ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] OS l SF : Once Upon A Time ★

    ลำดับตอนที่ #4 : [OS] Leave and Stay

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 64


    [OS] Leave and Stay

    Author : Chuchompoo     

    Pairing : Yugyeom x Mark
    Rate : PG

     

     

               มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในแก๊งค์....

               นี่เป็นสิ่งที่จับความได้เพียงสิ่งเดียวหลังจาก ต้วน อี๋เอิน เข้าประชุมด่วนเมื่อกี้นี้

     

     

                  “ยูคยอม... นายคิดว่าใคร”

                  “ไม่ทราบหรอกครับ  วันๆ หนึ่งก็ดูแลแต่คุณน่ะ”

                  นี่ถือเป็นการแซะทางอ้อมรึเปล่านะ....

                  เจ้าของใบหน้าหวานกลอกตาเบาๆ พอเป็นพิธีให้บอดี้การ์ดตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องส่วนตัวของเขา  มือบางแกะกระดุมชุดสูทสีดำสนิทออกแล้วโยนไปไว้ตรงโซฟาแถวๆ นั้น  ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่สองสามเม็ดก่อนจะทิ้งตัวแผ่หลาไปกับเตียงคิงไซส์หนานุ่ม

                  ต้วน อี๋เอิน  หรือ  มาร์ค ต้วน  คือชื่อลูกชายคนโตของแก๊งค์มาเฟียใหญ่แห่งไต้หวันที่มีฉากบังหน้าเป็นบริษัทส่งออกชั้นแนวหน้า ใบหน้าหล่อเหลาในสายตาสาวๆ หรือสวยหวานในสายตาหนุ่มๆ  คือสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงเมื่อได้ยินชื่อนี้  ดวงตาเรียวใส  ริมฝีปากอิ่มอมชมพู  การเรียนและฝีมือในทุกๆ ด้านเป็นเลิศ

                  เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคที่สุดคนหนึ่งของไต้หวันเลยก็ว่าได้

                  ถ้ารู้จักเพียวผิวเผินน่ะนะ....

                  สำหรับคิมยูคยอมที่เป็นลูกคนเก่าคนแก่แถมยังมาเป็นทั้งบอดี้การ์ดและเพื่อนเล่นให้อี๋เอินตั้งแต่เด็กๆ แล้ว  อี๋เอินคือคุณหนูที่ไม่ถือตัว  ใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนคนปกติ  ออกจะขี้เซาและรักสบายไปหน่อยด้วยซ้ำไป...

                  “นี่ไม่กลัวเลย?”

                  เสียงห้าวที่ได้ยินมาตลอดหลายสิบปีมานี้ถามขึ้นระหว่างที่คนบนเตียงตาปรือใกล้หลับเต็มที่  อี๋เอินผงกหัวขึ้นมามองบอดี้การ์ดร่างสูงที่เดินไปหยิบเสื้อสูทของเขาไปแขวนไว้ให้เล็กน้อย  พยายามส่งสายตางงๆ ไปให้แต่เหมือนไอ้เด็กนั่นก็ดูจะไม่เก็ทเท่าไหร่

                  “กลัวอะไร?”

                  ตัดสินใจถามไปเมื่อยูคยอมไม่เข้าใจภาษากายที่จะสื่อ  แต่คำตอบดันเป็นการที่เจ้าเด็กยักษ์ทำหน้าหน่ายๆ มาให้

                 

                  เดี๋ยวนะ... นี่เจ้านายนะโว้ย! แก่กว่าสี่ปีด้วย!!

                 

                  “อย่าบอกนะว่าไม่ได้ฟังว่าเป้าหมายของพวกมันคือการเจื๋อนคอลูกชายคนโตแห่งตระกูลต้วนน่ะ?”

                  คำตอบจากบอดี้การ์ดประจำตัวทำเอาร่างบางที่นอนพังพาบอยู่เด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงในทันที   ...ไม่คิดว่าช่วงที่แอบหลับไปจะเป็นช่วงที่เขาพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเองจังๆ แบบนี้

                  “แอบหลับใช่มั้ยคุณอี๋เอิน...”

