คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [OS] Leave and Stay
[OS] Leave and Stay
Author : Chuchompoo
Pairing : Yugyeom x Mark
Rate : PG
มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในแก๊งค์....
นี่เป็นสิ่งที่จับความได้เพียงสิ่งเดียวหลังจาก ต้วน อี๋เอิน เข้าประชุมด่วนเมื่อกี้นี้
“ยูคยอม... นายคิดว่าใคร”
“ไม่ทราบหรอกครับ วันๆ หนึ่งก็ดูแลแต่คุณน่ะ”
นี่ถือเป็นการแซะทางอ้อมรึเปล่านะ....
เจ้าของใบหน้าหวานกลอกตาเบาๆ พอเป็นพิธีให้บอดี้การ์ดตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องส่วนตัวของเขา มือบางแกะกระดุมชุดสูทสีดำสนิทออกแล้วโยนไปไว้ตรงโซฟาแถวๆ นั้น ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่สองสามเม็ดก่อนจะทิ้งตัวแผ่หลาไปกับเตียงคิงไซส์หนานุ่ม
ต้วน อี๋เอิน หรือ มาร์ค ต้วน คือชื่อลูกชายคนโตของแก๊งค์มาเฟียใหญ่แห่งไต้หวันที่มีฉากบังหน้าเป็นบริษัทส่งออกชั้นแนวหน้า ใบหน้าหล่อเหลาในสายตาสาวๆ หรือสวยหวานในสายตาหนุ่มๆ คือสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงเมื่อได้ยินชื่อนี้ ดวงตาเรียวใส ริมฝีปากอิ่มอมชมพู การเรียนและฝีมือในทุกๆ ด้านเป็นเลิศ
เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคที่สุดคนหนึ่งของไต้หวันเลยก็ว่าได้
ถ้ารู้จักเพียวผิวเผินน่ะนะ....
สำหรับคิมยูคยอมที่เป็นลูกคนเก่าคนแก่แถมยังมาเป็นทั้งบอดี้การ์ดและเพื่อนเล่นให้อี๋เอินตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อี๋เอินคือคุณหนูที่ไม่ถือตัว ใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนคนปกติ ออกจะขี้เซาและรักสบายไปหน่อยด้วยซ้ำไป...
“นี่ไม่กลัวเลย?”
เสียงห้าวที่ได้ยินมาตลอดหลายสิบปีมานี้ถามขึ้นระหว่างที่คนบนเตียงตาปรือใกล้หลับเต็มที่ อี๋เอินผงกหัวขึ้นมามองบอดี้การ์ดร่างสูงที่เดินไปหยิบเสื้อสูทของเขาไปแขวนไว้ให้เล็กน้อย พยายามส่งสายตางงๆ ไปให้แต่เหมือนไอ้เด็กนั่นก็ดูจะไม่เก็ทเท่าไหร่
“กลัวอะไร?”
ตัดสินใจถามไปเมื่อยูคยอมไม่เข้าใจภาษากายที่จะสื่อ แต่คำตอบดันเป็นการที่เจ้าเด็กยักษ์ทำหน้าหน่ายๆ มาให้
เดี๋ยวนะ... นี่เจ้านายนะโว้ย! แก่กว่าสี่ปีด้วย!!
“อย่าบอกนะว่าไม่ได้ฟังว่าเป้าหมายของพวกมันคือการเจื๋อนคอลูกชายคนโตแห่งตระกูลต้วนน่ะ?”
คำตอบจากบอดี้การ์ดประจำตัวทำเอาร่างบางที่นอนพังพาบอยู่เด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงในทันที ...ไม่คิดว่าช่วงที่แอบหลับไปจะเป็นช่วงที่เขาพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเองจังๆ แบบนี้
“แอบหลับใช่มั้ยคุณอี๋เอิน...”
รู้อีกแน่ะ...
“...ช่างเหอะน่า ฆ่าฉันแล้วมันจะได้อะไรล่ะ ทำไปทำไม?”
“คงเป็นการทำลายกำลังใจของคนในแก๊งค์ละมั้งครับ อีกอย่างคุณเองก็เป็นคนเดียวที่คุมงานส่งออก ไม่มีคุณฉากบังหน้าที่สร้างไว้คงวุ่นวายไม่น้อยเลย”
คำตอบของบอดี้การ์ดตรงจุดซะจนอี๋เอินหลุดถอนหายใจเฮือก ใบหน้าหวานดูเคร่งเครียดขึ้นมาจนอีกคนที่อยู่ในห้องสังเกตได้
“ไม่เป็นไรหรอก...”
