คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [OS] Incentive Mark
[OS] Incentive Mark
Author : Chuchompoo
Pairing : Yugyeom x Mark
Rate : PG
Song : Joo Yeong - Same As You
เดิมทีแล้วน่ะนะ... มาร์คก็เป็นแค่แอลเอบอยคนชิคคนนึงเท่านั้นแหละ
แต่ทุกอย่างมันเป็นเพราะเจ้าเด็กยักษ์นั่นคนเดียว!
คิมยูคยอม... ผู้ชายที่ทำให้มาร์คต้องแปลงร่างกลายเป็นคนขี้อ่อยแบบทุกวันนี้
อะไรเอ่ย มีสองแขน สองขา ผมสีชมพูนมเย็น ชอบแต่งตัวแบบแฮกริดในแฮร์รี่ พอตเตอร์ สูงร้อยแปดสิบกว่าทั้งๆ ที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ...
สิ่งนั้นคือ ‘คิมยูคคยอม’ เด็กยักษ์ธรรมดาที่ดันทำให้หัวใจมาร์คเต้นไม่เป็นจังหวะได้
จากความทรงจำลางๆ ที่จำได้ คิมยูคยอมคือคนแรกที่เขารู้จักในฐานะเด็กฝึกด้วยกัน ถึงความจะประทับใจแรกตอนเจอกันมันจะอึดอัดไปหน่อยก็เถอะ...
ตัวก็ออกจะโต ถึงหน้าตาจะดูใสซื่อแต่ก็ควรฉลาดภาษาอังกฤษมากกว่านี้หน่อยสิ! ปกติเขาก็ไม่ใช่คนพูดมากอะไรนักหนาอยู่แล้ว แถมตอนนั้นภาษาเกาหลีที่รู้นี่ยังสื่อสารอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พอต้องมาเจอกับคนที่ฟังภาษาอังกฤษออกแค่เยส โน โอเค แต๊งค์กิ้ว เฮลโล โย่วแหม่น สภาวะอึดอัดและเดทแอร์มันเลยเกิดขึ้นแบบไม่ต้องสงสัย
แต่ก็นะ...
ไอ้เด็กซื่อบื้อนั่นดันกลายเป็นคนที่เขาสบายใจที่สุดเวลาอยู่ด้วยไปแล้ว จะให้ทำไงได้ล่ะ
มาร์ค ต้วน ไม่ใช่คนใจกว้างอะไรนักหรอก...
ไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยให้เจ้าหมียักษ์นั่นไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่นที่ไม่ใช่เมมเบอร์ในวงได้ ไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยให้คิมยูคยอมเป็นคนสาธารณะของทุกคนที่ไม่ใช่แฟนคลับได้ แล้วก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้คิมยูคยอมให้ความสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเองจนเกินไปด้วย
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ....
เด็กซื่อบื้อก็ยังเป็นเด็กซื่อบื้ออยู่วันยังค่ำ
อ่อยจนแทบจะลืมร่างมาร์คไว้ที่แอลเออยู่แล้ว ทำตัวเอินขนาดนี้ยังจะมีหน้าทำตัวไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก!
ฟู่ว..
มาร์คผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ระหว่างที่เขากำลังนั่งเกร็งอยู่บนโซฟาสีขาวขนาดใหญ่.. ในบ้านของยูคยอม
ถึงจะเป็นยัยเอินจอมอ่อยหรืออะไรก็ช่างเถอะ แต่ไอ้การที่ถูกทำเหมือนเป็นคนพิเศษแบบนี้จะให้เขาหยุดตื่นเต้นได้ยังไง เก่งแค่ไหนมันก็ต้องมีโมเม้นท์ที่แพ้บ้างไม่ใช่เหรอ!?
“เกร็งเหรอมาร์คฮยอง ให้ผมพากลับไปส่งที่หอดีมั้ย?”
เสียงทุ้มเหนือหัวเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นหลังจากโฟกัสกระถางต้นไม้เล็กๆ แถวนั้นมาเป็นเวลานาน ใจความนั่นทำเอาส่ายหัวปฏิเสธแล้วทำตัวให้ดูปกติแทบไม่ทัน
เวลาดีๆ แบบนี้จะให้เขาปล่อยไปได้ยังไงกันล่ะ...
