คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : First Kiss ของอนยู
บรรยายประสบการณ์โดย ลีจินกิ
“อูยยยย แสบแฮะ”
ผมครางทันทีที่หย่อนกายลงในอ่างอาบน้ำแล้วแขนเปียกน้ำ แขนที่เต็มไปด้วยรอยถลอกแต่แผลแค่นี้สบายมาก วันนี้ผมทำงานหนักทั้งวันแต่ก็ไม่รู้สึกว่ามันหนักหนาอะไรเพราะผมเคยลำบากมาแล้วถึงจะไม่มากที่สุดเพราะคนที่ลำบากกว่าผมมากก็มีแต่มันก็พอสมควรล่ะ เหนื่อยมาทั้งวันผมตั้งใจจะแช่น้ำให้สบายใจ และผมก็นั่งแช่น้ำเอาหัวพาดขอบอ่างอาบน้ำอยู่อย่างนั้นรู้สึกสบายตัวแต่ในหัวผมกลับสับสนไปหมดกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เฮ้อ! วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจริงๆ เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนเลยก็ว่าได้ เมื่อเช้าตื่นมาเจอชเวมินโฮอยู่ในห้องผมแล้วหมอนั่นยังพาผมเดินไปไร่พาไปแนะนำตัวกับคนงานในไร่ของเขาเรียกว่าเปิดตัวก็คงไม่ผิด
ทุกคน ฉันขอแนะนำนี่คือคุณลีจินกิ เป็นคู่หมั้นฉัน
ประโยคนี้ที่เขาแนะนำผมกับคนงานมันก็น่าปลื้มนะ(เอ๊ะ)ถ้าคนๆนั้นที่ถูกแนะนำไม่ใช่ผมแต่ผมก็ยอมรับในความใจกล้าหน้าด้านของมินโฮนะที่กล้าเปิดเผยแม้จะมีกระแสต่อต้านแต่เขาก็ไม่แคร์
แล้วเรื่องผมหลงทางในไร่
เฮ่อ! คิดแล้วก็อาย จะมีใครเหมือนผมมั้ยเนี่ยหลงทางได้ยังไงเขาใหญ่ก็ไม่ว่าหรอกแต่นีมันไร่ส้มนะ อ๊ะอย่างน้อยก็มีคุณป้า อุ้ย! นูน่าไรเตอร์จังออนอีกคนแหละน้า(เดี๋ยวเถอะอน)
ตอนนั้นถ้าคนที่ไปเจอผมไม่ใช่มินโฮ ผมจะเป็นยังไงนะ ผมอาจกลายเป็นผีเฝ้าไร่ไปแล้วก็ได้
ผมควรจะขอบคุณเขาใช่มั้ยที่เขาช่วยผมแต่ต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องเตลิดไปจนหลงทางก็เขาอีกนั่นแหละ ผมโกรธนะที่เขาลบเบอร์เพื่อนๆผม และตอนนี้ก็ยังโกรธอยู่แต่ถ้าเขามาขอโทษผมควรจะให้อภัยเขาดีมั้ย แต่ถ้าเขาไม่ขอโทษล่ะ ผมจะทำยังไงจะทำตัวกับเขาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือจะปั้นปึ่งไม่พูดกับเขาดีงั้นก็อึดอัดแย่สิ
�แต่ที่ยังไม่เข้าใจก็คือทำไมมินโฮต้องลบเบอร์เพื่อนๆผมแล้วที่ห้ามติดต่อกับคนอื่นอีก โอย!ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
“เฮ่อ!”
ผมถอนหายใจขยับตัวเอาแขนพาดบนขอบอ่างน้ำและเกยคางไว้บนแขนอีกที หลับตานึกถึงคุณพ่อทั้งสองคนที่อยู่บนสวรรค์
“คุณพ่อครับผมจะทำไงดี ผมควรทำไงต่อไปดี”
“ฟู่!”
