ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    2nd beloved - Fiction SHINee [MinKey or Jongkey?]

    ลำดับตอนที่ #2 : 2nd beloved-Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 53



    2
    nd beloved                                                    

    Chapter 1

     

     

     

                    ค่อกๆ แค่กๆ

                    “สมน้ำหน้า” นั่นแหล่ะครับคีย์บอมเพื่อนผม ทักทายดีๆไม่ค่อยจะเป็น เห็นผมไอแล้วยังจะมาสมน้ำหน้าอีก เพราะใครกันที่พาผมไปตากฝนเมื่อวาน

                    “เพราะนายนั่นแหล่ะ”

                    “นี่จะว่าฉันผิดใช่ไหม”

     

    ฉันผิด ... อีกแล้วหรอไอ้มินโฮ

    คงใช่สินะเพราะ แต่ไหนแต่ไรนายก็ไม่เคยมองว่าฉันถูกสักที

                   

                    “เออ”

                    “แล้วใครใช้ให้นายอยู่รอฉัน”

                    “เอิ่ มม ก็...”

                    “เห็นไหมว่าฉันไม่เกี่ยวเลย นายทำตัวนายเอง”

                    “...” ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเลย คนตัวเล็กก็เดินออกจากวงการสนทนา ร่างสูงจึงได้แต่นั่งงงๆอยู่กับที่ คิ้วขมวดจนแทบจะเป็นโบว์เพราะความสงสัย สุดท้ายเขาก็ต้องสาวเท้าไปตามคนตัวเล็กอยู่ดี

     

    เอาแล้วไงเพื่อนผม ... นอกจากดื้อแล้วยังงอนเก่งเป็นที่หนึ่งอีกต่างหาก

     

                    “เฮ้ย! รอด้วยสิวะ” คนตัวเล็กหยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อย แต่ก็เดินต่อไปอยู่ดี

                    “ฉันทำผิดไม่ใช่หรอ นายจะมาตามฉันทำไม” สายตายังคงมุ่งมั่นไปข้างหน้า ไม่เหลียวมองมาข้างหลัง

                    “แล้วนายจะไปไหน” เรียวขายาวเริ่มชะลอลง

                    “เรื่องของฉัน...อย่ายุ่ง!

                    “ลืมไปว่าเดี๋ยวนี้ยุ่งไม่ได้แล้ว มีพี่จงฮยอนแล้วนี่ ไม่ต้องการเพื่อนอย่างฉันแล้วมั้ง”

                    “นายอย่าพาล”

                    “แล้วมันจริงไหม”

                    “เออ” สิ้นเสียงของคนตัวเล็กเรียวขายาวก็หยุดการสาวเท้า ยืนนิ่งไปพักหนึ่งก่อนสติจะกลับมาอีกครั้ง

     

    รักมันมากเลยหรอไอ้เตี้ยคนนั้นน่ะ

    นายรักมันมากจนไม่เห็นหัวเพื่อนอย่างฉันแล้วใช่ไหม?

     

                    “อ้ะ” ตึ่ง!!! เสียงขวดยาแก้ไขกระทบดังกับโต๊ะเรียน ร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนเงยหน้ามามองคนตัวเล็กที่ยืนค้ำหัวอยู่ มาไม้ไหนของเค้าเนี่ย

                    “ขอบใจ”

                    “รีบกิน ฉันหิวข้าวจะแย่อยู่แล้ว” พูดพลางยื่นช้อนชามาให้

                    อึกๆๆ

                    “เฮ้ย! ทำไมไม่ใช้ช้อน” คนตัวเล็กถึงกับหน้าเหวอที่เห็นร่างสูงเพื่อนของตนกระดกยาแก้ไอกินแทนที่จะใช้ช้อนที่เตรียมมาให้ อยากตายเร็วใช่มั้ยไอ้ชเว

                    “มันไม่ทันใจ”

                    “เดี๋ยวก็ตายโหงกันพอดี”

                    “ยังไม่ค่อยหายเลย อีกสักหน่อยดีกว่า” ว่าแล้วมือหนาก็ยกขวดยาแก้ไอมาซดทันที จากการสังเกตแล้วยามันลดไปเกือบครึ่งขวด

                    “ท่าจะบ้า”

                    แล้วผมกับคีย์และเพื่อนอีกสักประมาณ 5-6 คนก็มุ่งหน้าไปยังโรงอาหารเพื่อหาวัตถุดิบบางอย่างมายัดใส่กระเพาะอาหารสำหรับมื้อเที่ยง เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากด้านสนหลังชวนให้หันไปโม้เป็นอย่างมาก แต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะเกรงว่าจะโม้เพลินแล้วได้กินข้าวช้า (เห็นแก่กินจังแก ^^)

