ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Jewel Quest

    ลำดับตอนที่ #6 : สู่โรน์

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 50



                   
    แสงแดดกระทบผืนน้ำเป็นประกาย ทะเลสาบโอเรอันกว้างใหญ่ผืนน้ำสงบนิ่งน่าเกรงขาม  น่าเหลือเชื่อที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาคณะเดินทางทั้งสี่เพิ่งจะรอดจากน้ำวนในทะเลสาบนี้มาได้อย่างหวุดหวิด


                   
    "ไปแล้วหรือครับ" ทหารยามโค้งให้อย่างนอบน้อมระหว่างที่เซียร่าผ่านประตูเมืองออกไป


                   
    ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันยังตะคอกใส่อย่างไม่สนใจเหตุผล...น่าเตะสั่งสอนจริงๆ


                   
    ท่านที่ปรึกษาพยักหน้าให้อย่างไม่ใส่ใจนักแล้วออกคำสั่ง
    "ขอแพสักลำสิ"


                   
    "จะไปทางแพหรือครับ เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งจะเจอน้ำวนกันไป..."


                   
    "น้ำวนหรือ..." จอมเวทหันมาทางผู้ต้องคดีโดยไม่รู้ตัว


                   
    "คิดว่าเป็นฝีมือของพวกอัศวินกับคนที่ชื่อไดเมสหรือครับ" ลัวร์เอ่ยอย่างเดาใจได้


                   
    "ทำไมถึงได้คิดแบบนั้นล่ะคะ"


                   
    "เพราะบริเวณทะเลสาบทั้งหมดและตัวเมืองอยู่ในเขตเวทของหัวหน้าฝ่ายอารักขาไดเมส  ปราก  น้ำวนก็ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติเพราะทะเลสาบนี่ก็ไม่ใช่ธรรมชาติ...มันถูกสร้างขึ้นโดยเวทมนตร์" เซียร่าอธิบายขณะเดินออกมาให้ห่างจากประตูเมือง


                   
    "สภาเวทไม่รู้ตัวหรือว่ามีหนอนบ่อนไส้" ประโยคถามต่อจากนักฆ่าหนุ่มถูกตัดบทอย่างห้วนๆโดยฝีมือของเซียร่า 


                   
    "นั่นไม่ใช่หน้าที่ของข้า  หน้าที่ของข้าคือค้นหาอัญมณีทั้งสิบสองให้พบและนำกลับมาที่สภาเวท"


                   
    "งั้น...ท่านจอมเวททั้งหลายก็ช่วยกรุณาพาพวกเราข้ามทะเลสาบนี่ไปทีสิ" เสียงกวนๆเอ่ยพร้อมกับแววตากวนประสาทที่ส่งให้


                   
    เซียร่าแกล้งทำเป็นหูทวนลม กรรมนี้จึงตกเป็นของลัวร์


                   
    เสียงบริกรรมคาถาเบาๆถูกกลบด้วยเสียงโหยหวนของลมที่พัดหมุนวนรอบพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงบริกรรมเวทที่พอจะได้ยินอยู่บ้างนั้นฟังแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย พวกเขาคงจะประสาทเสียแน่   ภาพรอบตัวเริ่มพร่ามัวกับอาการคลื่นไส้...อาการปกติเมื่อเดินทางด้วยเวทเคลื่อนย้าย  ระยะทางยิ่งไกล อาการยิ่งเป็นหนัก  นี่เพียงแค่ออกจากโอเรเนค...บางที...การเดินไปโรน์คงจะดีกว่าจริงๆ


                   
    ตุบ !


