คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : -1-
chapter 1
ฉันเห็นแมสเซสของแอนนาจากมือถือของแฮร์รี่อีกครั้งในบ่ายวันศุกร์ เขาเอามายืนยันไฟล์บินของพี่ชายที่กำลังจะแลนดิ้งสู่ออสเตรเลียช่วงหัวค่ำ แน่นอนว่าฉันไม่ได้ตอบอะไรนอกเหนือจากการเร่งบูรณะสภาพร่างของตนให้ดูเป็นมนุษย์มากที่สุด ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงเป็นเสื้อผ้าใส่ซ้ำและผมที่ยังไม่ได้สระ ฉันมั่นใจว่าสิ่งที่สำคัญหนือรูปลักษณ์ของฉันในเวลานี้คือของกินประทังชีวิต อาหารพวกนมสดแล้วก็ของกินจำพวกมื้อหลัก เพราะตอนนี้บ้านของเราดูจะเหลือแต่ขนมปังฝรั่งเศสและแยมเนยถั่วก้นขวด…. Big Irwinของเจ้าเด็กแคระจะแลนดิ้งในอีกไม่กี่ชั่วโมง ฉันจะต้องทำเวลาให้ดี
เอาล่ะ มันน่าเบื่อฉันรู้… แต่หลังจากโจแอนนากลับมาออสเตรเลีย ฉันจะต้องบอกเธอเรื่องกำหนดการบินกลับไทย ฉันจะกลับไปที่กรุงเทพเพื่ออยู่กับพ่อก่อน (Mixed Race)เที่ยวให้หนำ และค่อยบินกลับจีนครึ่งปีหลัง
ฉันได้สามภาษาก็วิเศษจะแย่แล้ว ...ต่อจากนี้เรื่องมหาวิทยาลัยใครจะไปสนกัน...
14:50 PM
เคยคิดมาตลอดว่าเวลาหลังเที่ยงลงไปแล้วมักจะเดินไวกว่าช่วงเวลาเช้าเสมอ ทุกอย่างดูลนลาน แม้วันนี้จะไม่ได้แต่หน้าทาแป้งเต็มสตรีม ทว่าโรค'สาย'ตลอดกาลก็ยังคงตามหลอกหลอน ฉันเริ่มเช็คผมเหนียวๆของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายบนกระจกใบเล็ก ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะสามารถเสียสละเสื้อจักเก็ตตัวนอกให้กับศัตรูได้ง่ายๆ
มันเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวหลังจากฉันเหลือบมองเห็นลูกชายคนเล็กของตระกูลIrwin สาละวนกับชุดไปเที่ยวผิดเทศกาลของเขาอย่างคุ้มคลั่ง
“รีบใส่เสื้อกันหนาวให้เรียบร้อยซะ อากาศเราไม่ใช่40องศา วันนี้14องศานะ แถมกางเกงเอวโหลดแบบนั้นเชยเป็นบ้า-_-”
ฉันกัดฟันเหวี่ยงเสื้อกันหนาวจักเก็ตMISBHV X สีน้ำเงินเข้มของตนลงบนศีรษะกลมๆนั่นอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาสะบัดมันออกพร้อมกับวัดขนาดความกว้าง
“ฉันไม่ใส่เสื้อผ้าของเธอหรอก เธอเซ้นส์แฟชั่นห่วยจะแย่ …กางเกงย์ยีนส์กับเสื้อกันหนาวหรอ ..เห่อะ-_-อีกอย่าง
ของฉันมันคือไสตล์ที่กำลังฮิต”
ฮิต?