                 

                  รู้อีกแน่ะ...

     

                  “...ช่างเหอะน่า ฆ่าฉันแล้วมันจะได้อะไรล่ะ  ทำไปทำไม?”

                  “คงเป็นการทำลายกำลังใจของคนในแก๊งค์ละมั้งครับ อีกอย่างคุณเองก็เป็นคนเดียวที่คุมงานส่งออก  ไม่มีคุณฉากบังหน้าที่สร้างไว้คงวุ่นวายไม่น้อยเลย”

                  คำตอบของบอดี้การ์ดตรงจุดซะจนอี๋เอินหลุดถอนหายใจเฮือก  ใบหน้าหวานดูเคร่งเครียดขึ้นมาจนอีกคนที่อยู่ในห้องสังเกตได้

                  “ไม่เป็นไรหรอก...”

                  “...?”

                  “เรื่องเครียดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่ต้องดูแลคุณอย่างผมดีกว่า”

     

     

                  ภายในหนึ่งเดือนนี้อี๋เอินถูกตามฆ่าถึงสี่ครั้ง..

                  แน่นอนว่าบอดี้การ์ดคนเก่งก็ยังคงคุ้มกันเขาได้อย่างดีไม่มีบกพร่อง รวมถึงครั้งที่สี่ที่พึ่งเกิดขึ้นสดๆ เมื่อกี้นี้ด้วย...

                  “ไปทำแผลกันเถอะยูคยอม”

                  อี๋เอินแตะมือคนตัวสูงข้างๆ เบาๆ เพราะกลัวว่าหากแตะแรงมันจะกระเทือนไปถึงแผลถูกยิงที่ต้นแขน  แต่คนเจ็บกลับส่ายหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ

                  “รีบกลับห้องคุณก่อนดีกว่า”

                  “จะบ้าเหรอ!? นายจัดการไปหมดแล้วไม่มีใครตามมาหรอก  ไปโรงพยาบาล”

                  คิ้วเรียวเริ่มผูกเป็นโบว์เมื่อบอดี้การ์ดที่ปกติจะเชื่อฟังมาตลอดกลับดื้อแพ่งขึ้นมาเสียเฉยๆ  คราวนี้เขาเลยจับมือหนาแล้วกระตุกเบาๆ เป็นสัญญานว่าให้ขึ้นรถ

                  “เร็วๆ เดี๋ยวฉันขับเอง  ไปโรงพยาบาล”

                  “ไม่...  อาจมีคนตามมาอีก  กลับห้องคุณเถอะ”

                  ลูกชายคนโตของหัวหน้าแก๊งค์ทำท่าจะเถียงอีกครั้ง  แต่เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของคนข้างกายเลยต้องถอนใจแรงๆ ออกมาแทน

                  “ถ้าฉันมือหนักอย่ามาบ่นเจ็บแล้วกัน คิมยูคยอม”

     

                 

                  “โอ๊ย!

                  “สมน้ำหน้า....”

                  ร่างบางบ่นอุบอิบขัดกับการที่พยายามลดแรงทำแผลให้เบาลง  ยังดีที่กระสุนมันแค่ถากๆ ไปไม่งั้นเขาคงต้องหาผ้ามาให้เจ้าหมียักษ์นี่กัดกันเจ็บแล้วผ่ากระสุนออกเหมือนในหนังมาเฟียที่เคยดูแน่ๆ

                  ตอนนี้พวกเขาได้ย้ายมาสิงสถิตกันอยู่ในห้องส่วนตัวของลูกชายมาเฟียที่การป้องกันแน่นหนาเพราะห้องนี้อยู่ในตึกใหญ่ที่เป็นฉากบังหน้าของธุรกิจผิดกฏหมายทั้งหลาย  มีลูกน้องชุดดำของคนตระกูลต้วนเดินตรวจกันให้ควักตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทำให้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก

                  ยูคยอมก้มมองเจ้านายของตัวเองที่กำลังทำแผลให้เขา  ท่าทางตั้งใจนั่นทำให้ใบหน้าที่ต้องตีให้นิ่งสนิทตลอดเผลอหลุดยิ้มบางออกมา

     

               ดูสูงค่า...  น่าถนุถนอม... จนยอมให้ใครมาทำร้ายไม่ได้

                 

                  “อะ.. เสร็จละ---

                  ราวกับเวลาถูกหยุดไว้เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับยูคยอมเองก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากก่อนหน้านี้แต่อย่างใด  สองตาสองคู่สบกันโดยไม่ได้ตั้งใจและยังค้างอยู่อย่างนั้น  ปลายจมูกที่ห่างกันไม่ถึงเซนติเมตรทำให้รับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

                  “เอ่อ... ขอบคุณครับ”

                  ยูคยอมยิ้มบางและเป็นฝ่ายถอยไปก่อน  ทิ้งให้คุณหนูที่กำลังทำตัวไม่ถูกพยักหน้าเงอะงะแล้วลุกเอากล่องยาไปเก็บ

                  “นี่... ทำไมถึงไม่ยอมไปโรงพยาบาลล่ะ?”

                  ร่างบางที่เหมือนจะปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติได้แล้วเดินกลับมานั่งจุ้มปุ๊กมองข้างๆ คนที่กำลังพยายามใส่เสื้อเชิ้ต  ดวงตาคมเหลือบมองคนข้างๆ เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

                  “ผมบอกแล้วไงว่าอาจมีคนตามมาอีกก็ได้  มันไม่ปลอดภัย”

                  “แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้นเล่า  สามสี่คนที่ตามมายิงฉันนายก็จัดการหมดแล้วนะ  มันไม่น่าจะมีใครตามมา...”

                  “ลางสังหรณ์ครับคุณอี๋เอิน”

                  เจ้าของชื่อถอนหายใจเฮือกเมื่อโดนตัดจบบทสนธนาแบบกลายๆ  มือบางเอื้อมไปจับๆ เสื้อที่ยังไม่เข้าที่ของยูคยอมให้เรียบร้อยแทนเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรหรือชวนคุยอะไรต่อไปดี

                  “นี่ยูคยอม...”

                  “ครับ?”

                  “ขอบคุณที่คอยปกป้องนะ...”

                  “มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

                  อี๋เอินส่ายหัวหน่อยๆ แล้วยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีบลอนด์อ่อนนั่นเบาๆ  แววตาที่ช้อนขึ้นมาสบทำเอาคิมยูคยอมนิ่งไป

                 

                  แววตามั่นคงกับรอยยิ้มบางๆ นั่น...

                 

                  “วันนี้ไปพักผ่อนเถอะ  นอนดึกเดี๋ยวแผลหายช้านะ”

     

     

                  วันนี้ต้วนอี๋เอินก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ให้ห้องประจำตำแหน่งอย่างเคย  ถึงจะเป็นฉากบังหน้าแต่งานที่ต้องบริหารมันก็ต้องบริหารจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีชื่ออยู่ในชั้นแนวหน้าของวงการธุรกิจได้  แถมช่วงนี้เขายังต้องรับงานบางส่วนของพ่อตัวเองมาทำเพิ่มอีกต่างหาก

                  ทั้งหนอนบ่อนไส้ ทั้งความลับที่หลุดออกไปคงทำเอาท่านประธานหัวหมุนไม่น้อยเลย

                 

                  “คุณอี๋เอิน”

                  เป็นเรื่องปกติที่ยูคยอมจะไม่เคาะประตู...  บอดี้การ์ดคนนี้อยู่มานานเกินกว่าจะต้องสนใจมารยาทเล็กๆ น้อยๆ  ไม่แน่บางทีเขาอาจจะสนิทกับยูคยอมมากกว่าน้อยชายแท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำไป

                  “ว่าไง  หน้าเครียดเชียวยูคยอม”

                  อี๋เอินวางปากกาในมือลงแล้วเอนกายพิงผนักเก้าอี้นวมราคาแพงด้วยท่าทีสบายๆ  เจ้าของความสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบสาวเท้าอาดๆ เข้ามาให้ห้องแล้วนั่งลงตรงโซฟาไม่ไกลนัก  ปกติแล้วถึงจะทำหน้านิ่งเป็นพระเอกหนักขี้เก๊กตลอดเวลาก็เถอะ  เจ้าเด็กนี่มันก็ยังมีอารมณ์มากวนประสาทเขาบ้างตามประสาคนที่อยู่เป็นเพื่อนเล่นกันมานาน  แต่วันนี้ยูคยอมเงียบ...  ยิ่งสีหน้าเครียดๆ แบบนั้นยิ่งทำให้เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

                  “เย็นนี้ผมมีเรื่องต้องกลับไปทำธุระที่บ้านด่วน อยู่เองได้ใช่มั้ย?”

                  “ไม่เห็นจะเคยจำได้ว่าเราใช้จมูกเดียวกัน”

                  ว่าพลางทำหน้าเหลอหลากวนประสาทคนตรงหน้าไปด้วย  และเหมือนจะได้ผลเพราะบรรยากาศที่ดูตึงเครียดเมื่อกี้นี้ดูจะผ่อนคลายลงนิดหน่อย

                  “ไม่ใช่แบบนั้นสิครับ ผมหมายถึงอยู่แบบไม่ให้ใครมาทำร้ายน่ะ อยู่ได้ไหม?

                  ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาฟังประโยคนั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน  แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่ดี  ไม่งั้นเขาคงไม่เผลอยิ้มเพราะความน่ารักแบบแปลกๆ ของบอดี้การ์ดส่วนตัวขนาดนี้

                  “คิดว่าที่นี่มีนายคนเดียวที่คอยคุ้มกันฉันรึไงเล่า?”

                  “ผมจริงจังนะครับ...”

                  “หน้ายู่หมดแล้วคุณบอดี้การ์ดคิม”

                  อี๋เอินว่าพลางลุกมานั่งข้างๆ อีกฝ่าย  ใช้ไหล่กระแซะๆ คนข้างๆ นิดหน่อย

                  ยูคยอมถอนหายใจเบาๆ  หัวทุยเอนซบไหล่ของคนเป็นเจ้านายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเล่นเอาเจ้าของไหล่จะสะดุ้ง  ดวงตาสีน้ำตาลลอบมองใบหน้าหล่อเหลาเล็กน้อย  ตัดสินใจยกมือขึ้นมาลูบหัวคนตัวโตที่ดูไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติซักเท่าไหร่ในตอนนี้

                  “เครียดอะไรยูคยอม  ป๊าจะลดเงินเดือนเหรอ  เดี๋ยวฉันไปคุยให้มั้ย?”

                  “ไม่ใช่ซะหน่อย...”

                  ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองคนข้างๆ พลางคลี่ยิ้มที่ทำให้คนมองใจกระตุกแถมสั่นแรงหลายริกเตอร์

                 

                  “แค่ได้ปกป้องคุณ...  ต่อให้เป็นงานฟรีผมก็จะทำ”

                 

                  ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเมื่อยูคยอมเลื่อนหน้ามาใกล้  ความอบอุ่นที่ริมฝีปากและลมหายใจที่รดอยู่ตรงปลายจมูกคือสิ่งที่อี๋เอินสัมผัสได้หลังจากหลับตา  สัมผัสแผ่วเบาที่ไม่มีการลุกล้ำแต่กลับทำให้หัวใจของคนวัยยี่สิบสี่อย่างเขาเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกจากอก

                  แย่แล้วสิ...

                  ใจของเขากำลังจะแย่แล้ว

     

     

                  นอนไม่หลับ...

