คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1.1a - วันที่เลวร้ายที่สุด (1)
ในโลกแห่งความเป็นจริง
ตัวตนของเอคฮาร์ตลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วถอดเครื่องเกมที่สวมศีรษะอยู่ออก เผยให้เห็นว่าตัวจริงของผู้เล่นชื่อดังที่สุดคนหนึ่งของเกมไกอาออนไลน์นั้น ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มม.ปลายธรรมดาที่มีสายตาจริงจังกับชีวิตมากกว่าคนวัยเดียวกันไปสักหน่อยเท่านั้นเอง
เอกรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยเนื่องจากออกจากเกมในช่วงหลับลึก จึงเหมือนถูกบังคับให้ตื่นทั้งที่กำลังหลับสนิท เขาเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างหมอนมาดูเวลา
[04:30]
แม้จะเป็นเวลาที่ทุกคนควรจะกำลังพักผ่อน แต่เอกก็รู้สึกว่าตนไม่ง่วงแล้ว เนื่องจากเครื่องเกมเสมือนจริงทำให้สมองได้พักผ่อนเต็มที่ภายในเวลาเพียงสองชั่วโมง ตัวเขาในตอนนี้จึงเหมือนคนที่เข้านอนเร็วแล้วตื่นขึ้นมากลางดึก
แต่ขณะที่กำลังคิดว่าจะทำอะไรดี โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นพร้อมกับที่หน้าจอแสดงชื่อคนโทรเข้า
[วิน]
เอกกดรับสายแล้วชิงว่าก่อนทันที
“โดนขอให้มาช่วยง้อรึไง”
“เปล่าซะหน่อย แค่จะโทรมาบอกว่าอยากให้แกเห็นหน้าพวกนั้นตอนที่แกล็อกเอาท์ออกไปจังว่ะ ขำสุดยอดเลยล่ะ”
“ขำไม่ออกหรอก เห็นมาจนเบื่อแล้ว”
“แปลว่าครั้งนี้ก็จะเลิกเหมือนเดิมเรอะ”
“...อืม...” เอกว่าแล้วก็ทิ้งหลังลงบนเตียงยกแขนก่ายหน้าผาก “จริง”
“งั้นชั้นก็เลิกด้วยละกัน”
“เฮ่ย แกไม่จำเป็นต้องเลิกตามชั้นนี่ วิน” เอกรีบปรามเพื่อนเนื่องจากรู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะได้ไอเทมระดับตำนานครบเซ็ตมาได้ไม่ถึงอาทิตย์
“บ้าเรอะ ก็แกออกจากกิลด์แล้ว ขืนชั้นอยู่ต่อพวกนั้นก็ต้องหันมาพึ่งทางนี้แทนสิ” วินว่าทีเล่นทีจริง “แล้วชั้นก็เคยบอกแกไว้แล้วไง ว่าไม่ว่าจะเล่นเกมอะไร ถ้าแกเลิก ชั้นก็จะเลิกด้วย”
“...ไอ้วิน... พูดแบบนี้ชั้นขนลุกนะเว้ยเฮ้ย...”
