ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนวุ่นชุลมุนรัก YAOI!

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่8 : รู้สึก?

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 56


    Alone Talk

    แฟน...คือสิ่งมีชีวิตสองสิ่งที่อยู่ด้วยกัน

    แฟน...คือสิ่งมีชีวิตสองสิ่งที่หันหน้ากากเข้าหากัน

    ส่วนความรัก...คือภาพมายาที่ไม่มีวันคงอยู่ตลอดการ

    แต่ว่าตอนนี้ผมกลับ...

    เป็นแฟนกับเด็กม.4 ที่เป็นผู้ชาย!!

    ผมขยี้เรือนผมตนเองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยที่ตอนนั้นไม่ได้ปฏิเสธให้คนบ้าอย่างคิเรย์เข้าใจแบบจริงๆ จังๆ

    นี่ก็ผ่านล่วงเลยมาเป็นอาทิตย์แล้ว นับตั้งแต่ที่คิเรย์บอกเป็นแฟนกับผมก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่ถึงกระนั้นผมกลับลุ่มร้อนในอก นอนไม่หลับมาห้าวันติดเพียงแค่เรื่องแฟน!

    มันเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายคิดไปเองเสียด้วยซ้ำ! แล้วทำไมผมจะต้องมานั่งคิดไม่ตกอยู่อย่างนี้กัน...

    ผมมองใบหน้าโทรมๆ ของตนเองที่มีผลมาจากการนอนไม่พออย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะผูกเนคไทด์มหาวิทยาลัยแบบหลวมๆ

    เพียงเพราะเรื่องแฟนมั่วๆ...ก็ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ขืนผมปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงจะส่งผลกระทบต่องานแน่ๆ แถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้ชาย... แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้อะไรกับว่าแฟนจะต้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอยู่แล้ว ข้อนี้จึงตัดไปได้เลย

    คิเรย์เป็นเด็กน่ารักคนหนึ่ง ใบหน้าไม่ได้หวานอะไรมาก กลับกันออกไปทางซุกซนเสียด้วยซ้ำ นิสัยก็บ้าๆ บอๆ ปัญญาอ่อนได้โล่... ผมไม่เคยเจอใครที่บ้าถึงขนาดวิ่งไปร้องเพลงกลางมหาวิทยาลัยอย่างหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย คิดแล้วก็ขำเป็นบ้า

    ผมสะดุ้งเล็กน้อยกับรอยยิ้มบางๆ ของตนเองที่ฉายขึ้นจากในกระจก

    คง...ต้องรีบทำอะไรซักอย่างแล้ว...

    ไม่สิ

    แค่นับตั้งแต่วันนี้ไปผมจะไม่ไปเจอหน้าคิเรย์อีก คิเรย์เองก็คงไม่ได้จริงจังอะไรกับผมมากนักหรอก เพราะนับตั้งแต่วันที่เป็นแฟนกันมา...ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

    ผมคิดอย่างหงุดหงิด ถ้าชอบผมจริงๆ ก็ต้องมาหาผมไม่ใช่รึไง แต่นี่อะไร...ปล่อยให้ผมนั่งเป็นบ้าแบบนี้น่ะเหรอ!?

    ผมเปิดประตูห้องอย่างแรงระบายความหงุดหงิด! แต่แล้ว...

    “เหวอ!” เสียงร้องดังขึ้น ผมเหลือบตาลงต่ำมองอย่างตกใจ

    “คิเรย์...”

    “อะไรกันเล่าพี่โอคิตะ! จู่ๆ ก็เปิดประตูพรวดแบบนี้ผมตกใจหมดเลย!” คิเรย์พองแก้มบ่นอย่างโกรธเคืองดูน่ารักน่าชัง...

    “แล้วคิเรย์จะมายืนเอาหน้าจูบประตูทำไมล่ะครับ?”

    “จูบอะไรเล่า ผมกำลังกดออดต่างหาก!” คิเรย์เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ผมมองตามสายตาของคิเรย์ไปหยุดที่ออดข้างประตู... ซึ่งอยู่สูงกว่าคิเรย์สิบกว่าเซนติเมตร

    “ถ้าเอื้อมไปกดไม่ถึงก็เคาะประตูสิ”

    “ผมอยากกดออดให้ดูไฮโซ” คิเรย์แสร้งยืดตัวเชิดอกพูดอย่างภูมิใจเต็มที่จนทำให้ผมอดรู้สึกขำไม่ได้...

    แต่ก็แค่ในใจเท่านั้นแหละ

    “จะว่าไปพี่โอคิตะ ผมเอานี่มาให้อ่ะครับ” คิเรย์ว่าพร้อมยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม

    “บัตรเข้าชมงานโรงเรียน?”

    “ช่ายยยยย ซุ้มห้องผมทำบ้านขนมหวานนนนนนแหละครับ สนใจม้า??”

    เริ่มวันจันทร์ที่จะถึงนี้... ผมไม่มีงานพอดีเลย

    “ผมมีงานน่ะ ไปไม่ได้หรอก”

    “เหหหหห ทำมายอ้ะ!!” คิเรย์ทำสีหน้าผิดหวังแบบไม่ปกปิด

    “ขอโทษด้วยนะ” ผมยิ้มเย็นมองใบหน้าของคิเรย์ที่คล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ดูแล้วช่างน่าสงสารจับใจจนอยากจะแก้คำพูดใหม่เลยทีเดียว

    การเห็นงานสำคัญกว่าแฟน... คงทำให้เจ็บปวดสินะ

    งั้นก็จงเจ็บปวดไปซะ... ผมยิ้มอย่างคนเหนือไพ่เหนือกว่า คอยดูสิ ผมจะบอกปัดแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเจ้าตัวรับคนอย่างผมไม่ได้เลย

    “อื่อ...ไม่เป็นไร” คิเรย์ก้มหน้าต่ำ ก่อนจะเงยพรวดจ้องผมด้วยสายตาแห่งความหวัง! “งั้นเผื่อพี่โอคิตะว่างก็มาได้ทุกเมื่อเลยนะ! ผมอยู่ห้องม.4/B อยู่ร้านตลอดเลย มาได้ตลอดเลยน๊า”

    “...คงจะไม่ได้ล่ะนะ” ผมพูดเสียงแผ่ว

    “อะไรนะ?”