ผมพ่นหายใจออกทางปากเผื่อมันจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่เข้าใจตัวเองเลยผมกำลังกังวลเรื่องอะไรกันแน่ บางทีก็รู้สึกประมาณว่าภรรยากำลังงอนรอสามีมาง้องั้นแหละ
“เอ๊ะ! นั่น”
ผมลืมตาขึ้นมาและสะดุดตากับอะไรบางอย่างที่กำลังส่องประกายอยู่บนขอบอ่างล้างหน้า แหวนเพชรวงนั้นที่ผมถอดออกและวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีตั้งแต่เมื่อวาน อยู่นั่นเองเหรอ
ผลลุกไปหยิบแหวนและกลับมานั่งแช่น้ำต่อ ผมมองพิจารณา มันสวยนะผมไม่รู้หรอกว่ามูลค่าของแหวนวงนี้เท่าไหร่ขึ้นชื่อว่าเพชรมันต้องแพงอยู่แล้วยิ่งน้ำงามขนาดนี้ไม่ต้องพูดถึงแต่สำหรับผมมันเหมือนไม่มีค่ามีความหมายอะไรเลย เพราะมันเป็นแหวนที่ผูกมัดผมกับมินโฮแหวนที่แทนคำมั่นสัญญาว่าเราจะแต่งงานกันซึ่งมันไม่ใช่ความต้องการของผม
“แกนี่น่าสงสารจังนะ”
ผมพูดยิ้มเยาะใส่แหวนเพชร(ไม่ได้บ้านะ)แล้วก็สวมมันเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย
มันคงเป็นเรื่องบังเอิญที่มันพอดีกับนิ้วผม แหวนวงนี้เดิมทีต้องเป็นของคุณแม่แล้วมือผู้หญิงก็ต้องเล็กอยู่แล้ว แหวนที่จะให้คุณแม่แต่พอดีนิ้วผมหรือว่าจะเป็นพรหมลิขิตที่ต้องการให้แหวนวงนี้เป็นของผม ลิขิตให้ผมเป็นคู่หมั้นมินโฮ�
ว้าก!บ้าแล้วอนยูคิดอะไรนี่
-///-� หน้าผมเอง
ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาซะเฉยๆก็จู่ดันนึกถึงตอนที่เจอมินโฮครั้งแรกก็เมื่อวานนี้เองตอนที่หมอนั่นเห็นแหวนวงนี้ในมือผมแล้ว...แล้ว...เขาก็จูบมือผม
นอกจากจะรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบแล้วตอนนี้หัวใจผมยังเต้นแรงด้วย ผมเป็นอะไรไปเนี่ยตั้งแต่เจอกับมินโฮผมมีอาการแบบนี้หลายครั้ง พี่ศิราณีผมเป็นอะไรไปครับ
แกรก (เสียงประตูจ้า)
“อู้ยย!”
ผมอุทานผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก็ตกใจนี่นาพอเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำก็เจอร่างสูงๆของมินโฮอยู่ในห้องผมเขายืนมองออกไปนอกหน้าต่างพอได้ยินเสียงผมก็หันมา ผมรู้สึกว่าหน้าเขามีแววกังวลนะแต่ผมกังวลมากกว่าเขาอีก นึกอยากเข้าห้องผมตอนไหนก็เข้ามากลัวนะถ้าเกิดวันใดวันนึงเขาเกิดหน้ามืดหื่นจัดเข้ามาปล้ำผมจะทำยังไง(ยอมดิ:ไรเตอร์ ไม่นะ:อน ถ้าอนไม่ยอมไรเตอร์ยอมมินโฮเอง: ไรเตอร์ �ไม่ได้นะนั่นว่าที่สามีผม อ้าวอิอน)แล้วตอนนี้สภาพของผมก็มีแค่เสื้อคลุมตัวเดียวคลุมกายอยู่ ไม่ปลอดภัยอย่างแรง
“ฉันมีเรื่องคุยกับนาย”
“อืม ขอใส่เสื้อผ้าก่อน นายออกไปก่อนได้มั้ย”
ผมบอกพยายามทำเสียงให้เรียบที่สุดให้รู้ว่าผมยังไม่หายโกรธ
“ก็ใส่ไปสิผู้ชายด้วยกัน อายอะไร ฉันไม่แอบดูหรอกน่า”
ข้อนั้นฉันรู้แต่เพราะเป็นนายไงล่ะชเวมินโฮ
“ถ้านายไม่ออกไปฉันก็จะไม่คุยกับนาย”
ผมยื่นคำขาดและมันก็ได้ผลมินโฮยกมือสองข้างเป็นสัญญาณว่ายอมแล้ว
“โอเคๆ เสร็จแล้วเรียกด้วย”
