ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The goose story (5sos fanfic)

    ลำดับตอนที่ #7 : -6-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 145
      0
      19 ต.ค. 57


    chapter 6





    “ไบแอนบอกนายใช่รึปล่าวว่าจะต้องรีบมาน่ะ กำลังคิดอยู่ว่าพวกเราก็รถติดเหมือนกัน กลัวนายจะมาถึงก่อน”

    บรรยากาศในห้องอัดสารพัดนึกอันแสนคุ้นเคยถึงแม้ไม่ได้คลุกคลีและกลับมาที่แห่งนี้มาแรมปี ทว่าเด็กๆทั้งสี่ก็ยังคงจดจำบรรยากาศและกลิ่นเครื่องโลหะภายในพื้นที่แคบๆ ทุกอย่างคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

    เสียงนุ่มของชายหนุ่มผมชมพูเอ่ยถามพี่คนโตทันทีที่รอจอร์จผู้จัดการเข้ามาสรุปงาน เขาทยอยวางกีตาร์ตัวแพงลงขาตั้งทีละตัวๆอย่างเบามือ ในห้องซ้อมประจำมีเครื่องดนตรีฝากเอาไว้มากกว่าห้าตัวแล้วแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กลับมาที่บ้านเกิดนานนับปี ทั้งไฟฟ้าและโปร่งไม้

    แอชตัน เออร์วินเลิกคิ้ว เขาดึงหูฟังข้างหนึ่งออกเพื่อตั้งใจสนทนาอีกครั้ง

     

    “ใครบอกว่าไบแอนอยู่บ้านฉันเมื่อเช้า?” แอชตันทวน แน่นอน พวกเขาไม่มีทางรู้

    ดวงตาสีเฮเซลกวาดไปรอบๆ

     

    “ฉัน ฉัน!! ฉันเอง ฉันโทรไปบ้านนายเองไง!!” เสียงแปร่งของคาลัมที่อยู่มุมของห้องดังขึ้น แขนข้างหนึ่งของเขาโบกไปมา แม้จะดูเสนอตัวไปนิด ทว่าดวงตาของคนผิวสีแทนยังคงจับจ้องอยู่ในจอมือถือขนาดเล็ก เนื้อตัวเลื้อยไปตามพื้นพรมที่ไม่รู้วันเดือนปีของการทำความสะอาดครั้งล่าสุด ชายหนุ่มกำลังหลงใหลกับการแชทสนุกๆกับเพื่อนอย่างเรื่อยเปื่อย

    ดูเหมือนว่าแอชตันจงใจที่จะมาพูดคุยเรื่องทริปพักผ่อนของพวกเขาตามที่เคยตกลงเอาไว้มากกว่าถูกนัดมาสรุปงานประจำปี หรือตกลงแผนปล่อยอัลบั้มช่วงกลางปีหน้า หากแต่นอกเหนือจากแพลนพักผ่อนกลับกลายเป็นว่ามีเรื่องน่าสนใจบางอย่างที่มากกว่านั้น  


    คาลัม ฮู้ดยังคงออกอาการดระดี๊กระด๊าอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงเรื่องราวที่แท้จริง บุคคลที่รับสายโทรศัพท์เมื่อเช้าไม่ใช่ ไบแอน แฟนสาวของแอชตันอย่างที่เขาเข้าใจ

    ….

    ไบแอน โรส

    ไบแอน หนึ่งในเพื่อนสาวของคาลัมและแอชตัน ตั้งแต่สมัยเรียน

    เบียนก้า ชื่อเต็มแสนน่ารัก สาวน้อยเซ็กซี่ที่ใครๆก็รู้ว่าเธอคบหากับแอชตัน เออร์วิน

    ไบแอน

     ไบแอน เบียนก้า โรส

     

    แอชตันไม่สามารถปฎิเสธออกมาได้อย่างเต็มปาก แม้จะแปลกใจว่าทำไมคาลัมถึงรู้เรื่องราวเมื่อเช้านี้ที่บ้าน เหตุผลจากความเป็นจริงดูท่าว่าจะไม่น่าฟังนัก

    เขาไม่มีเวลามากพอจะวิ่งลงมารับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ถ้าลงมาจริงๆ

     

    คนที่รับโทรศัพท์ก็คงไม่ใช่ไบแอนอยู่ดี

     

