ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] OS l SF : Once Upon A Time ★

    ลำดับตอนที่ #2 : [OS] Incentive Mark

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 58


    [OS] Incentive Mark

    Author : Chuchompoo        

    Pairing : Yugyeom x Mark

    Rate : PG

    Song : Joo Yeong - Same As You

     

     

    เดิมทีแล้วน่ะนะ... มาร์คก็เป็นแค่แอลเอบอยคนชิคคนนึงเท่านั้นแหละ

    แต่ทุกอย่างมันเป็นเพราะเจ้าเด็กยักษ์นั่นคนเดียว!

    คิมยูคยอม... ผู้ชายที่ทำให้มาร์คต้องแปลงร่างกลายเป็นคนขี้อ่อยแบบทุกวันนี้

     

     

                อะไรเอ่ย  มีสองแขน  สองขา  ผมสีชมพูนมเย็น  ชอบแต่งตัวแบบแฮกริดในแฮร์รี่ พอตเตอร์  สูงร้อยแปดสิบกว่าทั้งๆ ที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ...

                สิ่งนั้นคือคิมยูคคยอมเด็กยักษ์ธรรมดาที่ดันทำให้หัวใจมาร์คเต้นไม่เป็นจังหวะได้

     

                จากความทรงจำลางๆ ที่จำได้  คิมยูคยอมคือคนแรกที่เขารู้จักในฐานะเด็กฝึกด้วยกัน  ถึงความจะประทับใจแรกตอนเจอกันมันจะอึดอัดไปหน่อยก็เถอะ...

                ตัวก็ออกจะโต  ถึงหน้าตาจะดูใสซื่อแต่ก็ควรฉลาดภาษาอังกฤษมากกว่านี้หน่อยสิ!  ปกติเขาก็ไม่ใช่คนพูดมากอะไรนักหนาอยู่แล้ว แถมตอนนั้นภาษาเกาหลีที่รู้นี่ยังสื่อสารอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  พอต้องมาเจอกับคนที่ฟังภาษาอังกฤษออกแค่เยส โน โอเค แต๊งค์กิ้ว เฮลโล โย่วแหม่น สภาวะอึดอัดและเดทแอร์มันเลยเกิดขึ้นแบบไม่ต้องสงสัย

     

                แต่ก็นะ...

                ไอ้เด็กซื่อบื้อนั่นดันกลายเป็นคนที่เขาสบายใจที่สุดเวลาอยู่ด้วยไปแล้ว  จะให้ทำไงได้ล่ะ

     

                มาร์ค ต้วน  ไม่ใช่คนใจกว้างอะไรนักหรอก...

                ไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยให้เจ้าหมียักษ์นั่นไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่นที่ไม่ใช่เมมเบอร์ในวงได้  ไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยให้คิมยูคยอมเป็นคนสาธารณะของทุกคนที่ไม่ใช่แฟนคลับได้  แล้วก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้คิมยูคยอมให้ความสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเองจนเกินไปด้วย

                ถึงอย่างนั้นก็เถอะ....

                เด็กซื่อบื้อก็ยังเป็นเด็กซื่อบื้ออยู่วันยังค่ำ

                อ่อยจนแทบจะลืมร่างมาร์คไว้ที่แอลเออยู่แล้ว  ทำตัวเอินขนาดนี้ยังจะมีหน้าทำตัวไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก!

     

     

                ฟู่ว..

                มาร์คผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ  ระหว่างที่เขากำลังนั่งเกร็งอยู่บนโซฟาสีขาวขนาดใหญ่.. ในบ้านของยูคยอม

                 ถึงจะเป็นยัยเอินจอมอ่อยหรืออะไรก็ช่างเถอะ  แต่ไอ้การที่ถูกทำเหมือนเป็นคนพิเศษแบบนี้จะให้เขาหยุดตื่นเต้นได้ยังไง  เก่งแค่ไหนมันก็ต้องมีโมเม้นท์ที่แพ้บ้างไม่ใช่เหรอ!?