    “เปล่าหรอก” ผมยิ้ม ไม่ค่อยจะรู้สึกแปลกใจกับอาการของคิเรย์เท่าไหร่ ผมรู้ว่าคิเรย์เป็นคนมีความพยายาม ความอดทนและการมองโลกในแง่ดีอยู่ในขั้นสูง นิสัยถึงแม้จะซุกซนและบ้าไปบ้างแต่ก็บริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อยที่ไม่ประสีประสาโลก

                    แต่ความบริสุทธิ์นั้นน่ะ

                    ผมจะย่ำยีมันเอง

                    ...

                    “ยะโฮ อรุณสวัสดิ์กราฟ” เคนโซโบกมือหยอยๆ ทักทายกราฟที่นั่งอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์แต่กระนั้นกราฟที่ได้ยินคำทักทายเต็มสองหูกลับแสร้งเฉยเมยไม่เงยหน้าขึ้นตอบทักทาย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติที่เคนโซชินแล้ว

                    “ยะโฮ... สนใจเค้าหน่อยสิครับ” เคนโซแสร้งโบกมือไปมา “แหมๆๆ ไอ้เราก็ไม่ใช่คราฟฟ์ซะด้วยสิ ชาตินี้นายคงไม่มีวันทักฉันตอบหรอกล่ะมั้งง?”

                    ได้ผล กราฟเงยหน้าขึ้นขมวดยุ่งเล็กน้อย

                    “อะไร... ปกติฉันก็ไม่ได้ทักนายตอบไม่ใช่เหรอ”

                    “มันก็ช่ายยยยย แต่ตอนคราฟฟ์มานี่ฉันเห็นนายดูสนอกสนใจเอาใจใส่คราฟฟ์มากเลยนี่?? แต่ดูสิ...ขนาดฉันทักนายยังไม่ตอบ แต่ตอนนั้นคราฟฟ์นั่งเฉยๆ นายกลับเข้าไปหาซะเอง” เคนโซพูดอย่างตัดพ้อ

                    “...ตอนนั้นคราฟฟ์จะโดนลวนลาม”

                    “แล้วไงอ่ะ ก็เป็นงานของยัยกลุ่มนั้นที่ประจำห้องวีไอพีสองไม่ใช่หรือไง?”

                    “...” กราฟถึงกับไปต่อไม่เป็น เขาแสร้งก้มหน้าอ่านหนังสือตอบอย่างไม่สนใจเคนโซแต่ในใจกลับว้าวุ่นเต็มไปด้วยคำพูดของเคนโซ

                    “โด่! พี่ชาย มาขนาดนี้ทำใจกล้าสารภาพรักเค้าไปเล๊ยยยย ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ?” เคนโซยิ้มอย่างไม่ยี่หระก่อนจะเข้ามานั่งโซฟาข้างกราฟอย่างถือวิสาสะ

                    “...อะไรของนาย ฉันไม่ได้ชอบเขา” กราฟหันมาทำหน้างุนงงใส่

                    “หือออ?? ไม่ได้ชอบแล้วเขาเรียกว่าอะไร ทั้งหึงตอนที่คราฟฟ์อยู่รายล้อมสาวๆ ทั้งยังอบขนมปังไปให้”

                    “ฉันไม่ได้ชอบ” กราฟขมวดคิ้วพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ “ความรักน่ะ...รังแต่จะให้แต่ความทุกข์ทั้งนั้นแหละ”

                    “เหหหห แต่การกระทำกับคำพูดนายมันดูต่างกันจังเลยเนอะ ทั้งๆ ที่ไม่-ได้-ชอบ แต่กลับเป็นห่วงเป็นใยนึกถึงอบขนมปังไปให้อ่ะนะ?”

                    “...ธรรมดาที่ต้องอบเผื่อคนรู้จัก ฉันเองก็ให้นายกินด้วย ไม่ใช่แค่คราฟฟ์”

                    “งั้นเหรออออ?? งั้น...ถ้าฉันจะขอไปนายก็ไม่ว่าอะไรใช่ป่ะ??”

                    ตึก...

                    “ที่ฉันเรียกนายมาวันนี้ตอนเช้าเพราะอะไร?” จู่ๆ กราฟก็เอ่ยขึ้น

                    “เอ้อ จริงสิ ตกลงเรียกมาทำอะไรฮะ?”

                    “ล้างส้วมทุกห้อง ชดเงินเดือนส่วนที่นายโดดงานห้าวันติด” กราฟว่าจบก็ลุกพรวดเดินจากไปทันที เคนโซที่ยั่งอ้าปากหวอสุดๆ ถึงกับเอ๋อพูดอะไรไม่ออก

                    “เจ้าบ้า!! รู้งี้ฉันไม่มาดีกว่า!!

                   

                    กราฟเดินแบกกีร์ต้าตัวโปรดออกมานั่งสวนสาธารณะที่ประจำ...ไม่สิ มันไม่เชิงเป็นสวนสาธารณะ มันเป็นพื้นที่ว่างๆ ที่หนึ่ง เพียงแต่ถ้าเดินเข้าไปลึกอีกหน่อยผ่านดงต้นไม้นับสิบต้นก็จะพบก็พื้นที่ร่มเย็นที่แสนจะเงียบสงบนั่นเอง

                    มันคือที่ประจำของเขา

                    กราฟเริ่มดีดกีร์ต้าตัวโปรดตามคอร์ดเพลง ริมฝีปากบางอิ่มขยับร้องเบาๆ ก้วยน้ำเสียงอันไพเราะ ช่างเป็นภาพที่แลดูราวกับภาพวาดเลยทีเดียว

                    แต่จู่ๆ กราฟฟ์ก็หยุดเล่นกลางคันเสียดื้อๆ กราฟฟ์มองกีร์ต้าในมือตนเองเล็กน้อย ในหัวกลับคิดถึงเรื่องที่เคนโซพูดถึง

                    โด่! พี่ชาย มาขนาดนี้ทำใจกล้าสารภาพรักเค้าไปเล๊ยยยย

                    “...”

