คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่7 : งานโรงเรียน ncเบาหวิวๆ
เสียงดังจริง...
คราฟฟ์ขมวดคิ้ววุ่นด้วยความเซ็งเล็กน้อย เพราะช่วงนี้ใกล้จะถึงงานโรงเรียนประจำปีแล้ว เหล่านักเรียนชั้นม.ปลายทุกห้องจึงต่างวุ่นวายไปกับการจัดร้านในห้องของตนเองกันใหญ่
ซึ่งห้องของเขา...ม.5/A จับฉลากได้ร้านบ้านผีสิง...
คราฟฟ์ที่มาโรงเรียนโดยลืมไปเสียสนิทว่ากำลังมีงานโรงเรียนได้ถูกใช้งานอย่างทารุณกรรมโดยการโดนใช้ให้วาดรูปแปะผนังหลอนๆ ถึงทั่วห้อง!!!
เขาชอบวาดรูปก็จริง แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ!!!
“คะ คราฟฟ์” เสียงเล็กเรียกขึ้น คราฟฟ์ละจากกิจกรรมในมือเงยหน้าขึ้นไปหาเล็กน้อย “เอ่อ คือ...มีอะไร...ให้...ให้ช่วย...มั้ย?”
คราฟฟ์นิ่งไปชั่วครู่ เมื่อเพื่อนร่วมห้อง...หรือก็คือคิลินเข้ามาขอช่วยอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“...เอาสิ ช่วยทาสีดำตรงนี้หน่อย” คราฟฟ์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนราวกับต้องการปลอบประโลมความกลัวของคิลิน และดูเหมือนจะได้ผล เมื่อคิลินถอนหายใจอย่างโล่งอกและมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
“คราฟฟ์...วาดรูปเก่ง...จังนะ” คิลินเผลอชมออกมาอย่างปลาบปลื้ม
“ไม่หรอก ขอบคุณนะ” คราฟฟ์ยิ้ม “ว่าแต่คิลินต้องแสดงเป็นผีอยู่ซุ้มด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่...” คิลินสีหน้าหมองลงเล็กน้อย “เห็นว่า...เขาจะเอาคนที่คุยเก่งๆ...ร่าเริงๆ...น่ะ”
“อ้อ...”
“ฮัลโหลครับ ขออนุญาตขัดคนน่ารักหน่อยนะ?” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น คิลินและคราฟฟ์กันไปมองอย่างสงสัย
เป็นเคนโซนั่นเอง เขาฉีกยิ้มบริหารเสน่ห์เต็มที่ ก่อนจะยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้คราฟฟ์อย่างเป็นมิตร
“ขนมปังน่ะ! กราฟเขาอบมาฝาก อร่อยมากเลยนะ”
“คุณกราฟน่ะเหรอ...” คราฟฟ์รับถุงขนมปังจากมือเคนโซอย่างงงๆ
“ช่ายยย อร่อยมากเลยนะ ลองกินดูสิ” เคนโซทำมือกดไลค์รับประกันความอร่อยเต็มที่
คราฟฟ์รู้สึกตื้นตันเล็กน้อยที่กราฟอุตส่าห์นึกถึงเขา ถึงแม้ว่าเขาจะตามอารมณ์กราฟไม่ค่อยทัน แต่อย่างน้อยคราฟฟ์ก็มั่นใจว่า
กราฟเป็นคนใจดี
“ฝากขอบคุณคุณกราฟด้วยนะ...แล้วก็ขอบคุณที่นายอุตส่าห์เอามาให้ด้วย” คราฟฟ์ยิ้ม
“...ได้เลย ข้อความนี้ไปถึงแน่คร้าบบบผม” เคนโซแสร้งแลบลิ้นใส่กวนๆ “มิน่าล่ะทำไมกราฟถึงชอบ”
“ชะ ชอบ!!?”
“บ๊ายบาย อย่าลืมมาแวะห้องม.6/B ด้วยนะครับ เปิดร้านเมดคาเฟ่ล่ะ สาวๆ! อย่าลืมมาส่งกำลังใจให้ด้วยนะคร้าบบบ”
ทันทีที่เคนโซส่งรอยยิ้มบริหารเสน่ห์พร้อมโบกมือเบาๆ เสียงกรี๊ดกร๊าดก็ดังระงมไปทั่วห้องโดยทันที...
...
“หะ หา! ฉันเป็นอลิซเนี่ยนะ!?” เคลียร์อ้าปากเหวอ
“อืม พอดีหัวข้อของห้องเราคือละครอลิซอินวันเดอร์แลนด์แบบสลับเพศน่ะ ไม่มีใครเหมาะเท่าเคลียร์แล้วล่ะ ช่วยหน่อยได้มั้ย?” เพื่อนร่วมชั้นยิ้มให้แห้งๆ
แล้วก็ต้องแต่งเป็นผู้หญิง...และใส่วิก!! เคลียร์มองไปยังกองชุดเสื้อผ้าของตัวละครอย่างหวาดกลัว
“แสดงวันไหนกี่โมงเหรอ?”
“อาทิตย์หน้าวันอังคารกับพุธช่วงเช้าและบ่ายน่ะ”
ก็คือเต็มวันว่างั้น...
