คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [OS] Hidden mark
[OS] Hidden mark
Author : Chuchompoo
Pairing : Yugyeom x Mark
Rate : PG
เรื่องนักเรียนต่อยตีกันมันเป็นเรื่องธรรมดา...
ยูคยอมคิดแบบนั้น
โรงเรียนชายล้วนกางเกงน้ำเงินชื่อดังที่เขาเรียนอยู่มีเด็กอยู่ไม่กี่ประเภทนัก หากแยกคร่าวๆ คงได้ประมาณสี่... เด็กเรียน
เด็กกิจกรรม
เด็กที่ลอยไปลอยมาเรียนไปวันๆ และอันธพาล
ถามว่าคนอย่างคิมยูคยอมอยู่ในประเภทไหน?
แน่นอนว่าไม่ใช่เด็กเรียนหรอก
เกรดเขาน่ะแค่พอรอดพ้นขึ้นชั้นเรียนใหม่ได้โดยไม่โดนไล่ออกก็เพียงพอแล้ว อย่าไปคาดหวังถึงเลขสวยๆ
ที่ทำให้พ่อแม่ชื่นใจได้เลย
เด็กกิจกรรม? ...อา
เขาก็พอเล่นบาสเกตบอลได้อยู่บ้างน่ะนะ
เรื่องดนตรีนี่ก็พอได้นิดหน่อย
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ชอบมันมากพอที่จะคิดจริงจัง
หรือจะเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ
คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนไปวันๆ....
ข้อนี้ใกล้เคียง
แต่ถ้าให้พูดตอนนี้คงต้องบอกว่าแค่เคยเป็นเท่านั้น ถึงใบหน้าจะยิ้มแย้มอยู่ตลอดและดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ยูคยอมไม่ใช่คนที่รักความสงบนัก ความตื่นเต้นเร้าใจต่างหากที่เป็นจานโปรดของเขา
แถมตอนนี้เขาก็เจอไอ้
‘ความตื่นเต้นเร้าใจ’
ที่ว่านั่นแล้วด้วย...
เพราะฉะนั้นการถูกเรียกว่าอันธพาลมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย
ถ้ามันจะนำพาให้เขากับใครคนนั้นได้เจอกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“โอ้ย! มือหนักอย่างกับควาย”
ใบหน้ายู่ยี่แต่ก็น่ารักจนใจกระตุกนั่นเป็นสิ่งที่ยูคยอมละสายตาไม่ได้
เสียงทุ้มนั่นบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยังคงนั่งเฉยให้เขาแนบสำลีชุ่มแอลกอฮอลลงบนแผลตรงข้างแก้ม รวมถึงมือเล็กๆ ที่จับแขนของเขาอยู่ ทายาให้อย่างไม่เบามือเท่าไหร่นัก
แน่นอนว่าไม่รู้สึกรู้สาหรอก
หมัดของมาร์คหนักกว่านี้ตั้งเยอะเขายังไม่ร้องซักแอะเลย
“อะ...
เสร็จละ”
นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่โกดังร้างท้ายซอยกลายเป็นสถานที่นัดพบของเขาสองคน
แทบทุกครั้งหลังจากที่ตะลุมบอนกันอยู่กลางเมืองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนและถูกตำรวจวิ่งไล่เป็นสิ่งปิดท้ายอย่างเคยๆ
หลังจากเรื่องเหล่านั้น... มาร์คกับยูคยอมก็จะมาเจอกันอีกครั้งโดยไม่ต้องมีคำพูดนัดใดๆ
อย่างที่รู้ๆ กันว่ายูคยอมเองก็เคยเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดา ไปโรงเรียนและนั่งรถกลับบ้าน อาบน้ำ
กินข้าว เล่นเกม และนอนหลับเพื่อตื่นมาวนลูปกิจกรรมเดิมๆ
นั่นไปเรื่อยๆ
เย็นวันหนึ่งขณะที่เขากำลังเดินไปหาแท็กซี่ซักคัน เสียงโวยวายและเสียงตุบตับดังแว่วมาจากซอยไหนซักซอยไม่ไกลจากจุดที่เขายืน
จะด้วยความอยากรู้อยากเห็นหรืออะไรก็ตามแต่... สองขาก้าวตามเสียงนั่นไป ก่อนสถานการณ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละหน่อย
กลุ่มคนสองกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งไล่กัน มีไม้หน้าสาม
มีเสียงเนื้อกระทบเนื้ออย่างรุนแรงทำให้เขาเผลอยืนค้างอยู่แบบนั้น จนกระทั่งได้สติตอนใครบางคนวิ่งผ่านมา ยูคยอมคว้าแขนบางนั้นไว้ กำลังจะถามอยู่แล้วเชียวว่าเกิดอะไรขึ้น
ตุ๊บ!!
ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรง เลือดสีสดหยดลงพื้นชัดเจนพอๆ กับกลิ่นคาวในปาก
เพียงแค่นั้น หมัดลุ่นๆ ก็พุ่งเข้าหน้าคู่กรณีอย่างไม่มีออมมือ
ในตอนนั้น...
ยังสัมผัสไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใบหน้านั่นน่ารักตรงไหน
แค่รู้สึกว่าอยากเจอกันอีกซักรอบ จะเจอดีๆ
หรือต้องมีเรื่องกันก็ได้ไม่เกี่ยง
เพียงแค่นั้นก็ทำให้ยูคยอมคนธรรมดายอมเดินไปบอกเจบีที่เป็นหัวโจกของกลุ่มเลยว่าขอร่วมด้วย
ถือเป็นเรื่องดีๆ
ที่เจบีเองก็รู้สึกถูกใจฝีมือของเขาในวันนั้นอยู่พอสมควร..
“ทำไมต้องพูดเพราะๆ
ตลอด”
“นั่นคำถามประเภทไหนน่ะมาร์ค?”
เด็กหนุ่มเงยหน้าจากกล่องเก็บอุปกรณ์ทำแผล
เลิกคิ้วมองคงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามแบบไม่เข้าใจนัก
“ก็แค่อยากถาม ทำไมถึงพูดเพราะตลอด”
มาร์คเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งๆ จ้องมองเด็กยักษ์ตรงหน้าไม่วางตา ทั้งๆ ที่เป็นอันธพาลไม่ต่างกันนักแท้ๆ ทำไมถึงยังมีรอยยิ้มแสนซื่อนั่นประดับหน้าอยู่ได้ทุกวัน
แถมยังมีออร่าลูกคุณหนูแผ่ออกมาแทบทุกกการกระทำอีกต่างหาก
ถ้าจะเป็นเด็กมีปัญหาก็ช่วยเป็นให้มันครบสูตรจะได้มั้ย ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้มันสับสน!
“ถ้ามาร์คอยากรู้..
ผมบอกก็ได้” ใบหน้าหล่อเหลายื่นมาใกล้ราวกับจะกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคนทั้งๆ
ที่โกดังนี้มันก็ไม่ค่อยมีใครมาวุ่นวายอยู่แล้ว
“แม่ผมบอกมา...”
“.....”
“แม่บอกว่าอย่าพูดคำหยาบน่ะ มันไม่ดี”
ไอ้เด็กเวร!!
ก่นด่าในใจเมื่อเห็นยูคยอมผละไปแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
อยากจะพุ่งไปตีซ้ำที่แผลให้โอดโอยสมใจแต่มาร์คก็เลือกที่จะไม่ทำ
ได้แต่นั่งมองตาขวางแบบไม่สบอารมณ์อยู่อย่างนั้น
หรือคราวหน้ามาร์คจะเสยไอ้หมีนี่ให้คางแตกไปเลยดีนะ...
มาร์ค
ต้วน ก็แค่เด็กช่างกลคนหนึ่ง...
มีเรื่องกับสถาบันคู่อริบ้างตามประสา
ยิ่งมีเพื่อนสนิทเป็นหัวโจกใหญ่ประจำแก๊งค์แล้วยิ่งเลี่ยงไม่ได้ แจ็คสันเคยบอกว่าถ้าเป็นเพื่อนมัน ต่อให้ยืนอยู่เฉยๆ ก็มีคนมาหาเรื่องอยู่ดี จะเป็นไรไปหากมาร์คจะเป็นคนเริ่มซะบ้าง
ตอนแรกมาร์คก็ไม่ได้เชื่อคำพูดอะไรนั่นนัก ใช้ชีวิตสงบๆ
จนกระทั่งวันที่เขาโดนล้อมโดยพวกเด็กกางเกงน้ำเงินคู่อริของแจ็คสันระหว่างที่กำลังเดินทางกลับบ้าน กว่าจะมีคนผ่านมาเห็นแล้วไปเรียกเพื่อนสนิทของเขา สภาพมาร์คก็สะบักสะบอมจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว
แทนที่จะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น... แจ็คสันกลับยิ้มอย่างยินดี
สายตานั่นมองเขาอย่างชื่นชมแค่ไหน... มาร์คเองก็จำไม่ค่อยได้ รู้เพียงเขาได้รับมันหลังจากแจ็คสันเห็นสภาพโชกเลือกของพวกกางเกงน้ำเงินที่มาร์คจัดการไปก่อนหน้านั้น
หลังจากนั้นเป็นต้นมา...
