กาลครั้งหนึ่ง ณ ดินแดนที่ 4 แห่งอาณาจักร โคลวอายส์ (เกือบY)
เรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นในดินแดนอันห่างไกล...ปรากฏการณ์ที่หาสาเหตุไม่ได้เริ่มกลืนกินผู้คนและบ้างเมืองเริ่มล่มสลาย
ผู้เข้าชมรวม
250
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กาลครั้งหนึ่ง ณ ดินแดนที่ 4 แห่งอาณาจักร โคลวอายส์
ณ ดินแดนที่ 4 แห่งอาณาจักร โคลวอายส์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยสีสันสรรค์และความสงบสุข บัดนี้ ภัยพิบัดได้มาเยือน เหตุเพศภัยที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤตที่สุด ความสงบที่เคยมีถูกรุกรานด้วยภัยธรรมชาติ ฝนตกติดต่อกันพร้อมๆกับหิมะที่โปรยปราย ผืนดินบางส่วนถูกกัดเซอะจนเกิดรอยแยก หลังจากที่บรรยากาศได้สงบลงเพียงช่วงครู่ก็เกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ผืนน้ำที่เคยสงบนิ่งซัดสาดเข้าสู่พื้นดินจนแผ่นดินชุ่มไปด้วยน้ำ
"ท่านพระราชา แย่แล้วขอรับ เทือกเขาทางแถบตะวันออกถูกสายฟ้าฟาดถล่มลง ประชาชนส่วนหนึ่งได้รับความเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัย" ทหารองครักษ์ในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มคุกเข่ารายงานท่านราชา เหตุที่เกิดขึ้นกระทบกระเทือนทุกตารางนิ้ว แม้นตัวพระราชวังเองก็ได้รับความเสียหายบางส่วน
พระราชายังคงนิ่งเงียบใช้ความคิด จะแก้วิกฤตครานี้เช่นไร ธรรมชาติมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของพระองค์ หากแม้นราชาเช่นพระองค์เหตุการณ์ครานี้พระองค์ก็กระทำสิ่งใดมิได้ ความสามารถของพระองค์นั้นเปรียบเทียบกับพระเจ้าผู้สร้างแล้วพระองค์ก็เป็นเพียงปตุชนธรรมดา เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆเท่านั้น
"ท่านพี่เราจะทำเช่นไรดี น้องสงสารเหล่าประชาชนที่ไร้ซึ่งที่พักพิง เราควรจะทำเช่นไรดีเพคะท่านพี่" ราชินีผู้อ่อนไหวร่ำไห้ ไม่ทราบเหตุผลที่พระองค์เศร้าเสียใจคือเรื่องทุกข์สุขของประชาชนหรือเรื่องที่สวนพฤกษาชาติส่วนพระองค์พังทลายหายไปเนื่องจากปรากฏการณ์แผ่นดินไหว
"มันเกินความสามารถข้าราชินีที่รัก" พระราชาเศร้ายิ่งเมื่อพระองค์ทำอะไรไม่ได้
"ท่านราชา โหรหลวงของเข้าเฝ้าพะยะคะ" ทหารในเครื่องแบบสีเขียวเข้มเข้ามาอีกครั้ง
"โหรรึ ให้เข้ามาสิ"
"องค์ราชา" ร่างของโหรหลวงถูกปรกคลุมด้วยผ้าขาวพื้นยาวแสดงสถานะผู้ถือศีล