“ขอโทษนะ พอดีว่าฉันมีติดงานตอนช่วงบ่ายทั้งสองวันน่ะ คงไม่ได้หรอก” เคลียร์ยิ้มขอโทษ “ลองดูคนอื่นสิ จริงๆ นายเองก็เป็นอลิซได้นะ”
“ไม่ไหวหรอกๆ!” เพื่อนร่วมชั้นรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “พวกเราอยากได้คนน่ารักๆ มากกว่าน่ะ...แต่ถ้าเคลียร์ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”
“เอ่อ...” เคลียร์ขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างคนรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยงานได้ ฉับพลันนัยน์ตาคู่สยของเคลียร์พลันเหลือบไปเห็นเนย์จิที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนอยู่มุมห้องพอดี
“จริงสิ! ไม่ไปขอเนย์จิล่ะ? เนย์จิเองก็น่ารักมากเลยนะ” เคลียร์พูดอย่างมีความหวัง
“อ่า...ไม่ไหวหรอก เนย์จิไม่ยอมหรอก”
“เอ๋? ทำไมอ่ะ เดี๋ยวฉันชวนเอง” เคลียร์พูดอย่างมั่นใจโดยไม่ได้ฟังเสียงห้ามปรามของเพื่อนร่วมชั้นเลยแม้แต่น้อย เคลียร์เดินเข้าไปใกล้เนย์จิที่ใส่หูฟังอ่านการ์ตูนและเอาขาพาดโต๊ะราวกับไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น
“เนย์จิ”
“...”
“เนย์จิ?” เคลียร์เอี้ยวตัวมาดึงหูฟังสีขาวสะอาดของเนย์จิออกอย่างถือวิสาสะ เล่นเอาเนย์จิชักสีหน้าใส่ทันทีด้วยความหงุดหงิด
“อะไรของแกเจ้าหน้าตุ๊ด!”
นะ หน้าตุ๊ด!? เคลียร์ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะแอบหรี่ตาเคืองใส่ในใจ แต่กระนั้นใบหน้าหวานกลับยังคงส่งรอยยิ้มน่ารักแบบมืออาชีพมาให้
“นี่ นายไม่สนใจจะเป็นอลิซบ้าง...” เคลียร์ยังพูดไม่ทันจบ เนย์จิก็เขวี้ยงหนังสือการ์ตูนในมือเฉียดหน้าเคลียร์ไปอย่างรวดเร็ว!
“...อยากจะให้ฉันใส่ชุดผู้หญิงเนี่ยนะ? โง่หรือเปล่า! ฉันเป็นผู้ชายนะเว้ย!!”
เคลียร์กัดริมฝีปากแน่นอย่างข่มอารมณ์เต็มที่ “ตามนั้นแหละ เนย์จิจะ...”
“อย่ามาโง่นะไอ้หน้าตุ๊ด! แกก็ใส่ซะเองเซ่! จะได้เป็นตุ๊ดโดยสมบูรณ์แบบ...อ๊ะ!!” เนย์จิพูดยังไม่ทันจบก็ถูกเคลียร์กระชากคอเสื้อเนย์จิขึ้นอย่างแรง!!
โชคดีที่สภาพห้องตอนนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จึงไม่มีใครว่างพอที่จะมาสนใจคนทั้งคู่ เคลียร์แสยะยิ้มน้อยๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่เสมือนเอน่ากำลังเจอเรื่องสนุกก็ไม่ปาน
“ฉันชักจะโมโหแล้วนะ...ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงไม่กล้ามาขอให้นายเป็นอลิซกัน”
“กะ ก็แล้วจะทำไม!” เนย์จิสะบัดตัวออกจากเคลียร์อย่างแรง! เคลียร์ที่โดนสะบัดหลุดก็ยืดตัวมองเนย์จิด้วยแววตาขุ่นเคืองเล็กน้อย
“นายคิดว่าทำไมคนถึงอยากให้นายเป็นอลิซ?”
เนย์จิคุงรู้ไหม... ว่าคะแนนโหวตของเนย์จิคุงในบทความนี้หมายความว่ายังไง?
เนย์จิเบิกตากว้าง ราวกับเสียงของเคลียร์มาซ้อนทับกับเสียงของซิการ์ก็ไม่ปาน
“การมีคนมาชอบอย่างน้อยก็ดีกว่ามีคนมาเกลียด ถ้าทุกคนเขาไม่ชอบนายก็คงไม่อยากให้นายมาเป็นอลิซหรอก จริงมั้ย?”
“...”
“ถึงแม้ว่ามันจะน่าอายที่ต้องใส่ชุดผู้หญิง แต่มันก็คือการช่วยห้องนะ อีกอย่าง...นายหน้าตาน่ารักอยู่แล้ว ใส่ไปก็ไม่เสียหายอะไรหรอก ฉันว่าถึงแม้นายจะใส่แค่ชุดก็ยังน่ารักเลย”
มันหมายความว่ามีคนชอบเนย์จิคุงมากถึง 1120 คน ยังไงล่ะครับ
เนย์จินิ่งไปชั่วครู่ ราวกับเสียงของซิการ์และเคลียร์เข้ามาวนเวียนในหัวจนรู้สึกสับสนไปหมด
หน้าหวานแล้วไม่ดียังไงเหรอครับ?
งั้น...ถ้าฉันแต่งเป็นอลิซ...
ซิการ์จะดีใจหรือเปล่านะ...
“ก็...ได้”
“เอ๊ะ?” เคลียร์งงเล็กน้อย
“ฉันเล่นเป็นอลิซก็ได้ไงเล่า!!!”
ทั้งห้องพากันเงียบกริบ เสียงตะโกนของเนย์จิดังพอที่จะเรียกความสนใจของทุกคนไว้ เนย์จิสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ๆ ทั้งห้องต่างพากันหันมามองเขา
เฮ!!!
“เนย์จิเล่นเป็นอลิซล่ะ!!”
“ดีจัง! ห้องเราอลิซคงจะหน้าตาน่ารักที่สุดในรอบปีก็ได้เนอะ!”
เสียงทั้งห้องต่างเฮฮาเป็นการใหญ่เล่นเอาเนย์จิถึงกับตามไม่ทัน เนย์จิหันมามองเคลียร์ที่ยังคงยืนยิ้มอยู่อย่างหาตัวช่วยให้ตนหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่มีแต่สายตาจ้องมองและเสียงเฮลั่นนี้
“หือ?” เคลียร์เอียงคอน้อยๆ อย่างสงสัยว่าเนย์จิหันมาทางตนทำไม ก่อนจะทำหน้าเข้าใจแจ่มแจ้ง “อ๋อ! ไม่ต้องห่วง ถ้านายกลัวหน้าเกลียดล่ะก็...วันนั้นฉันจะมาช่วยนายแต่งหน้าแต่งตัวเองนะ”
เฮ!!!