                   
    ของหนักๆกระทบพื้น
    'ผู้โดยสาร' ทั้งหลายก็ควานหาสัมภาระตนอย่างไม่สนใจ 'ผู้ให้บริการ' ที่บัดนี้กลิ้งอยู่บนพื้นหญ้า เสื้อคลุมที่เป็นรอยจากเท้าใครบางคนอยู่ก่อนแล้วยิ่งสกปรกขึ้นไปอีก


                   
    "เจ้ากำหนดบริเวณเคลื่อนย้ายได้อย่างไรโดยไม่กางข่ายเวท" เขายังไม่ทันหายมึนดีคำถามที่เหมือนข้อสอบเข้าเรียนเวทก็ตามมาติดๆจากท่านจอมเวทที่ปรึกษา


                   
    "ความลับทางการค้าน่ะครับ" ลัวร์ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก  พยามยามปัดเศษหญ้าออกจากตัว


                   
    "ความลับทางการค้า...ในการส่งลูกค้าอย่างปลอดภัยแต่ตัวเองลงไปนอนเล่น" คำถามที่จอมเวทหนุ่มแอบหัวเราะในใจ  ลองข้าส่งพวกท่านให้ลงไปกลิ้งดูสิ สักสองคนแหละที่จะด่าข้าหูชา  เขาคิดอยู่ในใจก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าตามเหล่าเพื่อนร่วมชะตากรรมไป


     



     

                    "เมื่อยโว้ย...เมื่อย" เสียงบ่นของนักบวชเรื่องมาก ปากมาก แถมยังขี้สงสัยเป็นที่สุด นอกจากบ่น กับตั้งคำถามร้อยแปดที่มีลัวร์คอยตอบอยู่ทุกครั้งแล้ว  มันก็ทำอย่างอื่นไม่เป็น


                   
    ตะวันลับขอบฟ้าไปหลายชั่วโมงแล้ว โชคดีที่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ไปเจอเข้ากับป้ายแนะนำโรงเตี๊ยมริมทาง


                   
    ทั้งๆที่รู้ว่าจะได้พักอยู่แล้วไอ้นักบวชนี่ก็ยังคงบ่นต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน


                   
    ปลอบก็แล้ว...


                   
    ตะคอกใส่ก็แล้ว...


                   
    หรือแม้แต่ใช้กำลังไปแล้ว...


                   
    ไม่ช้าแสงไฟสลัวจากจากโรงเตี๊ยมเล็กๆก็อยู่ตรงหน้า  อาคารไม้สูงประมาณสามชั้น  สถาปัตยกรรมพื้นฐานของเหล่าโรงแรมริมทาง  ถ้าเป็นทางระหว่างเมืองใหญ่ๆทั้งปริมาณและคุณภาพของโรงแรมริมทางเหล่านี้ก็มักจะเพิ่มขึ้นตาม


                   
    แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า...โรน์ไม่ได้ยิ่งใหญ่อีกต่อไปแล้ว


                   
    ชั้นล่างเป็นร้านเหล้า หยากไย่บนผนังบ่งบอกชัดเจนว่าคงไม่มีใครผ่านมาทางนี้เป็นเวลานานแล้ว ชายแก่ที่เหมือนจะเป็นเจ้าของนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่หลังเคาน์เตอร์


                   
    เซียร่าเดินไปเอากุญแจห้องมา


                   
    "สามห้อง หกร้อยเหรียญจ่ายข้ามาด้วย คนล่ะร้อย" เธอเอ่ยเรียบๆ


                   
    ...ยัยนี่งกชะมัด...


                   
    ซีนิกส์ควานหาใบประกาศรับจ้างของกลุ่มนักฆ่าอิสระมาโบกตรงหน้าเธอ


                   
    "ข้อ 4 ค่าใช้จ่ายระหว่างการทำงานผู้จ้างจะต้องเป็นผู้ออกให้ทั้งหมด" เขากล่าวอย่างมีชัยแล้วขยำกระดาษเก็บที่เดิม


                   
    ...รอดตัวไปสอง...


                   
    "ฉัน...ขอรบกวนคุณเซียร่าหน่อยแล้วกันนะคะ" เรนเอ่ยเบาๆอย่างสุภาพ...เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลดีเพราะไอ้จอมเวทอีกคนก็มาไม้เดียวกัน


                   
    "ผมด้วยครับ"


                   
    ...นี่ไปอีกสอง...


