คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : กลางโอเรเนค
รังสีแห่งการเข่นฆ่าแผ่ทั่วบริเวณพลันให้รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว กลิ่นคาวเลือดโชยมา ตามสายลมเอื่อยๆ
...มีคนถูกฆ่า ?
...ในโอเรเนค ?
...ในเมืองที่มีมาตรการป้องกันที่ปลอดภัยที่สุด ?
พวกเขามายืนอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ร่างของอัศวินในเกราะสีเงินของสมาพันธ์ ดาบเรียวยาวในมือชุ่มอาบด้วยเลือดของเหยื่อที่บัดนี้นอนหายใจระรินจมกองเลือดรอความตาย
เสียงสบถของจอมเวท เสียงกรีดร้องของนักบวชสาว กับสีหน้าไร้อารมณ์ของนักฆ่า แม้แต่คนที่ปากดีได้ทุกเวลาขณะนี้ยังเงียบราวกับเป็นใบ้
สติถูกเรียกกลับมาอีกครั้งด้วยเสียงบริกรรมเวทของที่ปรึกษาแห่งสภาโอเรเนค อัศวินทั้งสองคงไม่มีทางเลือกนอกจาก...ปะทะกับคณะเดินทางนี้อย่างเหนือความคาดหมายเป็นที่สุด
พรึบ!
เสียงบริกรรมคาถาจบลง นักดาบเวทนับสิบปรากฏกายขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาเป้าหมาย
นี่หรือ...ความร้ายกาจของมนตราแห่งสภาเวท
แค่ที่ปรึกษาสภายังมีไอมนต์ฟุ้งกระจายรุนแรงขนาดนี้ คงไม่มีใครกล้านึกถึงประธานสภา...แล้วแค่อัญมณีเล็กๆสิบสองชิ้นจะช่วยให้สมาพันธ์เอาชนะสภาเวทได้อย่างไร
ฉึก!
ร่างอัศวินคนแรกล้มลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานอาบพื้นหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ สิ้นใจตายก่อนที่นักดาบเวทจะเข้าถึงตัวด้วยซ้ำ
รังสีแห่งการเข่นฆ่า...อำมหิต ยิ่งกว่าอัศวินสองนายรวมกัน...หรืออาจจะมากกว่าทุกคนในที่นี้รวมกันก็เป็นได้
ฝีมือของนักฆ่าสาวแห่งดราซ์ดซาน
ก่อนที่จะมีใครได้ลงมือกับอัศวินเอลเซสอีกนาย เขาก็หายไปแล้วด้วยเวทพรางตาของใครสักคน ไอมนต์ที่ฟุ้งกระจายรุนแรงพอๆกับท่านที่ปรึกษาที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขา
ใครสักคน...ที่เซียร่าเฉลยคำตอบออกมาให้ทันท่วงที
...ไดเมส ปราก...
