บอกข้าหน่อย ฮองเฮา นี่ใช่เมียหลวงไหม!?
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ผู้แต่ง : 郭玉 / กัวอวี้
My.iD :
https://my.dek-d.com/ciel22/writer/
ตอนที่ 6 : บทที่ ๕ :: สร้างหนี้บุญคุณให้กับองค์จักรพรรดิ
รีไรท์ครั้งที่ ๑
๐๙.๐๑.๖๒
หงส์งามที่มีเพียงผ้าคลุมผืนบางคลุมกาย เดินเข้ายังห้องอาบที่ในเวลานี้มีคนยึดครองอ่างอาบน้ำของนางไปเสียแล้ว อาเหมยมองแผ่นหลังกว้างพิงอยู่ริมอ่างไม้ แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยแผลที่เธอเองก็ไม่ได้อยากจะรู้ที่มาของมันเช่นกัน ก็ในเมื่อมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาง ไยจะต้องไต่ถามด้วยเล่า
คิดไปคิดมาก็นึกนับถือความกล้าบ้าบิ่นของตนเองในใจ ไม่รู้ว่ากล่าวตอบรับไปได้อย่างไรกัน ทั้งในตอนนี้ยังไม่ได้รู้สึกเขินอายแม้แต่น้อย หรือว่างร่างของคนงามไร้ซึ่งความรู้สึกไปเสียแล้วเล่า หรือนางกลายเป็นผู้หญิงตายด้าน เรื่องนั้นก็สุดที่จะรู้ หรือบางทีเจ้าลูกเต่าที่เปลือยแช่น้ำอยู่ อาจจะไร้ซึ่งเสน่ห์ก็เป็นได้
“เมื่อไหร่จะลงมาอาบน้ำกับเจิ้น เจิ้นรอนานแล้ว”
มองแผ่นหลังของจักรพรรดิหนุ่มที่เอ่ยขึ้นโดยไม่ได้หันกลับมามองนางที่ยืนอยู่ด้านหลัง ส่วนสตรีที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็ได้แต่แยกเขี้ยวใส่อยู่ด้านหลัง บุรุษผู้นั้นหารู้ไม่ว่านอกจากนางจะยืนพินิจเขาอยู่ด้านหลังแล้ว นางยังประเมินพื้นที่ภายในอ่างที่เหลือไม่ถึงครึ่งด้วย ไหนจะน้ำที่แทบจะล้นปริ่มออกมา หากนางลงไปอีกไม่เอ่อล้นออกมาเลยหรือ!
แต่อย่างไรนางก็ต้องลงอ่างกับเจ้าลูกเต่าอยู่ดี...เอาสิ! ดีเหมือนกันจะได้รู้กันไปเลย ว่าบุรุษที่อยู่เหนือทุกคนในใต้หล้ายังคงเห็นนางเป็นเมียอยู่หรือไม่! หรือจะพากันตายด้านทั้งคู่!
หงส์งามเดินเข้าไปใกล้อ่างไม้ ปลดผ้าคลุมออก ก่อนจะก้าวขาลงอ่างร่วมกับองค์จักรพรรดิที่จ้องเธอปานจะกลืนกินเธอทั้งตัว นับว่าจักรพรรดิแห่งแคว้นเยี่ยนยังไม่ตายด้านเสียทีเดียว เพิ่งรู้ว่ามีของดีหรือข้างตัวหรือเจ้าลูกเต่า!
หวงเฟิงหยางกระตุกยิ้มเมื่อเห็นร่างที่ขาวผ่องเช่นหิมะอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่ต้น แต่เหมือนจะมีบางอย่างที่พระองค์ไม่พอพระทัยในตัวนาง
“เจิ้นเพิ่งรู้ว่าเวลาหวงโฮ่วอาบน้ำต้องใส่ตู้โตว[1]ด้วย”
อาเหมยเม้มริมฝีปากแน่น มองตู้โตวหรือชุดชั้นในที่ปกปิดส่วนสงวนของนางไว้ แม้จะแก่นแก้วขนาดไหน แต่อย่างไรนางก็เป็นสตรี เรื่องเปลื้องผ้าก็คงไม่ใช่หน้าที่ของนาง...