    ไบแอน เบียนก้า โรส ไม่ได้ติดต่อเขาเลยตั้งแต่กลับมาถึงซิดนีย์ต่างหากนั่นคือเหตุผล จนถึงปัจจุบันก็ไม่มีทีท่าว่าจะจับตัวไบแอนได้ง่ายๆ เธอคลั่งไคล้ความงามและเป็นบิ้วตี้บลอคเกอร์ชื่อดัง อีกทั้งกำลังจะมีผลงานร่วมกับแบรนด์เครื่องสำอางค์ชั้นนำของออสเตรเลีย อาชีพการงานในวัย19 ถือว่าเริ่มต้นเร็วและสวยงาม แอชตันเลยไม่แปลกใจหากไบแอนจะขาดการติดต่อไปบ้าง และเขาเองก็ไม่ชอบที่จะเล่าให้ใครต่อใครฟังถึงเรื่องรักๆใคร่ๆส่วนตัวนัก แม้กับน้องๆในวง ยกเว้นซะว่าทั้งหมดจะมีปาร์ตี้ร่วมกัน

    “ไม่ชวนเธอมาเจอกันบ้างอ่ะ ไปหาไรกินประมาณนี้” ลุคเอ่ย เขาเริ่มทุ่มตัวยาวๆลงโซฟาก่อนจะใช้จมูกคมกดลงฟูกนิ่ม

     

    “เธอยุ่งจะตายชัก “ เออร์วินสบถ

     

    “งี้นายก็อดพาเธอไปทะเลกับพวกเราสิ! ฉันว่าจะโทรชวนเมแกนมาด้วย เธอแพลนบินมาซิดนีย์อีกไม่กี่วันนี้แล้ว เผื่อจะมีสาวๆไปเพิ่มพวกผู้หญิงจะได้ไม่เหงา” คาลัมละสายตาจากจอมือถือขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนที่เสียงแจ้งเตือนข้อความจะทำให้เขารี่กลับไปสนใจแป้นพิมพ์ที่ปลายนิ้วอีกครั้ง ไมเคิลจ้องมองคาลัมสัลบกับแอชตันเออร์วินที่สงบนิ่ง เขาคว้ากีต้าร์โปร่งออกมาหนึ่งตัวด้วยสีหน้าที่ไม่สดใสสักเท่าไหร่

     

    “ฟังแล้วก็อิจฉาเป็นบ้าเลยว่ะ คริสซี่ก็ติดถ่ายวีดีโอตัวใหม่ที่นิวยอร์ค เห้ออออ ฉันเบื่อที่จะเจอเธอในเกมส์แล้วนะ เมื่อวานฉันเล่นยันสี่โมง เธอบอกว่าฉันทำให้เธอไม่ได้นอน มันเพราะtime zoneต่างกันต่างหาก!” คนผมสีชมพูระบายความอัดอั้นระหว่างตนและแฟนสาว chrissy costanza สาวน้อยมหัศจรรย์ผู้มีน้ำเสียงไพเราะติดอันดับซุปเปอร์สตาร์ในยูทูบ ไม่ต้องบอกเลยว่าทั้งสองพบกันได้อย่างไร

     

    ตัดเรื่องดนตรีออกไปซะ

    มาจากเกมส์อยู่แล้ว สำหรับชีวิตของไมเคิล กอร์ดอน คลิฟฟอร์ด

     

    “ฉันว่าจะโทรชวนไบแอนอีกที เหงาๆเหมือนกัน” แอชตันเอ่ยต่อ สมองของเขาปรากฏภาพที่ออกจะสับสนอยู่เล็กน้อย ดวงตายังคงจ้องนิ่งไปกับพื้นพรมสีเทา เขาไม่ชินกับคำว่าเพลย์บอยหากได้รับมันมา ก็แค่มีโอกาสพบปะผู้คนมากกว่าสมัยก่อน
    เมื่อครั้งยังเป็นไอ้เออร์วินพนักงานในร้านKFC และเล่นดนตรีไปเรื่อยเปื่อย
    กลิ่นกายของสุภาพสตรีคนใหม่ชโลมด้วยน้ำหอมอ่อนๆยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก ทว่าเสี้ยววินาทีใบหน้าของเด็กสาวผมดำผิวสีซีดวิ่งพล่านเข้ามาในหัว พลันกระตุ้นเส้นเลือดในสมองเต้นตุ้บตั้บ