วินหัวเราะทันที “ไม่ใช่แบบน้าน แค่ชั้นชอบดูเวลาแกวางแผนอะไรๆ เพราะมันสนุกดี แค่นั้นล่ะเพื่อน”
“ว่าแต่หัวกิลด์ที่ใหญ่ที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ลาออกแบบนี้ พรุ่งนี้คงได้มีกระทู้ดราม่าเต็มเว็บบอร์ด หรือดีไม่มีอาจจะลงปกหนังสือเกมอีกก็ได้นะเนี่ย” หนุ่มอารมณ์ดีว่าติดตลก
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก ก็คงเป็นประเด็นซักพักเดี๋ยวก็ลืมกันไปเองนั่นล่ะ แป๊บเดียวก็มีคนอื่นดังแทนแล้ว” เอกตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“นั่นสินะ ไม่เข้าไปเล่นไม่กี่วันก็โดนคนอื่นตามทัน ยิ่งหลังๆ เจอพวกลัคกี้โอเวอร์เข้าเกมมาได้วันสองวันเลเวลกระฉูดแทบทุกเกม” วินเสริม
“หึ... เวลาได้ข่าวพวกดวงดี แบบจู่ๆ ก็ฟลุ๊คฆ่าบอสได้ง่ายๆ หรือเอะอะก็เจอของเทพ หรืออันล็อคได้อาชีพแปลกๆ ที่ชาวบ้านเขาไม่เคยได้กันโดยแทบไม่ต้องลงแรงอะไรเลยเนี่ยมันก็น่าเซ็งนะ” เอกแค่นเสียง “ไม่รู้ว่าวางระบบเกมกันยังไง ปล่อยให้คนเล่นเทพขึ้นมาได้จากบั๊กแปลกๆ กันอยู่ได้ แถมไม่คิดจะแบนอีก มาตรฐานห่วยชะมัด”
หลังจากนั้นเอกก็ร่ายยาวไปถึงเรื่องความบกพร่องทั้งหลายแหล่ในเกมต่างๆ ที่ผ่านมาที่ปล่อยให้ผู้เล่นคนสองคนเกิดฟลุ๊คจนเก่งระเบิดระเบ้ออยู่คนเดียวอย่างที่เรียกว่า 'อิมบาลานซ์' ส่วนวินก็จะคอยเป็นผู้ฟังที่ดีเช่นนี้ทุกครั้ง
“...พอมีไอ้พวกจอมฟลุ๊กแบบนี้เยอะๆ ไอ้คนเล่นธรรมดาที่ดวงไม่ถึงอย่างพวกเราก็ถูกกดดันให้เล่นหามรุ่งหามค่ำกันเพื่อจะได้ตามให้ทัน สุดท้ายก็เครียดแย่งของกันจนเกิดดราม่าแบบนี้ทุกที...”
จนเมื่อเอกระบายจบ วินถึงเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง
“แล้วต่อไปจะเล่นเกมอะไรดี พอดีตอนนี้เตี่ยชั้นเพิ่งซื้อเกมมาใหม่ จะลองดูหน่อยมั้ยล่ะ” วินหมายถึงบริษัทโทรคมนาคมอันดับหนึ่งของประเทศที่พ่อของตนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่
“ถ้าหมายถึงไอ้นิวเอจออนไลน์นั่นก็ไม่ล่ะ ยังไงคนทำก็ทีมเดียวกับเกมที่เราเพิ่งเลิกเล่นไปไม่ใช่เรอะ แถมทำมารองรับคนที่เบื่อเกมเก่า ยังไงก็คงไม่พ้นระบบเดิมๆ แค่เปลี่ยนเปลือก”
“เออ... เอาเถอะไอ้จอมเรื่องมาก ถ้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเล่นเกมอะไรก็บอกมาแล้วกัน ชั้นจะไปงีบต่อละ แล้วเจอกันที่โรงเรียน” วินตัดบทอย่างขำๆ
“เออ ขอบใจที่ฟังชั้นบ่นซะยาวว่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็รู้ว่าแกอยากบ่นนั่นล่ะเลยโทรหา” วินทิ้งท้ายแล้วก็รีบวางสายทันทีก่อนที่เอกจะทันได้เอ่ยปากด่า
“...ไอ้บ้านี่... เมื่อไหร่จะเลิกเล่นมุขสยองแบบนี้ซะที...”
เอกโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ทว่าหลังจากวางหัวหนุนหมอนพยายามจะข่มตาหลับอยู่พักหนึ่งก็ทำไม่สำเร็จ จึงตัดใจลุกไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
แต่เดิมเอกก็เคยคิดเหมือนคนทั่วๆ ไปทุกคนที่เริ่มเล่นเกม คืออยากที่จะเป็นในสิ่งเคยใฝ่ฝันและสร้างตำนานของตนเอง แต่ครั้นเมื่อเล่นเกมไปนานๆ เข้า เขาก็เริ่มรู้สึกว่าความฝันเหล่านั้นไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อต้องตื่นขึ้นมาเผชิญกับการเรียนและการสอบทำคะแนน เพื่อจะได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ และเปิดโอกาสสู่หน้าที่การงานที่ดีในอนาคต
และยิ่งเมื่อต้องเรียนหนักขึ้น ปัจจุบันเอกจึงเล่นเกมเพียงเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนในแต่ละวันเท่านั้น ดังนั้นเมื่อการเล่นเกมทำให้เกิดความเครียดเสียเอง เขาก็คิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะเล่นมันต่อไปอีก
จริงๆ แล้วเอกก็ตั้งใจจะเลิกเล่นเกมล่าสุดนี้อยู่นานแล้ว และหวังจะให้เหตุการณ์ในวันนี้เป็นการลาจากเกมที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเจอปัญหาระหว่างผู้เล่นอย่างที่เกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกเซ็งจนเหลืออด แทนที่จะได้ประกาศผู้สืบทอดตำแหน่งอย่างที่ตั้งใจ จึงกลายเป็นการยุบกิลด์ปิดตำนานไปเสียอย่างนั้น
ทว่าเอกก็ไม่อาจจะตัดใจเลิกเล่นเกมออนไลน์อย่างถาวรได้ ทุกครั้งที่เลิกเล่นเกมหนึ่งเขาก็จะย้ายไปเล่นเกมใหม่แล้วก็มักจะต้องเลิกเล่นด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันเช่นนี้อยู่ร่ำไป แน่นอนว่าเอกพยายามจะบอกตัวเองว่าให้เข็ดเสียที พอเสียที แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำไม่ได้ ราวกับว่าเกมออนไลน์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเขาไปเสียแล้ว
และครั้งนี้ก็เช่นกัน
เอกนั่งดูรายชื่อเกมออนไลน์ที่เพิ่งเปิดตัวและเช็คอีเมลที่บริษัทเกมส่งมา เนื่องจากทุกๆ เดือนมีเกมออนไลน์เกิดใหม่มากมายพอๆ กับที่ล้มหายตายจากไป และเพราะเอกเคยเป็นผู้เล่นชื่อดังในหลายเกมมาก่อน จึงมักจะได้รับเมล์เชิญชวนให้เข้าทดลองเล่นเกมเปิดใหม่อยู่เสมอ
เอกเลือกตอบรับอีเมลเชิญชวนไปทุกฉบับอย่างเร็วๆ เพราะเขารู้ดีว่าจะอย่างไรก็ต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเกมนั้นๆ ด้วยตนเองดูก่อน ทั้งจากเว็บรีวิวต่างๆ รวมไปถึงคอมมูนิตี้เว็บบอร์ดของผู้เล่นเกมออนไลน์ แต่กระนั้นกว่าจะตอบเมล์เสร็จก็ถึงเวลาฟ้าสางพอดี
อากาศช่วงปลายธันวาในปีนี้ค่อนข้างเย็น หรือท่าจะพูดให้ถูกคงถึงขั้นหนาว หลังจากเอกอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจึงคว้าเสื้อกันหนาวพาดแขนแล้ววิ่งลงไปชั้นล่างของบ้าน ซึ่งแม่ของเขาก็เตรียมอาหารเช้าขึ้นโต๊ะไว้รอเป็นที่เรียบร้อย
“พ่อยังไม่ตื่นเหรอครับ” เอกถามพลางตักโจ๊กหมูเข้าปาก
“มีเคสด่วนออกไปตั้งแต่ตีห้าแน่ะ” แม่ตอบสั้นๆ ขณะกดน้ำร้อนชงเครื่องดื่ม “วันนี้เอกมีสอบอีกใช่ไหม”
“ครับ เหลืออีกสองวัน”
“สบายอยู่แล้วเนอะ” หญิงสาวหันมาวางถ้วยโกโก้ควันฉุยลงตรงหน้าเอกพลางหัวเราะเบาๆ “เย็นนี้พ่อกับแม่ไปงานแต่ง หาอะไรกินเองนะ”
“ครับ”
