ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] OS l SF : Once Upon A Time ★

    ลำดับตอนที่ #9 : [OS] Retweet Mission 2

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 59


    [OS] Retweet Mission 2

    Author : Chuchompoo        

    Pairing : Yugyeom x Mark

    Rate : PG

    Song : รอพี่ก่อน – SHADE 

     

     

     

                1.

     

              มาร์คคิดว่าช่วงนี้แฟนเด็กของเขาขี้งกเป็นพิเศษ..

     

                "มาร์ค อย่าเปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้สิครับ"

     

                ก็อย่างที่ว่าไปนั้นแหละ  ช่วงนี้ยูคยอมดูจะประหยัดขึ้นจริงๆ อย่างเห็นได้ชัด  เริ่มจากการบ่นเขาเวลาไม่ปิดไฟบ้างล่ะ  ปรับแอร์เย็นเกินมาตรฐานบ้างล่ะ  เปิดทีวีทิ้งไว้บ้างล่ะ

     

                ทำไมกันนะ...

     

     

     

                2.

     

              หรือว่ามีปัญหากับที่ทำงาน?

     

                "คิดมากไปแล้วครับ ไม่ใช่ซะหน่อย  เงินเดือนกับโบนัสผมยังอยู่ครบนะ เยอะกว่าเดิมด้วย"

     

                คนตัวโตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกินข้าวตอบพลางหัวเราะร่าเมื่อมาร์คถามถึงสภาพทางการเงินในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้  

     

                เอ้า! แล้วงกขึ้นมาทำเตี่ยอะไรวะยูคยอม

     

                เอิ่ม...

     

                เมื่อกี้มันเพราะความดันต่ำและจิตด้านมืดยามไม่มีสติครบถ้วนนะครับ มาร์คไม่ได้ก้าวร้าว

     

                ต้วน อี๋เอินยู่หน้า  ขมวดคิ้วตักข้าวเข้าปากอย่างคิดไม่ตก  เขากับยูคยอมคบกันมาเกือบห้าปี  ไม่สิ..

     

                มาร์คตัดขาดจากบ้านตัวเองเพื่อมาอยู่กับยูคยอมเกือบห้าปีแล้วต่างหาก

     

                มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือน่าเลียนแบบเท่าไหร่หรอก  ทุกวันนี้มาร์คก็ยังรู้สึกผิดกับที่บ้านอยู่นั่นแหละน่าที่หนีตามผู้ชายมาให้เสื่อมเสียวงศ์ตระกูลเล่นแบบนี้  แต่อาจเพราะเวลามันผ่านมานานจนเขาเคยชินกับชีวิตในห้องขนาดกลางของคอนโดราคาน่ารักนี่ไปแล้ว  ชินกับการทำงานรีทัช/ตัดต่อภาพด้วยโน้ตบุ๊คคู่ยากที่อยู่กันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นคุณหนู  ชินกับการลุกมาทำอาหารเช้า กลางวัน เย็น ให้ครอบครัว (ประกอบด้วยสมาชิกสองคนถ้วน--มาร์คกับยูคยอมไง) ทุกวันที่ไม่มีงาน  ความรู้สึกโหยหาสิ่งที่เคยมีเลยน้อยลงไปตามกาลเวลา

     

                แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นไง!

     

                "จริงๆ ฉันก็มีเงินจากที่รับงานอยู่นะ  พวกค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟนี่ลองหารกันมั้ย  ยังไงก็อยู่กันมาตั้งนานแล้วก็น่าจะช่วยกันจ่าย  นายจะได้เอาเงินไปซื้ออย่างอื่นบ้างหรือบางที...."

     

                ประโยคยาวผิดวิสัยจบอยู่แค่นั้น

     

                เพราะสัมผัสอุ่นนุ่มที่ริมฝีปาก และรอยยิ้มของเด็กตัวโข่งที่ถอยไปคว้ากระเป๋า ลาไปทำงานด้วยรอยยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้ในความรู้สึก

     

     

     

                3. 