“...?”
“เรื่องเครียดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่ต้องดูแลคุณอย่างผมดีกว่า”
ภายในหนึ่งเดือนนี้อี๋เอินถูกตามฆ่าถึงสี่ครั้ง..
แน่นอนว่าบอดี้การ์ดคนเก่งก็ยังคงคุ้มกันเขาได้อย่างดีไม่มีบกพร่อง รวมถึงครั้งที่สี่ที่พึ่งเกิดขึ้นสดๆ เมื่อกี้นี้ด้วย...
“ไปทำแผลกันเถอะยูคยอม”
อี๋เอินแตะมือคนตัวสูงข้างๆ เบาๆ เพราะกลัวว่าหากแตะแรงมันจะกระเทือนไปถึงแผลถูกยิงที่ต้นแขน แต่คนเจ็บกลับส่ายหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ
“รีบกลับห้องคุณก่อนดีกว่า”
“จะบ้าเหรอ!? นายจัดการไปหมดแล้วไม่มีใครตามมาหรอก ไปโรงพยาบาล”
คิ้วเรียวเริ่มผูกเป็นโบว์เมื่อบอดี้การ์ดที่ปกติจะเชื่อฟังมาตลอดกลับดื้อแพ่งขึ้นมาเสียเฉยๆ คราวนี้เขาเลยจับมือหนาแล้วกระตุกเบาๆ เป็นสัญญานว่าให้ขึ้นรถ
“เร็วๆ เดี๋ยวฉันขับเอง ไปโรงพยาบาล”
“ไม่... อาจมีคนตามมาอีก กลับห้องคุณเถอะ”
ลูกชายคนโตของหัวหน้าแก๊งค์ทำท่าจะเถียงอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของคนข้างกายเลยต้องถอนใจแรงๆ ออกมาแทน
“ถ้าฉันมือหนักอย่ามาบ่นเจ็บแล้วกัน คิมยูคยอม”
“โอ๊ย!”
“สมน้ำหน้า....”
ร่างบางบ่นอุบอิบขัดกับการที่พยายามลดแรงทำแผลให้เบาลง ยังดีที่กระสุนมันแค่ถากๆ ไปไม่งั้นเขาคงต้องหาผ้ามาให้เจ้าหมียักษ์นี่กัดกันเจ็บแล้วผ่ากระสุนออกเหมือนในหนังมาเฟียที่เคยดูแน่ๆ
ตอนนี้พวกเขาได้ย้ายมาสิงสถิตกันอยู่ในห้องส่วนตัวของลูกชายมาเฟียที่การป้องกันแน่นหนาเพราะห้องนี้อยู่ในตึกใหญ่ที่เป็นฉากบังหน้าของธุรกิจผิดกฏหมายทั้งหลาย มีลูกน้องชุดดำของคนตระกูลต้วนเดินตรวจกันให้ควักตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทำให้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก
ยูคยอมก้มมองเจ้านายของตัวเองที่กำลังทำแผลให้เขา ท่าทางตั้งใจนั่นทำให้ใบหน้าที่ต้องตีให้นิ่งสนิทตลอดเผลอหลุดยิ้มบางออกมา
ดูสูงค่า... น่าถนุถนอม... จนยอมให้ใครมาทำร้ายไม่ได้
“อะ.. เสร็จละ---”
ราวกับเวลาถูกหยุดไว้เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับยูคยอมเองก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากก่อนหน้านี้แต่อย่างใด สองตาสองคู่สบกันโดยไม่ได้ตั้งใจและยังค้างอยู่อย่างนั้น ปลายจมูกที่ห่างกันไม่ถึงเซนติเมตรทำให้รับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“เอ่อ... ขอบคุณครับ”
ยูคยอมยิ้มบางและเป็นฝ่ายถอยไปก่อน ทิ้งให้คุณหนูที่กำลังทำตัวไม่ถูกพยักหน้าเงอะงะแล้วลุกเอากล่องยาไปเก็บ
“นี่... ทำไมถึงไม่ยอมไปโรงพยาบาลล่ะ?”
