ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบ้านไร่

    ลำดับตอนที่ #5 : หลงทาง(ได้ยังไง)

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 54







     

    “มินโฮ ! ชเวมินโฮ!

    ตะโกนเรียกเสียงดังคนที่ถูกเรียกหันกลับมาแม้แต่คนงานก็ยังหยุดหันมามอง อนยูกำลังเดินตรงรี่ไปที่เจ้านายของพวกเขาใบหน้าหวานบึ้งตึงบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

    “มินโฮ นายทำอะไรกับโทรศัพท์ของฉัน !

    “เปล่านี่” ลอยหน้าลอยตาตอบ

    “นายใช่มั้ย เบอร์เพื่อนๆของฉัน ที่หายไปเป็นฝีมือนายใช่มั้ย!

    คนร่างบางกัดฟันถามจ้องหน้าคนสูงกว่าเอาเรื่อง มินโฮถอนหายใจตอบเสียงเรียบแต่เฉียบขาด

    “ใช่!ฉันเอง ฉันไม่อนุญาตให้นายติดต่อกับคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวนายและฉัน”

    “มันจะมากไปแล้วนะ!

     อนยูขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ คนงานหันมามองอีกครั้งด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

    “นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน นายมีสิทธิ์อะไรมาห้าม”ถามเสียงเบาลง

    “สิทธิ์ของว่าที่สามีนายไงล่ะ ฉันก็ลบแค่เบอร์ที่ไม่น่าไว้ใจออก”

    “ไม่น่าไว้ไจ เพื่อนฉันไม่น่าไว้ใจตรงไหนห๊ะ!

    “ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจ ไม่น่าไว้ใจก็คือไม่น่าไว้ใจ” ฉันไม่ไว้ใจผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้นายนั่นแหละ

    “ไม่มีเหตุผล  ฮึ! ถึงฉันจะเป็นคู่หมั้นนายแต่แบบนี้มันก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากเกินไป”

    “เหตุผลน่ะมีแน่นอน แต่บอกไปนายจะเชื่อฉันรึเปล่า

    ประโยคหลังมินโฮเลือกที่จะไม่พูดมันออกมา

    “นายมันเอาแต่ใจมากเกินไปแล้ว ฮึ!

    ร่างบางกระแทกเสียงสะบัดหน้าเดินหนีไม่อยากจะพูดกับคนร่างสูงตรงหน้าแล้ว

    “จินกิ จะไปไหนจะได้เวลากลับแล้วนะ”

    “ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าจินกิฉันมีชื่อที่ให้ทุกคนเรียก จะไปไหนก็เรื่องของฉันไม่ต้องมายุ่ง!

    “จินกิ!เดี๋ยว”

    “มินโฮนายมันไม่มีเหตุผล ฉันเกลียดนายได้ยินมั้ยว่า ฉัน เกลียด นาย

    ร่างบางตะโกนตอบแล้ววิ่งหนีเข้าไปท่ามกลางต้นส้มที่ยืนต้นเรียงรายไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะเรียกไว้หรือใครจะมอง ก็คนกำลังโกรธไม่สนใจอะไรทั้งนั้นสิ่งที่มินโฮทำมันมากเกินไปใช้ทำงานทั้งวันจนเหนื่อยล้าไปทั้งกายก็ยังพอยอมได้แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวจะห้ามเขาไม่ให้คบเพื่อนเลยเหรอไม่มีทาง
    ลีจินกิไม่ยอม เบอร์เพื่อนๆที่ถูกลบไปจะเม็มใส่ใหม่ก็ไม่ได้ก็ลีจินกิน่ะจำเบอร์ใครได้ที่ไหนแม้แต่เบอร์ของตัวเองยังจำไม่ค่อยได้เลย

    “คุณมินโฮ ไม่ตามไปเหรอครับท่าทางคุณอนยูจะโกรธมากนะครับ”

    ชินดงถามด้ายความเป็นห่วงคนที่เพิ่งเดินหนีแต่เจ้านายของเขากลับส่ายหน้า

    “ปล่อยเขาสักพักให้อารมณ์เย็นลงก่อนดีกว่าคงไปไหนไม่ไกลหรอก”

    ตอบแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ  ฉันเกลียดนาย คำนี้ดังก้องในหัวถึงจะรู้ว่าคนพูดกำลังโกรธจัดแต่ได้ยินแล้วก็ทำให้ใจหวั่นไหวได้มากทีเดียว ทั้งที่ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายรักให้ได้แท้ๆหรือที่เขาทำมันคงจะเกินไปจริงๆก็แค่ไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นมายุ่งกับคู่หมั้นของเขา(พูดตรงๆก็หวงนั่นแหละ)ถึงจะบอกว่าเพื่อนก็ตามแต่เขาก็รู้สึกไม่ไว้ใจโดยเฉพาะคนที่อนยูคุยด้วยเมื่อเช้าชื่อแจบอมสินะ หลังจากที่ยึดโทรศัพท์มาได้หมอนั่นก็พยายามโทรมาอีกนับสามสิบกว่าสายยังมีข้อความที่แสดงถึงความห่วงใยอีกหลายสิบข้อความแต่เจ้าของเครื่องก็ไม่มีโอกาสได้เห็นข้อความเหล่านั้นเพราะชเวมินโฮจัดการลบออกจนเกลี้ยงรวมทั้งเบอร์เพื่อนชายทั้งหมดด้วย

    “หึๆปาร์คแจบอมถึงนายโทรมาจินกิก็ไม่ได้รับสายนายหรอก”

    “ชินดง นายว่าฉันทำเกินไปมั้ย”

    “เอ่ออ” ชินดงอึกอักไม่รู้จะตอบเจ้านายหนุ่มยังไงดี

    “ตอบตามความจริงนายคิดว่ายังไง”

    “เอ่อ มันก็เกินไปนิดนะครับ คุณอนยูเธอก็มีเพื่อนมีสังคมส่วนตัวบ้าง..เอ่อ..

    “งั้นเหรอ”

    ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งต้องขอโทษแต่ตอนนี้เจ้าตัวคงไม่ยอมรับฟังหรอก รอให้จินกิใจเย็นลงอีกหน่อยค่อยไปขอโทษคงยังทันอยู่นะ

     


         ทางด้านอนยูที่เดินหนีหายเข้าไปในไร่ส้ม สองขาก้าวเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และเมื่อใจเริ่มเย็นลงก็ได้หยุดคิด นี่เขากำลังจะเดินไปไหนกัน เงยหน้ามองท้องฟ้าจวนมืดเต็มทีกลับดีกว่า แต่พอหันหลังจะเดินกลับเขาก็ต้องชะงักอีกครั้งจะต้องไปทางไหนล่ะทีนี้ เพราะพื้นที่นี้เป็นที่ราบจึงไม่มีการยกร่องมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นส้มเต็มไปหมดแล้วทางไหนก็ดูเหมือนกัน ตั้งสติก่อนอนยูเดินกลับทางเดิมสิบอกตัวเองในใจแต่ทางเดิมที่เดินมาน่ะมันทางไหนล่ะเหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้งก็ยังไม่รูจะเดินไปทางไหนดี

    “หรือว่าเราจะหลงทางซะแล้ว ฮะฮะ บ้าแล้วอนยู”

    พึมพำกับตัวเองแล้วอยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออกแม้จะไม่อยากยอมรับ

    “ใจเย็นๆอนยูค่อยๆเดินไปไร่ส้มแค่ไม่กี่พันไร่ไม่ใช่เขาใหญ่สักหน่อย”

    ยังคงปลอบใจตัวเองและเดินต่อไปแม้จะรู้สึกใจแป้วก็ตาม

    Wait a minute รอหน่อยๆ อยากรับมากจริงๆ Wait a minute รอก่อนๆ กำลังนึกคำอยู่ (เสียงริงโทนจ๊ะ)

    เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าร้องและสั่นพร้อมกันทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกตกใจ รีบล้วงออกมาดูเป็นมินโฮที่โทรเข้า

    “จะโทรมาง้อรึไง เชอะ!ไม่ต้องมาง้อเลย”

    แม้จะใจเย็นลงแล้วแต่ก็ยังโกรธอยู่จึงกดสายทิ้ง และยังไม่ทันได้เก็บเข้ากระเป๋าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก

    Wait a minute รอหน่อยๆ อยากรับมากจริงๆ Wait a minute รอก่อนๆ(เสียงริงโทนอีกครั้งจ๊ะ)

    “อะไร!” กดรับตะคอกถามไปตามสาย

    “จินกิ มืดแล้วนะกลับได้แล้ว” ตอบกลับเสียงอ่อนโยนมาตามสาย

    “รู้แล้วน่า!