                  ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนหลับยากเลย ยิ่งผ่านการทำงานและประชุมมหาโหดเมื่อช่วงเย็นมาด้วยแล้วยิ่งไม่น่าจะตาแข็งได้ขนาดนี้ 

                  ก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่หรอกว่ามันเป็นเพราะไอ้เด็กที่มาทำตัวแปลกๆ ใส่เมื่อตอนบ่าย  ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากตัวเองเบาๆ  แก้มใสขึ้นสีแดงระเรืออย่างห้ามไม่ได้

                 

                  คิมยูคยอมน่ะ... เป็นตัวอันตรายจริงๆ นะ

     

                  เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลงเมื่อแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างกระทบหน้าปัดนาฬิกาเรือนใหญ่ตรงผนังให้เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าๆ แล้ว  ถึงจะยังมีเรื่องค้างคาใจและมีเรื่องให้คิดมากมายแต่มันก็สมควรที่จะนอนเสียที

                 

                  แกร๊ก...

                  เสียงแปลกปลอมจากหน้าประตูทำเอาคนที่พึ่งหลับตาไปได้ไม่นานแอบขมวดคิ้วมุ่น  ก่อนจะต้องคลายหัวคิ้วออก  พยายามควบคุมลมหายใจของตนให้สม่ำเสมอเหมือนกำลังหลับอยู่จริงๆ

                  ตึก... ตึก...

                  ความเงียบทำให้เสียงฝีเท้าเบาๆ ก้องขึ้นอย่างชัดเจนจนเผลอตัวสั่น  ยังดีที่ความมือภายในห้องยังช่วยอำพรางความกลัวของอี๋เอินไว้ได้

                  กริก...

                  เสียงขึ้นนกปืนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้นอยู่ใกล้หู เหล็กเย็นๆ เคลื่อนมาจ่อติดหน้าผากนิ่งอยู่เนิ่นนานแต่กลับไม่มีการเหนี่ยวไกใดๆ จากผู้มาเยือน

                 

                  ได้โปรด.... ช่วยยิงซะที

     

               เสียงภาวนาในใจย่อมไม่มีทางส่งถึงใครอีกคน  ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็เหมือนเส้นตายค่อยๆ เคลื่อนใกล้เข้ามาทุกที

                  จริงๆ อี๋เอินรู้อยู่แล้ว... ว่าหนอนบ่อนไส้คนนี้ไม่มีทางฆ่าเขา

                  ไม่ว่ามันจะจำเป็นแค่ไหนก็ตาม...

     

                  “เหนี่ยวไกได้แล้วยูคยอม...”

              

                  แพขนตาหนาเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่สบเข้ากับดวงตาอีกคู่ด้านบนพอดี แววตาที่มั่นคงตลอดสั่นระริกแม้จะเห็นลางๆ นั่นไม่ได้ทำให้อี๋เอินรู้สึกแปลกใจเท่าไหร่  ร่างโปร่งยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง  มือบางจับปลายกระบอกปืนให้ขึ้นมาจ่อที่หน้าผากตนเองอีกครั้งเมื่อร่างสูงของบอดี้การ์ดดูจะนิ่งแข็งไปซะแล้ว

                  “เร็วสิ...ยูคยอม”

                  “ผมทำไม่ได้..”

                  แค่เสียงเบาหวิวที่ได้ยินก็ทำคนเข้มแข็งอย่างอี๋เอินอยากจะร้องไห้มันตรงนั้น 

                  “อะไรทำให้นายอ่อนแอได้ขนาดนี้”

                  เป็นเหมือนคำถามผ่านๆ ที่ไม่ต้องการคำตอบเพราะเขารู้คำตอบของมันดี...

                  และความรักน่ากลัวแค่ไหนเขาเองก็รู้ดีเช่นกัน....