เอกรับคำสั้นๆ ก่อนจะเร่งกินอาหารจนเสร็จ ครั้นแล้วจึงคว้าเสื้อกันหนาวขึ้นสวมแล้วเดินออกจากบ้าน
“ตาคล้ำเป็นแพนด้าอดนอนมาเลยนะนาย เล่นเกมโต้รุ่งอีกล่ะสิ”
เสียงแซวอย่างร่าเริงของเด็กสาวคนหนึ่งแว่วมาทันทีที่เอกก้าวพ้นประตูรั้ว เมื่อเอกหันไปดูก็พบกับเด็กสาวไว้ผมหางม้าในชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกันเดินออกมาจากบ้านหลังข้างๆ
เด็กสาวมีชื่อว่า ผึ้ง เป็นเพื่อนสนิทกับเอกตั้งแต่ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อเกือบสิบปีก่อน บ้านของผึ้งเปิดเป็นค่ายมวยซึ่งมีสมาชิกมากมาย และพ่อของผึ้งซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เจ้าของค่ายมวยก็สนิทสนมกับพ่อแม่ของเขาอยู่ไม่น้อย ส่วนตัวเอกเองนั้นก็เป็นกระสอบทรายที่ดีของผึ้งมาตั้งแต่เด็กแทนที่จะได้เล่นพ่อแม่ลูกกันเหมือนเด็กๆ คนอื่น
“ถ้าเล่นเกมก็คงไม่โทรมแบบนี้หรอก” เอกตอบเรียบๆ เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าการเล่นเกมด้วยเครื่องแสกนสมองนั้นผู้เล่นจะเล่นเกมในเวลานอน ซึ่งในขณะนั้นสมองจะถูกปรับคลื่นสมองให้อยู่ในสภาวะหลับลึก ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงสามารถตื่นมาในตอนเช้าได้อย่างสดใสเหมือนคนได้นอนมาเต็มอิ่ม
“แต่หน้าอย่างนายไม่มีทางอดนอนเพราะอ่านหนังสือสอบแหงๆ ใช่ไหมล่ะ” ผึ้งย้อนถาม
“ถ้าดูหนังสือทุกวันก็ไม่ต้องอดนอนก่อนสอบอยู่แล้ว พอดีตื่นเช้ามาทำธุระนิดหน่อยน่ะ” เอกว่าลอยๆ โดยไม่ได้หันมองผึ้งซึ่งเหมือนจะโดนแทงใจเข้าอย่างจังจึงเงียบเสียงไปครู่ใหญ่ ขณะที่ทั้งคู่ออกเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าด้วยกันเช่นเดียวกับทุกๆ วัน เนื่องจากบ้านของเอกและผึ้งต้องขึ้นรถไฟฟ้าต่อสองสายและใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงจะถึงโรงเรียนที่อยู่กลางใจเมือง
“เอก ทำไมนายใส่เสื้อกันหนาวซะหนา ไม่ได้หนาวขนาดนั้นซะหน่อย” ผึ้งหาเรื่องคุยอีกครั้งหลังขึ้นมายืนบนขบวนรถ
เอกปรายตามองเด็กสาวที่สูงเกือบเท่าตน ทั้งที่ตัวเขาก็จัดว่าสูงกว่าบรรดาเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายแทบทุกคนในห้องแล้ว หนำซ้ำยังมีท่าทางก๋ากั่นไม่ได้รู้จักวางตัวให้เรียบร้อยมีสง่าราศีเหมือนคุณหนูทั้งหลายในโรงเรียนเดียวกันบ้างเลย และยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนจะมีเธอคนเดียวในขบวนรถที่ไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวอีกต่างหาก
“ที่ประหลาดน่ะเธอนั่นแหละ ไม่รู้จักหนาวบ้างรึไง” เอกถอนหายใจกลุ้มๆ
“ฮู้ย อากาศแค่นี้สบายมาก” ผึ้งเชิดหน้าทำท่าภูมิใจ
“แต่ชั้นเห็น 'ผู้หญิง' คนอื่นเค้าก็ใส่เสื้อกันหนาวออกจากบ้านกันหมดนะ” เอกแอบเน้นเสียงคำหนึ่ง
“นี่! นายแอบด่าว่าชั้นถึกไม่สมเป็นผู้หญิงเหรอยะ!” ผึ้งทำตาขวาง
“เปล่าซะหน่อย เธอพูดเองนะ” เอกเสมองไปทางอื่น ปล่อยให้ผึ้งทำท่าโมโหอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเด็กสาวก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนลง
“นี่ แล้ววันนี้หลังสอบเสร็จนายว่างปะ”
เอกหันมาเลิกคิ้ว ก่อนจะกลอกตาคิดว่าวันนี้ไม่มีเรียนพิเศษตอนเย็น แล้วก็ยังไม่มีเกมจะเล่นด้วย
“ก็ว่างอยู่”
“งั้นติวฟิสิกส์ให้หน่อยดิ”
“อีกแล้วเรอะ...”