    “ก็รีบออกมาสิ นายอยู่ตรงไหนเดี๋ยวฉันไปรับ”

    “ไม่รู้โว้ย!ไม่ต้อง เดี๋ยวออกไปเอง”

    กระแทกเสียงตอบกลับแล้วกดวางสายในใจก็บอกตัวเองว่าจะไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากจอมเผด็จการอย่างมินโฮเด็ดขาดเมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็เดินหาทางออกต่อไป

    แต่ให้ตายสิเดินไปเท่าไหร่ก็ไม่เจอมีแต่ต้นส้มที่ยืนทะมึนท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมมองดูแล้วก็น่ากลัวสองขาก็เริ่มล้า ทั้งเหนื่อยและหิว ร่างบางหยุดเดินมองไปรอบๆ มืด น่ากลัว สงสัยจะคิดผิดซะแล้วที่ไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากมินโฮ

    “คุณพ่อคิบอม คุณพ่อจุนกิครับ ช่วยผมด้วยช่วยลูกชายของคุณพ่อด้วยครับ มันน่าอายแต่มันก็เป็นความจริง ผมหลงทางในไร่ส้ม คุณพ่อครับมืดไปหมดผมกลัว กลัวไม่ ต้องไม่กลัวผมจะต้องไม่อ่อนแอ ไม่กลัว ไม่มีอะไรน่ากลัวสักนิด ฮือ”

    พึมพำปลอบใจตัวเองความกลัวค่อยคืบคลานเกาะกุมหัวใจดวงน้อยแม้จะปลอบใจตัวเองแต่ก็ดูเหมือนมันไม่ได้ผล

    วืดดดดดๆ วิ้วววววววว

    จู่ๆลมก็พัดผ่าน ต้นส้มไหวไปตามแรงลมแต่ทว่าความมืดทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งขึ้น

    “แค่ลมพัดไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกน่า”

    แม้จะบอกตัวเองว่าแค่ลมพัดตามปกติแต่สำหรับลีจินกิในตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย

    ซวบบบ! ซวบบบ!

    เสียงฝีเท้าแว่วมาร่างบางถึงกับชะงักค่อยๆกวาดสายตามองไปรอบๆช้าๆ ใครกันมาเดินอยู่แถวนี้หรือจะเป็นคนงานในไร่แต่ป่านนี้แล้วจะยังมีใครอยู่อีกเหรอแล้วตอนที่เขาวิ่งหนีมาจำได้ว่าคนงานเริ่มทยอยกลับเกือบหมดแล้วถ้าไม่ใช่คนงานจะเป็นใครล่ะหรือว่าจะเป็นพวกขโมยหรือพวกอาชญากร มืดๆแบบนี้มันจะเห็นเขารึเปล่า หรือว่าจะเป็นพวกชาวบ้านออกหาจับกบยามกลางคืน จะร้องขอความช่วยเหลือดีมั้ย แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะจะทำยังไงดี

    อึก!

    กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ในหัวก็คิดว่าควรจะหลบแต่ขากลับไม่ขยับก้าวไปไหน

    ซวบๆ

     เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมเงาตะคุ่มๆของเจ้าของเสียงที่ค่อยๆปรากฏตรงหน้าแต่ร่างบางก็ยังไม่ขยับเขยื้อนกายไปไหนไม่ใช่ไม่อยากขยับแต่ความกลัวที่กัดกินหัวใจอยู่ตอนนี้ทำให้ขาก้าวไม่ออกแถมตัวยังเริ่มสั่นอีกหรือนี่จะเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตลีจินกิ ไม่นะ~~’