แฮร์รี่หมายถึงสิ่งที่เขาใส่รึปล่าว..พระเจ้า
ฉันจ้องมองชุดของตัวเองลวกๆเพื่อเปรียบเทียบเมื่อโดนเด็กวัย13ปีดูถูก
มันเร่งรีบเล็กน้อย การใส่เดนิมเข้ารูปกับเสื้อกันหนาวตัวโคร่ง หรือลากรองเท้าไนกี้เน่าๆ กลับกันมันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับฉันเลยแม้แต่นิด
“ ของนายนั่นมันฮิตสมัยจัสตินบีเบอร์ร้องเพลงbaby babyน่ะสิ -_-รีบๆแต่งแล้วปิดประตูบ้านเสียที!“
ฉันถอนหายใจก่อนที่จะเดินนำออกมาหน้าสนามหญ้าเล็กๆของเรา แฮร์รี่ดูจะเริ่มเป็นหนุ่มในไม่ช้านี้ เขาใช้เวลาวนไปวนมาหน้ากระจกเกือบ1ชั่วโมง ไม่ยอมใส่กางเกงยีนส์ขายาวทรงกระบอกน่ารักๆอีก เสื้อยืดของมาร์เวลาที่ซื้อมาจากสิงค์โปรก็ถูกยัดเก็บเข้ากล่อง เพียงแค่ออกไปซุปเปอร์มาเก็ตไกล้ๆเขายังพิถีพิถันประหนึ่งมีเดท ส่วนฉันทำได้เพียงแค่บ่นและปล่อยเวลาให้ไหลไปเรื่อยๆ
รถคันหรูBMWของแอนนาจอดอยู่ในอู่เหมือนเสือที่ลืมไปแล้วว่าเคยล่าเนื้อ....
เอลลีน จางไม่เคยตระนักถึงใบขับขี่ตลอดชีวิตการเป็นต่างด้าวในซิดนีย์ ฉันขับรถไม่แข็ง และขั้นตอนการทำที่นี่ก็ยังคงยุ่งยาก จึงไม่แปลกอะไรที่เบอร์131500 สายด่วนแทกซี่จะเป็นหมายเลขอันดับ1ในมือถือ ฉันตัดสินใจติดต่อรถโดยสารพิเศษอีกครั้งในรอบ1อาทิตย์ ทว่ายังไม่ทันได้แตะโทรออก เสียงเอะอะของกลุ่มสาวๆจากทิศใดทิศหนึ่งกลับกระตุ้นให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นของงฉันดิ้นพราดขึ้นมากระทันหัน
รู้ตัวอีกทีฉันก็มีสภาพไม่ต่างจากพวกย่องเบา ทำลับล่อๆเสียเอง
....
โอ้ะโอ...
นั่นไง
O_O
=_=
...
แทกซี่สองคันชะลอเลียบอีกฝั่งของถนนแคบ เกือบหลงคิดว่าเป็นความโชคดีสำหรับการที่ไม่ต้องเสียงเงินโทรเรียก
กระทั่งบทสนทนาหลังประตูรั้วของสาวๆปริศนาดังขึ้นพอที่จะจับใจความได้
“เราอยู่ตรงนี้ก่อนก็ได้ น่าจะเป็นค่ำๆ”
“ฉันอาจจะได้กอดเขาสักทีสองที โอพระเจ้า นี่มันนานขนาดไหนแล้ว”
“โจแสนปแชทมาบอกฉันว่าหล่อนอยู่หน้าบ้านลุค แถมมีคนเยอะกว่าที่นี่เสียอีก ฉันคิดว่าพวกหนุ่มๆน่าจะแยกกันกลับ”
“ถ้าเขากลับไปที่แฟลตทำงานล่ะ”
“เขาต้องกับมาที่บ้านก่อนแน่ๆ”
ฉันยืนค้างอยู่หลังรั้วเหมือนจอมโจรสาวผู้แร้นแค้น ต้นอาคาเซียสูงใหญ่บดบังบ้านของเราให้ดูปลอดภัย ลำต้นอวบของมันแทรกตัวระหว่างช่องโหว่ของรั้วให้ฉันมีพื้นที่ได้ซ่อนตัว ..อดไม่ได้ที่จะสงสัยในกลุ่มคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะโดยสารรถลงมาวอแวอยู่หน้าบ้านคนอื่น ดูท่าว่าพวกเธอไม่ได้หาจอร์จ&โจอี้ฝาแฝดบ้าน235...
ไม่ใช่แมกกี้บ้านถัดไป หรือ บ้านของป้าเมดิสสัน
พวกเธอพูดถึงลุค?
Rook?
Look?
ถ้ำมอง?? ลุคอะไร แล้วมายืนหน้าบ้านแอนนา เออร์วินทำไมกัน
?
