คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro 100%
intro
อากาศผ่อนคลายลงเมื่อย่างเข้าสู่ปลายฤดูหนาว เมื่อมองจากหน้าต่างดอกอาคาเชียเริ่มแตกยอดเล็กน้อย สีเหลืองเข้มตัดพื้นท้องฟ้าสีคราม ด้วยอุณภูมิที่ปรับสูงขึ้นทุกอย่างเลยเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ฉันรู้ดีว่าสภาวะโลกร้อนอะไรนั่นกำลังทำให้ฤดูแปรเปลี่ยนไม่ตรงตามที่สมควร ความจริงฤดูหนาวน่าจะยาวนานกว่านี้สักหน่อยหากเทียบกับปีก่อนๆ ฉันต้องเก็บเสว็ตเตอร์ตัวเก่ง ชุดโค้ทสีสดเข้ากล่องจนเกลี้ยง
เร่งออกแรงผลักบานหน้าต่างไม้จากห้องใต้หลังคามือให้อ้ากว้างขึ้นอีกเล็กน้อย ลมเย็นพัดวูบเข้าปะทะผิวหน้า อากาศแสนสบายทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะควานหาipodและเลื่อนไปยังเพลงคันทรี่เก่าคร่ำครึ
เสียงเบนโจ ระคนกีตาร์โปร่งแบบง่ายๆมันทำให้โสตประสาทเหมือนได้พักทำงาน ฉันเพิ่งจะได้หยุดจริงๆราวสองอาทิตย์หลังจากตะลอนเรียนไฮสคูลจบ ปิดฉากชีวิตอันแสนวุ่นวาย พอกันทีกับการข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนซ้ำต่างแดนเพียงเพราะภาษางี่เง่านี่…
อา..ฉันหมายถึงภาษาอังกฤษนั่นล่ะ สวรรค์ทำไมต้องสรรสร้างให้อักษรเหล่านี้เป็นพยัญชนะสากลด้วย มันไม่ยุติธรรมสำหรับประชากรโลกที่เหลือ พวกเขามีภาษาของตนเองและฉันว่ามันเท่ห์เป็นบ้า บรรพบุรุษอาจจะไม่รับรู้ว่าชนรุ่นหลังอย่างเราๆกำลังมีปัญหาจากภาษาที่พวกเขาคิดค้น ใช่, ทุกอย่างมหัศจรรย์และต่างกัน ทั้งการเขียน การออกเสียง ทว่ากลับต้องโดนดูถูกหากเรามีความเข้าใจเพียงภาษาแม่ของตนเพียงภาษาเดียวเท่านั้น
เอมิลี่เพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียนบอกกับฉันผ่านโทรศัพท์ราวๆสามวันก่อน.. เธอตัดสินใจที่จะกลับไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นเหมือนเดิม และไม่เรียนมหาลัยต่อที่ซิดนีย์อีก ฉันรู้ว่าเธอมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก เธอย้ายมาเรียนที่แมคควอเรียตอนเกรด10 และช่วงเวลานั้นเธอพูดภาษาอังกฤษได้ชัดเจนอยู่คำเดียวคือ “ thank you “
ฉันเขาใจเอมิลี่ดี เรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นเพราะแม่เธอแต่งงานใหม่ มันคงจะดีถ้าแม่เธอไม่หย่าและมีแฟนเป็นฝรั่งตั้งแต่ก่อนจะมีเธอในท้อง ฉันว่ามันคงง่ายกว่าการที่เด็กอายุ15 พูดแต่ญี่ปุ่นมาทั้งชีวิตต้องมาเปลี่ยนไลฟไสตล์มาเป็นชาวผมทองแบบปุ่ปปั่ป