◘
นักบวชสาวกำลังทำหน้าที่รักษาคนเจ็บ
อาการไม่รุนแรงเพราะดาบไม่ถูกจุดสำคัญแต่เขาหมดสติเพราะเสียเลือด
"ท่านฆ่าเขา" เซียร่าเอ่ยเสียงสั่นๆ ร่างอัศวินที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าคงทำเอาท่านจอมเวทอยากจะอาเจียนเต็มทน
"ยังกับว่านักดาบของเจ้าจะไม่ทำ" เป็นซีนิกส์ที่เอ่ยแก้ นักดาบพวกนั้นสลายไปพร้อมๆกับการจากไปของอัศวินอีกนาย
"มันเข้ามาได้ยังไง" ลูคัสเอ่ยเสียงเครียด ฟังแล้วขัดหูพิกล "ไหนว่าการเข้าออกโอเรเนคต้องมีจดหมายรับรอง"
"พวกมันมี..." จอมเวทเอ่ยด้วยเสียงที่เครียดยิ่งกว่า "จดหมายที่ประทับตราของไดเมส หัวหน้าฝ่ายอารักขา"
"คนที่มาช่วยอัศวินอีกคนไปหรือ"
เซียร่าพยักหน้าตอบแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
"เจ้านี่เป็นใครกัน" เธอหันไปทางร่างไร้วิญญาณของอัศวินอับโชคแห่งเอลเซสที่อาจหาญมาต่อกรกับนักฆ่าอันดับหนึ่ง ประโยคตัดบทที่แม้แต่คนไร้มารยาทอย่างไอ้นักบวชปากมากยังมีมารยาทพอที่จะไม่เอ่ยซักไซ้ต่อ
"คนที่หนีไปได้คือ เทลุส บริโอเนค ผู้สั่งการแห่งนครหลวง ส่วนหมอนี่...คือกอร์ดอน อยู่หน่วย 2 ขึ้นตรงกับผู้สั่งการ"
คำตอบละเอียดยิบจากหนุ่มนักฆ่า ทั้งที่คนถามก็ถามลอยๆไปอย่างนั้นเอง
"นักฆ่า...ไปรู้เรื่องงานบริหารของอัศวินได้ยังไง"
"ใครว่าเล่า เราซี้กันจะตาย...ทำงานเสร็จทุกครั้งก็ต้องไปเล่นไล่จับกันตลอด"
คำตอบแบบกวนประสาทที่คาดว่าติดมาจากลูคัส ทำเอาจอมเวทแห่งโอเรเนคต้องถอนใจ
"ลัวร์ นีอาร์เม ผู้เข้าทดสอบนักเวทระดับ 8" เสียงลูคัสอ่านป้ายสีเงินวับบนเสื้อคลุมของหนุ่มนักเวทผู้โชคร้ายซึ่งกำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนตักของนักบวชสาว
นัยน์ตาสีดำของลูคัสมองผ่านใบหน้าของคนที่นอนอยู่แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันใด...ไม่เพียงแต่เครื่องหน้าจะมีลักษณะคล้ายกันแม้แต่สีผมที่ยาวจนรวบไปข้างหลังได้ของเจ้าจอมเวทนี่ก็เหมือนกับไอ้บาทหลวงจอมหลอกลวงนั่น
แล้วมือของเจ้านักบวชจอมยุ่งก็ฉวยเอาคทาในมือจอมเวทขึ้นมาควงเล่น
"เป็นถึงจอมเวทระดับ 8 แถมคทานี่ก็พลังเวทพอควร...ไม่น่าเสร็จอัศวินกระจอกๆนั่นง่ายขนาดนี้" เจ้าตัวก็วิพากษ์วิจารณ์ต่อไป
"แล้วพวกอัศวินอยากจะฆ่าหมอนี่ไปทำมะ..." ยังไม่ทันที่ซีนิกส์จะต่อประโยคนั้นจนจบ เสียงอุทานอย่างตกใจของเรนก็ดังขึ้นพร้อมกับภาพตรงหน้า
...นักฆ่าของเขากำลังกระทืบลงไปบนหน้าอกของเจ้าคนที่นอนเจ็บอยู่บนตักนักบวชสาว จนเธอแทบจะผงะออกมา
