คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : มุมที่1 เริ่มต้นด้วย 60 องศาด้วย"ความเหงา"
ฉันเองจะไม่ถามว่าคุณเคยรู้สึกเหงาบ้างมั้ย? เพราะส่วนตัวฉันเองเชื่อว่าทุกคนย่อมเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว แล้วแต่ว่าจะผ่านมามากหรือน้อยต่างกันแค่ไหน ผ่านแล้วก็ผ่านไป หรือผ่านแล้วก็หวนกลับมาอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความเหงาคือการปิดหู?
จริงๆแล้วการปิดหูไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เพียงแต่เราอาจจะได้ยินเสียงน้อยลง หรือแผ่วมาก ซึ่งถ้าเราตั้งใจหรือมีสมาธิเราก็จะสามารถได้ยินเสียงได้อย่างชัดเจน
ถึงปิดหูเราก็ยังเปิดตาได้ ถึงปิดตาเราก็ยังเปิดปากพูดคุยกับคนอื่นๆได้ และแน่นอนว่าเราไม่สามารถปิดหู ปิดตา และปิดปากพร้อมกันได้ และนี่คงเป็นเหตุผลที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์เรามีเพียง 2 มือ และ 2 มือนี้จะช่วยให้เราหายเหงาได้ ถ้าได้ทำประโยชน์ เช่น การช่วยเหลือผู้อื่น บำเพ็ญประโยชน์ หรือทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
แต่คำถามที่ตามมาก็คือ 2 มือนี้ก็ต้องมีเวลาพักบ้าง แล้วเวลาพักของเราก็กลับทำให้เราเหงาอีกครั้ง แล้วเราควรจะทำยังไงถึงไม่ต้องกลับมาเหงาซ้ำอีก? และคำตอบของคนหลายคนก็คือการทนทุกข์ทรมานร่างกายตัวเองด้วยวิธีต่างๆ เช่นถูพื้นบ้านครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อรอสามีถึงแม้พื้นจะขัดเป็นเงาวับแล้วก็ตาม ต้องนั่งดูทีวีทั้งที่ไม่มีอะไรจะดูเพื่อรอให้แฟนกลับมาขอคืนดี หรือนั่งคุดคู้จับเจ่าเศร้าสร้อยทั้งๆที่มีคนอื่นๆกำลังเฮฮาสนุกสนานกับปาร์ตี้
เพียงเพราะเราไม่รู้จักใครเลย
แท้จริงแล้วความเหงาไม่ได้อยู่ๆเข้ามาในชีวิตเราได้ เราต่างหากเป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง แล้วทำไมเราต้องเหงาด้วย ทั้งที่เราก็รู้ดีว่าความเหงาสามารถบั่นทอนจิตใจเราได้ ทำให้ทุกข์ใจ หดหู่ อยากร้องไห้ หรือกลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกรู้สมต่อโลกใบนี้ โดนความเหงาครอบงำอย่างไม่มีทางออก
ฉันรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่รุ่นเดียวกับฉัน แต่ฉันเชื่อว่าเธอไม่รู้จักฉันแน่ แต่ทุกคนในระดับชั้นกลับรู้จักเธอหมดทุกคน เธอผู้เรียบเฉย ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ที่ฉันได้เห็นคือแบบนี้จริงๆ แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นอย่างไรฉันไม่อาจทราบได้ ฉันไม่มีเจตนาเยาะเย้ย ดูถูก หรือถากถางแต่อย่างใด เพียงแต่ฉันมักจะตั้งคำถามขึ้นว่าเธอไม่รู้สึกเหงาบ้างหรือไง ที่ไปไหนมาไหนคนเดียว อยู่คนเดียว ทานข้าวคนเดียว