ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนวุ่นชุลมุนรัก YAOI!

    ลำดับตอนที่ #3 : intro

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 56


                    ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า เป็นเวลาที่นักเรียนจะค่อยๆ ทยอยกันมาเรียน แต่กระนั้นในวันนี้กลับมีนักเรียนเยอะเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมแรกที่เด็กนักเรียนเข้าใหม่ต่างพากันแห่มาดูห้องเรียนของตนเองกัน

                    “เอรีสสสสสสสส!!” เสียงแปดปรอทของหนุ่มน้อยวัยใสทำเอานักเรียนโดยรอบที่ยืนออกันอยู่หันมามองอย่างตกใจ

                    “โอ๊ย!” ชายหนุ่มผู้โชคร้ายร้องเสียงดังเมื่อถูกหนุ่มน้อยปริศนากระโดดขึ้นขี่หลังเขาเหมือนลูกโคอาล่าไม่มีผิด แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มผู้โชคร้ายยังคงยิ้มร่าหันไปทักทายตอบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                    “คิเรย์! อรุณสวัสดิ์! เอรีสยิ้มพร้อมหัวเราะดังๆ อย่างอารมณ์ดี “จู่ๆ ก็วิ่งมา มีอะไรหรือเปล่า?”

                    “พวกเราได้อยู่ห้องเดียวกันล่ะ! เย้! ว่าแล้วคิเรย์ก็กอดคอเอรีสแน่นขึ้นไปอีกโดยไม่สนใจสายตาทิ่มแทงของบรรดาเด็กนักเรียนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย อย่ามาทำเสียงดังรบกวนจะได้มั๊ย!

                    “จริงเหรอ! เย้!” คราวนี้ไม่ใช่แค่คิเรย์ที่เสียงดัง เอรีสคว้าตัวคิเรย์ที่เกาะหลังตนมากอดอย่างดีใจ พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.1แล้ว

                    “เหวอ!” จู่ๆ เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ร้องตกใจเมื่อเอรีสกอดรัดฟัดเหวี่ยงตัวคิเรย์เซมาทางเขา

                    “อ่ะ ขอโทษๆ” เอรีสรู้สึกตัวรีบปล่อยตัวคิเรย์มาขอโทษเด็กหนุ่มเป็นการใหญ่

                    “นายก็อยู่ม.4สินะ! อยู่ห้องไหนเหรอ!?” คิเรย์เข้าไปถามหนุ่มน้อยอย่างร่าเริงราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กหนุ่มดูเหมือนจะยังงงๆ อยู่ก็เอ่ยตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ

                    “เอ่อ...ม.4 ห้อง B ครับ”

                    “ว้าว!! งั้นก็ห้องเดียวกันเลยสิ! ฉันชื่อคิเรย์นะ! ยินดีที่ได้รู้จัก!” คิเรย์แหกปากร้องอีกอย่างอย่างดีใจสุดขีดพร้อมจับมือเด็กหนุ่มเขย่าไปมาอย่างร่าเริง

                    “ฉันด้วยๆ ฉันเอรีส มีเพื่อนใหม่แล้ว! เอรีสไม่ยอมน้อยหน้า เขาเข้าไปกอดเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างร่าเริงสุดขีดจนเด็กหนุ่มตามไม่ทัน

                    “อ่ะ...เอ่อ...”

                    “นี่ๆ นายชื่ออะไรเหรอ?” คิเรย์ถาม

                    “ฟุ...ฟุยุกิครับ ทสึบารุ...ฟุยุกิ”

                    “ดี! ฟุยุ! ต่อจากนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ!ฟุยุกิถึงกับเอ๋อ เขาไม่คิดเลยว่ามาโรงเรียนวันแรกคนขี้อายอย่างเขาจะมีเพื่อนได้เร็วขนาดนี้ แถม...ยังเรียกอย่างสนิทสนมอีกต่างหาก...

                    “กรี๊ดดดดดดด!!” เสียงกรีดร้องแห่งความดีใจของเหล่าบรรดาเด็กนักเรียนผู้หญิงขัดจังหวะมิตรภาพที่กำลังเบ่งบานของทั้งสามให้หันมาสนใจอย่างงงๆ

                    “นั่นเคลียร์นี่นา!

