ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในดวงใจนิรันดร์

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.02K
      1
      27 ต.ค. 56

                     "คุณป้าบอกว่า ถ้าจะทำเครื่องประดับต้องมาทำร้านนี้ เพราะว่าช่างฝีมือดี" พรรณฤดีเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างที่เดินออกมาหน้าร้าน
                    "ค่ะ ช่างของเราเป็นช่างทองจากสุโขทัย สืบทอดฝีมือกันต่อมาเป็นรุ่นๆ งานจะละเอียดเรียบร้อย รับประกันได้ค่ะ" พราวตะวันตอบ
                    "อืม ก็ดีนะ ฉันเป็นคนชอบงานละเอียด แล้วก็ประณีต ดีเหมือนกันถ้าทำแหวนหมั้นก็จะใช้บริการของที่นี่แล้วกัน"
                    "ยินดีค่ะ" 
    พราวตะวันรู้สึกเบื่อหน่ายกับการมารับรองพรรณฤดี แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ ก็จำเป็นต้องทำ เพราะงานของหล่อนคือการบริการลูกค้า เพื่อให้ได้ความพึงพอใจสูงสุด พรรณฤดีใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการเลือกดูแบบแหวน แต่ก็ไม่ถูกใจหล่อนเสียที จนเมื่อมีบุคคลที่สามเดินเข้ามาในร้าน 
                    "พี่พร้อมมาพอดีเลย พี่พร้อมมาช่วยน้องเลือกแหวนหน่อยสิค่ะ" พรรณฤดีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าที่คู่หมั้นเดินเข้ามาในร้าน 
                    เมื่อรู้ว่าผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ในร้านเป็นใคร พราวตะวันก็ถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันที เพราะยังนึกเคืองชายหนุ่มกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำไมถึงได้หนีผู้ชายคนนี้ไม่พ้นเสียทีนะ งานการไม่มีทำรึยังไงถึงได้มาเดินเฉิดฉายตามคู่หมั้นแบบนี้ พราวตะวันได้แต่คิดในใจ แต่ที่ทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยก็ตรงเห็นรอยแดงเล็กๆบริเวณใบหูข้างซ้ายของชายหนุ่ม และดูเหมือนชายหนุ่มจะรู้ตัวว่าหญิงสาวยิ้มอะไร แต่เมื่อทำอะไรคนตัวเล็กเบื้องหน้าไม่ได้ จึงได้แต่ส่งสายตาคาดโทษไป
                      "น้องเลือกมาเกือบชั่วโมงแล้ว ยังเลือกไม่ได้เลย" หญิงสาวออดอ้อนว่าที่คู่หมั้นหนุ่ม
                      "พี่ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เสียด้วย คุณน้องให้พราวช่วยเลือกสิจ๊ะ" "พราว" พรรณฤดีเริ่มแปลกใจกับสรรพนามที่ชายหนุ่มเรียกอีกฝ่ายด้วยความสนิทสนม ในขณะที่กลับเรียกเธอว่า”คุณน้อง”ทุกครั้ง หญิงสาวจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
                       "คุณพราวเธอช่วยเลือกแล้วค่ะ แต่น้องไม่ถูกใจ แต่ถ้าเป็นพี่พร้อมเลือกให้ น้องน่าจะถูกใจมากกว่า เพราะที่พร้อมรู้ใจน้องที่สุด” พราวตะวันได้แต่แอบเบ้ปากกับอาการหวานเลี่ยนของหญิงสาวตรงหน้า แล้วเสียงระฆังก็มาช่วยชีวิตชายหนุ่มไว้
                       "ตาพร้อมมาแล้วเหรอลูก" คุณหญิงพิมพ์ดาวเอ่ยทักบุตรชาย ขณะเดินออกมาจากห้องรับรองพร้อมกับคุณหญิงรุ่งทิพย์ 
                       "สวัสดีครับคุณป้า" ชายหนุ่มประนมมือไหว้ทำความเคารพคุณหญิงรุ่งทิพย์