ร่างบางที่เหมือนจะปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติได้แล้วเดินกลับมานั่งจุ้มปุ๊กมองข้างๆ คนที่กำลังพยายามใส่เสื้อเชิ้ต ดวงตาคมเหลือบมองคนข้างๆ เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ผมบอกแล้วไงว่าอาจมีคนตามมาอีกก็ได้ มันไม่ปลอดภัย”
“แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้นเล่า สามสี่คนที่ตามมายิงฉันนายก็จัดการหมดแล้วนะ มันไม่น่าจะมีใครตามมา...”
“ลางสังหรณ์ครับคุณอี๋เอิน”
เจ้าของชื่อถอนหายใจเฮือกเมื่อโดนตัดจบบทสนธนาแบบกลายๆ มือบางเอื้อมไปจับๆ เสื้อที่ยังไม่เข้าที่ของยูคยอมให้เรียบร้อยแทนเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรหรือชวนคุยอะไรต่อไปดี
“นี่ยูคยอม...”
“ครับ?”
“ขอบคุณที่คอยปกป้องนะ...”
“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
อี๋เอินส่ายหัวหน่อยๆ แล้วยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีบลอนด์อ่อนนั่นเบาๆ แววตาที่ช้อนขึ้นมาสบทำเอาคิมยูคยอมนิ่งไป
แววตามั่นคงกับรอยยิ้มบางๆ นั่น...
“วันนี้ไปพักผ่อนเถอะ นอนดึกเดี๋ยวแผลหายช้านะ”
วันนี้ต้วนอี๋เอินก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ให้ห้องประจำตำแหน่งอย่างเคย ถึงจะเป็นฉากบังหน้าแต่งานที่ต้องบริหารมันก็ต้องบริหารจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีชื่ออยู่ในชั้นแนวหน้าของวงการธุรกิจได้ แถมช่วงนี้เขายังต้องรับงานบางส่วนของพ่อตัวเองมาทำเพิ่มอีกต่างหาก
ทั้งหนอนบ่อนไส้ ทั้งความลับที่หลุดออกไปคงทำเอาท่านประธานหัวหมุนไม่น้อยเลย
“คุณอี๋เอิน”
เป็นเรื่องปกติที่ยูคยอมจะไม่เคาะประตู... บอดี้การ์ดคนนี้อยู่มานานเกินกว่าจะต้องสนใจมารยาทเล็กๆ น้อยๆ ไม่แน่บางทีเขาอาจจะสนิทกับยูคยอมมากกว่าน้อยชายแท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำไป
“ว่าไง หน้าเครียดเชียวยูคยอม”
อี๋เอินวางปากกาในมือลงแล้วเอนกายพิงผนักเก้าอี้นวมราคาแพงด้วยท่าทีสบายๆ เจ้าของความสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบสาวเท้าอาดๆ เข้ามาให้ห้องแล้วนั่งลงตรงโซฟาไม่ไกลนัก ปกติแล้วถึงจะทำหน้านิ่งเป็นพระเอกหนักขี้เก๊กตลอดเวลาก็เถอะ เจ้าเด็กนี่มันก็ยังมีอารมณ์มากวนประสาทเขาบ้างตามประสาคนที่อยู่เป็นเพื่อนเล่นกันมานาน แต่วันนี้ยูคยอมเงียบ... ยิ่งสีหน้าเครียดๆ แบบนั้นยิ่งทำให้เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“เย็นนี้ผมมีเรื่องต้องกลับไปทำธุระที่บ้านด่วน อยู่เองได้ใช่มั้ย?”
“ไม่เห็นจะเคยจำได้ว่าเราใช้จมูกเดียวกัน”
ว่าพลางทำหน้าเหลอหลากวนประสาทคนตรงหน้าไปด้วย และเหมือนจะได้ผลเพราะบรรยากาศที่ดูตึงเครียดเมื่อกี้นี้ดูจะผ่อนคลายลงนิดหน่อย
“ไม่ใช่แบบนั้นสิครับ ผมหมายถึงอยู่แบบไม่ให้ใครมาทำร้ายน่ะ อยู่ได้ไหม?
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาฟังประโยคนั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่งั้นเขาคงไม่เผลอยิ้มเพราะความน่ารักแบบแปลกๆ ของบอดี้การ์ดส่วนตัวขนาดนี้
“คิดว่าที่นี่มีนายคนเดียวที่คอยคุ้มกันฉันรึไงเล่า?”
