คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : -6-
chapter 6
“ไบแอนบอกนายใช่รึปล่าวว่าจะต้องรีบมาน่ะ กำลังคิดอยู่ว่าพวกเราก็รถติดเหมือนกัน กลัวนายจะมาถึงก่อน”
บรรยากาศในห้องอัดสารพัดนึกอันแสนคุ้นเคยถึงแม้ไม่ได้คลุกคลีและกลับมาที่แห่งนี้มาแรมปี ทว่าเด็กๆทั้งสี่ก็ยังคงจดจำบรรยากาศและกลิ่นเครื่องโลหะภายในพื้นที่แคบๆ ทุกอย่างคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เสียงนุ่มของชายหนุ่มผมชมพูเอ่ยถามพี่คนโตทันทีที่รอจอร์จผู้จัดการเข้ามาสรุปงาน เขาทยอยวางกีตาร์ตัวแพงลงขาตั้งทีละตัวๆอย่างเบามือ ในห้องซ้อมประจำมีเครื่องดนตรีฝากเอาไว้มากกว่าห้าตัวแล้วแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กลับมาที่บ้านเกิดนานนับปี ทั้งไฟฟ้าและโปร่งไม้
แอชตัน เออร์วินเลิกคิ้ว เขาดึงหูฟังข้างหนึ่งออกเพื่อตั้งใจสนทนาอีกครั้ง
“ใครบอกว่าไบแอนอยู่บ้านฉันเมื่อเช้า?” แอชตันทวน แน่นอน พวกเขาไม่มีทางรู้
ดวงตาสีเฮเซลกวาดไปรอบๆ
“ฉัน ฉัน!! ฉันเอง ฉันโทรไปบ้านนายเองไง!!” เสียงแปร่งของคาลัมที่อยู่มุมของห้องดังขึ้น แขนข้างหนึ่งของเขาโบกไปมา แม้จะดูเสนอตัวไปนิด ทว่าดวงตาของคนผิวสีแทนยังคงจับจ้องอยู่ในจอมือถือขนาดเล็ก เนื้อตัวเลื้อยไปตามพื้นพรมที่ไม่รู้วันเดือนปีของการทำความสะอาดครั้งล่าสุด ชายหนุ่มกำลังหลงใหลกับการแชทสนุกๆกับเพื่อนอย่างเรื่อยเปื่อย
ดูเหมือนว่าแอชตันจงใจที่จะมาพูดคุยเรื่องทริปพักผ่อนของพวกเขาตามที่เคยตกลงเอาไว้มากกว่าถูกนัดมาสรุปงานประจำปี หรือตกลงแผนปล่อยอัลบั้มช่วงกลางปีหน้า หากแต่นอกเหนือจากแพลนพักผ่อนกลับกลายเป็นว่ามีเรื่องน่าสนใจบางอย่างที่มากกว่านั้น
คาลัม ฮู้ดยังคงออกอาการดระดี๊กระด๊าอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงเรื่องราวที่แท้จริง บุคคลที่รับสายโทรศัพท์เมื่อเช้าไม่ใช่ ไบแอน แฟนสาวของแอชตันอย่างที่เขาเข้าใจ
….
