บอกข้าหน่อย ฮองเฮา นี่ใช่เมียหลวงไหม!?
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ผู้แต่ง : 郭玉 / กัวอวี้
My.iD :
https://my.dek-d.com/ciel22/writer/
ตอนที่ 18 : บทที่ ๑๔ :: สี่ทิวา สามราตรี มิอาจหักห้าม (1)
‘หน้าที่ของหม่อมฉันคือทดแทนคุณบิดา หากนี่คือการทดแทนคุณบิดาหม่อมฉันก็ยินดี หากแต่ฝ่าบาทเปิดผ้าคลุมหน้านี้ อย่างไรเสียหม่อมฉันก็ไม่ยินยอมฝ่าบาท ชายหญิงสมรสกันทั้งๆ ที่ไม่มีความรัก หม่อมฉันไม่เห็นด้วย...’
‘…เป็นปกติของสตรีในวังหลัง มีใครบ้างที่มีความรัก ทุกคนล้วนไม่มีรักมอบให้ใครทั้งนั้น หากแต่ต้องอยู่ในวังหลังไปจนตราบสิ้นชีวิต ไม่ชีวิตของพวกนาง ก็ตราบเท่าชีวิตของเจิ้น เจ้าไม่เห็นด้วย ใช่ว่าจะปฏิเสธได้หรือทัดทานได้’
‘ข้ายอมตายดีกว่าร่วมหอกับฝ่าบาท...’
‘เช่นนั้น... ก็ตามแต่ใจของเจ้าเถิด ก็ขอให้สมหวังอย่างที่ต้องการ’
ภาพที่ฉายซ้ำไปมาในหัวของอาเหมยราวกับไม่มีวันจบสิ้น ร่างของสตรีในอาภรณ์สีสดเอ่ยกับองค์จักรพรรดิอย่างไม่เกรงกลัว แม้พระองค์จะพยายามเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง นางยังคงเบี่ยงตัวหลบ... ทั้งยังกล่าวว่ายอมตายดีกว่าร่วมหอ...
นี่มันอะไรกัน...
เหตุที่นางต้องโดดเดี่ยวในตำหนักตั้งแต่เข้าวังมาเพราะแม่นางเสวี่ยเหมยทำตนเองอย่างนั้นนะหรือ ภายในใจของสตรีผู้นี้ไม่ได้รักบุรุษผู้นั้นเลยหรือ แล้วเหตุใด... เหตุใดหัวใจไม่ภักดีของนางถึงได้เต้นราวกับทานทนไม่ไหวเวลาอยู่ใกล้หวงเฟิงหยาง หากนางไม่ได้รัก เพราะเหตุใดกัน...
แต่นั่นไม่เท่ากับสตรีนางนี้ยอมตาย... ยอมตายดีกว่าร่วมหอกับองค์จักรพรรดิ หากเป็นเช่นนั้น การตายของนางอาจเป็นความเต็มใจที่จะตาย และหนีหายไปจากหวงเฟิงหยาง
แล้วสุดท้ายเรื่องนี้ใครกันเล่าที่น่าสงสาร หากเรื่องเป็นเช่นนี้...
หากแต่บางเรื่อง อาเหมยก็ได้เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วว่าเหตุใดสตรีที่นางคิดว่าถูกปล่อยทิ้งไว้ในเหลียนฮวากงถึงได้โดดเดี่ยวเพียงลำพัง เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเวลานางพูดถึงกระทบกระทั่งถึงเรื่องนี้กับองค์จักรพรรดิ บุรุษผู้นั้นถึงได้บึ้งตึงและขรึมลงถนัดตา
เข้าใจแล้ว... นางเข้าใจแล้วด้วยภาพสุดท้ายของบุรุษที่กระฟัดกระเฟียดออกจากห้องหอในคืนส่งตัวถึงไม่เคยแยแสสตรีที่ชื่อเสวี่ยเหมยอีกเลย...