“ผมจริงจังนะครับ...”
“หน้ายู่หมดแล้วคุณบอดี้การ์ดคิม”
อี๋เอินว่าพลางลุกมานั่งข้างๆ อีกฝ่าย ใช้ไหล่กระแซะๆ คนข้างๆ นิดหน่อย
ยูคยอมถอนหายใจเบาๆ หัวทุยเอนซบไหล่ของคนเป็นเจ้านายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเล่นเอาเจ้าของไหล่จะสะดุ้ง ดวงตาสีน้ำตาลลอบมองใบหน้าหล่อเหลาเล็กน้อย ตัดสินใจยกมือขึ้นมาลูบหัวคนตัวโตที่ดูไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติซักเท่าไหร่ในตอนนี้
“เครียดอะไรยูคยอม ป๊าจะลดเงินเดือนเหรอ เดี๋ยวฉันไปคุยให้มั้ย?”
“ไม่ใช่ซะหน่อย...”
ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองคนข้างๆ พลางคลี่ยิ้มที่ทำให้คนมองใจกระตุกแถมสั่นแรงหลายริกเตอร์
“แค่ได้ปกป้องคุณ... ต่อให้เป็นงานฟรีผมก็จะทำ”
ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเมื่อยูคยอมเลื่อนหน้ามาใกล้ ความอบอุ่นที่ริมฝีปากและลมหายใจที่รดอยู่ตรงปลายจมูกคือสิ่งที่อี๋เอินสัมผัสได้หลังจากหลับตา สัมผัสแผ่วเบาที่ไม่มีการลุกล้ำแต่กลับทำให้หัวใจของคนวัยยี่สิบสี่อย่างเขาเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกจากอก
แย่แล้วสิ...
ใจของเขากำลังจะแย่แล้ว
นอนไม่หลับ...
ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนหลับยากเลย ยิ่งผ่านการทำงานและประชุมมหาโหดเมื่อช่วงเย็นมาด้วยแล้วยิ่งไม่น่าจะตาแข็งได้ขนาดนี้
ก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่หรอกว่ามันเป็นเพราะไอ้เด็กที่มาทำตัวแปลกๆ ใส่เมื่อตอนบ่าย ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนริมฝีปากตัวเองเบาๆ แก้มใสขึ้นสีแดงระเรืออย่างห้ามไม่ได้
คิมยูคยอมน่ะ... เป็นตัวอันตรายจริงๆ นะ
เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลงเมื่อแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างกระทบหน้าปัดนาฬิกาเรือนใหญ่ตรงผนังให้เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าๆ แล้ว ถึงจะยังมีเรื่องค้างคาใจและมีเรื่องให้คิดมากมายแต่มันก็สมควรที่จะนอนเสียที
แกร๊ก...
เสียงแปลกปลอมจากหน้าประตูทำเอาคนที่พึ่งหลับตาไปได้ไม่นานแอบขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะต้องคลายหัวคิ้วออก พยายามควบคุมลมหายใจของตนให้สม่ำเสมอเหมือนกำลังหลับอยู่จริงๆ
ตึก... ตึก...
ความเงียบทำให้เสียงฝีเท้าเบาๆ ก้องขึ้นอย่างชัดเจนจนเผลอตัวสั่น ยังดีที่ความมือภายในห้องยังช่วยอำพรางความกลัวของอี๋เอินไว้ได้
กริก...
เสียงขึ้นนกปืนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้นอยู่ใกล้หู เหล็กเย็นๆ เคลื่อนมาจ่อติดหน้าผากนิ่งอยู่เนิ่นนานแต่กลับไม่มีการเหนี่ยวไกใดๆ จากผู้มาเยือน
ได้โปรด.... ช่วยยิงซะที
เสียงภาวนาในใจย่อมไม่มีทางส่งถึงใครอีกคน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็เหมือนเส้นตายค่อยๆ เคลื่อนใกล้เข้ามาทุกที
จริงๆ อี๋เอินรู้อยู่แล้ว... ว่าหนอนบ่อนไส้คนนี้ไม่มีทางฆ่าเขา
ไม่ว่ามันจะจำเป็นแค่ไหนก็ตาม...
“เหนี่ยวไกได้แล้วยูคยอม...”
แพขนตาหนาเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่สบเข้ากับดวงตาอีกคู่ด้านบนพอดี แววตาที่มั่นคงตลอดสั่นระริกแม้จะเห็นลางๆ นั่นไม่ได้ทำให้อี๋เอินรู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ร่างโปร่งยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง มือบางจับปลายกระบอกปืนให้ขึ้นมาจ่อที่หน้าผากตนเองอีกครั้งเมื่อร่างสูงของบอดี้การ์ดดูจะนิ่งแข็งไปซะแล้ว
“เร็วสิ...ยูคยอม”
“ผมทำไม่ได้..”
แค่เสียงเบาหวิวที่ได้ยินก็ทำคนเข้มแข็งอย่างอี๋เอินอยากจะร้องไห้มันตรงนั้น
“อะไรทำให้นายอ่อนแอได้ขนาดนี้”
เป็นเหมือนคำถามผ่านๆ ที่ไม่ต้องการคำตอบเพราะเขารู้คำตอบของมันดี...
และความรักน่ากลัวแค่ไหนเขาเองก็รู้ดีเช่นกัน....
อย่างน้อยๆ ก็เห็นได้จากความอ่อนแอของคนตรงหน้า ยูคยอมไม่เคยลังเลที่จะต้องฆ่าใคร ไม่เคยกลัวหากสิ่งนั้นจำเป็นต้องทำหรือเขาต้องการจะทำ..
“ผม...”
“คิมยูคยอม... นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพูด...”
มือเล็กค่อยๆ เปลี่ยนตำแหน่งจากกระบอกปืนไปยังมือของคนที่ถือมันอยู่อีกฟาก ดวงตายังคงสบกันไม่ได้ละไปไหน แม้เวลานี้ตาของอี๋เอินจะแดงเต็มที
“ฆ่าฉัน!”
“...ไม่”
ปัง!!!
“พ่อรู้ตัวคนที่เป็นหนอนแล้ว”
สองสามวันหลังจากจบการประชุมเรื่องหนอนบ่อนไส้ในแก๊งค์ต้วนอี๋เอินถูกพ่อแท้ๆ เรียกไปพบกลางดึก ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้าจากเอกสารที่อ่านอยู่ทำเอาคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะขมวดคิ้วแบบไม่เข้าใจ...
“แล้วมันเกี่ยวกับไรกับผม? ปกติป๊าก็จัดการไม่ได้บอกหรือปรึกษากันอยู่แล้วนี่นา”
“เพราะว่าเขาเป็นคนของลูกไงอี๋เอิน...”
“.....”
“สำหรับคนอื่นๆ ป๊ามีวิธีจัดการไว้แล้ว แต่คิมยูคยอมเป็นคนของลูก ลูกจะเอายังไงกับเขาก็ตามใจ”
“.....”
“แต่ป๊าให้เวลาแค่หนึ่งเดือน... ถ้าช้ากว่านั้นป๊าคงต้องลงมือเอง”
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง แววตาของลูกชายมาเฟียสั่นระริก มือบางกำแน่นโดยไม่รู้ตัว และทุกๆ อย่างอยู่ในสายตาของคนเป็นพ่อทั้งหมด
“เข้าใจที่ป๊าพูดมั้ยอี๋เอิน?”
.
.
.
“...เข้าใจครับ”
ความรักมันน่ากลัวจริงๆ นะ...
มันน่ากลัวพอที่จะทำให้คนใจดีอย่างอี๋เอินเห็นแก่ตัว...
เห็นแก่ตัวพอที่จะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร และอยู่เฉยๆ ยอมให้ยูคยอมทำตามหน้าที่ให้สำเร็จ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
คนที่ต้องฆ่าเขากลับหันไปจัดการพวกเดียวกันและปกป้องดีเหมือนที่ทำมาตลอด แน่นอนว่าอี๋เอินไม่เข้าใจหรอกว่ายูคยอมทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร...
จนกระทั่งวันที่เขาพายูคยอมขึ้นมาทำแผลบนห้องวันนั้น...
“แค่ได้ปกป้องคุณ... ต่อให้เป็นงานฟรีผมก็จะทำ”
น้ำเสียง สายตา และรอยยิ้มในตอนนั้นเป็นคำตอบของทุกอย่าง...
สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเลิกเห็นแก่ตัวซะที
พรึบ!
