ตอนที่ 33 : Chapter 32 :: เปิดเผย
Chapter 32 :: เปิดเผย
ความเย็นวาบปลุกให้ธนทัตรู้สึกตัว ความเจ็บร้าวมีอยู่แทบทุกอณูเนื้อหนัง เปลือกตาหนังอึ้งจนเขาไม่อยากจะเปิด ไม่ต่างอะไรกับร่างกายที่ระบบช้ำจนเขาแทบไม่อยากกระดิกตัว
ธนทัตรู้สึกได้ถึงมือของใครบางคนขยับไหวอยู่บนตัวเขา จินตนาการวาดภาพร่างสูงของคนที่เป็นหัวใจขึ้นมาในทันใด ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นความหวังที่เป็นไปได้ยาก เสียงเรียกชื่อของเขาเบา ๆ ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาหวังไปเองจริง ๆ เพราะนั่นเป็นเสียงของผู้หญิง... ผู้หญิงที่เขารู้จักดี
“เมื่อไหร่จะตื่นซะที KS เมื่อไหร่จะตื่นซะที” มนสิชานั่งทำแผลจำนวนนับไม่ถ้วน นับตั้งแต่ธนทัตถูกโยนโครมเข้ามาในห้อง ผู้ชายพวกนั้นที่เธอคุ้นหน้าเป็นอย่างดีถอดเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดของบอดีการ์ดหนุ่มออก มีมี่ไม่แน่ใจนักว่า ที่คนพวกนั้นถอดเสื้อให้แกงส้มเป็นเพราะหวังดีหรือทำตามคำสั่งของใครบางคนกันแน่ เพื่อนของเธออยู่ในสภาพน่าเป็นห่วงจนเธอใจหาย กล่องปฐมพยาบาลกล่องเล็กจิ๋วเสียจนเธอไม่มั่นใจว่าจะมียาและผ้าปิดแผลเพียงพอสำหรับธนทัตหรือไม่ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่เพื่อนของเธอยังไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัว
“...”
ธนทัตพยายามเปล่งเสียงแต่กลับไม่มีเสียงใด ๆ หลุดจากปาก ร่างโปร่งพยายามขยับตัวแต่แขนทั้งสองข้างถูกมัดไพล่หลังเอาไว้ มนสิชาสังเกตถึงการเคลื่อนไหวของคนที่นอนอยู่ หล่อนแทบจะโยนทุกอย่างในมือทิ้งแล้วประคองร่างของธนทัตให้ลุกขึ้นนั่ง
“แกง แกงฟื้นแล้วเหรอ เป็นไงมั่ง ไหวไหมแกง แกงต้องไหวนะ” คำพูดที่รัวมาเป็นชุดไม่ได้ทำให้ธนทัตรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะมันมีความหมายที่แฝงอยู่เป็นนัยว่าเรื่องราววุ่นวายในวันนี้จะยังไม่จบ
“ไม่ไหว... แต่ก็ต้องไหวใช่ป่ะมี่”
“แกงส้ม...”
“เราควรถามมี่ไหม ว่าเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมเราถึงถูกมัดแบบนี้ ทำไมมี่ไม่แก้มัดให้เรา” ไม่มีแววความไม่พอใจอยู่ในน้ำเสียงนั้น แต่ถ้อยคำที่เอ่ยถามก็ไม่บ่งบอกว่าเขาเข้าใจแต่อย่างใด
Hunz
ผมควรโทษยานอนหลับที่ทำให้ผมรู้สึกหนักหัวแบบนี้ ความเงียบงันของโรงพยาบาลทำให้คนที่อยากจะหลับต่ออีกสักพักจำใจลืมตาตื่น ผมควรได้เห็นหน้าแกงส้มที่กำลังนอนเฝ้าผมอยู่ข้าง ๆ เตียงเป็นสิ่งแรกของวัน หลังจากที่เมื่อคืนผมผิดหวังไม่ได้เห็นหน้าแกงเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนนอน ผมตั้งความหวังไว้เต็มเปี่ยม และไม่ต้องการรับมือกับความเสียใจแม้แต่นิดเดียว
สายตาผมพุ่งไปยังโซฟาตัวยาวเป็นอย่างแรก... หมอนและผ้าห่มถูกวางไว้เรียบร้อยไม่ต่างจากที่ผมเห็นเมื่อคืน แกงยังไม่กลับมา? แกงไม่ได้นอน? หรือแกงเก็บของไว้เรียบร้อยเหมือนไม่ได้ใช้? อันหลังนี่คงไม่ใช่แน่ เพราะผ้าห่มจะพับตัวเองจนเรียบร้อยแล้วกลับไปนอนอยู่ในซองพลาสติกเหมือนเดิมได้ยังไง
ผมกวาดมองไปทั่ว เป็นไปไม่ได้ที่แกงจะไม่อยู่กับผมในเวลานี้ น้องควรกลับมาอยู่ข้างตัวผมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วสิ บอดีการ์ดของผมควรกลับมาดูแลคุ้มครองผมตั้งนานแล้ว ผมพยายามเงี่ยหูฟังเสียงรอบตัวแต่ก็พบแต่ความเงียบ น้องไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ แล้วน้องอยู่ไหน?