"เจ้ามีอะไรก็ว่ามา" องค์ราชาเป็นผู้มีลักษณะนิสัยไม่ทรงเชื่ออะไรง่ายๆหากพระองค์ไม่เคยเห็นด้วยเนตรองค์เอง เรื่องต่างๆเกี่ยวกับโหรหลวงที่เคยมีๆมาจึงถูกละเลย และพระองค์ก็ไม่เคยขอคำปรึกษาหรือคำพยากรณ์จากโหร เหตุการณ์ครานี้ก็เช่นกัน
"ข้ามีวิธีแปลเปลี่ยนเหตุการณ์ครานี้" โหรหลวงพูดเข้าเรื่องทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา
"เจ้านะรึมีวิธี" องค์ราชาถามย้ำอย่างไม่เชื่อ
"ข้ามีวิธี" โหรหลวงพยักหน้ารับ
"เช่นนั้นเจ้าจงว่ามา" เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีทางแก้ไข การกระทำเช่นตามประเพณีเก่าแก่อาจจะแก้ไขได้ก็เป็นได้
"ท่านต้องจัดการอภิเษก เพื่อให้ฟ้ารับรู้ว่าอาณาจักรแห่งนี้ต้องการที่จะมีอยู่ต่อไป หากพระองค์ไม่แสดงให้ฟ้ารับรู้ เบื้องบนคงจะทำลายอาณาจักรของเราจนสิ้น" โหรหลวงทูลด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ทันทีที่องค์ราชาได้รับฟังก็สั่งทหารด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
"เจ้าได้รึแล้วใช่หรือไม่เหล่าทหารองครักษ์ข้า เจ้าจงไปทูลเชิญองค์หญิงพระคู่หมั่นจากดินแดนของนางมาที่ดินแดนที่ 4 แห่งอาณาจักร โคลวอายส์แห่งนี้ ข้าจะจัดงานอภิเษกขึ้นเพื่อประกาศให้เบื้องบนรู้ว่าอาณาจักรนี้ยังคงต้องมีอยู่"
.......................................................
งานอภิเษกถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน องค์หญิงพระคู่หมั่นทรงอยู่ในฉลองพระองค์สีทองโดดเด่นที่สุดในงาน เจ้าชายรัชทายาททรงอยู่ในชุดสีขาวก็ทรงสง่างาม แม้บ้านเมืองยังคงอยู่ในช่วงวิกฤตแต่ก็มีชาวเมืองมากมายมาร่วมถวายพระพร
"เจ้าชาย.." เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ไม่ต้องหันมองเจ้าชายก็ทรงรู้ได้ว่าเจ้าของเสียงคือผู้ใด
"นายเองรึ" เจ้าชายทรงทักทายผู้มาใหม่ด้วยท่าทางที่แตกต่างจากผู้อื่นในงาน
"ก็ข้าหละสิ นี่เจ้าชายข้าบอกไว้ก่อนเลยข้าดีใจมากที่เจ้าชายยอมอภิเษกแต่มันก็ช้าไปหน่อยนะ เจ้าชายรู้มั้ย บ้านข้าที่อยู่แทบเทือกเขาตะวันออก หายไปกับมหาสมุทรred sea ดีที่ข้าไม่ได้อยู่ที่นั้น ณ ตอนนั้น" ผู้ที่มาใหม่คือชายหนุ่มร่างเล็ก แม้ทางยศศักดิ์จะเป็นเพียงแค่สามัญชนคนธรรมดา แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นพระสหายของเจ้าชายมาตั้งแต่สมัยยังทรงพระเยาว์
