Cr. ขอตีลังกา 135 ° มาจากดอยอินทนนท์ แล้วก้มลงกราม 3-4 ครั้ง อย่างงามๆ
เเละเงยหน้าขึ้นมาตะโกนดังๆว่า 'ขอขอบคุณ บริษัท work point จำกัดมหาชน
และ รายการ the mask singer season 2 เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทจึงขอยืม นามหน้ากากแทนการใช้นามจริงนะคะ และ ขอขอบคุณสหายร่วมชะตากรรม คุณ darkness otakuu มานะที่นี้ด้วย
ขอให้เพลิดเพลินกับการอ่านนิยาย นะคะ
ผู้แต่ง : sadako chimchan
(นิยายเรื่องนี้เเต่งขึ้นมาเพียงเพื่อสนองนี้ดของคนแต่งเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม)
ดีค่าาาทุกคนนน....นี่เป็นนิยายเรื่องเเรกในชีวิต ไรท์ยังไม่มีประสบการ์ณมาก่อน
ภาษาอาจไม่ค่อยสละสลวยเท่าไหร่ สามารถติชมได้นะคะ (ไรท์เพิ่งอยู่ม.1 เอง (TT)
เสียงปืน...เสียงระเบิด....เสียงกรีดร้องโหยหวน......
ช่างเป็นเสียงที่น่าคุ้นเคย......กับสถานที่...ที่ถูกกล่าวนามว่า 'สนามรบ'
ที่ๆจะสงบเพียงก่อนจะเปิดศึก...และพื้นที่นองเลือดเป็นของส่งท้าย.....
ไม่มีอะไรหลงเหลือ.....เว้นเเต่เสียงเพรียกหาของความตาย....
เป็นบทละครที่ให้ตายยังไงก็ไม่อยากประพันธ์ให้เสมือนจริง.....
ณ จุดปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ
กลิ่นแองกอฮอล์ลอยคละคลุ้งไปทั่ว เสียงร้องไห้โหยหวนของผู้กล้าที่กำลังจะตาย อย่าให้พูดถึงจำนวนผู้เสียชีวิตเลย.......เชื่อสิว่านับจำนวนดวงดาวบนท้องฟ้ายังง่ายกว่า............
ภายในเต้นท์จุดรอการรับการรักษา...
ปรากฏร่างกำยำสมชายชาตรี...บุรุษผู้สวมชุดนักรบโบราณแห่งแดนอทิตย์อุทัย นามว่า ซามูไร นั่งนิ่งอยู่บนเตียงขาดๆเก่าๆ..และมีรอยคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่เป็นดวงๆ คาดว่าผู้ใช้งานก่อนหน้านี้คงบาดเจ็บหนัก...หรือไม่...ก็ตายไปแล้ว.....
ส่วนอกของเขาทุกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างแน่นหนาป้องกันแผลติดเชื้อ.....ดวงตาคมก้มลงมองสังขารของตัวเองพลางขบกัดริมฝีปากแน่นอย่างคับแค้นใจ.....อะไรคือการที่เขา..ต้องมาเจ็บตัวเพราะคนที่ไม่รู้จัก....และอะไร..คือการที่เขาต้องมพรากชีวิตนับสิบชีวิตที่ไม่เคยมีอดีตอันเลวร้ายอะไรกับเขาเลย..............แต่จะทำยังไงได้ละ....นอกจากเล่นให้สมบทบาท....เเละรอคำสั่งจากเบื้องบนเท่านั้น....