                   
    ลูคัสแทบอยากจะกัดลิ้นตาย  เงินก็ไม่มี  ยังต้องมาขอร้องจอมเวทบ้าอำนาจนี่อีก


                   
    "ฉันด้วย" เขาส่งเสียงลอดไรฟัน


                   
    "ข้าไม่ได้ยิน เจ้าพูดว่าอะไรนะ" เซียร่าเอ่ยน้ำเสียงสดใส นานๆจะได้แก้เผ็ดมันเสียบ้าง ให้รู้ว่าอย่ามาลองดีกับที่ปรึกษาแห่งสภาเวท


                   
    "ฉัน บอก ว่า ขอ รบ กวน ด้วย คน" เขาเอ่ยเน้นๆทีละคำอย่างหมดทางเลือกกับรอยยิ้มอย่างพึงพอใจของจอมเวทสาวก่อนจะเดินนำขึ้นบันไดไป


                   
    ที่แท้...มันก็เป็นเพียงสงครามประสาทระหว่างท่านมหาเวทกับนักบวชนอกรีตก็เท่านั้น


                   
    "โอ๊ย...เมื่อย ไปพักก่อนดีกว่า ไปเถอะเรน" ยังไม่ทันหายเข็ดจากท่านเซียร่าเจ้านักบวชก็เริ่มโวยวายอีกครั้ง


                   
    "เสียใจ  เรนพักกับข้าเจ้าไปพักกับลัวร์" จอมเวทส่งเสียงขัด


                   
    "อะไรกัน !" คนปากมากรีบโวยลั่น


                   
    "แล้วจะให้ผู้หญิงกับผู้ชายมานอนห้องเดียวกันเนี่ยนะ"


                   
    "แล้วนักฆ่าสองคนนี่..."


                   
    "ตกลง...งั้นเจ้าพักกับโซฟิเลีย ลัวร์พักกับซีนิกส์" ประโยคที่ทำให้เขาปิดปากสนิทอย่างไม่กล้าต่อปากต่อคำอีกต่อไป


                   
    "ไม่" แต่คำปฏิเสธกลับมาจากสตรีผู้ถูกดึงไปร่วมอย่างไม่จำเป็นก่อนจะรีบคว้ากุญแจห้องไป


     



                   
    "เจ้าได้เงินค่าจ้างจากหัวหน้าหรือยัง" ซีนิกส์เอ่ยลอยๆกับหญิงสาวเพื่อนร่วมห้อง


                   
    "หัวหน้าเคยจ่ายค่าจ้างให้ท่านด้วยหรือ" เสียงเรียบๆจากเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง สายตาเลื่อนลอยไปยังยอดไม้ที่ไหวไปตามลมต้องกับแสงนวลจากจากจันทร์เสี้ยวบนฟากฟ้า


                   
    "ถึงแม้จะได้ค่าจ้างจากสภาเวทมาสามเท่า เราก็จะไม่ได้สักแดง" ประโยคประชดที่เรียกได้เพียงอาการพยักหน้าตอบจากคนเย็นชาก่อนจะสวนกลับ


                   
    "ท่านเองก็ได้สิ่งตอบแทนจากการทำงานนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ"


                   
    "ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านหัวหน้าถึงกลัวเจ้าหนักหนา" ซีนิกส์ตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะที่จงใจเลียนแบบคนที่ถูกพาดพิงในประโยค "เจ้ารู้ทันไปเสียทุกเรื่อง"


                   
    มือสังหารสาวที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างเริ่มได้กลิ่นบรรยากาศไม่ค่อยดีนัก

    ซีนิกส์สาวเท้าเข้ามาใกล้  สีหน้าแบบนั้นไม่น่าไว้วางใจแม้แต่น้อย


                   
    ว่าแล้ว...เจ้าคนกะล่อนตรงหน้าต้องมาไม้นี้


                   
    "ข้า...ย้ายห้องดีกว่า" ร่างของหญิงสาวเดินตรงไปที่ทางออก


                   
    "ไม่เห็นต้องไป" น้ำเสียงสบายอารมณ์เอ่ยค้านพร้อมกับที่เจ้าตัวเอนกายลงบนเตียงอย่างสบายอารมณ์


                   
    "เตียงเดียวจะนอนได้ยังไงกัน" เธอเอ่ย  ในใจพลันนึกอยากฆ่าไอ้คนแจกห้องนัก...แต่จะว่าไปแล้วเธอเป็นคนคว้ากุญแจมาก่อนเอง


                   
    ฉึก
    !