                    “มาเรียนด้วย! กรี๊ดดดดดด!

                    “นั่นสิ ปกติจะไม่ค่อยมาแท้ๆ! ทั้งสามมองไปยังกลุ่มผู้หญิงจำนวนมากที่ยืนอออยู่หน้าประตูโรงเรียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นพวกเขาก็เห็นเด็กสาวร่างเล็ก...ไม่สิ เด็กหนุ่มต่างหาก!

                    เด็กหนุ่มร่างเล็กผู้มีใบหน้าหวานราวกับผู้หญิง เส้นผมสีครีมและดวงตาสีฟ้าสวยจนสายตาทุกคู่ต้องหยุดมองอย่างช่วยไม่ได้

                    “สมกับเป็นดารา...นี่ขนาดอยู่ในกลุ่มผู้หญิงยังเด่นสะดุดตาได้ขนาดนี้...” เอรีสพูดขึ้นมาอย่างอึ้งๆ

                    เคลียร์สบถในใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าการมาโรงเรียนวันแรกในตอนเช้าจะเป็นเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ แต่กระนั้นใบหน้าหวานก็ยังส่งยิ้มน่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อย

                    “โอ้โห...หน้าหวานชะมัดเลย ปกติเห็นอยู่ในทีวี แต่พอมาเห็นตัวจริงนี่น่ารักเป็นบ้า” นักเรียนชายคนหนึ่งพูดขึ้นบ้าง

                    “นั่นสิ น่ารักกว่าผู้หญิงอีก...” เคนโซลอบยิ้ม เขาเองก็เคยได้ยินข่าวคราวมาบ้างเหมือนกันว่าเคลียร์...ดาราหนุ่มยอดนิยมมาเรียนโรงเรียนนี้ แต่ก็เพิ่งมาเห็นจะๆ นี่แหละ

                    “เอ้าๆ สาวๆ หลีกทางให้คนหล่อหน่อยคร้าบ” เคนโซแหวกกลุ่มนักเรียนเข้าไปอย่างนึกสนุก

                    “สวัสดีครับคนน่ารัก” เคนโซโอบไหล่เคลียร์ที่กำลังเดินอยู่ถึงกับสะดุ้ง เคลียร์เบิกตากว้างมองเคนโซด้วยอารมณ์งุนงงปนตกใจ

                    “สนใจให้รุ่นพี่พาเดินไปส่งถึงห้องมั๊ยครับ?”

                    “หะ...หา!?

                    “ว้าย ดูสิเธอ! รุ่นพี่เคนโซล่ะ!” กลุ่มเด็กสาวพากันซุบซิบ

                    “ว้ายๆ พออยู่กับเคลียร์แล้วดูเหมาะกันจังเลยเนอะเธอ!

                    เคลียร์ที่ได้ยินคำซุบซิบของกลุ่มเด็กสาวเต็มสองรูหูถึงกับไปไม่เป็น...ก็เขาเป็นผู้ชาย...และเคนโซก็เป็นผู้ชาย! เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กันวะ!

                    เคลียร์พยายามเก็บสีหน้าหงุดหงิดไว้เต็มพิกัด ด้วยความเป็นมืออาชีพ เขาผละตัวออกจากเคนโซพร้อมส่งยิ้มน่ารักที่หวานหยดย้อยจนนักเรียนโดยรอบรวมทั้งเคนโซถึงกับอึ้งเหม่อมอง

                    “ขอบคุณรุ่นพี่มากนะครับ แต่ผมต้องไปแล้ว แล้วเจอกันใหม่นะครับ” ว่าแล้วเคลียร์ก็ออกตัววิ่งทันที ใครจะโง่อยู่ต่อกันเล่า! เคลียร์รอบยิ้มอย่างสะใจที่รอยยิ้มนางฟ้าของเขา...ใช้ได้ผลทุกครั้ง!