เขาบอกแล้วเดินออกไปผมรีบเดินตามล็อคประตูทันทีจากนั้นก็ถอดแหวนไปวางไว้ข้างโคมไฟหัวเตียงวางไว้ตรงนี้น่าจะดีกว่าใส่ไว้ที่นิ้วผมกลัวมินโฮจะมาทำรุ่มร่ามกับผมเหมือนเมื่อวานอีก(แหมรักนวลสงวนตัวจริ๊ง:ไรเตอร์) จากนั้นก็หาเสื้อผ้าในตู้ผมเลือกชุดที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดเสร็จแล้วก็เดินไปที่ประตูต้องทำสีหน้าให้ตึงเข้าไว้ ฉันยังโกรธนายมินโฮ ผมค่อยๆบิดลูกบิดเปิดประตูโผล่ออกไปแค่หน้าตั้งใจจะไม่ให้มินโฮเข้าห้อง
“มินโฮ” ว้าก!เผลอเรียกซะเสียงหวานเชียวไม่ได้ต้องทำเสียงเข้มเข้าไว้
“นายมีอะไรก็ว่ามาฉันพร้อมจะฟังแล้ว”
“ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย”
ไม่รอคำตอบจากผมนายโย่งก็แทรกกายอันสูงโปร่งเข้ามาในห้องผมเรียบร้อยและเรากำลังยืนประจันหน้ากันอยู่กลางห้องก็ว่าได้
“มีอะไรก็ว่ามาฉันง่วงแล้ว”
ผมบอกขาก็พยายามจะก้าวออกห่างมินโฮอีกนิดแต่ก็ถูกเขารั้งไว้
“เรื่องวันนี้ ฉันขอโทษนายด้วย ฉันรู้ฉันทำเกินไปจริงๆ ฉัน
”
“...” ผมสบตาเขานิ่งรอฟังว่าจะพูดอะไรต่อ
“ขอโทษที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนายมากเกินไปขอโทษที่เอาแต่ใจมากเกินไป นายยกโทษให้ฉันสักครั้ง...ได้มั้ย”
มินโฮกล่าวทั้งน้ำเสียงสีหน้าแววตาจริงจังเขาคงสำนึกผิดแล้วจริง
“นายสำนึกผิดจริงๆ� งั้นเหรอ”
ผมกอดอกเอียงคอถามทำเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดทั้งๆที่นี่คือสิ่งที่ผมต้องการและรออยู่
“อืม ยกโทษให้ฉันได้มั้ยจินกิ” เสียงอ่อนลงกว่าเดิม
“...” ผมครุ่นคิดชั่งใจ(เปล่าเล่นตัวนะ)
“จินกิ” เริ่มใจอ่อนแล้วฮะพี่น้อง
“ก็ได้ ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้”เห็นแก่ที่นายช่วยฉันหรอกนะ
“ขะขอบใจจินกิ ขอบใจนายมาก” แหมเสียงใสขึ้นมาเชียวนะแถมยิ้มซะกว้างอีกต่างหากดีใจอะไรขนาดนั้นชเวมินโฮ
“เฮ่ย!”
แค่บอกขอบใจก็พอแต่มินโฮมือไวชะมัดเขาจับมือผมด้วย ไม่ได้รังเกียจนะแต่บอกตรงๆมันทำให้ผมเกิดอาการแบบว่าใจเต้นแรงหน้าร้อนอีกแล้ว ผมก้มหน้าทันทีกลัวว่านายโย่งจะเห็นว่าหน้าผมแดง ผมค่อยๆดึงมือกลับดีที่มินโฮยอมปล่อยง่ายๆ
“จินกิ ฉันขออะไรอย่างได้มั้ย” เพิงจะยกโทษให้แหมบๆยังกล้ามาขออีก
“อะไรอีกล่ะ” ผมถามไม่ยอมเงยหน้ามองเขา
“ให้ฉันเรียกนายว่าจินกิได้มั้ย”
“ตามใจเถอะ อยากเรียกฉันว่าอะไรก็ตามใจ ถึงจะเรียกชื่อไหนฉันก็คือฉันอยู่ดี”
ผมตอบ ยังไงนายโย่งก็เรียกผมว่าจินกิอยู่แล้วนี่และถึงผมไม่อนุญาติเขาก็เรียกผมแบบนี้อยู่ดี
“ขออีกอย่างนะจินกิ” อะไรอีกล่ะมินโฮนายชักจะโลภมากเกินไปแล้วนะได้คืบจะเอาศอก
“แค่ฉันคนเดียว”
“อะไรของนายอีกล่ะ” ผมงงไม่เข้าใจ
“ฉันเรียกนายว่าจินกิได้คนเดียวห้ามให้คนอื่นเรียกนายแบบนี้ �ได้รึเปล่าเป็นจินกิของมินโฮคนเดียว”
“ตามใจสิ”ผมตอบเริ่มรำคาญนิดๆมินโฮเอาแต่ใจอีกแล้วที่ยกโทษให้เมื่อกี้เปลี่ยนใจได้มั้ย เป็นจินกิของมินโฮคนเดียวมันจะดูพิเศษเกินไปรึเปล่าคนอื่นจะเข้าใจผิดไหมหว่า
“ขอบใจนะ จินกิน่ารักจังขอหอมที”
“อ๊าก!อย่าาา” =[]=’
ไม่พูดเปล่ามินโฮยังโน้มตัวมาใกล้ทำท่าจะหอมแก้มผมเหมือนที่พูด ผมเอนตัวไปข้างหลังจะหลบสองมือยกขึ้นมากันแต่
“ว้าก!”
