กอย่างกินเลือดกินเนื้อ

                    “เต้...”

                    “อ๊า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!! หน้านายตลกชะมัดเลย ฮ่าๆๆๆๆ!” เต้หัวเราะชอบใจเสียงดังลั่นโรงอาหารอย่างเก็บไม่อยู่ เต้หายใจหอบเล็กน้อยก่อนจะทำเสียงล้อเลียนต่อ

                    “นั่นสินะครับ...ไปเที่ยวบ้านผมน่าจะสนุกกว่า...เต้ก็อยากไปอ่ะเคนโซ ฮ่าๆๆๆๆๆ!

                    “ไอ้เจ้าสิงโตหัวฟู!” เคนโซถึงคราตบะแตกบ้าง เต้ที่ได้ยินคำต้องห้ามถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ

                    “ว่าไงนะ! ไอ้เจ้าหื่นกาม!” เต้ตรงเข้ามากระชากเคนโซอย่างหงุดหงิด เคนโซเองก็ไม่ยอมแพ้จับข้อมือของเต้อย่างแรง

                    “เจ้าสิงโตๆๆๆ”

                    “เจ้าหื่นๆๆๆๆ”

                    กลับกลายเป็นว่า...เกิดสงครามทะเลาะกันอย่างเด็กๆ กลางโรงอาหารแทน... ทั้งสองยังคงทะเลาะกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาผู้ชนะได้ราวกับเด็ก...

                    ...

                    ณ.เขตA ทางไปโรงเรียน

                    ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนเดินถือผ้าใบผืนใหญ่แบกกระเป๋านักเรียนเดินด้วยอารมณ์ติดจะเคืองๆ ไม่หาย

                    ก็หลังจากที่เขาโดนรุ่นพี่ อโลน และก็เจ้ากราฟอะไรนั่นมากวนทำให้เขาไม่ได้วาดรูปตามใจอยากเลย! แล้วยังจะรุ่นพี่มาวาดทับซะเละไปหมดจนเขาต้องมานั่งแก้อีก! ให้ตายเถอะ!

                    คราฟฟ์คิดอย่างโกรธๆ นิดหน่อย เพราะการที่เขาโดนขัดในเวลาที่เขาวาดรูปทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่หายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                    “แม่คะ!

                    “เจน! พระเจ้า! ลูกหายไปไหนมาน่ะ!

                    คราฟฟ์เงยหน้าขึ้นไปมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงสัย เห็นหญิงสาววัยทำงานย่อตัวนั่งระดับเดียวกับลูกของตนเองพร้อมลูบหัวเป็นห่วงเป็นใยลูกตามแบบคุณแม่ โดยข้างๆ สองแม่ลูกมีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งยืนดูอยู่ซักพัก จากนั้นก็เดินจากไป

                    “เดี๋ยวค่ะคุณ” คุณแม่ร้องเรียก

                    “...ครับ?”

                    “ขอบคุณที่ช่วยเหลือลูกฉันมากๆ นะคะ ขอบคุณจริงๆ” หญิงสาวก้มหัวให้อย่างขอบคุณ ชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่ค่อยคุ้นชินซักเท่าไหร่ก็ก้มหัวตามอย่างทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

                    “บ๊ายบายค่ะพี่ชาย!” ชายหนุ่มยืนโบกมือส่งสองแม่ลูกเสร็จ สายตาก็พลันเหลือบมาเห็นคราฟฟ์ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่พอดี

                    “เอ่อ...” คราฟฟ์ที่รู้สึกว่าถูกมองอยู่สะดุ้งเล็กน้อยกับความเสียมารยาทที่เผลอไปแอบมองเหตุการณ์ที่ตนไม่เกี่ยวข้อง

                    เป็นกราฟนั่นเองที่ช่วยเหลือเด็กน้อยหลงทาง เพราะภาพลักษณ์ที่ดูขัดกับภาพลักษณ์ที่เขาเจอในตอนแรกทำให้คราฟฟ์เผลอหยุดมองเหตุการณ์อย่างช่วยไม่ได้

                    กราฟเดินเข้ามาหาคราฟฟ์พร้อมเอื้อมมือไปแตกที่ผ้าใบใบใหญ่ของคราฟฟ์เบาๆ

                    “มาสิ...ฉันช่วยถือ” กราฟยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะออกแรงดึงผ้าใบออกจากมือของคราฟฟ์ที่ยังคงอึ้งอยู่

                    “เอ่อ...คุณ...”

                    “ฉันกราเฟียส...แต่เรียกว่ากราฟก็ได้นะ ดูจากเครื่องแบบแล้วนายอยู่โรงเรียน A ใช่ไหม... ฉันอยู่มหาลัย A ตรงข้ามน่ะ พวกเราไปทางเดียวกัน”

                    เพราะไปทางเดียวกันเลยช่วยถืองั้นเหรอ... คราฟฟ์ตะลึงกับเหตุผลของกราฟเล็กน้อย เพราะภาพลักษณ์ของการฟในตอนนี้ช่าง...ขัดกับเมื่อเช้าจริงๆ!