                    “...เคลียร์?” เคลียร์แทบสะดุดล้มหน้าคว่ำ เขาวิ่งมาได้ไกลแล้วไม่ใช่เหรอ!? เคลียร์หันไปมองตามเสียงเรียกอย่างหวาดหวั่น

                    “อ่ะ...อ้าว คลิน” เด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีแดงสวย ดูบอบบางราวกับตุ๊กตา ที่บ่าของเด็กหนุ่มมีลูกแมวตัวเล็กน่ารักเกาะที่บ่าอย่างนัวเนีย เขาเอี้ยวตัวออกจากหน้าต่างเล็กน้อยเพื่อมองหน้าคนที่เขาเรียกให้เต็มตา

                    “เคลียร์จริงๆ ด้วย” คลิน เด็กหนุ่มร่างบางยิ้มร่าเมื่อเห็น เพื่อน มาโรงเรียน

                    “คลิน! ไม่เจอกันตั้งนาน” เคลียร์เองก็ยิ้มร่าเช่นกัน เคลียร์เดินกลับมายังตึกที่คลินยืนอยู่อย่างดีใจ “เล่นเปียโนอยู่เหรอ เล่นด้วยๆ”

                    “เอาสิ เราไม่ได้เล่นเปียโนด้วยกันมานานแล้วนะ” คิรินยิ้มอย่างอ่อนโยน เขากับเคลียร์สนิทกันมาตั้งแต่ม.4แล้ว ด้วยความที่เป็นคนรักในเสียงเพลงเหมือนกัน จึงทำให้เข้ากันได้เร็วกว่าที่คิด

                    แต่เพราะเคลียร์เป็นดารายอดนิยม เคลียร์จึงมักติดงานเสมอๆ จนพวกเขาไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยซักเท่าไหร่ แต่กระนั้นเคลียร์ก็ยังมาเล่นเปียโนเป็นเพื่อนเขาทุกครั้ง เมื่อคิดถึงตรงนี้คิรินก็อดยิ้มขึ้นมาอีกทีไม่ได้

                    “หืม? ยิ้มอะไรน่ะ”

                    “...เปล่าหรอก”

                    ...

                    ณ. เขตA ทางเดินไปโรงเรียนและมหาลัย A

                    “...คุณริว เลิกเดินถ่ายรูปซักทีเถอะครับ” ซัน เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเอ่ยปากเตือนริว ชายหนุ่มร่างสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรที่กำลังเดินถ่ายรูปไปทั่วจนคนรอบข้างมองมาอย่างสงสัย

                    “...ทำไม?”

                    “ก็คุณเล่นถ่ายรูปไปทั่วอย่างนี้เดี๋ยวชาวบ้านก็คิดว่าโรคจิตหรอกครับ” ซันดันกรอบแว่นขึ้นอย่างเหนื่อยใจ เพราะพวกเขาอาศัยอยู่บ้านหลังติดกัน แม่ของเขาก็เลยฝากฝังเขาไว้ในความดูแลของบ้านริวเมื่อสามปีก่อน... แต่ดูเหมือนว่าเขาต่างหากที่จะเป็นคนดูแลริวล่ะนะ...

                    “...ทำไม?”

                    “...” โอเค...แพ้แล้ว แพ้ก็ได้...ไม่เตือนแล้วก็ได้

                    ตุ้บ! ผลัวะ!

                    ซันเบิกตากว้างมองภาพคนชกต่อยกันในตรอกอย่างตกใจ ในนั้นมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นตัวใหญ่ๆนับสามสี่คนยืนเรียงรายล้อมชายหนุ่มคนหนึ่ง

                    “คิดว่าแน่นักเหรอ! กล้าดียังไงมาดูถูกบอสของเรากัน!” หนึ่งในเด็กหนุ่มวัยรุ่นกระชากคอชายหนุ่มอย่างหาเรื่อง ชายหนุ่มไม่พูดอะไร เขาทำเพียงแค่เหล่ตาขึ้นมองแล้วเอ่ยพูด

                    “...ฉันก็แค่พูดความจริง...ว่าการที่พวกนายยังทำเป็นวางอำนาจกระจอกๆ แบบนี้มันเด็ก”

                    “ว่าไงนะ!