ไบแอน โรส
ไบแอน หนึ่งในเพื่อนสาวของคาลัมและแอชตัน ตั้งแต่สมัยเรียน
เบียนก้า ชื่อเต็มแสนน่ารัก สาวน้อยเซ็กซี่ที่ใครๆก็รู้ว่าเธอคบหากับแอชตัน เออร์วิน
ไบแอน
ไบแอน เบียนก้า โรส
แอชตันไม่สามารถปฎิเสธออกมาได้อย่างเต็มปาก แม้จะแปลกใจว่าทำไมคาลัมถึงรู้เรื่องราวเมื่อเช้านี้ที่บ้าน เหตุผลจากความเป็นจริงดูท่าว่าจะไม่น่าฟังนัก
เขาไม่มีเวลามากพอจะวิ่งลงมารับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ถ้าลงมาจริงๆ
คนที่รับโทรศัพท์ก็คงไม่ใช่ไบแอนอยู่ดี
ไบแอน เบียนก้า โรส ไม่ได้ติดต่อเขาเลยตั้งแต่กลับมาถึงซิดนีย์ต่างหากนั่นคือเหตุผล จนถึงปัจจุบันก็ไม่มีทีท่าว่าจะจับตัวไบแอนได้ง่ายๆ เธอคลั่งไคล้ความงามและเป็นบิ้วตี้บลอคเกอร์ชื่อดัง อีกทั้งกำลังจะมีผลงานร่วมกับแบรนด์เครื่องสำอางค์ชั้นนำของออสเตรเลีย อาชีพการงานในวัย19 ถือว่าเริ่มต้นเร็วและสวยงาม แอชตันเลยไม่แปลกใจหากไบแอนจะขาดการติดต่อไปบ้าง และเขาเองก็ไม่ชอบที่จะเล่าให้ใครต่อใครฟังถึงเรื่องรักๆใคร่ๆส่วนตัวนัก แม้กับน้องๆในวง ยกเว้นซะว่าทั้งหมดจะมีปาร์ตี้ร่วมกัน
“ไม่ชวนเธอมาเจอกันบ้างอ่ะ ไปหาไรกินประมาณนี้” ลุคเอ่ย เขาเริ่มทุ่มตัวยาวๆลงโซฟาก่อนจะใช้จมูกคมกดลงฟูกนิ่ม
“เธอยุ่งจะตายชัก “ เออร์วินสบถ
“งี้นายก็อดพาเธอไปทะเลกับพวกเราสิ! ฉันว่าจะโทรชวนเมแกนมาด้วย เธอแพลนบินมาซิดนีย์อีกไม่กี่วันนี้แล้ว เผื่อจะมีสาวๆไปเพิ่มพวกผู้หญิงจะได้ไม่เหงา” คาลัมละสายตาจากจอมือถือขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนที่เสียงแจ้งเตือนข้อความจะทำให้เขารี่กลับไปสนใจแป้นพิมพ์ที่ปลายนิ้วอีกครั้ง ไมเคิลจ้องมองคาลัมสัลบกับแอชตันเออร์วินที่สงบนิ่ง เขาคว้ากีต้าร์โปร่งออกมาหนึ่งตัวด้วยสีหน้าที่ไม่สดใสสักเท่าไหร่
“ฟังแล้วก็อิจฉาเป็นบ้าเลยว่ะ คริสซี่ก็ติดถ่ายวีดีโอตัวใหม่ที่นิวยอร์ค เห้ออออ ฉันเบื่อที่จะเจอเธอในเกมส์แล้วนะ เมื่อวานฉันเล่นยันสี่โมง เธอบอกว่าฉันทำให้เธอไม่ได้นอน มันเพราะtime zoneต่างกันต่างหาก!” คนผมสีชมพูระบายความอัดอั้นระหว่างตนและแฟนสาว chrissy costanza สาวน้อยมหัศจรรย์ผู้มีน้ำเสียงไพเราะติดอันดับซุปเปอร์สตาร์ในยูทูบ ไม่ต้องบอกเลยว่าทั้งสองพบกันได้อย่างไร
ตัดเรื่องดนตรีออกไปซะ
มาจากเกมส์อยู่แล้ว สำหรับชีวิตของไมเคิล กอร์ดอน คลิฟฟอร์ด
“ฉันว่าจะโทรชวนไบแอนอีกที เหงาๆเหมือนกัน” แอชตันเอ่ยต่อ สมองของเขาปรากฏภาพที่ออกจะสับสนอยู่เล็กน้อย ดวงตายังคงจ้องนิ่งไปกับพื้นพรมสีเทา เขาไม่ชินกับคำว่าเพลย์บอยหากได้รับมันมา ก็แค่มีโอกาสพบปะผู้คนมากกว่าสมัยก่อน
เมื่อครั้งยังเป็นไอ้เออร์วินพนักงานในร้านKFC และเล่นดนตรีไปเรื่อยเปื่อย
