ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] OS l SF : Once Upon A Time ★

    ลำดับตอนที่ #8 : [OS] Retweet Mission 1

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 59


    [OS] Retweet Mission 1

    Author : Chuchompoo        

    Pairing : Yugyeom x Mark

    Rate : PG

    Song : Please – Atom




    “มาร์ค... จะไปจริงๆ เหรอครับ?”

    .

    .

    .

     

    “ผม... ชื่อต้วน อี๋เอิน”

     

     

                “คุณ!  คุณ!!

     

                ยูคยอมจับบ่าร่างเล็กตรงหน้าเขย่าเบาๆ  ของเหลวหนืดสีแดงเข้มบนพื้นทำให้เขาร้อนใจมากกว่าเดิม  ครั้นจะยกศีรษะคนที่นอนไม่ได้สติขึ้นมาตรวจดูก็คิดได้ก่อนว่าตัวเองไม่มีความสามารถด้านการปฐมพยาบาลเลยแม้แต่น้อย

     

                “อย่าพึ่งตายนะคุณ  หายใจไว้ก่อนนะ”

     

                พูดออกไปทั้งที่รู้ว่าเจ้าของใบหน้าดูดีราวกับรูปปั้นนี่คงไม่ได้ยินที่เขาพูด  สองแขนแกร่งค่อยๆ ช้อนร่างเล็กขึ้นอย่างเบามือ  วิ่งออกจากซอยไปทางถนนใหญ่เพื่อนหาแท็กซี่ซักคัน

     

                ในตอนนั้น.. ยูคยอมไม่รู้หรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมาหรือไม่  รู้แค่จิตสำนึกด้านดีที่มีอยู่มันร่ำร้องให้พาร่างบอบบางนี่ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

     

     

                ใครจะไปคิดว่าระหว่างเดินเอื่อยๆ กลับคอนโดจะต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรเหนือความคาดหมายไปไกลโข  ยูคยอมได้ยินเสียงคนโวยวายและเสียงถังขยะเหล็กล้มมาจากซอยทางด้านขวามือที่เขายืนห่างอยู่จากปากทางมาประมาณสองเมตร  จะไม่อะไรเลยถ้าซอยนั้นไม่ใช่ทางที่เขาต้องเดินผ่าน  จะให้ดุ่มๆ เข้าไปแบบไม่สนเหตุการณ์ก็คงไม่ดี  หากเป็นนักเลงตีกันขึ้นมาชีวิตเขาคงได้ดับอยู่ในซอยนั้นแน่ๆ

     

                เพราะแบบนั้น... ยูคยอมจึงเลือกที่จะยืนรออยู่ที่เดิม  จนเสียงเอะอะโวยวายและข้าวของรอบข้างเงียบลงถึงค่อยยืนหน้าออกไปดู  ตลอดความยาวของซอยนั้นว่างเปล่า เหลือเพียงข้าวของที่ระเนระนาด (ประกอบไปด้วยลังใหญ่ๆ ที่อยู่มาหลายปีและถังขยะ)  ร่างสูงถอนหายใจเฮือก  สาวเท้าเดินเข้าซอยไปพลางภาวนาไม่ให้มีอะไรมากระโจนใส่ในเวลาแบบนี้

     

                แต่ดูเหมือนว่าเขาจะภาวนาน้อยไปหน่อย...  เพราะร่างของคนที่นอนอยู่หลังกล่องใบใหญ่กับเลือดที่ไหลนองพื้นตอนนี้มันน่ากลัวกว่าเสียอีก

     

     

     

                “คุณ!  ตื่นแล้วเหรอ!?