ความกะทันหันไม่มีผลดีเสมอไป เราเป็นมนุษย์ ไม่มีใครว่ายน้ำได้ทันทีที่ตั้งแต่เกิด
อย่างน้อยๆก็ต้องเกาะโฟมหัดตีขาในสระสูง50เมตรก่อนว่ายจริงละน่า…
ตลอดสามปี พวกเราแลกเปลี่ยนกันเสมอ มีปัญหามากมาย ถึงแม้ว่าโลกใบนี้จะยอมรับแบบจอมปลอมว่าไม่มีการเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้น แต่ฉันกับเอมิลี่ก็ทนอยู่กับสภาพแบบนั้นเป็นปีในซิดนีย์(แค่ปีแรก)
พวกเราผมดำ…
ดวงตาไม่ได้มีชั้นลึกให้ลงอายแชโดวสามล้านเก้าสิบแปดเฉด…
นัยน์ตาเข้มปราศจากสีสัน… ฉันไม่ได้มีจมูกโด่งแบบสะพานโกลเด้นเกต ขาไม่ยาว โครงร่างหนาไปด้วยไขมัน หน้าอกคัพบีแบบบ้านๆ สีผิวเหลืองตุ่นน่ารังเกียจ
โอเคฉันจะพูดแบบเป็นกลางว่าที่นี่ไม่ได้เกิดเรื่องแย่ๆแบบนี้ไปเสียทุกครั้ง แต่เฮ้.. เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่ได้มีความคิดแบบเนลสัน แมนเดลลา พวกเขามีการแบ่งกลุ่ม
แน่นอน ฉันมีเพื่อนสาวที่น่ารัก แต่ผู้ชายส่วนใหญ่นี่สิเป็นปัญหา ถ้าพวกเธอเห็นก็คงจะเข้าใจสิ่งที่ฉันรู้สึก ฉันจะยกตัวอย่างเรื่องที่เพิ่งจบไปหมาดๆสักประมาณสี่ห้าเดือนก่อนที่พวกเราจะจบการศึกษา นาเดียสาวชาวเวียดนามต้องออกเรียนกลางคันเพราะเธอท้อง (ฉันคิดว่าคงจะมีคนคิดว่าหล่อนคงน่าดู แต่หยุดก่อน!) ภายใต้คำครหา ในโรงเรียนกลับลือกันให้หนาหูว่าเธอเป็นฝ่ายไปอ่อยอีวาน เฮดเจนท์ ประธานชมรมเบสบอลตัวต้นเรื่อง
สาบานได้เลยว่าฉันเห็นไอ้ขรัวนั่นเป็นฝ่ายขอเบอร์ของนาเดียก่อน เธอเรียนห้องเดียวกับฉันและหลายคนในห้องรู้ดี แต่เพราะเราเป็นคนเอเชีย มีหลากหลายมุมมองที่เขาคิดว่าคนเอเชียมักจะไม่ค่อยมีปากเสียง ช่างตามใจ หลงรักง่าย หรือชอบหลงผู้ชายตาน้ำข้าว บลาบลา
นาเดียทนไม่ปฎิเสธอะไรกระทั่งท้องของเธอปูดขึ้นขนาดเท่าลูกแตงโมสักสองลูก --นั่นล่ะ หลังจากนั้นนาเดียเลยขอพักการเรียนไปอย่างไม่มีกำหนด
ฉันอาจจะกำลังอิจฉาที่เอมิลี่ได้กลับไปปั่นจักรยานรอบๆฮอกไกโด เหตุผลที่ฉันขุดเรื่องแง่ลบมาสาธยายแต่หัววัน
“เอลลีน ครอบครัวของฉันต้องกลับอังกฤษกระทันหันสักสามอาทิตย์
ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ไม่ทันตอนเธอกลับจีน อย่าลืมให้อาหารเจ้าเบนนะจ้ะ ส่วนพ่อตัวแสบซีเรียลอยู่ในเค้าเตอร์จ้ะ”
รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองลากขามายังห้องครัวอีกจนได้ ข้อความบนตู้เย็นชั้นล่างถูกแปะเอาไว้ด้วยกระดาษโน้ตขาดตรงปลาย มันยับยู่ยี่เพราะฉันเปิดตู้เย็นบ่อยมากกว่าห้าครั้งต่อวัน หรืออาจจะสิบครั้ง
มากกว่านั้นถ้าหากฉันหิว-_-
ครอบครัวของแอนนาดีกับฉันตลอดเวลาที่ทำหน้าที่เป็นโฮสต์ ความจริงอาจจะฟังดูกระดาก ฉันตัดสินใจเพราะในโปรไฟล์คุณลุง(สามีของโจแอนนา)เจ้าของบ้านเป็นนักดนตรีเก่าต่างหาก ฉันชอบเพลงคันทรี่ แถมติ่งร็อคแอนโรล จัดแจงโกหกแม่ที่จีนว่าโฮสต์ที่เลือกเจ้าระเบียบแทบคลั่ง อย่างน้อยๆก็ให้เธอสบายใจว่าฉันจะไม่เถลไถล…
‘โจแอนนา’ชื่อเต็มๆของหล่อนซึ่งฉันไม่บ่อยนักที่ฉันจะเรียกเธอแบบนั้น ด้วยผมบลอนสีทองสะอาด เวลาไปไหนมาไหนยามที่ไม่แต่งหน้าแอนนาจะเหมือนหลอดไฟเดินได้ หล่อนมีลูกสองคน คนแรกฉันไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะไปเรียนที่ต่างประเทศ เราไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง จะมีก็แค่รูปตั้งโต้ะ ฉันไม่ค่อนสนใจมันนักในเมื่อฝรั่งก็หัวทองๆแดงๆเหมือนกันไปหมด แถมบ้านที่อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพียงทาวเฮ้าส์ธรรมดาที่ซื้อไว้เพื่อใช้อาศัยทำงาน เฟอร์นิเจอร์พอใช้สอย หล่อนและสามีไปๆมาๆเสมอ
ครอบครัวของแอนนาแท้จริงมีบ้านอีกหลังที่ชานเมือง พวกใช้เขาสังสรรค์กับครอบครัวใหญ่ มีปาร์ตี้เล็กๆทุกเดือน ฉันเคยไปร่วมอยู่สองสามครั้ง มันสนุกใช้ได้ แต่กลับกันมันทำให้ฉันคิดถึงที่บ้าน และนั่นทำให้ฉันไม่ไปร่วมปาร์ตี้ของโฮสต์อีก
………..
ฉันทุ่มเริ่มไถตัวลงกับโต้ะกินข้าวที่เย็นเฉียบ ราวกับว่าภาพเทศกาลไหว้บรรพบุรุษช่วงกลางปีและรสเฝื่อนของน้ำชาจะปรากฏขึ้นมาในภาพหลอน เสียงประทัดปึงปังดังก้องอยู่ในโพรงหู ฉันสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านทิ้ง
โลกของความจริงมีเพียง’เบ็นสมิธ’ หมาเพศเมียสีขาวแซมน้ำตาลที่เอาแต่วิ่งหมุนเป็นวงกลม มันชื่อเหมือนเพศผู้เพราะความซุกซน ฉันนึกถึงคำสั่งของแอนนา มากกว่ามื้อเย็นคืออาหารเม็ดของเจ้าหมาสมาธิสั้นใกล้หมดเต็มทน ยังไม่ทันที่ฉันจะเขวี้ยงเศษขนมปังเพื่อตอบสนองอาการประจบ เสี้ยววินาทีเป้าหมายของเบ็นกลับแปรเปลี่ยนไปยังบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญ มันไม่สนใจฉันอีก หูตั้ง กระโดดเหยง ฉันหันตามฝีเท้าตึงตังที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
70%---------
“เฮ้! แม่บอกให้เธอช่วยฉันจัดบ้าน…อ้อ แล้วก็....
