ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2) การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของยุโรปสมัยกลาง
การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของยุโรปสมัยกลาง
หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของยุโรปตะวันตกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เป็นช่วงเวลาของการสร้างอารยธรรมใหม่ขึ้น มีความแตกต่างจากอารยธรรมสมัยโบราณ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ยุโรปสมัยกลางตอนต้น
เป็นยุคแห่งความยุ่งยากซึ่งบางครั้งถูกเรียกว่าเป็นยุคมืด (Dark Age)จักรวรรดิโรมันตะวันตกอยู่ในสภาพที่ป่าเถื่อนสงครามและความเดือดร้อนมี อยู่ทุกหย่อมหญ้า
ด้านการเมือง
เผ่าเยอรมันได้ตั้งอาณาจักรปกครองส่วนต่างๆของโรมัน ได้แก่
1.) ชนเผ่าแฟรงก์
2.) ชนเผ่าออสโตรกอท
3.) ชนเผ่าลอมบาร์ด
4.) ชนเผ่าแองโกล-แซกซัน
5.) ชนเผ่าเบอร์กันเดียน
6.) ชนเผ่าวิสิกอธ
7.) ชนเผ่าแวนดัล
หลังจากจักรพรรดิชาร์ลเลอ-มาญสิ้นพระชนม์ จักรวรรดิก็เริ่มแตกแยกจนในที่สุด จักรวรรดิถูกแบ่งแยกเป็น 3 ส่วน ซึ่งพัฒนามาเป็นอาณาจักรฝรั่งเศส เยอรมันและอิตาลีในเวลาต่อมา ขุนนางท้องถิ่นมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆจนสามารถแยกดินแดนออกเป็นแคว้น นำไปสู่การปกครองระบบศักดินาสวามิภักดิ์ในช่วงต่อมา
ระบอบแมนเนอร์
เป็นระบบการปกครองในฟิวดัล เจ้าหน้าที่ในเขตปกครองแต่ละครอบครัวทำกินจะขยายหรือโยกย้ายไม่ได้ ถ้าเจ้าของที่ดิน (Lord) ไม่สั่ง
ชนชั้นในแมนเนอร์สามารถแบ่งได้ดังนี้
1.ชนชั้นขุนนางหรือเจ้าของแมนเนอร์
2.ชนชั้นไพร่
3.ชนชั้นเสรีชน
ด้านเศรษฐกิจ
เกษตรกรรมมีความสำคัญต่อจักรวรรดิเป็นอย่างมาก ดังนั้นเกษตรกรจึงมีความสำคัญและได้รับความคุ้มครองจากรัฐ
การเพาะปลูกในแมนเนอร์มีวิธีการเพาะปลูก 2 วิธีการ คือ
1.ระบบนา 2 ทุ่ง
2.ระบบนา 3 ทุ่ง
ด้านสังคม
สังคมในช่วงเวลาสมัยกลางตอนต้นมีความวุ่นวายมาก ขาดระเบียบวินัยและความมั่นคง สังคมเมืองแทบล่มสลายในช่วงเวลานี้คริสต์ศาสนาได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนในยุคกลางตั้งแต่เกิดจนถึงสิ้นชีวิตศาสนจักรจึงทำหน้าที่แทนจักรวรรดิโรมันในการยึดเหนี่ยวประชาชนยุโรปไว้ และรักษาวัฒนธรรมความเจริญต่างๆสืบต่อมา
ยุโรปสมัยกลางตอนปลาย
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นสมัยใหม่ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ศาสนาถูกลดบทบาทลง มีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในดินแดนต่างๆ ได้แก่ ความเสื่อมของจักรวรรดิโรมันอันศักสิทธิ์ และการเกิดของรัฐชาติในฝรั่งเศส อังกฤษ และสเปน
ด้านการเมือง
ความเสื่อมของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิโรมันอันศักสิทธิ์จึงกลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ทางการเมืองของดินแดนเยอรมนีเท่านั้น การเกิดขึ้นของรัฐชาติเปิดโอกาสให้กษัตริย์สามารถรวบรวมอำนาจและก่อตั้งรัฐชาติขึ้นมา
“วิกฤติกาลของปลายสมัยกลางของยุโรป ”(Crisis of the Late Middle Ages) บางครั้งก็เรียกว่า“กบฏชาวนา”(Peasant revolt) ที่เป็นการปฏิวัติของชุมชนที่ครอบคลุมอย่างกว้างไม่เฉพาะแต่เกษตรกรหรือชาวนา สาเหตุสำคัญห้าสาเหตุที่ทำให้เกิดการก่อความไม่สงบก็ได้แก่ 1) ช่องว่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างคนจนและคนรวย, 2) รายได้ที่ลดลงของผู้มีฐานะดี, 3) ภาวะเงินเฟ้อและภาษีที่เพิ่มขึ้น, 4) วิกฤติกาลภายนอกที่รวมทั้งความอดอยาก, โรคระบาด และสงคราม และ 5) ความกดดันจากสถาบันศาสนา
ด้านเศรษฐกิจ
การค้าจึงเริ่มฟื้นตัวขึ้นในยุโรปตะวันตกพ่อค้าเริ่มเดินทางค้าขายระหว่างแหล่งการค้าต่างๆ มีการสร้างถนนหนทางและสะพาน การค้าทางทะเลก็ก้าวหน้าควบคู่ไปกับการค้าทางบก มีการตั้งศูนย์กลางการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลเหนือ และทะเลบอลติค สินค้าต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาในยุโรป เช่น ผ้าไหม ข้าว ผลมะเดื่อ ฝ้าย เครื่องเทศ และสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆทำให้การค้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว ความ เจริญรุ่งเรืองทางการค้าทำให้บรรดาพ่อค้ามั่งคั่งร่ำรวย มีอำนาจในทางเศรษฐกิจ มีบทบาททางสังคม และสามารถขยายอำนาจของตนสู่การเมือง
ด้านสังคม
เกิดลักษณะของสังคมเปลี่ยนแปลงไป คือ
1) ระบบสังคมแบบฟิลดัลเสื่อมสลายลง
2) ชนชั้นกลางขึ้นมามีอำนาจแทนที่ชนชั้นขุนนาง
3) เกิดขบวนการนักวิชาการสายมนุษยนิยม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น