     

                ยูคยอมเบิกตากว้าง เผลอจับแขนคนที่นอนไม่ได้สติมาสองสามวันด้วยความดีใจ  เปลือกตาบางกระพริบถี่เพื่อปรับการมองเห็น  ก่อนที่ดวงตาสีเปลือกไม้คู่นั้นจะเลื่อนมาสบกับคนที่ยืนดีใจอยู่ข้างเตียง

     

                “คุณหลับไปตั้งหลายวัน  ผมนึกว่าจะเป็นอะไรซะแล้ว”

     

                ริมฝีปากบางขยับจ้อตามนิสัย แม้คู่สนทนาจะยังมองเขาด้วยสายตางงงวย  กว่าจะรู้ตัวยูคยอมก็เผลอพูดคนเดียวไปเกือบสิบนาทีแล้ว

     

                “เอ่อ... เดี๋ยวผมตามหมอก่อนแล้วกัน  ถ้ากลับบ้านได้ก็ค่อยบอกที่อยู่ผมนะ”

     

                ยูคยอมขยับตัว  กำลังจะหันปุ่มเรียกพยาบาลที่หัวเตียงแต่เสียงเรียบๆ ก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

     

                “แล้วบ้านผมอยู่ที่ไหน?”

     

                เดี๋ยวนะ...

     

                ใบหน้าหล่อเหลาหันควับไปมองคนบนเตียงทันทีที่ตีความประโยคสั้นๆ นั่นจบ  เบิกตากว้างมองตากลมแป๋วที่จ้องกลับมา  พยายามคิดว่าเมื่อกี้ตัวเองคงได้ยินผิด หรือไม่ก็อีกฝ่ายอาจจะยังเบลอๆ...

     

                “แล้วผม... เป็นใคร?”

     

                ครับ...

     

    เค้าลางความวุ่นวายมาเยือนชีวิตของคิมยูคยอมทันทีที่จบประโยคนั้น....

     

     

     

                “มาร์คครับ  แอบกินขนมอีกแล้วใช่มั้ย”

     

                มาร์ค คือชื่อที่ยูคยอมตั้งให้คนแปลกหน้าที่เจอกันเมื่อสองอาทิตย์ก่อน  หลังจากเรียกคุณหมอเข้ามาตรวจอะไรเรียบร้อย ก็ได้ผลสรุปว่ามาร์คน่าจะตกใจมากจนช็อค  ความทรงจำเลยหายไปชั่วคราว  ถ้าได้รับการกระตุ้นหรือรออีกซักพักก็คงกลับมาจำได้เหมือนเดิม 

     

                นั่นคือเหตุผลหลักว่าทำไมเวลานี้มาร์คถึงมานั่งตาแป๋วอยู่ในห้องของยูคยอม

     

                “เปล่านะ”

     

                มาร์คคลี่ยิ้มกว้างจนตาปิดแบบที่ยูคยอมเห็นแล้วยังไงก็ต้องยอมแพ้ ประกอบกับการยกมือขึ้นมาทำเป็นรูปกากบาทไปด้วย  เจ้าของห้องที่เก๊กหน้าดุอยู่เมื่อครู่จึงต้องยอม เปลี่ยนมายิ้มแล้วดึงแก้มคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาเบาๆ

     

                “ถ้ากินข้าวเย็นได้น้อยคืนนี้ผมจะไม่ให้ดูทีวี”

     

                ยูคยอมลอบหัวเราะให้กับใบหน้างอๆ นั่นก่อนจะเดินไปเตรียมอาหารเย็นใส่จาน (ทำเองเป็นที่ไหนล่ะครับ..)

     

                อยู่กันมาก็ครึ่งเดือน  ตอนนี้ยูคยอมพอจะเข้าใจนิสัยของมาร์คบ้างแล้ว พอๆ กับการที่มาร์คเรียนรู้ว่าเขาชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรได้อย่างรวดเร็ว 

     

                มาร์คไม่ใช่คนชอบพูดนัก... โดยปกติจะทำหน้านิ่งๆ  ยกเว้นเวลาที่จะอ้อนหรืออารมณ์ดีมากๆ นั่นแหละ  เป็นคนติดสกินชิพ  งานอดิเรกตอนนี้คือนั่งดูทีวี กินขนม นอน แล้วก็...