สองแขนรีบคว้าแขนและลำตัวหนาก่อนร่างนั้นจะทรุดลงกับพื้น ปล่อยให้น้ำหนักของคนด้านบนทับลงมาและไม่สนใจชุดนอนราคาแพงที่ชุมโชกไปด้วยเลือด...
เลือกจากแผลใต้อกด้านซ้ายของยูคยอม
อี๋เอินหลุบตาลง น้ำใสที่คลอหน่วยมานานหยดลงบนไหล่ของคนที่หายใจแผ่วเบาอยู่ข้างหู แววตาที่เขาเห็นก่อนคนในอ้อมกอดจะทรุดลงมามีเพียงความตกใจ
ไม่มีความโกรธแค้นอยู่ในดวงตาเรียวคู่นั้นเลย...
มือเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นมากอดร่างหนาไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นมาลูบผมสีอ่อนนั่นเบาๆ แทนการขยี้ให้มันฟูเหมือนที่ชอบเล่นมาตลอด
“หลับเถอะยูคยอม...”
“คุณ...”
“ถ้านายไม่ฆ่าฉัน นายก็ต้องตาย... ฮึก..”
ใบหน้าหวานกดลงกับไหล่หนา พยายามบังคับตัวเองให้หยุดสะอื้น
เวลาของยูคยอมเหลืออีกไม่นานนัก.. และเขายังมีสิ่งที่อยากพูดให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ฉันขอโทษ... ฮึก แต่ฉันปล่อยให้คนอื่นฆ่านายไม่ได้จริงๆ”
เจ้าของใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดกระตุกยิ้มบาง เจ้านายของเขาก็ยังคงน่ารักมาจนถึงวินาทีสุดท้าย...
อยากจะกดจูบที่แก้มนิ่มๆ นั่น..
อยากจะยกมือขึ้นกอดตอบเป็นครั้งสุดท้าย..
แต่คิมยูคยอมไม่มีแรงเหลือพอจะทำสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว
“ผม..รัก...คุณมากนะ”
“อืม...”
เสียงหวานตอบรับเพียงแค่นั้น เสียงสะอื้นเบาๆ ยังคงดังต่อเนื่องแข่งกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้าสวยจนดูแทบไม่ได้ สองมือกระชับมือกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้นและเผลอกอดแน่นขึ้นอีกเมื่อรู้สึกว่าลมหายใจที่เป่ารดต้นคอหายไป
เป็นสัญญาณที่ว่าคนในอ้อมกอดของเขาได้จากไปตลอดการ
“ฉันเอง... ก็รักนายมากเหมือนกัน”
เป็นครั้งแรกที่ร่างบางคิดขอบคุณที่ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียง...
ไม่งั้นคงมีคนได้ยินเสียงร้องไห้ราวกับจะขาดใจของลูกชายมาเฟียแน่ๆ
อี๋เอินเคยคิดว่าเขาขอจากไปดีกว่าที่จะอยู่บนโลกนี้โดยไม่มียูคยอม
แต่เพราะยูคยอมเป็นคนดี... ดีมากจนเขาเห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ความเจ็บปวดของคนที่ยังอยู่ทั้งหมด... ต้วนอี๋เอินขอเป็นคนรับผิดชอบมันเอง
- End -
ค่ะ...อย่าพึ่งปารองเท้าหรือหยิบมีดมาแทงค่ะ...
เพราะเราได้ฮาราคีรีตัวเองตายไปรอบนึงตอนแต่งจบแล้ว ฮืออออออ
เคยปฏิญานไว้ว่าจะแต่งยูคมาร์คแฮปปี้เอน อิ่มเอิบเอน แต่สุดท้ายก็ไม่รอด โถชีวิต
ถือว่าชีวิตมันต้องลองหลายๆ รสชาติเนอะตัวเอง ดราม่าบ้างหวานบ้างน่ารักบ้างแซ่บบ้าง
อ่านแล้วคอมเม้นท์ได้เหมือนเดิมน้า เผื่อใครไม่สะดวกก็ #กัซกลคน หรือเมนชั่นไป @chuchompoo ได้เลยค่ะ เรารออ่านคอมเม้นท์อยู่นะกุซิกๆ TTTT
ขอบคุณที่อ่านจนจบและเจอกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ <3
ความคิดเห็น