                “เกร็งเหรอมาร์คฮยอง  ให้ผมพากลับไปส่งที่หอดีมั้ย?”

                เสียงทุ้มเหนือหัวเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นหลังจากโฟกัสกระถางต้นไม้เล็กๆ แถวนั้นมาเป็นเวลานาน  ใจความนั่นทำเอาส่ายหัวปฏิเสธแล้วทำตัวให้ดูปกติแทบไม่ทัน

                เวลาดีๆ แบบนี้จะให้เขาปล่อยไปได้ยังไงกันล่ะ...

                “แค่ตื่นเต้นหรอก  ให้เวลาปรับตัวหน่อยสิ”

                มาร์คพูดพลางยิ้มเล็กน้อยและได้รับรอยยิ้มตอบกลับมาจากคนตัวโต  ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้าง เขา  ปล่อยให้ความเงียบค่อยๆ กระจายตัวออกไปช้าๆ

                มันไม่ได้อึดอัดอะไร...  ออกจะเป็นความเงียบที่ทำให้รู้สึกสบายใจซะอีก

     

                “ยูคยอม  ฮยองขอถ่ายรูปกับมาร์คได้รึเปล่า?”

                “จะถ่ายรูปกับมาร์คฮยองแล้วทำไมถามผมล่ะครับ?”

                ยูคยอมตอบญาติผู้พี่คนหนึ่งพลางหัวเราะแล้วลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อมาร์คพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงอนุญาต  มือหนารับมือถือของอีกฝ่ายมาถือไว้เตรียมพร้อมเป็นตากล้องจำเป็นชั่วขณะ  ด้านมาร์คเองก็กอดคอชูสองนิ้วยิ้มหวานตามสเตป

                ไม่อยากจะบอก.. ที่ยิ้มนี่ยิ้มให้คนหลังกล้องหรอกนะ

                “ขอบคุณนะมาร์ค  เจ้าคยอมตอนอยู่หอนี่ดื้อไหม?  ดุได้เลยนะ”

                “ไม่ดื้อหรอก... ออกจะเป็นเด็กดีด้วยซ้ำ”

                แอลเอบอยรีบตอบเมื่อเป็นเรื่องของเจ้าหมีตัวยักษ์  พอทอปปิคเป็นเรื่องแบบนี้มันทำให้มาร์คเริ่มพูดมากแล้วถามนู่นนี่ไม่หยุด  ด้านญาติของยูคยอมก็ดูให้ความร่วมมือดี ถามอะไรก็ตอบ แถมยังใจดีเล่าเรื่องสมัยยูคยอมยังเด็กให้เขาฟังอีกต่างหาก

                จากสภาพการณ์ตอนนี้มาร์คคงหายเกร็งเป็นปลิดทิ้งไปแล้ว  แถมยังยิ้มเรี่ยราดพูดจาเจื้อยแจ้วจนผิดวิสัยด้วย

     

                “มาร์คฮยอง...”

                “ว่าไงยูคยอ--

                เสียงในลำคอหายไปเมื่อมักเน่ของวงก้มตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้  นิ้วเรียวแตะบนใบหน้าเขาแผ่วเบา  ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสนิทราวกับกำลังถ่ายแบบอยู่  แถมยังใช้ดวงตาของเขาเป็นเลนส์กล้องอยู่ซะด้วย...

                จ้องขนาดนี้กินฮยองเลยมั้ย....

    ก็ได้แค่คิดน่ะนะ

     

                “ผม... ผมจะบอกว่าขนตาติดแก้มน่ะครับมาร์คฮยอง”

                หลังจากนิ่งอยู่แบบนั้นพักใหญ่  พิ้งค์บอยก็กระตุกยิ้มบาง  นิ้วที่ค้างอยู่บนแก้มเกลี่ยเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะยืดตัวยืนตรงเหมือนปกติ

                “ไปหาอะไรกินในครัวกันดีกว่าครับ”

                มาร์คพยักหน้าหงึกหงักแล้วลุกขึ้นเดินตามร่างสูงตรงหน้าไปโดยไม่ได้โต้แย้งอะไร

                เมื่อกี้เขาเห็นนะ...