                    ความรักมีแต่จะสร้างความเจ็บปวด... ภาพตัวเขาเมื่อวัยเยาว์ที่มองพ่อและแม่ของตัวเองทะเลาะกันปรากฏขึ้น

                    ไม่มีทาง...ที่จะรักกันได้ยืนยาว

                    กราฟคิดจบก็วางกีร์ต้าไว้ข้างตัวอย่างที่ไม่เคนเป็นมาก่อน ก่อนจะล้มตัวลงเอนนอนกับผืนหญ้า เปลือกตาทั้งสองค่อยๆปิดลงช้าๆ ก่อนที่สติจะหลุดลอยไป...

                   

    CRAFF TALK

                    ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันเสาร์! ผมแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อรู้ว่าวันนี้เป็นวันเสาร์! ก็เพราะวันที่ผ่านมาผมแทบไม่ได้วาดรูปเลย! ได้แต่ช่วยทำป้ายบอร์ดซุ้มระบายสีโปสเตอร์อย่างเหนื่อยหน่าย

                    ผมแบกขาตั้งและกระดานมายังสวนสาธารณะที่ประจำ...ไม่สิ มายังพื้นที่โล่งกว้างที่ข้างในเป็นสรวงสวรรค์ที่ประจำต่างหาก

                    ที่นั่นน่ะ...ไม่ค่อยจะมีใครรู้จักเท่าไหร่หรอก อีกทั้งยังสงบและร่มเย็น... ช่างเป็นที่ในฝันสำหรับผมเลยก็ว่าได้

                    ถ้าไม่ติดว่ารุ่นพี่เต้จะมากวนล่ะก็นะ...

                    “เอ๊ะ?” ผมครางอย่างสงสัย ข้างในนั้นมันมีคนนอนอยู่...

                    นอกจากรุ่นพี่แล้วยังมีคนอื่นรู้จักอีกเหรอ!??

                    นั่นมัน...

                    คุณกราฟ!? ผมแทบจะอ้าปากค้างมองภาพกราฟที่นอนชิวอยู่กับกีร์ต้าข้างๆ ดูแล้วคงจะหลับสนิท...

                    “...” ผมลังเลเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากมากวนคุณกราฟนอนเท่าไหร่เลยแฮะ แต่ว่านี่เป็นที่ประจำของผม...ผมมักจะมีอารมณ์วาดรูปทุกครั้งที่มาที่นี่เสมอ

                    ทำแบบเงียบๆ ไม่กวนคุณกราฟนอนละกัน

                    ผมค่อยๆ จัดแจงวางขาตั้ง กระดานและเตรียมอุปกรณ์สีน้ำสุดรักของผมอย่างพร้อมเพรียง แต่แล้วสายตาผมที่เหลือบไปเห็นคุณกราฟนอนก็ต้องชะงัก

                    ...ผมเผลอก้าวเข้าไปดูใบหน้าสวยของคุณกราฟอย่สงไม่รู้ตัว

                    อืม...หน้าสวยจริงๆ เลย ไม่แปลกจริงๆ ที่จะมีสาวตามกรี๊ดมากมายขนาดนี้... นี่ขนาดผมไม่ค่อยวนใจเรื่องพวกนี้ยังรู้เลย ทั้งๆ ที่เขาอยู่มหาลัยและผมอยู่โรงเรียนด้วยซ้ำ!

                    ...สวยอย่างกับภาพวาดเลย...

                    หืม?

                    ลองวาดคุณกราฟดูดีกว่าแฮะ

                    ผมคิดได้ดังนั้นก็ชันตัวขึ้นไปวาดทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรผมถึงมีความรู้สึกอยากวาดรูปคุณกราฟมากมายขนาดนี้

                    คงจะเป็นเพราะเขาหน้าตาดีมากนั่นล่ะนะ

                    เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงแล้ว ผมก้มมองนาฬิกาในข้อมือเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเตรียมไปหาอะไรทาน ภาพวาดที่วาดคุณกราฟเองก็เสร็จแล้วด้วย

                    จะให้ผมเองก็กระไรอยู่... ดังนั้นเดี๋ยวคุณกราฟตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยให้ละกัน

                    ผมคิดได้ดังนั้นก็เดินจากไป

    END CRAFF TALK

                    กราฟค่อยๆ ชันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ดูเหมือนสมองของเขาจะสั่งการไม่ได้ดีนัก กราฟจึงได้แต่นั่งเหม่อประติดประต่อเรื่องอยู่พักหนึ่ง

                    หืม... กราฟเหลือบไปเห็นกระดานและอุปกรณ์วาดรูปปริศนาที่เว้นระยะห่างจากเขาพอสมควร กราฟขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปดูภาพในนั้น

                    ภาพในนั้นปรากฏใบหน้าของชายคนหนึ่งในยามหลับใหลท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีและดอกไม้เล็กๆ ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ

                    ใบหน้านั้น...และเรือนผมสีบลอนด์ทองนั่น...มันเขาชัดๆ!!

                    “อ้าว คุณกราฟตื่นแล้วเหรอครับ?” เสียงหนึ่งทักขึ้น กราฟหันไปมองอย่างตกใจ

                    “คราฟฟ์”

                    “พอดีเลย หิวหรือเปล่าครับ ผมซื้อขนมปังกับนมมาฝาก” คราฟฟ์ว่าอย่างใจดีก่อนจะยื่นนมและขนมปังให้กราฟที่กำลังงุนงงรับ

                    “ภาพนี้มัน...”

                    “อ้อ ขอโทษนะครับที่วาดไปโดยพลการ พอดีว่าผมเห็นว่าคุณกราฟหน้าสวยมากจนผมอยากวาดรูปน่ะครับ” คราฟฟ์ลูบท้ายทอยเขินๆ “ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็... ผมวาดรูปนี้ให้คุณกราฟนะครับ”

                    คราฟฟ์ไม่ว่าเปล่า เขาจัดการแกะกระดาษออกจากระดานยื่นให้กราฟฟ์ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

                    “นาย...วาดให้ฉัน?”