แต่พอมองใบหน้าของเจ้าลูกเต่าที่เอ่ยเย้าแหย่ก็อยากจะคว้าคอองค์จักรพรรดิจับกดน้ำนัก! ต้องให้เธอบอกกล่าว หรือเริ่มทุกอย่างเองเลยหรือไร อย่างนั้นทำไมไม่ไปนอนรอที่เตียงเลยเล่า เจ้าโง่เง่าเต่าตุ่น!
“เจิ้นว่า...เจิ้นถอดให้ดีหรือไม่ อาบน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะสะดวก”
นับว่าบุรุษตรงหน้ายังพอรู้งานอยู่บ้าง ดีที่ไม่ต้องให้นางสอนทุกอย่าง...
อาเหมยมองร่างองอาจที่เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจนนางไม่ทันได้ตั้งหลักดีไออุ่นจากกายขององค์จักรพรรดิก็ต้องผิวของนางเสียแล้ว แต่เอ...ทำไมเจ้าลูกเต่าถึงนิ่งงันไปได้กันเล่า
“หวงโฮ่ว...เหตุใดเจ้าถึงได้ตัวสั่นขนาดนี้”
อาเหมยเลิกคิ้วอย่างสงสัย ตัวสั่นหรือ นางเองก็เพิ่งจะรู้ว่าตนเองตัวสั่น ก่อนจะรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว
บัดซบ!
เวลานี้หรือ... เหตุใดต้องเวลานี้ด้วยเล่า นี่ความฝันสูงสุดของข้าเลยนะ!
“เป็นอะไรไป” มือกร้านที่กำลังจะปลดผ้าชิ้นสุดท้ายของนางออกละมือลง และลดมาจับที่ต้นแขนของนางแทน
“นะ...หนาวเพคะ หม่อมฉันหนาว”
แม้จะสบถก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ แต่ก็ต้องตอบไปตามความเป็นจริง ตอนนี้นางหนาวเสียจนได้ยินเสียงฟันกระทบกัน ทั้งๆ ที่น้ำในอ่างเป็นน้ำอุ่น
“หนาวหรือ...”
มองพักตร์ขององค์จักรพรรดิที่กำลังขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่นานร่างสูงของหวงเฟิงหยางก็ลุกขึ้นก้าวออกจากอ่าง คว้าเสื้อคลุมลายมังกรขึ้นมาสวมทับวรกายเปลือยเปล่า และช้อนร่างของนางขึ้นจากน้ำ ทั้งยังมีเมตตาเอาผ้าคลุมที่นางปลดทิ้งไปขึ้นมาคลุมกายให้
นับว่ายังมีเมตตากับเมียอยู่... ไม่ก็เป็นเด็กหวงของคนหนึ่ง...
“ไปตามหมอหลวง! ”
เสียงขององค์จักรพรรดิที่ดังไปทั่ว ทำเอาข้าราชบริพารของหวงเฟิงหยาง และเสวี่ยเหมยแตกตื่น วิ่งกันให้วุ่น แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อจะเข้าไปสอบถาม เมื่อพบว่าผู้เป็นนายเหนือหัวทั้งสองมีเพียงผ้าคลุมผืนบางคลุมกายอยู่
“นางกำนัลของหวงโฮ่วอยู่ที่ใด เข้ามาหาเจิ้นประเดี๋ยวนี้!”
“พะ...เพคะ อยู่นี่เพคะ”
เสี่ยวหลินวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเมื่อได้ยินรับสั่งจากองค์โอรสสวรรค์ที่คาดเดาอารมณ์ของพระองค์ได้ยากเหลือเกินในเวลานี้
“แต่งตัวให้นางเสียใหม่ก่อนที่หมอหลวงจะมา”
“เพคะ” รับสั่งจากองค์จักรพรรดิทำให้เสี่ยวหลินก้มหน้าไม่กล้ามองวรกายของโอรสสวรรค์ที่ผ้าคลุมไม่อาจปกปิดได้มิดชิดจนเผยให้เห็นอกแกร่ง นางกำนัลน้อยปรนนิบัติเสวี่ยเหมยไม่ห่างตามรับสั่งของโอรสสวรรค์ ทั้งยังลูบกายที่เย็นเฉียบไปมาด้วยความหวาดหวั่น...
“เสี่ยวหลิน...”