แรงขยับจากข้างเตียงทำให้ผมสะดุ้ง กลุ่มผมสีดำ...หนา...และยาว... ผมยาว! ไม่ใช่แกงนี่!
“พี่ฮั่น พี่ฮั่นตื่นแล้วเหรอคะ” ไม่ใช่แกงจริง ๆ แต่เป็น...
“สมายล์ คุณมาได้ไง” ผมขยับออกห่างราวกับสมายล์เป็นตัวเชื้อโรค ไม่รู้ทำไม ทั้ง ๆ ที่แกงบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเตือนเราเรื่องมือปืนนั่น แต่ผมก็ทำใจให้เชื่อคำพูดเธอไม่ได้ซะที สมายล์ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจอะไรกับท่าทีของผม หนำซ้ำเธอยังยิ้มให้ราวกับเข้าใจความรู้สึกของผมดี น้ำเสียงหวานนั้นราบเรียบ... และผมก็ไม่ชอบเอาซะเลย
“มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ แต่พี่ฮั่นหลับอยู่ พี่เลยไม่เห็นตอนสมายล์เข้ามา”
“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา” ผมจำได้ว่าหน้าห้องมีบอดีการ์ดที่ซ้อหมีส่งมาเฝ้าอยู่ เป็นไปได้ยังไงที่เธอจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามา ถ้าไม่ใช่เพราะ...
“อย่าบอกนะว่าวริษฐาเป็นคนของเธอ”
“วริษฐาไหนกันคะพี่ฮั่น ตอนสมายล์มาก็ไม่มีใครอยู่หน้าห้องนี่คะ สมายล์กลัวจะมีคนของคุณลุงตามมาที่นี่อีก สมายล์ก็เลยนอนเฝ้าพี่ฮั่นทั้งคืน เพราะว่าพี่แกงคงกลับมาเฝ้าพี่ไม่ได้...” ถ้าผมไม่ได้ตาฝาดผมเห็นสมายล์หน้าสลดลงเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หรือว่าการที่แกงส้มไม่กลับมา เป็นเพราะฝีมือของเธอ?
“คุณรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแกงส้ม บอกผมมาเดี๋ยวนี้นะ”
“เอ่อ... คือ... พี่แกง...”
“บอกมาสิ! อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ได้ อยากให้ผมคิดว่าคุณมาดีนักไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากให้ผมเชื่อคุณจริง ๆ ว่าคุณไม่ได้ทำดีเพื่อหวังจะทำร้ายผมทีหลังอีก ก็บอกผมมาว่าคุณรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแกงส้ม”
“คือ... พี่แกงถูก...” จะบอกว่าผมกลั้นหายใจรอฟังคำพูดของสมายล์ก็ไม่ผิดนัก ผมคาดหวังจะได้ยินอะไรจากปากเธอ? ผมบอกได้เลยว่าผมไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ การลืมตาขึ้นมาเจอหน้าผู้หญิงคนนี้ แทนที่จะเป็นแกงส้มของผม แค่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีรับวันใหม่ที่ผมควรจะเจอแล้ว
“ขอโทษนะคะ” ผมหันขวับไปยังประตูห้องที่เปิดออก นึกสาปแช่งคนที่ขัดจังหวะผมอยู่ในใจ คุณพยาบาลช่างเปิดประตูมาได้จังหวะ ผมผ่อนลมหายใจที่ตัวเองกลั้นไว้ออกมาเสียงดัง ดีครับ! จะได้รู้ว่าผมไม่สบอารมณ์!
“คะ...คุณพยาบาล” สมายล์ขานรับเสียงใส ผมเบือนหน้าไปทางอื่น สิ่งที่ผมอยากรู้ที่สุดตอนนี้คือแกงส้มของผมอยู่ไหน ผมไม่สนใจหรอกว่าสองคนนี้เขาจะคุยอะไรกัน
“นี่ก็สายมากแล้ว ทำไมญาติยังไม่ให้คนไข้ทานอาหารเช้าอีกคะ อาหารก็เอาเข้ามาให้ตั้งนานแล้ว ป่านนี้เย็นหมดแล้วมั้งคะเนี่ย คนไข้ต้องทานยาหลังอาหาร ยังไงรบกวนญาติจัดการด้วยนะคะ แล้วตอนสาย ๆ คุณหมอจะเข้ามาตรวจค่ะ”
“ตายจริง ฉันขอโทษนะคะ พอดีพี่ฮั่นเพิ่งตื่น เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ ขอบคุณคุณพยาบาลมากนะคะที่เตือน”
พยาบาลกลับออกไปแล้ว ส่วนสมายล์ก็กุลีกุจอเลื่อนโต๊ะวางถาดอาหารเข้ามาใกล้ ไม่ต้องเดาก็รู้ครับว่าอาหารเช้าของผมคงหนีไม่พ้นข้าวต้ม ไอ้ข้าวแหยะ ๆ นี่คงจะน่ากินมากถ้าคนป้อนผมเป็นแกง...