                    “ครับ”

                    ตึกตัก...ตึกตัก...

    โด่! พี่ชาย มาขนาดนี้ทำใจกล้าสารภาพรักเค้าไปเล๊ยยยย

                    ไม่... คนอย่างฉัน...

                    เนี่ยนะ....

                    ...

                    “หา? ตอนนี้น่ะเหรอ อยู่ครึ่งทางแล้วล่ะ...เอ้า จริงๆ นี่เห็นฉันเป็นคนไว้ใจไม่ได้ชนาดนั้นเลยเหรอ?” เอน่าไขกุญแจห้องด้วยมือข้างเดียวอย่างชำนาญ

                    “ฮะ เสียงกุญแจอะไรของนาย มั่วว่ะ บอกว่าอยู่ครึ่งทางก็ครึ่งทางสิ” เอน่าว่า “เอาน่ะ ระหว่างรอก็ไปเดินดูของไปป่ะ เดี๋ยวก็ถึงน่า... เออๆ”

                    เอน่าตัดสายอย่างก่อนจะเดินออกจากห้องประตูคอนโดด้วยความเอื่อยเฉื่อย วันนี้เขามีนัดซื้อของทำโครงงานมหาวิทยาลัยกับซิการ์...

                    ซึ่งนัดกันสิบเอ็ดโมงและเขาเริ่มออกจากคอนโดเที่ยงตรง... เอาเถอะ ช่วยไม่ได้จริงๆ คนมันขี้เกียจนี่นา...

                    ปัง!

                    “โอ๊ะ” เอน่าเอี้ยวตัวหลบทันทีราวกับสัญชาติญาณเมื่อจู่ๆ คนข้างห้องก็เปิดประตูอย่างแรงโดยไม่บอกกล่าว! โชคดีที่ตัวเขาเป็นคนมีปฏิกิริยาดีจึงสามารถหลบได้ทันท่วงที ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงหน้าแหกคาประตูไปเสียแล้ว

                    “ระวังหน่อยสิ...” เอน่าเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยมองเห็นคนตรงหน้าได้ถนัดตาอย่างไม่เชื่อสายตา

                    “นายมัน...”

                    ...

                    “อ้าวเคลียร์ มารอนานรึยังเนี่ย?” เสียงหนึ่งทักขึ้น เคลียร์เงยหน้าขึ้นไปมองเล็กน้อย

                    “อ่ะ พี่อโลน สวัสดีครับ” เคลียร์ยิ้มทักทายอโลน “ผมเพิ่งมาไม่นานหรอก”

                    “ขอโทษนะ พอดีคลาสเลิกเลทน่ะ” อโลนว่า พลางก้มลงกระซิบกับเคลียร์เบาๆ “ว่าแต่เคลียร์...มานั่งซะตรงนี้ไม่กลัวโดนแฟนคลับเห็นรึไง?”

                    อโลนก้มลงมองสำรวจเคลียร์ เคลียร์ในตอนนี้มีเรือนผมสีดำแสกข้าง นัยน์ตายังคงสีฟ้าสวยเช่นเดิมแต่กลับถูกปิดบังด้วยแว่นกรอบโตสีดำตามแฟชั่นอย่างน่าเสียดาย

                    “อ้อ...คิดว่าไม่เป็นไรนะ เพราะผมนั่งตรงนี้มายังไม่มีใครมาทักเลย... อย่ามาว่าแต่ผมเหอะ! พี่อโลนเองก็ไม่ต่างจากผมหรอกฮะ”

                    เคลียร์ว่าอโลนบ้าง อโลนตอนนี้อยู่ในสภาพเสื้อนักศึกษาหลุดนอกกางเกง ใส่หมวกตามเทรนด์แฟชั่นเข้ากับชุดนักศึกษาและใส่แว่นเพื่อปิดบังรูปลักษณ์อย่างน่าเสียดาย

                    “เอาน่ะ ฉันเองก็ตั้งแต่มาตรงนี้ก็ยังไม่มีใครทักเหมือนกัน” อโลนยิ้มถาม“แล้วทำไมเราไม่เข้าไปนั่งรอข้างในล่ะ?”

                    “อ้อ...ข้างในน่ะ... แออัดกว่าข้างนอกอีก ผมว่ารอข้างนอกอย่างนี้ล่ะดีแล้ว”

                    ตอนนี้พวกเขาสองคนถูกนัดเรียกมาคุยงานเรื่องเอ็มวีเพลง เนื่องจากว่าเอ็บวีที่อโลนต้องเล่นคู่เคลียร์ในเพลงเส้นขนานนั้นถูกเอน่ารับบทแทนแล้ว อโลนจึงต้องมาเล่นเอ็มวีอื่นแทนอย่างช่วยไม่ได้

                    และตอนนี้พวกเขาทั้งสองอยู่ในย่านเมืองชื่อดังรวมแหล่งวัยรุ่นเลยทีเดียว แถมนี่ยังเป็นวันเสาร์ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ว่าข้างนอกแออัดน้อยกว่าในร้านรวงต่างๆ

                    “ว่าแต่เพลงเส้นขนานน่ะ... ให้ใครก็ไม่รู้มาเล่นอย่างนั้นไม่มีปัญหาเหรอ?”

                    “อ้อ...ครับ...มันไม่มีปัญหาหรอก” เคลียร์ยิ้มแห้งๆ เค้นคำพูดอย่างยากลำบาก จะว่าดีมันก็ดี... เอน่าเป็นคนมีพรสวรรค์ในทุกเรื่อง ดังนั้นปัญหาที่ว่าเอน่าเล่นได้ไม่เข้าถึงอารมณ์จึงตัดไปได้เลย หน้าตาและรูปร่างก็เรียกได้ว่าดีมาก ไม่แน่ว่าถ้าเอ็มวีเสร็จเมื่อไหร่คงมีแมวมองมาแย่งชิงเอน่าเยอะอย่างแน่นอน

                    “เหรอ...งั้นก็ดีไป”

                    “...”