     

                    “ฉันอยากก๋วยจั๊บว่ะ” คนตัวเล็กว่าและรอความเห็นจากร่างสูง มือบางก็ดึงแขนร่างสูงให้มากับตน

                    “อืม ต่อคนละร้านแล้วกันจะได้เร็วๆ” โอ้โห~!! สมฉายาคาริสม่าผู้หิวโหยจริงๆ ใบหน้าขาวจัดเบ้ปากบอกเป็นเชิงว่างอนพร้อมกับเดินไปอีกร้านที่ตั้งอยู่ข้างๆกับร้านขายก๋วยจั๊บที่มินโฮยืนอยู่

                   

                    “เอาอะไรจ้ะหนู” แม่ค้าวัยกลางคนเอ่ยถามคีย์ สายตายังจับจ้องไปที่หม้อน้ำซุป ป้าแกคงยุ่งไม่มีเวลาเงยหน้ามามองลูกค้าหรอก ส่งสัยกลัวเนื้อสัตว์ในหม้อมันกินกันเอง

                    “อ่อ ผมเอาก๋วยจั๊บครับ”

                    “ฮ่าๆ คือป้าขายก๋วยเตี๋ยวไก่จ้ะ” เพล้ง! เก็บเศษเร็วคีย์บอม  สายตาอีกหลายคู่หันขวับมาทางคีย์ บ้างก็อมยิ้มนิดๆ บ้างก็หัวเราะก๊ากออกมา   ด้วยความอายคนตัวเล็กจึงได้แต่เกาทายทอยแก้เขิน

                    ไอ้มินโฮนี่นายแกล้งฉันงั้นหรอ?

     

                    “โอ้ย! เศษหน้านายบาดว่ะ” ร่างสูงหัวเราะอย่างพอใจ

                    “ฝากไว้ก่อนเหอะ” นิ้วเรียวชี้มาทางเพื่อนสนิทก่อนจะกัดจิกด้วยสายตา แล้วจึงหันไปเจรจากับป้าคนขายก๋วยเตี๋ยวไก่

     

                    ระหว่างโต๊ะอาหารที่ถูกคนกำลังสวาปามกับอาหารที่แย่งชิงมาได้นั้น (พูดซะอดอยากเลย) ยังมีบางคนที่ไม่ได้ก้มหน้าก้มตากินอย่างตั้งใจ กลับเอาแต่กัดจิกสายตาไปยังเพื่อนสนิทคนที่นั่งข้างๆ

     

                    “กินไม่อร่อยหรอครับ ก๋วยเตี๋ยวไก่เนี่ย” ร่างสูงล้อเลียนคนตัวเล็ก เพื่อนๆทั้งโต๊ะจึงหันมาหัวเราะไปด้วย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กอารมณ์พรุ่งปี๊ด  ด ปรอทแตกแล้วแหงๆ

                    “ฉันไม่ขำนะเว่ย” ริมฝีปากของเพื่อนในโต๊ะหุบใส่กันทันทีที่คนตัวเล็กพูดจบ สายตาที่กำลังมองคีย์อยู่ก็ต้องหลบไปเพ่งเล็งอาหารในจานอย่างเดิม

                    “ก็ไม่ได้ให้ขำนี่”

                    “...”

                    “เฮ้ย! หมูเด้งกูอยู่ไหน” ปากก็พูด มือก็ไขว้หลังทำท่าเลียนแบบพี่จาพนม (ปล.เกาหลีก็มีโปสเตอร์องค์บากนะ) หลายๆคนต้องป้องปากในการหัวเราะกับมุขที่คาริสม่าบรรจงเล่นมาในยามคับขัน

                    “มันใช่เวลาไหม” เด็กเรียนอย่างยูกึลก็แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่แต่ก็ต้องห้ามปราบเพื่อนไว้ คงเกรงว่าคีย์จะวีนแตก

                    “ฮ่าๆ” มินโฮหัวเราะอย่างสบายใจโดยไม่รู้สึกรู้สาว่าเพื่อนสนิทโกรธเขาอยู่จนแทบจะงับหัวเขาได้แล้ว

                    ร่างบางลุกพรึ่บออกจากโต๊ะ สายตาของเพื่อนที่เหลือมองกันอย่างงงๆว่าไอ้นี่มันเป็นอะไร องค์ลงกะทันหันหรืออย่างไรก็มิได้มีการแถลงข่าวก่อนแต่อย่างใด