“น่าๆ ช่วยหน่อยนะ ช่วงนี้ซ้อมบาสทุกเย็นเลยอะ ใกล้แข่งแล้ว กลับถึงบ้านก็น็อคตลอด ไม่ได้อ่านหนังสือเลยอะ ที่สำคัญป๊าบอกว่าถ้าคราวนี้ได้เกรดดีจะให้รางวัลด้วยอะ”
“...รางวัล... รองเท้าหรือดัมเบลอะไรพวกนี้สินะ...” เอกปรือตาว่าเนือยๆ
“บ้าเหรอ ไอ้พวกนั้นมีเต็มบ้านแล้ว ชั้นอยากได้เครื่องเกมตะหาก”
เอกชะงักไปด้วยความแปลกใจ เนื่องจากไม่เคยเห็นผึ้งสนใจเรื่องเกมมาก่อน แถมยังชอบบ่นเรื่องที่เขาเอาแต่เล่นเกมด้วย ฝ่ายผึ้งเมื่อเห็นเอกทำสีหน้าแปลกๆ จึงรีบอธิบาย
“อย่าทำหน้างั้นสิยะ ก็ชั้นเห็นนายกับวินเอาแต่คุยกันเรื่องเกม เลยอยากรู้มั่งว่ามันสนุกตรงไหน ป๊าเองพอชั้นขอก็ทำหน้าแบบนายเดี๊ยะเลย แล้วก็คงไม่อยากให้ชั้นเล่นเลยตั้งเงื่อนไขมาแบบเนี้ย” ผึ้งว่าแล้วก็ย่นจมูกทำหน้าบู่
เสียงโอเปอเรเตอร์ประกาศชื่อสถานที่ต้องลง เอกจึงมีเวลาคิดขณะเดินออกจากขบวนรถ ระหว่างที่แตะโทรศัพท์มือถือลงบนแผงกั้นผู้โดยสารขาออกแทนบัตรโดยสารรายเดือน เด็กหนุ่มก็คิดไปว่าถ้ามีผึ้งมาเล่นด้วยอีกคน เขากับวินก็สามารถตั้งปาร์ตี้เล็กๆ กันได้โดยไม่ต้องไปยุ่งกับคนอื่นให้มากมาย
“ติวให้ก็ได้ เดี๋ยวไปหาที่บ้านเย็นนี้” เอกตอบออกไปในที่สุด แต่กลับถูกผึ้งท้วงทันที
“ไปบ้านนายดีกว่ามั้ง นายมาบ้านชั้นเดี๋ยวก็โดนป๊าชวนคุยจนไม่ต้องทำอะไรอีก”
...ก็คุยแต่เรื่องเธอนั่นแหละ... มีลูกสาวแก่นกะโหลกแบบนี้เป็นชั้นก็ต้องเป็นห่วง... เอกปรือตาอย่างเอือมระอาอีกครั้ง
“งั้นก็ได้”
“แต๊งกิ้ว”
ผึ้งตอบรับอย่างร่าเริงแล้วจึงก้าวกระโดดลงบันไดเลื่อนไปก่อน ปล่อยให้เอกได้แต่ส่ายหน้ามองตามหลังอย่างอ่อนใจ จากนั้นทั้งคู่จึงเดินออกจากสถานีไปจนใกล้จะถึงหน้าโรงเรียน
“ผึ้ง! เอก!”