                ช่วงวินาทีที่สายตาคมคู่นั้นเหลือบไปทางญาติของตนก่อนที่จะกลับมายิ้มให้เขาแบบปกติ  แถมก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเมื่อกี้เขาก็เห็นและได้ยิน... ใบหน้ารู้ทันรวมถึงเสียงหัวเราะของคนที่เขาคุยด้วยอยู่นานสองนานก่อนหน้านี้

               

                บางทีมาร์คก็คิดว่าคนใสซื่อทำอะไรตามใจคิดแบบยูคยอมนี่แหละเข้าใจยากกว่าอะไร

                บางครั้งก็เหมือนจะหวง  บางครั้งก็ไม่...

                ช่วยทำตัวให้เขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองจะได้มั้ย... หรือไม่ก็ช่วยทำตัวชัดเจนซะที

     

     

                ถึงแม้ว่าทัวร์โชว์เคสแถบจีนจะจบไปตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม  แต่กว่าจะหาวันว่างที่ทุกคนพร้อมจะสังสรรค์ได้ก็ปาไปปลายเดือนกุมพาพันธ์ซะแล้ว

                เพราะฉะนั้นหลังจากกลับมาจากบ้านยูคยอมได้ไม่กี่วันเขาก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการรับแอลกอฮอลเข้าร่างกาย...

                แหม่... นี่พี่ใหญ่ของวงนะครับ  ดื่มเก่งด้วยนะรู้ยัง

     

                เสียงเพลงที่เขาคุ้นหูดังลั่นห้องที่เคยมีสภาพเป็นห้องซ้อมแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผับย่อมๆ  มาร์คต้วนเดินชนแก้วกับผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหลายไปเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือคนที่เขายังไม่ได้ชนแก้วด้วยแล้ว  แอลกอฮอลในมือถูกเปลี่ยนไปแก้วแล้วแก้วเล่าแบบที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันได้นับ  เพราะพอมันหมดก็มีคนนำแก้วใหม่มาให้ตลอด

    ตอนนี้เขารู้แค่ว่าเส้นเลือดในหัวมันเริ่มเต้นตุบๆ จนน่ารำคาญ

    ร่างเล็กกวาดสายตาไปทั่วห้องที่มีแต่แสงวิบวับจากดิสโก้บอลที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน หรือบางทีอาจจะเป็นมักเน่ไลน์ที่เอามาก็เป็นได้  เพลงจากที่ตอนแรกก็ดูสบายๆ เริ่มเป็นบีทหนักๆ หลังจากลีดเดอร์ของวงกับรูมเมทของเขาขึ้นไปแดดิ้นอยู่บนโต๊ะ  เสียงรอบข้างดูจะครึกครื้นขึ้นอีกสองระดับ  แต่ถึงอย่างนั้น... ตอนนี้มาร์คอยากทำให้อาการตุบๆ ในหัวนี่หายไปมากกว่าเต้นร่วมสนุกกับคนอื่น

    สองขาก้าวยาวๆ ไปทั่ว  ดวงตาสีน้ำตาลสอดส่องไปทั่วเพื่อหาบุคคลที่อยากเจอ  พอเห็นเป้าหมายกำลังนั่งมองไปยังโต๊ะกลางห้องพลางหัวเราะเขาก็ไม่รอช้าที่จะตรงดิ่งไปนั่งข้างๆ ทันที  เหมือนฟ้าจะค่อนข้างเป็นใจเมื่อยองแจกับแบมแบมที่ถือน้ำองุ่นไว้ในมือแทนเครื่องดื่มมึนเมากำลังชวนกันไปเต้นพอดี