หากแต่ภาพทรงจำที่หมุนไปเวียนมาจนน่าปวดหัว กลับมีบางอย่างที่น่ารำคาญใจผลุดขึ้นมาในความรู้สึก...
ความคันยุบที่ปลายเท้า ราวกับมีอะไรบางสิ่งมาสัมผัสอย่างแผ่วเบา ทั้งยังเคลื่อนย้ายผ่านมาผ่านไป จากเท้าข้างซ้ายไปข้างขวาอย่างน่าหงุดหงิดใจ จนสุดท้ายสตรีที่เต็มไปด้วยความรำคาญก็สะบัดเท้าดีดข้าเพื่อคลายความน่ารำคาญใจที่มาก่อกวน และเหมือนจะได้ผล หากแต่มีเสียงหนึ่งดังตามขึ้นมา
ตุ๊บ! ...
อาเหมยที่ยังคงนอนหลับตาอยู่ได้แต่ขมวดคิ้ว หากแต่ยังไม่ลืมตา... แต่ความรำคาญใจที่ว่าก็ก่อกวนนางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ที่ฝ่าเท้า หากแต่เป็นที่ใบหน้าของนางเอง...
“ฮะ...ฮัดชิ้ว!” และแล้วสตรีที่หลับใหลมาหลายราตรี ก็ตื่นขึ้นภายในพริบตา ก่อนจะเจอเจ้าตัวการ ที่เป็นเพียงขนนก!
อาเหมยเบิกตากว้างเมื่อตื่นขึ้นมาพบกับความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ไม่ใช่ขนนกตรงใบหน้า หากแต่บุรุษที่ยืนยิ้ม ในมือจับขนนกต่างหากเล่า!
“ตี๋!”
ร่างบางดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนลืมเสียสนิทว่าตนเองเคยเจ็บเคยปวดมาก่อน แต่เหมือนจะลืมได้ไม่นานเมื่อก้าวเท้าลงจากเตียงนอน ร่างอรชรล้มฟุบลงไปที่พื้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“เหนียงเหนียง!” เสียงที่คุ้นหู กับร่างของเด็กสาวที่รับใช้นางในตำหนักเหลียนฮวากงรีบมาประคองนางไว้อย่างรวดเร็ว แต่นั้นก็ยังไม่เร็วเท่าใจของนาง เมื่อบุรุษตรงหน้าคือตี๋น้อยของนาง! ลูกชายแปะเหลียงที่ขายเกาลัดอย่างไรเล่า!
ร่างอรชรที่ถูกพยุงขึ้นเดิน พยุงร่างตัวเองไปหาบุรุษที่นางคุ้นหน้า ฝ่ามือทั้งสองประกบใบหน้าที่นางคุ้นเคย เว้นเสียแต่เสียงของเสี่ยวหลินก็ร้องขึ้นเสียนางต้องละสายตาที่กำลังพิจารณาบุรุษที่นางคุ้นเคยไปยังเจ้านางกำนัลน้อยที่หน้าตาตื่นราวกับนางไปเผาตำหนักใครเข้า
“ไม่ได้เพคะเหนียงเหนียง จะแตะตัว ‘ต้าอ๋อง’ เช่นนั้นไม่ได้นะเพคะ”
ต้าอ๋อง...!? ต้าอ๋องไหน นี่มันตี๋น้อยของนางชัดๆ พลางจับใบหน้าพินิจซ้ายขวาไปมา และก็ได้คำตอบเดิมๆ ... ว่านี่คือตี๋น้อยของนาง แต่! คนเรามันจะข้ามเวลามาง่ายๆ ขนาดนี้เลยหรือยังไง!
พลางคิดได้ดังนั้นมือที่ประกบใบหน้าของบุรุษที่ยังคงยืนยิ้มแป้นก็ได้แต่ชะงัก และถอนมือกลับ
“ขออภัยแทนเหนียงเหนียงด้วยเพคะต้าอ๋อง”
นางกำนัลน้อยของนางย่อกายขออภัยชายที่นางล่วงเกินไปเมื่อครู่ตัวสั่น หากแต่คนที่สั่นยิ่งกว่าคือนาง!