“แค่ตื่นเต้นหรอก ให้เวลาปรับตัวหน่อยสิ”
มาร์คพูดพลางยิ้มเล็กน้อยและได้รับรอยยิ้มตอบกลับมาจากคนตัวโต ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้าง เขา ปล่อยให้ความเงียบค่อยๆ กระจายตัวออกไปช้าๆ
มันไม่ได้อึดอัดอะไร... ออกจะเป็นความเงียบที่ทำให้รู้สึกสบายใจซะอีก
“ยูคยอม ฮยองขอถ่ายรูปกับมาร์คได้รึเปล่า?”
“จะถ่ายรูปกับมาร์คฮยองแล้วทำไมถามผมล่ะครับ?”
ยูคยอมตอบญาติผู้พี่คนหนึ่งพลางหัวเราะแล้วลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อมาร์คพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงอนุญาต มือหนารับมือถือของอีกฝ่ายมาถือไว้เตรียมพร้อมเป็นตากล้องจำเป็นชั่วขณะ ด้านมาร์คเองก็กอดคอชูสองนิ้วยิ้มหวานตามสเตป
ไม่อยากจะบอก.. ที่ยิ้มนี่ยิ้มให้คนหลังกล้องหรอกนะ
“ขอบคุณนะมาร์ค เจ้าคยอมตอนอยู่หอนี่ดื้อไหม? ดุได้เลยนะ”
“ไม่ดื้อหรอก... ออกจะเป็นเด็กดีด้วยซ้ำ”
แอลเอบอยรีบตอบเมื่อเป็นเรื่องของเจ้าหมีตัวยักษ์ พอทอปปิคเป็นเรื่องแบบนี้มันทำให้มาร์คเริ่มพูดมากแล้วถามนู่นนี่ไม่หยุด ด้านญาติของยูคยอมก็ดูให้ความร่วมมือดี ถามอะไรก็ตอบ แถมยังใจดีเล่าเรื่องสมัยยูคยอมยังเด็กให้เขาฟังอีกต่างหาก
จากสภาพการณ์ตอนนี้มาร์คคงหายเกร็งเป็นปลิดทิ้งไปแล้ว แถมยังยิ้มเรี่ยราดพูดจาเจื้อยแจ้วจนผิดวิสัยด้วย
“มาร์คฮยอง...”
“ว่าไงยูคยอ--”
เสียงในลำคอหายไปเมื่อมักเน่ของวงก้มตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ นิ้วเรียวแตะบนใบหน้าเขาแผ่วเบา ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสนิทราวกับกำลังถ่ายแบบอยู่ แถมยังใช้ดวงตาของเขาเป็นเลนส์กล้องอยู่ซะด้วย...
จ้องขนาดนี้กินฮยองเลยมั้ย....
ก็ได้แค่คิดน่ะนะ
“ผม... ผมจะบอกว่าขนตาติดแก้มน่ะครับมาร์คฮยอง”
หลังจากนิ่งอยู่แบบนั้นพักใหญ่ พิ้งค์บอยก็กระตุกยิ้มบาง นิ้วที่ค้างอยู่บนแก้มเกลี่ยเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะยืดตัวยืนตรงเหมือนปกติ
“ไปหาอะไรกินในครัวกันดีกว่าครับ”
มาร์คพยักหน้าหงึกหงักแล้วลุกขึ้นเดินตามร่างสูงตรงหน้าไปโดยไม่ได้โต้แย้งอะไร
เมื่อกี้เขาเห็นนะ...
ช่วงวินาทีที่สายตาคมคู่นั้นเหลือบไปทางญาติของตนก่อนที่จะกลับมายิ้มให้เขาแบบปกติ แถมก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเมื่อกี้เขาก็เห็นและได้ยิน... ใบหน้ารู้ทันรวมถึงเสียงหัวเราะของคนที่เขาคุยด้วยอยู่นานสองนานก่อนหน้านี้
บางทีมาร์คก็คิดว่าคนใสซื่อทำอะไรตามใจคิดแบบยูคยอมนี่แหละเข้าใจยากกว่าอะไร
บางครั้งก็เหมือนจะหวง บางครั้งก็ไม่...
ช่วยทำตัวให้เขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองจะได้มั้ย... หรือไม่ก็ช่วยทำตัวชัดเจนซะที
ถึงแม้ว่าทัวร์โชว์เคสแถบจีนจะจบไปตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม แต่กว่าจะหาวันว่างที่ทุกคนพร้อมจะสังสรรค์ได้ก็ปาไปปลายเดือนกุมพาพันธ์ซะแล้ว
เพราะฉะนั้นหลังจากกลับมาจากบ้านยูคยอมได้ไม่กี่วันเขาก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการรับแอลกอฮอลเข้าร่างกาย...