                    “ว่าแต่เราต้องรอผู้จัดการคุยอีกนานแค่ไหนนะ?” อโลนถามขึ้น เคลียร์เองก็สงสัยเช่นกัน ผู้จัดการของพวกเขาทั้งสองกำลังปรึกษาเรื่องสถานที่การถ่ายทำอยู่...ซึ่งก็คุยมานานมากแล้ว

                    ฟิ้วววว!!

                    จู่ๆ ลมก็พัดผ่านมาอย่างแรง! อโลนยกมือขึ้นป้องดวงตาตามสัญชาติญาณทันที แต่กลับลืมไปว่า...

                    ตุบ

                    หมวกใบน้อยถูกพัดปลิวไปตามสายลมทันที!

                    “...” เหล่าผู้คนที่แอบเห็นถึงกับเงียบกริบ

                    “กรี๊ดดดดดดดดดดดด อโลน!!!!

                    “ไหน...กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!

                    อโลนที่เป็นที่สนใจโดยไม่รู้ตัวแสร้งฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตรทันทีอย่างมืออาชีพ

                    “ท่านอโลน ขอจับมือหน่อยค่า!!

                    “หนูด้วยค่ะ!

                    “ฉันด้วยยย!!” เหล่าหญิงสาวต่างเบียดกันเข้ามารายล้อมอโลนโดยทันที! เคลียร์ที่เห็นท่าไม่ดีรีบคิดหนีจากวงล้อมอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้น...

                    ปั้ก!

                    “โอ๊ย!” เคลียร์ถูกหญิงสาวชนเสียหลักล้มลงกับพื้นอย่างแรง!

                    “ว้าย ตายแล้ว ขอโทษนะหนู...”

                    “อ้อ ไม่เป็นไรครับ” เคลียร์ลืมตัวส่งยิ้มกลับให้

                    “นะ...เคลียร์!!??

                    “ฮะ! ไหน!

                    “เดี๋ยวสิ...จะ จริงด้วย!! เคลียร์รึเปล่าน่ะ!?” กลุ่มหญิงสาวเริ่มฮือฮาทันที เพราะแว่นอันน้อยของเคลียร์ถูกชนกระเด็นหายไปไกลบวกกับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ขอเพียงแค่นัยน์ตาสีฟ้าสวยกับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว... แฟนคลับตัวยงไม่มีทางลืมได้แน่นอน!

                    “ใช่สิ! เมื่อกี้เคลียร์ส่งยิ้มให้ฉันด้วย!

                    “ว่าแต่ทำไมผมดำล่ะ!? เคลียร์เปลี่ยนลุคเหรอ?”

                    “กรี๊ดดดด ขอจับมือด้วยคนค่า!

                    “ว้าย ทำไมถึงมาอยู่กับอโลนล่ะ! หรือว่ากิ๊กนอกจอ!?” เหล่าสาวๆ เริ่มฮือฮา เพราะเคลียร์มีข่าวซุบซิบที่ว่าเพียงแค่สบตา ไม่ว่าเพศไหนก็ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น!

                    ยิ่งแล้วใหญ่กับหน้าตาอันหวานหยดของเจ้าตัว จึงทำให้ข่าวซุบซิบนี้เป็นที่น่าเชื่อถือมากเหลือล้น

                    ส่วนอโลนก็มีข่าวซุบซิบว่าเป็นเพล์บอยตัวฉกาจ แถมยังทำงานร่วมกับเคลียร์ถึงหลายงายเลยทำให้เป็นข่าวนินทาระหว่างเคลียร์และอโลนในกลุ่มผู้หญิงซะส่วนใหญ่

                    “กรี๊ดดดดดด!! ขอจับมือทั้งคู่เลยได้มั้ยคะ!!

                    “ขอลายเซ็นหน่อยค่ะท่านอโลน!!

                    “ขอถ่ายรูปคู่เคลียร์อโลนได้มั้ยคะ!!

                    “ถอยไป!!!” ราวกับคำประกาศิต เสียงเข้มดังขึ้นกลบเสียงกรี๊ดกร๊าดของผู้หญิงเสียสงบ ทุกๆ คนรวมทั้งอโลนและเคลียร์มองไปยังต้นเสียงอย่างตื่นตระหนก

                    “เอน่า! อย่าทำให้เป็นเรื่อง...”

                    “เคลียร์น่ะ เป็นของฉันต่างหากเล่า!” ต้นเสียงหรือก็คือเอน่าเดินเข้าไปกระชากตัวเคลียร์ออกจากวงล้อมผู้หญิงอย่างแรงโดยไม่สนใจคำซิการ์เลยแม้แต่น้อย

                    “พวกเธอจำไว้เลยนะ แล้วก็ไปบอกต่อๆ กันด้วยว่าเคลียร์น่ะ...มี-เจ้า-ของ-แล้ว!! ซึ่งก็คือ เอน่า ดราคูณ!! ฉันคนนี้นี่แหละ!!

                    ว่าจบเอน่าก็ลากแขนเคลียร์เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

                    “...”

                    “...”

                    “กรี๊ดดดดดดดดด เอน่า ดราคูณเป็นใครกันอ่ะ!!

                    กลายเป็นว่าตอนนี้เหล่าหญิงสาวกลับฮือฮากับการปรากฏตัวของเอน่าแทน...

                    ...

                    “ให้ตายสิ...เป็นเรื่องจนได้” เสียงผู้จัดการสาวของเคลียร์พูดอย่างเหนื่อยหน่าย

                    “ผมขอโทษครับที่ไม่ได้รั้งตัวเคลียร์ไว้” อโลนเอ่ยขอโทษ

                    “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก... แต่เป็นเรื่องของเอน่ากับเคลียร์ต่างหาก! ตอนนี้พวกบก.หนังสือซุบซิบคงเอาไปเขียนยำเละแล้วแน่ๆ เลย!!