“เคลียร์มาช่วยแต่งหน้าด้วยล่ะ!!”
“เนย์จิเป็นสาวแน่งานนี้!”
เนย์จิถึงกับอ้าปากหวอ ใบหน้าหวานแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ได้ขอให้ช่วยอย่างนี้เว้ยไอ้เอ๋อเอ๊ยยย!!!!
...
เฮฮฮฮฮ
“หือ เสียงอะไรน่ะ?” คิเรย์ละจากชุดสีชมพูหวานแหววในมือเงยหน้าขึ้นฟังเสียงอย่างสงสัย
“มาจากข้างบน... ของชั้นม.5ล่ะมั้งครับ” ฟุยุกิว่าต่อ
“ดีใจอะไรกันหว่า อยากรู้จัง” เอรีสที่เลื้อยไปมาอยู่บนโต๊ะว่าขึ้นบ้าง
ห้องม.4/B จับฉลากได้หัวข้อบ้านขนมหวาน ซึ่งก็คือห้องของเอรีส คิเรย์และฟุยุกิจะเป็นร้านขนมหวานนั่นเอง โดยที่ชุดของคิเรย์และฟุยุกิเป็นลูกไม้สีชมพูหวานแหวว!! แต่ยังดีที่ใส่กางเกงขาฟักทองไม่ใช่กระโปรงลูกไม้แบบผู้หญิง ส่วนของเอรีสเป็นชุดแซกแบบผู้ชายลายทางหูกระต่ายสีฟ้าน่ารักน่าชัง
“พวกนาย! ช่วยขนกล่องหนังสือลงไปให้หน่อยได้มั้ย?”
ทั้งสามหันไปมองทางเสียงเรียกทันที ก่อนจะพากันหยิบกล่องกันคนละใบแล้วเดินลงไปทางโรงยิมตามที่เพื่อนร่วมชั้นบอก
“ขนของออกหมดเลยสินะ” ฟุยุกิพูดขึ้น
“ก็คงอย่างนั้นแหละน๊า อยากให้ถึงงานโรงเรียนไวๆ จัง! ฉันรับหน้าที่เรียกลูกค้าด้วยล่ะ!!”
“เห...ดีจัง ผมเป็นคนคิดเงินน่ะครับ”
“ก็ดีนี่นา! ใครกล้าโกงล่ะก็...ต่อยมัน!” คิเรย์ทำหน้าฮึดฮัดจนฟุยุกิอดขำไม่ได้ “แล้วเอรีสทำหน้าที่...เอ๊ะ?”
“หือ?” คิเรย์หันไปมองฟุยุกิที่หยุดเดินกะทันหันอย่างสงสัย ภาพที่คิเรย์เห็นนั้นคือทางเดินว่างเปล่าที่มีเพียงกล่องหนังสสือเพียงกล่องเดียววางทั้งไว้
“...”
“...”
“เอรีสหายไปไหนอ่ะ!!”
...
“ฮึบ...” คิลินออกแรงถือถังน้ำถังใหญ่อย่างหนักมือเล็กน้อย เขาลงมาห้องน้ำชั้นล่างเพื่อเปลี่ยนถังน้ำสกปรกที่เต็มไปด้วยสีโปสเตอร์สีดำสนิทมาเป็นน้ำใสสะอาดตามคำบอกของคราฟฟ์
คิลินค่อยๆ เดินช้าๆ อย่างกลัวว่าถังน้ำในมือจะหกไป แต่แล้วคิลินที่เดินออกจากห้องน้ำมาได้ห้าก้าวก็ต้องชะงัก...เมื่อจู่ๆ มีเด็กม.ปลายตัวโตสองคนเดินมาทางเขา!
คิลินเขยิบทางให้ แต่เด็กม.ปลายทั้งคู่กลับขยับตามมาทางเดียวกับเขา พอเขาเขยิบอีก เด็กม.ปลายคนนั้นก็เขยิบตามจนเขานึกแปลกใจและหวั่นในอกเล็กน้อย
“พี่คือคิลินชั้นม.5ห้องAสินะ” เด็กม.ปลายคนหนึ่งว่า
“คงใช่แหละ...ที่ติดอันดับสามในหนุ่มหน้าหวานป่ะ?”
“หุยยยย หน้ารักอย่างกับตุ๊กตาเลย!” เด็กหนุ่มว่าพลางก้มหน้าสำรวจดูคิลินอย่างถือวิสาสะ “ขนาดอันดับสามยังน่ารักเวอร์ขนาดนี้ และอันดับหนึ่งกับสองจะเป็นยังไงเนี่ย”
“รู้สึกจะอยู่ม.ห้าเหมือนกัน...พี่รู้จักบ้างป่ะ?”
“เอ๊ะ...” คิลินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ก็ต้องเข้าร่วมสนทนา “เอ่อ...รู้จัก...เคลียร์”
“อ๋อ!! นักร้องนี่เอง! เคยได้ยินอยู่ว่าอยู่ม.5ที่นี่ อยู่ห้องเดียวกับพี่เหรอ?”
“เปล่า...เอ่อ...ฉัน...ต้องไป...” เอรีสที่พูดไม่ทันจบถูกเอ่ยแทรกอีกครั้ง
“เห? ไม่เอาน่า อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ” ชายหนุ่มอีกคนว่าขึ้นบ้างก่อนจะเดินเข้ามากักทางหนีของคิลินไว้ คิลินได้แต่ยืนอึ้งทำตัวไม่ถูก
“แต่ว่าฉัน...”
“ไม่เอาน่าพี่คิ...”
“เฮ้ย!!! ทำอะไรพี่คิลินน่ะ!!!”
ชายหนุ่มที่กำลังจะเอื้อมมือมาฉุดร่างบางตรงหน้าถูกกระชากคอเสื้อออกอย่างแรง! คิลินเบิกตากว้าง
“เอ...รีส!”