                    ซันยังคงเบิกตากว้างมองอย่างไม่เชื่อสายตา ปกติแล้วเหตุการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นในการ์ตูนที่เขาอ่านอยู่บ่อยๆ...แล้วจากนั้นก็มีพระเอกปรากฏตัวขึ้นไปช่วย... แต่ในกรณีที่ผู้โดนทำร้ายเป็นผู้ชาย ต้องเป็นนางเอกไปช่วยหรือเปล่านะ...

                    “...ซัน?” ริวที่เดินนำไปก่อนเพิ่งจะรู้ตัวว่าซันไม่ได้เดินมาด้วย

                    “คะ...คุณริว รีบไปช่วยเร็วเข้า” ซันเอ่ยเรียก เพราะในสถานการณ์ที่ไม่มีนางเอก...อย่างน้อยคนที่ช่วยก็คงต้องเป็นพระเอกล่ะนะ...

                    “หืม?” ริวขมวดคิ้วน้อยๆ “ไม่เอา น่ารำคาญ”

                    “อ่ะ เอ๋!?

                    ตุ้บ! ผลัวะ!

                    เสียงชกต่อยดังออกมาจากตรอกอีกครั้ง ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้เอาแต่รอให้คนอื่นมาช่วย เขาเริ่มต่อยไปที่หน้านักเลงคนที่ใกล้ตัวที่สุด แต่ถึงกระนั้นนักเลงก็ยังมีมากเกินไป กลุ่มนักเลงเห็นเพื่อนถูกต่อยก็รีบเข้าไปจับแขนจับขารุมทำร้ายตัวชายหนุ่มอย่างน่าเวทนา

                    “คุณริว!” ซันร้องเรียกอีกครั้ง แต่ริวก็ยังทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ...

                    “โธ่เว้ย!” เมื่อได้รับคำตอบผ่านสีหน้าของริว ซันก็หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซันวิ่งเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็วพร้อมร้องตะโกนขึ้น

                    “หยุดนะ! เลิกหมาหมู่ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ซักที!” ซันตะโกนใส่หน้ากลุ่มนักเลงอย่างเดือดดาล เมื่อตะโกนจบซันถึงกับหอบแฮกเพราะเขาแทบจะไม่เคยตะโกนใส่หน้าใครมาก่อน

                    “หา!? ไอ้หนู มีปัญหาเรอะ!” ซันสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัว เขารีบส่งสายตาไปหาชายหนุ่มให้หนีไป แต่ชายหนุ่มก็ยังคงเอาแต่จ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

                    “วะ เหวอ!” ซันร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ กลุ่มนักเลงก็เงื้อหมัดขึ้นต่อยอย่างรวดเร็ว ซันหลับตาปี๋...ไม่เจ็บเลยแฮะ...

                    ริวบิดข้อมือของกลุ่มนักเลงอย่างเลือดเย็นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเสียจนหาความอบอุ่นในถ้อยคำไม่ได้ “ไปไกลๆ”

                    “ชิ! ฝากไว้ก่อนถอะ!” กลุ่มนักเลงพากันสะท้านในความหนาวยะเยือกหนีไปอย่างรวดเร็ว

                    เมื่อกลุ่มนักเลงพากันหนีไป ซันก็หันมาพูดกับชายหนุ่มอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เอ่อ...นายเป็นอะไรมั๊ย?”

                    “...”

                    “...” ซันมองชายหนุ่มที่สูงน้อยกว่าตนเองอย่างสงสัย หรือว่ากลัวจนพูดไม่ออก...

                    “กระจอกไม่เจียม แส่ไม่เข้าเรื่อง” ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าบนพื้นขึ้นสะพายแล้วเดินออกไปอย่างไม่ใยดี ซันเบิกตากว้าง อึ้งในถ้อยคำที่ชายหนุ่มบอกมา...

                    คะ...คนอุตส่าห์ช่วย!