    ความคิดของเขาชุลมุนอยู่แค่นี้

    จะต้องเป็นเอลลีน จางอยู่แล้ว บุคคลปริศนาที่รับสายของคาลัม โดยที่ไม่รู้ว่าพวกเขาได้พูดคุยอะไรกันไปบ้าง

    คนที่เป็นฝ่ายรับโทรศัพท์ของอื่นโดยที่ไม่ปริปากบอกอะไรเลยสักอย่าง ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย

    ภาพลักษณ์ของเพื่อนใหม่กลับกลายเป็นแย่เข้าขั้นวิกฤติสำหรับสายตาของBig Irwin
    ชายหนุ่มปล่อยให้ความโกรธดูดดึงหัวใจให้จมดิ่งลงไปทุกที เขารู้สึกหักห้ามให้ตัวเองเลิกโมโหไม่ได้ ในเมื่อแอชตันไม่ชอบให้ใครมารุกล้ำความเป็นส่วนตัวเกินความพอดี และถ้าหากเรื่องพวกนี้ถึงหูคนอื่นๆ

    มัน ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อยเลยที่จะตามมา

    คาลัมจะต้องเอาเขาตายแน่ๆ ถ้าหากแอชตันหักอกไบแอน เบียนก้า โรสเข้า

    เพราะอะไรน่ะหรอ

    ?

    ทั้งคู่เคยจีบสาวน้อยผมบลอนด์คนนี้มาด้วยกันน่ะสิ

     

    ร่างสูงถอนหายใจเฮือกโตก่อนนี่จะเริ่มกดปลดล็อคเครื่องมือถือตัวเอง วันนี้เขาแทบไม่ได้จับมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว บรรดาแฟนๆต่างก็บ่นอุบว่าพวกเขาอาจจะพักผ่อนในบ้านเกิดมากไปจนลืมพวกเธอจากประเทศอื่นๆ  แน่นอนปรกติแอชตัน เออร์วินเป็นหนึ่งในสมาชิกที่อัพเดทความเคลื่อนไหวของชีวิตมากที่สุดในวง ปรกติเวลานี้เขาอาจจะเริ่มทวิตและอัพโหลดภาพสนุกๆสักภาพสองภาพ ทว่าปัจจุบันเรื่องแสนเซ็งมากมายหยุดรั้งให้แอชตันเอาแต่หยุดอยู่นิ่งกับที่ กอปรกับเวลาหัวค่ำ บรรยากาศก่อนประชุมยิ่งทวีความน่าเบื่อเกินพรรณา

     

    ทุกคนดูสูญสิ้นพลังงานแม้ว่าจะได้นอนเต็มอิ่มมากกว่าเวลาทั้งปีรวมกัน เสียงดีดตาร์ของไมค์เริ่มบรรเลงขึ้นแทรกความเงียบ แต่ไม่ถึงสามคอร์ดพอที่จะขึ้นอินโทรAmnesia ชายหนุ่มก็หยุดกิจกรรมนั้นลงเพราะกระดาษสองสามแผ่นที่วางเอาไว้บนโต้ะข้างโซฟา

     

    แล้วเอาไง ตกลงว่าเราจะไปบอนไดวีคหน้าป่ะ เดี๋ยวต้องมีถ่ายเอ็มวีใหม่นะเว้ย ดูจากตารางบนโต้ะสิไม่เคิลหยุดเกาคอร์ดD เขาก้มลงอ่าน เฮมมิ่งส์เป็นคนแรกที่แสดงปฎิกริยาตอบกลับ

     

    ฉันมีแค่กินข้าวกับญาติแม่ ส่วนพวกเพื่อนๆเก่าเราก็มัวยุ่งกับสอบ คงไม่มีใครไปด้วยอะ พวกเรามันไร้การศึกษากันเองไม่มีปัญหาอยู่แล้วลุคว่าตาม เขาเลิกคิ้วเพ่งดวงตาสีฟ้าไปยังแอชตันที่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ในขณะที่เพื่อนผิวสีแทนคนสุดท้ายกลับเอาแต่สนใจภาพเคลื่อนไหวในมือถือโดยไม่มีท่าทีสนใจโลกภายนอก
    -_-

    ให้ฉันตอบแทนมันมั้ย คาลัมมีไปรับมารีที่สนามบินมะรืนนี้ นอกนั้นมันก็ว่าง เมแกนยังไม่บินมาซิดนีย์ มันว่าง....เห้ยๆ เค้าคุยอะไรกันสนใจหน่อย ฉันไม่ใช่ผู้จัดการมานั่งตอบนู่นนั่นแทนให้ตลอดนะเว้ย!!