                    “เอ่อ ผมขอโทษแทนเอน่าด้วยนะครับ” ซิการ์ยิ้มบางๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย “เขาเป็นคนมุทะลุผลีผลาม...ขอโทษแทนด้วยนะครับ”

                    “แค่ขอโทษน่ะมันไม่พอหรอกนะ!!” ผู้จัดการสาวตวาด

                    “พอซักที!!” จู่ๆ เนย์จิก็โพล่งขึ้นมาอย่างเดือดดาลมากถึงมากที่สุด เพราะปัจจัยที่ว่าเอน่าที่เพิ่งจะรู้ว่าเขาอาศัยอยู่ห้องในคอนโดติดกันลากมาอย่าง ร่าเริงและ...

                    “อะไรของหล่อนหา! เห็นอยู่ชัดๆ ว่าคนผิดมันเป็นไอ้ถึกนั่น! แล้วแกจะมาตวาดไอ้บ้านี่ทำไมเล่า!

                    ไอ้เจ้าผู้จัดการเฮงซวยนั่นมันไร้เหตุผลสิ้นดี!!!

                    “เฮอะ! ทำอาชีพเป็นถึงผู้จัดการดาราแท้ๆ แค่เรื่องแค่นี้กลับวีนใส่ไม่เข้าเรื่อง กระจอกว่ะ!” เนย์จิถุยน้ำลายลงพื้นอย่างหยาบคายก่อนจะลากซิการ์เดินจากไปทันที

                    “ให้ตายสิ! น่าโมโหยัยป้านั่นจริงๆ!

                    “เนย์จิคุง”

                    “ไอ้ถึกนั่นก็อีก! บ้าอะไรของมัน! สร้างเรื่องเสร็จก็ไปดื้อๆ อย่างนี้เนี่ยนะ!! บ้าหรือเปล่า!!

                    “เนย์จิคุง” ซิการ์ออกแรงยื้อแขนข้างที่เนย์จิจับเบาๆ เพื่อให้เนย์จิหยุดเดิน ใอเห็นว่าทั้งสองเดินมาไกลจากจุดที่ผู้จัดการอยู่มากแล้ว

                    “นายเองก็ด้วย! ทำไปต้องไปรับหน้าแทนเจ้าบ้านั่นด้วยเล่า!!” เนย์จิหยุดเดินแต่ก็ยังไม่วายหันมาโวยวายใส่ซิการ์ต่อด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

                    “รับหน้า? ไม่ได้ทำซักหน่อย”

                    “ทำชัดๆ!! ก็นายยอมรับผิดแทนเจ้า...เหวอ!” เนย์จิร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ซิการ์ก็ขยี้เรือนผมสีน้ำเงินสวยของเนย์จิเบาๆ

                    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันยินดีที่จะทำอยู่แล้ว... จริงๆ แล้วเอน่าเป็นคนดีมากจะตาย ...ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ฉันก็มั่นใจ”

                    “ตรงไหนกันล่ะ! มันทำให้นายเดือดร้อนนะ!

                    “เอ... เอน่าน่ะ เป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากนะ... ถึงแม้ว่าจะแสดงออกอย่างดุดันไปหน่อยก็เถอะ...”

                    “หา??” เนย์จิขมวดคิ้วยุ่งไม่เข้าใจ

                    “แล้วก็...” ซิการ์เหล่มองเนย์จิ ก่อนจะพูดพึมพำเบาๆ “ทำให้ฉันได้สนิทกับนายด้วยล่ะมั้ง...”

                    “อะไรนะ??”

                    “เปล่า-หรอก!” ซิการ์ยิ้มกว้างขยี้ผมเนย์จิแรงกว่าเดิม

                    “โอ๊ย! อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นเด็กนะ!!

                    “หืม?? ไม่ใช่เหรอ?” ซิการ์ทำทีเป็นเลิกคิ้วสงสัย

                    “ม.5แล้วเฟ้ยยยย!!!

                    “แหม ช่างเป็นพรสวรรค์ที่ไม่สามารถเลียนแบบได้จริงๆ ดูเผินๆ แล้วเนย์จิคุงเหมือนป.5 มากกว่าม.5 นะครับ” ซิการ์ยักไหล่กวนๆ ก่อนจะหันหลังเดินหนีแกะช็อกโกแลตบาร์กินหน้าตาเฉย

                    “แก!! ฉันม.5 แล้วเฟ้ย! รอฉันอายุเท่านายก่อนเถอะ ฉันจะสูงงงงงงงกว่านายให้ดู!! แล้วก็เอาช็อกโกแลตนั่นมากินด้วยยยยย!!!

                    ซิการ์ลอบยิ้ม

                    วันนี้มีความสุขจังนะ

                    ...

                    “นายมันบ้าไปแล้ว! ไปพูดแบบนั้นต่อหน้าแฟนคลับฉันได้ยังไง!!” เคลียร์ตวาดใส่เอน่าอย่างเหลืออดเมื่อทั้งสองอยู่ในที่ลับตาคนเรียบร้อย

                    “ก็ทุกคนเข้าใจผิดนี่” เอน่าบุ้ยปากอย่างงอนๆ

                    “หา?”

                    “ทุกคนเข้าใจว่านายกิ๊กกับอโลน ทั้งๆ ที่เป็นฉันแท้ๆ”

                    เพียงแค่นี้เคลียร์ถึงกับเบิกตากว้าง ริมฝีปากบางสวยของเคลียร์ที่บึ้งตึงเกือบจะเผยอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้แต่!

                    “ฉันไม่ได้กิ๊กนายหรืออโลนซักหน่อย! ไม่ใช่เลยยย!!” เขาจะต้องรักษามาดไว้!! อยู่ต่อหน้าเอน่าแบบนี้ ถ้าเผลอยิ้มไปมีหวังได้ถูกล้อตายแน่ๆ และอีกอย่าง... ทำไมเขาจะต้องเผลอยิ้มด้วยนะ ไม่ได้เป็นแฟนกันซักหน่อย!!