“เฮ้ย! ทำอะไรของแกวะ!”
เอรีสไม่ตอบ แต่กลับใช้สายตาที่เคลือบไปด้วยความไม่พอใจตวัดมองตอบแทนจนชายหนุ่มอดสะดุ้งไม่ได้ ก่อนจะสบตากันเล็กน้อยแล้วพากันเดินจากไป...
“...”
“...” ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไม่พูดอะไร คิลินได้แต่ยืนอึ้งทำตัวไม่ถูกเพราะนี่เป็นครั้งแรก...ที่เขาได้เห็นเอรีสโกรธ
“พี่คิลิน คุยอะไรกับไอ้พวกนั้น?” เอรีสถามขึ้น เป็นน้ำเสียงที่ไม่มีความร่าเริงเหมือนแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย คิลินลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นด้วยความกล้าๆ กลัวๆ
“แค่เรื่อง...อันดับโหวต...”
“แล้วทำไมต้องเข้าใกล้พวกมั้นขนาดนั้นเล่า!! เมื่อกี้ไอ้บ้านั่นมันเอาหน้าเข้ามาใกล้พี่คิลินมากเลยนะ!!”
“เอ่ะ...” เอรีสชะงัก เขาไม่รู้สึกตัวเลยแฮะ
“แล้วพี่คิลินยังจะหลบหน้าผมอีก! รังเกียจผมมากเลยรึไง!”
“มะ ไม่ใช่นะ!” คิลินรีบปฏิเสธ “ฉัน...ไม่ได้...รังเกียจนาย”
“แล้วมันอะไรล่ะ โทรศัพท์ก็ไม่รับ ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่ พอเจอหน้าก็วิ่งหนี”
“ฉัน...” คิลินได้แต่ก้ามหน้าหนี แต่แล้วก็กลับถูกเอรีสเข้ามาเชยคางขึ้นสบตา! นัยน์ตาสีฟ้าสวยของเอรีสมองมาด้วยความจริงจัง
“วันนั้น...ที่ผมแกล้งหยอกพี่คิลินว่าชอบผม...เป็นความจริงหรือเปล่า?”
“...”
“ตอบผมสิ...” เอรีสก้มหน้าต่ำเข้ามาใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากบางได้รูปของทั้งคู่จะสัมผัสกันช้าๆ รับถึงความอ่อนนุ่มของริมฝีปากของกันและกันอย่างเนิ่นนาน
หวาน... เอรีสลอบคิดในใจ ก่อนจะบรรจงเม้มริมฝีปากของคิลินเบาๆ เชิงขออนุญาต
เคร้ง!
เอรีสจัดการสอดแทรกลิ้นหนาเข้ามาอย่างลืมตัว เรียวลิ้นหนาเข้าเกี่ยวลิ้นเล็กที่ยังคงแข็งค้างอย่างชำนาญสัมผัสความหวานซ่าน
หวาน...
เอรีสเลียปลายลิ้นของคิลินเบาๆ อย่างหยอกล้อก่อนที่จะเข้ามาประกรบริมฝีปากบางอีกรอบหนึ่งอย่างลืมตัว แต่แล้ว...
“ฮึก...”
“...พะ พี่คิลิน!?” เอรีสผละจากคิลินอย่างตกใจสุดขีดเมื่อนัยน์ตาคู่สวยของคนตรงหน้าคลอไปด้วยน้ำตา
“ผะ ผมขอโทษ! ผม...ผมลืมตัว...ขอโทษครับ!” เอรีสทำอะไรไม่ถูกจนได้แต่โบกไม้โบกมือจ้าล่ะหวั่นไปหมด นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยของเอรีสดูสลดไปชั่วครู่
“...”
“...”
“...ขอโทษ...จริงๆ ที่ทำให้กลัว...”
“...”
“ผมน่ะ...” เอรีสก้มหน้าต่ำ ใบหน้าของคิลินที่เต็มไปด้วยน้ำตาคลอลอยเข้ามาที่หัวของเขาจนเอรีสถึงกับต้องกัดฟันอย่างข่มอารมณ์เสียใจไว้อย่างเต็มที่
บางที...เขาคงเข้าใจผิดไปเองว่าพี่คิลินชอบเขา...แบบนั้น
“ผม...ชอบพี่คิลินนะ แต่อาจไม่ใช่ความชอบแบบเดียวกับพี่คิลิน... ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดและขอโทษ...ที่ล่วงเกิน”
“เอรีส...ฉัน...”
“ไม่เป็นไรครับ พี่คิลิน ผมผิดเองแหละ” เอรีสรีบเอ่ยแทรกอย่างคนต้องการรับความผิดไว้ให้ตัวเองคนเดียว “ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่นะครับ”
เอรีสโค้งหัวให้อย่างจริงจังในแบบที่คิลินไม่เคยเห็นมาก่อน ก่อนจะเดินกลับไปยังทางเดินใต้ตึกอย่างเงียบเชียบ
คิลินที่ดูเหมือนสมองจะประมวลเหตุการณ์ไม่ทันได้แต่ยืนเบิกตากว้างมองแผ่นหลังของเอรีสที่เดินจากไป ราวกับว่าหัวใจแหลกเหลวไปหมดเหมือนถังน้ำที่บัดนี้หกเรี่ยราดบนพื้นอย่างน่าเศร้า
...
ฉับๆๆๆๆๆ
“หวา! เต้หยุดนะ!”
“หา!?” เต้หันมาทำเสียงโหดใส่เพื่อนร่วมชั้นทันทีเมื่อถูกห้ามตัดกระดาษในมือ
“นายตัดอะไรของนายน่ะ! ตัดรูปดาวนะ!” เพื่อนร่วมชั้นว่าพลางมองไปยังกระดาษในมือของเต้ที่ไม่เหลือเค้าโครงของดาวเลยแม้แต่น้อย
“ก็ฉัน...หงุดหงิดดดดดดดดดดดดด!!!!” เต้ไม่ว่าเปล่า เขาจัดการตัดกระดาษในมืออย่างเคียดแค้นมากกว่าเดิมจนเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนพากันแย่งกระดาษและดรรไกรออกจากมือเต้แทบไม่ทัน!