เสียงหวานดังแว่วมาจากนักเรียนหญิงที่ก้าวลงมาจากรถจี๊ปสีเขียวพรางซึ่งมีตัวอักษรสีขาวตัวเบ้อเริ่มเขียนว่า 'ใช้ในราชการเท่านั้น' ติดอยู่ข้างประตู ก่อนที่ร่างบางจะวิ่งเข้ามาหาทั้งสอง
“ดีจ้าดาว ทำไมวันนี้ลงรถตรงนี้ล่ะ” ผึ้งยิ้มทักเพื่อนสนิทอย่างแปลกใจ
“...ก็ลงหน้าประตูทีไรมีแต่คนมองน่ะจ้ะ... อายเค้า...” เด็กสาวผู้มาใหม่กระซิบเขินๆ “บอกพ่อว่าจะมาโรงเรียนเองก็ไม่ยอมฟังซักที... แต่โชคดีวันนี้เจอผึ้งกะเอก ดาวเลยได้ข้ออ้างขอพี่ทหารลงตรงนี้”
ดาว เป็นนักเรียนหญิงที่อยู่ห้องเดียวกับเอก ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับผึ้งมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อของทั้งสองเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน ทั้งยังเห่อลูกสาวมากเหมือนกันอีกต่างหาก และเนื่องจากสมัยเด็กดาวมักจะมาเล่นที่บ้านผึ้งอยู่บ่อยๆ จึงมีโอกาสได้รู้จักกับเอกที่อยู่ข้างบ้าน และเป็นเพื่อนสนิทกันมานานเช่นกัน
เอกทักทายดาวก่อนจะออกเดินนำหน้าไปเล็กน้อย ปล่อยให้ผึ้งกับดาวเดินคุยกันมาตามหลัง เนื่องจากไม่ต้องการจะตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนนักเรียนให้มากนัก เพราะดาวเองก็เป็นสาวสวย เรียนเก่ง เรียบร้อย แถมชื่อเสียงวงตระกูลก็ใหญ่โต เพียบพร้อมที่จะเป็นดาวโรงเรียนสมชื่อ ...ส่วนผึ้งซึ่งเป็นนักกีฬาดาวเด่นของโรงเรียน ถึงจะก๋ากั่นไปบ้างแต่หน้าตาก็จัดว่าน่ารักเอาเรื่องอยู่ จึงเป็นที่คลั่งไคล้กันทั้งในหมู่นักเรียนชาย... รวมไปถึงนักเรียนหญิงด้วยกัน... สำหรับเอกที่เมื่ออยู่นอกเกมไม่อยากจะโดดเด่นอะไรเลยจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยเมื่อต้องอยู่ใกล้สองสาวที่มักจะแสดงออกด้วยท่าทีสนิทสนม
และเมื่อถึงโรงเรียนเขาก็ต้องตกเป็นเป้าสายตาดังคาด เอกแทบไม่อยากจินตนาการเลยว่าจะมีข่าวลืออะไรเกิดขึ้นกับตนบ้าง แต่สำหรับสองสาวคงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลมากนัก เพราะอย่างดาวก็คงไม่มีใครกล้านินทาเธอซึ่งมีแฟนคลับกว่าครึ่งโรงเรียนอยู่แล้ว ส่วนผึ้งเองก็คงไม่มีใครกล้านินทาให้เธอได้ยิน... ความซวยจึงตกอยู่กับเอกที่ต้องตกเป็นเป้าความอาฆาตแค้นของแฟนคลับของทั้งสองสาวแทน...
กระทั่งเมื่อดาวแยกไปกับเพื่อนกรรมการนักเรียนและผึ้งถูกลากตัวไปโดยเพื่อนร่วมทีมบาสฯ นั่นเอง เอกก็ถูกใครบางคนล็อคคอจากด้านหลัง
“ไงครับคุณเอกวัฒน์ วันนี้ควงสาวสวยมาโรงเรียนแต่เช้าเลยนะครับ”
เป็นวินนั่นเองที่เข้ามาหยอกเล่น หนุ่มสวมแว่นจอมทะเล้นกระซิบข้างหูเอกจนเจ้าตัวขนลุกเกรียว
“ไม่ขำนะเว้ยไอ้วิน!” เอกตวาดด้วยถ้อยคำติดปากพลางพยายามแกะแขนของเพื่อนออก วินมักแซวเอกเรื่องสองสาวทุกครั้งที่มีโอกาส
“นายมันโชคดีรู้ไหม ยิ่งถ้าเป็นเกมจีบสาวนี่เพื่อนสมัยเด็กทำอีเวนท์ง่ายกว่าปกติด้วย” หนุ่มแว่นยังคงกระเซ้า
“เออ ไอ้เทพตกหญิง รีบเอาแขนของแกออกไปก่อนที่ชั้นจะมีข่าวลือแปลกๆ เพิ่มขึ้นอีก” เอกว่าแล้วก็ยกแขนของอีกฝ่ายออกจนสำเร็จ ปล่อยให้วินได้แต่ยืนขำที่ได้แกล้งเพื่อนจนหน้าดำหน้าแดงได้สำเร็จ
“แล้วเลือกเกมใหม่ได้รึยัง จะได้เริ่มกันคืนนี้เลย”
“ยัง แล้วคืนนี้ก็คงไม่มีเวลาหา เพราะต้องไปติวให้ยัยผึ้ง”
“โอ้ เริ่มคิดจะทำอีเวนท์แล้วสินะ พยายามเข้าล่ะเพื่อน”
“บอกแล้วไงว่าไม่ขำเว้ย!”
วินยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อ้าว ก็เห็นปกติแกจะทำอะไรให้คนอื่นก็ต้องมีผลตอบแทนสมน้ำสมเนื้อไม่ใช่เรอะ ถ้ากับผึ้งล่ะก็ ชั้นก็คิดได้แต่เรื่องนี้แหละน้า”
“ขอโทษทีนะ ถึงจะเห็นแบบนี้ ชั้นก็ยังเป็นผู้เป็นคนพอจะมีน้ำใจทำอะไรให้เพื่อนได้ว่ะ” เอกว่าติดตลกอย่างไม่ถือสาคำกระแนะกระแหนของอีกฝ่าย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“แต่ถ้ายายผึ้งสอบได้เกรดดีก็อาจจะได้มาเล่นเกมด้วยน่ะนะ ถ้ามีสามคนก็ตั้ง'ตี้ลุยได้เลยใช่มั้ยล่ะ”
หนุ่มแว่นจับคางเลิกคิ้ว
“ก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ถ้าจะลงดัน'เลเวลสูงๆ ก็ต้องไปหาพวกโปรมา'ตี้ด้วยอยู่ดีไม่ใช่เรอะ”
“ไม่เอาแล้ว ขอเล่นสบายๆ บ้างดีกว่า” เอกรีบยกมือโบก นั่นทำให้วินนึกขำ เพราะถึงจะได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ย้ายไปเล่นเกมใหม่ แต่ไม่นานหรอก ด้วยพรสวรรค์ หรือด้วยเสน่ห์ดึงดูดอะไรบางอย่าง ก็มักจะทำให้เจ้าเพื่อนรักมีอันต้องนำกลุ่มไปก่อวีรกรรมจนกลายเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงไปเสียทุกที
ทว่าก่อนที่ทั้งคู่จะได้คุยกันต่อ เสียงเพื่อนนักเรียนกลุ่มหนึ่งก็แว่วมาเข้าหู
“แกรู้ข่าวยังวะ เรื่องที่หัวหน้ากิลด์ EE ยุบกิลด์ทิ้งเมื่อวาน”
“เออ ได้ยินมาเหมือนกัน ทำไปได้ไงวะ โคตรเท่ห์เลย”
“แต่ข้าได้ยินข่าววงในมาเว้ย ว่าไอ้เอคฮาร์ตหัวกิลด์มันฮั้วกับพวกรองไว้ว่าจะยกตำแหน่งให้ถ้าปราบบอสได้ แต่พอได้โคตรแรร์ไอเทม มันกลับยุบกิลด์นี้ เชิดแรร์ไปดื้อๆ ซะงั้น”
“เออ ข้าก็ได้ยินมาว่าไอ้เอคฮาร์ตไรนี่เป็นพวกนักเล่นเกมอาชีพใช่ป่าววะ ก็เแหงมเนอะ เลเวลตั้งขนาดนั้นถ้าไม่เป็นเกรียนโนไลฟ์คงทำไม่ได้หรอก นี่คงแม่งเอาแรร์ที่ได้จากบอสไปประมูลขายหมดแล้ว”
“วันนี้ตอนเช้าเห็นกระทู้ที่พวกรองที่เหลือมันออกมาแฉความเชี่ยของไอ้เอคฮาร์ตกับวินเซนต์ด้วยว่ะ ดราม่านี้น่ามันส์โคตร”
วินเบ๊ปากยิ้มๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อหันไปมองเอก อีกฝ่ายก็เพียงหันกลับมาสบตาแล้วก็ยักไหล่ให้เพียงเท่านั้น
.......................................