“เพคะเหนียงเหนียง”
เสี่ยวหลินเคลื่อนกายไปใกล้พระนางที่กำลังสั่นสะท้านไปทั้งกาย ก่อนจะรับคำสั่งและสัญญาเป็นมั่นเหมาะ...
“หมอหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ซุนเหว่ยรายงานกับจักรพรรดิที่ยังคงไร้อาภรณ์ มีเพียงเสื้อคลุมมังกรเพียงตัวเดียวคลุมวรกาย
“เข้าไปตรวจนาง เจิ้นจะรอตรงนี้”
หมอหลวงรับบัญชา ก่อนจะตัวสั่นเข้าไปหามารดาแผ่นดิน ที่แม้แต่ตัวหมอหลวงเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่านางจะรอดพ้นจากยาพิษหลายขนานมาได้ แต่เหมือนทั้งหมดจะเป็นแค่เพียงชั่วคราว ชีพจรของนางกลับมาเต้นอ่อนราวกับจะหยุดเต้นเมื่อใดก็ได้อีกครั้ง ใบหน้างามซีดเซียว ทั้งยังดูไร้กำลังอย่างที่เคยเป็นก่อนหน้านี้
“กราบทูลฝ่าบาท...หวงโฮ่วเหนียงเหนียงทรงทรุดลงอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ทรุดลง เพราะเหตุใด?”
“เรื่องนั้น...กระหม่อมเองก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจจะเป็นเพราะโดนกระตุ้นพิษขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”
“กระตุ้นพิษ อะไรเล่าไปกระตุ้นพิษนาง!?”
“เรื่องนั้นกระหม่อมเองก็ไม่ทราบเช่นกัน สิ่งที่ไปกระตุ้นอาจจะเป็นได้ทั้งในอาหารที่หวงโฮ่วเหนียงเหนียงเสวย ไม่ก็จากเครื่องใช้ต่างๆ ที่โดนร่างกายของหวงโฮ่วเหนียงเหนียง”
“เจิ้นอยู่กับนางตลอดยามซวี[2] ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติเลย หากนางโดนกระตุ้นด้วยยาพิษจริง เจิ้นก็ต้องโดนด้วยสิ แต่เจิ้นไม่ได้เป็นอะไร...” หวงเฟิงหยางนิ่งไปชั่วครู่ เมื่อใคร่ครวญอะไรได้ “ซุนเหว่ย! ใครทำเครื่องเสวยมื้อนี้! ”
“พ่อครัวตำหนักเทียนเหอพ่ะย่ะค่ะ”
“ทุกอย่างเลยรึ! พ่อครัวของเทียนเหอทำทุกอย่างจริงรึ! ”
“พะ...พ่ะย่ะค่ะ” ซุนเหว่ยรับคำอย่างไม่เต็มเสียงนัก ผิดกลับองค์จักรพรรดิที่จ้องเขม็งไปยังขันทีของพระองค์
“ไปเอาตัวพ่อครัวมาให้ข้าประเดี๋ยวนี้! ” เอ่ยขึ้นเสียงดัง ก่อนจะเมินเฉยให้กับท่าทีหวาดหวั่นของข้าราชบริพารทั้งสองตำหนัก หวงเฟิงหยางสาวเท้าไปหาร่างของหงส์งามที่บัดนี้หลับใหลไม่ได้สติ
หรือว่าพระองค์กับนางจะไม่มีวาสนาร่วมหอกันจริงๆ
“ครั้งนี้เจิ้นจะช่วยเจ้าอย่างที่สามีคนหนึ่งพึงกระทำ แต่ครั้งนี้คนที่ลงมืออาจไม่ได้หมายเอาชีวิตเจ้า แต่อาจจะเป็นเจิ้นเอง” นิ่งเฉยเช่นเคยคงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หากการที่พระองค์ไม่ยื่นมือเข้าไปวุ่นวายกับวังหลังทำให้ทุกคนตายใจ และคิดการณ์ใหญ่ขนาดลอบปองร้ายพระองค์ เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องนิ่งเฉยและยอมความอีกต่อไป
“ฝ่าบาทเพคะ” หวงเฟิงหยางมองนางกำนัลที่ยังคงอยู่ข้างกายฮองเฮาของพระองค์ไม่ห่าง
“หวงโฮ่วเหนียงเหนียงฝากหม่อมฉันมอบให้ฝ่าบาทเพคะ”
หวงเฟิงหยางรับเข็มเงินในมือของนางกำนัลมา ก่อนดวงเนตรจะจ้องไปที่เสี่ยวหลินอย่างคาดคั้น เมื่อพบว่าสีของเข็มในมือนั่นเปลี่ยนเป็นสีดำ!