ดูสิมัวคิดอะไรซะเพลิน ร่างหนาไม่ทันได้สังเกตุถึง ร่างในชุดเกราะสีรัตติกาลขัดมันเงาวับ ที่ส่งสายตาเฉยชามาที่เขาอย่างอดเสียไม่ได้
อะเเฮ่ม....ร่างบางส่งเสียงกระแอมดึงสติร่างสูงกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ร่างหนาสะดุ้งสุดตัวทันที ใบหน้าหันขวับไปตามสัญชาติยาน
สมองคิดประมวลผลว่า คงเป็นนางพยาบาล ที่มาเตรียมเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาตามเคย แต่ผิดคาด
ทันทีที่ภาพตรงหน้าสะท้อนสู่ดวงตา......เขาประมวลผลได้ทันทีว่า .....ชาวตะวันตก....เกราะดำ....ตราสัญลักษณ์ที่ประดับอยู่บนอกแสดงถึงยศระดับ แม่ทัพ....เกราะแบบนั้น ..ดูยังไงก็รู้ว่าเป็นอัศวินอย่างแน่แท้...สรุปผลการประมวล...'ศัตรู!!!'
เขาเด้งตัวยืนขึ้นทันที..
...โดยลืมไปว่า..
...บาดแผลของเขา...
..ยังไม่ปิดสนิท.....
โอ้ยยยย! เสียงตะโกนบ่งบอกถึงความเจ็บเปล่งออกมาอย่างยากที่จะห้ามได้
นั่นไง....ยืนทั้งแบบนั้น....ถ้าแผลไม่ฉีกนับว่าพระเจ้าคุ้มครองนะ ร่างในชุดอัศวินรัตติกาลคิด
สิ้นเสียงครวญคราญร่างสูงตรงหน้าก็ทรุดตัวลงกับเตียงทันที...ยังมิวายยังหวาดระเเวงร่างตรงหน้า
'จะกลัวทำบ้าอะไร'..เสียงนิ่งๆเอ่ยขึ้น'ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอกน่า'
ร่างสูงตรงหน้าถามขึ้นด้วยความไม่ไว้วางใจ.'ต้องการอะไร'...
.....เงียยบไม่มีเสียงตอบรับ
'ข้าถามว่าต้องการอะไร?'ร่างสูงตะคอกใส่ร่างบางหวังให้เขาตกใจ เเต่ไม่...เขายังคงนิ่งเฉย..
'การที่ข้าถูกวานให้มาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เจ้าเพราะพยาบาลและหมอทุกคนกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยใกล้ตาย..นี่..มันใช่เหตุที่จะตะคอกข้ารึ?' เสียงนิ่งๆตอบกลับมา ทำเอาคนตรงหน้าหน้าชาไป 5 วิเลยทีเดียว
'....'เงิบรับประทานสิขอรับรออะไร
'หรือถ้าเจ้าระแวงข้าขนาดนั้น..เจ้าจะทำเองก็ได้นะ..ข้าไปละ' ร่างในชุดเกราะสีทมิฬเอ่ยอย่างไม่สนใจและทำถ้าจะเดินออกไป..หากไม่ติดว่ามือหนาของ ซามูไร เอื้อมมาขว้าขอมือเขาไว้น่ะนะ
'ด..เดี๋ยวสิ....ข้า...ทำเองไม่ได้อะ'ร่างหนาเอ่ยเสียงออ้นหวังจะเพิ่มระดับความน่าเอ็นดู..แต่ในสายตาอีกฝ่าย..............
มันน่าประทับรอยบาทาให้ได้ยลเป็นที่ประจักษ์แก่สายตามากกว่า....