    ฟุ่บ

    ร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาแบบไม่ยั้งแรง  แขนขาวยกขึ้นพาดบ่าน้องเล็กของวงตามความเคยชิน  เขาเห็นเจ้าหมียักษ์ชะงักไปหน่อยแล้วค่อยหันมามองเขา

    “มาร์คฮยอง”

    “ดื่มมั้ย? ....เอ้อ ดื่มไม่ได้นี่นะ”

    มาร์คหัวเราะกับคำถามโง่ๆ ของตัวเอง  จังหวะตุบๆ ในหัวมันแรงเกินกว่าที่เขาจะมาเสียเวลานั่งคิดว่าตอนนี้ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเขากับเจ้ามักเน่นี่มันใกล้เกินไปรึเปล่า  ภาพใบหน้าของยูคยอมที่ชัดเจนแบบนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาชอบมาก  ฉะนั้นเขาขอใช้สิทธิ์คนเมาใกล้ชิดหรือทำอะไรตามใจชอบหน่อยเถอะ..

     

    ถึงเวลาปกติก็ทำไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นักอ่ะนะ

     

    “เอ่อ... มาร์คฮยองพอก่อนมั้ย  ฮยองกินไปกี่แก้วแล้วเนี่ย”

    “คิก...”

    เขาหลุดขำกับท่าทางเงอะงะนั่นของยูคยอม....

    ใกล้กันมากี่ครั้งแล้วก็ยังไม่ชินอีกหรือไง  ทีที่ทำกับเขาตอนไปที่บ้านนั่นยังไม่เห็นเจ้าตัวจะแสดงอาการเงอะงะอะไรออกมาเท่าตอนนี้เลยด้วยซ้ำ  ทั้งๆ ที่ครั้งนั้นเป็นคนเริ่มด้วยเถอะ..

    “มาร์คฮยอง...”

    “ยังไม่เมาหรอกน่า  นี่พักอยู่เดี๋ยวค่อยไปกินต่อ”

    มันเป็นเรื่องจริงนะที่เขายังไม่เมา...  แค่สภาพตอนนี้สติไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ก็แค่นั้น  ส่วนประโยคหลังเขาก็ไม่ได้โกหกอีกนั่นแหละ  เขาคิดจริงๆ นะว่าถ้าไอ้อาการตุบๆ แบบนี้มันดีขึ้นเขาจะลุกไปกินต่ออีกซักหน่อย  โอกาสจะเมาได้แบบสุดๆ มันมีเยอะซะไหนกัน  ยิ่งเขามาอยู่ในฐานะศิลปินแบบนี้ด้วยแล้ว

    แอลเอบอยซบหัวลงบนไหล่กว้างที่ส่วนสูงรับกับเขาพอดิบพอดี  สองแขนละจากไหล่เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นแขนของยูคยอมแทน  สองตาปิดลงเผื่อมันจะช่วยในร่างกายเขาสงบขึ้นและเสียงตุบๆ ในหัวจะได้หยุดลงเสียที

    เพลงในห้องซ้อมเปลี่ยนแนวไปอีกครั้ง  บีทหนักๆ ถูกลดลงมาเหลือแค่เพลงที่พอเป็นจังหวะหน่อยๆ ให้โยกตามได้  พอดีกับเพลงที่เขาได้ยินบ่อยในช่วงนี้วนมา  ริมฝีปากสีชมพูอิ่มดูสุขภาพดีจึงขยับฮึมฮัมตามโดยอัตโนมัติ

     

    I just wanna love youI really wanna do anything for you.

    ...ผมแค่อยากจะรักคุณ  จะทำทุกสิ่งเพื่อคุณ...

    คือเดวา กัททา  คือเดวา กัททา คือเดวา กัททา โชกึมโด บยอนฮันเก ออบซอ

    ...ผมก็เหมือนกับคุณ  ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป...

    ยอจอนอี คือเด บักเก ออบซอ

    ...ยังคงไม่มีใครนอกจากคุณ....

     

                มาถึงท่อนนี้มาร์คหลุดยิ้มออกมาเล็กๆ...