แหม่... นี่พี่ใหญ่ของวงนะครับ ดื่มเก่งด้วยนะรู้ยัง
เสียงเพลงที่เขาคุ้นหูดังลั่นห้องที่เคยมีสภาพเป็นห้องซ้อมแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผับย่อมๆ มาร์คต้วนเดินชนแก้วกับผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหลายไปเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือคนที่เขายังไม่ได้ชนแก้วด้วยแล้ว แอลกอฮอลในมือถูกเปลี่ยนไปแก้วแล้วแก้วเล่าแบบที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันได้นับ เพราะพอมันหมดก็มีคนนำแก้วใหม่มาให้ตลอด
ตอนนี้เขารู้แค่ว่าเส้นเลือดในหัวมันเริ่มเต้นตุบๆ จนน่ารำคาญ
ร่างเล็กกวาดสายตาไปทั่วห้องที่มีแต่แสงวิบวับจากดิสโก้บอลที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน หรือบางทีอาจจะเป็นมักเน่ไลน์ที่เอามาก็เป็นได้ เพลงจากที่ตอนแรกก็ดูสบายๆ เริ่มเป็นบีทหนักๆ หลังจากลีดเดอร์ของวงกับรูมเมทของเขาขึ้นไปแดดิ้นอยู่บนโต๊ะ เสียงรอบข้างดูจะครึกครื้นขึ้นอีกสองระดับ แต่ถึงอย่างนั้น... ตอนนี้มาร์คอยากทำให้อาการตุบๆ ในหัวนี่หายไปมากกว่าเต้นร่วมสนุกกับคนอื่น
สองขาก้าวยาวๆ ไปทั่ว ดวงตาสีน้ำตาลสอดส่องไปทั่วเพื่อหาบุคคลที่อยากเจอ พอเห็นเป้าหมายกำลังนั่งมองไปยังโต๊ะกลางห้องพลางหัวเราะเขาก็ไม่รอช้าที่จะตรงดิ่งไปนั่งข้างๆ ทันที เหมือนฟ้าจะค่อนข้างเป็นใจเมื่อยองแจกับแบมแบมที่ถือน้ำองุ่นไว้ในมือแทนเครื่องดื่มมึนเมากำลังชวนกันไปเต้นพอดี
ฟุ่บ
ร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาแบบไม่ยั้งแรง แขนขาวยกขึ้นพาดบ่าน้องเล็กของวงตามความเคยชิน เขาเห็นเจ้าหมียักษ์ชะงักไปหน่อยแล้วค่อยหันมามองเขา
“มาร์คฮยอง”
“ดื่มมั้ย? ....เอ้อ ดื่มไม่ได้นี่นะ”
มาร์คหัวเราะกับคำถามโง่ๆ ของตัวเอง จังหวะตุบๆ ในหัวมันแรงเกินกว่าที่เขาจะมาเสียเวลานั่งคิดว่าตอนนี้ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเขากับเจ้ามักเน่นี่มันใกล้เกินไปรึเปล่า ภาพใบหน้าของยูคยอมที่ชัดเจนแบบนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาชอบมาก ฉะนั้นเขาขอใช้สิทธิ์คนเมาใกล้ชิดหรือทำอะไรตามใจชอบหน่อยเถอะ..
ถึงเวลาปกติก็ทำไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นักอ่ะนะ
“เอ่อ... มาร์คฮยองพอก่อนมั้ย ฮยองกินไปกี่แก้วแล้วเนี่ย”
“คิก...”
เขาหลุดขำกับท่าทางเงอะงะนั่นของยูคยอม....
ใกล้กันมากี่ครั้งแล้วก็ยังไม่ชินอีกหรือไง ทีที่ทำกับเขาตอนไปที่บ้านนั่นยังไม่เห็นเจ้าตัวจะแสดงอาการเงอะงะอะไรออกมาเท่าตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ครั้งนั้นเป็นคนเริ่มด้วยเถอะ..
“มาร์คฮยอง...”