     

    แรงตะคอกขนาดเท่าแรงพายุดีเฟรสชั่นพัดกระหน่่าเข้าหาคาลัมอย่างจัง เขาเริ่มกระดิกตัวเอ่ยตอบ แต่ก็เท่านั้น

     

    รู้แล้วๆ ฉันได้ยินอยู่ววว ให้เที่ยวฉันว่างตลอดละน่า ซีเรียสหรอครับ คุณเฮมมิงส์..นายเองอยากช่วนพี่ชายกับพี่สะใภ้มาก็ได้นะ เพื่อนพี่สะใภ้เจ๋งๆไรงี้...ไมค์ แอชตันด้วย อย่าลืมเหน็บพื่อนๆสาวๆมาเยอะๆล่ะฮ่าๆ

    คาลัมฮู้ดพาดพิงถึงครอบครัวของลุคอย่างคุ้นเคย เสียงหัวเราะร่วนและคำพูดติดตลกทำเอาแอชตันกระตุกยิ้ม เขาเริ่มส่ายหัวให้กับความฟั่นเฟืองของโทมัส ฮู้ดจอมไร้สาระ

    “--แค่พวกเราก็สนุกแทบคลั่งแล้วน่าฉันพนันได้ ตกลงเป็นศุกร์หน้านะ ฉันจะได้จัดการชีวิตถูก

     

    “ อืม...รีบๆยิ่งดี ฉันเหงา ฉันจะพาคริสซี่ในโนตบุคไปด้วยนะ เฟสทามกันสักหน่อยอะไรทำนองนั้นTT” ไมค์ครวญ .ในขณะที่สีหน้าของลุคเริ่มไม่สู้ดีเมื่อเขาเริ่มเอ่ยถึงพี่ชายทั้งสอง

     

    “พี่ชายฉันติดทำงานหมดล่ะ ไม่มีใครเขาว่างงานกันหรอก ขนาดเจอกันมื้อเย็นยังไม่ได้เจอเลยตั้งกะกลับมา” บ่นพลางกัดริมฝีปากที่มีจิวสีดำเจาะเอาไว้อย่างลืมตัว ดวงตาสีกวาดไปยังคาลัมที่ยังคงจับเจ่ากับเครื่องมือสื่อสาร “ชักอยากจะติดมือถือบ้างซะละ เบื่อชิบ----ถามจริง คาลัม แกเล่นอะไรนักหนาวะ คุยกับเมแกนหรอ หรือพวกอีธาน ฟรอยด์”

     

    อีธานกลุ่มนักร้องฮิพฮอพใต้ดินในLAทำให้คาลัมถึงกับส่ายหัว เขาละดวงตาสีน้ำตาลเข้มขึ้นจ้องหน้าเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง พลางหมุนหน้าจอขึ้นโชว์ภาพบางอย่างด้านในนั้นราวกับว่าไม่ได้ฟังสิ่งที่ลุคกำลังสนทนาด้วยตั้งแต่แรก

     

    “ฉันกำลังใช้สมองเข้าใจหน่อยสิ......นี่..รูปฉันวันนี้ กับผู้หญิงคนนึงคุ้นหน้ามากเลยว่าไหม .นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ฉันไม่น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตาใครไปทั่วเลยให้ตายสิ” เด็กหนุ่มคำรามในลำคอ เขาดึงมือถือกลับพลางไถลขดตัวลงกับพื้นเช่นเดิม คาลัมยังคงเสพติดการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งน้อยคนในโลกภายนอกจะรับรู้ เขาไม่ค่อยอัพเดตอะไรในทวิตเตอร์นัก ส่วนใหญ่คาลัมจะเล่นแอคเค้าท์หลุมลับๆระหว่างเพื่อนมากกว่า เด็กชายผิวแทนมักจะติดต่อมีเพื่อนนักดนตรีพวกคลั่งไคล้ปาร์ตี้ขนาดย่อมในอมเริกา มีสาวๆและมีเพื่อนที่บ้าการสังสรรค์จำพวกนั้น แต่ไม่ต้องซีเรียส อย่างน้อยๆในทุกๆวันเขาก็ไม่ลืมที่จะคอยเช็คข่าวคราวของตัวเองในแต่ละวันผ่านแท็ก ไม่ก็แอคเค้าท์ ออฟฟิเชียล

