ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Jewel Quest

    ลำดับตอนที่ #5 : กลางโอเรเนค

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 50



                  
    รังสีแห่งการเข่นฆ่าแผ่ทั่วบริเวณพลันให้รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว  กลิ่นคาวเลือดโชยมา ตามสายลมเอื่อยๆ


                   
    ...มีคนถูกฆ่า
    ?


                   
    ...ในโอเรเนค ?


                   
    ...ในเมืองที่มีมาตรการป้องกันที่ปลอดภัยที่สุด
    ?


                   
    พวกเขามายืนอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ร่างของอัศวินในเกราะสีเงินของสมาพันธ์ ดาบเรียวยาวในมือชุ่มอาบด้วยเลือดของเหยื่อที่บัดนี้นอนหายใจระรินจมกองเลือดรอความตาย


                   
    เสียงสบถของจอมเวท  เสียงกรีดร้องของนักบวชสาว กับสีหน้าไร้อารมณ์ของนักฆ่า แม้แต่คนที่ปากดีได้ทุกเวลาขณะนี้ยังเงียบราวกับเป็นใบ้


                   
    สติถูกเรียกกลับมาอีกครั้งด้วยเสียงบริกรรมเวทของที่ปรึกษาแห่งสภาโอเรเนค อัศวินทั้งสองคงไม่มีทางเลือกนอกจาก...ปะทะกับคณะเดินทางนี้อย่างเหนือความคาดหมายเป็นที่สุด


                   
    พรึบ
    !


                   
    เสียงบริกรรมคาถาจบลง นักดาบเวทนับสิบปรากฏกายขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาเป้าหมาย


                   
    นี่หรือ...ความร้ายกาจของมนตราแห่งสภาเวท


                   
    แค่ที่ปรึกษาสภายังมีไอมนต์ฟุ้งกระจายรุนแรงขนาดนี้  คงไม่มีใครกล้านึกถึงประธานสภา...แล้วแค่อัญมณีเล็กๆสิบสองชิ้นจะช่วยให้สมาพันธ์เอาชนะสภาเวทได้อย่างไร


                   
    ฉึก
    !


                   
    ร่างอัศวินคนแรกล้มลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานอาบพื้นหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์  สิ้นใจตายก่อนที่นักดาบเวทจะเข้าถึงตัวด้วยซ้ำ 


                   
    รังสีแห่งการเข่นฆ่า...อำมหิต  ยิ่งกว่าอัศวินสองนายรวมกัน...หรืออาจจะมากกว่าทุกคนในที่นี้รวมกันก็เป็นได้


                   
    ฝีมือของนักฆ่าสาวแห่งดราซ์ดซาน


                   
    ก่อนที่จะมีใครได้ลงมือกับอัศวินเอลเซสอีกนาย เขาก็หายไปแล้วด้วยเวทพรางตาของใครสักคน ไอมนต์ที่ฟุ้งกระจายรุนแรงพอๆกับท่านที่ปรึกษาที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขา


                   
    ใครสักคน...ที่เซียร่าเฉลยคำตอบออกมาให้ทันท่วงที


                   
    ...ไดเมส  ปราก...





     

                    นักบวชสาวกำลังทำหน้าที่รักษาคนเจ็บ


                   
    อาการไม่รุนแรงเพราะดาบไม่ถูกจุดสำคัญแต่เขาหมดสติเพราะเสียเลือด


                   
    "ท่านฆ่าเขา" เซียร่าเอ่ยเสียงสั่นๆ ร่างอัศวินที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าคงทำเอาท่านจอมเวทอยากจะอาเจียนเต็มทน


                   
    "ยังกับว่านักดาบของเจ้าจะไม่ทำ" เป็นซีนิกส์ที่เอ่ยแก้  นักดาบพวกนั้นสลายไปพร้อมๆกับการจากไปของอัศวินอีกนาย


                   
    "มันเข้ามาได้ยังไง" ลูคัสเอ่ยเสียงเครียด  ฟังแล้วขัดหูพิกล "ไหนว่าการเข้าออกโอเรเนคต้องมีจดหมายรับรอง"