มาร์คก็กลายเป็นทั้งเพื่อนสนิทและมือขวาของแจ็คสันอย่างสมบูรณ์
“จะว่าไป...
วันนี้มาร์คต่อยหน้าผมอีกแล้ว”
ว่าพลางชี้ไปที่รอยช้ำบนแก้ม
“มันชุลมุน ใครจะไปนั่งสังเกตว่าใครเป็นใคร”
“ผมไง ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยต่อยมาร์คอีกเลยนะ”
เหลือบมองคนพูดด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย... แต่นั่นก็จริง
ยูคยอมไม่เคยทำร้ายร่างกายเขาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น..
วันที่เขาได้สัมผัสทั้งความน่ากลัวและความอบอุ่นของเด็กยักษ์นี่ในเวลาห่างกันไม่ถึงยี่สิบนาที
วันนี้มันซวย!!
ซวยตั้งแต่การที่ลืมทั้งมือถือและกระเป๋าตังไว้ที่บ้าน
ซวยตั้งแต่คนที่มักกลับบ้านด้วยกันตลอดอย่างแจ็คสันเลือกที่จะไปดูบอลต่อแล้วทิ้งให้เขากลับบ้านคนเดียว
หรือบางทีมันซวยตั้งแต่เขาเป็นเพื่อนกับแจ็คสันแล้ว!!
กลุ่มของแจ็คสันใหญ่มาก... แทบจะบอกได้ว่ามีจำนวนคนเท่าๆ
กับจำนวนนักเรียนช่างกลในหนึ่งชั้นปี
มากหน้าหลายตาจนมาร์คเองก็จำได้ไม่หมดว่าใครเป็นใครบ้าง หรือใครอยู่พวกไหนกันแน่
คนนอกเองก็เหมือนกัน....
เพียงแค่เห็นว่าชุดคนที่หาเรื่องพวกมันก่อนหน้านั้นเป็นสถาบันไหน ถ้าหากบังเอิญโป๊ะเช๊ะว่าเป็นสถาบันเดียวกับหวัง
แจ็คสัน ละก็....
คนที่พวกมันจะแห่มาเอาคืนน่ะ ไม่มาร์คก็แจ็คสันเนี่ยแหละ!
“Sh*t….”
ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดเข้าปอดแล้วพ่นออกมาเต็มแรง
ความเจ็บปวดตามใบหน้าและร่างกายมันใกล้จะเกินลิมิตแล้ว
มาร์คเชื่อว่าต่อให้ใช้พลังที่มีอยู่ทั้งหมด เขาก็คงจัดการได้อีกไม่เกินสองคน
เหลืออีกตั้งห้าคน.. จะให้วิ่งหนีก็คงเร็วไม่พอ เสียแรงเปล่าแถมอาจจะโดนลากไปยำด้วย
ผลัก! ตุ๊บ!!
อืม...เหลือสี่แล้ว ถ้าหากเขาไม่ได้เจ็บมากจนเห็นภาพหลอน
มาร์คเห็นร่างสูงใหญ่ของใครซักคนพึ่งซัดหนึ่งในห้าคนนั้นล้มลงไปนอนกอง ก่อนจะจัดการที่เหลือต่อโดยไม่ได้สนใจมาร์คที่ทรุดลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นเลยด้วยซ้ำ
แม้ภาพจะพร่ามัว...
แต่มาร์คคิดว่าเขาจำการออกหมัดแบบนั้นได้อย่างแม่นยำ
และถึงแม้คนๆ
นั้นจะดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เจอจนแทบจะบอกได้ว่าเป็นคนละคน... มาร์คค่อนข้างแน่ใจว่าผู้ชายร่างสูงใหญ่คนนั้นคงเป็นคนเดียวกับเด็กตัวโตจากโรงเรียนคู่อริที่มีเรื่องกับเขาบ่อยๆ
แน่นอน
ใบหน้านิ่งสนิทของยูคยอมคือสิ่งที่มาร์คเคยชิน สายตาดุๆ กับแรงเยอะๆ
นั่นเขาก็ได้สัมผัสมาแล้ว
แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาถึงรู้สึกได้ว่ามันดูไม่สบอารมณ์มากเป็นพิเศษ...