     

              "หรือว่ายูคยอมมีคนอื่นรึเปล่าวะ"

     

                สาบานได้ว่าถ้า หวัง แจ็คสัน ไม่ใช่เพื่อนคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ของมาร์คล่ะก็  อเมริกาโน่เย็นในแก้วนี่ต้องได้สัมผัสเสื้อเชิ้ตราคาสี่หลักปลายๆ ที่มันใส่อยู่ซักวงสองวงแหละ

     

                "กูแค่บ่นว่าน้องมันงกขึ้น  มึงอย่าโยงมั่วซั่ว"

     

                "เอ้า! ในเมื่อน้องมันบอกว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน  แล้วอะไรจะทำให้มันงกขึ้นล่ะวะ ถ้าไม่ใช่ว่ามันแบ่งเงินบางส่วนไปให้คนอื่น"

     

                ยัง... ยังไม่สำนึก

     

                ยังมีหน้ากินเค้กอย่างสบายใจแม้กำลังพูดวาจาร้ายกาจใส่เขาอยู่อีก!

     

                "อย่าเอามาตรฐานความชั่วตัวเองมาตัดสินคนอื่นสิวะ"

     

                "กูก็ไม่ได้บอกให้เชื่อนะ... แค่สันนิษฐานเฉยๆ~"

     

                เพื่อนซี้สมัยมัธยมยังคงยักไหล่และยิ้มกวนประสาทไม่เลิก  จนเสียงเรียกเข้าเชยๆ แผดลั่นร้านกาแฟนั่นแหละ  หวัง แจ็คสัน ถึงเลิกทำตัวน่าหมั่นไส้  ตบบ่าเขาสองสามทีก่อนออกจากร้านไปทำธุระ

     

                มีคนอื่นบ้าบออะไรกัน

     

                เรื่องไร้สาระนั่นทำอะไรมาร์คไม่ได้หรอก

     

     

     

                4.

     

              มาร์ค ต้วน  นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

     

                คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าถ้าอยู่ดีๆ ยูคยอมก็กลับบ้านเร็ว เปิดประตูผ่างเข้ามาตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น  ในเมื่อสภาพห้องนอนตอนนี้โดนค้นซะเละ  ไหนจะตู้เสื้อผ้าที่คงต้องมานั่งพับชุดใหม่ทั้งหมดอีก

     

                สงสัยต้องรับงานสำหรับเดือนนี้เพิ่มแล้วละมั้ง จะได้เลิกฟุ้งซ่านซะที

     

                "มาร์ค  วันนี้ผมเลิกเร็---  โจรขึ้นบ้านเหรอครับ!?"

     

                เอากับโลกใบนี้สิ...  แฟนตาซีเกินไปแล้วไหมชีวิต  คิดอะไรเล่นๆ นี่ขยันเป็นจริงตลอด

     

                อ่ะ.. ละไอ้ที่กังวลนี่จะเป็นจริงด้วยไหมล่ะสังคม

     

                "...นั่นมุขใช่มั้ยยูคยอม"

     

                จูนสติอยู่พักใหญ่ถึงจะโต้ตอบกลับไปได้เป็นประโยค  ร่างโปร่งบางยันตัวขึ้นจากพื้น  บิดขี้เกียจเล็กน้อยไล่ความเมื่อยขบ  เดินข้ามทั้งกองเสื้อผ้า หนังสือ และอย่างอื่นอีกสารพัดที่เขารื้อออกมาตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนและหยุดอยู่หน้ายูคยอม

     

                ต้องยอมรับแล้วแหละว่ามาร์คเป็นบ้าเพราะคำพูดของไอ้เพื่อนเวรนั่นจริงๆ  แถมไอ้ที่อุตส่าห์นั่งค้นหลังขดหลังแข็งนี่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยซักนิด  แต่จะให้อยู่เงียบๆ ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือลืมๆ ไปซะก็คงทำไม่ได้อีก

     

                ถามมันตรงๆ ให้มันจบไปเลยแล้วกัน

     

                “ยูคยอม...  มีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกฉันรึเปล่า?”