                เขาไม่รู้ว่าเขากับยูคยอมคิดเหมือนกันรึเปล่า  ถึงจะมีคนบอกว่าเขาฉลาดแต่เขาก็ดูคิมยูคยอมไม่ออกจริงๆ  เขาไม่กล้าแม้แต่จะตัดสินใจคิดอะไรให้แน่นอนด้วยซ้ำ

                เพราะว่าแคร์มาก... อะไรที่ยังไม่ชัดเจนเขาก็จะไม่รีบตัดสินมัน

                ไม่เป็นไรหรอก....  เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันจนถึงตอนนี้  เขาก็ยังไม่เคยใจเต้นกับคนอื่นเลยแม้แต่คนเดียว

                ยังคงไม่มีใครทำให้จังหวะของหัวใจเขามันผิดเพี้ยนไปจากปกติได้  นอกจากคิมยูคยอม

     

              “ยูคยอมอ่า...”

                คิดเพ้อเจ้อในหัวอยู่พักใหญ่มาร์คก็ตัดสินใจได้..

                ไม่อยากบอกนักหรอกว่าเหตุผลกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของการตัดสินใจคือร่างกายที่ตนพิงอยู่ตอนนี้มันอุ่นและสบายจนไม่อยากออกไปเต้นต่อ

                “ครับ?”

                “กลับหอกันเถอะ  ง่วงแล้ว”

               

                วันนี้เขาโดนเจ้าเด็กไททันนี่แบกกลับหอ... เป็นสภาพที่ดูไม่จืดแต่เขาก็ไม่มีแรงจะมาโวยวายอะไรเสียด้วยสิ

                จริงๆ ตอนแรกทุกอย่างมันโอเคแล้ว  อาการตุบๆ ในหัวน้อยลงจนเกือบเป็นปกติเขาเลยตัดสินใจชวนยูคยอมกลับหอ  แต่พอเดินออกมาจากห้องซ้อมมืดๆ นั่นดวงตาเขาก็ปะทะกับแสงจ้าจากไฟที่โถงทางเดินแบบไม่ได้ตั้งตัว ซึ่งมันทำเขาหัวหมุนไปพักใหญ่  การทรงตัวเริ่มแย่ลงและเซไปเซมา  เด็กยักษ์ที่มาด้วยกันคงทนเห็นสภาพเขาไม่ได้เลยจัดการแบกเขากลับมาจนถึงหอแบบนี้

                พอหลังสัมผัสกับความนุ่มของเตียงปุ๊บ สติของเขาก็เหมือนจะชัตดาวน์ปั๊บ  แต่มาร์คยังไม่อยากหลับ...  เพราะฉะนั้นเขาเลยพยายามฝืนตัวเองไว้ให้สติที่มีอยู่น้อยนิดหายไปเสียก่อน

                ยังไม่ทันได้ลืมตาเข้าก็รู้สึกว่ามีบางคนกำลังยุ่งกับตัวเขา...  ถุงเท้าที่น่าอึดอัดโดนถอดออกไปก่อนเป็นอย่างแรก  เป้าหมายต่อไปของน้องเล็กคงเป็นเสื้อโค้ดที่เขาใส่อยู่เพราะตอนนี้ตัวเขาถูกยกขึ้นหน่อยๆ เพื่อที่จะได้ถอดเสื้อออกได้ถนัด

                ดาวตาสีน้ำตาลสวยปรือขึ้นเพื่อมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง  แต่มันดันบังเอิญสบเข้ากับคนที่อยู่เหนือตัวเขาในตอนนี้พอดี  มือหนาที่กำแขนเสื้อเขาไว้ชะงักแบบที่เขารู้สึกได้ 

                “เอ่อ... มาร์คฮยองถอดเสื้อก่อนนะ”

                พี่ใหญ่และน้องเล็กแห่งกัซเซเว่นสบตากันอีกซักพัก ฝ่ายที่หลบสายตาไปก่อนก็ไม่พ้นคิมยูคยอมอีกนั่นแหละ  มือหนาถอดเสื้อโค้ดเขาออกซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร

                “เดี๋ยวผมไปหาน้ำมาให้ดื่มแล้วกัน..”