ในขณะที่ฉันครุ่นคิด ดูเหมือนว่าแฮร์รี่จะเตรียมตัวเสร็จพอดิบพอดี เขาหยิบร่มสีดำจากห้องใต้บันไดออกมาหนึ่งคันและกางมันออกในวันที่ฟ้าไม่ได้มีแดดจ้า
“คนจะคิดว่าเธอเป็นแม่ฉันรึปล่าว โอ้ ...ไม่นะ นั่นมันหายนะชัดๆ ฉันไม่ใช่ผีตองเหลือง” เขาพึมพำถ้อยคำหยาบคายแบบเคย แขนสั้นพยายามกางร่มเหนือส่วนสูงอย่างยากเย็น ม่านตาสีเทาขยายกว้างเมื่อเด็กชายเริ่มสั่งฉันอีกครั้ง “อยู่ใต้ร่มนะ พอเธอเปิดประตูรั้วออก ฉันจะวิ่ง เข้าใจไหม”
ฉันเกือบจะได้สั่งสอนเจ้าเด็กไร้สัมมาคารวะ
ทว่า….ทันทีที่ประตูรั้วอ้าออก พวกเรากลับต้องวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
-*-*-*-*-*-
Sydney Airport
(“น่าเสียดายที่แม่ไม่อยู่ตอนลูกกลับ เอาไว้เราไปเจอกันที่บ้านคุณตานะจ้ะ”)
เสียงปลายสายที่ดูนุ่มนวลทำเอาคนได้ยินถึงฉีกยิ้มกว้าง ปลายเท้าที่กำลังก้าวเดินชะลอลงในขณะที่บุ้ยใบ้ไปยังเพื่อนๆที่เหลือให้เดินนำไปก่อน
“รู้ว่าแม่คิดถึงผมใจจะขาด เอาน่า ยังไงซะเจ้าตัวป่วนยังอยู่ ผมจะดูแลน้องเอง ไม่ต้องห่วง”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมที่ถูกตัดสั้นลวกๆ ดวงตากลอกต่ำลงเมื่อกรอกเสียงไปยังปลายสาย
(“ชอบพูดเหมือนแม่รักลูกไม่เท่ากันเรื่อย… อ้อ ใช่ ซูซานอยากให้ลูกมาอังกฤษด้วยนะ ความจริงแล้ว ลูกสาวเธอค่อนข้างจะคลั่งลูกด้วยล่ะ แม่อยากให้ลูกเห็นตอนเธอกรี้ดใส่พ่อ พวกเขาบอกว่าลูกหน้าคล้ายๆพ่อเลย ฮ่าๆ”)
“ก็แล้วทำไมครอบครัวเธอถึงต้องมาแต่งงานช่วงที่ผมจองตั๋วมาซิดนี่ย์แล้ว ….จะว่าไป ครอบครัวของเธอต้องรู้จักวงเราแน่ๆ ลูกชายแม่เท่ห์ใช่มั้ยล่ะ ภูมิใจละสิ้”
(“จะเท่ห์มากถ้าถึงบ้านโดยปลอดภัย…มีอีกอย่างที่แม่จะบอก ที่บ้านมีเด็กมาอยู่ด้วยชั่วคราว เธออาจจะรุ่นๆลูกแต่ว่าไม่ต้องห่วง พอดีตอนที่แม่ของลุคสอนหนังสือ เธอแนะนำให้เราลองเป็นโฮสต์ ตอนนั้นแม่คิดถึงลูกมากเลยรับเป็นผู้ปกครองไป ยังไงก็ไม่ต้องตกใจนะจ้ะ ”)
“อ่า ไปแปปเดียวแม่ก็หาลูกคนใหม่ซะแล้ว น่าน้อยใจชะมัด”
(“ดูทำเข้า รีบๆกลับบ้านนะ รักลูกจ้ะ แม่ต้องรีบไปแต่งตัวแล้ว ดูท่าเพื่อนๆแม่เขาจะมาถึงกันหมดละล่ะ”)
เสียงเอะอะแทรกเข้ากับเสียงดนตรี
“แต่ผมยังไม่อยากวางสายเลย เราไม่ได้คุยกันมาเกือบเดือนแล้ว คุณนายIrwinnnnn ToT”
ไม่มีเวลาอะไรมากนัก ดูท่าว่าใกล้ได้เวลาแล้วจริงๆ เสียงวิ่งตึงตังย้อนกลับมา ใบหน้าและผิวสีแทนของใครบางคนทำเอาเจ้าของมือถือถึงกับส่ายหัว กวักมืออีกข้างขับไล่ ซึ่งไม่เป็นผล จอมก่อกวนพยายามยื่นปากของตนเข้าไกล้ลำโพงมากเท่าที่ร่างกายจะเอื้อ
“แม่ฮะ ไว้ผมจะไปปาร์ตี้ที่บ้านคุณตาด้วยนะ วู้วววว!!!แอชตันเขาไม่ยอมให้ผมคุยด้วยเลย ดูเขาทำสิ!!”