'หึ...นี่เรอะนักรบแห่งแดนแสงสุริยันส่อง...'ร่างบางเอ่ยจิกกัดคนตรงหน้าพลางเตรียมอุปกรณ์ในกล่องยาเพื่อทำงานที่ได้รับการวานขอจากพยายาลคนหนึ่ง ....โดยที่หารู้ไม่ว่า...ร่างหนาข้างหลัง....สติหลุดหายไปเฝ้าพระเจ้าแล้ว
'สัมผัสเมื่อกี้มันอะไรกัน!ความนุ่มนิ่มที่เกิดขึ้นคืออะไรกัน!เป็นไปได้รึที่อัศวินระดับแม่ทัพจะมีมือที่นุ่มและเรียวสวยดั่งมือของอิสตรี ไหนจะแผ่นหลัง และ ทรวดทรงองเอวอันสมส่วน ที่มองจากข้างหลังแล้วราวกับ นางฟ้าลงมาจุติก็มิปาน! โอ้พระเจ้าประทานแม่ของลูกข้ามากลางศึกรึ!' ก่อนที่ต่อมคิดไปเอง(หรืออีกชื่อ ต่อมมโน) จะทำงานไปมากกว่านี้ ร่างตรงหน้าคงจับสังเกตุได้เเล้ว
'ไม่ทอดเสื้อของเจ้าออกรึ' อัศวินถาม
'อะ..อืม' ตอบเสียงตะกุกตะกักอย่างมีพิรุธ
ทันทีที่เสื้อชั้นในสุดถูกทอดออก...แผงอกที่เต็มไปด้วยเนื้อหนังสมชายชาตินักรบ...กล้ามที่ขึ้นเป็นมัดๆนั้น..ช่างน่า........น่าหยิบดาบมาฟันให้รู้แล้วรู้รอด! (ไรท์ :หมั่นไส้ที่หนูไม่มีหรอลูกกกก เเอ้ก!(โดนฆ่า),
มือบางค่อยๆเเกะผ้าก็อซชั้นนอกออกอย่างเบามือ พยายามไม่ให้มือสัมผัสกับรอยแผลของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุดเพราะไม่ต้องการให้เชื้อโรคจากมือของเขาเข้าสู่บาดแผลของอีกฝ่าย ช่างดูเป็นนาทีที่น่ากดดันสำหรับเขา....
แต่เป็นนาทีแห่งความสุขของอีกฝ่ายมากกว่านะ..
'ดูสิคุณผู้อ่าน...ดูออร่าคุณแม่ที่แผ่ออกมาอย่างต่อเนื่องนั่นสิ.....น่าจับ xxx เหลือเกิน...(ไรท์:ใจเยนนน(เอาโซ่มาล่าม)
เผลอแปปเดียวผ้าก็อซผืนใหม่ก็ถูกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว...เเอบเสียดายนิดๆแฮะ...
'หน้าที่ของข้าคงหมดแค่นี้แล้ว..งั้นลาล่ะ" น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นพลางหันหลังเตรียมตัวกลับฐานทัพของตน....แต่..
'เดี๋ยวสิ' เสียงทุ้มเอ่ยรั้งร่างบางไว้
'มีอะไรอีก' เเละเช่นเคยที่เสียงนิ่งๆนั้นตอบกลับมา
'ย ..อยู่ต่ออีกสักพัก..ได้มั้ย...'ถามเสียงแผ่ว..หวังให้ร่างบางเห็นใจ แต่...
'คิดว่าข้าว่างตลอดเวลาเลยรึไง?...พูดอะไรสมองได้ทันประมวลสิ่งที่พูดรึไม่เนี่ย' พูดตอกกลับซะจุกแทน...
'...'เงียบไปพร้อมๆกับน้ำตาที่ตกใน
'..แต่..ถ้าเจ้าจะมา...เต้นท์ของข้าอยู่ห่างจากเจ้าแค่20 ก้าวทางทิศเหนือเอง..'ร่างบางตอบหน้าตาเฉยแต่...หากสังเกตุดีๆคงจะเห็นได้ว่าอีกฝ่ายแก้มแดงนิดๆ เป็นคำตอบที่ทำให้อีกฝ่ายอยากกระโดดโลดเต้นในมโนแลนด์อย่างมีความสุข...หากมันเป็นไปได้นะ
'จริงรึ!งั้นข้า..อ้าว ไปซะแล้ว'พอรู้ตัวอีกทีร่างสีทมิฬก็หายไปแล้ว ปากหนากระตุกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดออกมาว่า
'ออ่ยแล้วก็หนี....แบบนี้น่าสนุกแฮะ'
..........
..........
2 สัปดาห์ผ่านไป....