                ร่างสูงใหญ่ยืดตัวขึ้นยืนตรงเตรียมจะหันหลังเดินออกไป

                อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้เขาจับแขนยูคยอมแล้วดึงร่างหนานั่นลงมาแบบไม่กลัวว่ากระดูกจะหักหากเกิดอะไรผิดพลาด  ยังดีที่เด็กตรงหน้าเขายังมีสติพอที่จะยันตัวไว้ไม่ให้ลงมาทับเขาเต็มแรง

                ใบหน้าหล่อใสอยู่ใกล้มากแต่มาร์คต้วนกลับไม่ได้ตกใจอะไร  อาจเป็นเพราะแอลกอฮอลที่ทำให้สติมันมีไม่มากพอจะมาเขินหรือคิดอะไรมากมาย  และอาจเป็นเพราะแอลกอฮอลอีกนั่นแหละที่ทำให้เขาตัดสินใจยกแขนโอบรอบคอคนด้านบน

                “มาร์คฮยอง...”

                “เลิกเรียกได้แล้วน่า...”

                แอลเอบอยถอนหายใจยาว  เขาชอบหน้าซื่อๆ เหมือนหมาโกลเดนตัวยักษ์ของยูคยอมก็จริง  แต่ใบหน้าแบบนั้นกับเหตุการณ์ตอนนี้มันไม่ได้เข้ากันจนชักเหนื่อยใจ  เขาเลยเลือกที่จะหลับตาลงแทน...

                Until now,  you never understand anything...”  ริมผีปากบางอมยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังหลับตา “...My innocent boy...”

               

    น่าเสียดายที่เขายังมีสติพอที่จะหยุดตัวเองไม่ให้ดึงคนด้านบนลงมาจูบซะให้รู้แล้วรู้รอด

               

    นิ่งไปซักพักมาร์คก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง... 

                อย่างที่คิดเลย  ใบหน้าของยูคยอมตอนนี้มันเหมือนจะมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า พี่พูดอะไร ผมไม่เข้าใจตัวโตๆ 

    มันน่าเหนื่อยใจดีจริงๆ ให้ตายเถอะ..

                สงสัยหลังจากนี้เขาคงต้องส่งเจ้ามักเน่ยักษ์นี่ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มซะแล้ว

                เอ๊ะ... หรือจะสอนเองดีนะ?

                พี่ใหญ่หัวเราะเบาๆ กับความคิดของตัวเองก่อนจะใช้แรงที่ยังพอมีอยู่บ้างงัดคนด้านบนลงมานอนบนเตียงแทนแล้วปีนขึ้นไปนอนบนตัวอุ่นๆ นั่นอย่างเอาแต่ใจ

                วันนี้เขาเหนื่อยและหมดแรงแล้ว  เอาไว้จัดการเจ้าเด็กนี่ให้ตาสว่างทีหลังก็แล้วกัน

     

                รอยยิ้มบางปรากฏออกมาบนใบหน้าหวาน

                อย่างน้อยวันนี้เสียงหัวใจที่เต้นแรงๆ อยู่ข้างหูเขานี่แหละจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหลับฝันดี

     

                ถึงจะยังไม่เข้าใจก็เถอะ....

                บางทีก็ดูแสดงออกว่าหวง  บางทีก็ใจเต้นแรงเสียจนเขาได้ยิน  แต่บางทีกลับทำตัวเฉยๆ ไม่ก็เอ๋อจนเขาสับสนว่าสิ่งที่อยู่ในใจของคิมยูคยอมคืออะไรกันแน่

                ไม่เป็นไรหรอก... ไม่เป็นไร

     

                ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่เข้าใจ  และดูเหมือนเจ้าหมีนั่นก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เข้าทำ

                มันไม่เป็นไรเลยจริงๆ ตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ข้างกันแบบนี้

               

              จะอ่อยจนคิมยูคยอมเข้าใจได้เองเลยว่าเขาคิดยังไง  คอยดูสิ

     

     

    - แถมๆ

     

                “แบมแบม  เจ้ายูคยอมนี่ไม่รู้ตัวจริงๆ ใช่มั้ย?”