“จินกิ!”
เพราะเอนมากไปเลยเสียหลักจะหงายหลังผมหลับตาปี๋ส่วนแขนก็ไขว่คว้าหาที่ยึดและกอดไว้แน่น....ไม่ล้มแฮะ ผมค่อยๆลืมตาเป็นมินโฮที่คว้าตัวผมไว้ทันแต่ไม่อยากบอกเลยตอนนี้ผมกับมินโฮอยู่ในท่าไหนตัวผมเอนไปข้างหลังแผ่นหลังเกือบขนานกับพื้นโดยมีแขนของมินโฮรั้งเอวไว้ส่วนแขนผมกอดคอมินโฮไว้หน้าเราสองคนใกล้กันมาก มากเกินไปแล้วผมรู้สึกได้ว่าลมหายใจอุ่นๆของเขารดแก้มผมอยู่จนผมต้องเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองสบตาตรงๆแล้วรีบชักแขนที่โอบคอเขากลับ
“ฮื้มม หอมจัง”
หา!ว่าอะไรนะ ผมหันกลับมามองหน้ามินโฮไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
“ตัวนายหอมจัง”
ก็แน่ล่ะสิอาบน้ำตั้งนานกลิ่นสบู่มันก็ต้องติดตัวมาบ้างแหละ ผมตอบในใจ
-///-�� ยอมรับว่าเขินจริงๆผมเปล่าคิดอะไรกับนายโย่งนะแค่ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับผมเท่านั้นเอง
“ม มินโฮ ปละปล่อยฉันได้แล้ว”
“แน่ใจนะจินกิ” มินโฮถามย้ำ
“อื้อๆ” ผมตอบพร้อมพยักหน้ามินโฮจึงคลายอ้อมแขนที่รั้งเอวผมและ
“เหวอ!”
ผมเกือบหงายหลังอีกรอบมือผมรีบคว้าหาที่ยึดและกอดไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมผมลืมไปว่ายังอยู่ในท่าเข้าพระเข้านางอยู่และแล้วก็กลับมาอยู่ในท่าเดิมและใกล้ยิ่งกว่าเดิม
“ฉันเตือนนายแล้วนะจินกิ” เสียงทุ้มๆดังอยู่ข้างหูผมลืมตาโผลงทันทีรีบยันตัวยืนให้มั่นคงแล้วขืนตัวออกจากอ้อมกอดนั่นโดยเร็วรู้สึกจะได้ยินเสียงมินโฮหัวเราะนะพอใจมากรึไง
“นาย...นายแกล้งฉันมินโฮ” ผมโวยวายแต่ทำไมเสียงอู้อี้พิกล
“เปล่านะฉันช่วยนายต่างหาก ก็นายจะล้มไม่ใช่เหรอ หึหึ”
แล้วที่ฉันจะล้มเนี่ยเพราะใครล่ะ ที่บอกยอมให้อภัยนายนี่ผมเปลี่ยนใจทันมั้ย
“นี่งอนเหรอ จินกิ”
“เปล๊า!� ทำไมต้องงอนด้วย”
ผมตอบค้อนให้นายโย่งทีนึงทำปากพองลมเดินไปนั่งที่ขอบเตียงพลางออกปาก
“พูดธุระของนายหมดแล้วใช่ไหม ฉันจะนอนแล้ว”
“เดี๋ยวสิ� จินกิ” มินโฮร้องรีบสาวเท้าเดินมานั่งข้างๆ ผมรีบเขยิบออกให้ห่างทันที
“อะไรอีกล่ะมินโฮนี่มันดึกแล้วนะ”
