mast'er
ดู Blog ทั้งหมด

ข้อสอบ O-net สุขศึกษา ม.๓ ปีการศึกษา ๒๕๕๑ [Part : 2]

เขียนโดย mast'er
11. ข้อความต่อไปนี้ “อารมณ์อ่อนไหวง่าย ความคิดเลื่อนลอย รับรู้ภาพผิดเพี้ยน ไป กล้ามเนื้อลีบ หัวใจเต้นเร็ว หูแว่ว” เป็นลักษณะของผู้ติดยาเสพติดชนิดใด
                ก. ยาบ้า
                ข. กัญชา
                ค. มอร์ฟีน
                ง. สารระเหย
เฉลย    ข. กัญชา
                ก.  ผิดเพราะ ผู้เสพยาบ้ามีลักษณะอาการตื่นเต้นง่าย พูดมาก มือสั่น เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ ปากและจมูกแห้ง ริมฝีปากแตก รูม่านตาเบิกกว้างหัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ประสาทตึงเครียด ความคิดสับสน เมื่อเสพไปนาน ๆ หรือเสพจำนวนมากจะทำให้เกิดภาพหลอนเพ้อคลั่งคล้ายคนเป็นโรคประสาทหวาดระแวงเป็นบ้าได้
                ข. ถูกเพราะ ผู้เสพกัญชามีลักษณะอาการอารมณ์อ่อนไหวเปลี่ยนแปลง ความคิดเลื่อนลอยสับสน ความคุมตัวเองไม่ได้ ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ความจำเสื่อม กล้ามเนื้อลีบ หัวใจเต้นเร็ว
หูแว่ว
. ผิดเพราะ ผู้เสพมอร์ฟีนมีลักษณะอาการคลื่นเหียนอาเจียน ท้องผูก เกิดอาการคันหน้า ตาแดง ซึม ง่วงนอน ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม                          
.  ผิดเพราะ ผู้เสพสารระเหยมีลักษณะอาการศีรษะเบาหวิว ตื่นเต้น พูดจาอ้อแอ้ พูดไม่ชัด น้ำลายไหลออกมามาก

โดย
: น.ส.มนิสา ฮอคคินส์ ม.4/1 เลขที่ 30

12. ข้อใดเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตครอบครัวแตกแยก
. ทรัพย์สินเงินทอง
. การศึกษา
. หน้าที่การงาน
. ความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
เฉลย    ง. ความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
. ผิดเพราะ ทรัพย์สินเงินทองนั้นไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ครอบครัวแตกแยกเพราะทรัพย์สินเงินทองเป็นของนอกกายแต่ความรักและความเข้าใจจะทำให้ครอบครัวไม่แตกแยก
. ผิดเพราะ การศึกษานั้นก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก เพราะ ดูจากส่วนมากคนที่มีการศึกษาน้อยที่แต่งงานแล้วยังสามารถครองเรือน อยู่กันได้ยาวนาน
.  ผิดเพราะ หน้าที่การงานก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ครอบครัวแตกแยกเพราะส่วนมากผู้ชายเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว และก็มีไม่น้อยที่ผู้หญิงก็หาเลี้ยงครอบครัวเช่นกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน และช่วยกันทำมาหากินครอบครัวจะได้ไม่แตกแยก
                ง. ถูกเพราะ ความไม่เข้าใจกันและกันนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ ครอบครัวแตกแยกเพราะถ้าเราไม่เข้าใจกันก็จะมีปัญหาตามมามาก ทั้งการทะเลาะเบาะแว้ง การใช้กำลังตบตี ถ้าเป็นอย่างนี้นานๆเข้าก็จะทนไม่ไหวก็จะทำให้ครอบครัวแตกแยกและลูกก็จะมีปัญหาแก่สังคม
โดย: นางสาววรกานต์  มุกประดับ ม. 4/1 เลขที่ 41
13. ข้อใดเป็นพัฒนาการ การคบเพื่อนของวัยรุ่น
. คบเพื่อนวัยเดียวกัน
. คบเพื่อนต่างวัย
. คบเพื่อนเพศเดียวกัน
.  คบเพื่อนต่างเพศ
เฉลย   ง. คบเพื่อนต่างเพศ
. ผิดเพราะ การคบเพื่อนวัยเดียวกันเป็นพื้นฐานของการคบเพื่อน จึงไม่ถือว่าเป็นพัฒนาการ
. ผิดเพราะ วัยรุ่นต้องการคบเพื่อนวัยเดียวกันมากกว่าคบเพื่อนต่างวัย เพราะ เพื่อนวัยเดียวกันจะเข้าใจกันมากกว่า 
. ผิดเพราะ การคบเพื่อนเพศเดียวกันเป็นพื้นฐานของการคบเพื่อน จึงไม่ถือว่าเป็นพัฒนาการ
. ถูกเพราะ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น วัยรุ่นจะเริ่มมีเพื่อนต่างเพศเริ่มเปิดกว้าง จึงถือว่าเป็นพัฒนาการ การคบเพื่อนของวัยรุ่น