“พี่ฮั่นทานก่อนนะคะ เดี๋ยวสมายล์ป้อน” ผมหันหน้าหนีก่อนที่ช้อนจะเข้าใกล้ปากผมเสียอีก แต่ดูเหมือนสมายล์จะยังไม่ละความพยายาม “พี่ฮั่นคะ ทานอะไรก่อนนะคะ พี่ฮั่นเป็นอย่างนี้แล้วจะไปช่วยพี่แกงได้ยังไง อุ้ย...”
ผมหันขวับมาทันที! ช่วยแกงส้ม! แกงส้มเป็นอะไร!
“แกงเป็นอะไร ทำไมผมต้องไปช่วยแกง คุณทำอะไรแกงส้ม” ผมถามเสียงห้วน สมายล์ส่ายหน้าใส่ผมแทนคำตอบ รอยยิ้มแบบที่ผมอยากให้มันสูญพันธุ์ไปจากโลกผุดขึ้นบนริมฝีปากเคลือบสีสด รอยยิ้มนั้นมาพร้อมกับสายตาเห็นอกเห็นใจ... ที่ผมไม่อยากได้รับจากผู้หญิงคนนี้เลย
“ทานก่อนนะคะ กินข้าวต้มซักหน่อย กินยาให้เรียบร้อย แล้วสมายล์สัญญาค่ะ ว่าสมายล์จะบอกพี่ฮั่น ตอนนี้พี่แกงไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่หรอกค่ะ”
“บอก...”
“ทานค่ะ ไม่งั้นพี่ฮั่นจะไม่รู้อะไรเลย”
ผมจำใจอ้าปากรับข้าวต้มร้อน ๆ เข้ามาเต็มคำ ผมรีบกลืนคำแรกลงคอโดยไม่คิดสนใจรสชาติมันซักนิด ก่อนจะรีบอ้าปากรอคำต่อไป ใจผมตอนนี้คิดไปทั่ว ความกลัวเริ่มแทรกซึมเข้ามาทีละน้อย ๆ พื้นที่ส่วนมากของหัวใจภาวนาให้แกงไม่เป็นอะไร ทั้ง ๆ ที่สมองค้านหัวชนฝาว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็ยัยผู้หญิงคนนี้เพิ่งพูดอยู่หยก ๆ ว่าผมต้องไปช่วยแกง ผมพยายามกล่อมให้ตัวเองใจเย็นที่สุดทั้ง ๆ ที่อยากจะกระชากสายน้ำเกลือออกแล้วรีบไปหาแกงส้มเต็มทีแล้ว
“เสร็จแล้ว บอกได้รึยัง” ผมถามทันทีที่กลืนยาหลายเม็ดเข้าไป สมายล์นั่งลงข้างเตียงอย่างใจเย็น
“พี่ฮั่นต้องใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม ตอนนี้พี่ฮั่นเจ็บอยู่ ถามพี่ฮั่นเชื่อสมายล์ซักนิด ตอนนี้พี่กับพี่แกงก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้...” สมายล์พูดเหมือนทั้งหมดเป็นความผิดของผม ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ เป็นใคร ๆ จะเชื่อล่ะครับ ผู้หญิงคนนี้เกือบสวมเขาให้ผม ถึงผมจะไม่ได้รักเธอตั้งแต่แรก แต่จะให้ผมแต่งงานกับคนที่ทำอะไร ๆ กับผู้ชายคนอื่นในวันแต่งงานของตัวเอง อย่างนี้ผมก็แต่งด้วยไม่ลงหรอก ไหนจะเรื่องที่เธอเป็นหลานของสรพัศอีก ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยจนกระทั้งผมแอบเห็นเขาในวันแต่งงาน
“เลิกอ้อมโลกแล้วบอกซะทีเถอะว่าแกงส้มอยู่ไหน ใครทำอะไรแกง ฝีมือคุณหรือเปล่า”
“ถ้าสมายล์เป็นคนทำร้ายพี่แกง สมายล์คงไม่มานั่งเสนอหน้าอยู่ตรงนี้ให้พี่ด่าสมายล์เล่นหรอกค่ะ จะต้องให้สมายล์บอกกี่พันครั้งพี่ฮั่นถึงจะเชื่อคะว่าคนที่ทำเรื่องทั้งหมดคือคุณลุงไม่ใช่สมายล์” ให้ผมเชื่อ? ผมจะเชื่อลงได้ไง...
“จะให้ผมเชื่อว่าคุณไม่รู้เรื่องที่คุณลุงของตัวเองทำเนี่ยนะ มันเชื่อได้ง่าย ๆ ก็ดีสิ”
“สมายล์บอกพี่เรื่องกล้องวงจรปิด สมายล์เตือนพี่ให้รู้ว่ามีมือปืนจะไปทำร้าย สมายล์มาเฝ้าพี่ทั้งคืนเพราะรู้ว่าคุณลุงอาจส่งใครมาทำร้ายพี่เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วสมายล์ก็กำลังจะบอกพี่ว่า พี่แกงถูกคนของคุณลุงจับตัวไป แค่นี้ยังพิสูจน์ให้พี่เห็นไม่ได้อีกเหรอคะว่าสมายล์หวังดีกับพี่จริง ๆ และรู้สึกผิดกับทุกสิ่งที่ผ่านมา แค่นี้สมายล์ยังทำไม่มากพออีกเหรอคะ”
“เมื่อกี้คุณบอกว่า แกงถูกจับตัวไป... อย่างนั้นเหรอ” แกงถูกจับตัวไป! สรพัศจับตัวแกงไป! ทำไมมันไม่จัดการกับผมล่ะ? ในเมื่อคนที่ทำให้มันเป็นอย่างนี้คือผมไม่ใช่แกงส้ม!