“ให้ตายสิ นายลงไปขนลังกระดาษข้างล่างมาอีกเลย!” เพื่อนร่วมชั้นว่าพลางไล่เต้ออกจากห้องไปอย่างไม่ใยดี เต้เบ้หน้าเล็กน้อยก่อนจะกระแทกเท้าปึงปังออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย
หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด!!
ไอ้เจ้าเคนโซหน้าม่อนั่น...ไอ้เจ้าบ้านั่น!!!
ถ้าไม่หน้าม่อซักวันมันจะตายม๊ายยยยยยยย!!!
วันนี้ตอนเช้าเต้บังเอิญเหลือบไปเห็นเคนโซที่ถือถุงขนมปังห่อสวยงามไปให้คราฟฟ์!! เจ้าบ้านั่นทำถึงขั้นซื้อของจีบชาวบ้านเขาแล้ววววว!!
ฮึ่ย!!
ครืดดด!!
“คราฟฟ์!!” เต้เปิดประตูห้องม.5/Aอย่างแรงพร้อมแหกปากเรียกคราฟฟ์เสียงดังลั่นจนเหล่านักเรียนบางคนพากันสะดุ้งโหยง
“เอ๊ะ...รุ่นพี่?”
“นาย!! ชีวิตนายตกอยู่ในอันตรายแล้วรู้มั้ยยยยย!!!” เต้ไม่ว่าเปล่า เขาจัดการเขย่าตัวคราฟฟ์ไปมาอย่างบ้าคลั่ง!
“อะ อะไรครับรุ่น...พี่” คราฟฟ์เค้นเสียงอย่างยากลำบาก
“ก็เจ้าบ้านั่นน่ะสิ!! ระวังอย่าให้เจ้านั่นมันหลอกนายได้นะ! นายกินขนมปังอาบยาพิษเมื่อเช้าไปแล้วรึยัง!??”
“หะ ฮะ? ขนมปัง?” คราฟฟ์ถึงกับเอ๋อ “กินไปแล้วครับ... ออกจะอร่อยนี่...”
“กินแล้ว!! ม่ายยยยยย นายกินของที่เจ้าหน้าม่อนั่นให้ลงได้ยังงายยยยยยย” เต้โวยวายใหญ่เล่นเอาคราฟฟ์ได้แต่นั่งงง
“มาแหกปากโวยวายอะไรนักหนาล่ะเต้?” เสียงหนึ่งเรียกจากด้านหลัง คราฟฟ์มองอย่างสงสัย
“พี่เคนโซ...”
“หะ เคนโซเรอะ!?” เต้ถึงกับสะดุ้งเฮือกหันหลังกลับไปหาเคนโซที่ยืนหน้ามุ่ยด้วยความรวดเร็ว
“อาบยาพิษ? ฉันไม่ได้ชั่วช้าอะไรขนาดนั้นนะเฟ้ย”
“ฉันปกป้องคราฟฟ์อยู่ต่างหากเฟ้ย! อะไรที่มาจากนายน่ะ อันตรายหมดนั่นนนนแหละ!” เต้ว่าพลางกางมือปกป้องคราฟฟ์อย่างเต็มที่
“เห...” เคนโซยิ้มมีเลศนัย “อยากปกป้อง...หรือว่าหึงกันแน่นะ?”
“กะ ก็ต้องอย่างแรกอยู่แล้วเซ่!”
“ก็ได้ๆ แล้วนายจะหน้าแดงทำไมล่ะ?”
“หะ!??” เต้ถึงกับไปไม่เป็นรีบจับใบหน้าที่ร้อนฉ่าของตนเองอย่างรวดเร็ว เคนโซที่เห็นปฏิกิริยาเต้ก็หัวเราะเบาๆในลำคอ
“ฉันจะบอกอะไรดีๆ ให้นะ ขนมปังนั่นนะ....กราฟฝากฉันมาให้คราฟฟ์ต่างหากล่ะเนอะ?” เคนโซเอี้ยวตัวไปมองคราฟฟ์ที่นั่งเอ๋ออยู่ที่พื้น
คราฟฟ์ที่เห็นเคนโซมองมาก็ตอบตามความจริง
“ครับ คุณกราฟฝากมาให้...”
เต้อ้าปากค้างในทันที
“เข้าใจแล้วก็ไม่ต้องหึงแล้วล่ะนะ ป่ะ กลับกันเถอะที่รัก” เคนโซยิ้มร่าก่อนจะลากเต้ที่แข็งเป็นหินออกจากห้องม.5 ไปอย่างง่ายดาย
เต้ได้แต่อ้าปากค้าง แล้วที่เขาหงุดหงิดตั้งแต่เช้านั่นมัน...คือหึงจริงๆ เหรอ!???
ไม่จริงงงงงงงงงงงงง!!!
...
“เอน่า เดี๋ยวแวะกินเค้กกัน”
“หา ให้ไปนั่งดูนายคลั่งสตรอเบอร์รี่อ่ะนะ ไม่เอาหรอก”
“...ฉันเลี้ยง” ซิการ์แอบสบถในใจ
“ฉันไม่ชอบกินของหวานซักหน่อย” เอน่าแสร้งยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเบนหน้าหนีชมนกชมไม้
“...” ซิการ์ยิ้มค้าง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออกอย่างรวดเร็ว เอน่ามองตามซิการ์อย่างสงสัย
“..ฮัลโหล เคลียร์เหรอ?”
เอน่าเบิกตากว้างทันทีด้วยความคิดไม่ถึงว่าซิการ์...จะใช้ไม้นี้!!!