โดย
: น.ส.ศศิวิมล แฝงด่านกลาง ม. 4/1 เลขที่ 42
 
14. โรคใดที่สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์
          ก. โรครูมาตอยด์
          ข. โรคทาลัสซีเมีย
          ค. โรคเลปโตสไปโรซิส
          ง. โรคไวรัสตับอักเสบชนิด บี
เฉลย    ง. โรคไวรัสตับอักเสบชนิด บี
ก.  ผิดเพราะ โรครูมาตอยด์ เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง ไม่สามารถติดต่อได้ทาง                                                   เพศสัมพันธ์
ข. ผิดเพราะ โรคทาลัสซีเมีย เป็นโรคเกี่ยวกับพันธุกรรมผิดปกติ
ค. ผิดเพราะ โรคเลปโตสไปโรซิส หรือโรคไข้ฉี่หนู ถ่ายทอดได้จากสัตว์สู่คนเท่านั้น
ง.   ถูกเพราะ โรคไวรัสตับอักเสบชนิด บี สามารถติดต่อได้หลายทางทั้งทาง น้ำลาย ทางเลือด และทางเพศสัมพันธ์

โดย
: น.ส. สุพรรณี ธนิกกุล ม. 4/1 เลขที่ 35

15. เมื่อนักเรียนมีความคิดเห็นไม่ตรงกับเพื่อน นักเรียนจะเเก้ปัญหานี้อย่างไร
ก. พยายามเอาชนะให้ได้
ข. ไม่เเสดงความคิดเห็นอีก
ค. เห็นด้วยกับความเห็นของเพื่อน
ง. แสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
เฉลย   ง. เเสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
                    เพราะ เมื่อเกิดปัญหาเราควรจะใช้เหตุผลเป็นหลักอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ ในสิ่งที่เราคิด ถึงเเม้เพื่อนจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกับเรา เราก็อาจจะใช้วิธีการร่วมกันอภิปรายช่วยกันคิดอย่างมีเหตุผล
           ก. ผิดเพราะ ถ้าเราอยากจะเอาชนะเพื่อน ปัญหาก็จะเกิดขึ้นอาจทำให้ เราทะเลาะและผิดใจกับเพื่อนได้ทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้นมากกว่าอีก
           ข. ผิดเพราะ เรามีสิทธิที่จะเเสดงออกความคิดเห็น ให้เพื่อนรับฟังแต่เราควรจะเเสดงออกความคิดเห็นโดยใช้เหตุผล เเจกแจงให้เพื่อนฟัง
           ค. ผิดเพราะ เราควรพิจารณาเหตุผลก่อนที่จะเชื่อเพื่อน ควรจะมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง
           ง.   ถูกเพราะ เมื่อเกิดปัญหาเราควรจะใช้เหตุผลเป็นหลักอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ ในสิ่งที่เราคิด ถึงเเม้เพื่อนจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกับเรา เราก็อาจจะใช้วิธีการร่วมกันอภิปรายช่วยกันคิดอย่างมีเหตุผล

โดย
: น.ส. ปรียานันท์  สีรือเเสง ม. 4/1  เลขที่ 26 

16. การปฏิบัติตนข้อใด ที่จัดเป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตมากที่สุด
            ก. การขับรถด้วยความเร็ว 100 กม. ต่อ ชม.
            ข. การขับรถในขณะที่พูดโทรศัพท์มือถือ
            ค. การไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อนั่งเบาะหน้า
            ง. สูบบุหรี่ขณะขับรถ
เฉลย    ข. การขับรถในขณะที่พูดโทรศัพท์มือถือ
. ผิดเพราะ การขับรถเร็วเป็นการขับด้วยความประมาทและเสี่ยงต่ออันตราย แต่ยังมีสติดีอยู่จึงสามารถควบคุมรถอยู่ได้
. ถูกเพราะ การขับรถขณะที่คุยโทรศัพท์ เป็นการขับรถที่มีความประมาทและไม่มีสติจดจ่ออยู่กับการขับรถ แต่เอาสติไปจดจ่ออยู่กับเรื่องที่คุยทางโทรศัพท์ จึงอาจทำให้รถอยู่ในการควบคุมด้วยสติได้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าข้ออื่นๆ
                ค. ผิดเพราะ การไม่คาดเข็มขัดนิรภัยนั้น เป็นเพียงการที่ไม่ป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น อาจทำให้บาดเจ็บได้เมื่อได้รับอุบัติเหตุ
                ง. ผิดเพราะ การสูบบุหรี่ขณะขับรถ เป็นความประมาท และอาจจะสูญเสียสติในการควบคุมรถหรือขับรถไปได้ในระดับหนึ่ง