ทั้งสัปดาห์นี้ก็คงจะเป็นสัปดาห?ที่แสนธรรมดาของหน้ากากอัศวิน.................ธรรมดาบ้านพระบิดาคุณสิ!
อะไรคือการที่ไอ้หน้ากากซามูไร...หรืออะไรสักอย่างนี่เเหละ ตามติดประชิดเขาเสียจน เกรงว่าหากมีคนมาเห็นคงคิดว่าเขามีผีเจ้ากรรมนายเวรติดตามเป็นแน่แท้....ก็ลองดูสิ..ไม่ว่าผมจะทำอะไร..
ยามกิน :ก็มาเกาะประตูคลังเสบียงอย่างกับตุ็กแก =_=
ยามเดินกะเวรยาม : ก็มาเฝ้าซุ่มสะกดรอยตาม..พอเขาหันไป..ก็เเกล้งหมอบลงไปกับพื้นประมานว่า 'เราเป็นศพอย่าสนใจเรา' เนียนตายล่ะไอ้บ้าเอ็ยยย!
ยามอาบน้ำ: คุณผู้อ่าน...ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่....มันก็เเค่มานั่งเฝ้าหน้าบึงที่ทหารส่วนใหญ่ใช้อาบเท่านั้นแหละ อย่าคิดลึกสิ..อย่าคิดลึก
ยามนอน : ก็มานั่งห้อยขาอยู่ตรงต้นไม้ที่ผมใช้กางเต้นท์นอน...บอกตรงๆเห็นทีแรกนึกว่าผี นี่ถ้าผมช็อกตายนะผมจะไปหักคอมันคนแรกเลย!
พอผมลองเอ่ยถามถึงสาเหตุที่เขาทำแบบนี้...เจ้าตัวก็ตอบออกมาหน้าตาเฉยว่า 'กลัวว่าจะถูกฉุดเลยมาเฝ้า'
ผมละอยากจะกรีดร้องออกมาเป็นภาษาอังกฤษ! ผมเป็นผู้ชายนะ! ถึงหมอนั่นจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ..แต่..ไม่รู้ทำไม..เวลาได้อยู่ใกล้ๆกัน..กลับรู้สึกดีแปลกๆ....โอ้ยย!จะบ้าตาย
วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน ผมออกมาเดินตรวจตราฐานทัพโดยรอบ...เดินวนอยู่ตั้งนาน..รู้สึกอยากอู้(?) เลยหาทำเลเหมาะๆนั่งพักสับแปปนึง
ผมเจอที่เหมาะๆแล้ว ให้ต้นสนใหญ่นี่แหละ ต้นสนจูนิเปอร์เติบโตงอกงาม ในชัยภูมิที่เหมาะสม บรรยากาศรอบข้างเย็นสบาย ท้องฟ้าสีฟ้าใสเริ่มเข้มขึ้น คาดว่าอีกไม่นานคงค่ำ เสียงหริ่งๆของจิ้งหรีดและเรไรดังระงมไปทั่ว บรรยากาศแบบนี้หาได้ยากหลังสงคราม
แผ่นหลังเล็กค่อยๆวางแนบลงกับลำต้นของต้นสน ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ราวกับสมองหยุดสั่งการไปพักนึง ร่างบางละความสนใจจากสิ่งรอบข้าง ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนอยู่ข้างหลัง
'อยู่นี่เอง หาตั้งนาน ' เสียงทุ้มของหน้ากากซามูไรดังขึ้น ทำเอาคนตัวเล็กกว่าสะดุ้งเล็กน้อย น่าแปลกที่เขาไม่ได้เคลื่อนตัวหนีอย่างที่เคย
ร่างหนาขยับตัวเข้ามานั่งข้างๆ พลางถือวิสาสะดันหัวของร่างบางให้มาซบกับแผ่นอกของตน น่าแปลกที่คนตัวเล็กไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย
คงเหนื่อยที่จะต่อต้าน...ไม่ก็....เริ่มเปิดใจให้กับคนร่างหนา
อศ:นี่
ซม:อะไร
อศ:ถามอะไรอย่างนึงได้มั้ย
ซม: ว่ามาสิ
อศ:ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับข้าด้วย..(ถามเสียงแผ่ว)
ซม:......