                   
    มีดสั้นสีเงินพุ่งเสียบเข้าที่ช่องประตูในวินาทีที่นักฆ่าสาวเอื้อมมือไปจับที่กลอน มีดสั้นที่น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่ามาจากใครแล้วเจ้าของมีดที่ว่าก็มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเธอ


                   
    ใบหน้าของเขาก้มต่ำลงมาจนเสมอกับใบหน้าเธอที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ  ใกล้...จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะหน้า


                   
    กึก
    !


                   
    มือของสาวงามยังคงพยายามเปิดประตูที่ปิดตายไปแล้วเพราะมีดสั้นเมื่อครู่ แม้เท้าจะถอยหนีออกมาจนแผ่นหลังแนบกับกำแพงแต่คนตรงหน้าก็ไม่ยอมทิ้งช่องว่างแม้แต่น้อย


                   
    "ท่าน...." เสียงหวานที่ขาดหายไปเพียงเท่านั้น


                   
    นัยน์ตาสีน้ำตาลปรือลงช้าๆ...


                   
    ปัง
    !   ปัง !


                   
    "เรารู้ว่าพวกแกอยู่ในนั้นเจ้าพวกนักฆ่า" เสียงทุบประตูดังประสานกับเสียงตะโกนจากข้างนอก


                   
    "บ้าเอ๊ย !"  ซีนิกส์สบถ ส่วนคนที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเขาเมื่อครู่อาศัยจังหวะนั้นปลีกตัวออกไปแล้วพร้อมกับส่งเสียงตอยกลับมา "มันรู้ได้ยังไงกัน"


                   
    "มีทางเดียว"


                   
    "ไอ้แก่นั่น !"


                   
    เสียงกระซิบสนทนากันอย่างวิตกกังวลของนักฆ่าทั้งสองที่จบลงด้วยบทสรุปอย่างเป็นเอกภาพ


                   
    แต่ก่อนจะมีใครได้คิดว่าควรทำอะไรในสถานการณ์เช่นนี้


                   
    "ถ้าพวกแกไม่ออกมานางนักบวชกับจอมเวทนี่เป็นศพไม่สวยแน่" เสียงตะโกนพร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าดที่จำได้แน่ๆว่าเป็นของเรนมาเป็นหลักฐาน


                   
    ซีนิกส์บิดที่ลูกบิดแต่...


                   
    กึก
    !


                   
    เวรกรรม
      จะอะไร...ก็มีดที่ปักคาอยู่เกือบครึ่งเล่ม แม้เขาจะพยายามดึงมันออก  แต่ก็ไม่เป็นผล


                   
    "จะเปิดไหม !"


                   
    โครม
    !


                   
    เสียงตะโกนครั้งสุดท้ายถูกกลบด้วยเสียงประตูที่พังปะทะหน้าผู้บุกรุกไปแล้วด้วยฝีมือใครบางคน


                   
    อัศวินนายหนึ่งในเกราะสีดำวับ ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่าเขาจะต้องเป็นหนึ่งในตัวเอ้ของสมาพันธ์ ตามด้วยมือดาบอีกเป็นโขยงกับเรนและเซียร่า...ยัยนักบวชนี่ยังไม่เท่าไหร่แต่ไอ้ท่านที่ปรึกษาคนสำคัญแห่งสภาเวทนี่สิ  กลับมาเสร็จมือดาบกระจอกพวกนี้ได้