“ใช่ค่ะ พี่แกงอยู่ที่บ้านของสมายล์ตั้งแต่เมื่อคืน พอสมายล์เห็นพี่แกงถูกแบกเข้ามา สมายล์ก็รีบออกมาหาพี่ฮั่นทันที สมายล์กลัวว่าคุณลุงจะใช้โอกาสนี้จัดการพี่ฮั่น แต่โชคดีที่สมายล์มาเร็ว สมายล์เลยไล่พวกนั้นกลับไปหมดแล้ว”
“แกงเป็นยังไงบ้าง” สมายล์ใช้คำว่าแกงถูกแบกเข้ามา แปลว่าน้องไม่ได้อยู่ในสภาพที่เดินเองได้
“พี่ฮั่นคะ อย่าทำหน้าแบบนี้สิคะ” มือเล็กแตะแขนผมไว้ พยายามปลอบใจทั้ง ๆ ที่เธอควรรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์
“ผมถามว่าแกงเป็นยังไงบ้าง”
“หนักค่ะ หนักมาก แผลเต็มตัวไปหมด ตอนเข้ามาพี่แกงหมดสติ แต่ตอนนี้คงฟื้นแล้ว คุณลุงไม่ยอมให้พี่แกงเป็นอะไรก่อนพี่ฮั่นจะไปถึงหรอกค่ะ มันไม่ใช่วิสัยของคุณลุง” ผมเป็นห่วงแกงจับใจ ทำไมไม่เป็นผมที่เจ็บ ผมอยากลุกออกจากเตียงบ้า ๆ นี่ตั้งแต่วินาทีนี้ ผมไม่อยากทนฟังคนอื่นเล่า ผมอยากเห็นน้องด้วยตาของผมเอง “คนของสมายล์บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงพี่แกงหรอกค่ะ ตอนนี้มีมี่ดูแลพี่แกงอยู่ พี่ฮั่นรู้จักมีมี่แล้วใช่ไหมคะ ผู้หญิงที่ชอบไปไหนมาไหนกับพี่โดมบ่อย ๆ ไงคะ พี่ฮั่นเคยเจอเธอแล้ว”
“ทำไมน้องมี่อยู่ที่นั้น ไอ้สรพัศมันทำอะไร มีมี่ไปทำอะไรให้ลุงของคุณเหรอคุณถึงต้องจับตัว...”
“พี่ฮั่นเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วค่ะ น้องมี่อะไรของพี่ไม่ได้ถูกจับไป เจ้าหล่อนอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ต้นต่างหาก”
“คุณว่าอะไรนะ” มีมี่ของไอ้โดมอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ต้นแล้ว... มันจะเป็นไปได้ยังไง...
“นี่พวกพี่ไม่เคยสงสัยกันบ้างเลยเหรอคะ ว่ายัยมีมี่น่ะเป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมถึงได้บังเอิญอยู่กับพี่โดมบ่อยนัก พวกพี่ไม่คิดกันบ้างเหรอคะ ว่านางไม่มีงานมีการทำหรือไง ถึงได้เที่ยวโผล่มาจ๊ะเอ๋พี่โดมแทบทุกวัน ถ้างานของหล่อนไม่ใช่การตามเฝ้าพี่โดม” ไอ้โดมเคยเล่าให้ผมฟังว่ามันกับมีมี่เจอกันบ่อย...โดยบังเอิญ...
“การที่ลุงพัศรู้ความเคลื่อนไหวของพวกพี่ทุกฝีก้าว มันต้องมีใครซักคนที่เป็นคนของคุณลุงแฝงตัวอยู่แถวนี้จริงไหมคะ ใครซักคนที่จะไม่เป็นที่สงสัย ใครซักคนที่เข้าทางคนสนิทที่สุดของพี่ คนที่รู้ทุกความเคลื่อนไหว รู้ว่าแต่ละวันพวกพี่อยู่ไหนและทำอะไร พี่แกงก็ระวังตัวแจ เพราะเขาเป็นบอดีการ์ด ส่วนพี่ฮั่น... พี่ก็ถูกบอดีการ์ดแกงคุมอยู่ทุกฝีก้าว คนเดียวที่จะเข้าถึงตัวได้ง่ายที่สุด ก็คงต้องเป็นเลขาตัวกลม ๆ ที่ไม่เอาไหนของพี่ไงล่ะคะพี่ฮั่น
“โถ ๆ ๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ สมายล์รู้ค่ะ ยัยมี่มันเล่นละครเก่งจะตาย ใครจะไปเชื่อละคะว่าผู้หญิงอย่างยัยมี่ จะทำได้ทั้งสืบข่าวจากคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แฮ็กระบบวงจรปิด แอบวางยา...ไม่ใช่สิ แอบใส่กุ้งไปในหม้อชาบู อ้อ! แล้วไหนจะ ตัดสายเบรกรถของพี่ฮั่นอีก ยายคนนี้มันร้ายค่ะ พี่ฮั่นตามเจ้าหล่อนไม่ทันหรอก”
คำถามเกิดขึ้นทันทีที่สมายล์เงียบลง ผมเชื่อเธอได้แค่ไหน ผมจะเชื่อผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง ส่วนมีมี่...ผมแทบจะไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าทั้งหมดที่ผมได้ยินมาในเวลาไม่กี่นาทีนี้มันเป็นความจริง
“นี่เธอพูดอะไรของเธอ...”