“นางได้มาจากไหน! ตอนนางตรวจสอบอาหารให้ข้าดู เข็มนี่ก็ไม่เปลี่ยนสีไม่ใช่รึ!”
“เข็มนี่ไม่ได้มาจากอาหารที่หวงโฮ่วเหนียงเหนียงทำเพคะ แต่มาจากอาหารที่ฝ่าบาทนำมา”
“บัดซบ! ” สบถอย่างไม่สนใจว่าใครจะได้ยินหรือไม่ “แล้วนางตรวจตั้งแต่เมื่อใดทำไมเจิ้นไม่รู้”
“เรื่องนั้นหม่อมฉันไม่ทราบเพคะ แต่...หนึ่งในอาหารเหล่านั้นมียาพิษ และพระนางเลือกกินยาพิษนั่นแทนพระฝ่าบาท”
“แทนเจิ้นอย่างนั้นหรือ? ” ได้ยินนางกำนัลพูดเช่นนั้น ในความทรงจำก็เหมือนจะไขความกระจ่างให้พระองค์ได้ เมื่อทรงจำได้ดีว่านางเลือกคีบแต่เนื้อปลาเก๋าไม่ได้แตะต้องอาหารอื่นเลย ส่วนพระองค์เห็นนางกินอยู่เพียงอย่างเดียวเลยไม่แย่งนางกินด้วยเห็นว่านางคงไม่ได้กินอะไรเช่นนี้มานานพอดูด้วยเพราะป่วยไข้
“ทำไม นางจะทำไปเพื่ออะไร!?”
‘ก็เพื่อให้เจ้าสำนึกผิดต่อข้าอย่างไรเล่าเจ้าลูกเต่าโง่!’ สตรีที่ควรจะสลบไสลไม่ได้สติกลับก่นด่าจักรพรรดิที่ยังโง่งมไม่เลิกอยู่ในใจ
ความจริงนางไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ใช่ว่าเป็นจักรพรรดิแล้วจะไม่มีใครคิดร้ายเสียหน่อย แต่ความคิดร้ายนั้นเผอิญมาประจวบเหมาะวันที่เจ้าลูกเต่านั้นคลานมาหานางพอดี
เข็มเงินอันเล็กที่ซ่อนไว้ในชายเสื้อทำให้นางได้ลอบทดสอบพิษไม่ให้เจ้าลูกเต่านั่นได้รับรู้ และแน่นอนการที่นางไม่รอให้องค์จักรพรรดิคีบอาหารให้ตั้งแต่แรก ตามแบบอย่างสตรีที่บอบบางควรทำก็เพราะว่านางจะได้ลอบทดสอบพิษอย่างไรเล่า! ด้วยเพราะเหตุนั้นนางจึงได้ทราบว่ามีอาหารหนึ่งจานที่ไม่ควรเป็นเครื่องเสวยของจักรพรรดิ เพราะอาหารนั่นปนด้วยยาพิษจนเข็มของนางเปลี่ยนเป็นสีดำ
และนางก็รับมือกับยาพิษนั่นได้ดีอยู่ทีเดียว รู้แล้วว่าอย่างไรหากนางไม่โดน เจ้าลูกเต่าเซ่อซ่าและโง่งมก็ต้องโดน เช่นนั้นนางก็ขอรับมันไว้เองและให้เจ้าลูกเต่านั้นเป็นเดือดเป็นร้อนและนับว่านี่คือบุญคุณที่นางช่วยชีวิตเขาไว้ ต่อไปนางจะได้ไม่ต้องหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่เพียงลำพัง