                  อย่างน้อยๆ ก็เห็นได้จากความอ่อนแอของคนตรงหน้า  ยูคยอมไม่เคยลังเลที่จะต้องฆ่าใคร  ไม่เคยกลัวหากสิ่งนั้นจำเป็นต้องทำหรือเขาต้องการจะทำ..

                  “ผม...”

                  “คิมยูคยอม... นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพูด...”

                  มือเล็กค่อยๆ เปลี่ยนตำแหน่งจากกระบอกปืนไปยังมือของคนที่ถือมันอยู่อีกฟาก  ดวงตายังคงสบกันไม่ได้ละไปไหน  แม้เวลานี้ตาของอี๋เอินจะแดงเต็มที

                  “ฆ่าฉัน!

                  “...ไม่”

                  ปัง!!!

     

     

                  “พ่อรู้ตัวคนที่เป็นหนอนแล้ว”

               สองสามวันหลังจากจบการประชุมเรื่องหนอนบ่อนไส้ในแก๊งค์ต้วนอี๋เอินถูกพ่อแท้ๆ เรียกไปพบกลางดึก  ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้าจากเอกสารที่อ่านอยู่ทำเอาคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะขมวดคิ้วแบบไม่เข้าใจ...

               “แล้วมันเกี่ยวกับไรกับผม? ปกติป๊าก็จัดการไม่ได้บอกหรือปรึกษากันอยู่แล้วนี่นา”

               “เพราะว่าเขาเป็นคนของลูกไงอี๋เอิน...”

               “.....”

               “สำหรับคนอื่นๆ ป๊ามีวิธีจัดการไว้แล้ว แต่คิมยูคยอมเป็นคนของลูก ลูกจะเอายังไงกับเขาก็ตามใจ”

               “.....”

               “แต่ป๊าให้เวลาแค่หนึ่งเดือน... ถ้าช้ากว่านั้นป๊าคงต้องลงมือเอง”

               เหมือนเวลาหยุดนิ่ง  แววตาของลูกชายมาเฟียสั่นระริก  มือบางกำแน่นโดยไม่รู้ตัว และทุกๆ อย่างอยู่ในสายตาของคนเป็นพ่อทั้งหมด

               “เข้าใจที่ป๊าพูดมั้ยอี๋เอิน?”

               .

               .

               .

               “...เข้าใจครับ”

              

                 

                  ความรักมันน่ากลัวจริงๆ นะ...

                  มันน่ากลัวพอที่จะทำให้คนใจดีอย่างอี๋เอินเห็นแก่ตัว...

                  เห็นแก่ตัวพอที่จะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร  และอยู่เฉยๆ ยอมให้ยูคยอมทำตามหน้าที่ให้สำเร็จ  แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

                  คนที่ต้องฆ่าเขากลับหันไปจัดการพวกเดียวกันและปกป้องดีเหมือนที่ทำมาตลอด  แน่นอนว่าอี๋เอินไม่เข้าใจหรอกว่ายูคยอมทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร...

     

                  จนกระทั่งวันที่เขาพายูคยอมขึ้นมาทำแผลบนห้องวันนั้น...

     

                  “แค่ได้ปกป้องคุณ...  ต่อให้เป็นงานฟรีผมก็จะทำ”

     

                  น้ำเสียง  สายตา  และรอยยิ้มในตอนนั้นเป็นคำตอบของทุกอย่าง...

                  สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเลิกเห็นแก่ตัวซะที

                 

     

                  พรึบ!

                  สองแขนรีบคว้าแขนและลำตัวหนาก่อนร่างนั้นจะทรุดลงกับพื้น  ปล่อยให้น้ำหนักของคนด้านบนทับลงมาและไม่สนใจชุดนอนราคาแพงที่ชุมโชกไปด้วยเลือด...

                 

                  เลือกจากแผลใต้อกด้านซ้ายของยูคยอม

     

                  อี๋เอินหลุบตาลง  น้ำใสที่คลอหน่วยมานานหยดลงบนไหล่ของคนที่หายใจแผ่วเบาอยู่ข้างหู  แววตาที่เขาเห็นก่อนคนในอ้อมกอดจะทรุดลงมามีเพียงความตกใจ

                  ไม่มีความโกรธแค้นอยู่ในดวงตาเรียวคู่นั้นเลย...