เสียงสูงเกือบทำแอชตันหูหนวก..
“ถอยออกจากมือถือของฉัน เฮ้ คาลัม!! “
“แม่นายวางสายไปแล้วน่า โธ่ …ได้ยินว่าบ้านโล่งหรอ ค้างด้วยสิ มารียังไม่กลับจากงานแฟชั่นวีคเลย เธอยุ่งชะมัด”
คาลัมฮู้ดกระโดดเหยงเข้าหาพี่คนโตของวง พลางเกาะแกะราวกับว่าเขาตัวเล็กกระจ้อยร่อย
“ฮัลโหลแม่ ฮัลโหล!!?”
แอชตันไม่ได้สนแขนหนาที่พาดลงบ่นบ่า เขาพยายามกรอกเสียงร้องเรียกปลายสายที่ดับไปแล้วอีกครั้ง สัญญาณว่างปล่าวทำเอาเจ้าตัวถอนหายใจเฮือกโต เบี่ยงความสนใจมายังตัวปัญหา “บ้านฉันที่ซิดนีย์มีคนอยู่ …ไว้ก่อนละกัน นายไม่อยากไปเยี่ยมแม่กับพ่อตัวเองรึไงวะ ฉันคิดถึงที่บ้านจะแย่ ได้กลับบ้านทั้งทีดันไม่มีคนอยู่สักคนTT”
ใบหน้าเครียดๆของคนผมทองทำเอาผู้รับฟังพยักเพยิดศีรษะเป็นเชิงเข้าใจ คาลัมรับรู้อารมณ์ของแอชตัน เออร์วินเวลานี้ดี
“ฉันรู้น่า… พ่อฉันเองมีธุระยุ่งๆเหมือนกัน ช่วงนี้งานเพลงดันมาต้องการตัวคนแก่ ไม่รู้อะไรนักหนา ตอนนี้คิดถึงกลิ่นห้องครัวที่บ้านใจแทบขาด อยากกินซุปเปอร์ฮอตดอกรมควันกับซอสมะเขือเทศชุ่มๆ ฉันจะบอกอะไรให้ แต่ก่อนแม่เหมาซุปเปอร์มาฟรีซไว้ในตู้เย็นตลอดเลย เจ๋งใช่ไหม!! แบบที่หอเราไม่มีน่ะ” คาลัมเล่าด้วยใบหน้าจริงจัง ความจริงเขาไม่ได้ต้องการทำสีหน้าจริงจังขนาดนั้น และไม่รู้ว่าไส้กรอกเกี่ยวอะไรกับบทสนทนาด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะความหิวเริ่มสั่งการให้คนตัวสูงพูดอะไรเลอเทอะไปเรื่อย
“เราจะราดซอสVegemitecแล้วก็มายองเนส กัดสักคำโตๆ …กินกับโคล่าลิตรแล้วก็พิซซ่า ….