                ออมม่าของวงเปิดประเด็นขึ้นหลังจากเห็นพี่ใหญ่กับน้องเล็กพากันออกจากห้องไป  กัซเซเว่นที่ดูไร้สติในตอนแรกก็มารวมตัวสุมหัวคุยกันโดยไม่ได้นัดหมาย

                “ผมว่าไม่รู้อ่ะ... มาร์คฮยองออกจะชัดเจนขนาดนั้นเชียวน้า”

                “ปกติมาร์คเป็นคนฉลาดจะตาย  เอาจริงๆ ท่าทางของยูคยอมก็ไม่ได้ดูยากเลยนะ”

                แจ็คสันเสริมขึ้นพลางนึกถึงท่าทีมีพิรุธของน้องเล็กที่เขาจับได้หลายครั้ง  คำว่าความรักทำให้คนตาบอดคงไม่ใช่ในแง่ของการทำอะไรแบบไม่มีสติซะแล้ว  บางทีมันอาจจะหมายถึงทำให้คนฉลาดๆ กลายเป็นคนซื่อบื้อไม่กล้าตัดสินใจฟันธงอะไรซักอย่างด้วย

                ถ้าอยากได้ตัวอย่าง... ลองมองไปที่มาร์คต้วนสิครับ

                “เอาน่า... ถ้าเขามีความสุขกับอะไรแบบนั้นก็อย่าไปยุ่งเลย”

                “แต่เห็นแล้วมันขัดตานี่นาแจมบอมฮยอง  คนอื่นเขารู้กันหมดแล้วเนี่ย  เหลือแต่เจ้าตัวสองคนที่ยังไม่รู้อะไรซักที”

                ลีดเดอร์ของวงเอ่ยขึ้นแบบไม่หยี่ระตามมาด้วยเสียงขัดจากรูมเมทของเจ้าตัว  แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็รู้ดีนั่นแหละว่าทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้นอกจากดูและเชียร์อยู่ห่างๆ

     

                รอวันที่สองคนนั้นจะรู้ตัวเหมือนที่คนรอบข้างรู้ซะที

     

     

    - End -

     

                จบไปอย่างสวยงาม... รึเปล่านะ 555555555555

                ขอเม้าท์เรื่องเพลงประกอบตอนนี้ก่อนเลยค่ะ  ตอนแรกก็หาเพลงฟังแล้วอ่านคำแปลไปเรื่อย  พอเจอประโยคที่ยกมาในตอนนี้เท่านั้นแหละ ฮื้มมมมมมมมมมมม!!!!

                ผมนี่ลุกขึ้นชูป้าย no one else but you เลยครัช

                ไม่แน่ใจว่ามันคือประโยคเดียวกันรึเปล่า  แต่ฟังแล้วอินค่ะ เป็นความเอาแต่ใจของเราเอง  อินง่าย ฟินง่าย อยู่ง่ายด้วยโมเม้นท์และมโนเม้นท์ค่ะ 

                ส่วนใครทที่ไม่สะดวกคอมเม้นท์ในนี้ก็เม้าท์กันได้ใน  #กัซกลคน  หรือไม่ก็เมนชั่นมาหวีดได้ที่ @chuchompoo เลย! แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า... อาจจะเป็นบีเนียร์หรือซักคู่ที่พล็อตแล่นเข้าหัว

                แล้วเจอกันใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ เยิ้บ

                (คอมเม้นท์มาได้ไม่ต้องเกรงใจนะ เราชอบอ่านมากจริงๆ แง TvT)

    SQWEEZ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×