                    “งานเข้าแล้วมึงไอ้มินโฮ” ยองเบยิ้มๆ เหมือนกับจะสมน้ำหน้าแต่แฝงไปด้วยความสงสารเล็กน้อย (เอาไงแน่)

                    “รีบไปเหอะ เดี๋ยวปล่อยไว้นานอย่างคราวที่แล้ว พี่จงฮยอนจะซิวไปแดกนะมึง” ไอ้จูมงเสนอแนวคิดมาให้ผม แต่ทว่าผมต้องชะงักเมื่อมันพูดสะกิดต่อมโศก

     

    คุณเคยไหม? ที่จู่ๆก็ต้องเว้นระยะห่างระหว่างเพื่อนสนิทออกไป

    เพียงแค่รู้สึกแปลกๆต่อกัน

    คุณระบุไม่ได้ว่ามันเป็นอย่างไร

    คุณไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง

    และคุณก็ไม่เคยรู้ว่ามันจะจบลงแบบไหน

    นั่นแหล่ะครับ >>ปัญหาของผมกับคีย์บอม

     

                    “คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ผมพูดปัดๆ ปัดทั้งมือ ปัดทั้งคำพูดให้พวกมันหับกลับไปจัดการกับอาหารในจาน บังเอิญสายตาผมมันลงไปหยุดที่ไอ้ยูกึล มือเล็กๆขาวๆบวมๆของมันยกจานขึ้นมาในระดับพอดีกับสายตา ลิ้นเล็กกำลังเล็มเลียรอบริมฝีปากก่อนจะ แผล็บๆ มาดูครับมาดูลูกเจ้าของร้านทองเลียจาน ฮ่าๆ นี่มึงอพยพมาจากเฮติรึเปล่าวะ

                    “ไอ่เฮติ !!!

     

                    ขึ้นเรียนคาบบ่ายของห้อง 2 ในวันนี้เป็นไปอย่างเดิมและน่าเบื่อ อาจารย์ก็เอาแต่พูดกับกระดาน ไม่เคยแยแสเด็กนักเรียนที่ตั้งหน้าตั้งตาหลับ เว้นแต่มินโฮที่ตั้งใจเรียนผิดปกติไปจากเดิมอย่างมากจนถึงมากที่สุด

                    “ไอ้มินโฮ เมาป่าววะ” มึงไม่ต้องกระซิบแล้วมั้ง เสียงกระซิบของมึงดังจนคนทั้งห้องแทบจะได้ยิน ดีไม่ดีพวกห้อง 1 บางคนยังสะดุ้งตื่นด้วยเสียงกระซิบอันแผ่วเบาของมึง

                    “มึงพูดเลยก็ได้ กระซิบทำซากไร เสียงมึงดังไปถึงดาวพลูโต” โห!! เว่อร์ไปมั้ง

                    “มึงนึกไงเข้าคาบอังกฤษ”

                    “ไม่รู้ สงสัยกูเมายาแก้ไอ”

                    “...” ยองเบยังไม่ทันอ้าปากพูด มินโฮก็พูดต่อ

                    “กระดกไปครึ่งขวด แม่งหวานจนปวดหัวอ่ะ” ร่างสูงแสร้งทำท่าว่าจะไอโชว์ยองเบ

                    “ฮ่าๆๆ” ยองเบหัวเราะเสียงดังจนอาจารย์ต้องขยับกรอบแว่นพร้อมส่งสายตาเหี้ยมโหดมาทางเจ้าตัว แล้วก็หันกลับไปหากระดานอย่างเดิม สงสัยว่านักเรียนห้อง 2 จะมีบางคนจ่ายค่าเทอมไม่ครบ อาจารย์ที่เข้าสอนมักจะสนใจพูดอยู่แต่กับกระดานเขียวหน้าห้อง (กระดานโรงเรียนเราเป็นสีเขียวอ่ะ แอบงง ทำไมเค้าเรียกว่ากระดานดำ)

     

                    การเรียนของผมก็ดำเนินมาจนสี่โมงเย็นเป็นเวลาที่มีความสุขดุจสรวงสวรรค์ของนักเรียนหลายๆคน พอเลิกเรียนผมกับคีย์บอมก็แยกกันไปคนละทาง คิดว่าเขาคงไปห้องสมุดแหล่ะมั้ง ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะตั้งแต่เที่ยงมาก็ไม่ได้คุยกันเลยสักแอะ ท่าทางจะโกรธจริงๆ แต่ตอนนี้ผมต้องขอไปเยี่ยมเยือนรุ่นพี่อิจินกิสักหน่อย