                   
    "พวกมันมี..." จอมเวทเอ่ยด้วยเสียงที่เครียดยิ่งกว่า "จดหมายที่ประทับตราของไดเมส หัวหน้าฝ่ายอารักขา"


                   
    "คนที่มาช่วยอัศวินอีกคนไปหรือ"


                   
    เซียร่าพยักหน้าตอบแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง


                   
    "เจ้านี่เป็นใครกัน"  เธอหันไปทางร่างไร้วิญญาณของอัศวินอับโชคแห่งเอลเซสที่อาจหาญมาต่อกรกับนักฆ่าอันดับหนึ่ง ประโยคตัดบทที่แม้แต่คนไร้มารยาทอย่างไอ้นักบวชปากมากยังมีมารยาทพอที่จะไม่เอ่ยซักไซ้ต่อ


                   
    "คนที่หนีไปได้คือ เทลุส  บริโอเนค ผู้สั่งการแห่งนครหลวง ส่วนหมอนี่...คือกอร์ดอน อยู่หน่วย 2 ขึ้นตรงกับผู้สั่งการ"


                   
    คำตอบละเอียดยิบจากหนุ่มนักฆ่า ทั้งที่คนถามก็ถามลอยๆไปอย่างนั้นเอง


                   
    "นักฆ่า...ไปรู้เรื่องงานบริหารของอัศวินได้ยังไง"


                   
    "ใครว่าเล่า  เราซี้กันจะตาย...ทำงานเสร็จทุกครั้งก็ต้องไปเล่นไล่จับกันตลอด"


                   
    คำตอบแบบกวนประสาทที่คาดว่าติดมาจากลูคัส ทำเอาจอมเวทแห่งโอเรเนคต้องถอนใจ


                   
    "ลัวร์ นีอาร์เม ผู้เข้าทดสอบนักเวทระดับ 8" เสียงลูคัสอ่านป้ายสีเงินวับบนเสื้อคลุมของหนุ่มนักเวทผู้โชคร้ายซึ่งกำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนตักของนักบวชสาว


                   
    นัยน์ตาสีดำของลูคัสมองผ่านใบหน้าของคนที่นอนอยู่แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันใด...ไม่เพียงแต่เครื่องหน้าจะมีลักษณะคล้ายกันแม้แต่สีผมที่ยาวจนรวบไปข้างหลังได้ของเจ้าจอมเวทนี่ก็เหมือนกับไอ้บาทหลวงจอมหลอกลวงนั่น


                   
    แล้วมือของเจ้านักบวชจอมยุ่งก็ฉวยเอาคทาในมือจอมเวทขึ้นมาควงเล่น


                   
    "เป็นถึงจอมเวทระดับ 8 แถมคทานี่ก็พลังเวทพอควร...ไม่น่าเสร็จอัศวินกระจอกๆนั่นง่ายขนาดนี้" เจ้าตัวก็วิพากษ์วิจารณ์ต่อไป


                   
    "แล้วพวกอัศวินอยากจะฆ่าหมอนี่ไปทำมะ..." ยังไม่ทันที่ซีนิกส์จะต่อประโยคนั้นจนจบ  เสียงอุทานอย่างตกใจของเรนก็ดังขึ้นพร้อมกับภาพตรงหน้า


                   
    ...นักฆ่าของเขากำลังกระทืบลงไปบนหน้าอกของเจ้าคนที่นอนเจ็บอยู่บนตักนักบวชสาว จนเธอแทบจะผงะออกมา


                   
    "เลิกเล่นละครเสียทีเจ้านักเวท" เสียงเย็นๆเอ่ยพร้อมกับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่แผ่ความกดดันทิ่มแทง  แต่คนถูกปรักปรำยังนอนหลับตาพริ้มหน้าตาเฉย  "ข้าเห็นเจ้าลืมตาตอนลูคัสหยิบคทาไป"