                   
    "ความอดทนน่ะมีไหม...ไม่เห็นหรือไงว่าประตูมันติดต้องพังออกมาเนี่ย" น้ำเสียงสบายอารมณ์พร้อมกับที่เจ้าตัวก้าวออกมาช้าๆ


                   
    "ซีนิกส์   โชเมส" อัศวินเกราะดำ กล่าวตอบพลางยิ้มอย่างแกนๆให้


                    
     "ลาเรว...ท่าทางคงจะมีคนส่งสาส์นไปเชิญแกมาเป็นแขกพิเศษของเราล่ะสิ" เป็นเสียงของนักฆ่าสาวที่ได้รับการตอบรับเช่นเดียวกัน


                   
    "อ้า...โซฟิเลีย   เมลาเรน"


                   
    "หวังว่าพวกข้าจะไม่ได้มาขัดเวลาความสำราญ...แต่ข้ามาเพื่อชำระหนี้กับพวกเจ้า เจ้ารับเงินค่าจ้างจากท่านไพออสมาแล้ว  แต่กลับมาร่วมทางกับพวกของสภาเวท ข้าคงต้องถือว่านี่...คือการทรยศ  และคนที่ทรยศต่อสมาพันธ์ โทษที่จะได้รับคือความตาย"


                   
    เมื่อดาบเรียวยาวของผู้นำกองทัพย่อยๆถูกดึงขึ้นมาจากฝัก  เป็นสัญญาณให้แก่เหล่าอัศวินผู้ติดตามทั้งหลาย


                   
    "ท่านคงต้องติดต่อที่สำนักงานแล้วล่ะครับ คุณลูกค้า" มือสังหารหนุ่มเอ่ยตอบ  ใบหน้าของสองมือสังหารที่แม้จะถูกขู่เอาชีวิตยังคงนิ่ง


                   
    ส่วนนักบวชสาวที่ถูกใช้เป็นตัวประกันอยู่ตอนนี้ก็ทำสีหน้าได้อย่างสมบทบาท  ที่น่าแปลกใจคือเซียร่าดูจะไม่วิตกกังวลกับการถูกเหล่า
    'มือดาบกระจอก' พวกนี้เล่นงานเท่าไรนัก  แม้จะเดิมพันด้วยตำแหน่งที่ปรึกษาแห่งสภาเวทโอเรเนคก็ตามที


                   
    เรื่องที่น่าแปลกใจยังไม่ได้มีเพียงเท่านี้  แม้เจ้านักบวชนอกรีตที่พักอยู่ห้องถัดไปจะขี้เซาสักเท่าใด  เสียงตะโกนโหวกเหวกและเสียงพังประตูโครมครามเมื่อครู่ก็น่าจะทำให้อีกสองคนนั้นรู้ตัวบ้าง  ลูคัสอาจจะไม่ได้ยิน อย่างน้อย...ลัวร์ก็ต้องได้ยิน


                   
    "คิดจะสู้กับพวกข้าหรือไง...เจ้าไม่มีทางชนะหรอก" เป็นประโยคแรกที่ออกจากปากจอมดาบขี้โอ่นี่แล้วให้ความรู้สึกว่าน่าจะเป็นความจริงมากที่สุด


                   
    ซีนิกส์ชักมีดยาวประจำตัวออกมาราวกับตัดสินใจแน่วแน่แล้ว


                   
    เป็นวินาทีเดียวกับที่เกิดความรู้สึกกดดันมหาศาล  อากาศรอบตัวถูกพลังบางอย่างบีบอัดจนไม่สามารถจะทรงตัวอยู่ได้


                   
    โครม
    !