"เลิกเล่นละครเสียทีเจ้านักเวท" เสียงเย็นๆเอ่ยพร้อมกับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่แผ่ความกดดันทิ่มแทง แต่คนถูกปรักปรำยังนอนหลับตาพริ้มหน้าตาเฉย "ข้าเห็นเจ้าลืมตาตอนลูคัสหยิบคทาไป"
ลัวร์ลืมตาขึ้นช้าๆพร้อมกับที่โซฟิเลียยกเท้าออกไป รอยบูทส้นสูงของเธอประทับกลางตราสภาเวทบนเสื้อคลุม ท่ามกลางความตกใจของคนที่เหลือ...ในเมื่อไม่มีใครเอ่ยปากพูดจากันก่อน เจ้าจอมเวท 'ระดับ 8' ตัวดีก็เปิดปากเสียเอง
"เก่งนะครับ อุตส่าห์คิดว่าจะไม่มีใครเห็นเสียแล้ว" เขาเอ่ยด้วยสีหน้านิ่ง "จริงๆแล้วพวกมันตามผมมาตั้งแต่ออกจากการทดสอบที่สภาเวทแล้ว ถึงได้เริ่มปะทะกันที่จัตุรัสนี่"
ทั้งคณะได้แต่มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่อ่านได้เหมือนกันว่า 'มันเป็นใคร ตื่นมาถึงพูดเอาๆ'
"แล้วนายจะมาแกล้งนอนไม่รู้เรื่องทำไม" คนปากไวที่สุดก็ชิงถามไปแล้ว
"ผมยังไม่รู้นี่ครับว่าพวกคุณอยู่ฝ่ายไหนหรือมาช่วยผมทำไม แล้วอีกอย่าง...มีหมอนนุ่มๆรองหัวใครจะไปอยากตื่นล่ะครับ" คำตอบ...ที่เล่นเอาคนที่เป็น 'หมอนนุ่มๆ' นั่นหน้าแดงสนิท
อ่านจากน้ำเสียงก็รู้ว่าไอ้อันหลังนั่นล้อเล่นแน่นอน
การตอบคำถามด้วยคำถามของคนที่พยายามลุกขึ้นโดยไม่ใส่ใจรอยเท้าของใครบางคนกลางเสื้อคลุมทำให้ทุกคนเงียบสนิทก่อนจะหันหน้าไปพึ่งเซียร่า
คนถูกโยนหน้าที่ให้ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยว่า "เอาง่ายๆว่าเราไม่ใช่พวกเดียวกับอัศวินพวกนั้นก็พอ"
ลัวร์พยักหน้าอย่างว่าง่ายพลางกวาดดวงตาสีทองนั้นพิจารณาคณะเดินทางตรงหน้า
คนที่มีไอมนต์ฟุ้งกระจายแม้จะไม่ได้ใช้เวทมนต์กับเสื้อคลุมของสภาเวทย่อมแสดงว่าเป็นนักเวทที่ทำงานให้สภา...ตำแหน่งสูงเสียด้วย อีกสองคนที่รีบตรงรี่เข้ามาดูอาการของเขาทันทีหลังจากพวกอัศวินหนีไปแล้วก็สมควรจะเป็นผู้ใช้เวทหรือนักบวช...แต่จากเสื้อคลุมแบบนั้นแล้วคงหนีไม่พ้นสภาพผู้ถือศีลเป็นแน่ ส่วนความรู้สึกสันหลังวาบเพราะรังสีอำมหิตนั้นจะมาจากใครไม่ได้นอกจากอีกสองคนที่เหลือ จากบทสนทนาที่พอปะติดปะต่อก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าเป็นมือสังหาร
"ว่าแต่...อยู่ดีๆทำไมเจ้าพวกนั้นถึงมายุ่งกับเจ้า" ซีนิกส์เอ่ยถาม ข้อสงสัยในใจของเขาอาจจะเป็นข้อเดียวกับคนที่เหลือทั้งหมดก็เป็นได้ ขอแค่อย่าให้เป็นเช่นที่เขากังวลก็พอ คนตรงหน้านั่นไม่ได้ให้ความรู้สึกน่าร่วมทางกันแม้แต่น้อย