“ฮะ เฮ้ย! นี่แกมีเบอร์เจ้านั่นได้ไงเนี่ย!” เอน่าเข้าไปหมายจะคว้าโทรศัพท์ของซิการ์ แต่ก็ถูกซิการ์เบนตัวหนีอย่างรู้ทัน
“ว่างหรือเปล่า อยากไปกินเค้กด้วยกันสองคนหน่อยมั้ย?” ซิการ์เชิดหน้าแสยะยิ้มใส่เอน่าทันที
“เอน่าเหรอ? ไม่มาหรอก...จริงๆ สิ ไม่เชื่อผมเหรอ? ...อืมๆ เดี๋ยวผมมารับหน้าโรงเรียนนะ...” ซิการ์ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเอน่าคว้าโทรศัพท์ไปทันที!
“เคลียร์! ...ฮัลโหล?”
“ตัดสายไปแล้วล่ะนะ” ซิการ์ยิ้ม “บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้นะ ฉันขอตัวไปเดทก่อนล่ะ”
“เดี๋ยวเซ่! ฉันจะไปด้วย!” เอน่ากัดฟันแน่นอย่างหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะแกล้งซิการ์แท้ๆ แต่กลับมาโดนเจ้าซิการ์แกล้งกลับ มันน่านักเชียว!
ซิการ์ยิ้มน้อยๆ เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ซิการ์เป็นคนขี้เหงา เขาไม่ชอบเวลาอยู่คนเดียวซักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงมักจะอยู่ตัวติดกับเอน่าเสมอ เรียกได้ว่าเห็นเอน่าที่ไหน ซิการ์ก็จะอยู่ที่นั่นเลยทีเดียว
“...เฮ้ย นายเดินเลยโรงเรียนแล้ว” เอน่าทักขึ้นเมื่อซิการ์เดินเลย แต่ซิการ์กลับหันมายิ้มน้อยๆ
“อะไร ฉันไม่ได้เรียกเคลียร์มาจริงๆ ซะหน่อย?”
“หา! แล้วที่นายโทรล่ะ!??”
“ก็แค่แกล้งหยอกให้นายไปกินเค้กกับฉันแค่นั้นเอง”
“อะไรของนายวะ! นายมันเจ้าคนเจ้าเล่ห์!” เอน่าด่ากลับอย่างลืมมองตัวเองไปเสียสนิทว่าตนก็เจ้าเล่ห์ไม่แพ้ซิการ์เช่นกัน “ฮึ่ย! มาขนาดนี้แล้วฉันจะไปเรียกเคลียร์!”
“ใจเย็น นี่มันบ่ายโมงเองนะ เคลียร์ยังไม่เลิกเรียนซะหน่อย”
“ไม่สนเฟ้ย!”
“เห ก็ดีเหมือนกัน เพราะฉันอยากเห็นหน้าหวานๆ ให้ชื่นใจซักหน่อย”
“...” เอน่าชะงักทันที ก่อนจะหันกลับมาทางซิการ์อย่างเด็กหวงของเต็มที่ “เจ้าเด็กนั่นเป็นของฉันเฟ้ย ห้ามนายมาคาบมาดมเด็ดขาด”
“อ่ะๆ เข้าใจแล้วๆ ทีนี้นายจะไปเรียกก็เรียกสิ ฉันรออยู่”
“...ไม่แล้วเฟ้ย! ฉันไม่อยากให้เคลียร์โดนลวนลามทางสายตาหรอกนะ” เอน่าสบถอย่างหงุดหงิดแตกต่างจากซิการ์ที่ยิ้มกว้างกว่าเดิมคล้ายผู้ใหญ่ที่มองเด็กน้อยคนหนึ่ง
เขาไม่ได้รังเกียจอะไรเคลียร์หรอกนะ แต่แค่นี่มันยังไม่เลิกเรียนเลย และ... เพราะเอน่าน่ะชอบเคลียร์มากเสียจนถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะอยู่ตัวติดกับเคลียร์ทุกเวลาเลยทีเดียว
ซึ่ง...ถ้าเคลียร์ไปด้วยกันล่ะก็... เอน่าคงเล่นบทสวีทวี่วีแบบไม่แคร์สายตาและตัวตนของเขาที่นั่งอยู่เลยน่ะสิ! แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก มันเหมือนโดนทิ้งเกินไป!
ทั้งสองใช้เวลาไม่นานนักเดินมานั่งร้านคาเฟ่เจ้าประจำของซิการ์ ทั้งสองสั่งเมนูกันเรียบร้อยก่อนที่ซิการ์จะเริ่มถามเปิดประเด็นสงสัยที่ตน...สงสัยมาตั้งแต่รู้จักกับเอน่า
“เอน่า ทำไมนายถึงชอบเคลียร์ขนาดนั้น?”
“หา? ทำไมถึงถามวะ”
“มันแปลกนะ ที่นายจะตามตื๊อคนๆ หนึ่งขนาดนี้...” ซิการ์ว่าเรียบๆ “นิสัยนายไม่เหมือนคนขี้ตื๊อซะเลย เพราะเคลียร์หน้าตาน่ารักเหรอ?”
“อ่า..มันก็จริง” เอน่าว่าเสียงยานก่อนจะเอนหน้าแนบโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย “...มันก็ไม่ใช่ความลับอ่ะนะ แต่ฉันชอบเจ้าเด็กนั่นมา...สามปีแล้วมั้ง?”