“ยังไม่เมาหรอกน่า นี่พักอยู่เดี๋ยวค่อยไปกินต่อ”
มันเป็นเรื่องจริงนะที่เขายังไม่เมา... แค่สภาพตอนนี้สติไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ก็แค่นั้น ส่วนประโยคหลังเขาก็ไม่ได้โกหกอีกนั่นแหละ เขาคิดจริงๆ นะว่าถ้าไอ้อาการตุบๆ แบบนี้มันดีขึ้นเขาจะลุกไปกินต่ออีกซักหน่อย โอกาสจะเมาได้แบบสุดๆ มันมีเยอะซะไหนกัน ยิ่งเขามาอยู่ในฐานะศิลปินแบบนี้ด้วยแล้ว
แอลเอบอยซบหัวลงบนไหล่กว้างที่ส่วนสูงรับกับเขาพอดิบพอดี สองแขนละจากไหล่เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นแขนของยูคยอมแทน สองตาปิดลงเผื่อมันจะช่วยในร่างกายเขาสงบขึ้นและเสียงตุบๆ ในหัวจะได้หยุดลงเสียที
เพลงในห้องซ้อมเปลี่ยนแนวไปอีกครั้ง บีทหนักๆ ถูกลดลงมาเหลือแค่เพลงที่พอเป็นจังหวะหน่อยๆ ให้โยกตามได้ พอดีกับเพลงที่เขาได้ยินบ่อยในช่วงนี้วนมา ริมฝีปากสีชมพูอิ่มดูสุขภาพดีจึงขยับฮึมฮัมตามโดยอัตโนมัติ
I just wanna love you. I really wanna do anything for you.
...ผมแค่อยากจะรักคุณ จะทำทุกสิ่งเพื่อคุณ...
คือเดวา กัททา คือเดวา กัททา คือเดวา กัททา โชกึมโด บยอนฮันเก ออบซอ
...ผมก็เหมือนกับคุณ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป...
ยอจอนอี คือเด บักเก ออบซอ
...ยังคงไม่มีใครนอกจากคุณ....
มาถึงท่อนนี้มาร์คหลุดยิ้มออกมาเล็กๆ...
เขาไม่รู้ว่าเขากับยูคยอมคิดเหมือนกันรึเปล่า ถึงจะมีคนบอกว่าเขาฉลาดแต่เขาก็ดูคิมยูคยอมไม่ออกจริงๆ เขาไม่กล้าแม้แต่จะตัดสินใจคิดอะไรให้แน่นอนด้วยซ้ำ
เพราะว่าแคร์มาก... อะไรที่ยังไม่ชัดเจนเขาก็จะไม่รีบตัดสินมัน
ไม่เป็นไรหรอก.... เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เคยใจเต้นกับคนอื่นเลยแม้แต่คนเดียว
ยังคงไม่มีใครทำให้จังหวะของหัวใจเขามันผิดเพี้ยนไปจากปกติได้ นอกจากคิมยูคยอม
“ยูคยอมอ่า...”
คิดเพ้อเจ้อในหัวอยู่พักใหญ่มาร์คก็ตัดสินใจได้..
ไม่อยากบอกนักหรอกว่าเหตุผลกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของการตัดสินใจคือร่างกายที่ตนพิงอยู่ตอนนี้มันอุ่นและสบายจนไม่อยากออกไปเต้นต่อ
“ครับ?”