                    “...อะไรตกแหนะ” ริวก้มเก็บบัตรสีดำแดงบนพื้นขึ้นมาพลิกดู มันเป็นบัตรประจำตัวมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับที่ตัวเขามีอยู่

                    “หืม...ซิออน เอสการ์ลาต้าเหรอ...” ซันชะโงกหน้าดูบัตรในมือริวบ้าง “อ้าว อายุมากกว่าผมอีกนะเนี่ย”

                    “อืม...เอาไปคืนด้วยล่ะ” ริวโยนบัตรให้ซันพร้อมเดินออกไปอย่างเอื่อยเฉื่อย

                    “อ่ะ...เฮ้ เดี๋ยวสิคุณริว คุณริวก็อยู่มหาลัยเดียวกับเขาไม่ใช่เหรอ...เฮ้ คุณริว!

                    ....

                    “ป้าครับ ขอไอติมช็อกโกแลตแท่งนึงครับ” เนย์จิ หนุ่มน้อยหน้าหวานเอ่ยปากพูดเสียงใสกับคุณป้าร้านขนมเจ้าประจำด้วยความเคยชิน

                    “แหม ขอโทษนะจ๊ะเนย์จิคุง พอดีแท่งสุดท้ายพ่อหนุ่มที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้ซื้อไปแล้วล่ะจ้ะ” เนย์จิแทบจะอ้าปากค้าง เขามาร้านขนมนี่ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนเสมอ... แล้วของที่อยากกินตอนนี้ดันโดนแย่งไปเนี่ยนะ!

                    เขาเป็นลูกค้าประจำนะ! ใครมันบังอาจ...แย่งไป!

                    “ไม่เป็นไรฮะ” เนย์จิพูดตัดรำคาญก่อนจะวิ่งออกจากร้านกวาดสายตาหาคนร้ายที่บังอาจมาแย่งขนมสุดโปรดของเขาไปอย่างหน้าด้านๆ!

                    นัยน์ตาสีทองสวยจากคอนแทกเลนส์สะดุดเข้ากับชายหนุ่มสองคนที่เดินคุยกันห่างจากร้านไปไม่ไกลเข้า คนซ้ายเป็นชายหนุ่มร่างสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เรือนผมสีดำสนิทซอยยาวระต้นคอ ส่วนคนขวาเองก็เป็นชายหนุ่มร่างสูงเช่นกัน เรือนผมสีดำตัดสั้นดูสะอาดสะอ้านและสิ่งที่เขาถืออยู่เองก็คือ...

                    “ไอติมช็อกโกแลตของฉัน!!” เนย์จิไม่ว่าเปล่า เขาวิ่งมากระชากชายเสื้อของชายหนุ่มคนขวาอย่างรวดเร็ว เพราะชายหนุ่มตรงหน้าสูงเกินไปหรือเพราะเขาเตี้ยเกินไปก็ไม่ทราบ จึงทำให้เนย์จิไม่สามารถกระชากคอเสื้อตามใจคิดได้ และเพราะอย่างนั้น...ทำให้เนย์จิรู้สึกไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิม

                    “เอาไอติมของฉันคืนมานะ!

                    “...ครับ?” ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้เนย์จิอย่างงุนงง

                    “บอกให้เอาไอติมของฉันคืนมาไงล่ะเจ้างั่ง!” เนย์จิว่าพร้อมเอื้อมมือหมายจะคว้าซองไอติมช็อกโกแลตสุดโปรด แต่ก็โดนชายหนุ่มยื้อกลับไม่ให้เอาไป

                    “ฮ่าๆๆ! อะไรวะซิการ์ นายไปเลี้ยงต้อยเด็กตอนไหนเนี่ย!” ชายหนุ่มอีกคนหัวเราะร่วนราวกับเห็นความลำบากของเพื่อนเป็นเรื่องสนุก...และนั่นก็คือความจริง

                    “...อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระจะได้มั๊ยเอน่า” ซิการ์ยังคงยิ้ม เขาเบนความสนใจจากเอน่ามาสนเนย์จิต่อ “จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอนครับ เพราะไอติมแท่งนี้ผมซื้อมาจากร้าน...”

                    “มันเป็นของฉัน! ฉันต่างหากที่จะต้องได้กินมัน! แต่นายก็มาแย่งฉัน เจ้าคนไร้มารยาท!