“...” ซิการ์เบิกตากว้างเล็กน้อย
“ฉันน่ะนะ...มีพี่น้องห้าคน แม่ก็เสียไปตั้งแต่เด็ก เลยอาศัยอยู่กับพ่อมาตลอด...แต่ไม่นาน พ่อก็ไปมีคนใหม่โดยทิ้งพวกเราพี่น้องไว้ตามลำพัง” เอน่าว่า “พี่ชายของฉันเลิกเรียนหนังสือไปทำงานแทนเพื่อให้มีเงินใช้จ่ายพอที่จะส่งพวกฉันเข้าเรียน”
“อืม”
“พี่ฉันทำงานหนักมาก แต่เอาจริงๆ เงินมันก็ไม่พอสำหรับพี่น้องห้าคนหรอก... ฉันที่เป็นพี่คนรองเลยเลิกเรียนโดยพลการเพื่อจะไปช่วยทำงานด้วย...เล่นเอาโดนพี่โกรธใหญ่เลยล่ะ”
เอน่าหัวเราะเบาๆ อย่างเริงร่าขัดกับเนื้อหาที่ว่ามาโดยสิ้นเชิง
“ตอนนั้นฉันยังเด็ก เลยโกรธพี่มาก ฉันเลยหนีออกจากบ้านนนนนน มาที่เมืองนี้อ่ะนะ เด็กเป็นบ้าเลยเนอะ ฮ่าๆๆ” เอน่าหัวเราะร่าอีกครั้ง “แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้พกเงินมาซักบาท เลยต้องนอนตามข้างทางมา...สองวันติดล่ะมั้ง?”
“...” ซิการ์เริ่มทานเค้กสตรอเบอร์รี่ที่พนักงานสาวเอามาเสริฟเงียบๆ
“แล้วตอนนั้นฉันรู้สึกท้อแท้มาก แต่ตอนนั้น...เคลียร์ก็มาชวนฉันให้เข้ามาพักที่บ้าน” เอน่ายิ้มอบอุ่นอย่างไม่รู้ตัว “ตอนนั้นเจ้านั่นอายุ...12 ล่ะมั้ง แต่กลับสามารถทำงานซื้อบ้านอยู่เองคนเดียวได้...ฉันล่ะนับถือเจ้าเด็กนั่นเป็นบ้าเลย”
“12... เคลียร์เริ่มเดบิวท์สินะ”
“ช่ายยย เป็นปีแรกที่เคลียร์เปิดตัวนั่นล่ะ...แต่ก็นะ เจ้าเด็กนั่นมันให้ทุกอย่าง ทั้งความคิด แนวทางดำเนินชีวิต การเรียน... ต้องขอบคุณเจ้าเด็กบ้านั่นจริงๆ แม้กระทั่งที่บ้านฉันมีฐานะดีขึ้นก็มีผลมาจากเคลียร์ เพราะเคลียร์แนะนำฉันให้ลองเป็นนายแบบมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว...แต่เพราะฉันไม่ชอบงานแบบนั้นอ่ะนะ ทำซักสองปีพอหาเลี้ยงชีพได้ก็เลิก”
“...” ซิการ์ถึงกับนิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าเคลียร์จะ...มีผลกับเอน่ามากถึงขนาดนี้...
แต่ไม่ว่าใครที่เจอเหตุการณ์นั้น... ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงห้ามใจให้ชอบไม่ไหวล่ะนะ...
“ว่าแต่นายเหอะ” เอน่าว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “นายกับเนย์จิคุงเป็นไงบ้างล่ะ กิ๊วก๊าวกันรึยังหือออ???”
“อะไรคือกิ๊วก๊าว?” ซิการ์แสร้งทำเป็นจิ้มสตอร์เบอร์รี่คำโตเข้าปากอย่างไม่สนใจ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอก
“อยู่ต่อหน้าฉันคนนี้แล้วจะทำเป็นไก๋ไม่รู้อีกรึไงหา?”
ซิการ์แอบอมยิ้มน้อยๆ กับคำพูดอวดโตของเอน่า ถึงแม้ทั้งสองจะรู้จักกันมาเพียงสองปี แต่ทั้งสองกลับสนิทกันราวกับรู้จักกันมาเป็นชาติ
“...ไม่รู้สิ ฉันชอบหน้าเนย์จิคุงนะ น่ารักดี...”
“แล้ว??”
“...แค่นั้นแหละ” ซิการ์ว่าจบก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อเอน่าเข้ามาขยี้ผมเขาอย่างแรง!
“แค่นั้นบ้าอะไรเล่า! ตอนนี้นายอาจจะยังไม่แน่ใจ แต่จากสายตาที่ฉันดูแล้ว... ฉันว่านายสองคนเหมาะกันนะ ฮ่าๆๆๆ แต่ก็ดูกัดกันไปอีกแบบ พวกนายสองคนอยู่ด้วยกันแล้วตลกดี”
“ปล่อยน่ะ” ซิการ์ปัดมือเอน่าออกอย่างแรง ใบหน้าคมที่ติดจะหวานของซิการ์มุ่ยลงเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด
“...” เอน่ายิ้มน้อยๆ กับปฏิกิริยาของซิการ์
ซิการ์เป็นคนที่ไม่ค่อยจะยอมเปิดเผยตัวตนความรู้สึกที่แท้จริงออกมาซักเท่าไหร่ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเขาก็จะเก็บไว้ในใจเสมอ แต่กับเรื่องความรัก... เอน่ามองว่าซิการ์เป็นคนที่ต้องแน่ใจว่าอีกฝ่ายมีใจให้เขาก่อน จึงจะยอมเผยความรู้สึกในใจออกมา
เอน่าเผยรอยยิ้มปริศนามองภาพซิการ์ที่ก้มหน้าตักพาเฟ่ต์กินอย่างลืมโลกตรงหน้า
บางที...งานนี้อาจสนุกกว่าที่คิดก็ได้?
หึๆ... มีอะไรให้ทำแล้วสินะ
...
“กระดาษสีชมพู...กระดาษสีเขียว...หมุด...โบว์...ครบแล้วมั้ง” ซันถือกระดาษโน้ตใบจิ๋วพึมพำไปมาอย่างทบทวน
ซันโดดเรียนมาห้างเพื่อตามซื้อของที่เพื่อนร่วมชั้นฝากฝังไว้อย่างเบื่อหน่าย เขารู้สึกว่าตัวเขานั้นโดดเรียนเป็นกิจวัตรประจำวันเลยก็ว่าได้...
เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น ซันก็อดไม่ได้ที่จะเลี้ยวเข้าร้านหนังสือตามความต้องการของตน
“เอ๊ะ” ซันงุนงงเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปเห็น...ซิออน ซิออนกำลังยืนอ่านหนังสือเล่มหนาหล่มหนึ่งอย่างขะมักเขม้น ก่อนจะหยิบหนังสือชั้นข้างๆ ขึ้นอีกหนึ่งเล่มแล้วเดินไปหน้าแคชเชียร์
“คุณซิออน”
“...อะไรกัน โดดเรียนเปลืองค่าเทอมเล่นอีกแล้วเหรอ” ราวกับว่ากลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ซิออนทักซันที่โดดเรียนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เอ่อ... ผมมาซื้อของทำร้านห้องต่างหากล่ะครับ” ซันรีบหยิบโน้ตขึ้นโชว์แสดงความบริสุทธิ์ทันที
“แล้วใครที่ไหนเขาจะโดดเรียนทันทีเพื่อซื้อของบ้างล่ะ?”
“เอ่อ...” ซันถึงคราเถียงไม่ออก ปฏิกิริยานี้ทำให้ซิออนอดที่จะยิ้มบางๆ ขึ้นมาไม่ได้ “ฉันจะจ่ายแล้ว อยากเอาเล่มไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“อ้อ ไม่เป็นไรครับ คุณซิออนจ่ายไป...” ซันเหลือบไปมองหนังสือสองเล่มในมือซิออน “...นี่....คุณซิออนจะซื้อเหรอครับ”
“หยิบมาขนาดนี้แล้วคิดว่าไงล่ะ?”
“อ่า...” ซื้อสินะ ใบหน้าคมของซันขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย “อ่า...นั่นสินะ เอ้อ แหะๆ”
“...” ซิออนขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างสงสัยก่อนจะก้มลงมองหนังสือในมือตนเองอีกครั้ง
รอบรู้ทันคน... เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่ได้รับรางวัลทางสำนักพิมพ์ชื่อดัง... แล้วมันน่าอาย...ตรงไหนกัน?
“แล้วนายจะหน้าแดงทำไม?”
“เอ๊ะ!?? ผมอ่ะนะ ไม่...”
“เห?? หนังสือซันขายออกด้วยเหรอ?” เสียงหนึ่งขัดขึ้น ถึงแม้ซิออนจะไม่ได้หันไปมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“คุณริว... มาด้วยเหรอครับเนี่ย” ซันเบิกตากว้างเล็กน้อย
“อ่า...ก็มาพร้อมซิออนนี่แหละ” ริวว่า “ดีใจด้วยนะที่หนังสือขายออก”
ซิออนยังคงขมวดคิ้วไม่เข้าใจมองทั้งคู่อย่างสงสัยก่อนจะก้มลงมองหนังสืออีกครั้ง ทันใดนั้นสายตาเฉียบคมของซิออนก็พลันเหลือบไปเห็นชื่อคนแต่ง
ซัน เครย์
“นี่มัน...นายแต่งงั้นเหรอ?” ซิออนถึงกับเบิกตากว้าง
“อ่ะ...ครับ เหอะๆ” ซันเบนสายตาหนีอย่างกระดากอายเล็กน้อย แต่เพียงเท่านั้นซิออนก็ยิ่งเบิกตากว้าง ก็หนังสือที่ซันแต่งน่ะ...เขามีครบทุกเล่มเลย!
เขาสะสมหนังสือที่คนแต่งชื่อ ซัน เครย์ ไว้ทุกเล่ม เพราะทุกเล่มนั้นมีแต่แนวความคิดใหม่และมุมมองที่มนุษย์ธรรมดาไม่ค่อยจะสนใจกัน และหนังสือของซันก็ติดท็อบขายดีทุกปี!
“ฉัน...มีหนังสือของนายครบทุกเล่มเลย” ซิออนเผลอหลุดปากพูดอย่างอึ้งๆ
“เอ่ะ อ่า ขอบคุณ...ครับ” ซันก้มหน้าลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ
“...”
“...” ทั้งสองต่างเงียบไม่รู้จะพูดอะไรดี ก่อนที่ซิออนจะเริ่มเปิดประเด็นพูดขึ้น
“ฉัน...ชอบความคิดของนายในหนังสือทุกเล่มมาก...ถ้าไม่เป็นการรบกวนฉันก็...อยาก...จะ...รับรู้ความคิดและมุมมองของนายในหลายๆ เรื่อง...บ้าง”
ซันเบิกตากว้าง คำพูดที่ซิออนว่าหมายถึงอยากแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาอย่างนั้นเหรอ! แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ...
ใบหน้าคมสวยของซิออกขึ้นสีแดงระเรื่อ! นัยน์ตาคู่สวยก็แสร้งเบนหนีไปทางอื่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวกับลุ้นระทึกในคำตอบของเขา
จู่ๆ ใบหน้าซันก็ร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
คุณซิออน...น่ารัก...ชะมัด
“ครับ...”
ทั้งสองแทบจะก้มหน้าคุยกันอยู่รอมร่อ แต่บรรยากาศทั้งสองกลับไม่สามารถให้ใครเข้าไปแทรกได้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ริวเองก็ได้แต่ยืนมอง
นัยน์ตาคู่สวยของริวเบิกตากว้างมองใบหน้าซันที่ขึ้นสีแดงก่ำแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างอึ้งๆ
...ไม่จริง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แบร๊ยย ครบ100 แล้ว
แถประวัติเอน่าซะ(แอบจะ)มั่ว //โดนเอน่าถีบ
(แอบสงสารริวเล็กน้อย TwT)
โผล่ไม่ครบนะตอนนี้ = =;;
ตอนนี้บางคู่อาจยังไม่เจอกับคู่ตัวเองบ้างนะเอ้อ
ความคิดเห็น