“ไม่มีอะไรฉันก็แค่สงสัยว่านายมัวทำอะไรอยู่ในไร่ตั้งนานเป็นชั่วโมงรู้มั้ยตอนนั้นฉันเป็นห่วงนายมากนะ จนต้องสั่งให้คนงานช่วยออกตามหา”
เป็นห่วงผมงั้นเหรอ งั้นพวกเขาตอนนั้นก็หมายถึงคนงานสินะพวกเขาทำงานเหนื่อยมาทั้งวันยังต้องมาเสียเวลาตามหาผมอีกงั้นเหรอ รู้สึกว่าตัวเองแย่จังทำให้คนอื่นเดือดร้อน
“เปล่า ไม่ได้ทำอะไรแค่หลงทาง” ผมตอบเสียงอ่อย
เอ๊ะ!แล้วผมบอกทำไมเนี่ยเรื่องน่าอายแบบนี้มินโฮต้องว่าผมโคตรโง่แน่ๆ ผมก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าเขารู้สึกอับอายขายหน้ามากจริงๆ
“คิดแล้วเชียว”
หา! นายว่าอะไรนะชเวมินโฮ
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา”
มินโฮดึงผมเข้าไปกอดลูบหัวเบาๆเรียกขวัญให้เหมือนผมเป็นเด็กๆ ผมที่มัวแต่นั่งก้มหน้าอยู่จึงเซซบกับอกแกร่งของเขาเต็ม ๆ มันก็ดีที่เขาไม่ว่าแถมปลอบใจอีก แต่นายมือไวไปมั้ยมันทำให้อนยูคนนี้เสียศูนย์นะแม้การกระทำของนายจะทำให้รู้สึกดีก็เหอะ
“-///- ����แย่แล้วผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลอีกแล้ว� เมื่อกี้ที่หนีมานั่งนี่ก็ยังไม่สงบดีเลยหมอนี่ยังตามมาป่วนอีก งือๆ คุณพ่อช่วยผมด้วย
ผมดิ้นและผลักอกของมินโฮออกเบาๆแต่เขาไม่ยอมปล่อยแต่กอดผมไว้หลวมๆ
“เอ๊ะ!นั่นแหวนหมั้นนี่”
ผมมองไปที่แหวนที่ผมเป็นคนวางไว้เมื่อสักพัก
“ก็ใช่แหวนหมั้นแล้วไง”
“นายวางไว้อย่างนี้เหรอ”
“อื้อ จ จะให้เก็บไว้ไหนได้ล่ะ”
มินโฮปล่อยผมแล้วเอื้อมไปหยิบแหวนมาดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แล้วก็ลุกเดินออกจากห้องผมไปโดยไม่พูดอะไรเขาคงเอาไปเก็บให้มั้ง ก็ดีผมจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หมอนี่จริงๆเลยนึกจะไปก็ไปนึกจะมาก็มาไม่พูดไม่จาตามอารมณ์ไม่ทันเลย ไหนๆนายโย่งก็ยอมกลับไปแล้วนอนดีกว่า ผมเปิดไฟหัวเตียงแล้วลุกไปปิดไฟก่อนจะปีนขึ้นเตียงนุ่มๆ
เอ
.เหมือนผมลืมอะไรบางอย่างนะช่างเถอะนอนดีกว่าดึกแล้ว
คิดดังนั้นผมก็ล้มตัวลงนอนกำลังจะเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง
แอ้ด!� ผ่างง!