                   
    เสียงดังโครมครามอีกระลอก  พร้อมกับการจากไปของพื้นโรงแรมผุๆใกล้ตัวของ 'ต้นตอ' ผู้ใช้เวท  พาเอาเหล่ามือดาบทั้งหลายร่วงลงไป


                   
    สมแล้วกับตำแหน่งที่ปรึกษาแห่งสภาเวทที่เพิ่งจะถูกปรามาสไปเมื่อครู่  ท่านมหาเวทสามารถกำหนดอาณาเขตเวทโดยไม่ให้เรนถูกลูกหลงไปด้วย


                   
    เพียงตัวคนเดียวก็สามารถจัดการคนทั้งกองย่อยนี่ได้ในพริบตา


                   
    ...ถ้าไอ้สองคนนั่นไม่ตื่นด้วยเสียงพังประตูเมื่อกี้  อย่างน้อยเสียงนี่ก็น่าจะมีผลอะไรบ้าง...


                   
    "อย่าเล่นแรงนักสิครับ  ค่าห้องยังค้างเขาไว้เลย" ยังไม่ทันขาดคำ  เสียงของจอมเวทหนุ่มก็ดังขึ้นจากอีกฟาก


                   
    มันคงรู้ตัวตั้งแต่ก่อนพวกอัศวินทวงหนี้นี่จะบุกเข้ามาแล้ว...แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น


                   
    "ช่าย...รู้ม้ายว่านี่มานกี่โมงกี่ยามแล้ว" เจ้านักบวชตัวดีลากเสียงอย่างกวนประสาทตามมาติดๆ  "โคนจาหลาบจานอน"


                   
    "ตอนนั้นข้าแค่เป็นห่วงเรนเท่านั้นแหละ ไม่งั้นแกจะได้มายืนลอยหน้าอวดดีอยู่ตรงนี้หรือ" เซียร่าขยับเสื้อคลุมให้เข้าที่


                   
    มันคงจะเป็นเหมือนคำแก้ตัวหากไม่ใช่เพราะอัศวินหลายสิบนายเพิ่งจะถูกท่านเซียร่าจัดการไปเมื่อไม่กี่นาทีมานี้


                   
    จากสถานการณ์ได้เปรียบสุดๆกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

    ...ไม่เห็นมีใครเคยบอกว่ายัยจอมเวทนี่จะเก่งขนาดนี้...


                   
    "ออกไปซะ  ไม่งั้นข้าจะฝังเจ้าตรงนี้เลย" ไม่ว่าเปล่าท่านที่ปรึกษาควงคทาเป็นเชิงขู่


                   
    "อย่าลงมือเองเลยเจ๊ อุตส่าห์จ้างนักฆ่ามาทั้งที ปล่อยให้นักฆ่าลงมือจะคุ้มกว่า" ลูคัสบอกพร้อมกับโยนภาระเต็มๆ


                   
    "แกมันก็ชอบสั่งอยู่เรื่อย" คนถูกโยนภาระใส่เอ่ยอย่างหงุดหงิด


                   
    เคร้ง
    !


                   
    แต่ลงท้ายก็ยอมทำตามแต่โดยดี


                   
    มีดสั้นจากมือสังหารหนุ่มถูกดาบจากยอดอัศวินแห่งเอลเซสปัดทิ้งไปได้พร้อมกับคำปรามาส


                   
    "อย่าคิดว่ามีดกระจอกจะฆ่าได้ทุกคน"


                   
    "อย่าคิดว่านักฆ่าทำเป็นแค่เล่นมีด"


                   
    ดวงตาสีเข้มหรี่ลงอย่างอำมหิต ดาบยาวค่อยๆถูกดึงออกมาจากเสื้อคลุมของนักฆ่า...การประดาบของรองหัวหน้าสมาพันธ์อัศวิน และสมาคมนักฆ่าอิสระกำลังจะเริ่มขึ้น

    เคร้ง !   เคร้ง !   เคร้ง !


                   
    มือสังหารหนุ่มกำลังบรรเลงเพลงดาบใส่ศัตรู  ทั้งความเร็วและพละกำลังนั้นเป็นเลิศ  คงสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ภายในพริบตาหากศัตรูนั้นไม่ใช่บุรุษผู้นี้


                   
    ...ลาเรว  วัลเตส...