หรือเธอจะเก็บความเหงานี้ไว้ในใจ เก็บความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ฉันอดสงสารไม่ได้เวลาที่ใครพูดคุยเรื่องเธอคนนี้ในเชิงสนุกสนานมากกว่าการแก้ปัญหาให้เธอ พูดถึงอย่างเห็นใจ หรือยุติการสนทนานี้ไปเสียเถอะ ฉันได้เรียนมาว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ดิฉันเชื่อว่ามนุษย์เกือบทุกคนเป็นสัตว์สังคม และทุกคนต้องการสังคม รวมทั้งเธอคนนั้นด้วย
“เพื่อน” ดิฉันเชื่อว่าทุกคนต้องการเพื่อน เพื่อนทำให้เราอบอุ่นใจ สบายใจ มีความสุข แต่พอเราขาดเพื่อนไป สิ่งที่ตามมาโดยทันทีคือ “ความเหงา”
ตอนที่ดิฉันอยู่ชั้นประถม ความเหงาได้เกิดขึ้นกับฉันบ่อยครั้งมาก จำได้ว่าตอนนั้น ดิฉันมีเพื่อนสนิทเพียง 3-4 คนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ตอนที่อยู่ในห้องเรียนก็ยังมีเพื่อน แต่พอตอนเย็น เพื่อนสนิทของเราก็กลับกันหมด เหลือเราเพียงคนเดียวที่ต้องนั่งรอพ่อ นั่นแหละค่ะทำให้ดิฉันซาบซึ้งถึงคำว่าเหงาจริงๆ จริงๆแล้วก็มีเพื่อนคนอื่นในห้องเล่นของเล่นกันอยู่ แต่เพราะฉันไม่กล้าเข้าไป ดังนั้นจึงต้องนั่งกับความเหงาเพียงลำพัง และสิ่งนี้เองที่เคยทำให้ฉันเกลียดการรอคอย ดิฉันเคยโกรธพ่อแม่ที่ชอบมารับฉันช้า และบอกให้รอ และ ฉันต้องรอต่อไป ฉันเคยถามพ่อแม่ด้วยความโมโหว่า “ทำไมต้องมารับหนูช้าด้วย”
แม่ตอบฉันเพียงว่า “หัดรอซะบ้าง” คำพูดนี้ยังคงฝังลึกถึงทุกวันนี้ และคำพูดนี้เองที่ทำให้ดิฉันไม่เกลียดการรอคอยอีกต่อไป การรอคอยสอนให้รู้จักความเหงา และความเหงาก็สอนให้รู้จักการรอคอยเช่นกัน
ดังนั้นดิฉันจึงไม่กลัวที่จะเหงา มันคือกฎโดยธรรมชาติ
เราเพียงต้องเผชิญหน้าและหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ให้ได้เท่านั้น
ชีวิต ขาดเพื่อน เราเหงา เราไม่ตาย
ชีวิต ขาดพ่อแม่ เราเหงา เราไม่ตาย
ชีวิต ขาดคนรัก เราเหงา เราไม่ตาย
ชีวิต ขาดตัวเอง เราเหงา เราตายตั้งแต่เรายังไม่เหงา
ดิฉันเชื่อว่าสิ่งที่จะนำพาตัวเราให้หลุดพ้นจากความเหงาได้ดีที่สุด คือสติ ความคิด และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จิตใจของตัวเราเอง เพราะเมื่อเรามีสติ เราก็จะสามารถเกิดความคิดที่ดีได้ ความคิดที่ว่า เรายังมีตัวเราเองอยู่ อย่าคิดว่า เราเหลือเพียงตัวคนเดียว หรือ ขาดเค้าไม่ตายหรอก อย่าคิดว่า ถ้าขาดเค้าไปจากชีวิตฉันเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าตัวตาย หรือ เรานี่ไม่หล่อแต่เร้าใจนะ ห้ามคิดเชียวว่า หน้าตาอย่างเราใครจะไปชอบ และเมื่อเราเกิดความคิดที่ดีแล้ว ก็อย่าลืมทำจิตใจของเราให้เข้มแข็งด้วย สุดท้ายความเหงาก็จะไม่ใช่คู่ปรับที่น่ากลัวอีกต่อไป
ดีใจด้วยนะคะ คุณชนะมันแล้ว^^
ความคิดเห็น