DOME ;(
ผมแปลกใจที่ผมได้ยินเสียงผู้หญิงจากในห้อง แกงส้มเสียงเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอ? บ้าน่าไอ้โดม มันจะใช่เสียงแกงส้มที่ไหนเล่า หรือว่าจะเป็นเสียงซ้อหมี แต่ซ้อจะมาทำไมอีก อีกอย่าง เสียงซ้อไม่แหลมแสบแก้วหูขนาดนี้นี่นา ผมจำได้...
ประตูถูกผลักให้เปิดออก บทสนทนาที่ผมไม่อยากให้เป็นความจริงกระแทกใส่หูผมอย่างจัง ผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่นั้น มองปราดเดียวผมก็รู้ครับว่าคือสมายล์ จะมาทำไมอีกนะยัยเด็กนี่ แล้วนี่แกงไปไหน ทำไมพี่ฮั่นถามถึงแกง หรือว่า... เอาแล้วไง!
เดี๋ยวนะ มีมี่! นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมว่าสมายล์พูดถึงมีมี่ ชื่อของคนที่ผมรู้จักดีสะดุดหูผมเข้าอย่างจัง น้องมี่เกี่ยวอะไร ตัวเล็กของผมเกี่ยวอะไรด้วย
“พี่ฮั่นรู้จักมีมี่แล้วใช่ไหมคะ ผู้หญิงที่ชอบไปไหนมาไหนกับพี่โดมบ่อย ๆ ไงคะ พี่ฮั่นเคยเจอเธอแล้ว”
“ทำไมน้องมี่อยู่ที่นั้น ไอ้สรพัศมันทำอะไร มีมี่ไปทำอะไรให้ลุงของคุณเหรอคุณถึงต้องจับตัว...” น่าแปลกที่ผมกลับไม่คิดเหมือนพี่ฮั่น อย่างมี่เนี่ยนะถูกจับตัวไป ไม่มีทาง
“พี่ฮั่นเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วค่ะ น้องมี่ของพี่ไม่ได้ถูกจับไป เจ้าหล่อนอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ต้นต่างหาก”
“คุณว่าอะไรนะ”
“นี่พวกพี่ไม่เคยสงสัยกันบ้างเลยเหรอคะ ว่ายัยมีมี่น่ะเป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมถึงได้บังเอิญอยู่กับพี่โดมบ่อยนัก พวกพี่ไม่คิดกันบ้างเหรอคะ ว่านางไม่มีงานมีการทำหรือไง ถึงได้เที่ยวโผล่มาจ๊ะเอ๋พี่โดมแทบทุกวัน ถ้างานของหล่อนไม่ใช่การตามเฝ้าพี่โดม การที่ลุงพัศรู้ความเคลื่อนไหวของพวกพี่ทุกฝีก้าว มันต้องมีใครซักคนที่เป็นคนของคุณลุงแฝงตัวอยู่แถวนี้จริงไหมคะ ใครซักคนที่จะไม่เป็นที่สงสัย ใครซักคนที่เข้าทางคนสนิทที่สุดของพี่ คนที่รู้ทุกความเคลื่อนไหว รู้ว่าแต่ละวันพวกพี่อยู่ไหนและทำอะไร พี่แกงก็ระวังตัวแจ เพราะเขาเป็นบอดีการ์ด ส่วนพี่ฮั่น... พี่ก็ถูกบอดีการ์ดแกงคุมเข้มทุกฝีก้าว คนเดียวที่จะเข้าถึงตัวได้ง่ายที่สุด ก็คงต้องเป็นเลขาตัวกลม ๆ ที่ไม่เอาไหนของพี่ไงล่ะคะพี่ฮั่น”
เลขาตัวกลม ๆ ที่ไม่เอาไหนอย่างนั้นเหรอ? ผมเลือกที่จะเงียบ พยายามคุมตัวเองให้นิ่งฟังความจริงที่เจ็บปวด ใครสักคนที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ ใครสักคนที่ดูจะหลอกง่ายที่สุด... ไอ้โง่คนนั้นคือผมสินะ...