     

                “....ครับ?”

     

                “ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ...  คือก็พอรู้ว่าตัวเองน่าเบื่ออยู่หรอก  ช่วยอะไรก็ไม่ได้มาก ทำอะไรก็ไม่ค่อยเป็น  แต่คือ..”

     

                มาร์คกำลังพูดไม่รู้เรื่องรึเปล่า

     

                ทำไมในหัวมันถึงโล่งจนน่าตกใจ  ทั้งๆ ทีเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วมันยังมีเรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด

     

                “เดี๋ยวนะ...  มาร์คพูดเหมือนผมมีคนอื่น”

     

                “แล้วไม่ได้มีเหรอ?”

     

                “จะบ้าเหรอมาร์ค!

     

                เสียงแหวตะโกนของเด็กเรียบร้อยช่วยดึงสติที่กระจัดกระจายของมาร์คกลับมา  กระพริบตาปริบๆ มองสีหน้าตกใจปนโกรธของคนรักแล้วเริ่มรู้สึกได้ว่าเพิ่งพูดอะไรที่ไม่ค่อยดีออกไป

     

                “อย่าบอกนะว่าที่คิดไปนู่นคือเพราะเรื่องที่ช่วงนี้ผมงกขึ้นอ่ะ?”

     

                “......”

     

                “โอเค  ใช่แน่ๆ  โอ้ย...  ผมบอกแล้วว่าอย่าคิดมาก  มาร์คนี่นะ”

     

                ยูคยอมวางมือใหญ่ๆ ลงบนหัวเขา  ออกแรงขยี้แบบไม่เกรงใจอายุ  สีหน้าตึงเครียดในตอนแรกคลายลงแล้วเหลือแต่สีหน้าทีดูขบขันเสียเหลือเกินของเจ้าเด็กตัวโต

     

                จะตลกนี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ

     

                แต่อธิบายให้กูรู้เรื่องด้วยซักนิดเถอะ  กราบล่ะ

     

                “ถึงเราจะอยู่กันมาตั้งนานแล้ว...  มาพูดเอาตอนนี้อาจจะช้าไปซักหน่อย”

     

                “.....?”

     

                “แต่ผมว่าจะขอมาร์คแต่งงานแหละ  มาร์คคิดว่าไง? J

     

     

     

                5.

     

                ถ้าอยากได้งานแต่งงานริมชายหาดนี่ต้องนอนเปิดพัดลมซักกี่คืนกันนะ?

     

     

    - END –

     

    อะไรเอ่ยวูบแรง 55555555555555555555

    ฮือ เรื่องนี้รีบแต่งมาก แต่งตามใจมากด้วย สั้นแถมไม่มีการเช็คคำผิดหรืออ่านทวนใดๆ โปรดอภัยค่ะ orz

     

    เป็นผลพวงมาจากความขี้งกของตัวเอง  บ่นชาวบ้านเวลาไม่ปิดไฟอะไรแบบนั้น

    จนโดนด่ามาว่างกขนาดนี้จะเก็บตังไปขอผู้ชายรึไง ปึ้ง! กลายเป็นเรื่องนี้เลยค่ะ /ไร้สาระไปอีก

     

    ส่วนเพลง...  คือพอได้พล็อตก็นึกถึงเพลงนี้เลย  แต่ก็มานั่งคิดว่า เฮ้ย เพลงเฮฮาไปมั้ยวะคุณ

    พยายามหาเพลงอื่น สุดท้ายไม่มี  วนกลับมาทีเพลงเดิมค่ะ ฮา

    เหลืออีกหกเรื่อง แล้วจะพยายามโผล่มาอีกนะคะ 



    ◊ SQWEEZ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×