"ข้าทราบข่าวแล้ว ก็กังวลอยู่ว่าเจ้าจะเป็นอะไรรึเปล่า"สีหน้าที่สงบนิ่งดูสดใสขึ้นเมื่อร่างเล็กมาทำหน้าง้อต่อว่า
"ข้าจะเป็นอะไรได้หละ ตอนนี้ข้าก็เป็นคนเร่ร่อนหนะซิเจ้าชายไม่น่าถาม" แม้จะเดือดร้อนเพียงใดแต่เมื่อเพื่อนสนิทมีงานฉลองก็ต้องมา
"งั้นเจ้าเข้ามาอยู่กับข้าในวังมั้ย" เจ้าชายก้มกระซิบถามข้างหู
"ได้เหรอ แล้ว.." ยังไม่ทันสิ้นประโยคก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น
"กรี๊ดดดดดดดดด...." ทุกคนในงานหันมองอย่างตกตะตึง ราชินีที่ทรงประทับอยู่บนบันลังได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
"ราชินีข้าหายไปไหน แล้วเจ้าจะกรีดร้องทำไม" พระราชาทรงตรัสถาม
"องค์ราชา ข้า..ข้าเห็นสิ่งประหลาดจับตัวองค์ราชินีไป" เธอตอบเสียงสั่น
"สิ่งประหลาด? ไม่หรอก ทหารเจ้าไปตามแม่นมมาหาข้า องค์ราชินีคงอยู่กับพระพี่เลี้ยงคนสนิทนั้นแหละ ห้องนี้คุ้มกันแน่นหนาไม่มีทางที่องค์ราชินีจะถูกลักพาตัวไปไหนได้" คำกล่าวของพระราชาทำให้เหล่าแขกเรือนสบายใจขึ้นแต่ตัวราชาเองกลับวิตก
"เรียนท่านราชา หาตัวพระพี่เลี้ยงไม่พบขอรับ นางฝ่ายในบอกว่าพวกนางไม่เห็นพระพี่เลี้ยงตั้งแต่วันที่กิดแผ่นดินไหวแล้วขอรับ" องค์ราชาตกใจ เซองค์ลงนั่ง
"งั้นรึ..." พระองค์นั่งก้มหน้านิ่ง เกิดเหตุอันใดขึ้นอีกหละทีนี้
"ท่านพ่อ ทำใจดีๆไว้ครับ ข้าเชื่อว่าท่านแม่จะไม่เป็นไร" เจ้าชายทรงเข้าดูแลพระบิดา ก่อนออกคำส่งให้ทหารออกตามหาองค์ราชินีและพระพี่เลี้ยง งานอภิเษกถูกยกเลิกเนื่องจากการหายตัวไปขององค์ราชินีในทันที
..............................................................
"เจ้าชาย..เรื่ององค์ราชินีเป็นไงบ้างแล้ว" ผ่านมาหลายช่วงเวลา ทหารหาญที่ส่งอกไปตามหาราชินีก็ไมทีนายไหนกลับมารายงานซักคน เพื่อนสนิทเห็นเจ้าชายไม่สบายใจ จึงเข้าปลอบ
"ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่แค่ท่านแม่ที่หายไปพวกทหารก็ไม่กลับมาที่นี่อีก และไม่ใช่แค่นั้นข้าได้ข่าวว่าชาวเมืองก็ทยอยหายไปเช่นกัน นี่คงเป็นคำสาป" สายเนตรเจ้าชายมองไกลออกไปภายนอก แผ่นดินไหวเกิดถี่ขึ้น ตลิ่งทลายลงหมาสมุทรจนผืนดินสีขาวที่เป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรหดแคบลงจนสังเกตได้ สหายสามัญชนทำได้เพียงนั่งอยู่เคียงข้างกุมมือเจ้าชายไว้แสดงถึงความห่วงใย
"องค์รัชทายาท" เสียงนิ่งสนิทดังขึ้นจากโถงทางเข้า เจ้าชายทรงทอดเนตรมองจึงพบโหรหลวงยืนนิ่งรอการอนุญาต เจ้าชายจึงพยักหน้ารับให้เข้ามาได้