     

    คาลัม ฮู้ด ชื่นชอบรูปเท่ห์ๆที่ถูกถ่ายจากแฟนคลับมากกว่ารูปเซลฟั้ฝีมือตัวเองด้วยซ้ำ

     

    ฉันว่าฉันเหมือนเห็นเธอที่บ้านแอชตันเมื่อวันก่อน” ลุคเคลื่อนย้ายตัวเองมายืนค้ำหัวคาลัมที่นอนกลิ้งหลังจากรูปภาพเริ่มกระตุ้นต่อมช่างสังเกต คนผมบลอนด์ยกมือทึ้งผมรอบให้เป็นทรงก่อนจะเล่าต่อ

    “ ฉันจำแม่นขึ้นสมอง วันที่ฉันตะโกนเรียกไอ้ประสาทเสียที่ไหนไม่รู้คอแทบแตก ฉันต้องเซลฟี่ไปร่วมร้อยรูปปากแทบฉีก เพราะแกทั้งนั้น รถติดชิบกว่าจะถึงบ้าน”

     

    “เดี๋ยวนะๆ.วันที่เราไปส่งแอชตันใช่ป่ะ..ไหนลองพลิกมือถือมาให้ฉันดูบ้าง คนที่มีร่มใช่ไหม” ไมค์เริ่มไหลตามน้ำไปอีกคน มือหนาตบลงเบาะดังป้าปเมื่อคนผมสีเริ่มนึกออก

    “ อ๋ออ!!---แต่วันนั้นฉันยังเห็นหน้าเธอไม่ชัดเลย นายจำได้ยังไงวะลุค!” ไมเคิลร้อง คิ้วของเขาขมวดย่น แน่นอน ไมค์เป็นอีกหนึ่งคนที่ยืนอยู่ในบ้านท่ามกลางการสนทนาระหว่างแฮร์รี่ และสาวร่มหุบแท้ๆแต่เขากลับไม่ได้สังเกตรายละเอียดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    “เธอเดินเข้ามาก่อนหน้าคาลัมมันจะโผล่หัว ตอนนั้นยังไม่มีร่มครอบเอาไว้” ด้วยเชื้อคุณครูช่างจำจากแม่ ลุคยังคงอธิบายพร้อมๆกับคาลัม ฮู้ดที่เด้งตัวขึ้นจากพื้นที่อาบไปด้วยฝุ่น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง

     

    “ใช่ไหมลูค!!!นึกออกซักที!ฉันก็ว่าฉันคุ้นๆแปลกๆ --- อา พวกสาวเอเชียแน่ๆ ฉันมีแฟนคลับเป็นพวกผู้หญิงเอเชียเยอะขนาดไหนนะ พวกเธอคิดว่าฉันมีผมดำตัวดำใช่ไหม ยิ่งยัยคนนี้คลั่งเป็นบ้า สงสัยคงแอบตามพวกเราไปทั่ว วันนี้ฉันก็เจอเธอข้างล่าง ในชุดแบบในรูปที่ถูกถ่ายนี่ละ ดูแคปชั่นสิ เธอขอฉันเดทแบบที่เขาเขียนไว้จริงๆนะเว้ย ขำชะมัด ฮ่าฮ่า”

     

    “ฉันก็เคยโดนแฟนๆขอเดท ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย ...นายหัดจำหน้าแฟนคลับตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ถอยๆ ฉันจะอัดvine เล่นแก้เซ็งเอาอะไรดี!!“ แอชตันร้องขัดด้วยน้ำเสียงสดชื่นพลางลุกขึ้นเต็มความสูง ดูเป็นการกระทำแสร้งแบบขอไปทีมากกว่า เพียงแค่อยากจะจบประเด็นสาวร่มหุบให้ไวที่สุดในเมื่อทุกคนยังไม่รู้ว่าเอลลีนเป็นสมาชิกในบ้านเออร์วิน และทุกคนก็ยังไม่รู้จักผุ้หญิงคนนี้ดีพอ  รวมถึงตัวของเขาเอง