                   
    อัศวินแห่งเอลเซสผู้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าสมาพันธ์อัศวิน  ถึงเจ้าตัวจะปากดีขี้โอ่สักเพียงใด  ยามต่อสู้ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่คำโอ้อวดที่ไร้มูลความจริง  และในทางกลับกันหากคู่ต่อสู้ของอัศวินผู้นี้ไม่ใช่ซีนิกส์เขาก็คงสามารถเอาชนะได้อย่างไม่ยากเย็นนัก


                   
    ชิ้ง
    !


                   
    ดาบในมือของอัศวินเกราะดำถูกซีนิกส์ปัดกระเด็นไป  คงจะเพราะความประมาทในคู่ต่อสู้หรือไม่ก็เพราะเป็นความกังวล  ถึงแม้เขาจะสามารถเอาชนะนักฆ่าตรงหน้าได้...ซึ่งก็ดูจะยากอยู่แล้ว  คนที่เหลือนี่ดูท่าทางคงจะไม่ธรรมดา


                   
    เขายังคงสามารถเบี่ยงตัวหลบดาบในมือของคู่ต่อสู้ตรงหน้าได้อย่างเฉียดฉิว  แต่คนอย่าง ซีนิกส์  โชเมส คงไม่ปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ได้นานนัก


                   
    ไม่ทันไรดาบของมือสังหารก็แทงถูกสีข้างของอัศวินหนุ่ม  คงไม่ใช่ความบังเอิญที่บริเวณที่ดาบวาดผ่านนั้นเป็นรอยต่อระหว่างชุดเกราะพอดิบพอดี  หยดเลือดไหลลงสู่พื้นไม้อย่างถี่ๆ  ถ้าไม่ใช่เพราะลาเรวสามารถหลบดาบนั้นได้ในวินาทีสุดท้ายแล้ว...คงไม่ได้มีแค่เลือดที่จะกองอยู่บนพื้นเป็นแน่


                   
    อย่างไรก็ตามแม้ลาเรวจะรอดจากการโจมตีเมื่อครู่ได้  สภาพของเขาในตอนนี้ก็คงไม่สามารถหลบวิถีดาบของคู่ต่อสู้ได้อีกต่อไป  และบทสรุป...ก็คงไม่ต่างกัน


                   
    ดาบยาวถูกวาดขึ้นอย่างช้าๆ


                   
    ...รองหัวหน้าคนสำคัญของสมาพันธ์อัศวิน เหตุใดจึงจบลงง่ายๆเช่นนี้...


                   
    ฉับพลันคนถือไพ่เหนือกว่าก็ผงะถอยออกมาจากร่างของเหยื่อ  เพราะไอมนต์ที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบๆ  แปรสภาพเป็นกำแพงลมที่กำลังก่อตัวหมุนวนอยู่รอบร่างของอัศวินหนุ่ม


                   
    "เวทเคลื่อนย้าย !"  เป็นเสียงตะโกนของเจ้าจอมเวทระดับแปด  ที่ถือคทาอยู่ในท่าบริกรรมเวท


                   
    "จงสลายไป !!" แสงสีแดงพุ่งออกจากคทาของผู้บริกรรมเวท  ตรงเข้าสู่กำแพงลมของเวทเคลื่อนย้าย


                   
    ...หากแต่ไม่เกิดผลใดๆ...


                   
    เวทเคลื่อนย้ายยังคงสามารถทำหน้าที่ของมันต่อไปได้อย่างไม่สนใจคาถาเมื่อครู่  เป็นไปได้เพียงกรณีเดียว  คือ...พลังของผู้ใช้เวทนั้น มีมากกว่าลัวร์


                   
    ...แต่  มันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ...