กลิ่นกายของสุภาพสตรีคนใหม่ชโลมด้วยน้ำหอมอ่อนๆยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก ทว่าเสี้ยววินาทีใบหน้าของเด็กสาวผมดำผิวสีซีดวิ่งพล่านเข้ามาในหัว พลันกระตุ้นเส้นเลือดในสมองเต้นตุ้บตั้บ
ความคิดของเขาชุลมุนอยู่แค่นี้
จะต้องเป็นเอลลีน จางอยู่แล้ว บุคคลปริศนาที่รับสายของคาลัม โดยที่ไม่รู้ว่าพวกเขาได้พูดคุยอะไรกันไปบ้าง
คนที่เป็นฝ่ายรับโทรศัพท์ของอื่นโดยที่ไม่ปริปากบอกอะไรเลยสักอย่าง ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย
ภาพลักษณ์ของเพื่อนใหม่กลับกลายเป็นแย่เข้าขั้นวิกฤติสำหรับสายตาของBig Irwin
ชายหนุ่มปล่อยให้ความโกรธดูดดึงหัวใจให้จมดิ่งลงไปทุกที เขารู้สึกหักห้ามให้ตัวเองเลิกโมโหไม่ได้ ในเมื่อแอชตันไม่ชอบให้ใครมารุกล้ำความเป็นส่วนตัวเกินความพอดี และถ้าหากเรื่องพวกนี้ถึงหูคนอื่นๆ
มัน ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อยเลยที่จะตามมา
คาลัมจะต้องเอาเขาตายแน่ๆ ถ้าหากแอชตันหักอกไบแอน เบียนก้า โรสเข้า
เพราะอะไรน่ะหรอ…
?
ทั้งคู่เคยจีบสาวน้อยผมบลอนด์คนนี้มาด้วยกันน่ะสิ
ร่างสูงถอนหายใจเฮือกโตก่อนนี่จะเริ่มกดปลดล็อคเครื่องมือถือตัวเอง วันนี้เขาแทบไม่ได้จับมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว บรรดาแฟนๆต่างก็บ่นอุบว่าพวกเขาอาจจะพักผ่อนในบ้านเกิดมากไปจนลืมพวกเธอจากประเทศอื่นๆ แน่นอนปรกติแอชตัน เออร์วินเป็นหนึ่งในสมาชิกที่อัพเดทความเคลื่อนไหวของชีวิตมากที่สุดในวง ปรกติเวลานี้เขาอาจจะเริ่มทวิตและอัพโหลดภาพสนุกๆสักภาพสองภาพ ทว่าปัจจุบันเรื่องแสนเซ็งมากมายหยุดรั้งให้แอชตันเอาแต่หยุดอยู่นิ่งกับที่ กอปรกับเวลาหัวค่ำ บรรยากาศก่อนประชุมยิ่งทวีความน่าเบื่อเกินพรรณา
ทุกคนดูสูญสิ้นพลังงานแม้ว่าจะได้นอนเต็มอิ่มมากกว่าเวลาทั้งปีรวมกัน เสียงดีดตาร์ของไมค์เริ่มบรรเลงขึ้นแทรกความเงียบ แต่ไม่ถึงสามคอร์ดพอที่จะขึ้นอินโทรAmnesia ชายหนุ่มก็หยุดกิจกรรมนั้นลงเพราะกระดาษสองสามแผ่นที่วางเอาไว้บนโต้ะข้างโซฟา
“ แล้วเอาไง ตกลงว่าเราจะไปบอนไดวีคหน้าป่ะ เดี๋ยวต้องมีถ่ายเอ็มวีใหม่นะเว้ย ดูจากตารางบนโต้ะสิ” ไม่เคิลหยุดเกาคอร์ดD เขาก้มลงอ่าน เฮมมิ่งส์เป็นคนแรกที่แสดงปฎิกริยาตอบกลับ
“ฉันมีแค่กินข้าวกับญาติแม่ ส่วนพวกเพื่อนๆเก่าเราก็มัวยุ่งกับสอบ คงไม่มีใครไปด้วยอะ พวกเรามันไร้การศึกษากันเองไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ลุคว่าตาม เขาเลิกคิ้วเพ่งดวงตาสีฟ้าไปยังแอชตันที่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ในขณะที่เพื่อนผิวสีแทนคนสุดท้ายกลับเอาแต่สนใจภาพเคลื่อนไหวในมือถือโดยไม่มีท่าทีสนใจโลกภายนอก
-_-
“ให้ฉันตอบแทนมันมั้ย คาลัมมีไปรับมารีที่สนามบินมะรืนนี้ นอกนั้นมันก็ว่าง เมแกนยังไม่บินมาซิดนีย์ มันว่าง....เห้ยๆ เค้าคุยอะไรกันสนใจหน่อย ฉันไม่ใช่ผู้จัดการมานั่งตอบนู่นนั่นแทนให้ตลอดนะเว้ย!!”