"ข้าแค่เพียงตั้งทูลให้ท่านทราบ งานอภิเษกที่ควรจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้สมควรจะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งเพื่อให้พิธีสมบูรณ์" โหรหลวงชี้แจงเป็นนัยๆว่าสิ่งที่กิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนนี้เป็นเพราะพิธียังไม่เสร็จสิ้น
"เจ้าคิดว่าในเวลานี้ ข้ายังจะสมควรจัดงานฉลองรึ" เจ้าชายทรงกริ้วกับคำแนะนำที่ไม่รู้การะเทศะ
"เป็นเวลาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่จะหยุดภัยพิบัติครานี้ได้มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น" แม้นโดนเจ้าชายกริ้วใส่แต่ท่าทางของผู้รักษาศีลยังคงนิ่งสนิท
"ทางเดียว...หากเจ้าเห็นสมควรเช่นนั้นก็ได้ ข้าจะลองเชื่ออีกครั้ง" เจ้าชายรับปากพร้อมโบกมือไล่ โหรหลวงโค้งทำความเคารพก่อนจะออกไป
"ข้าต้องไปบอกเจ้าหญิงต่างเมืองผู้นั้น เจ้าไปเป็นเพื่อนข้าได้มั้ย" เจ้าชายยกมือที่กุมไว้ขึ้นแนบอก
"ทำไมจะไม่ได้หละเจ้าชาย ข้าเป็นเพื่อนเจ้าชายนะ" ร่างเล็กลุกขึ้นยืน ก่อนหันกลับมายิ้มตอบ จูงมือเจ้าชายให้เดินตาม เจ้าชายทรงรู้สึกประหลาย ทรงเศร้าเมื่อได้ยินสถานะภาพคำว่า เพื่อน ชัดเจนจากร่างเล็กคนนี้ การอภิเษกมีขึ้นก็เพื่อบ้านเมืองเท่านั้น ความรู้สึกในใจเจ้าชายไม่เคยมีให้ใคร นอกจากสหายเก่าคนนี้เพียงคนเดียว
.......................................................
"เกิดอะไรขึ้น?" เจ้าชายทรงตรัสถามเมื่อมาถึงห้องรับรองที่ทรงจัดไว้เพื่อเจ้าหญิงต่างเมือง
"ข้าก็ไม่ทราบขอรับ ท่านเจ้าชาย เมื่อคืนพวกข้าก็เฝ้าหน้าห้องอยู่ตลอดเวลา พอถึงเวลาเช้าพอข้าก็สงสัยว่าทำไมองค์หญิงไม่เสด็จออกมาซักที จึงลองเสียมารยาทเคาะเรียก แต่ไม่ว่าเรียกซักเท่าไหร่ก็ไร้เสียงตบพวกข้าจึงพังประตูเข้าดูพบว่าเจ้าหญิงและผู้ดูแลทรงหายตัวไปอย่างไร้ร่องลอย" ทหารที่เฝ้าหน้าห้องเล่ารายละเอียด
"แม้กระทั้งเจ้าหญิงก็หายไปรึ เกิดเหตุเพศภัยอะไรขึ้นกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ได้หายไปจากเขตพระราชฐานชั้นใน เจ้าจงไปตามผู้คนที่ยังคงเหลืออยู่มาพบข้าที่ห้องโถง" เจ้าชายสั่งทหารก่อนเดินจูงเพื่อนสนิทไปยังห้องบรรทมขององค์ราชา
"ข้าต้องพูดกับท่านพ่อเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าข้าจะจัดการได้"
.......................................................