บัดซบ! นี่เจ้าทำอะไรลงไปอาเหมย!
แค่คิดว่าเจอคนรู้จัก ก็ปรี่เข้าไปหาเขาอย่างนั้นเลยหรือ! ว่าแต่...
“ต้าอ๋องมาอยู่ในเหลียนฮวากงได้อย่างไร?”
“เหนียงเหนียงเพคะ ดูให้ถี่ถ้วนก่อนเถิดเพคะ”
น้ำเสียงที่พูดราวกับปวดหัวเสียเหลือเกินเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะได้สังเกตรอบๆ อย่างที่เสี่ยวหลินว่า ก่อนจะตกใจอีกคราเมื่อพบว่าที่นี่ไม่ใช่เหลียนฮวากง!
หน้าแตกยับเป็นผงทรายแล้วกระมังอาเหมย!
“ที่นี่วังตี้ชุนเพคะ มิใช่วังหลวง”
หา!? ไม่ใช่วังหลวง แล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ตะวันก็โผล่พ้นขอบฟ้าแล้วหากไม่เข้าวังไม่เป็นเรื่องรึ! แต่เจ้านางกำนัลน้อยของนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรล่ะ!
“เสี่ยวหลินเล่ามาให้หมด เกิดอะไรขึ้นกับข้า!”
น้ำเสียงดุดัน หากแต่ความสนใจกลับต้องไปอยู่กับบุรุษผู้เป็นต้าอ๋องแทน เมื่อชายที่เอาแต่ยืนนิ่งมานาน กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปราวกับเด็กน้อยๆ พร้อมทั้งขนนกในมือ...
อาเหมยมองตามบุรุษผู้เป็นต้าอ๋องอย่างสงสัย... หากแต่สำนักการข่าวของนางยังคงทำงานอย่างแข่งขัน เพียงแค่นางทำหน้าสงสัย เสี่ยวหลินก็รายงานนางอย่างทันท่วงที
“ต้าอ๋องเป็นพระเชษฐาของฝ่าบาทเพคะ หากแต่พูดไม่ได้ ซ้ำยังมีกิริยาเหมือนเด็กฮ่องเต้องค์ก่อน จึงรับสั่งให้ออกจากวังตั้งแต่ชันษา 15 ปี และไม่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ ทั้งๆ ที่เป็นพระราชโอรสองค์แรก ตำแหน่งไท่จื่อจึงตกเป็นของฝ่าบาท”
อ๋อ... เช่นนั้นก็แค่หน้าเหมือนตี๋น้อยของนาง มิใช่ตี๋น้อยของนาง...
ซับซ้อนและน่าสับสนนัก หากแต่เรื่องนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่นางมาอยู่ที่นี่! จึงต้องละความสนใจในตัวต้าอ๋องและตี๋น้อยของนางทิ้ง และสนเรื่องของตนเองแทน!
“ว่าแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!”
แล้วมหากาพย์ชีวิตสุดแสนจะรัดทนของนางก็เริ่มขึ้น พร้อมกับความทรงจำสุดท้าย ที่มีใบหน้าของหมอร่างท้วมคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยนางและองค์จักรพรรดิที่จับมือของนางไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบและหายไป...
เรื่องต่อจากนั้นมันก็มีอยู่ว่า หวงเฟิงหยางพานางมาอยู่ที่วังตี้ชุน เพราะอาการนางยังไม่น่าไว้ใจ ซ้ำไม่อยากพาเข้าวังหลวงเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งการลอบออกมากลางดึกอาจจะถูกเปิดเผยได้ ซึ่งไม่เป็นการดีกับนางและองค์จักรพรรดิ นางเลยมาอยู่ที่นี่ ที่วังของต้าอ๋อง และโอรสสวรรค์ผู้นั้นก็จัดแจงพานางกำนัลคนสนิทของนางมาคอยรับใช้ดูแล และหลอกคนทั้งตำหนักว่านางไม่สายไม่ต้องการพบใครนอกจากเสี่ยวหลิน...