                   
    ลัวร์ลืมตาขึ้นช้าๆพร้อมกับที่โซฟิเลียยกเท้าออกไป  รอยบูทส้นสูงของเธอประทับกลางตราสภาเวทบนเสื้อคลุม  ท่ามกลางความตกใจของคนที่เหลือ...ในเมื่อไม่มีใครเอ่ยปากพูดจากันก่อน  เจ้าจอมเวท 'ระดับ 8' ตัวดีก็เปิดปากเสียเอง


                   
    "เก่งนะครับ อุตส่าห์คิดว่าจะไม่มีใครเห็นเสียแล้ว" เขาเอ่ยด้วยสีหน้านิ่ง "จริงๆแล้วพวกมันตามผมมาตั้งแต่ออกจากการทดสอบที่สภาเวทแล้ว  ถึงได้เริ่มปะทะกันที่จัตุรัสนี่"


                   
    ทั้งคณะได้แต่มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่อ่านได้เหมือนกันว่า
    'มันเป็นใคร ตื่นมาถึงพูดเอาๆ'


                   
    "แล้วนายจะมาแกล้งนอนไม่รู้เรื่องทำไม" คนปากไวที่สุดก็ชิงถามไปแล้ว


                   
    "ผมยังไม่รู้นี่ครับว่าพวกคุณอยู่ฝ่ายไหนหรือมาช่วยผมทำไม  แล้วอีกอย่าง...มีหมอนนุ่มๆรองหัวใครจะไปอยากตื่นล่ะครับ" คำตอบ...ที่เล่นเอาคนที่เป็น 'หมอนนุ่มๆ' นั่นหน้าแดงสนิท


                   
    อ่านจากน้ำเสียงก็รู้ว่าไอ้อันหลังนั่นล้อเล่นแน่นอน


                   
    การตอบคำถามด้วยคำถามของคนที่พยายามลุกขึ้นโดยไม่ใส่ใจรอยเท้าของใครบางคนกลางเสื้อคลุมทำให้ทุกคนเงียบสนิทก่อนจะหันหน้าไปพึ่งเซียร่า


                   
    คนถูกโยนหน้าที่ให้ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยว่า
    "เอาง่ายๆว่าเราไม่ใช่พวกเดียวกับอัศวินพวกนั้นก็พอ"


                   
    ลัวร์พยักหน้าอย่างว่าง่ายพลางกวาดดวงตาสีทองนั้นพิจารณาคณะเดินทางตรงหน้า


                   
    คนที่มีไอมนต์ฟุ้งกระจายแม้จะไม่ได้ใช้เวทมนต์กับเสื้อคลุมของสภาเวทย่อมแสดงว่าเป็นนักเวทที่ทำงานให้สภา...ตำแหน่งสูงเสียด้วย  อีกสองคนที่รีบตรงรี่เข้ามาดูอาการของเขาทันทีหลังจากพวกอัศวินหนีไปแล้วก็สมควรจะเป็นผู้ใช้เวทหรือนักบวช...แต่จากเสื้อคลุมแบบนั้นแล้วคงหนีไม่พ้นสภาพผู้ถือศีลเป็นแน่  ส่วนความรู้สึกสันหลังวาบเพราะรังสีอำมหิตนั้นจะมาจากใครไม่ได้นอกจากอีกสองคนที่เหลือ  จากบทสนทนาที่พอปะติดปะต่อก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าเป็นมือสังหาร


                   
    "ว่าแต่...อยู่ดีๆทำไมเจ้าพวกนั้นถึงมายุ่งกับเจ้า" ซีนิกส์เอ่ยถาม  ข้อสงสัยในใจของเขาอาจจะเป็นข้อเดียวกับคนที่เหลือทั้งหมดก็เป็นได้  ขอแค่อย่าให้เป็นเช่นที่เขากังวลก็พอ  คนตรงหน้านั่นไม่ได้ให้ความรู้สึกน่าร่วมทางกันแม้แต่น้อย


                   
    ถึงขนาดเล่นละครที่ตบตาได้แม้แต่รองหัวหน้าสมาคมนักฆ่าอิสระ...เป็นจอมเวทที่น่ากลัวเหลือเกิน