พระเจ้า ฉันหิวแทบบ้าแล้วว่ะ !!ตอนนี้ที่บ้านคงไม่มีเก็บเอาไว้แน่ๆ แฮร์รี่ไม่ชอบมันTT”
ใบหน้าของแอชตันบิดไปมาเหมือนเลขแปด เขาจดจำกลิ่นไอของบ้านตนเองได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าจะมีความทรงจำกับบ้านเกิดที่โบรเคนฮิลล์มากกว่า พ่อของเขาเป็นคนอเมริกัน แต่ทว่าแอชตันก็ยังคงรู้สึกว่าออสเตรเลียเป็นทุกอย่างเหนือที่อื่นๆ
ทั้งสองเร่งเริ่มเร่งฝีเท้า ในขณะที่คาลัมพยายามดันแว่นตากันแดดขึ้นพักบนผมหยักศก
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูอ่อนล้าเล็กน้อย ผลพวงจากเหตุการณ์เมื่อคืน การปะทะเกมส์กับจอมเทพไมเคิล คลิฟฟอร์ด เพื่อนร่วมวงอีกคนอย่างเอาเป็นเอาตาย ลืมเสียสนิทว่าจะต้องเดินทางกลับบ้านเกิด ช่วงเวลาบนเครื่องก็ดันมีครอบครัวชาวอเมริกันพาเด็กเล็กขึ้นมานั่งอยู่ด้านหลัง ร้องจ้าละหวั่นตลอดการเดินทาง สาบานได้ว่าคนหนุ่มงีบไปไม่ถึง1ชม ดี
“ถ้าไง ไว้เจอกันสุดสัปดาห์ละกัน ถ้าฉันเคลียร์ที่บ้านเสร็จ ลุคกับไมค์อยากไปเที่ยวบอนได ไว้นัดอีกที รับรองมันส์แน่ เดี๋ยวฉันเอารถไป” แอชตันเลิกคิ้วให้กับแผนที่คุยกับน้องๆเอาไว้ พวกเขาทั้งสี่คนมักจะวาดฝันถึงวันหยุดตลอดเวลาที่หายไปโปรโมตและทำอัลบั้มที่อเมริกา หนุ่มๆตัดทอนมันทิ้งและจัดลำดับความต้องการก่อนหน้าจะกลับมายังซิดนีย์ได้สามสี่วัน ผลสรุปคือชายหาดบอนไดพร้อมแสงแดดคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
“เจ๋งเพราะจะชวนเบียนก้า โรสน่ะสิ รอบที่แล้วเธอก็ไปกับที่บ้านนายนี่ ให้ทายฉันอิจฉาขนาดไหน”
คนผิวแทนกระทุ้งศอกเข้าสีข้างเป็นเชิงล้อเลียน แว่นตาดำของคาลัมฮู้ดกลับลงมาสู่ที่เดิมอีกครั้งเมื่อทางด้านหน้าเคลื่อนใกล้เข้ามาถึง ลักยิ้มเล็กปรากฏบนใบหน้าขาวแทนคำพูดเมื่อถูกเอ่ยถึงแฟนสาว
“นายก็ชวนเมแกนมาได้ พวกเราโอเค”
แอชตันรู้ว่าต้องเอ่ยอะไรต่อ ในขณะที่คาลัมเริ่มหัวเราะร่วนให้กับสิ่งที่เพื่อนตอกกลับ
เมแกน จอห์นสัน' นางแบบชาวออสเตรเลียอิสระวัย19 สุดฮอต ทั้งคาลัมและเมแกนตัดสินใจคบหามามากกว่าสี่เดือน โดยเจอกันครั้งแรกในงานปาร์ตี้ที่นิวยอร์ค เป็นที่รู้กันว่าเหล่านางแบบมักจะเข้ามาจอยงานสังสรรค์จำพวกafter partyอยู่เสมอ
ยิ่งเมแกนมีภูมิลำเนาเดียวกัน ทั้งสองจึงพูดคุยกันอย่างถูกคอในเวลาอันสั้น
ไม่แปลกอะไรที่เด็กหนุ่มทั้ง4จะมีแฟน
โดยที่ไม่มีใครรู้ ....หรือถ้ารู้ก็เป็นเรื่องปรกติที่คนเข้าใจ หรือจะไม่เข้าใจนั่นก็เป็นเรื่องธรรมชาติ
ลุคและไมเคิลเช่นกัน พวกเขาแม้จะเดินจ้ำอ้าวล่วงหน้ากลับต้องหยุดถ่ายรูปคู่กับพนักงานการท่า’คอยฆ่าเวลารอให้สองหนุ่มเดินมาถึง
พวกเขาดูสูงขึ้นจากหลายปีก่อนมาก เมื่อเทียบจากคานประตูทางออกที่มองเห็นในเวลานี้
“ ยินดีต้อนรับกลับสู่ซิดนีย์นะคะ”
tbt
ฟิคเอื่อยๆ เนิบๆ เยิ้บๆ T-T มันยากจริงๆกับแฟนฟิค ฮืออออ
XD ยังไงก็แล้วแต่ ขอบคุณ Dawinปลาน้อย ที่แวะเข้ามาคอมเม้นให้กำลังใจนะคะ <3
ความคิดเห็น