แรงตะคอกขนาดเท่าแรงพายุดีเฟรสชั่นพัดกระหน่่าเข้าหาคาลัมอย่างจัง เขาเริ่มกระดิกตัวเอ่ยตอบ แต่ก็เท่านั้น
“รู้แล้วๆ ฉันได้ยินอยู่ววว ให้เที่ยวฉันว่างตลอดละน่า ซีเรียสหรอครับ คุณเฮมมิงส์..นายเองอยากช่วนพี่ชายกับพี่สะใภ้มาก็ได้นะ เพื่อนพี่สะใภ้เจ๋งๆไรงี้...ไมค์ แอชตันด้วย อย่าลืมเหน็บพื่อนๆสาวๆมาเยอะๆล่ะฮ่าๆ”
คาลัมฮู้ดพาดพิงถึงครอบครัวของลุคอย่างคุ้นเคย เสียงหัวเราะร่วนและคำพูดติดตลกทำเอาแอชตันกระตุกยิ้ม เขาเริ่มส่ายหัวให้กับความฟั่นเฟืองของโทมัส ฮู้ดจอมไร้สาระ
“--แค่พวกเราก็สนุกแทบคลั่งแล้วน่าฉันพนันได้ ตกลงเป็นศุกร์หน้านะ ฉันจะได้จัดการชีวิตถูก”
“ อืม...รีบๆยิ่งดี ฉันเหงา ฉันจะพาคริสซี่ในโนตบุคไปด้วยนะ เฟสทามกันสักหน่อยอะไรทำนองนั้นTT” ไมค์ครวญ .ในขณะที่สีหน้าของลุคเริ่มไม่สู้ดีเมื่อเขาเริ่มเอ่ยถึงพี่ชายทั้งสอง
“พี่ชายฉันติดทำงานหมดล่ะ ไม่มีใครเขาว่างงานกันหรอก ขนาดเจอกันมื้อเย็นยังไม่ได้เจอเลยตั้งกะกลับมา” บ่นพลางกัดริมฝีปากที่มีจิวสีดำเจาะเอาไว้อย่างลืมตัว ดวงตาสีกวาดไปยังคาลัมที่ยังคงจับเจ่ากับเครื่องมือสื่อสาร “ชักอยากจะติดมือถือบ้างซะละ เบื่อชิบ----ถามจริง คาลัม แกเล่นอะไรนักหนาวะ คุยกับเมแกนหรอ หรือพวกอีธาน ฟรอยด์”
อีธานกลุ่มนักร้องฮิพฮอพใต้ดินในLAทำให้คาลัมถึงกับส่ายหัว เขาละดวงตาสีน้ำตาลเข้มขึ้นจ้องหน้าเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง พลางหมุนหน้าจอขึ้นโชว์ภาพบางอย่างด้านในนั้นราวกับว่าไม่ได้ฟังสิ่งที่ลุคกำลังสนทนาด้วยตั้งแต่แรก
“ฉันกำลังใช้สมองเข้าใจหน่อยสิ......นี่..รูปฉันวันนี้ กับผู้หญิงคนนึงคุ้นหน้ามากเลยว่าไหม .นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก … ฉันไม่น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตาใครไปทั่วเลยให้ตายสิ” เด็กหนุ่มคำรามในลำคอ เขาดึงมือถือกลับพลางไถลขดตัวลงกับพื้นเช่นเดิม คาลัมยังคงเสพติดการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งน้อยคนในโลกภายนอกจะรับรู้ เขาไม่ค่อยอัพเดตอะไรในทวิตเตอร์นัก ส่วนใหญ่คาลัมจะเล่นแอคเค้าท์หลุมลับๆระหว่างเพื่อนมากกว่า เด็กชายผิวแทนมักจะติดต่อมีเพื่อนนักดนตรีพวกคลั่งไคล้ปาร์ตี้ขนาดย่อมในอมเริกา มีสาวๆและมีเพื่อนที่บ้าการสังสรรค์จำพวกนั้น แต่ไม่ต้องซีเรียส อย่างน้อยๆในทุกๆวันเขาก็ไม่ลืมที่จะคอยเช็คข่าวคราวของตัวเองในแต่ละวันผ่านแท็ก ไม่ก็แอคเค้าท์ ออฟฟิเชียล
คาลัม ฮู้ด ชื่นชอบรูปเท่ห์ๆที่ถูกถ่ายจากแฟนคลับมากกว่ารูปเซลฟั้ฝีมือตัวเองด้วยซ้ำ
“ฉันว่าฉันเหมือนเห็นเธอที่บ้านแอชตันเมื่อวันก่อน” ลุคเคลื่อนย้ายตัวเองมายืนค้ำหัวคาลัมที่นอนกลิ้งหลังจากรูปภาพเริ่มกระตุ้นต่อมช่างสังเกต คนผมบลอนด์ยกมือทึ้งผมรอบให้เป็นทรงก่อนจะเล่าต่อ