                    “ฮ่าๆๆๆๆ!! นายโดนด่าว่าไร้มารยาทว่ะซิการ์” เอน่าหัวเราะร่วนชอบใจใหญ่ “เจ้าหนู...หืม น่ารักไม่เบาแฮะ ชื่ออะไรเหรอ?”

                    “ฉันไม่ใช่เจ้าหนูนะ! ฉันชื่อเนย์จิ ฮาซากะ เนย์จิ! เนย์จิหันไปโวยใส่เอน่าบ้าง “แล้วตกลงจะเอาไอติมคืนให้ฉันได้รึยัง!

                    “เห? นี่มันเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกับเคลียร์นี่นา...” เอน่าจ้องชุดที่เนย์จิใส่อยู่พลางพึมพำเบาๆ ราวกับไม่ได้ยินเสียงเนย์จิ

                    “เฮ้ย! เจ้าบ้า!

                    “พาไปส่งกันเถอะซิการ์!

                    “ทำไมล่ะครับ? คงไม่ใช่ว่า...อยากไปหาเคลียร์หรอกนะ?” ซิการ์ยังคงระบายยิ้มบางๆ พลางแกะไอติมกินต่อหน้าเนย์จิอย่างเอร็ดอร่อย

                    “แน่นอน! ก็เจ้าเด็กนั่นเป็นของฉันนี่! เอ้า เนย์จิไปกันเถอะ!” เอน่าไม่ว่าเปล่า เขาคว้าตัวเนย์จิขึ้นด้วยมือข้างเดียวแล้วออกตัวเดินราวกับไม่ได้ยินเสียงเนย์จิที่ทั้งตะโกนโวยวายทั้งเตะทั้งต่อยเลยแม้แต่น้อย... อีกทั้งยังต้องมองภาพบาดตาที่ซิการ์ที่เดินตามหลังมากินไอติมช็อกโกแลตอย่างเอร็ดอร่อยให้ปวดใจเล่นอีก

                    ฮึ่ย....วันนี้มันวันบ้าอะไรกันวะ!!!!

                    ....

                    “คราฟฟ์ นายวาดอะไรอยู่?” เสียงใสๆ ของหนุ่มน้อยผู้มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่เอ่ยถามรุ่นน้องที่กำลังนั่งวาดภาพสีน้ำมันอย่างสนอกสนใจ

                    “...ทิวทัศน์ท้องฟ้าในยามเช้าครับ” คราฟฟ์เอ่ยตอบคนเป็นรุ่นพี่อย่างเฉื่อยชา...เพราะเขาพูดเป็นรอบที่สามแล้ว แต่กระนั้นมือเรียวสวยก็ยังคงปาดสีผู้กันบนผ้าใบอย่างคล่องแคล่ว

                    “เห สุดยอดเลย!เต้ หนุ่มน้อยผู้มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่คราฟฟ์เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทึ่งตะลึงราวกับคนเป็นเด็กตัวน้อยๆ ที่กำลังชื่นชมผลงานของรุ่นพี่ยังไงยังงั้น

                    “ฉันเองก็อยากวาดมั่ง! นี่ๆ เอาผู้กันมาให้ฉันวาดมั่งสิ!

                    “...รอผมเสร็จงานนี้แล้วเดี๋ยวผมจะให้รุ่นพี่วาดนะครับ”

                    “ไม่อาวววว ฉันจะวาดภาพนี้” เต้กระโดดเข้าคว้าผู้กันในมือคราฟฟ์อย่างรวดเร็วจนคราฟฟ์แทบตั้งตัวไม่ทัน

                    “ไม่เอาครับ! รุ่นพี่รอผมวาดภาพนี้เสร็จก่อนไม่ได้รึไง” คราฟฟ์ยังคงไม่ยอม

                    “ไม่อาวววว ก็ฉันจะวาดภาพนี้นี่นา”

                    “มะ...ไม่เอาน่ะรุ่นพี่”

                    “เอา!

                    “ไม่...”