                       "สวัสดีจ๊ะ ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่หล่ะลูก"
                       "นัดทานข้าวเที่ยงไว้ด้วยกันค่ะคุณพี่ หาตัวยากจะกินข้าวกับแม่แต่ละทีต้องนัดล่วงหน้า" คุณหญิงพิมพ์ดาวกล่าวประชดบุตรชาย
                       "โธ่ คุณแม่ก็พูดเกินไป" ชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้นโอดครวญ 
                       "แล้วตกลงหนูน้องได้แหวนที่ถูกใจไม๊จ๊ะ" คุณหญิงพิมพ์ดาวหันมาถามหญิงสาวอีกคน
                        "ยังไม่ได้เลยค่ะคุณป้า พี่พร้อมมาพอดี กำลังจะช่วยเลือกให้ แต่ตอนนี้น้องว่าใกล้เที่ยงแล้วเราไปทานอาหารกันดีกว่านะค่ะ ส่วนเรื่องแหวนเอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะ"
                        "เอาอย่างนั้นเหรอจ๊ะ"
                         "ค่ะ"
                        เมื่อหญิงสาวยืนยันเช่นนั้น คุณหญิงพิมพ์ดาวจึงหันไปชวนคุณหญิงพิมพ์ดาวว่า
                         "คุณพี่ไปทานเที่ยงด้วยกันนะค่ะ"
                         "ขอบคุณค่ะ เชิญคุณหญิงเถอะค่ะ พี่ขอตัว"
                          "ถ้าอย่างนั้น น้องลาเลยนะค่ะ สวัสดีค่ะ"
                         "คุณป้าค่ะ เที่ยงนี้พราวขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัวสักครู่นะค่ะ" พราวตะวันเอ่ยขึ้นเมื่อคุณหญิงพิมพ์ดาวออกไปจากร้าน
                          "ได้สิจ๊ะ พราวไม่ต้องห่วงป้านะ ถ้าป้าจะกลับ ป้าจะโทรบอกนายชื่นมารับก็แล้วกัน"
                          "ขอบคุณค่ะ"

    -----------------------------------------------------------

    ณ ห้องอาหารญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแต่งแห่งเดียวกับร้านไดมอนด์ จิวเวลลี่ พราวตะวันก้าวเข้าไปก็พบกับบริกรที่รอต้อนรับอยู่ในร้าน 
                         "ไม่ทราบว่ากี่ท่านค่ะ"
                         "ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนดิฉันมาแล้ว" พราวตะวันเอ่ยกับพนักงานเมื่อพบว่าชายหนุ่มที่นัดเธอไว้มารออยู่แล้ว และโบกมือทักทาย
                         "ขอโทษนะ สายไปนิดนึง สิงห์สั่งอะไรรึยัง"
                         "ยัง เรารอพราวก่อน แล้วค่อยสั่งพร้อมกัน" ชายหนุ่มนามว่า"สิงห์" หรือสิงหนาท เพื่อนชายคนสนิทของหญิงสาวเอ่ยตอบ พราวตะวันกับสิงหนาทรู้จักกันตอนที่ไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ ทางครอบครัวของชายหนุ่มต้องการให้ลูกชายคนเดียวสืบทอดกิจการโรงแรม และรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ จึงส่งลูกชายไปศึกษาหาประสบการณ์เพิ่มเติม
                        "สิงห์ขึ้นมากรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อไหร่" พราวตะวันเอ่ยถามหลังจากที่ทั้งสองสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว 
                        "เราขึ้นมาได้ 2 วันแล้ว เมื่อวานเราโทรหาพราวด้วยนะ แต่พราวไม่รับสายเรา" สิงหนาทตัดพ้อด้วยน้ำเสียงที่พราวตะวันคิดว่าน่าหมั่นไส้
                       "พอดีเมื่อวานมีงานการกุศลที่สมาคม เราเลยยุ่งๆ"