และมันยิ่งน่ากลัวมาก... เมื่อร่างสุดท้ายลงไปนอนนิ่งที่พื้น เมื่อยูคยอมเช็ดมือเปื้อนเลือดกับกางเกงลวกๆ
และยื่นมือนั่นมาตรงหน้าเขา เมื่อใบหน้าน่ากลัวนั่นเปลี่ยนมาเป็นยิ้มแย้มในเสี้ยววินาที
ตลอดทางที่ถูกพยุงไปยังโกดังท้ายซอย
(คิดว่าน่าจะเป็นที่ประจำของยูคยอม)
มาร์คสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาสั่นแค่ไหน
กับคนที่ยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้พึ่งจะไปยำใครจนจมกองเลือดมา
มาร์คไม่รู้จริงๆ ว่าจะจัดหมวดหมู่คนประเภทนี้ไว้ตรงไหนดี
แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าระหว่างที่นั่งอยู่เฉยๆ
ปล่อยให้มือหนาค่อยๆ ปฐมพยาบาลเขาไปทีละหน่อย
หายาให้กิน
รวมถึงเสียงเจื้อยแจ้วแนะนำตัวนั่น...
การกระทำของยูคยอมมันมีเสน่ห์มากจริงๆ...
“ไม่รู้ล่ะ..
แบบนี้ต้องมีมาตรการ”
“มาตรการอะไรของมึง...”
ลอบมองสีหน้าซื่อๆ
นั่นอย่างไม่แน่ใจ
ตลอดหลายเดือนที่รู้จักกันมา (ในสถานะที่ระบุไม่ได้)
มาร์ครู้แล้วว่าไม่สามารถเชื่อสีหน้าซื่อๆ
หรือรอยยิ้มแบบเจ้าหมาน้อยที่เห็นได้ทั้งนั้น
“คราวหน้าถ้ามาร์คต่อยผมหนึ่งที ...แลกกับหนึ่งจูบโอเคไหม?”
“อย่ามาตลกหน่อยเลย....”
ใช่... มาร์คหมายความอย่างที่พูดนั่นจริงๆ หนึ่งหมัดแลกหนึ่งจูบงั้นเหรอ...
ยูคยอมน่ะ ได้มากกว่าจูบไปตั้งนานแล้ว ไอ้เงื่อนไขเด็กน้อยน่าตลกนี่มันอะไรกัน
“ผมก็แค่พูดเล่นไปงั้นแหละ... มาร์คนี่ไม่มีอารมณ์ขันเลย”
คนมีอารมณ์ขันพูดพลางหันไปเก็บกล่องยาไว้ข้างถังน้ำมันเก่าๆ
ถังหนึ่ง “แต่ว่า... จูบซักทีก็ดีเหมือนกันนะ”
ริมฝีปากร้อนทาบทับลงมาโดยไม่ได้ตั้งตัว บดเบียดและดูดดึงอย่างเอาแต่ใจ
ส่วนทางมาร์คก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองอึ้งอยู่นานนัก ทั้งริมฝีปากอิ่มแดง ฟันเขี้ยวซี่น้อย รวมถึงเรียวลิ้นเล็กโต้สัมผัสจากคนด้านบนได้อย่างไม่มีใครยอมใคร
จะว่าไป... มาร์คลงมานอนราบที่พื้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
นั่นมันไม่สำคัญหรอก...
ไม่มีอะไรสำคัญทั้งนั้น
จะเรื่องที่มาร์คสงสัยว่าความช่ำชองของยูคยอมนี้ไปฝึกมาจากไหน
เรื่องที่วันนั้นยูคยอมเข้ามาช่วยเขาเพื่ออะไร เรื่องความน่ากลัวของยูคยอมที่มาร์คยังคงจำได้ไม่ลืม หรือเรื่องที่เขาสองคนจะแอบมาทำอะไรๆ
แบบนี้ลับหลังเพื่อนตัวเองอีกกี่ครั้ง
ตราบใดที่รอยแดงจากฝีมือ...
หรือบางทีอาจจะเป็นฝีปากของยูคยอมยังคงเนียนปะปนไปกับรอยช้ำตามร่างกายของเขาได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นมัน
จะไม่มีอะไรสำคัญเกินกว่านี้...
แน่นอน
-
End –
อนุญาตให้ตีคยอมที่ต่อยพิมัคค่ะ..
ตัดสลับไปสลับมานี่ไม่งงใช่มั้ยคะ...
พูดตามตรงว่าช่วงนี้คยอมเวอร์ชั่นโกลเด้นน้อยพีคมาก
แต่งแทบไม่ออกเลยค่ะฮึก
แถมที่คิดไว้มันเรทกว่านี้..
แต่ก็แต่งไม่เป็นจริงๆ ค่ะให้ตายเถอะ
คอมเม้นท์ได้สามช่องทางเช่นเคยค่ะ
ในนี้ ในแทก #กัซกลคน และ @chuchompoo
หวังว่าจะได้เจอกันอีกเร็วๆ
นี้ค่ะ ชุ้บ
ความคิดเห็น