                   
    "มันบอกให้ส่งคทาให้มันแล้วจะไม่มีใครเจ็บตัว...พูดแล้วก็ขอคทาคืนด้วยนะครับ" เขาหันไปทางนักบวชที่ยังควงคทาเล่นอย่างมันมือ  เจ้าตัวดีหยุดเล่นคทาในมือก็จริง  แต่กลับถือมันค้างเอาไว้ในท่าเดิมซึ่งคงไม่ต่างจากคนที่เหลือเท่าไรนัก  ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้


                   
    "คงไม่ใช่ว่า..." เซียร่าเปรยทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่า 'มันใช่แน่ๆ'


                   
    "พวกอัศวิน...ต้องการคทาเจ้า"  ประโยคเดียวที่เหมือนจะอธิบายทุกอย่างให้ทุกคนแม้แต่คนสมองช้าอย่างไอ้นักบวชนอกรีตนั่นเข้าใจ


                   
    แต่เจ้าคนที่ดูเหมือนเป็น
    'คนนอก' ยังส่งสายตางงๆมาอย่างน่าเวทนา  ทำให้เซียร่าต้องเล่าเรื่องเดิมซ้ำอีกรอบ  ดูท่าว่ากว่าท่านที่ปรึกษาแห่งสภาเวทคนนี้จะหาอัญมณีที่ว่าได้ครบคงต้องเล่าเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่าสิบรอบ


                   
    จอมเวทหนุ่มไม่ได้เอ่ยขัดหรือซักถามอะไรเลย ท่าทางเขาจะเป็นพวกเดียวกับเรน...พวกที่ปฏิเสธอะไรไม่เป็น


                   
    "งั้นพวกคุณจะแค่เอาคทาผมไป...หรือว่า..." ประโยคเสนอตัวของเจ้าของคทา  คงเป็นคนแรกที่ยอมเสนอตัวช่วยเองโดยที่ไม่มีใคร(อยาก)ขอร้อง


                   
    "จริงๆแล้วนี่ไม่ใช่งานที่ควรฉายเดี่ยวน่ะ" คนปากไวเอ่ยแทรก เลียนแบบคำพูดของท่านมหาเวทก่อนหน้านี้


                   
    ลัวร์ทำหน้างงๆกับประโยคนั้น


                   
    ...สมควร...


                   
    ไอ้จำนวนคนที่ยืนอยู่นี่ จะนับกี่ครั้งก็ดูไม่ให้ความรู้สึกกับคำว่า
    'ฉายเดี่ยว' สักนิด ไอ้นักบวชกวนประสาทนี่ก็แค่อยากทดสอบความแกร่งของเส้นอารมณ์จอมเวทแห่งสภาโอเรเนคก็เท่านั้น...


                   
    "ก็ได้ครับ" เจ้าจอมเวทระดับ 8 เอ่ยเรียบๆอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เพื่อระงับสงครามน้ำลายที่อาจจะก่อขึ้นในไม่ช้า


                   
    "ดีงั้นไปกันเลย" เซียร่าเอ่ยตอบ สาวเท้านำแต่ผู้ติดตามทั้งหลายยังยืนนิ่งเป็นรูปสลัก


                   
    เวรกรรม...ง่ายมาก็ง่ายกลับเสียอย่างนั้น  ถ้านี่เป็นแผนของพวกอัศวิน คงติดกับเข้าเต็มๆ  แต่พวกอัศวินคงไม่อาจเสี่ยงใช้คนของสภาเวทเช่นเดียวกัน


                   
    แล้วไอ้
    'ไป' นี่ ไปไหน


                   
    ก่อนจะมีใครได้อ้าปากนักบวชขาประจำก็ถามจบไปแล้ว  อยู่กับมันก็สบายดี ไม่ต้องเอ่ยปากถามเองให้เสียเครดิต


                   
    "คงจะเป็นโรน์สินะครับ" คนตอบไม่ใช่เจ้าคนเดินนำไปแต่เป็น จอมเวทอีกคนที่เพิ่งจะได้ฟังเรื่องที่ว่าไปหยกๆ


                   
    "แล้วจะเดินไปหรือไง"


                   
    "ใช่น่ะสิไม่งั้นเจ้าจะบินไปหรือไง !!"