                  มือเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นมากอดร่างหนาไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นมาลูบผมสีอ่อนนั่นเบาๆ แทนการขยี้ให้มันฟูเหมือนที่ชอบเล่นมาตลอด

                  “หลับเถอะยูคยอม...”

                  “คุณ...”

                  “ถ้านายไม่ฆ่าฉัน นายก็ต้องตาย... ฮึก..”

                  ใบหน้าหวานกดลงกับไหล่หนา  พยายามบังคับตัวเองให้หยุดสะอื้น

                  เวลาของยูคยอมเหลืออีกไม่นานนัก..  และเขายังมีสิ่งที่อยากพูดให้อีกฝ่ายได้ยิน

                  “ฉันขอโทษ... ฮึก แต่ฉันปล่อยให้คนอื่นฆ่านายไม่ได้จริงๆ”

                  เจ้าของใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดกระตุกยิ้มบาง  เจ้านายของเขาก็ยังคงน่ารักมาจนถึงวินาทีสุดท้าย...

                  อยากจะกดจูบที่แก้มนิ่มๆ นั่น..

                  อยากจะยกมือขึ้นกอดตอบเป็นครั้งสุดท้าย..

                  แต่คิมยูคยอมไม่มีแรงเหลือพอจะทำสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว

     

                  “ผม..รัก...คุณมากนะ”

                 

                  “อืม...”

                  เสียงหวานตอบรับเพียงแค่นั้น  เสียงสะอื้นเบาๆ ยังคงดังต่อเนื่องแข่งกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้าสวยจนดูแทบไม่ได้  สองมือกระชับมือกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้นและเผลอกอดแน่นขึ้นอีกเมื่อรู้สึกว่าลมหายใจที่เป่ารดต้นคอหายไป 

                 

                  เป็นสัญญาณที่ว่าคนในอ้อมกอดของเขาได้จากไปตลอดการ

     

                  “ฉันเอง... ก็รักนายมากเหมือนกัน”

                 

                  เป็นครั้งแรกที่ร่างบางคิดขอบคุณที่ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียง...

                  ไม่งั้นคงมีคนได้ยินเสียงร้องไห้ราวกับจะขาดใจของลูกชายมาเฟียแน่ๆ

                 

                 

                  อี๋เอินเคยคิดว่าเขาขอจากไปดีกว่าที่จะอยู่บนโลกนี้โดยไม่มียูคยอม

               แต่เพราะยูคยอมเป็นคนดี... ดีมากจนเขาเห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

     

                  ความเจ็บปวดของคนที่ยังอยู่ทั้งหมด... ต้วนอี๋เอินขอเป็นคนรับผิดชอบมันเอง

     

     

    - End -

                           

                ค่ะ...อย่าพึ่งปารองเท้าหรือหยิบมีดมาแทงค่ะ...

                เพราะเราได้ฮาราคีรีตัวเองตายไปรอบนึงตอนแต่งจบแล้ว ฮืออออออ

                เคยปฏิญานไว้ว่าจะแต่งยูคมาร์คแฮปปี้เอน อิ่มเอิบเอน แต่สุดท้ายก็ไม่รอด โถชีวิต

                ถือว่าชีวิตมันต้องลองหลายๆ รสชาติเนอะตัวเอง  ดราม่าบ้างหวานบ้างน่ารักบ้างแซ่บบ้าง

                อ่านแล้วคอมเม้นท์ได้เหมือนเดิมน้า เผื่อใครไม่สะดวกก็ #กัซกลคน หรือเมนชั่นไป @chuchompoo ได้เลยค่ะ เรารออ่านคอมเม้นท์อยู่นะกุซิกๆ TTTT

                ขอบคุณที่อ่านจนจบและเจอกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ <3

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×