การพูดคุยของเจ้าชายและองค์ราชาแทบจะไม่เกิดผล เพราะองค์ราชาทรงเสียพระทัยที่เสียราชินีไปจนเสียสติ ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าชายแล้ว
"ผู้คนเหลืออยู่เพียงเท่านี้เองรึ" ห้องโถงกว้างร้างผู้คน มีเพียงทหารไม่กี่คนที่เหลืออยู่ โหรหลวงที่นั่งนิ่งอยู่มุมห้อง และผู้มาใหม่คือเจ้าชายและเพื่อนสามัญชนที่พยุงองค์ราชาเข้ามา
"ขอรับ..พวกเราทั้งเมืองเหลืออยู่เพียงแค่นี้ ทุกคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เท่าไหร่ก็ไม่พบ" ทหารในชุดสีเขียวเข้มรายงาน
"องค์รัชทายาท ท่านต้องอภิเษกกับองค์หญิงเพื่อยุติเรื่องทั้งหมด" โหรหลวงลุกขึ้นกล่าวน้ำเสียงเร่งเร้ากว่าปกติหลายเท่านักเมื่อรู้ถึงจำนวนประชากรที่เหลือ
"ข้าจะอภิเษกได้เช่นไร ในเมื่อบัดนี้องค์หญิงก็ได้หายตัวไป และผู้ที่เหลืออยู่ไม่มีหญิงซักผู้เดียว" เจ้าชายหันมองโหรหลวงอย่างอารมณ์
"เช่นนั้น ท่าน..จึงต้องตัดสินใจเลือกเจ้าสาวจากพวกข้าที่เหลืออยู่" ผ้าคลุมผืนยาวสีขาวที่คลุมหน้าโหรหลวงไว้เสมอถูกเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าหมดจดที่ไม่เคยโดนสิ่งสกปรกแตะต้อง
"เจ้า..." เจ้าชายตะตึงกับภาพที่เห็น แต่ความงามที่ปรากฏให้เห็นคั้งแรกก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของเจ้าชายเปลี่ยนไป องค์รัชทายาทยังคงจับมือเพื่อนสนิทไว้และคุกเข่าลงตรงหน้า นานมากแล้วที่อยากพูดคำนี้ แต่ก็ไม่สามารถกล่าวออกมาได้ รู้ทั้งรู้ว่าในเวลาขับขันเช่นนี้คำพูดนั้นคงไม่ทำให้รู้สึกพิเศษ แต่สำหรับเจ้าชายนั้นคือความจริงจากใจ
" เจ้า..ผู้ที่อยู่เคียงข้างข้า ไม่ว่าข้าจะทุกข์หรือสุข เจ้าก็คอยอยู่เคียงข้างข้า บัดนี้ ข้าอยากบอกเจ้า ข้าเลือกเจ้า เจ้าจะแต่งงานกับข้าได้หรือไม่สหายข้า ไม่ว่าเหตุการณ์ภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร ขอให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้า"เจ้าชายเงยหน้าขึ้นรอคำตอบอย่างมีหวังท่ามกลางประจักษ์พยานที่เหลืออยู่
"ถึงเจ้าชายจะไม่พูดขนาดนั้น ข้าก็ยอมแต่งงานกับเจ้าชาย"ร่างเล็กตอบเขินๆด้วยน้ำเสียงเบาๆ
......................................................................
พระราชพิธีเกิดขึ้นทันทีอย่างเร่งด่วนและจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ
"เจ้าเป็นอะไร...เห็นนั่งเงียบอยู่ตรงนั้นนานแล้ว" เจ้าชายและอดีตสหายถูกทิ้งให้อยู่กันสองต่อสอง ถึงเป็นเรื่องปกติที่ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันตามลำพังแต่ครั้งน้ต่างออกไป