                    “หืม? ไม่ได้กิ๊ก แต่จูบกันดูดดื่มซะขนาดนั้นอ่ะนะ?” เอน่าแสยะยิ้มพร้อมก้มหน้าลงชิดเคลียร์อย่างหยอกล้อ

                    “อ่ะ เอาหน้าออกไปห่างๆ นะ!” เคลียร์สะดุ้งโหยงรีบผลักใบหน้าเอน่าที่ห่างจากตนไม่ถึงคืบออก แต่แรงน้อยๆ อย่างเคลียร์น่ะหรือจะสู้เอน่าได้ เอน่าจัดการโอบเคลียร์เข้ามาใกล้พร้อมชิงหอมแก้มเคลียร์เบาๆ

                    “เอน่า!!!

                    “อะไรเล่า แค่นี้ทำเป็นหวง”

                    “ฉะ ฉันไม่ได้หวง! ไม่สิ นายทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!!

                    “เอ๋ ทำไมอ่ะ... อ้อ หรือว่าอยากให้จูบเท่านั้นสินะ?” เอน่าแสยะยิ้มจนเคลียร์ที่หน้าเหวออยู่แล้วถึงกับเหวอมากขึ้นไปอีกสองเท่า

                    “เจ้าบ้า! นายนี่มันคอยแต่สร้างปัญหาให้ฉันอยู่เรื่อย! เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว!” เคลียร์ผลักเอน่าออกแรงด้วยใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย

                    “...”

                    “ดูสิ นายเล่นพูดไปแบบนั้น...สงสัยคงมีคนถ่ายรูปเก็บไว้แหงๆ ดีใจด้วยนะ ดังเลยล่ะ” เคลียร์ประชด

                    “ขอโทษ”

                    “...ฮะ?” เคลียร์หันมาหาอย่างไม่เชื่อหู

                    “ขอโทษที่คอยสร้างแต่ความเดือดร้อน”

                    “เอ๊ะ?”

                    “ขอโทษที่ทำให้นายโมโห”

                    “เอน่า...”

                    “ขอโทษที่ทำให้นายไม่ชอบใจ”

                    “...”

                    “ขอโทษที่คอยมากวนใจ” เอน่าพูดอย่างจริงจัง “แต่ถึงจะอย่างนั้นฉันก็ไม่เสียใจ”

                    “ฉันดีใจที่ได้รู้จักกับนาย ฉันดีใจที่ได้ก่อกวนนาย ฉันดีใจที่ทำให้นายโมโหและฉันดีใจที่มีนายอยู่เคียงข้างเสมอ”

                    “...” เคลียร์ขมวดคิ้วงุนงง

                    “เพราะฉันน่ะชอบนายมาตั้งแต่แรกพบแล้วล่ะนะ!” เอน่ายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่สดใจเสียจนเคลียร์ไม่อาจละสายตาไปกับรอยยิ้มที่เหมือนภาพวาดอันงดงามนี้ได้

                    “ฉัน...เป็นผู้ชาย” เคลียร์พูดเสียงแผ่ว เขารู้ว่าสมัยนี้ผู้ชายสามารถรักกันได้แล้ว และเขาก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรขนาดนั้น เพียงแต่...

                    “ฉันไม่ได้โง่ รู้หรอกน่ะ” เอน่าพูดด้วยน้ำเสียงเอือมเล็กน้อย

                    “ก็มัน...!

                    “เอาน่า ฉันไม่ได้บังคับหรอก” เอน่ายิ้มพลางเข้ามาโอบเคลียร์เข้าสู่อ้อมแขนใหญ่อบอุ่นอีกครั้ง “ถ้านายพร้อมเมื่อไหร่ ฉันก็ยินดีเสมอ”

                    “...” เคลียร์เบิกตากว้าง เรียวคิ้วทั้งสองขมวดแน่น ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อรามไปถึงใบหู เคลียร์สบถในใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะซุกหน้าลงอ้อมแขนของเอน่าแทนคำตอบ

                    เอน่ามองคนในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม

                ไม่เป็นไรหรอก... ไม่ว่านายจะพร้อมหรือไม่

                นายก็จะเป็นของฉัน... คนเดียวเท่านั้น

                    รอยยิ้มปริศนาปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม

                ก็บอกแล้วไง ว่าฉันจะไม่ปล่อยนายไป...

                    ...

                    “ซัน”

                    “หวา!” ซันสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ริวก็เข้ามากอดด้านหลังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว!

                    “อะไรนักหนาครับ ผมทำงานอยู่” ซันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะรัวแป้นพิมพ์ต่ออย่างชำนาญ

                    “...หนังสือสนุกนะ ฉันชอบ”

                    “หือ แปลกจังนะครับที่พูดเรื่องนี้” ซันชำเลืองมองเล็กน้อย “ขอบคุณนะครับ”

                    ...ทำไมไม่เขินเลยล่ะ

                ทีซิออนพูดยังหน้าแดงเลย...

                    “ฉันชอบจริงๆ นะ ทุกเล่มเลย... ไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันชอบการ์ตูนที่นายแต่งด้วย”

                    “...เอ้อ ขอบคุณนะครับ แหะๆ” ซันหัวเราะแห้งๆ

                    ...ทำไมล่ะ ริวขมวดคิ้วแน่น

                    “ซัน ฉันเอาหนังสือมาคืน...” จู่ๆ ซิออนก็เดินเปิดประตูเข้ามาหาอย่างถือวิสาสะ ซันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบยืนขึ้นหาซิออนโดยลืมไปเสียสนิทว่าริวเกาะตัวเขาอยู่ข้างหลัง

                    “สนุกมากเลยล่ะ”

                    “เอ้อ...ขอบคุณ” ซันเกาท้ายทอยแก้เขินพร้อมยื่นมือไปรับหนังสือจากมือซิออนอย่างเกร็งๆ

                    ริวมองภาพตรงหน้าอย่างขัดใจ เขินรึเปล่านะ... ไม่หรอกมั้ง... เขินเหรอ?