แต่ก็มีบางอย่างที่ผิดคาดไว้เช่นกัน โชคดีอีกอย่างหนึ่งที่นางมียาถอนพิษเล็กๆ น้อยที่ปนมากับอาหาร ความจริงยาถอนพิษนี้มีติดตำหนักเหลียนฮวาจำนวนมากเชียวล่ะ คงเพราะเสวี่ยเหมยคนเก่าอาจจะโดนมาเยอะจนต้องหาทางป้องกัน แต่สุดท้ายนางก็ทนไม่ไว้จนต้องจำใจลาโลกไป แต่ครั้งนี้ต่างกันที่นางสั่งให้เสี่ยวหลินนำขนมเฉียวกั่วออกมาพร้อมกับน้ำชาที่นางสั่งให้ใส่ยาถอนพิษไว้ในนั้นอย่างเสร็จสรรพ เพราะกันว่านางจะตายจริงๆ อีกรอบ แม้ยานั้นไม่ได้ถอนพิษได้ทุกชนิด หรือถอนพิษที่นางรับได้โดยตรง แต่กันไว้สักนิดสักหน่อยก็น่าจะช่วยนางไว้ได้บ้าง ทั้งยังป้องกันเจ้าลูกเต่าที่นางจะใช้เป็นโล่กำบังเช่นกัน หากเจ้าโง่เง่านั่นตายขึ้นมา นางยิ่งไร้ค่าหนักกว่าเก่าจนถูกฆ่าทิ้งอีกเป็นแน่
แต่กระนั้นยาถอนพิษอาจจะช่วยนางได้ไม่ทั้งหมดตามที่คาดไว้ ร่างกายที่บอบบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเจอพิษเข้าอีกหนก็เหมือนโดนกระตุ้นอย่างที่หมอหลวงกล่าว ร่างที่บอบบางนี้จึงหนาวสั่นทั้งยังอ่อนล้าในเวลาที่สำคัญ! น่าเสียดายชะมัด หากนางไม่โดนยาพิษปณิธานอันแน่วแน่ก่อนตายก็คงจะสมหวังไปเสียแล้ว คิดแล้วมันน่านัก! แต่ก็เอาเถิด นางทนฟังความเกรี้ยวกราดของเจ้าลูกเต่านางก็พอใจมากแล้ว คราวนี้นางหงส์ที่ถูกขังอยู่ในตำหนักจะได้สยายปีกข้างมังกรเสียที!
จักรพรรดิ์ได้หนี้ก้อนใหญ่เลยทีเดียว 55555
เป็นหญิงที่อยู่สูงสุดในวัง มันก็ต้องกล้าได้กล้าเสียแบบนี้แหละ ถ้างั้นอำนาจจะอยู่ในมือได้ไง? จริงมั้ย? อาเหมยแม่ง ฟื้นมาไม่ถึงวันนี่ทำเจ้าลูกเต่าจำไม่ลืมไปแล้วมั้ง 5555
ปลามียาพิษไม่กินก็สิ้นเรื่องมั้ย ก็บอกเจิ้นไปสิเค้าก็ไม่กินแล้ว
หาข้อแก้ตัวไปงั้น คงอยากตายมากกว่า
ไรท์คะพระเอกนางเอกแต่งงานเกือบปี ไม่เคยเจอกันเลยหลอคะ ยังไงก็ต้องมีออกงานร่วมกันบ้างแหละค่ะ
อ่านตรง “สรงน้ำ” กับ “ลงอ่าง” แล้วขำอ่ะ จะบอกว่าใครเขาใช้คำว่าสรงน้ำกัน ยังกับสรงน้ำพระ ส่วนลงอ่าง ที่นี่คืออาบอบนวดเหรอคะ กรุณาหาคำที่เหมาะสมกว่านี้เถอะค่ะ …ไม่ไหวอ่ะ เจอบ่อย ๆ เข้าอาจจะพาลไม่อยากอ่านต่อได้นะ ^^
แหม๋ ร้ายการมากจริง ๆ นะคุณเมียใหม่เนี่ย 555 เอ๊า หรือใครจะเถียงว่าเป็นเมียเก่า เพราะคนเก่าน่ะ ตายไปแล้วเด้อค่ะเด้อ
นางเอกขำๆโก๊ะๆดีค่ะ
คือแบบว่าโดนยาพิษเยอะขนาดนั่นแล้วไม่ตายร่างกายหน้าจะสร้างภูมคุมกันพิษได้แล้วนะ
อ่าน้องฉลาดนาจา
บอกได้คำเดียวว่าอด