"เปล่า..ข้า.คือ.."ร่างเล็กที่เคยพูดจ้อยๆกลับอึกอัก ใบหน้าแดงฉ่าอย่างไร้สาเหตุ ในใจคิดว่าการอภิเษกนี้เป็นแค่การแก้เคล็ด แต่ทำไมในใจมันรู้สึกเต้นตึกตักไปด้วยนะ
"ไม่เป็นไรข้าเข้าใจ ข้าก็ตื่นเต้นที่เจ้าซึ่งข้าแอบรักมานานยอมอภิเษกกับข้า แม้มันจะเป็นการยอมเพื่อช่วยเมืองก็เถอะ ถึงเป็นเช่นนั้น ข้าก็รักเจ้า" เจ้าชายเดิมมาโอบร่างเล็กจากด้านหลังเก้าอี้ที่ร่างบางคนนี้นั่งอยู่
"จะ..เจ้า..ชาย รักข้าเหรอ" ร่างเล็กหันมองหน้าเจ้าชายอย่างคิดไม่ถึง
"ข้ารักเจ้า ไม่ใช่รักแบบเพื่อนแต่รักในแบบรัก แล้วเจ้าหละรักข้าในแบบที่ข้ารักเจ้าบ้างหรือไม่" วงแขนคลายออกเล็กน้อยแต่ก็ยังคงโอบอยู่ ผู้รับฟังนิ่งคิด รักหรือ..ที่ข้าห่วงเจ้าชายมากกว่าผู้ใด ไม่อยากเห็นเจ้าชายทุกข์ใจ นี่คงเป็นความรักแบบเพื่อน แต่ข้าก็มีความสุขมากและดีใจมากที่เจ้าชายเลือกข้าในตอนนั้น ความรู้สึกนี้คือความรักรึเปล่า ใช่แน่ ข้าก็รักเจ้าชาย
"ข้า..ก็.." ร่างเล็กรวบรวมความกล้า แต่ก่อนจะได้พูดสิ่งสำคัญ แผ่นดินไหวก็เกิดขึ้นอีก นี่หมายความว่าพิธีอภิเษกไม่ได้ผลงั้นรึ พระราชวังเกิดรอยร้าย วัสดุต่างๆร่วงหล่นลงมาเจ้าชายกันคนรักไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองวิ่งออกจาพระราชฐาน แต่ไม่ทันพระราชวังถล่มลง ร่างของทั้งสอง่วงลงในมหาสมุทร red sea ห่อหุ้มร่างทั้งสองไว้ทั้งคู่จึงปลอดภัย แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ร่างเล็กในอ้อมกอดเมอ่อนนุ่น เสมือนจะสลายกลืนไปกับสายน้ำสีแดงนี้
"เจ้า..เจ้าเป็นอะไร บอกข้าสิ" เจ้าชายอุ้มร่างคนรักขึ้นฝั่ง ซึ่งตอนนี้เมืองทั้งเมืองราบเตียน เหลือเพียงผืนดินสีขาวที่หายไปกว่าครึ่ง
"เจ้าชาย ข้ากำลังจะหายไป ข้าต้องหายไปเหมือนทุกคนเป็นแน่ ข้าไม่อยากหายไปเจ้าชาย ข้าเพิ่งรู้ว่าความรู้สึกของข้าที่มีต่อเจ้าชายคือความรัก ข้าอยากอยู่กับท่าน ข้ายังไม่อยากหายไป" ร่างเล็กไร้เรี่ยวแรงไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ร่างกายค่อยๆอ่อนนุ่ม น้ำตาไหลพรากออกมาเป็นสายกอดเจ้าชายไว่ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
"ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหายไป ไม่มีทาง ข้าจะปกป้องเจ้า" เจ้าชายดีใจยิ่งที่คนรักรู้สึกเหมือนกันแต่ตอนนี้จะได้อะไร เมื่อร่างบางในอ้อมกอด กำลังจะจากไป ทันใดนั้นเจ้าชายก็เหลือบมองไปยังชายฝั่ง อีกผู้หนึ่งที่รอดชีวิตกำลังยันร่างขึ้นฝั่ง ชุดคลุมสีขาวกลายเป็นสีชมพูเนื่องจากสีของมหาสมุทรผ้าเปียกแนบเนื้อ ทำให้ได้รู้ถึงรูปร่างของผู้สวมใส่ โหรหลวงผู้นั้นเป็นหญิงหรือนี่ นางก้าวเดินมายังทั้งคู่ที่เหลืออยู่บนแผ่นดินโล่ง