    ท่ามกลางความมืด ร่างสูงหยุดยืนถมึงทึงอยู่ตรงหน้าห่างไม่ถึงสองก้าว

    “อยู่นี่เอง! มัวทำอะไรอยู่ กลับได้แล้ว”

    ร่างสูงตรงหน้าตะคอกด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด  ร่างบางสะดุ้งเฮือก แต่

    เสียงนี้ เสียงของชเวมินโฮ เป็นมินโฮจริงๆ เป็นเขาได้ยังไงจะดีใจ โล่งใจหรือเสียใจหรือจะรู้สึกยังไงดีล่ะอนยู

    มินโฮเดินเข้าไปใกล้คนที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้าแม้จะมืดแต่ชายหนุ่มก็มองออกว่าร่างบางตรงหน้ากำลังสั่นและก็พอจะเดาได้ว่าหน้าหวานๆนั่นจะซีดแค่ไหน กำลังกลัวอยู่งั้นเหรอ

    “จินกิไม่เป็นไรใช่ไหม กลับกันเถอะ”

    มินโฮถามเสียงอ่อนลงมือหนาคว้ามือเล็กกระตุกเบาๆให้ก้าวตาม ชายหนุ่มสัมผัสได้มือเล็กนั้นเย็นเฉียบเขาบีบกระชับมือขึ้นอีกแม้ไม่ได้พูดคำใดออกมาแต่คนร่างเล็กรับรู้ได้เหมือนกับมืออุ่นๆที่กระชับแน่นกำลังปลอบใจอยู่ อนยูมองมือที่ถูกกุมอยู่ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกแต่ความกลัวที่มีค่อยๆจางหายไป เหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนตัวสูงที่เดินนำแล้วมองมือหนาที่จับอยู่อีกครั้ง รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจขึ้นมาก

    กึกก

    “มะมีอะไรเหรอ ”

    อนยูถามเสียงเบาอย่างหวั่นๆปนแปลกใจก็จู่ๆร่างสูงที่เดินนำอยู่ก็ชะงัก

    “เปล่า ไม่มีอะไร ไปต่อเถอะ”

    มินโฮตอบแล้วเดินต่อแอบกระตุกยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างน้อยสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อทางภาษากายคนตัวเล็กนี่ก็สามารถรับรู้ได้จากการที่มือเล็กที่เขาจับอยู่บีบกระชับขึ้นนั่นเองและดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอบีบมือของอีกฝ่าย

    “ชินดง เอารถไปจอดรอที่ท้ายไร่นะ... อืม... บอกทุกคนให้กลับได้แล้ว ฝากขอบใจพวกเขาด้วย”

    มินโฮกดโทรศัพท์ไปบอกชินดง บทสนทนาสั้นๆนั่นทำให้ร่างบางที่เดินตามติดใจไม่น้อย ทุกคนที่
    มินโฮพูดถึงคือใคร แต่ช่างเถอยังไม่อยากพูดอยากถามอะไรมากมายในตอนนี้

    สองร่างเดินฝ่าความมืดลัดเลาะไปได้สักพักก็เห็นแสงสว่างอยู่ไม่ไกล และเมื่อเข้าไปใกล้

    “คุณมินโฮ คุณอนยู ทางนี้ครับ”

    ชายหนุ่มร่างอวบชินดงยืนโบกมือป้อยๆทันทีที่เห็นเจ้านายหนุ่มกับคู่หมั้นเดินโผล่ออกมาจากแนวไร่ส้ม

    “ม มินโฮปล่อยได้แล้ว”

    อนยูบอกเมื่อเดินใกล้จะถึงรถที่จอดรออยู่

    “ปล่อยอะไร”

    มินโฮหันกลับไปถาม

    “มะ มือ ปล่อยมือฉันได้แล้ว”

    ตอบเสียงเบาคนตัวสูงมองมือที่เกาะกุมมือเล็กอยู่ไม่ตอบและไม่ยอมปล่อยแต่กลับยิ่งกระชับมือขึ้นอีก เห็นอย่างนี้แล้วอนยูก็จำต้องเงียบยังไงซะมินโฮก็ไม่ยอมปล่อยแน่นอน

    “เชิญครับ คุณมินโฮ คุณอนยู”

    ชินดงเปิดประตูแคปหลังให้เจ้านาย

    “ขอบใจชินดง”