ประตูห้องของผมเปิดอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงของมินโฮ
“เฮ้ย! ม มินโฮ”
กลับมาทำไมอีกเนี่ยเล่นเอาตกใจหมด นึกออกแล้วเมื่อกี้ลืมอะไรลืมล็อคประตูนี่เองพลาดจนได้อนยูเอ๊ยผมรีบยันตัวลุกนั่งทันที(ผมจะรอดมั้ยเนี่ย)
“อ้าว!จินกิจะนอนแล้วเหรอ ขอเวลาแป๊บนึง”
กล่าวเหมือนจะเกรงใจเลยนะ พร้อมกันนั้นร่างสูงก็ถือวิสาสะก้าวเข้ามาในห้องและมานั่งข้างๆผมบนเตียงพร้อมกับของบางอย่างในมือ
“ฉันมีอะไรจะให้นาย” กล่าวเสียงทุ้มเชียว ผมไม่ถามแต่มองหน้าเขาแทน
“นี่ไง” มินโฮว่าพลางโชว์ของในมือที่เขาเพิ่งไปเอามาจากห้องของเขาเป็นสร้อยเงินเส้นยาว
“สร้อยเส้นนี้เงินแท้นะเป็นของคุณย่าฉันเอง”
ปากก็พร่ำบอกสรรพคุณมือก็สาละวนร้อยแหวนหมั้นวงนั้นเข้ากับสายสร้อยแล้วหันมาหาผม
“ฉันให้นาย ถ้านายไม่ชอบใส่ที่นิ้วใส่ไว้ที่คอได้ใช่มั้ย”
มินโฮบอกพร้อมบรรจงสวมสร้อยที่คอให้ผมตอนแรกผมเบี่ยงตัวหลบจะปฏิเสธแต่ก็ถูกสายตาดุๆของนายเอเลี่ยนจ้องก็เลยต้องยอมแต่โดยดี
แขนแข็งแรงของมินโฮเอื้อมผ่านไหล่ผมทั้งสองข้างมือทั้งสองยุกยิกอยู่ท้ายทอยผมอยากรู้สึกว่ามันจั๊กกะจี้นะแต่ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่
“ก้มหน่อยจินกิฉันใส่ไม่ถนัด”
ผมทำตามอย่างว่าง่ายมินโฮเองก็ขยับเข้ามาใกล้อีกแล้วยังชะโงกหน้าเพื่อจะได้เห็นชัดๆจนไหล่เขาชนกับหัวผมที่ก้มอยู่ และมันก็ใกล้เกินไปอีกแล้ว
หอมจัง
ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวมินโฮ คงเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จเหมือนผมกระมัง
“เสร็จแล้ว แหวนวงนี้ฉันตั้งใจเลือกให้นายนะฉันอยากให้มันอยู่กับนายตลอด”
มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอมินโฮถ้ามันอยู่กับฉันแต่ฉันไม่ได้รักนายล่ะมันจะมีความหมายอะไร
ผมมองดูแหวนเพชรที่ร้อยกับสร้อยเส้นยาว ยาวจนถึงกลางอก ผมเผลอยกมือขึ้นมาจับและกำแหวนไว้ที่อยากจับไว้ไม่ใช่แหวนหรอกแต่มันเป็นหัวใจของผมที่เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกและกลัวว่ามันจะเต้นดังจนคนที่นั่งตรงหน้าผมได้ยิน
“ชอบรึเปล่า จินกิ”
“อ อืม...ขะขอบ ขอบ...” แค่จะบอกว่าขอบคุณตามมารยาททำไมมันพูดไม่ออกล่ะ
“หืมม..ว่าไงนะจินกิ” มินโฮเอียงคอถามอมยิ้มมุมปาก
“เอ่ออ..ขะขอบ อุ๊บ!”
ผมพูดยังไม่จบก็ถูกปิดปากด้วย...