“โถ ๆ ๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ สมายล์รู้ค่ะ ยัยมี่มันเล่นละครเก่งจะตาย ใครจะไปเชื่อละคะว่าผู้หญิงอย่างยัยมี่ จะทำได้ทั้งสืบข่าวจากคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แฮ็กระบบวงจรปิด แอบวางยา...ไม่ใช่สิ แอบใส่กุ้งไปในหม้อชาบู อ้อ! แล้วไหนจะ ตัดสายเบรกรถของพี่ฮั่น”
“นี่เธอพูดอะไรของเธอ” ผมโพล่งออกไปเมื่อความอดทนของผมไม่มีเหลือ พยายามลบภาพความทรงจำเกี่ยวกับผู้หญิงชื่อมนสิชาที่วิ่งวุ่นอยู่ในหัว วันแรกที่ผมเจอมีมี่คือวันเดียวกับที่รถของพี่ฮั่นถูกตัดสายเบรก วันแรกที่แกงเข้ามาทำงาน ผมเดินชนมีมี่แถว ๆ หน้าบริษัท ตอนนั้นผมเข้าใจว่าเป็นความบังเอิญ แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วว่ามันเป็นความตั้งใจ เย็นวันนั้นมีมี่บังเอิญอีกครั้งที่จะผ่านมาหน้าโรงพยาบาล เธอรับผมไปส่งที่คอนโด ตอนนั้นผมคิดว่าเพราะผมทะเล่อทะล่าเดินออกไปกลางถนน ทั้ง ๆ ที่คิดว่าตัวเองก็มองดีแล้ว แต่รถของมีมี่ก็พุ่งมาจอดตรงที่ผมยืนพอดี... มันเป็นความตั้งใจของเธอสินะ
มี่รู้ว่าผมอยู่ไหน เธอ บังเอิญ มาเจอผมได้ตลอดเวลาที่เธอต้องการ เธอรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมต้องการใครซักคน พรหมลิขิต เป็นคำลวงโง่ ๆ ที่ผมเชื่อ ภาพสุดท้ายในห้องแคบ ๆ ของคอนโด หน้าจอโน๊ตบุ๊คที่เปิดค้างไว้ ผมนึกออกแล้วว่าภาพในนั้นคือภาพของที่ไหน... มันคือ Bear Hug ที่ทำงานที่ผมคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะพี่โดม ในเมื่อพี่โดมมาแล้วก็หมดหน้าที่ของสมายล์แล้วค่ะ สมายล์สาบานว่าทุกอย่างที่สมายล์พูดเป็นความจริง แผนต่อไปของลุงพัศคือทำทุกวิถีทางให้พี่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปติดกับ เชื่อสมายล์ได้นะคะ มันไม่ใช่ทางเดินง่ายๆแน่ ถ้าสมายล์รู้อะไร สมายล์จะรีบบอกพี่ฮั่นทันทีที่ทำได้ หวังว่าทุกสิ่งที่สมายล์พูดมันจะทำให้พี่ฮั่นจะกลับมาเชื่อและไว้ใจสมายล์เหมือนเดิมได้นะคะ สมายล์ต้องรีบกลับก่อนลุงพัศจะสงสัย ขอตัวนะคะ”
โสรญาทิ้งความเงียบที่แสนอึดอัดไว้กับชายหนุ่มทั้งสอง อิสริยะเป็นห่วงคนรักจับใจ เขารู้ว่าบ้านที่คนพวกนั้นจับหัวใจของเขาไปอยู่ที่ไหน เขารู้ว่าตัวเองสามารถไปช่วยธนทัตได้ เพียงแค่ดึงไอ้สายบ้า ๆ ที่พันแขนพันขานี้ออกไปเท่านั้น มือหนาเตรียมทำอย่างที่ใจคิด เขายังไม่ทันออกแรง จารุวัฒน์ก็รวบแขนของเขาไว้ทันควัน
“ไอ้พี่ฮั่น นี่คิดจะทำอะไร อย่าทำตัวเป็นพระเอกโง่ ๆ ที่กระชากสายน้ำเกลือไปช่วยนางเอกสุดที่รักตอนนี้ได้ไหม ดูสภาพตัวเองหน่อย แค่ลุกขึ้นยืนจะไหวหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” จารุวัฒน์หลุดออกจากภวังค์ทันทีที่สังเกตเห็นทีท่าของคนเป็นพี่ เขารู้จักพี่ชายคนนี้มานานจนเดาความคิดของคนใจร้อนออก ความรู้สึกเหมือนถูกหักหลังถูกผลักไปเก็บไว้ที่ส่วนลึกของหัวใจ
“แล้วแกจะให้พี่ทำยังไงไอ้โดม ปล่อยให้แกงถูกไอ้พวกนั้นจับตัวไป โดยที่ตัวพี่เองนอนไม่ทำอะไรอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างนี้น่ะเหรอ แกจะให้พี่นอนอยู่เฉย ๆ ขณะที่แกงส้มโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ” หัวใจที่เคยแข็งกระด้างดิ้นพล่านอย่างทรมาน ยิ่งคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร คือคนที่เป็นดั่งทุกลมหายใจเข้าออก ตอนนี้เขาเองก็ไม่ต่างอะไรกับปลาที่ถูกขังอยู่ในแอ่งน้ำแห้งขอด แม้จะยังไม่ตาย แต่ทรมานเจียนตาย ผิดหรือที่เมื่อมันรู้ตัวว่ายังมีแรงเฮือกสุดท้ายเหลืออยู่ มันจะกระเสือกกระสน พยายามไขว่คว้าอากาศของมันกลับมา