     

                อ้อนยูคยอม

     

                ไม่อยากจะยอมรับนักหรอก  แต่ยูคยอมเองก็ชอบให้มาร์คอ้อนเหมือนกัน  ใบหน้าหวานๆ นั่นกับรอยยิ้มเห็นเขี้ยว เป็นใครก็ชอบทั้งนั้นแหละ!

     

                ยูคยอมชอบมาร์คมาก  มากจนก้าวผ่านเส้นกั้นระหว่างคำว่าชอบกับรักไปแล้ว

     

                แต่ความรักครั้งนี้... ยูคยอมไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาได้ใช้มันอีกนานแค่ไหน  ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กในชุดใหญ่ๆ ของเขาที่นั่งอยู่บนโซฟานั่นจะกลับไปเป็นตัวเองเมื่อไหร่

     

                และถ้าหากกลับไป... เขาจะยังมีโอกาสได้เป็นคนที่รักและถูกรักอีกมั้ย 

     

    ยูคยอมไม่รู้คำตอบของมันจริงๆ

     

     

     

     

    “มาร์ค  ผมไปเรียนก่อนนะ”

     

    มาร์คปรือตาขึ้น  มองยูคยอมในชุดนักศึกษา  มือเล็กยกขึ้นกวักหน่อยๆ เป็นเชิงให้อีกฝ่ายก้มลงมา  ริมฝีปากอิ่มแกล้งกดลงบนแก้มของอีกฝ่ายหนักๆ หนึ่งที  ผละออกมายิ้มตาหยีแล้วลุกจากเตียงเพื่อเดินไปส่งยูคยอมที่หน้าประตู

     

    กิจกรรมเดิมๆ ของมาร์คเริ่มขึ้นหลังจากนั้น  ร่างเล็กเดินลากรองเท้าสลิปเปอร์ลายกระต่ายสีขาวที่ยูคยอมซื้อให้เข้าห้องน้ำ  จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปกินข้าวเช้าที่คนตัวโตเตรียมเอาไว้ให้  จัดการล้างจานและแอบเปิดตูเย็นเช็คข้าวกลางวัน  ถ้าเป็นของที่มาร์คชอบก็กิน  แต่ถ้าไม่... มาร์คก็จะปีนเก้าอี้ไปหยิบขนมที่ยูคยอมอุตส่าห์ซ่อนไว้บนช่องเก็บชั้นสูงสุดในครัว (คิดว่ามาร์คไม่รู้รึไง!?) มากินแทน

     

    นิ้วเรียวจิ้มรีโมตเปิดทีวี  ทิ้งตัวลงโซฟาและจ้องมองจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าแบบไม่รู้ว่านอกจากนี้จะมีอะไรให้ทำอีก  เลื่อนช่องไปเรื่อยๆ เพื่อหารายการที่ถูกใจ  หรือหยุดดูข่าวบ้างตามความเคยชิน (ที่มาร์คเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชิน)

     

    เวลาเช้าแบบนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรให้ดูนักนอกจากข่าว  ดวงตาสีเปลือกไม้มองภาพเคลื่อนไหวในทีวีอย่างไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก  จนมาถึงข่าวหนึ่งที่มาร์ครู้สึกคุ้นกับชื่อของคนในข่าวนั้นมากอย่างแปลกประหลาด

     

    อิมแจบอม..?

     

    ดวงตาที่ปรือในตอนแรกเบิกกว้างเมื่อภาพตัดสลับไปที่คลิปสัมภาษณ์หนึ่ง  เจ้าของชื่ออิมแจบอมอยู่ในนั้น  ดวงตาคมสีดำสนิทกับใบหน้านิ่งนั่นสะกดมาร์คเอาไว้

     

    พร้อมๆ กับความทรงจำที่หายไปกำลังพุ่งเข้ามาในสมองเขาแบบไม่ได้ตั้งตัว

     

     

     

    “มาร์ค.. ผม---  มาร์ค!?