     

    แอชตันกลับมาสนใจยังเครื่องมือสื่อสารในมืออย่างจริงจังอีกครั้ง

    หน้าจอสว่างจ้าของไอโฟนห้าปรากฏแจ้งเตือนมากมายเบอร์โทรที่ไม่ได้รับสาย

    รวมถึงข้อความที่ไม่ได้อ่าน –---เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไล่อ่านทีละอันอย่างใจเย็นเป็นปรกติ

    กระทั่งข้อความจากช่วงสายของวัน

     

    พี่ฮะ วันนี้มารับผมได้ไหม ---อีกไม่กี่วันจะวันเกิดคาร์ลีย์

    ผมอยากให้พี่ช่วยเลือกของขวัญให้เธอเธอน่ารักเหมือนเจ้าหญิงเลย

    พี่อาจจะเห็นเธอที่นี่ ถ้ามาไม่ได้ส่งข้อความบอกผมก่อนบ่ายโมงนะ XD

     

    ผลสุดท้ายแอชตัน เออร์วินก็ไม่ได้เข้าคุยงานอย่างสมบูรณ์แบบ

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     


    แฮ่ก แฮ่ก...

    ฉันได้ยินเสียงหอบครืด ระคนน้ำมูกในลำคอของตัวเองขณะที่สองขานั้นกำลังวิ่งพล่านไปรอบๆลานกว้าง

    ฉันเดินทางกลับมายังcenterศูนย์รวมสถานที่เรียนพิเศษของเด็กประถม-มัธยมขนาดใหญ่ด้วยเวลาอันสั้น เบอร์บ้านที่ถูกปิดตายขาดการติดต่อและมือถือที่ปราศจากคนรับสายของเจ้าเด็กงั่ง ทุกอย่างพาลให้สมองของฉันแล่นฉิวด้วยความกังวล

    กระเป๋าสะพายถูกกอดแนบอกเอาไว้หลังจากตระหนักได้ว่ามันคงจะเกะกะมากกว่าที่จะดูสวยงาม สองขาเริ่มล้าและกรอบหน้าก็ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นชื้นเหงื่อจนเละเทะ

    ฉันยังคงวิ่งต่อไปเพื่อหาพิกัดตามที่เคยมาส่งแฮร์รี่ด้วยตัวเองครั้งหนึ่งในวันที่เจ้าหมอนั่นตื่นสายจนตกรถรับส่ง ในความทรงจำปรากฏชื่อสถาบัน “เฮนสลีย์” อย่างเลือนราง มันอาจจะฟังดูงี่เง่า แต่ต้องขอบคุณที่แฮร์รี่ทำให้ฉันลดกิเลสตัณหาในภารกิจที่เพิ่งจบไปหมาดๆได้เป็นอย่างดี

    ฉันลืมเรื่องราวก่อนหน้านั้นไปเสียสนิท

    ฉันไม่ได้ไปนั่งรอวงพี่ชายของเขาสี่ห้าชั่วโมงเพื่อขอคาลัม ฮู้ดเดท

    ฉันปล่าวทำเรื่องหน้าขายหน้าพวกนั้น ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้น

    ฉันลืมประสบการณ์ไร้ยางอายทั้งหมดจนเกลี้ยงเพราะแฮร์รี่ เออร์วินเข้ามาแทนที่ และตอนนี้ในหัวของฉันเอาแต่วาดภาพเด็กชายในชุดกางเกงเอวโหลดติดดินและเสื้อยืดกราฟฟิคเห่ยๆพร้อมหมวกแก้บหนึ่งใบ

    เพราะฤทธิ์คาเฟอีนที่ยังหลงเหลือ เอลลีนกำลังท่องจำรูปพรรณสัณฐานทั้งหมดไปเรื่อยๆตามเส้นทาง

    และเหมือนฝัน ไม่กี่นาทีจากแรกเริ่ม ฉันกลับมองเห็นสิ่งที่ตามหาไกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างกายเล็กในชุดตลกๆคุดคู้บนบันไดขั้นสุดท้ายข้างกระถางต้นไม้พุ่ม

    พร้อมๆกับป้ายชื่อโรงเรียนสอนพิเศษขนาดเท่าบ้านหลังหนึ่ง

    เฮนสลีย์….