พักเที่ยงหลังสอบช่วงเช้าเสร็จ เอกกับวินกำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มพลางคุยกันไปที่ม้านั่งหน้าตึกเรียน
“ข้อสอบวันนี้ง่ายนะ ว่ามั้ย” วินว่าขึ้นมาลอยๆ
“อืม”
เอกตอบรับเนือยๆ แต่ท่าทางเหม่อลอยของอีกฝ่ายก็ทำให้วินเดาได้ง่ายดายว่ามีสาเหตุจากเรื่องอะไร
“ไม่เอาน่า อย่าบอกนะว่าแกคิดมากเรื่องนั้น ไม่ใช่ว่าเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกซะหน่อย ตอนเลิกเกมก่อนยังนั่งคุยกันขำๆ อยู่เลยนา”
“แต่คราวนี้มันเซ็งกว่าทุกทีว่ะ ชั้นมาคิดดูแล้วก็ไม่น่าหุนหันขนาดนั้นเลย”
“ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คงต้องบอกว่าเห็นด้วยว่ะ ลำพังโยนแรร์ทิ้งก็พอว่า แต่แกดันมือบอนไปยุบกิลด์ด้วยเลยจบไม่สวย ป่านนี้คงโดนพวกนั้นเผาเละเทะไปถึงไหนต่อไหน” วินว่าอย่างนั้นแต่ก็ยังหัวเราะออกมาเบาๆ
แม้ถ้อยคำจะดูเหมือนซ้ำเติม แต่เอกก็รู้ว่านี่เป็นวิธีปลอบใจสไตล์ของวินที่เป็นคนตรงไปตรงมาขัดกับภาพลักษณ์ภายนอก
ที่ดูเหลาะแหละ และหลายครั้งเพราะคำของวินนี่เองที่ทำให้เอกฮึดสู้ได้
“เออ... ขอโทษทีว่ะ...”
แต่ครั้งนี้ เอกกลับยังรู้สึกแย่อยู่ดี
เอกแหงนหน้ามองฟ้า คิดด้วยความเหนื่อยหน่ายใจว่าอะไรๆ ก็ไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ เขาเองเพียงนึกแค่อยากสร้างตำนานของตัวเอง แต่กลับต้องมาติดเรื่องผลประโยชน์จนทุกอย่างมันพังทลายไปหมดเสียทุกที สุดท้ายแล้วมิตรภาพในเกมก็ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง เป็นเพียงการร่วมมือกันชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลอิเลคโทรนิคส์เพียงไม่กี่เมกะไบท์เท่านั้นเองไม่ใช่หรือ...
“เอกวัฒน์ใช่ไหม” เสียงราบเรียบของเด็กสาวคนหนึ่งที่เอกไม่คุ้นเคยดังขึ้น เรียกเอกให้หันไปมองต้นเสียง จึงได้เห็นนักเรียนหญิงผมตรงยาวหน้าตาสวยคมแบบสาวเชื้อจีนกำลังมองมาทางตนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“อาจารย์แนะแนวเรียกพบ ไปก่อนสอบคาบบ่ายนะ”
เด็กสาวแปลกหน้าว่าเพียงเท่านั้นก็หันหลังเดินจากไป ปล่อยให้เอคมองเรือนผมสีดำขลับที่ยาวถึงกลางหลังนั้นด้วยความรู้สึกตรึงใจอย่างประหลาด ขณะที่วินเท้าคางมองเพื่อนอีกต่อหนึ่งด้วยรอยยิ้มแฝงนัย
“งานเข้าแล้วล่ะซี้ เจ้าเอกเอ้ย”
========================
SANE's talk: สำหรับผู้อ่านที่อยากเห็นฉากในเกมออนไลน์เยอะๆ ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ เพราะคราวนี้ขอละสายตาจากเกมมาสู่โลกภายนอกเป็นหลัก เนื่องจากเท่าที่อ่านเรื่องแนวออนไลน์มักจะเน้นเหตุการณ์ในเกม พอแต่งเรื่องนี้เลยอยากลองเน้นที่โลกนอกเกมออนไลน์มากกว่าครับ
Cidius's talk: คาแรกเตอร์ดีไซน์ ฝีมือคุณ Blade เช่นเคย (หนุ่มๆ ยังไม่ลงตัวครับ)
ความคิดเห็น