ถึงขนาดเล่นละครที่ตบตาได้แม้แต่รองหัวหน้าสมาคมนักฆ่าอิสระ...เป็นจอมเวทที่น่ากลัวเหลือเกิน
"มันบอกให้ส่งคทาให้มันแล้วจะไม่มีใครเจ็บตัว...พูดแล้วก็ขอคทาคืนด้วยนะครับ" เขาหันไปทางนักบวชที่ยังควงคทาเล่นอย่างมันมือ เจ้าตัวดีหยุดเล่นคทาในมือก็จริง แต่กลับถือมันค้างเอาไว้ในท่าเดิมซึ่งคงไม่ต่างจากคนที่เหลือเท่าไรนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้
"คงไม่ใช่ว่า..." เซียร่าเปรยทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่า 'มันใช่แน่ๆ'
"พวกอัศวิน...ต้องการคทาเจ้า" ประโยคเดียวที่เหมือนจะอธิบายทุกอย่างให้ทุกคนแม้แต่คนสมองช้าอย่างไอ้นักบวชนอกรีตนั่นเข้าใจ
แต่เจ้าคนที่ดูเหมือนเป็น 'คนนอก' ยังส่งสายตางงๆมาอย่างน่าเวทนา ทำให้เซียร่าต้องเล่าเรื่องเดิมซ้ำอีกรอบ ดูท่าว่ากว่าท่านที่ปรึกษาแห่งสภาเวทคนนี้จะหาอัญมณีที่ว่าได้ครบคงต้องเล่าเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่าสิบรอบ
จอมเวทหนุ่มไม่ได้เอ่ยขัดหรือซักถามอะไรเลย ท่าทางเขาจะเป็นพวกเดียวกับเรน...พวกที่ปฏิเสธอะไรไม่เป็น
"งั้นพวกคุณจะแค่เอาคทาผมไป...หรือว่า..." ประโยคเสนอตัวของเจ้าของคทา คงเป็นคนแรกที่ยอมเสนอตัวช่วยเองโดยที่ไม่มีใคร(อยาก)ขอร้อง
"จริงๆแล้วนี่ไม่ใช่งานที่ควรฉายเดี่ยวน่ะ" คนปากไวเอ่ยแทรก เลียนแบบคำพูดของท่านมหาเวทก่อนหน้านี้
ลัวร์ทำหน้างงๆกับประโยคนั้น
...สมควร...
ไอ้จำนวนคนที่ยืนอยู่นี่ จะนับกี่ครั้งก็ดูไม่ให้ความรู้สึกกับคำว่า 'ฉายเดี่ยว' สักนิด ไอ้นักบวชกวนประสาทนี่ก็แค่อยากทดสอบความแกร่งของเส้นอารมณ์จอมเวทแห่งสภาโอเรเนคก็เท่านั้น...
"ก็ได้ครับ" เจ้าจอมเวทระดับ 8 เอ่ยเรียบๆอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เพื่อระงับสงครามน้ำลายที่อาจจะก่อขึ้นในไม่ช้า
"ดีงั้นไปกันเลย" เซียร่าเอ่ยตอบ สาวเท้านำแต่ผู้ติดตามทั้งหลายยังยืนนิ่งเป็นรูปสลัก
เวรกรรม...ง่ายมาก็ง่ายกลับเสียอย่างนั้น ถ้านี่เป็นแผนของพวกอัศวิน คงติดกับเข้าเต็มๆ แต่พวกอัศวินคงไม่อาจเสี่ยงใช้คนของสภาเวทเช่นเดียวกัน
แล้วไอ้ 'ไป' นี่ ไปไหน
ก่อนจะมีใครได้อ้าปากนักบวชขาประจำก็ถามจบไปแล้ว อยู่กับมันก็สบายดี ไม่ต้องเอ่ยปากถามเองให้เสียเครดิต
"คงจะเป็นโรน์สินะครับ" คนตอบไม่ใช่เจ้าคนเดินนำไปแต่เป็น จอมเวทอีกคนที่เพิ่งจะได้ฟังเรื่องที่ว่าไปหยกๆ
"แล้วจะเดินไปหรือไง"
"ใช่น่ะสิไม่งั้นเจ้าจะบินไปหรือไง !!"