     

    หัวใจของยูคยอมกระตุกวูบเมื่อไขประตูเข้ามาแล้วเจอแต่ความมืด  มือยื่นไปกดสวิตซ์ไฟข้างประตูด้วยความเคยชิน  ทิ้งถุงอาหารสำหรับเย็นนี้และพรุ่งนี้ไว้ที่หน้าประตู รีบร้อนก้าวยาวๆ เข้าห้องไปทางโซฟา

     

    “มาร์ค!

     

    ยูคยอมพุ่งไปหาร่างที่นอนอยู่บนพื้น  ช้อนร่างเล็กๆ ขึ้นมาให้อ้อมแขน  เขย่าและเรียกอยู่แบบนั้นจนมาร์คค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง

     

    “โล่งอกไปที.. เผลอหลับไปเหรอครับ?”

     

    ยูคยอมถามพร้อมรอยยิ้มโล่งใจ  แต่รอยยิ้มนั่นก็อยู่ได้เพียงไม่นานเมื่อสังเกตเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของมาร์ค  ดวงตาสีน้ำตาน่าหลงใหลไม่ได้มองเขาอย่างใสซื่อเหมือนเคย นอกจากนั้นมันยังดูเรียบเฉยจนเขาสัมผัสได้

     

    “มาร์ค...?”

     

    “มาร์ค?”  เสียงทุ้มทวนคำ  จับมือหนาที่กอดเอาไว้ออกอย่างมีมารยาท  สองแขนยันกับพื้นเพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นนั่งดีๆ  “คุณหมายถึงใคร  แล้วผมมาทำอะไรที่นี่?”

     

    ยูคยอมเหมือนหูอื้อตาลายไปชั่วขณะ  มองใบหน้าเรียบนิ่งของคนตรงหน้าอย่างเลื่อนลอยจนมาร์คต้องเอ่ยเรียกอีกรอบถึงจะได้สติ

     

    “คุณ!

     

    “ครับ... คือ...มีเรื่องนิดหน่อย  เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง”

     

     

     

    ห่างจากเหตุการณ์ทำร้ายหัวใจของยูคยอมได้ไม่กี่ชั่วโมง  คนของมาร์ค— ไม่สิ  ตอนนี้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ใช่มาร์ค  แต่เป็น ต้วน อี๋เอิน  ลูกชายคนโตของเศรษฐีชาวไต้หวันที่ทำธุรกิจอยู่ในอเมริกา 

     

    ห้องขนาดกลางของยูคยอมตอนนี้เต็มไปด้วยคนจำนวนมาก  ทั้งผู้ชายในชุดสูทกับแว่นกันแดดสีเข้มสองสามคน และผู้ชายอีกคนที่เขาเห็นบ่อยๆ ในข่าวธุรกิจ

     

    อิมแจบอม...  เจ้าของบริษัทนำเข้าสินค้าที่กำลังบูมมากตอนนี้

     

    อิมแจบอม...  ผู้ชายที่เป็นคนรักของต้วนอี๋เอิน

     

    “ยังไงก็ต้องขอบคุณมากที่ช่วยอี๋เอินไว้”

     

    เสียงเรียบๆ กับรอยยิ้มบางของนักธุรกิจหนุ่มตรงหน้าทำให้ยูคยอมต้องคลี่ยิ้มบางโต้ตอบไม่ให้เป็นการเสียมารยาท  จะบอกว่าเขายังช็อคอยู่ก็ได้  ในเมื่อเรื่องวันนี้มันเยอะและถาโถมเข้ามาไล่เลี่ยกันจนเขาแทบจะรับไม่ไหว

     

    เริ่มจากที่มาร์คของเขากลายไปเป็นคุณหนูอี๋เอิน  แถมดูท่าว่าคนตัวเล็กตรงหน้าเขานั้นจำเรื่องราวระหว่างสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย  แค่นั้นยังทำให้เขาเจ็บได้ไม่มากเท่าการที่อี๋เอินพุ่งไปกอดแจบอมแน่นทันทีที่มาถึง  ไหนจะเหตุผลที่ทำไมอี๋เอินถึงไปโผล่อยู่ในซอยนั้นให้โดนปล้นแถมยังโดนทำร้ายร่างกายได้อีก

     

    วันนั้นอี๋เอินน้อยใจอิมแจบอมเลยหนีออกมาทั้งๆ ที่ไม่รู้ทาง....