     

    “ เห้ เจ้าบ้า!!!!!!!!!!!!!” ระยะห่างราวๆสามเมตร ฉันร้องด้วยเสียงแหลมสูง เร่งสาวเท้าเข้าไปให้ไวที่สุด ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดเกินกว่าจะให้เด็กสิบกว่าขวบมานั่งเล่นริมถนน ฉันรู้สึกโมโหระคนความโล่งใจเหมือนยกภูเขาทั้งใบออกใบเมื่อใบหน้าซีดนั่นเงยขึ้นจากเข่าทั้งสองข้างที่ยกชัน ฉันมั่นใจอยู่ลึกๆว่าเขาจะไม่ไปไหนหากเกิดอะไรขึ้น และมันก็เป็นแบบที่ฉันคิดเอาไว้ แฮร์รี่มักจะปากเสีย แต่ความจริงแล้วเขามักจะขี้กลัวอยู่เสมอ

     

    “เอลลีน

    เสี้ยววินาทีหนึ่งฉันจับได้ว่าม่านตาคู่นั้นอ่อนไหวเพียงใด

     

    “ทำไมไม่รับสายโทรศัพท์ฉัน!! นี่นายจะรอแค่พี่นายโทรมาคนเดียวแบบนั้นไม่ได้นะรู้ไหม!นี่มันกี่โมงแล้ว อย่างน้อยก็โทรบอกเบนจามินก็ได้ เขาไม่ทิ้งนายไว้คนเดียวแบบนี้แน่ๆ”

     

    “เลิกบ่นสักที น่ารำคาญ ฉันรอแอชตันมารับ จะไปไหนก็ไปเหอะ”

    จะไปไหนก็ไปงั้นหรอ ฝ่ามือเล็กๆกำแน่นที่กางเกงอย่างประหม่าเมื่อกำลังโต้เถียง

     

    “เขาให้ฉันมารับนายแทน พี่นายเขามีงานด่วนมากๆ ไง จะไล่ฉันอีกไหม!? มีเงินพอนั่งรถกลับบ้านหรอ ไม่หิวงั้นสิ??ไม่มีคำไหว้วานใดๆจากBig Irwin…

     ฉันโกหกคำโตและกลืนน้ำลายที่ฝืดเหนียวลงลำคอ มองไม่ผิดกรอบหน้าเล็กที่ตกกระนั่นทำท่าจะร้องไห้เต็มที ริมฝีปากที่ห้อเลือดม่วงเพราะความหนาวดูแย่กว่าที่ฉันเคยเห็น เพราะเมื่อเช้าเขาไม่ยอมใส่เสื้อของฉันออกมาจากบ้านด้วยความหยิ่งยโส สาเหตุหนึ่งของนิสัยแย่ๆติดตัวแฮร์รี่กระทั่งเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อดนึกไม่ได้ที่จะเอามาต่อว่าให้รู้สำนึก แต่คงไม่ใช่เวลาที่ดีนัก

     

    สำคัญคือ แอชตัน เออร์วินไปทำอีท่าไหนถึงทิ้งน้องชายของตัวเองได้ลงคอขนาดนี้

     

    “รีบลุกขึ้น เอานี่ไปซะ” ฉันถอดเสื้อจักเก็ตที่สวมทับเสื้อTWBออกให้เด็กชายส่วนสูงสี่ฟุตด้านข้าง เขาเบ้ปากเล็กๆเมื่อเสื้อตัวหนาหล่นฮวบลงศีรษะ เสียงลมหายใจฟึดฟัดแสดงให้รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้สำนึกในบุญคุญของฉันเที่ควร

    ทำไงได้ แฮร์รี่ ไสตล์สินะ

    ฉันปล่อยให้ความเงียบได้ชัยชนะ เขาเริ่มลุกขึ้นอย่างลังเล พวกเราเดินอย่างเชื่องช้าเพื่อหาป้ายเรียกรถแทกซี่ เพราะความสับสนและการโกหกทำให้ฉันไม่สามารถพูดคุยหรือต่อว่าอะไรออกไปได้อีก มีเพียงเสียงสูดน้ำมูกที่คอยแทรกขึ้นระหว่างฝีเท้าของเราทั้งคู่

    บางครั้งฉันก็อยู่ในจุดที่เป็นฝ่ายยอมแพ้

    แค่บางครั้งน่ะ

     