อะไรบางอย่าง อุ่นๆนิ่มๆ ใช่ลิ้นของมินโฮกำลังแทรกเข้ามาและเริ่มเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผม เหมือนกำลังควานหาอะไรบางอย่างผมไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดี แต่แค่นั้นมันก็ทำให้ผมวาบหวามไปทั้งกายรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่มีค่อยๆหดหายเหมือนจะขาดอากาศหายใจในหัวของผมมันขาวโผลนไปหมดคิดอะไรไม่ออกเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้กว่าลิ้นอุ่นๆค่อยถอนออกไปแล้วริมฝีปากอุ่นๆนั้นก็คลอเคลียอยู่กับริมฝีปากผมบดบี้และดูดเม้มเบาๆ ก่อนจะถอนริมฝีปากออก อา รู้สึกดีจัง
“อือออ”
เสียงครางเบาๆเหมือนจะเป็นเสียงผม
“ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวฉันจะอดใจไม่ไหวนะจินกิ”
�เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นผมค่อยลืมตา(จำไม่ได้เหมือนกันว่าเผลอหลับตาตอนไหน)มินโฮจ้องมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน �ผมตกอยู่ในอ้อมกอดเขาตอนไหนแล้วยังกอดตอบอีก
“เอ่อ...” ผมรีบคลายวงแขนออกจากตัวมินโฮ รู้สึกเบลอๆแฮะ
“นอนเถอะ ดึกมากแล้ว”
มินโฮบอกผมทำตามอย่างว่าง่ายขยับล้มตัวลงนอนเขาช่วยห่มผ้าให้และ
“ฝันดีนะจินกิ...จุ๊บ”
บอกพร้อมก้มลงจูบที่หน้าผากผมเบาๆก่อนจะปิดไฟให้และเดินออกจากห้องไป
อุ่นจัง
ผมยกมือขึ้นแตะหน้าผากตรงที่ถูกจูบอย่างลืมตัว...ตอนนี้สมองผมยังทำงานไม่เต็มที่ แวบหนึ่งของความรู้สึกเหมือนคุณแม่ผมเลย ถึงผมกับน้องๆจะโตแล้วแต่คุณแม่ก็มักจะทำแบบนี้กับพวกเราเสมอ ต่างกันตรงที่คนๆนั้นเป็นมินโฮ �เขาจูบที่ตรงนี้และ...
ผมแตะริมฝีปากตัวเองภาพเมื่อครู่เริ่มฉายชัดในความคิด
“อ๊ะ!...อ้ากกกก!”
ไม่จริงมินโฮจูบผม ไม่นะนั่นจูบแรกของผมเชียวนะแล้วทำไมผมไม่ขัดขืนล่ะยอมให้นายเอเลี่ยนจูบง่ายขนาดนั้นแล้ว..แล้ว..ยังเคลิ้มแถมครางซะเสียงดัง ฮือๆๆๆๆๆๆ
เอาคืนมานะ มินโฮเอาจูบแรกของฉันคืนมา
T^T
Minho’s talk
����������� ผมปิดประตูห้องให้จินกิแล้วหยุดยืนพิงหลังกับประตูห้องนั้น ผมยกมือขึ้นทาบอกซ้าย
ใจยังเต้นแรงอยู่เลยผมยังตื่นเต้นไม่หาย ผมจูบจินกิ...ความรู้สึกยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น...หวาน
กังวลเหมือนกันจินกิจะโกรธผมมั้ยนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้แต่พอเห็นริมฝีปากสีเชอร์รี่นั่นผมก็อดใจไม่ไหว ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่ผมมั่นใจว่าผมได้จูบจินกิเป็นคนแรก เพราะเท่าที่ผมสืบมาเขายังไม่เคยมีแฟน และดูเหมือนเจ้าตัวจะเคลิ้มกับจูบของผมซะด้วย น่ารักจริงเชียว
ผมยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานๆที่หลับตาพริ้มในอ้อมกอด ผมแทบจะอดใจไม่ไหวต้องรีบออกมาจากห้องจินกิไม่งั้นผมอาจเผลอกดคนตัวเล็กนี่ก็ได้ ผมรู้ถ้าผมจะทำจริงๆมันง่ายมากแต่มันจะมีความหมายอะไรถ้าจินกิไม่ได้เต็มใจ และอีกอย่างผมได้ให้สัญญากับว่าที่แม่ยายไว้แล้ว ผมจะรอ รอ วันที่จินกิรักผมและยอมเป็นของผมด้วยความเต็มใจ
TBC.
จบไปอีกหนึ่งตอนยังคงเส้นคงวาสำหรับความมั่ว
แต่ใหอภัยเถอะใจรักจริงๆ
มันอาจจะน้อยไปนิดส์สำหรับฉาก Kiss
คือไม่ไหวจะจิ้น มันเขินอ่ะ จิ้นๆจิ้มๆแล้วก็กลิ้งๆ
โอยเขินแทนอน(เปล่าคิดว่าตัวเองเป็นอนนะ)
สุดท้ายก็ไม่ก้าวหน้าสักทีเลยได้แค่นี้
เหมือนเคยจ้าเมนต์ๆๆๆน้า
จากตอนที่แล้วมีคนสงสัยว่าเฮียอนจำเบอร์ตัวเองมิได้จิงง่ะ
จิงๆเฮียอาจจำได้แต่จังออนเองแหละที่จำมิได้
พร่ำมาเยอะแล้วพอเถอะนะ
Thank� you for� your comment.
ความคิดเห็น