“แล้วสภาพอย่างนี้จะไปสู้อะไรกับเขาได้ แกงอาจจะไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่สมายล์พูดก็ได้ พี่อย่าบอกนะว่าพี่จะเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนั้นน่ะ แกงอาจจะ...” จารุวัฒน์อยากให้ตัวเองคิดหาเหตุผลดี ๆ ได้สักข้อ แต่ในเวลาเช่นนี้กลับไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย
“อาจจะอะไร? อาจจะนอนรอพี่อยู่ที่คอนโดงั้นเหรอไอ้โดม แกงจะมีอารมณ์นอนสบายใจอยู่ที่คอนโด ทั้ง ๆ ที่พี่นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ มึงเอาอะไรคิด! พี่รู้ว่าแกอยากให้พี่สบายใจ แต่มันทำไม่ได้ แกเองก็เหมือนกัน น้องมี่ ยัยโดเรมี่สุดที่รักของแก ตกลงผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แกรู้จริง ๆ หรือเปล่าว่าเธอเป็นใคร แล้วเธอไปเป็นคนของไอ้สรพัศนั่นได้ยังไง”
“ผมไม่รู้! ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!” โดมเสียงดังใส่ เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้นและไม่เคยรู้อะไรเลย เขาไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าคำพูดไหนเป็นความจริง ไม่ว่าคำพูดนั้นจะออกมาจากปากใครก็ตาม แม้จะบอกตัวเองให้พยายามคุมสติ แต่มันก็ช่างยากเย็น
“ไม่รู้! แกไม่รู้ได้ไง แกกับมีมี่ตัวติดกันอย่างกะอะไร อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาผู้หญิงคนนั้นไม่เคยทำให้แกสงสัย”
“เออ! ใช่! ผมไม่เคยสงสัย! ผมรักมีมี่ พี่ได้ยินไหมว่าผมรักเธอ เธอคือความทรงจำที่สวยงามที่สุดของผม เธอคือน้องสาวตัวน้อยที่ผมตกหลุมรักมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก แล้วผมจะสงสัยในตัวมีมี่ได้ยังไง พี่เคยสงสัยในตัวแกงส้มไหมล่ะ พี่จะระแวงคนที่พี่รักไหมล่ะ มี่กับแกงรู้จักกันมาก่อน คนเป็นเพื่อนกันคงไม่ทำร้ายกันหรอกพี่ฮั่น มองในแง่ดีสิ...”
“ขนาดกับแกเขายังทำร้ายแกได้เลย แล้วกับแกง แกคิดว่ามีมี่จะไม่กล้าทำร้ายหรือไง ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของไอ้สรพัศนะ แกเองก็ได้ยินที่สมายล์พูดกับหูไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของสรพัศ ไม่มีทางที่เธอจะหวังดีกับเราถ้าเธอเป็นคนของมัน”
บาดแผลแล้วบาดแผลเล่าถูกปิดด้วยผ้าก๊อซที่ค่อย ๆ ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ มนสิชาทำแผลให้เพื่อนอย่างใจเย็นหากแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของหญิงสาว ไม่ว่าธนทัตจะถามเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เธอมอบให้แทนคำตอบ
“มีมี่ ไปกินข้าวกันเถอะ เธอไม่ได้กินอะไรมากตั้งแต่เย็นแล้วนะ” มนสิชาส่ายหน้าให้เพื่อนร่วมงานในชุดสีดำที่เขาใส่ประจำ
“ไม่ล่ะเคน มี่ไม่อยากกิน ให้มี่อยู่ที่นี่ดูแลแกงเถอะนะ”
“ทำไมดื้ออย่างนี้นะมี่ ไปกินเป็นเพื่อนเคนหน่อยไม่ได้หรือไง หรือเราไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว เอางี้! ถ้ามี่ไปกินข้าว เคนจะจัดการเรื่องที่มี่ขอไว้ให้” ราวกับคำพูดนั้นจะเรียกความสนใจจากมนสิชาได้ เธอมองร่างใหญ่ของเคนด้วยความหวัง...