อศ: ข้าไม่ใช่คนที่เจ้าควรจะยุ่งด้วยหรอกนะ....
ซม: นี่...คนอย่างข้าน่ะ....ถ้าไม่จริงจังคงไม่ตามจี้แบบนี้หรอกนะ....
สิ้นคำพูดมือหนาก็ประทับลงบนหน้ากากสีดำมันวาวของอีกฝ่าย ดวงตาภายให้หน้ากากหนา เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ...เเต่เขาไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เส่ห์ของอีกฝ่ายช่างเหมือนมนต์สะกดที่ไม่ว่าจะพยายามซักเท่าไร ก็ไม่อาจหลุดพ้นได้
ผ้าสีดำที่เคยใส่ปกปิดใบหน้าส่วนล่างของตนเอง บัดนี้หลุดลงไปกองกับพื้นดิน เผยให้เห็นริมฝีปากสีพีช น่าสัมผัส
คนร่างหนาค่อยๆเลื่อนศรีษะเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะทาบริมฝีปากของตนเองเข้ากับริมฝีปากของอีกฝ่าย จูบที่บางเบา นุ่มนวล ออ่นโยน
'ข..ขอโทษ! ข้าเผลอตัวไปหน่อย' ทันทีที่ดึงสติได้ ซามูไรก็ รีบข้อโทษขอโพย อีกฝ่ายบางทันที
'ค...คือ...นี่อาจจะดูบ้านะ...แต่...' ร่างหนาเว้นช่วงประโยคเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
'ถ..ถ้ายังไม่สาย....เจ้า....ช่วยคบกับข้าได้มั้ย ' บอกไปแล้ว ...ประโยคที่เขาอยากจะบอกกับร่างบางมานาน เขาบอกไปแล้ว
...เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างบาง หัวใจของชายหนุ่มเริ่มเจ็บปวด ดังมีมีดมากรีดหัวใจก็มิปาน
'ข...ข้าขอโทษนะ ....ม.มันคง...ฮึก..บ้ามากใช่มั้ย..ข้า ..ฮึก ข้าขอโทษนะ' แม้จะพยายามแค่ไหนเขาก็คนไม่อาจอั้นเสียงสะอื้นนี้ได้
พื่บ!?
.....ฉับพลันที่มือของร่างบางกระชากบกเสื้อของเขาเข้าหาตัวเองในระยะ ที่ใกล้เสียจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดซึ่งกันและกัน
มือบางปาดน้ำตาที่เปรอะเปื่อนอยู่บนใบหน้า พลางเอ่ยขึ้นว่า
'จูบเมื่อกี้.......ใครสั่งให้เจ้าหยุดกัน'.. ประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนๆนี้
หัวใจที่เคยเหี่ยวแห้งบัดนี้ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ปากหนาแสยะยิ้ม ก่อนจะตอบกลับว่า
'ตามความประสงค์ขอรับ '
บทเพลงแห่งรักนี้ ยังคงบรรเลงไปเรื่อยๆ โดยมีจันทราและดวงดาวเป็นพยานแห่งรักของทั้งสอง ใครว่าระหว่างสงคราม...จะไม่มีความรักเกิดขึ้น? ไร้สาระสิ้นดี
......
เราจะรอดไปด้วยกัน สัญญานะ
อืม....ข้าสัญญา
.....
....
แต่
.....
เวลาเเห่งความสุข..........
มักจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน
....