“กลับหอกันเถอะ ง่วงแล้ว”
วันนี้เขาโดนเจ้าเด็กไททันนี่แบกกลับหอ... เป็นสภาพที่ดูไม่จืดแต่เขาก็ไม่มีแรงจะมาโวยวายอะไรเสียด้วยสิ
จริงๆ ตอนแรกทุกอย่างมันโอเคแล้ว อาการตุบๆ ในหัวน้อยลงจนเกือบเป็นปกติเขาเลยตัดสินใจชวนยูคยอมกลับหอ แต่พอเดินออกมาจากห้องซ้อมมืดๆ นั่นดวงตาเขาก็ปะทะกับแสงจ้าจากไฟที่โถงทางเดินแบบไม่ได้ตั้งตัว ซึ่งมันทำเขาหัวหมุนไปพักใหญ่ การทรงตัวเริ่มแย่ลงและเซไปเซมา เด็กยักษ์ที่มาด้วยกันคงทนเห็นสภาพเขาไม่ได้เลยจัดการแบกเขากลับมาจนถึงหอแบบนี้
พอหลังสัมผัสกับความนุ่มของเตียงปุ๊บ สติของเขาก็เหมือนจะชัตดาวน์ปั๊บ แต่มาร์คยังไม่อยากหลับ... เพราะฉะนั้นเขาเลยพยายามฝืนตัวเองไว้ให้สติที่มีอยู่น้อยนิดหายไปเสียก่อน
ยังไม่ทันได้ลืมตาเข้าก็รู้สึกว่ามีบางคนกำลังยุ่งกับตัวเขา... ถุงเท้าที่น่าอึดอัดโดนถอดออกไปก่อนเป็นอย่างแรก เป้าหมายต่อไปของน้องเล็กคงเป็นเสื้อโค้ดที่เขาใส่อยู่เพราะตอนนี้ตัวเขาถูกยกขึ้นหน่อยๆ เพื่อที่จะได้ถอดเสื้อออกได้ถนัด
ดาวตาสีน้ำตาลสวยปรือขึ้นเพื่อมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มันดันบังเอิญสบเข้ากับคนที่อยู่เหนือตัวเขาในตอนนี้พอดี มือหนาที่กำแขนเสื้อเขาไว้ชะงักแบบที่เขารู้สึกได้
“เอ่อ... มาร์คฮยองถอดเสื้อก่อนนะ”
พี่ใหญ่และน้องเล็กแห่งกัซเซเว่นสบตากันอีกซักพัก ฝ่ายที่หลบสายตาไปก่อนก็ไม่พ้นคิมยูคยอมอีกนั่นแหละ มือหนาถอดเสื้อโค้ดเขาออกซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“เดี๋ยวผมไปหาน้ำมาให้ดื่มแล้วกัน..”
ร่างสูงใหญ่ยืดตัวขึ้นยืนตรงเตรียมจะหันหลังเดินออกไป
อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้เขาจับแขนยูคยอมแล้วดึงร่างหนานั่นลงมาแบบไม่กลัวว่ากระดูกจะหักหากเกิดอะไรผิดพลาด ยังดีที่เด็กตรงหน้าเขายังมีสติพอที่จะยันตัวไว้ไม่ให้ลงมาทับเขาเต็มแรง
ใบหน้าหล่อใสอยู่ใกล้มากแต่มาร์คต้วนกลับไม่ได้ตกใจอะไร อาจเป็นเพราะแอลกอฮอลที่ทำให้สติมันมีไม่มากพอจะมาเขินหรือคิดอะไรมากมาย และอาจเป็นเพราะแอลกอฮอลอีกนั่นแหละที่ทำให้เขาตัดสินใจยกแขนโอบรอบคอคนด้านบน
“มาร์คฮยอง...”
“เลิกเรียกได้แล้วน่า...”
แอลเอบอยถอนหายใจยาว เขาชอบหน้าซื่อๆ เหมือนหมาโกลเดนตัวยักษ์ของยูคยอมก็จริง แต่ใบหน้าแบบนั้นกับเหตุการณ์ตอนนี้มันไม่ได้เข้ากันจนชักเหนื่อยใจ เขาเลยเลือกที่จะหลับตาลงแทน...
“Until now, you never understand anything...” ริมผีปากบางอมยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังหลับตา “...My innocent boy...”
น่าเสียดายที่เขายังมีสติพอที่จะหยุดตัวเองไม่ให้ดึงคนด้านบนลงมาจูบซะให้รู้แล้วรู้รอด
นิ่งไปซักพักมาร์คก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง...
อย่างที่คิดเลย ใบหน้าของยูคยอมตอนนี้มันเหมือนจะมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘พี่พูดอะไร ผมไม่เข้าใจ’ ตัวโตๆ
มันน่าเหนื่อยใจดีจริงๆ ให้ตายเถอะ..
สงสัยหลังจากนี้เขาคงต้องส่งเจ้ามักเน่ยักษ์นี่ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มซะแล้ว
เอ๊ะ... หรือจะสอนเองดีนะ?
พี่ใหญ่หัวเราะเบาๆ กับความคิดของตัวเองก่อนจะใช้แรงที่ยังพอมีอยู่บ้างงัดคนด้านบนลงมานอนบนเตียงแทนแล้วปีนขึ้นไปนอนบนตัวอุ่นๆ นั่นอย่างเอาแต่ใจ
วันนี้เขาเหนื่อยและหมดแรงแล้ว เอาไว้จัดการเจ้าเด็กนี่ให้ตาสว่างทีหลังก็แล้วกัน
รอยยิ้มบางปรากฏออกมาบนใบหน้าหวาน
อย่างน้อยวันนี้เสียงหัวใจที่เต้นแรงๆ อยู่ข้างหูเขานี่แหละจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหลับฝันดี
ถึงจะยังไม่เข้าใจก็เถอะ....