     

    และถ้าหากไม่รัก.. ก็คงไม่น้อยใจ

     

                คำถามที่เคยถามตัวเองไว้ได้คำตอบที่ชัดเจนแบบไม่ต้องให้ใครพูดอะไร  ความรักครั้งนี้ของยูคยอมมันยากตั้งแต่มาร์คจำตัวเองไม่ได้แล้ว  และสิ่งที่ตอกย้ำว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยคืออิมแจบอมที่นั่งอยู่บนโซฟาเคียงข้างกับ (อดีต) คนรักของเขา

     

                แล้วยูคยอมจะทำอะไรได้อีก?

     

                “งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ  ขอบคุณมากอีกครั้ง ไว้ผมจะหาของมาตอบแทน”

     

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

     

                ยูคยอมตอบไปเพียงเท่านั้น  ก้าวตามและมองแผ่นหลังของคนที่เดินเคียงคู่กันข้างหน้า  จนวินาทีที่มาร์คกำลังจะเดินออกจากเขตห้องเขาไป  มือหนาก็พุ่งไปจับข้อแขนเล็กไว้โดยไม่รู้ตัว

     

                ยูคยอมสัมผัสได้ถึงสายตาไม่พอใจของแจบอม...  ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ปล่อยมือ  กลัวว่าถ้าหากปล่อยไปครั้งนี้แล้วเขาจะไม่ได้สัมผัสมันไปอีกตลอดกาล

     

                คนรักของอี๋เอินเกือบจะมาดึงมือเขาออกอยู่แล้ว  แต่ก็ไม่ได้ทำเมื่อเสียงนุ้มทุ้มถูกเปล่งออกมาขัดเสียก่อน

     

                “ออกไปรอก่อนแจบอม  ผม... มีเรื่องจะคุยกับยูคยอม”

     

                ในทีแรกอิมแจบอมก็ไม่ได้ยอม  แต่เพราะสายตานิ่งๆ ของอี๋เอิน  ร่างหนาจึงสบถออกมาแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แล้วเดินออกไป  ไม่วายปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่ (จริงๆ ก็รู้แหละว่าแจบอมปิดประตูประชด เล่นปิดแรงซะขนาดนั้นนี่)

     

                “มีเรื่องอะไร...”

     

                ร่างเล็กหันกับมาประจันหน้ากับยูคยอมตรงๆ  ดึงแขนออกจากมือเขาอย่างมีมารยาทเหมือนเคย...

     

                ตอนนี้หัวใจของยูคยอมโดนกรีดไปกี่แผลแล้วกันนะ?

     

                “มาร์ค... จะไปจริงๆ เหรอครับ?”

               

                ไม่รู้ว่าเสียงที่เปล่งออกไปมันสั่นเครือมากแค่ไหน  และสีหน้าที่แสดงออกไปคงไม่ได้ดีนัก  ดูจากแววตานิ่งเรียบนั่นที่สั่นไหวคล้ายกับรู้สึกอะไรซักอย่างอยู่แว๊บหนึ่ง

     

                อาจจะสงสาร... หรือสมเพช

     

                ยูคยอมยังหวังที่จะเห็นแววตาลังเลที่อาจจะเกิดเพราะยังรู้สึกอะไรกับเขาได้รึเปล่า?