โดย
: นางสาวศิโรรัตน์ เชื้อวงษ์ ม.4/1 เลขที่ 33

17. ข้อใดแสดงถึงจำนวนนักกีฬาที่ถูกตามชนิดกีฬา
ก. วอลเลย์บอล 5 คน
ข. บาสเกตบอล 6 คน
ค. ฟุตบอล 11 คน
ง. แฮนด์บอล 12 คน
เฉลย     ค. ฟุตบอล 11 คน
                         ก. วอลเลย์บอล จะมีผู้เล่นอยู่ในทีมๆละอย่างมาก 12 คน และอย่างน้อย 6 คน แต่จะลงสนามได้ทีมละ 6 คน ผู้เล่นทั้ง 6 คน ในสนามอาจจะเล่นตลอดเกมหรืออาจเปลี่ยนตัวได้ตลอด
           . ผิดเพราะ บาสเกตบอล จะมีผู้เล่นจำนวน 5 คน คือ 1.พอยต์การ์ด 2.ชู้ตติ้งการ์ด 3.สมอลฟอร์เวิร์ด
4. เพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด 5.เซ็นเตอร์
. ถูกเพราะ ฟุตบอล ในแต่ละทีมจะประกอบด้วยผู้เล่นสูงสุด 11 คน โดยสามารถมีผู้เล่นสำรองสามรถนั่งเพื่อรอเปลี่ยนตัว โดยในสิบเอ็ดคนนั้นจะต้องมีผู้รักษาประตูหนึ่งคน ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการจะมีกติกาเพิ่มว่าจะต้องมีผู้เล่นอย่างน้อย 7 คน เพื่อทำการแข่งขันได้ โดยผู้เล่นทุกคนยกเว้นผู้รักษาประตู ไม่สามารถใช้มือหรือแขนรักษาลูกฟุตบอลได้
. ผิดเพราะ แฮนด์บอล ตอนแรกใช้ผู้เล่น 11 คนเท่ากับฟุตบอล แต่ไม่สะดวก เพราะสถานที่คับแคบ จึงลดจำนวนผู้เล่นเหลือข้างละ 7 คน จึงกลายมาเป็นกีฬาแฮนด์บอลแบบการเล่นในปัจจุบัน

โดย
:      น.ส.สุภาภรณ์    หงส์วิลัย   ม.4/1 เลขที่ 47

18. 
ศิลปะป้องกันตัวชนิดใดที่มีปรัชญาป้องกันตัวเมื่อถูกกระทำก่อน
                        ก. ยูโด
                        ข.ไอคิโด
                        ค. เทควันโด
                        ง. มวย
เฉลย     ค. เทควันโด
ก.        ผิดเพราะ เป็นกีฬาที่สู้เเบบตัวเปล่าในระดับประชิดตัว
ข.        ผิดเพราะ การรับการโจมตีเเละควบคุมการโจมตีของผู้ต่อสู้กลับ
ค.        ถูกเพราะ เป็นกีฬาที่ใช้เท้าเเละมือในการป้องกันตัวจากผู้ต่อสู้เมื่อถูกกระทำก่อน
ง.        ผิดเพราะ เพราะเป็นกีฬาที่ใช้หมัดเเล้วเป็นกีฬาที่โจมตีผู้ต่อสู้