                    “เห? เล่นปลุกปล้ำกันเหรอ?” ราวกับมีเสียงสวรรค์มาหยุดการต่อสู้แย่งชิงผู้กันของทั้งสองเข้าแต่ก็เป็นคำพูดเล่นที่คล้ายจะทำร้ายจิตใจคนฟังอยู่หน่อยๆ คราฟฟ์กับเต้แทบจะหันขวับมองผู้มาเยือนโดยทันที

                    “หะ! ฉันเคยเห็นหน้านายในทีวีนี่นา!” ที่เป็นพระเอกในหนังใช้ม๊า! ชื่อ...”

                    “อโลนครับ” อโลนยิ้ม ตามตรงเขามาที่นี่เพราะเป็นสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมาก แต่ไม่คิดว่าจะเจอคนถึงสองคน...ดังนั้นเป็นมารยาท เขาคงต้องทักทายอย่างเป็นมิตรล่ะนะ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ แล้วผมก็ดีใจนะ ที่มีเด็กน่ารักอย่างเธอติดตามงานของผมด้วยน่ะ”

                    “แน่นอน! ฉันชื่อเต้นะ!” อโลนยิ้มให้เต้เล็กน้อย ก่อนจะหันมามองคราฟฟ์ที่ค่อยๆ ชันตัวขึ้นมานั่งด้วยด้วยอารมณ์หงุดหงิดขุ่นเคือง

                    ที่เขาหงุดหงิดอันดับแรกเลยคือ...รุ่นพี่มาป่วนเขาอีกแล้ว ต่อมาคือที่นี่ถือเป็นที่ๆ ลับสายตาคนมากที่สุด พูดง่ายๆ เลยคือเป็นสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัวเอามากๆ ...แต่กลับ...

                    แซ่กๆ เสียงพุ่มไม้ดังขึ้น ทั้งสามเงยหน้าขึ้นไปมองแทบจะทันที ความคิดในหัวพวกเขาทั้งสามคือ...มีคนมา!

                    แขกผู้ไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคนเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีบลอนด์ทองพลิ้วไหวตามสายลมดูงดงามราวกับภาพวาด ดวงตาสีอำพันประกายฉายแววฉงนสงสัยออกมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็แปรเปลี่ยนมาเป็นหงุดหงิดไม่สบอารมณ์โดยจะทันที!

                    ชายหนุ่มร่างสูงหันหลังเดินกลับไปโดยไม่พูดไม่จาเล่นเอาทั้งสามถึงกับงงไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

                    “เอ...ถ้าจำไม่ผิด...” อโลนพูดขึ้นมาคนแรก

                    “นั่นมันกราฟไม่ใช่เหรอ? ฉันได้ยินบ่อยๆ จากพวกผู้หญิงว่าเขาเป็นคนลึกลับๆ...แต่ถึงอย่างนั้นยัยพวกนั้นก็ชอบเจ้าหมอนั่นมากเลยนะ” เต้บ่นอุบอิบคล้ายจะแอบอิจฉาในความฮอตของอีกฝ่ายที่ถึงจะไม่ทำอะไรก็ฮอตได้ง่ายๆ

                    “...” คราฟฟ์ไม่พูดอะไร ในความคิดของเขาตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว... คือที่แน่ๆ เลยเจ้ากราฟอะไรนั่น...ชักสีหน้าทันทีเมื่อเห็นหน้าพวกเขา

                    ดูก็รู้เลยว่าคงไม่พอใจที่มีคนอยู่สินะ เจ้าคนไร้มารยาท!

                    คราฟฟ์คิดบ่นเคืองในใจอย่างหงุดหงิด วันนี้มันวันบ้าอะไร...ทำไมเขาถึงหงุดหงิดไปหมดอย่างนี้นะ!

    -----------------------------------------------
    เสร็จแล้วค่าาาาาาาาาาา  ลงครบทุกคนแล้วววววว
    เหนื่อยโฮกเลย 555 =w=;;; อินโทรนี้คือแสดงความสัมพันธ์บางส่วนให้เห็นก่อนนะคะ อย่าเพิ่งคิดว่าเราจับคู่ผิดน๊าา
    รู้สึกว่ากลุ่มคิเรย์ เอริส ฟุยุกิดูสดใสสุดและ > <

    Calista be bright εїз
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×