     

                    “หวัดดีครับพี่จินกิ” พอมาถึงยิมบาสผมก็ทักทายรุ่นพี่สุดน่ารักก่อนเลยล่ะครับ ร่างสูงโปร่งของประธานชมรมบาสที่กำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาหันมายิ้มให้

                    “อืม ไหงมาคนเดียวล่ะ” ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของพี่จินกิชะเง้อหาคีย์บอม เพราะปกติเราจะมาด้วยกัน

                    “ไม่รู้สิครับ”

     

                    ตุบ ๆ ๆ ตับๆ ๆ >> กองทัพดับเบิ้ลดอร์มาแล้ว (เกี่ยวมั้ย?)

                    “แฮ่กๆ มาแล้วครับ” ร่างบางวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับขนมหลายอย่างในมือที่ถือมาอย่างพะลุงพะลัง

                    “น้องพี่น่ารักจริงๆ” แล้วแทมินก็แกะถุงขนมยื่นให้พี่ชายร่วมสายเลือด ดูไปๆภาพนี้มันเหมือนในหนังเลยอ่ะ ที่คนเขาจะเอาเครื่องคาวมาเซ่นไหว้เทพเจ้า

                    แต่นี่คงเป็นการเซ่นไหว้ “แป๊ะยิ้ม อีจินกิ” ซะมากกว่า

     

                    “ไงฮะพี่มินโฮ จีบพี่คีย์ติดรึยัง”

                    “โอ้ะ!ๆ น้องใครวะ พูดถูกใจ” พี่น้องคู่นี้มันยังไงๆเนี่ย ชมกันดีจัง

                    “ยังไม่ได้จีบโว้ย! พี่ต้องไปขออนุญาตทำหนังสือจีบก่อน”

                    “โหนี่ขนาดจีบ ถ้านายไปขอคีย์เป็นแฟน นายไม่แจ้งความเลยล่ะ 55+”

                    “หรอครับ ระวังพี่จงฮยอนจะสอยมาก่อนนะครับ”

                    “ขอบใจ” พูดจบผมก็เอาลูกบาสมาดั๊งค์เล่นฆ่าเวลาก่อนกลับบ้าน

                   

                    เคร้ง ๆๆ !!!

                    เสียงลูกบาสเสียดสีอยู่บนแป้น เป็นสัญญาณบอกว่าคนชู๊ดยังมีแรงอยู่ จินกิกับแทมินยังนั่งโม้ด้วยกันอยู่อย่างมันส์ปาก ช่างเป็นพี่น้องที่เข้ากันได้ง่ายเหลือเกิน คนพี่ชอบเล่นมุขแป้ก ส่วนคนน้องก็ขำง่าย อะไรจะลงตัวขนาดนี้

                    แปลกใจใช่ไหมว่าสองพี่น้องนี้มาทำอะไรที่ยิมบาสทั้งๆที่เล่นบาสไม่เป็น จะบอกให้รู้นะครับว่าพี่จินกิเป็นประธานชมรมบาสจากการบังคับของประธานชมรมคนก่อน ส่วนแทมินก็เป็นน้องแท้ๆของพี่จินกิ

     

                    “ผมกลับก่อนนะครับ”

                    “ฉันนึกว่านายจะบ้าดีเดือดเล่นต่อซะอีก”

                    “ใช่ๆ” กรู๊ด ดด เสียงเซาะดูดหาน้ำในแก้วของแทมินดังตามมาเมื่อสิ้นสุดประโยค

                    “ออมแรงไว้ตามง้อคีย์ดีกว่าครับ”

                    “ฉันเอาใจช่วยนะ” ผมโค้งรับความหวังดีน้อยๆ

                    “บ้ายบายฮะพี่มินโฮ” แล้วสองพี่น้องตระกูลอีก็โบกมือลาผม ตามเสต๊ปการลาจาก

     

    *******************************************************************************************************

    เย่ๆๆ เสร็จไปตอนหนึ่งแล้ว

    ดีใจสุดๆไปเลย ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ

    มันอาจจะเน่าบ้าง งงบ้าง แต่ก็ขอบคุณที่หลงเข้ามานะ

    เราจะพยายามแต่งให้ดีขึ้น ขอบคุณ

    ขอบคุณจริงๆ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×