                    “เอ่อ...ผมชื่อโทเคธิซ แต่เรียกว่าคราฟฟ์ได้เหมือนกันครับ” คราฟฟ์แนะนำตัวเองบ้าง

                    “หืม? พวกเรานี่ชื่อคล้ายกันเลยเนอะ”

                    “ฮะๆ นั่นสินะครับ” คราฟฟ์ยิ้ม บางทีนิสัยของคนๆ นี้อาจจะไม่ได้เป็นแบบเมื่อเช้าก็ได้...ล่ะมั้ง? เพราะตอนนี้เขารู้สึกดีกับคนตรงหน้ามากขึ้น มีน้ำใจช่วยเหลือเด็ก...แล้วยังมีน้ำใจช่วยเขาถือของอีก

                    กราฟเป็นคนที่ใจดีจริงๆ...

                    ...

                    “นี่ๆ ฟุยุ”

                    “เอ่ะ...ครับ?” ฟุยุกิขานรับ

                    “ฉันขี้เกียจหาเอรีสแล้วอ่า!”  คิเรย์หลังเหี่ยวอย่างหมดแรง ตอนนี้เป็นคาบว่าง พวกเขาทั้งสามเดินเล่นกันอยู่ดีๆ จู่ๆ เอรีสที่ได้ยินเสียงเปียโนก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร็วโดยปล่อยให้พวกเขาสองคนยืนงงและเดินตามหาตัวอย่างน่าสงสาร

                    “...นั่นสินะครับ แต่ถ้าให้ผมเดา...ผมว่าน่าจะไปห้องดนตรีนะครับ” ฟุยุกิออกความเห็น

                    “นั่นสิน๊า...แต่พวกเรามันเด็กใหม่ จะไปรู้ว่าห้องดนตรีมันอยู่ที่ไหนเล่า” คิเรย์บ่นอย่างอิดออด อ่า...ไม่มีอะไรทำเลย คาบว่างนี่มีไว้เพื่ออะไรกัน เบื่อจัง เบื่ออออออ!

                    “พวกนาย”

                    “หืม?” คิเรย์หันไปมองตามเสียงเรียกอย่างงงๆ

                    “เห็นซันบ้างหรือเปล่า?” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งราวหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนชูบัตรนักเรียนใบจิ๋วให้คิเรย์และฟุยุกิดู

                     “อืม...ไม่รู้จักอ่ะครับ แต่เขาอยู่ม.6...ก็น่าจะอยู่ตึกม.ปลายชั้นบนสุดนะ” คิเรย์รับบัตรไปดูอย่างครุ่นคิด

                    “ริว อยู่ไหน?” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น อโลนเดินออกมาจากมุมตึกพร้อมกวาดสายตามองหาคนที่ตนเรียก...

                    “เอ๊ะ...นั่นมัน” คิเรย์เบิกตากว้างมองอโลน “คุณโอคิต่า!!!!!

                    “เอ๊ะ...” อโลนที่เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยตกใจเล็กน้อย แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพจึงปรับสีหน้ามาเป็นปกติได้อย่างทันท่วงที

                    “คุณโอคิตะ!! สุดยอดเลย! คุณโอคิตะมาโรงเรียนด้วย!!

                    “ขอบคุณที่ติดตามผลงานนะหนูน้อย” อโลนลูบหัวคิเรย์อย่างเอ็นดู “แต่จริงๆ แล้วผมชื่ออโลน...”

                    “คุณโอคิตะ! ผมชอบคุณโอคิตะมากเลย! ตอนจบผมงี้น้ำตาร่วงเลยนะ คุณโอคิตะไม่น่าตายเลยอ่า ฮืออออออ!!

                    “...เอ่อ”

                    “แล้วทำไมคุณโอคิตะถึงโผล่มาได้ล่ะ จริงๆ แล้วคุณโอคิตะไม่ได้ตายใช่มั๊ย!?” คิเรย์ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นสุดขีด

                    “นั่นมันหนังน่ะ จริงๆ แล้วฉัน...”

                    “ไม่ตายสินะ! เย้! ดีใจจังเลยย!!” ว่าแล้วคิเรย์ก็เข้าไปกอดอโลนอย่างถือวิสาสะ อโลนนิ่งค้างตามความคิดของเด็กคนนี้ไม่ถูก...หรือจะบอกว่าเป็นครั้งแรกที่เขาไปไม่เป็นก็ว่าได้...

    ริวไม่สนใจอโลนกับคิเรย์ที่ตะโกนโหวกเหวก เขาหันไปพูดกับฟุยุกิที่ดูงงๆ อยู่

                    “...พาไปหน่อย”

                    “...เอ๊ะ?”

                    “พาไปหน่อย” ริวยังคงพูดซ้ำ

                    “อ่า...ครับ เอ่อ...” ฟุยุกิลนลานเล็กน้อย เขาหันไปหาคิเรย์ “เอ่อ...คิเรย์ ไปกัน...เหวอ!

                    “พาไปหน่อย” ริวลากคอเสื้อฟุยุกิเดินออกจากมุมตึกด้วยท่าทีที่เฉื่อยชา ฟุยุกิลนลานเล็กน้อยด้วยความที่คิเรย์ยังคงคุยกับอโลนอย่างลืมโลก แล้วหมายความว่าเขาต้องไปไหนกับคนแปลกหน้าสองคนน่ะเหรอ!?

                    ฮือ...คิเรย์ ช่วยรู้สึกตัวซักทีเถอะ!
    ------------------------------------------------
    เหนื่อยยยยยยยยยยย
    แต่ทุกคนก็รู้จักกับคู่ตัวเองกันหมดแล้วล่ะนะ 555
    ดูเหมือนว่าคู่ที่รุกสุดคงเป็นเอน่ากับเคลียร์ล่ะนะ =.,=

    Calista εїз
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×