ไปซื้อนมสดให้ฉันพรุ่งนี้ด้วยสิ”
ใบหน้าตกกระบู้บี้ เสียงแหบทุ้มระคนแหลมเล็กช่างขัดกันไปหมดเหมือนเอเลี่ยนเพิ่งเกิดใหม่
“ฉันมีแมสเซสยืนยันจากแม่ ถ้าจะบอกว่าฉันสั่งเธอเองละก็ เธอเดาผิด”
ฉันลืมพูดถึงลูกชายคนเล็กของโจแอนนาไปเสียสนิท บางทีฉันอาจจะจงใจลืม
หายนะของฉันเกิดขึ้นทุกวันจากเจ้าเด็กนี่ไม่ได้บินไปอังกฤษเพราะคอร์สเรียนคณิตศาสตรเสริม พวกเราแหง่กอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันมาได้สามวันครึ่ง เจ้าเด็กงั่งไม่ค่อยกินเส้นกับฉันนัก เขาเป็นเด็กอายุย่าง13ทว่า เหมือนคนแก่สักสามสิบ
ขี้บ่น ขี้สั่ง ขี้รำคาญ สารพัดทุกอย่างที่คนในครอบครัวไม่เป็น แอนนาพยายามอธิบายว่าลูกชายคนเล็กของเธอกำลังหวาดกลัวว่าจะโดนแย่งความรักไป
ฉันจ้องมองใบหน้าตกกระของเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะตอบ
“ คิดว่าฉันว่างตลอดรึไง”
ดวงตาสีเทาเริ่มเบิกกว้าง
“เธอเรียนจบแล้ว เธอมันพวกว่างงาน” ฉันกำลังครุ่งคิดในการศึกษาต่อต่างหากย่ะ-_-
“งานของฉันคืออยู่บ้านเฉยๆ ให้อาหารเบ็น ล้วก็หยิบซีเรียลให้เธอตอนเช้าเท่านั้น ไม่เชื่อก็ไปอ่านโน้ตที่แปะไว้บนตู้เย็นสิ”
ฉันบุ้ยใบ้ไปทางเดิม ในขณะที่หลอกหล่อให้เบ็นสมิธนั่งและลุกด้วยเศษขนมปังอีกรอบ ฉันดูเมินเฉยต่อเขา และนั่นคือของโปรดของเอลลีน จางที่สุดเท่าที่เคยทำ
แฮร์รี่เด็กแสบย่นจมูกฟึดฟัด ถ้าแอนนาอยู่เขาคงจะวิ่งไปหาเธอแล้วโวยวายไม่ยอมหยุด แต่ตอนนี้ฉันถือไพ่เหนือกว่า
ร่างเล็กๆตรงหน้าเลยทำได้เพียงย่ำเท้าปึงปังไปมารอบๆ ฉันกระตุกยิ้มให้กับชัยชนะเล็กๆในขณะที่คนหนุ่มเริ่มแค่นเสียงแหบที่เพิ่งแตกได้สองเดือนอีกครั้งหนึ่ง
“พี่ชายฉันจะกลับมาบ้าน!! ถ้ามันไม่มีอะไรกินละก็ แม่ฉันเอาเธอตายแน่ แม่รักพี่มากรู้ไว้ซะด้วย!!”
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะจบลงแค่นั้น เขาเบ้ปากเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ..พระเจ้า รู้ใช่ไหมว่าฉันยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยน่ะ แฮร์รี่ก็แค่ตีโพยตีพายไปเอง -_- ฉันกำลังจะอ้าปากตอบโต้ แต่ก็กลับโดนขัดขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าพี่ฉันกลับมา ฉันไม่ให้เธอแตะเขาแม้แต่ปลายผมแน่ๆ ยัยสัตว์ประหลาด!!”
แล้วทำไมฉันจะต้องแตะต้องคนแปลกหน้า
ก็แค่ได้เจอพี่ของแฮร์รี่ เออร์วิน ขุมทรัพย์ปริศนาอันล้ำค่าของเจ้าเตี้ย
tbt
แฮ่ๆ นอนไม่หลับ เลยลองอินโทรให้เต็มค่ะTT
ด้วยความสัตย์ กำลังสับสนในดวงใจแบบฟิคไร้พระเอก
ลองอ่านดูนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงด่าได้เลย๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
#รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไว้เจอกันตอนหน้าจ้ะ
ความคิดเห็น