โดย
: นาย ธนาธิป หาชะนนท์   ม.4/1 เลขที่ 4
19. สุรามีผลต่อระบบประสาทอย่างไร
ก.ออกฤทธิ์ผสมผสาน
ข.ออกฤทธิ์กดประสาท
ค.ออกฤทธิ์หลอนประสาท
ง.ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท
เฉลย    ข.ออกฤทธิ์กดประสาท
. ผิดเพราะ ออกฤทธิ์ผสมผสาน อาจกด กระตุ้น หรือหลอนประสาทร่วมกัน เช่น กัญชา อาการของผู้เสพ ผู้เสพติดมักจะเกิดอาการประสาทหลอน เห็นภาพลวงตา หูแว่ว หรือมีอาการหวาดระแวง ความคิดสับสน ควบคุมตนเองไม่ได้ และป่วยเป็นโรคจิตในที่สุด
. ถูกเพราะ ออกฤทธิ์กดประสาท เมื่อดื่มแล้วสารนั้นจะออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง หากดื่มไม่มากอาจรู้สึกผ่อนคลายเนื่องจากสารกดจิตใต้สำนึกที่คอยควบคุมตนเองทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น แต่เมื่อดื่มมากขึ้นก็จะกดสมองบริเวณอื่น ๆ ทำให้เสียการทรงตัว พูดไม่ชัด จนแม้กระทั่งหมดสติในที่สุด
. ผิดเพราะ ออกฤทธิ์หลอนประสาทฤทธิ์ของยาจะทำให้ผู้เสพเห็นภาพลวงตา หูแว่ว เพ้อฝัน คิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ หรือคิดว่าเหาะได้ อาจมีอาการทางจิตประสาทอย่างรุนแรง มีอาการหวาดระแวง เกิดอาการกลัวภาพหลอน (Bad Trip) จึงต้องหนีจากความหวาดกลัว เช่น การขับรถหนีหรือเหาะหนี หรือฆ่าตัวตายเพราะความหวาดกลัว
. ผิดเพราะ ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทจะ ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทในช่วงเวลาสั้น ๆ ผู้เสพจะมีความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม บางคนอาจมีอาการมากถึงขั้นระยะการหายใจล้มเหลว จนทำให้ตายได้
 
โดย:    น.ส.สุนิสา     ไหวติง ม.4/1 เลขที่ 46
20. กีฬาชนิดใดที่มีการตัดสินลูกออก แตกต่างจากกีฬาอื่น
ก. บาสเกตบอล
ข. วอลเลย์บอล
ค. ตะกร้อ
ง. ฟุตบอล
เฉลย    ง. ฟุตบอล
                ก. ผิดเพราะ บาสเก็ตบอลลูกบอลจะต้องผ่านเส้นสนามด้านข้างหรือด้านหลังออกไปนอกสนามหมดทั้งลูก หากลูกยังไม่ตกพื้นจะไม่ตัดสินว่าลูกออกต้องให้ลูกตกบนพื้นก่อนจึงจะตัดสินว่าเป็นลูกออก
. ผิดเพราะ วอลเลย์บอล ลูกวอลเลย์จะต้องผ่านเส้นสนามด้านข้างหรือด้านหลังออกไปนอกสนามหมดทั้งลูก หากลูกยังไม่ตกพื้นจะไม่ตัดสินว่าลูกออกต้องให้ลูกตกบนพื้นก่อนจึงจะตัดสินว่าเป็นลูกออก
. ผิดเพราะ ตะกร้อ ลูกตะกร้อจะต้องผ่านเส้นสนามด้านข้างหรือด้านหลังออกไปนอกสนามหมดทั้งลูก หากลูกยังไม่ตกพื้นจะไม่ตัดสินว่าลูกออกต้องให้ลูกตกบนพื้นก่อนจึงจะตัดสินว่าเป็นลูกออก
. ถูกเพราะ กีฬาฟุตบอลมีการตัดสินลูกออกไม่เหมือน กับกีฬาประเภทอื่น กล่าวคือกีฬาฟุตบอล การตัดสินลุกออกนั้นลูกบอลจะต้องผ่านเส้นประตูหรือเส้นข้างออกไปนอกสนามหมดทั้งลูกไม่ว่าจะกลิ้งไปบนพื้นสนามหรือลอยไปในอากาศ ส่วนกีฬาบาสเก็ตบอล วอลเล่ย์และตะกร้อ การตัดสินลูกออกลุกบอลจะต้องผ่านเส้นสนามด้านข้างหรือด้านหลังออกไปนอกสนามหมดทั้งลูก หากลูกยังไม่ตกพื้นจะไม่ตัดสินว่าลูกออกต้องให้ลูกตกบนพื้นก่อนจึงจะตัดสินว่าเป็นลูกออก

โดย
: น.ส. กนกกร เสริมทรัพย์ ม.4/1 เลขที่ 50

ความคิดเห็น

QQQQ
QQQQ 11 พ.ค. 56 / 20:54
ขอบคุณมากๆ นะคะ