“ ฉันจำแม่นขึ้นสมอง วันที่ฉันตะโกนเรียกไอ้ประสาทเสียที่ไหนไม่รู้คอแทบแตก ฉันต้องเซลฟี่ไปร่วมร้อยรูปปากแทบฉีก เพราะแกทั้งนั้น รถติดชิบกว่าจะถึงบ้าน”
“เดี๋ยวนะๆ.วันที่เราไปส่งแอชตันใช่ป่ะ..ไหนลองพลิกมือถือมาให้ฉันดูบ้าง คนที่มีร่มใช่ไหม” ไมค์เริ่มไหลตามน้ำไปอีกคน มือหนาตบลงเบาะดัง’ป้าป’เมื่อคนผมสีเริ่มนึกออก
“ อ๋ออ!!---แต่วันนั้นฉันยังเห็นหน้าเธอไม่ชัดเลย นายจำได้ยังไงวะลุค!” ไมเคิลร้อง คิ้วของเขาขมวดย่น แน่นอน ไมค์เป็นอีกหนึ่งคนที่ยืนอยู่ในบ้านท่ามกลางการสนทนาระหว่างแฮร์รี่ และสาวร่มหุบแท้ๆแต่เขากลับไม่ได้สังเกตรายละเอียดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
“เธอเดินเข้ามาก่อนหน้าคาลัมมันจะโผล่หัว ตอนนั้นยังไม่มีร่มครอบเอาไว้” ด้วยเชื้อคุณครูช่างจำจากแม่ ลุคยังคงอธิบายพร้อมๆกับคาลัม ฮู้ดที่เด้งตัวขึ้นจากพื้นที่อาบไปด้วยฝุ่น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
“ใช่ไหมลูค!!!นึกออกซักที!ฉันก็ว่าฉันคุ้นๆแปลกๆ --- อา พวกสาวเอเชียแน่ๆ ฉันมีแฟนคลับเป็นพวกผู้หญิงเอเชียเยอะขนาดไหนนะ พวกเธอคิดว่าฉันมีผมดำตัวดำใช่ไหม ยิ่งยัยคนนี้คลั่งเป็นบ้า สงสัยคงแอบตามพวกเราไปทั่ว วันนี้ฉันก็เจอเธอข้างล่าง ในชุดแบบในรูปที่ถูกถ่ายนี่ละ ดูแคปชั่นสิ เธอขอฉันเดทแบบที่เขาเขียนไว้จริงๆนะเว้ย ขำชะมัด ฮ่าฮ่า”
“ฉันก็เคยโดนแฟนๆขอเดท ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย ...นายหัดจำหน้าแฟนคลับตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ถอยๆ ฉันจะอัดvine เล่นแก้เซ็งเอาอะไรดี!!“ แอชตันร้องขัดด้วยน้ำเสียงสดชื่นพลางลุกขึ้นเต็มความสูง ดูเป็นการกระทำแสร้งแบบขอไปทีมากกว่า เพียงแค่อยากจะจบประเด็น’สาวร่มหุบ’ให้ไวที่สุดในเมื่อทุกคนยังไม่รู้ว่าเอลลีนเป็นสมาชิกในบ้านเออร์วิน และทุกคนก็ยังไม่รู้จักผุ้หญิงคนนี้ดีพอ รวมถึงตัวของเขาเอง
แอชตันกลับมาสนใจยังเครื่องมือสื่อสารในมืออย่างจริงจังอีกครั้ง
หน้าจอสว่างจ้าของไอโฟนห้าปรากฏแจ้งเตือนมากมายเบอร์โทรที่ไม่ได้รับสาย
รวมถึง…ข้อความที่ไม่ได้อ่าน –---เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไล่อ่านทีละอันอย่างใจเย็นเป็นปรกติ
กระทั่งข้อความจากช่วงสายของวัน
“พี่ฮะ วันนี้มารับผมได้ไหม ---อีกไม่กี่วันจะวันเกิดคาร์ลีย์
ผมอยากให้พี่ช่วยเลือกของขวัญให้เธอ—เธอน่ารักเหมือนเจ้าหญิงเลย
พี่อาจจะเห็นเธอที่นี่ ถ้ามาไม่ได้ส่งข้อความบอกผมก่อนบ่ายโมงนะ XD”
ผลสุดท้าย—แอชตัน เออร์วินก็ไม่ได้เข้าคุยงานอย่างสมบูรณ์แบบ
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
แฮ่ก แฮ่ก...