                       "ไม่จริงหรอก พราวไม่อยากรับสายเรามากกว่า พราวมักจะมีข้ออ้างดีๆมาปลอบใจเราเสมอ" สิงหนาทยังคงเล่นบทชายหนุ่มผู้น่าสงสารต่อไป
                       "อย่ามาเยอะกับพราวนะสิงห์" หญิงสาวเอ่ยเมื่อเห็นว่าเพื่อนชายเริ่มจะเล่นบทดราม่า 
                       "โอเค โอเค เลิกเล่นก็ได้" สิงหนาทเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มอารมณ์ไม่ดี
                         "ว่าแต่วันนี้ดูพราวเซ็งๆนะ ใครนะที่มากวนอารมณ์คุณหนูพราวตะวันของนายสิงห์"
                         นั่นไง ขนาดบอกว่าเลิกเล่น ก็ยังแถมมาอีกจนได้ พราวตะวันได้แต่โคลงศีรษะกับอาการเต็มจนล้นของชายหนุ่ม
                         "เปล่าหรอก พอดีลูกค้าเรื่องมากนิดหน่อยหน่ะ วงโน้นก็ไม่ ดี วงนี้ก็ไม่ได้ สรุปคือไม่ได้ซักวง"
                         "อ้าว" ชายหนุ่มได้แต่อุทาน
                         "จริงๆนะสิงห์ เรานะเบื่อมากเลยกับพวกลูกค้าแบบนี้ เอาใจยากมาก" หญิงสาวได้แต่บ่นให้ชายหนุ่มฟังด้วยความรำคาญใจ
                         "ถ้าอย่างนั้น เราอย่าคุยเรื่องเครียดๆ กันเลย มาคุยเรื่องที่มีสาระกันดีกว่า"
                          "อะไรนะ เราหูฝาดรึเปล่า เรื่องที่มีสาระสำหรับนายสิงห์เหรอ ว่าแต่เรื่องอะไรน้า" หญิงสาวล้อเลียนชายหนุ่ม ในเมื่อใครๆก็รู้ว่าสิงหนาทนั้นเป็นชายหนุ่มอารมณดีไม่ค่อยจะเอาสาระอะไรมากมายในชีวิต
                          "ก็เรื่องกินไง อาหารมาแล้ว กินกันเลยดีกว่า"
                          "โธ่เอ๊ย สิงห์" ว่าแล้วสองเพื่อนรักก็นั่งรับประทานอาหารกันไป สำหรับพราวตะวันแล้ว สิงหนาทเป็นเพื่อนสนิทที่สามารถแชร์ความรู้สึกได้เกือบทุกเรื่อง แต่สำหรับสิงหนาทแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อพราวตะวันนั้นมีมากกว่าความเป็นเพื่อน ทั้งๆที่หญิงสาวเคยพูดกับชายหนุ่มแล้วว่าเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ และความเป็นเพื่อนนั้นจะยั่งยืนมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่ชายหนุ่มก็ยังรอคอยวันที่หญิงสาวจะเปลี่ยนใจ ถึงแม้จะรู้ว่าวันนั้นอาจจะไม่มาถึงเลยก็ตาม

                           "พราว พราวรู้จักผู้ชายโต๊ะนั้นรึเปล่า ทำไมเค้าถึงมองมาทางโต๊ะเราบ่อยจัง" ชายหนุ่มเอ่ยกับหญิงสาว และเมื่อพราวตะวันหันไปตามทิศทางที่ชายหนุ้มบอกก็พบว่า คนในโต๊ะที่เพื่อนกล่าวถึงก็คือ ลูกค้ากิตติมศักดิ์ที่เพิ่งเดินออกมาจากร้านของหล่อนนั่นเอง
                          "อะไรโลกจะกลมขนาดนั้น ร้านอาหารมีตั้งมากมายหลายสิบร้าน ก็ยังมาเจอกันอีกจนได้" หญิงสาวได้แต่คิดในใจ พลางเอ่ยกับชายหนุ่มว่า
                           "อ๋อ ก็ลูกค้าที่พราวพูดถึงเมื่อตะกี้ไง โลกกลมดีไม๊หล่ะ" 
                           "เราว่าหน้าคุ้นๆ ทุกคนเลยนะพราว"
                           "ก็คงคุ้นหรอก คนมีชื่อเสียงทั้งนั้น ผู้หญิงที่ดูมีอายุหน่อยก็คือ คุณหญิงพิมพ์ดาว ส่วนผู้หญิงอีกคนก็คุณพรรณฤดีเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ แม่งานคนที่จัดงานสมาคมเมื่อคืนนี้ไงหล่ะ ส่วนผู้ชายนั่นก็พันตรีพร้อมพิทักษ์ลูกชายคุณหญิงพิมพ์ดาว"