ทามกลางพื้นสนามที่นองไปด้วยเลือด กลิ่นคาวน่าอาเจียนลอยคละคลุ้งไปทั่ว
เเขนแกร่งโอบกอดคนรักไว้เเนบอก...สายตาบ่งบอกถึงความเสียใจที่มิอาจบรรยายได้
'ทำไม....ทำไมนายถึงทำแบบนี้ !' ซามูไรพูดพลางก้มมองร่างที่อยู่บนอกของตัวเอง
บนหน้าอกของอัศวิน ...มีรอยแผลขนาดใหญ่อยู่...เลือดสดๆไหลอาบยามเมื่อเปิดปากแผล
ใช่....เขาโดนลูกหลง...แต่...ถ้าหากไม่ใช่เขา ที่เอาตัวไปขวางอีกฝ่ายไว้ คนที่จะโดนฟัน...คงไม่พ้นซามูไรเป็นแน่
ลมหายใจหอบถี่. ..บ่งบอกถึงวาระสุดท้ายที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
'น...นี่....'อัศวินเอื้อมมืออันออ่นแรงเต็มทีของตนเอง ไปเช็ดน้ำตาที่ค้างอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย..พลางยกยิ้ม..
การยิ้มครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำ..
'อย่าร้อง..สิ...'วิสัยทัศน์เริ่มพร่ามัว
'จ..เจ้า' พยายามเอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบาก
'ถึงไม่มี ข้า....จ...เจ้า..ก็ต้อง....รอดไปให้ได้นะ.........แล้วข้า...อึก..จะกลับมา.....ไอ้นักรบแดนตะวันส่อง'
สิ้นคำพูดทุกอย่างก็มืดมิด.... เขาไม่รับรู้ถึงอะไรอีกแล้ว.....
ไม่รับรู้แม้แต่เสียงสะอื้นอาลัยของคนข้างกาย
.......
......
....15 ปีต่อมา....
'แล้วข้าจะกลับมาไอ้นักรบแดนตะวันส่อง'
ไหนบอกว่าจะกลับมา.........ร่างหนาที่บัดนี้อยู่ในชุดยศพันโท นั่งเหม่อลอย อยู่หน้าโต็ะทำงาน
ในมือของเขา ถือจี้เงินเส้นหนึ่ง....จี้ที่อัศวินใส่ประจำ...
หลังจากรอดมาจากที่นั่นได้ เขาได้รับการเลื้อนขั้น ยกย่อง และ เป็นที่นับหน้าถือตาไปทั่วประเทศ
เเต่ทั้งหมดนั้น........ไม่มีค่าเท่ากับการที่เขาคนนั้นกลับมา......
ก็อกๆ เข้ามา..เสียงทุ้มเอ่ย
'ท่านคะ วันนี้เรามีร้อยเอกคนใหม่มาประจำตำแหน่งค่ะ' เลขาสาวกล่าว
'แล้ว...'เขาเอ่ยเสียงยานคาง
'เอ่อ....เขาต้องได้รับใบรับรองจากท่านก่อนค่ะ '
'รู้แล้วๆ จะไปเดี๋ยวนี้'เขาพูดอย่างเบื่อหน่ายพลางเดินตามเลขาสาวไป
ทำไมวันนี้ตาซ้ายกระตุกแปลกๆ
'ท่านคะ นี่ คุณ อัศวิน จะมาดำรงตำแหน่งร้อยเอกตั้งแต่วันนี้ค่ะ'
แล้วก็เป็นจริงเสียด้วย......มาแล้ว...เขากลับมาแล้ว
.ดั่งชีวิตที่เคยดับสูญไป บัดนี้กลับมาทำงานอีกครั้ง
'เอ่อ...งั้นชั้นขอตัวก่อนนะคะ' เลขาสาวพูดพลางเดินออกจากห้องไป
ทั่วทั้งห้องปกคลุมเ้วยความเงียบ
...เอ่อ..คือ.... เขาไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไงดี
ดีใจ ยินดี คิดถึง ความรู้สึกนี้อัดแน่นอยู่ในอก
ร่างบางยกยิ้ม พลางเดินเข้ามาหา ก่อนจะพูดประโยคอันแสนคุ้นเคยว่า
' กลับมาแล้วนะ..ไอ้นักรบแดนตะวันส่อง'
Happy ending
ความคิดเห็น