ฉันได้ยินเสียงหอบครืด ระคนน้ำมูกในลำคอของตัวเองขณะที่สองขานั้นกำลังวิ่งพล่านไปรอบๆลานกว้าง
ฉันเดินทางกลับมายังcenterศูนย์รวมสถานที่เรียนพิเศษของเด็กประถม-มัธยมขนาดใหญ่ด้วยเวลาอันสั้น เบอร์บ้านที่ถูกปิดตายขาดการติดต่อและมือถือที่ปราศจากคนรับสายของเจ้าเด็กงั่ง ทุกอย่างพาลให้สมองของฉันแล่นฉิวด้วยความกังวล
กระเป๋าสะพายถูกกอดแนบอกเอาไว้หลังจากตระหนักได้ว่ามันคงจะเกะกะมากกว่าที่จะดูสวยงาม สองขาเริ่มล้าและกรอบหน้าก็ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นชื้นเหงื่อจนเละเทะ
ฉันยังคงวิ่งต่อไปเพื่อหาพิกัดตามที่เคยมาส่งแฮร์รี่ด้วยตัวเองครั้งหนึ่งในวันที่เจ้าหมอนั่นตื่นสายจนตกรถรับส่ง ในความทรงจำปรากฏชื่อสถาบัน “เฮนสลีย์” อย่างเลือนราง มันอาจจะฟังดูงี่เง่า แต่ต้องขอบคุณที่แฮร์รี่ทำให้ฉันลดกิเลสตัณหาในภารกิจที่เพิ่งจบไปหมาดๆได้เป็นอย่างดี
ฉันลืมเรื่องราวก่อนหน้านั้นไปเสียสนิท
ฉันไม่ได้ไปนั่งรอวงพี่ชายของเขาสี่ห้าชั่วโมงเพื่อขอคาลัม ฮู้ดเดท
ฉันปล่าวทำเรื่องหน้าขายหน้าพวกนั้น ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้น
ฉันลืมประสบการณ์ไร้ยางอายทั้งหมดจนเกลี้ยงเพราะแฮร์รี่ เออร์วินเข้ามาแทนที่ และตอนนี้ในหัวของฉันเอาแต่วาดภาพเด็กชายในชุดกางเกงเอวโหลดติดดินและเสื้อยืดกราฟฟิคเห่ยๆพร้อมหมวกแก้บหนึ่งใบ
เพราะฤทธิ์คาเฟอีนที่ยังหลงเหลือ เอลลีนกำลังท่องจำรูปพรรณสัณฐานทั้งหมดไปเรื่อยๆตามเส้นทาง
และเหมือนฝัน ไม่กี่นาทีจากแรกเริ่ม ฉันกลับมองเห็นสิ่งที่ตามหาไกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างกายเล็กในชุดตลกๆคุดคู้บนบันไดขั้นสุดท้ายข้างกระถางต้นไม้พุ่ม
พร้อมๆกับป้ายชื่อโรงเรียนสอนพิเศษขนาดเท่าบ้านหลังหนึ่ง
เฮนสลีย์….