                            "อืม แต่ดูท่าทางพันตรีอะไรนั่น เค้าจะสนใจพราวนะ เราเห็นเค้ามองมาตั้งหลายครั้งแล้ว"
                           "ไม่จริงมั้ง สิงห์ตาฝาดรึเปล่า เค้าจะมาสนใจเราทำไม" 
                           "เราว่า เราดูไม่ผิดหรอก แย่จังเราเจอคู่แข่งอีกแล้วเหรอ  เนี๊ยะ อุตส่าห์กำจัดไปได้ตั้งหลายคนแล้วนะ" ชายหนุ่มทำน้ำเสียงผิดหวัง
                           "อะไรนะ ที่ตอนนี้ไม่มีใครมาจีบเรา เป็นเพราะฝีมือสิงห์เหรอ" หญิงสาวแกล้งกล่าวด้วยท่าทีเอาเรื่อง 
                            "โธ่ ทำเป็นจริงจังไปได้ เราล้อเล่นน่า ใครจะกล้า" ชายหนุ่มแก้ตัว เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว
                            "ทำเป็นตกใจไปได้ เราก็ล้อเล่นเหมือนกัน" หญิงสาวเอ่ยพลางใช้กำปั้นชกเข้าที่ไหล่ของชายหนุ่ม ในขณะที่ชายหนุ่มก็ใช้มืออีกข้างมารับกำปั้นของหญิงสาวไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกุมมือหญิงสาวไว้หลวมๆ
                            "พราว"
                            "อะไรสิงห์ เรียกซะหวานเลย เราขนลุกนะ"
                            "ถ้าเราจะขอโอกาส" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังต่างจากเมื่อครู่นี้ พอรู้ว่าประโยคต่อไปที่ชายหนุ่มจะพูดคืออะไร หญิงสาวก็เอ่ยขึ้นว่า
                            "สิงห์ เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ สำหรับพราวยังคงยืนยันคำเดิม"
                            "แต่เราอยากขอให้พราวให้โอกาสเราบ้าง"
                            "สิงห์เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไม๊"
                            "เชื่อสิ เพราะสำหรับเรา การได้เจอกับพราวก็คือพรหมลิขิตแล้ว"
                            "แต่สำหรับเรา พรหมท่านลิขิตให้เรามาเป็นเพื่อนกับสิงห์นะ เชื่อเราเถอะสิงห์ เปิดโอกาสให้ตัวเองบ้าง เราคุยเรื่องนี้กันมาหลายครั้ง อย่าให้เรื่องนี้ต้องทำให้ความเป็นเพื่อนของเราต้องสั่นคลอนเลยนะ"
                            "โอกาสของพราว คงจะไม่มีไว้เพื่อเราแล้วจริงๆ" น้ำเสียงชายหนุ่มฟังเศร้าสร้อยจนน่าในหาย แต่แล้วชายหนุ่มก็พูดขึ้นว่า 
                            "โอเค เราจะพยายามทำใจให้เป็นเพื่อนที่ดีของพราว ถึงแม้จะต้องฝืนความรู้สึก และยากเย็นขนาดไหนก็ตาม" 
                             "เราดีใจนะที่สิงห์คิดแบบนั้น เราจะเอาใจช่วยให้สิงห์เจอกับคนที่เหมาะสมกับสิงห์จริงๆ ก็แล้วกัน"
                             "ขอบใจนะพราวที่ทำให้เรารู้ว่าเราต้องตัดใจจากพราวแล้วจริงๆ"
                             "เราเป็นกำลังใจให้สิงห์เสมอนะ" ถึงแม้หญิงสาวจะสงสาร และเห็นใจชายหนุ่มตรงหน้าเพียงใด แต่สำหรับเธอแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มได้จริงๆ และได้แต่หวังว่าสักวันสิงหนาทคงจะเจอคนที่เหมาะสมกับเขา และคู่ควรมากกว่าเธอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×