บางทีก็ดูแสดงออกว่าหวง บางทีก็ใจเต้นแรงเสียจนเขาได้ยิน แต่บางทีกลับทำตัวเฉยๆ ไม่ก็เอ๋อจนเขาสับสนว่าสิ่งที่อยู่ในใจของคิมยูคยอมคืออะไรกันแน่
ไม่เป็นไรหรอก... ไม่เป็นไร
ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่เข้าใจ และดูเหมือนเจ้าหมีนั่นก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เข้าทำ
มันไม่เป็นไรเลยจริงๆ ตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ข้างกันแบบนี้
จะอ่อยจนคิมยูคยอมเข้าใจได้เองเลยว่าเขาคิดยังไง คอยดูสิ
- แถมๆ –
“แบมแบม เจ้ายูคยอมนี่ไม่รู้ตัวจริงๆ ใช่มั้ย?”
ออมม่าของวงเปิดประเด็นขึ้นหลังจากเห็นพี่ใหญ่กับน้องเล็กพากันออกจากห้องไป กัซเซเว่นที่ดูไร้สติในตอนแรกก็มารวมตัวสุมหัวคุยกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ผมว่าไม่รู้อ่ะ... มาร์คฮยองออกจะชัดเจนขนาดนั้นเชียวน้า”
“ปกติมาร์คเป็นคนฉลาดจะตาย เอาจริงๆ ท่าทางของยูคยอมก็ไม่ได้ดูยากเลยนะ”
แจ็คสันเสริมขึ้นพลางนึกถึงท่าทีมีพิรุธของน้องเล็กที่เขาจับได้หลายครั้ง คำว่าความรักทำให้คนตาบอดคงไม่ใช่ในแง่ของการทำอะไรแบบไม่มีสติซะแล้ว บางทีมันอาจจะหมายถึงทำให้คนฉลาดๆ กลายเป็นคนซื่อบื้อไม่กล้าตัดสินใจฟันธงอะไรซักอย่างด้วย
ถ้าอยากได้ตัวอย่าง... ลองมองไปที่มาร์คต้วนสิครับ
“เอาน่า... ถ้าเขามีความสุขกับอะไรแบบนั้นก็อย่าไปยุ่งเลย”
“แต่เห็นแล้วมันขัดตานี่นาแจมบอมฮยอง คนอื่นเขารู้กันหมดแล้วเนี่ย เหลือแต่เจ้าตัวสองคนที่ยังไม่รู้อะไรซักที”
ลีดเดอร์ของวงเอ่ยขึ้นแบบไม่หยี่ระตามมาด้วยเสียงขัดจากรูมเมทของเจ้าตัว แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็รู้ดีนั่นแหละว่าทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้นอกจากดูและเชียร์อยู่ห่างๆ
รอวันที่สองคนนั้นจะรู้ตัวเหมือนที่คนรอบข้างรู้ซะที
- End -
จบไปอย่างสวยงาม... รึเปล่านะ 555555555555
ขอเม้าท์เรื่องเพลงประกอบตอนนี้ก่อนเลยค่ะ ตอนแรกก็หาเพลงฟังแล้วอ่านคำแปลไปเรื่อย พอเจอประโยคที่ยกมาในตอนนี้เท่านั้นแหละ ฮื้มมมมมมมมมมมม!!!!
ผมนี่ลุกขึ้นชูป้าย no one else but you เลยครัช
ไม่แน่ใจว่ามันคือประโยคเดียวกันรึเปล่า แต่ฟังแล้วอินค่ะ เป็นความเอาแต่ใจของเราเอง อินง่าย ฟินง่าย อยู่ง่ายด้วยโมเม้นท์และมโนเม้นท์ค่ะ
ส่วนใครทที่ไม่สะดวกคอมเม้นท์ในนี้ก็เม้าท์กันได้ใน #กัซกลคน หรือไม่ก็เมนชั่นมาหวีดได้ที่ @chuchompoo เลย! แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า... อาจจะเป็นบีเนียร์หรือซักคู่ที่พล็อตแล่นเข้าหัว
แล้วเจอกันใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ เยิ้บ
(คอมเม้นท์มาได้ไม่ต้องเกรงใจนะ เราชอบอ่านมากจริงๆ แง TvT)
ความคิดเห็น