“ เห้ เจ้าบ้า!!!!!!!!!!!!!” ระยะห่างราวๆสามเมตร ฉันร้องด้วยเสียงแหลมสูง เร่งสาวเท้าเข้าไปให้ไวที่สุด ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดเกินกว่าจะให้เด็กสิบกว่าขวบมานั่งเล่นริมถนน ฉันรู้สึกโมโหระคนความโล่งใจเหมือนยกภูเขาทั้งใบออกใบเมื่อใบหน้าซีดนั่นเงยขึ้นจากเข่าทั้งสองข้างที่ยกชัน ฉันมั่นใจอยู่ลึกๆว่าเขาจะไม่ไปไหนหากเกิดอะไรขึ้น และมันก็เป็นแบบที่ฉันคิดเอาไว้ แฮร์รี่มักจะปากเสีย แต่ความจริงแล้วเขามักจะขี้กลัวอยู่เสมอ
“เอลลีน…”
เสี้ยววินาทีหนึ่งฉันจับได้ว่าม่านตาคู่นั้นอ่อนไหวเพียงใด
“ทำไมไม่รับสายโทรศัพท์ฉัน!! นี่นายจะรอแค่พี่นายโทรมาคนเดียวแบบนั้นไม่ได้นะรู้ไหม!นี่มันกี่โมงแล้ว อย่างน้อยก็โทรบอกเบนจามินก็ได้ เขาไม่ทิ้งนายไว้คนเดียวแบบนี้แน่ๆ”
“เลิกบ่นสักที น่ารำคาญ ฉันรอแอชตันมารับ จะไปไหนก็ไปเหอะ”
จะไปไหนก็ไปงั้นหรอ ฝ่ามือเล็กๆกำแน่นที่กางเกงอย่างประหม่าเมื่อกำลังโต้เถียง
“เขาให้ฉันมารับนายแทน พี่นายเขามีงานด่วนมากๆ ไง จะไล่ฉันอีกไหม!? มีเงินพอนั่งรถกลับบ้านหรอ ไม่หิวงั้นสิ??“ไม่มีคำไหว้วานใดๆจากBig Irwin…
ฉันโกหกคำโตและกลืนน้ำลายที่ฝืดเหนียวลงลำคอ มองไม่ผิดกรอบหน้าเล็กที่ตกกระนั่นทำท่าจะร้องไห้เต็มที ริมฝีปากที่ห้อเลือดม่วงเพราะความหนาวดูแย่กว่าที่ฉันเคยเห็น เพราะเมื่อเช้าเขาไม่ยอมใส่เสื้อของฉันออกมาจากบ้านด้วยความหยิ่งยโส สาเหตุหนึ่งของนิสัยแย่ๆติดตัวแฮร์รี่กระทั่งเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อดนึกไม่ได้ที่จะเอามาต่อว่าให้รู้สำนึก แต่คงไม่ใช่เวลาที่ดีนัก
สำคัญคือ แอชตัน เออร์วินไปทำอีท่าไหนถึงทิ้งน้องชายของตัวเองได้ลงคอขนาดนี้
“รีบลุกขึ้น เอานี่ไปซะ” ฉันถอดเสื้อจักเก็ตที่สวมทับเสื้อTWBออกให้เด็กชายส่วนสูงสี่ฟุตด้านข้าง เขาเบ้ปากเล็กๆเมื่อเสื้อตัวหนาหล่นฮวบลงศีรษะ เสียงลมหายใจฟึดฟัดแสดงให้รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้สำนึกในบุญคุญของฉันเที่ควร
ทำไงได้ แฮร์รี่ ไสตล์สินะ
ฉันปล่อยให้ความเงียบได้ชัยชนะ เขาเริ่มลุกขึ้นอย่างลังเล พวกเราเดินอย่างเชื่องช้าเพื่อหาป้ายเรียกรถแทกซี่ เพราะความสับสนและการโกหกทำให้ฉันไม่สามารถพูดคุยหรือต่อว่าอะไรออกไปได้อีก มีเพียงเสียงสูดน้ำมูกที่คอยแทรกขึ้นระหว่างฝีเท้าของเราทั้งคู่
บางครั้งฉันก็อยู่ในจุดที่เป็นฝ่ายยอมแพ้
แค่บางครั้งน่ะ
“พี่นายเขายุ่งมาก รู้ใช่ไหม ว่าไง มีอะไรจะบอกแอชตันก่อนรึปล่าว ซ้อมกับฉันตอนนี้ได้นะ ดูท่านายต้องมีแน่ๆ”