“นี่มึงมาทำอะไรที่นี่” เคนยืดตัวตรงทันทีที่เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้น ดวงตาที่เคยมองเพื่อนร่วมงานอย่างเห็นใจมองไปข้างหน้าราวกับก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่เปิดประตูมาดูความเป็นไปของคนในห้องนี้เท่านั้น สรพัศเดินผ่านร่างสูงใหญ่ของลูกน้องคนสนิทมายืนตรงหน้าธนทัต แววตาแปลก ๆ มองผิวขาวเนียนที่เต็มไปด้วยบาดแผล สายตาน่าขยะแขยงโลมเลียร่างขาวอยู่สักพักจนพอใจ เจ้าของสายตานั้นถึงได้หันไปพูดกับมนสิชาด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อม
“หนูมี่จ๋า ยาแค่นี้พอจะทำแผลให้หนุ่มน้อยคนนี้หรือเปล่า หรือว่าหนูอยากได้อะไรเพิ่ม ฉันไม่อยากให้ผิวขาว ๆ นี่มีรอยแผลเป็นแม้แต่รอยเดียว เดี๋ยวมันจะเสีย... เอ่อ ฉันไม่อยากพูดเลย หนูรู้ใช่ไหมว่าฉันหมายถึงอะไร” มือหยาบกระด้างลูบแขนเรียวแผ่วเบา สายตาที่มองไล่ไปทั่วร่างกายน่าสะอิดสะเอียนนักในสายตาธนทัต
“ปล่อย! อย่ามาแตะตัวผม คุณเป็นใคร จับผมมาทำไม หรือคุณ แก...ไอ้สรพัศ”
“จุ๊ ๆ ๆ ๆ ชื่อก็น่ากิน น่าอร่อย ทำไมพูดจาไม่น่าฟังอย่างนี้ล่ะจ๊ะเด็กน้อย ทีกับกูทำเป็นขยะแขยงนะมึง อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงกับไอ้ฮั่นเป็นอะไรกัน”
“อย่ายุ่งกับพี่ฮั่นนะ”
“แค่พูดถึงเฉย ๆ ยังไม่ได้ยุ่งซะหน่อย แต่อีกเดี๋ยวกูยุ่งกับมันแน่ มึงไม่ต้องห่วง”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แม่หมู // กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เก๊าหายหัวไปหาย คิดถึงทุกท่านมากมายยยยยย ขอบคุณที่ยังรอกันอยู่นะคะ(ใครรอแกร๊!!! 55555)
อ่ะ! เวิ่นก่อน! เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไปดูคอน 4 โพดำ มาครับป๋ม หลายๆท่านคนทราบกันแล้ว แอบเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้ไปดูรอบเดียวกะพี่ฮั่นน้องแกง แต่...ไม่เป็นไรๆ คอนคุ้มเวอร์นะ เพลงนี่นับไม่ถ้วนอ่ะ เรื่องร้องว่าเริ่ดแล้ว สคริปก็ฮามากนะตัวเธอ แทบตกเก้าอี้ ไม่ได้จะอวยเวอร์หรือขายของให้ลูกหมูแต่อย่างใด แต่ของเค้าดีจริงๆเราก็ต้องบอกต่อเนอะ (ไหนจะลูกหมูทำซึ้งอีก ร้องไห้ไป 3 รอบ แม่หมูอาการหนักมากจริงๆบอกเลย 5555) ยังมีอีก 3 รอบนะคะ คุ้มจริงๆ ยกมือหนับหนุนให้ไปดูสุดแขนเบยยย ^^
เข้าเรื่องฟิค... ฉันว่าอีตาลุงสรพัศนี่อาการหนักนะ พอมีใครเดาออกบ้างคะว่าสรพัศเป็นใคร ทำไมถึงได้เกลียดพี่ฮั่นขนาดนี้ แล้วมีความเค้นอะไรถึงได้ทำร้ายพี่ฮั่นชนิดที่คนจิตใจปกติคงไม่ทำกัน แล้วไหนจะสายตาที่มองน้องแกงอีก นางคิดอะไรกะแกงหรือเปล่า?? ติดตามกันต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้มาเสมอในทุกๆช่องทางค่ะ
เรื่องรวมเล่ม ยังแจ้งได้อยู่ตามลิงค์นี้เลยนะคะ http://writer.dek-d.com/chubby-pig/story/viewlongc.php?id=895359&chapter=29
update รายชื่อ ณ วันนี้ 19/7/2013
คุณ kat แม่หมูเห็นทิ้งเม้นไว้ใน Chap 24 ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังสนใจอยู่ไหมคะ? ยังไงช่วยยืนยัน+แจ้งช่องทางติดต่อที่สะดวกด้วยนะคะ
ตอนต่อไปหวังว่าจะมาได้ในเร็ววัน ไม่อาทิตย์ก็จันทร์นะคะ ตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า 30 กว่าบท แม่หมูนางจะจบลงหรือเปล่า 5555 ยังไงก็ฝากเป็นกำลังใจให้กันต่อไปน๊าาา >w<
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหมือนนางหมั่นไส้มีมี่เบาๆนะ
-_- แต่ก็ยังไม่รู้ความต้องการของนางจริงๆน่ะเเหละ
ตอนนี้โดมเจ็บสุดนะ เราว่า...
คนใกล้ตัว ร้ายที่สุดดดด
เหมือนนางหมั่นไส้มีมี่เบาๆนะ
-_- แต่ก็ยังไม่รู้ความต้องการของนางจริงๆน่ะเเหละ
ตอนนี้โดมเจ็บสุดนะ เราว่า...
คนใกล้ตัว ร้ายที่สุดดดด
รอติดตามต่อนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สงสารอ่าาา
นี่มันอะไร
พี่ฮั่นมาช่วยพี่แกงไวๆนะ
ถ้าทุกอย่าเคลียร์ อยากให้พี่โดมเข้าใจไวๆ
ตามอ่านเรื่อยๆนะคะ
ติดต่อกลับแล้วน๊าแม่หมู ขอบคุณนะคะ
หวังว่าพี่ฮั่นจะไปปช่วยแกงเร็วๆ >o<