"เพราะเจ้า เจ้าเป็นชาย การอภิเษกนี่จึงไม่ได้ผล หากเจ้าชายอภิเษกกับข้าเรื่องนี้คงยุติ เพราะเจ้าผิดเจ้าผู้เดียว เมืองทั้งเมืองล้มสลายเพราะเจ้า" เมื่อได้ฟังดังนั้นร่างเล็กยิ่งรู้สึกผิด นี่คือความผิดรึหรือ เพราะตัวข้ารึ
"เจ้าหยุดพูดซะ เรื่องทั้งหมดนี่ไม่ใช่ความผิดใครทั้งสิ้น" เจ้าชายทรงกอดร่างเล็กแน่นขึ้น
ซู้ดดดดดดดดดด...พรึ่บๆๆๆ เสียงประหลาดดังขึ้นขณะที่ทั้งสามโต้เถียงกัน วัตถุประหลาดสีน้ำตาลสองขาเสียบลง ณ ผืนดินที่เหลืออยู่ วัตถุนอกโลกนั้นเคลื่อนที่เข้าหากัน แผ่นดินไหวขึ้นอย่างแรงอีกครั้ง พื้นสีขาวแยยกออก พร้อมกับน้ำในมหาสมุทรที่ค่อยๆซึมเข้าแทนที่ ผืนแผ่นดินลอยสูงขึ้น พร้อมกับเกิดหลุมดำขนาดใหญ่สิ่งนั้นดูดผืนดินเข้าไปด้วยแรงมหาสาน ทั้งสามที่เหลืออยู่เห็นเหตุการณ์อย่างถนัดตา สิ่งนี้คือสิ่งที่กลืนเมืองเข้าไป น่ากลัวเหลือเกิน แผ่นดินเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่ผืนน้ำก็มีวัตถุประหลาดรูปทรงพิลึกโอบอุ้มน้ำในมหาสมุทรไป มหาสมุทรเหือดแห้งลงทุกครั้งที่สิ่งนี้เข้ามา
"ไม่นะ เจ้าชาย ข้ากลัว ข้ากลัวเหลือเกิน ข้าไม่อยากถูกสิ่งนั้น...ข้ายอมตายด้วยโรคร้ายดีกว่าที่จะต้องถูกสิ่งนั้นจับไป เจ้าชาย ข้ากลัว" ร่างเล็กร่ำไห้หนักขึ้นกอดเจ้าชายไม่ปล่อย
"ข้าจะปกป้องเจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้า" เจ้าชายทรงปลอบร่างที่อ่อนปวกเปียกในอ้อมกอดอย่างไร้ความหมาย
วัตถุประหลาดนั้นหายขึ้นไปบนท้องฟ้าเพียงครู่เดียวก็กลับมาอีกครั้ง เจ้าชายอุ้มร่างเล็กกระโดดลงมหาสมุทร หนีจากสิ่งนั้น แต่โหรหลวงที่ไม่ทันระวังหนีไม่ทัน ร่างบางในชุดขาวถูกวัตถุนั้นบีบบริเวณกลางลำตัว นางกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ร่างของนางค่อยๆขาดออกจากกัน ต่อหน้าต่อหน้าเจ้าชายและร่างเล็กที่ป่วยจนขยับตัวไม่ได้ วัตถุนั้นค่อยๆจับร่างนางที่ละส่วนขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นก็ดูดกลืนหมาสมุทรอีกสองครั้ง เจ้าชายกดร่างบางแนบอกไม่อยากให้เห็นภาพหน้าสยดสยอง ร่างเล็กสั่นระริกปล่อยน้ำตาออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ หลังที่การดูดกลืนมหาสมุทรครั้งที่สองจบลง วัตถุประหลาดสองขาก็กลับมาอีกครั้ง วัตถุนั่นจับเข้าที่เองของร่างบาง แรงดึงมหาสานพยายามพรากทั้งสองจากกัน แรงกดบริเวณเอวเพิ่มขึ้นจนร่างบางกีดร้องด้วยความเจ็บปวด เจ้าชายยื้อไว้ไม่ปล่อย
"ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าเต้าหู้ ไม่มีทางที่ข้าจะทิ้งเจ้า" ลูกชิ้นร้องบอก
"ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้า ไม่มีทางที่ข้าจะทิ้งเจ้า" เจ้าชายร้องบอก
"ลูกชิ้นช่วยด้วย ข้าไม่อยากตาย ไม่..ไม่อยาก" เต้าหู้ดิ้นขืนแม้ยิ่งดิ้นตะเกียบก็จะหนีบแน่นขึ้น ในที่สุดตะเกียบก็ปล่อยเต้าหู้ เปลี่ยนความสนใจไปยังลูกชิ้นที่น่ากินกว่า ช้อนค่อยๆเขี่ยเต้าหู้ชุ่มน้ำนุ่มนิ่มน่ากินขึ้นไว้บนเส้นใหญ่ขาวๆรอจะกินเป็นคำสุดท้าย
"เจ้าชายช่วยด้วย ข้าไม่อยากตาย ไม่..ไม่อยาก" ร่างเล็กดิ้นขืนแม้ยิ่งดิ้นวัตุประหลาดนั้นจะยิ่งรัดแน่นขึ้นก็ตาม ในที่สุดวัตถุนอกโลกนั่นก็ปล่อยร่างที่อ่อนปวกเปียก เปลี่ยนความสนใจไปยังเจ้าชาย ร่างนุ่มนิ่มถูกปล่อยลงบนพื้นดินที่เหลืออยู่น้อยนิดห่างจากเจ้าชาย
"ดีแล้วที่เป็นข้า เต้าหู้ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า" เสียงของลูกชิ้นค่อยๆเบาลงจนหายไป ทิ้งไว้เหลือเพียง เต้าหู้บวมน้ำ
"ดีแล้วที่เป็นข้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า" เสียงของเจ้าชายค่อยๆเบาลงจนหายไป ทิ้งไว้เหลือเพียง ร่างเล็กที่อ่อนปวกเปียก
"ไม่นะ ลูกชิ้น อย่าทิ้งข้าไป ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว ข้ากลัว ลูกชิ้น ลูกชิ้น ลูกชิ้นนนนนนนนนนนนน.." ยังไม่ทันสิ้นเสียง ช้องก็ตักเต้าหู้บวมน้ำพร้อมเส้นที่เหลือเข้าปากและซอดน้ำซุปต่ออีกสองสามทีจนหมดชาม
"ไม่นะ เจ้าชาย อย่าทิ้งข้าไป ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว ข้ากลัว เจ้าชาย เจ้าชาย เจ้าชายยยยยยยยยยยยยยย.." ยังไม่ทันสิ้นเสียง วัตถุประหลาดอีกชนิดที่ดูดกลืนมหาสมุทรก็ช้อนร่างทั้งร่างพร้อมพื้นดินที่เหลืออยู่ทั้งหมดขึ้น นี่คงเป็นส่วนสุดท้ายแล้ว ตอนนี้อะไรจะเกิดก็ชั่งมัน เจ้าชายไม่อยู่แล้วข้าอยู่ไปก็ไม่มีความหมายอะไร ความมือค่อยๆเข้าคลอบงำ ร่างเล็กไม่คิดอะไรอีกแล้ว ได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลริน เมื่อไม่มีเจ้าชาย อยู่ไปก็ไความหมายความตายไม่น่ากลัวอีกแล้ว
. ...........................................
"ป้าๆ เก็บตัง" เสียงสาวน้อยดังขึ้นเมื่อกินเสร็จ หยิบทิชชู่ขึ้นเช็ดปาก
"เย็นตาโฟเส้นใหญ่ยี่สิบ อืม...ให้มาห้าสิบ ทอน สามสิบบาท วันนี้พิเศษป้าเพิ่มลูกชิ้นกุ้งไปอร่อยมั้ย"
"อร่อยป้า ลูกชิ้นกุ้งเหมือนเจ้าหญิงต่างเมืองเลย ไปหละป้าเดี๋ยวเยนพิเศษไม่ทัน วันหลังหนูจะมากินใหม่" และแล้วเด็กสาวก็สะพายกระเป๋าจากไป
FIN.
ผลงานอื่นๆ ของ chryso_christ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ chryso_christ
ความคิดเห็น