ตัดสินใจผ่อนคลายบรรยากาศชวนน่าเบื่อ ฉันว่า พลางยกมือขึ้นวางบนศีรษะที่มีฮู้ทครอบเอาไว้ แต่แล้วหัวเล็กๆนั่นก็เบี่ยงหลบ ทำเอาแขนทั้งข้างของฉันร่วงผล็อย
“ถ้าฉันมีก็ไม่บอกเธอหรอก”
“ถ้านายเป็นน้องฉันฉันเอานายตายเหมือนกันแฮร์รี่…”
เสียงสบถสุดท้ายทิ้งเอาไว้ ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะสั่งสอนเขาต่อ อากาศหนาวเย็นเหนี่ยวรั้งให้ต่อมสร้างปัญหาของฉันหยุดทำงานชั่วขณะ เสื้อยืดบางๆตัวเดียวไม่ค่อยสนุกนักสำหรับการเดินด้วยเท้าในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งในซิดนีย์ อุณภูมิทำท่าว่าจะต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ฉันผ่อนความเร็วลงทันทีที่แสงไฟจากรถด้านหลังส่องวาบขึ้น เป็นสัญญาณว่าอาจจะมีแทกซี่บางคันที่กำลังเทียบจอดให้เราได้เรียกบริการแล้ว
“ปิ้นนนนน!!!!”
ทำเอาสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นโครมคราม แทกซี่ออกจะไร้มารยาท เพราะการบีบแตรเรียกผู้โดยสารมันไม่ค่อยเป็นวิธีที่เป็นสากล ..
เฮ้...นี่มันออสเตรเลีย พวกเขาไม่ได้มีวัฒนธรรมแบบประเทศอินเดียหรอกใช่มั้ย' ..ฉันนึกติติงในใจหลังมีเสียงอึกทึกดึงขึ้นจนก้องไปทั่วสองฝั่งถนน ไฟสูงจากด้านหน้ารถเปิดย้อนขึ้นกระทบม่านตาให้หรี่เล็ก ฉันไม่สามารถสังเกตรายละเอียดได้ดีเท่าที่ควร
แต่ไม่นานนัก ตัวรถคันสีดำก็ค่อยๆขับเคลื่อนเข้าจอดเทียบในระยะที่กระจกด้านข้างคนขับเสมอกับตัวพวกเราทั้งสอง
ภาพตรงหน้ากลับทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกอีก
‘นี่มันแทกซี่--BMWของโจแอนนา เออร์วินต่างหาก’
ดวงตาสีเฮเซลโผล่พ้นกระจกทึบ ผมเผ้ายุ่งเหยิงของชายหนุ่มด้านในดูไม่เข้าทีนัก คำพูดสุดท้ายของเขาทำให้ฉันไม่เข้าใจในความหมายของมันสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น ดูเหมือนขาของฉันก็กลับกลายเป็นว่าได้ถูกตรึงไปกับพื้นถนนเป็นที่เรียบร้อย
“รีบพาแฮร์รี่ขึ้นรถถ้าเธออยากจะไปเที่ยวที่บอนไดกับพวกฉัน!!
เธอคงต้องการมันมากแน่ๆ ไม่ใช่หรอ!? แม่แฟนคลับ”
+++++++++++
รีบปั่นแบบขี้กากมากตอนนี้TT บรรยายอาจจะมึนๆ ช่วงนี้เปื่อยๆป่วยๆค้บบ
แต่เห็นคอมเม้นจากหลายๆคน ขอบคุณมากน้าT^T
ส่วนแอนดรูว์ ไม่ใช่ชื่อพ่อของคาลัมจริงๆจ้ะ รู้สึกจะเป็นของลุคด้วยซ้ำ อันนี้คือแต่งแบบจับใส่ๆ ความรู้ขั้นพื้นฐานน้อยมาก ขอโทษด้วยนะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้านะจ้ะ รักรีดเดอร์ จุ้บ
ความคิดเห็น