แหม่เล่นงิ้วได้เก่งเสียเหลือเกิน...
และนางหลับใหลไปสามราตรี... หลับเสียเจ้านางกำนัลน้อยกังวลว่านางจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก ซึ่งก็มีความเป็นไปได้หากไม่มีใครมารังควานใจ ป่านนี้นางคงได้ดูหนังม้วนเก่าที่ฉายซ้ำไปมาในหัวอีกหลายต่อหลายรอบอย่างไม่รู้จบ นับว่าเป็นต้าอ๋องที่ดึงนางกลับมาจากโลกแห่งความฝันที่น่าไม่ชอบเอาเสียเลย
“แล้ว...ฝ่าบาท...”
“เสด็จมาหาทุกวันเพคะ หลังว่าราชการ หรือเสร็จจากราชกิจต่างๆ ก็จะรีบลอบออกจากวังมาหาเหนียงเหนียง”
ลอบออกจากวังมาหา... นี่ก็คงปั้นเรื่องหลอกข้าราชบริพาลว่าไม่อยากพบใคร เช่นเรื่องที่พระองค์แต่งขึ้นให้นางกระมัง ว่าป่วยติดเตียง นอนเป็นผักอยู่ในตำหนัก
เล่นงิ้วเก่งราวกับเป็นเจ้าของโรงงิ้วเสียเหลือเกิน!
Talk ยาวๆ
มาทีล่ะประเด็น
๑. ฮ่องเต้รักใคร? >>> อันนี้ไรท์ว่าชัดเจนอยู่นะ 555 ถ้าเขารักจริง เขาคงไม่เอามาเป็นหมากการเมืองหรอก (หรือเปล่า!?) แต่มันก็มีเหตุผลแหละ แต่ก็ต้องขอเวลาก่อน (ขอเวลาไรท์เขียนก่อนนน)
๒. อาเหมย>>> อาเหมยยังอยู่! อาเหมยยังไม่ไปไหนในตอนนี้ และอีกหลายๆตอนต่อไป
๓. หมอคือใคร >>> คือกุญแจของฝ่าบาท ส่วน 'ต้าอ๋อง' คือกุญแจของอาเหมย
๔. ดราม่ามีไหม >>>> มีนิดหน่อย หากเทียบกับความบ้าและไบโพล่าร์ที่ผ่านมาแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้น ก็เรียกได้ว่าน้อย แต่อาจจะเข้มหน่อยก็เท่านั้น
๕. จบดีไหม >>> ณ ตอนนี้ในใจของไรท์คือดี..
ข่าวร้ายคือ
1. ไรท์มีโปรเจกต์ต้องส่งอาจารย์ภายในเดือนนี้
2. เดือนหน้าไรท์สอบ
3.ถ้าหายไปก็โปรดจงรับรู้ไว้ ว่ากิจที่ไรท์ได้ร่ายมานั้นพันแข็งพันขาไรท์อยู่ ไม่ได้ตั้งใจดองหรือหนีหาย
คอมเม้นกันได้จ้า ยังไงก็ได้ไม่ว่ากัน แต่สุดท้ายแล้วไรท์ก็ขอเขียนทุกอย่างตามที่ไรท์คิดและวางไว้เนอะ สุดท้ายนี้หากสงสัยอะไร ทักทวิตเตอร์มาก็ได้จ้ะ
ทวิตเตอร์ :: @AmPolymer
บางเรื่องที่คอมเม้นกันมาก็อยากจะอธิบาย แต่จะให้อธิบายในนี้ก็คงไม่ไหว 555 ตามเอาในทวิตจะเร็วกว่าเน้อ ไรท์เขียนทิ้งๆไว้อยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้
หล่อนนน ถีบบบบ นะโว้ยยย แล้วไอขนนกนั้นน ปัดเท้ามาปัดหน้าต่อนะะะ
ขอบคุณค่ะ
สนุก รออ่านตอนต่อไป