    “พี่นายเขายุ่งมาก รู้ใช่ไหม ว่าไง มีอะไรจะบอกแอชตันก่อนรึปล่าว ซ้อมกับฉันตอนนี้ได้นะ ดูท่านายต้องมีแน่ๆ”

    ตัดสินใจผ่อนคลายบรรยากาศชวนน่าเบื่อ ฉันว่า พลางยกมือขึ้นวางบนศีรษะที่มีฮู้ทครอบเอาไว้ แต่แล้วหัวเล็กๆนั่นก็เบี่ยงหลบ ทำเอาแขนทั้งข้างของฉันร่วงผล็อย

     

    “ถ้าฉันมีก็ไม่บอกเธอหรอก”

     

    “ถ้านายเป็นน้องฉันฉันเอานายตายเหมือนกันแฮร์รี่

    เสียงสบถสุดท้ายทิ้งเอาไว้ ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะสั่งสอนเขาต่อ อากาศหนาวเย็นเหนี่ยวรั้งให้ต่อมสร้างปัญหาของฉันหยุดทำงานชั่วขณะ เสื้อยืดบางๆตัวเดียวไม่ค่อยสนุกนักสำหรับการเดินด้วยเท้าในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งในซิดนีย์ อุณภูมิทำท่าว่าจะต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ฉันผ่อนความเร็วลงทันทีที่แสงไฟจากรถด้านหลังส่องวาบขึ้น เป็นสัญญาณว่าอาจจะมีแทกซี่บางคันที่กำลังเทียบจอดให้เราได้เรียกบริการแล้ว


    “ปิ้นนนนน!!!!”

    ทำเอาสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นโครมคราม แทกซี่ออกจะไร้มารยาท เพราะการบีบแตรเรียกผู้โดยสารมันไม่ค่อยเป็นวิธีที่เป็นสากล  ..
    เฮ้...นี่มันออสเตรเลีย พวกเขาไม่ได้มีวัฒนธรรมแบบประเทศอินเดียหรอกใช่มั้ย' ..
    ฉันนึกติติงในใจหลังมีเสียงอึกทึกดึงขึ้นจนก้องไปทั่วสองฝั่งถนน ไฟสูงจากด้านหน้ารถเปิดย้อนขึ้นกระทบม่านตาให้หรี่เล็ก ฉันไม่สามารถสังเกตรายละเอียดได้ดีเท่าที่ควร 
    แต่ไม่นานนัก ตัวรถคันสีดำก็ค่อยๆขับเคลื่อนเข้าจอดเทียบในระยะที่กระจกด้านข้างคนขับเสมอกับตัวพวกเราทั้งสอง

     

    ภาพตรงหน้ากลับทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกอีก

     

    นี่มันแทกซี่--BMWของโจแอนนา เออร์วินต่างหาก

     

    ดวงตาสีเฮเซลโผล่พ้นกระจกทึบ ผมเผ้ายุ่งเหยิงของชายหนุ่มด้านในดูไม่เข้าทีนัก คำพูดสุดท้ายของเขาทำให้ฉันไม่เข้าใจในความหมายของมันสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น ดูเหมือนขาของฉันก็กลับกลายเป็นว่าได้ถูกตรึงไปกับพื้นถนนเป็นที่เรียบร้อย

     

     

    “รีบพาแฮร์รี่ขึ้นรถถ้าเธออยากจะไปเที่ยวที่บอนไดกับพวกฉัน!!

    เธอคงต้องการมันมากแน่ๆ ไม่ใช่หรอ!? แม่แฟนคลับ

     

     

    +++++++++++

    รีบปั่นแบบขี้กากมากตอนนี้TT บรรยายอาจจะมึนๆ ช่วงนี้เปื่อยๆป่วยๆค้บบ

    แต่เห็นคอมเม้นจากหลายๆคน ขอบคุณมากน้าT^T

    ส่วนแอนดรูว์ ไม่ใช่ชื่อพ่อของคาลัมจริงๆจ้ะ รู้สึกจะเป็นของลุคด้วยซ้ำ อันนี้คือแต่งแบบจับใส่ๆ ความรู้ขั้นพื้นฐานน้อยมาก ขอโทษด้วยนะคะ

    ไว้เจอกันตอนหน้านะจ้ะ รักรีดเดอร์ จุ้บ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×