                   
    "แค้นนี้ข้าจะตามมาชำระแน่นอนไม่ต้องห่วง" คำพูดทิ้งท้ายของอัศวินหนุ่ม  ทั้งๆที่มันควรจะเป็นประโยคของทางนี้มากกว่า  ก่อนที่กระแสลมจะพัดกระหน่ำขึ้นและหยุดลงแทบจะในทันทีทิ้งไว้เพียงความเงียบวังเวง


                   
    ดวงตาสีฟ้าใสแต่แฝงแวววิตกกังวลของนักบวชสาวยังคงจับจ้องไปตรงที่พวกอัศวินเคยอยู่เมื่อครู่ ผมสีฟ้าขุ่นที่เคยดูนุ่มลื่นราวไหมบัดนี้ดูไม่ต่างจากหัวเจ้านักฆ่านั่นแม้แต่น้อย คงเป็นตอนที่สู้กับพวกนักดาบในห้องแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจที่จะปัดให้มันดูดีขึ้นเลย


                   
    นักบวชอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้กันแต่ 'ความเป็นนักบวช' กลับเทียบกันไม่ได้  มันกำลังหาวถี่ๆอย่างกวนประสาท


                   
    สีหน้าของมือสังหารสาวยังคงเรียบ  ราวกับเธอเพียงแค่รอคอยให้คนที่เหลือสงบสติอารมณ์  เพื่อออกเดินทางต่อ 


                   
    ซีนิกส์ปล่อยสายตาออกไปทางหน้าต่างที่สุดทางเดิน  ในใจคงกำลังโกรธแค้นตัวเองที่ไม่ฆ่าไอ้นักดาบขี้โอ่นั่นให้ตายๆไปเสียเมื่อยังมีโอกาส  เป็นอาการที่ไม่ได้ต่างจากจอมเวทเจ้าของนัยน์ตาสีทองที่เหม่อลอยไม่แพ้กัน  สาเหตุ...ก็คงจะไม่ต่างกันมากนัก


                   
    เซียร่ามองดูคณะเดินทางของตัวเองอย่างปลงอนิจจัง


                   
    "เอาล่ะ  ใกล้เช้าแล้ว เราไปกันต่อดีกว่า" เธอยอมเค้นเสียงร่าเริงออกมาเพื่อทำลายความเงียบ


                   
    แม้แต่คนที่ควรจะบ่นก็ยอมตามออกมาอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแต่โดยดี


                   
    โรงเตี๊ยม...ที่คาดว่าคงจะไม่มีใครมาพักที่นี่อีกต่อไปแล้ว  ระเบียงซีกซ้ายถูกถล่มด้วยเวทอันทรงพลังของท่านมหาเวทที่ปรึกษาแห่งโอเรเนค ส่วนผลงานหลังคากับหน้าต่างที่แตกอีกเป็นแถบนี่ก็ของท่านไดเมส  ปรากและ
    'หน่วยทวงหนี้' ของเขา


                   
    ทางแยกทางเดิมจากเมื่อวานที่ยังมีป้ายแนะนำโรงเตี๊ยมปักอยู่ดูคุ้นตา


                   
    โครม
    !


     
                   ป้ายไม้ที่ยังเห็นกันอยู่เมื่อวินาทีที่แล้วบัดนี้หักกระจายอยู่ใต้เท้าของนักบวชที่เส้นอารมณ์ขาดไปนานแล้ว พร้อมกับที่มือของจอมเวทหนุ่มตบบนบ่าเขาเบาๆ


                   
    "ข้าจะไม่มาพักที่นี่อีกแล้ว ดูสิอาหารเช้าก็ไม่มีให้" ประโยคล้อเล่นประโยคแรกของท่านจอมเวทแห่งโอเรเนคที่ดูจะเหมาะกับบทจริงจังมากกว่า


                   
    "ช่าย.....บริการห่วยจริงๆ" เสียงสนับสนุนของลูคัส


                   
    พร้อมๆกับเสียงหัวเราะของนักบวชสาวแห่งเอลเซสที่กลับมารื่นเริงได้อีกครั้ง คณะเดินทางมุ่งหน้าสู่อีกแยก


                   
    แยก...ที่มีป้ายโลหะขนาดใหญ่กับตัวหนังสือที่สลักลงไปว่า
    'สู่โรน์'


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×