"เป็นนักเวทกันไม่ใช่หรือไง ก็ร่ายเวทเคลื่อนย้าย ... ร่ายเสร็จ ถึงไว ไม่เมื่อย"
"ไม่ได้หรอกครับ"
สงครามประสาทของหนึ่งนักบวชกับหนึ่งนักฆ่าถูกระงับไว้ได้ทันท่วงทีโดยฝีมือของลัวร์
"ทำไมล่ะ"
"เพราะชาวโรน์มีอคติกับผู้ใช้เวท ถ้าอยากให้พวกเขาคิดว่าเราไปอย่างสันติควรหลีกเลี่ยงการใช้เวทโดยพร่ำเพรื่อ"
"แล้วทำไมชาวโรน์ถึงไม่ชอบเวทมนตร์ล่ะ"
"เรื่องนั้น...เดินไปคุยไปน่าจะดีนะครับ"
ต่อด้วยบทสนทนา 'สั้นๆ' ระหว่างหนึ่งนักเวทกับหนึ่งนักบวช ที่ผู้ฟังทั้งสี่ก็ได้แต่ยืนฟังอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
ไม่มีข้อโต้แย้ง... เพราะไอ้ที่อยากถามก็มีคนถามไปแล้ว ส่วนไอ้ที่รู้คำตอบแล้วจะตอบก็มีคนตอบไปแล้วอีก
ลัวร์ นีอาร์เม...คงไม่ใช่จอมเวทระดับ 8 ธรรมดา ลำพังแค่อดทนตอบคำถามมาราธอนของนักบวชขี้สงสัยนี่ได้...ก็ไม่ธรรมดาแล้ว
"เจ้าน่าจะลองสมัครเข้าสภาเวทดูนะ" ว่าแล้วท่านที่ปรึกษาแห่งสภาเวทก็ทำหน้าที่ฝ่ายบุคคลเสียเลย
"เกรงว่าอายุจะเกินเอา น่ะสิครับ" คนถูกชวนตอบอย่างสบายๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแบบนั้นคงมีสาเหตุอื่นมากกว่าแค่ 'อายุเกิน' ที่ทำให้คนมีความสามารถเช่นนี้ปฏิเสธสภาเวท
สภาเวท...ที่เหล่านักเวททั้งหลายต่างใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งตนจะได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน ทั้งชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ และการได้รับความไว้วางใจจากเหล่ามหาเวทและขุนนางชั้นสูงของเมืองต่างๆ
"เจ้าอายุเท่าไหร่กัน" เซียร่าพลั้งปาก แต่ก็ด้วยความสงสัยเหลือเกิน...อายุของผู้ที่สามารถสมัครเข้าสภาเวทได้คือไม่เกิน ยี่สิบสี่ปี เจ้าคนผมยาวตรงหน้าดูยังไงก็ไม่เกินยี่สิบ
"นี่เจ๊ ไม่รู้หรือไงว่าถามอายุสุภาพสตรีน่ะมันเสียมารยาท" ลูคัสเอ่ยขึ้นแทรก คนอื่นอาจจะต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการเข้าใจประโยคนี้ แต่คนอย่างลัวร์ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากขนาดนั้น
เปรี้ยง !
กับสายฟ้าจากคนถูกล้อที่ส่งลงห่างจากนักบวชที่ไม่ระวังปากไม่ถึงฟุต ทำเอาเจ้าตัวร้องเอะอะอย่างหมดมาดนักบวชแห่งเอลเซส...ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไอ้มาดที่ว่านี่ก็ไม่ได้มีมากเท่าไหร่เสียด้วย
"เจ้าต่างหาก ที่ไม่รู้หรือไงว่าไม่ควรยั่วสุภาพสตรีก่อน" เสียงร่าเริงจากสุภาพสตรีตัวจริงที่เดินนำไปไกลแล้ว
ความคิดเห็น