                   
    "เป็นนักเวทกันไม่ใช่หรือไง ก็ร่ายเวทเคลื่อนย้าย ... ร่ายเสร็จ ถึงไว ไม่เมื่อย"


                   
    "ไม่ได้หรอกครับ"


                   
    สงครามประสาทของหนึ่งนักบวชกับหนึ่งนักฆ่าถูกระงับไว้ได้ทันท่วงทีโดยฝีมือของลัวร์


                   
    "ทำไมล่ะ"


                   
    "เพราะชาวโรน์มีอคติกับผู้ใช้เวท ถ้าอยากให้พวกเขาคิดว่าเราไปอย่างสันติควรหลีกเลี่ยงการใช้เวทโดยพร่ำเพรื่อ"


                   
    "แล้วทำไมชาวโรน์ถึงไม่ชอบเวทมนตร์ล่ะ"


                   "เรื่องนั้น...เดินไปคุยไปน่าจะดีนะครับ"


                   
    ต่อด้วยบทสนทนา
    'สั้นๆ' ระหว่างหนึ่งนักเวทกับหนึ่งนักบวช ที่ผู้ฟังทั้งสี่ก็ได้แต่ยืนฟังอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง


                   
    ไม่มีข้อโต้แย้ง... เพราะไอ้ที่อยากถามก็มีคนถามไปแล้ว  ส่วนไอ้ที่รู้คำตอบแล้วจะตอบก็มีคนตอบไปแล้วอีก


                   
    ลัวร์  นีอาร์เม...คงไม่ใช่จอมเวทระดับ 8 ธรรมดา  ลำพังแค่อดทนตอบคำถามมาราธอนของนักบวชขี้สงสัยนี่ได้...ก็ไม่ธรรมดาแล้ว


                   
    "เจ้าน่าจะลองสมัครเข้าสภาเวทดูนะ" ว่าแล้วท่านที่ปรึกษาแห่งสภาเวทก็ทำหน้าที่ฝ่ายบุคคลเสียเลย


                   
    "เกรงว่าอายุจะเกินเอา น่ะสิครับ"  คนถูกชวนตอบอย่างสบายๆ  ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแบบนั้นคงมีสาเหตุอื่นมากกว่าแค่ 'อายุเกิน' ที่ทำให้คนมีความสามารถเช่นนี้ปฏิเสธสภาเวท


                   
    สภาเวท...ที่เหล่านักเวททั้งหลายต่างใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งตนจะได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน  ทั้งชื่อเสียง  ทรัพย์สมบัติ  และการได้รับความไว้วางใจจากเหล่ามหาเวทและขุนนางชั้นสูงของเมืองต่างๆ


                   
    "เจ้าอายุเท่าไหร่กัน" เซียร่าพลั้งปาก  แต่ก็ด้วยความสงสัยเหลือเกิน...อายุของผู้ที่สามารถสมัครเข้าสภาเวทได้คือไม่เกิน ยี่สิบสี่ปี  เจ้าคนผมยาวตรงหน้าดูยังไงก็ไม่เกินยี่สิบ


                   
    "นี่เจ๊  ไม่รู้หรือไงว่าถามอายุสุภาพสตรีน่ะมันเสียมารยาท" ลูคัสเอ่ยขึ้นแทรก  คนอื่นอาจจะต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการเข้าใจประโยคนี้  แต่คนอย่างลัวร์ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากขนาดนั้น


                   
    เปรี้ยง
    !


                   
    กับสายฟ้าจากคนถูกล้อที่ส่งลงห่างจากนักบวชที่ไม่ระวังปากไม่ถึงฟุต  ทำเอาเจ้าตัวร้องเอะอะอย่างหมดมาดนักบวชแห่งเอลเซส...ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไอ้มาดที่ว่านี่ก็ไม่ได้มีมากเท่าไหร่เสียด้วย


                   
    "เจ้าต่างหาก  ที่ไม่รู้หรือไงว่าไม่ควรยั่วสุภาพสตรีก่อน" เสียงร่าเริงจากสุภาพสตรีตัวจริงที่เดินนำไปไกลแล้ว


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×