    “ขอบคุณครับคุณชินดง”

    มินโฮก้าวขึ้นรถก่อนตามด้วยร่างบางของอนยูที่ถูกดึงให้ขึ้นตามมาติดๆเพราะมินโฮไม่ยอมปล่อยมือ เอาเถอะไม่อยากจะว่าอะไรให้มากความตอนนี้อยากกลับให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุดก็ตอนนี้ทั้งเหนื่อยและหิวนี่นา

    ชินดงออกรถขับมาแป๊บเดียวก็ถึงบ้านของเจ้านาย(ก็แค่กิโลกว่าๆนี่นา)

    ทันทีรถจอด ร่างเล็กๆของแม่บ้านจางวิ่งออกมาด้วยหน้าตาตื่นๆวันนี้เกิดอะไรขึ้นเจ้านายของนางจึงกลับช้ากว่าปกติตั้งสองชั่วโมง

    “คุณมินโฮ คุณอนยู ทำไมกลับช้าจังคะวันนี้”

    นางถามทันทีด้วยความเป็นห่วงเมื่อเจ้านายและคู่หมั้นลงจากรถ

    “พอดีมีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยน่ะ”

    มินโฮตอบปรายตาไปที่ร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆคนที่ถูกมองก้มหน้าหลบสายตาคมทันที

    แม่บ้านจางมองคู่หมั้นเจ้านาย ร่างบางมีท่าทีอิดโรย ใบหน้าหวานดูซีดเซียวคุณอนยูคงจะเหนื่อยมากสงสัยไม่เคยเจองานหนักหรือโดนใช้งานหนักกันนะ

    “คุณอนยู เหนื่อยไหมคะ”

    “อะ นิดหน่อยครับ” ตอบด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

    “คงจะหิวแย่เลย เข้าบ้านเถอะค่ะป้าตั้งโต๊ะรอแล้ว”

    นางบอกเดินนำเข้าบ้านเจ้านายทั้งสองก็เดินตาม

    “คุณชินดงทานข้าวด้วยกันก่อนนะครับ ได้มั้ย มินโฮ”

    อนยูหันไปชวนชินดงและประโยคหลังก็หันไปถามมินโฮเสียงเบาด้วยความเกรงใจ มินโฮยกยิ้มพอใจนี่คือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาตกหลุมรักลีจินกิ ความเป็นคนมีน้ำใจนี่แหละ

    ชายหนุ่มพยักหน้าและถือโอกาสโอบไหล่คู่หมั้นร่างบางแบบเนียนๆ

    “ได้สิ ชินดงกินข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับนะ ห้ามปฏิเสธ ป้าจางจัดที่เพิ่มให้ชินดงด้วยนะครับ”

    มินโฮหันไปชวนคนสนิทและหันกลับไปสั่งแม่บ้าน

    “ขอบคุณครับคูณมินโฮ คุณอนยู” นึกว่าจะไม่ชวนซะแล้ว หิวเหมือนกันนะเนี่ย

    ชินดงกล่าวแล้วรีบสาวเท้าเดินตามคนทั้งสองเข้าบ้าน


    TBC.



    จบไปอีกหนึ่งตอนและยังคงความมั่วไว้อย่างสม่ำเสมอ
    รีดเดอร์หลายท่านอาจจะคิดว่ายัยนี่พยายามเหลือเกิน
    ที่จะสร้างสถานการณ์ให้โฮกะอนได้ลงเอยกัน
    คนอาไร้หลงทางในไร่ส้มยังไงก็ไม่น่าเป็นไปได้
    แต่เดี๋ยวก่อนเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริงนะไอ้หลงในที่ๆไม่น่าหลง
    และคนๆนั้นก็ข้อยเอง อ้าก!น่าอาย(แล้วบอกทำไมวะ)
    ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆคอมเมนต์นะจ๊ะ

    1 เม้นต์ = ล้านกำลังใจ


    โฮอน ขอบคุณแฟนๆหน่อยเร็ว



     
    T  T '  (เราสองคนถูกบังคับครับ)

      ~ ~'  เปล่านะ ฉันทำเพื่อพวกนายนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×