     

                “ผม... ชื่อต้วน อี๋เอิน”

     

                เสียงที่เขาหลงรักตอบกลับมาพร้อมกับรอยมีดล่องหนที่กรีดลงไปในใจเพิ่มอีกแผล  ยูคยอมคลี่ยิ้มที่ดูยังไงก็รู้ว่าฝืนเต็มทนออกมา  สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ราวกับกำลังเรียกกำลังใจเฮือกสุดท้ายให้ตัวเอง

     

                “ในนี้...”  มือหนาแตะลงข้างศีรษะของอี๋เอินเบาๆ  ดีที่เจ้าตัวไม่ได้ปัดออกหรือจับมันออกอย่างมีมารยาทเหมือนที่ทำมาก่อนหน้านี้ ไม่เช่นนั้นยูคยอมคงเจ็บมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า  “ไม่มีผมอยู่แล้วใช่มั้ยครับ?”

     

                “.....”

     

                “แล้วก็ในนี้...”  ค่อยๆ เลื่อนมือลงมาแตะที่หน้าอกด้านซ้ายของร่างเล็กเป็นอันดับต่อมา  “ไม่รู้สึกถึงผมเลย... จริงๆ เหรอครับ? แค่นิดเดียวก็ได้”

     

                มาร์คไม่ได้ตอบอะไร  สีหน้ายังคงเรียบนิ่ง  แต่ใจกลับเต้นระรัวแบบที่เขาเองก็ไม่รู้สาเหตุ 

     

    ...เต้นแรงขนาดที่ว่าแม้แต่เจบีก็ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ไม่ได้... 

     

    ดวงตาสีน้ำตายังคงสบกับดวงตาอีกคู่ไม่ได้ละไปไหน  รับความรู้สึกบางอย่างที่ส่งผ่านสายตาอ้อนวอนนั้นมา  ยืนค้างอยู่แบบนั้นเป็นเวลานานเพื่อสัมผัสความอบอุ่นจากแผ่นมือบนอก

     

                มาร์คอยากยืนอยู่ตรงนี้ไปอีกนานๆ 

    แต่เพราะว่าจำไม่ได้....

     

                ต่อให้ใจสั่นและรู้สึกหวั่นไหวแค่ไหน  ตอนนี้คิมยูคยอมก็เป็นเพียงคนที่ช่วยชีวิตเขาและให้ที่อยู่ชั่วคราวเท่านั้น  นอกประตูบานหนานั่นยังมีอีกคนที่เขารัก  ...หรืออย่างน้อยเขาก็รับรู้ว่าตัวเองรักเพราะอะไร

     

                “ไม่เลย...”

     

                “....”

     

                “ผมขอโทษ... แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ”    

     

                “....”

     

                “เพราะฉะนั้น...  คุณช่วยลืมผมด้วยได้มั้ยยูคยอม?”

     

     

    - END –

     

    เรื่องแรกก็ดราม่า  /หลบรองเท้า

    ประเดิมมิชชั่น RT (ที่ไม่น่าหลงคำยุของพี่มดเลยให้ตายเถอะ!) ด้วยเพลงชาติ(?)คยอมมัคก่อนเลยค่ะ 55555555

    เรื่องนี้มันเริ่มจากท่อน รู้ทุกครั้งที่เรามองตายังทำให้ใจของเธอสั่น ทุกอย่างที่ผ่านมานั้นมันคือเรื่องจริงนี่แหละค่ะ

    ตอนแรกกะว่าคงไม่ได้เอาเพลงนี้มาแต่ง เพราะนึกไม่ออกว่าจะแต่งออกมาแบบไหนดี จนวันนึงนั่งร้องเพลงนี้ลอยๆ แล้วร้องถึงท่อนนั้น  เรื่องไหลเข้าหัวเฉยเลย.. ก็นั่นแหละค่ะ เนื้อเรื่องแบบที่อ่านไป บ้าพลังมากเสร็จในสาม-สี่ชั่วโมง ฮือ

    ติดต่อได้ที่ @chuchompoo กับ #กัซกลคน เหมือนเดิมค่ะฮริ้ง <3

    หวังว่าจะชอบกันนะคะ แล้วเจอกันอีกเจ็ดเรื่องหลังจากนี้ค่ะ เยิ้บบบ


    CR.SHL


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×