                    “ซัน ฉันหิวแล้ว”

                    “ก็ลงไปหาอะไรทานสิครับ” ซันหรี่ตาขึ้นมองริวที่เกาะหลังตนเองอย่างเซ็งจิต

                    “อ้อ ฉันจะขึ้นมาบอกว่าข้าวเสร็จแล้ว” ซิออนพูดแทรก

                    “อืม งั้นไปกันเถอะ” ริวผลักหลังซันเดินออกจากห้องนอนอย่างแรงจนซันแทบทรงตัวไม่อยู่ ริวเหลือบตามองซิออนอย่างขัดใจเล็กน้อย

                    “...” ซิออนเบิกตากว้างมองสายตาที่ซันส่งมาให้อย่างงุนงงก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยเสียจนคาดเดาอารมณ์ไม่อยู่

                    “...ซันลงไปก่อนละกัน” ริวว่าพร้อมผลักซันออกแรงกว่าเดิมก่อนจะปิดประตูห้องใส่ซันอย่างแรง!

                    “เฮ้ย! เบาๆ สิ นั่นมันห้องผมนะ!” ซันร้องเตือนก่อนจะถอนหายใจเหนื่อยหน่ายแล้วเดินลงไปข้างล่างคนเดียวตามคำบอกของริว

                    “...”

                    “...”

                    ตอนนี้เหลือเพียงแค่ซิออนกับริวในห้องแล้ว ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

                    “...ถ้าไม่มีอะไรจะพูดล่ะก็ ฉันจะลงไปกินข้าว” เป็นซิออนที่พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ

                    “มีสิ”

                    “...”

                    “...ซิออนน่ะ ชอบซันเหรอ?”

                    “...” ซิออนที่เบนสายตาไปทางอื่นอยู่แล้วถึงกับนิ่ง ราวกับว่าบรรยากาศในห้องหนักอึ้งเสียจนถ้ามีคนอื่นอยู่คงจะทนอยู่ไม่ได้

                    “ไม่ตอบ?” ริวถาม

                    “...”

                    “...”

                    “...”

                    “...ไม่ตอบก็ได้” ริวว่า “แต่ฉันชอบซัน ตั้งนานแล้ว”

                    “...” ซิออนยังคงนิ่ง เพียงแต่ว่าสายตาคมคู่นั้นกลับไหวเพียงเล็กน้อย

                    “ถ้านายไม่ได้ชอบซันแบบนั้นก็ดีไป ไม่มีอะไรแล้ว...”

                    “ฉันยังไม่ได้พูด” ซิออนพูดโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนังแน่น “อย่ามาตีความเออเองงี่เง่า”

                    “...”

                    “...”

                    เพล้ง!! จุ่ๆ เสียงแก้วแตกก็ดังขึ้นจากข้างล่าง! ทั้งสองสะดุ้งวาบก่อนที่ซิออนจะออกตัววิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว!

                    “ซัน!

                    “...” ซันหันมามองหน้าซิออน ซิออนเบนสายตามองไปยังมือข้างขวาที่มีเลือดอาบท่วมอย่างตกตะลึง

                    “เดี๋ยว อย่าเพิ่งขยับ!” ซิออนรีบห้ามซันที่กำลังจะลุกก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเอารองเท้าผ้ามายื่นให้ซันใส่กันเศษแก้วที่แตกเกลื่อนพื้น

                    “ขอบคุณครับ” ซันเอ่ยขอบคุณเมื่อซิออนค่อยๆ พยุงออกมานั่งบนเก้าอี้

                    “ขอดูหน่อย” ซิออนรีบดูแผลให้ซันทันที “บาดมือเป็นแนวยาวเลย... ไปทำอีท่าไหนของนายน่ะ!

                    “เอ่อ ลื่นมือ...”

                    “ไม่ได้เรื่อง! งี่เง่า! ทำไมถึงไม่จับให้ดีๆ!!” ซิออนขมวดคิ้วแน่น “แล้วยังนี่อีก เท้านายเลือดออก! แสดงว่าระหว่างที่นายทำแก้วแตกนายก็ย่ำพื้นต่อใช่มั้ย!!

                    “เอ่อ” ซันถึงกับเหวอ ปกติแล้วซิออนจะเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดจา แต่วันนี้กลับ...

                    ซิออนสบถในใจก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบทิชชู่ซับน้ำหมาดๆ เช็ดเลือดให้ซันอย่างเบามือ

                    “อย่าซุ่มซ่ามให้มันมากนัก อยู่ม.6 เตรียมขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วนะ นาย...” ซิออนบ่นอย่างหงุดหงิด

                    แต่ซันกลับมองใบหน้าซิออนที่ใจจดใจจ่ออยู่ที่มือของเขาอย่างอึ้งๆ สัมผัสที่มือนุ่มราวกับไม่ได้ใช้งานทำให้ซันรู้สึกประหม่าแปลกๆ

                    ...นี่คุณซิออนมีขนตายาวขนาดนี้เลยเหรอ...

                    ...หน้าก็ขาว ผมดูนุ่มจังนะ...

                    “นี่ฟังอยู่หรือเปล่า”

                    “...เอ้อ” ซันสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ซิออนก็ทักขึ้น ใบหน้าขาวของซันแดงวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้!

                    “...” ซิออนที่เห็นปฏิกิริยาซันก็ถึงกับเบิกตากว้าง

                    “...”

                    “...” ทั้งสองต่างเงียบ ส่วนซิออนก็ด้มหน้าก้มตาเช็ดแผลให้ซันโดยทำทีเป็นไม่สนใจแต่กระนั้นที่ใบหน้าสวยของซันกลับดูผ่อนคลายกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

                    ริวยืนมองทั้งคู่อย่างเงียบๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป นัยน์ตาคู่สวยของริวดูหม่นหมองก่อนจะแปรเปลี่ยนมาดั่งเดิม
    -----------------------------------
    ครบ100 %โดยที่คู่ไม่ครบ
    เพราะตอนหน้าจะเจาะลึกแต่ละคู่แล้วจ้า
    แต่บางคนก็จะมีแอบเชื่อมกับคู่อื่นๆนะ




    K Theme KING♬
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×