ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Jewel Quest

    ลำดับตอนที่ #3 : งานลอบสังหาร?

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 50


       

                   
    ท่านมาช้า เสียงดังมาก่อนตัวของนักฆ่าสาวที่ยืนพิงกำแพงนครหลวงอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  นัยน์ตาสีเข้มของผู้ถูกต่อว่าเหลือบมองปราการสมาพันธ์อัศวินแห่งเอลเซสที่สูงตระหง่านอยู่


                   
    ยังไงข้าก็มาทัน เขาตอบขณะที่ทั้งคู่ก้าวช้าๆเลียบกำแพงเมืองไป


                   
    เป็นคืนที่เหมาะมากกับการลอบสังหารใครสักคนในเอลเซส แสงจันทราไม่มีให้เห็นแม้แต่น้อย  ด้วยการคาดการณ์อันแม่นยำของท่านรองหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าอิสระแล้วทหารเฝ้าประตูเมืองจะได้เวลาเปลี่ยนเวรในเวลาเที่ยงคืนตรงเป็นเวลาเหมาะที่จะลอบเข้าไปโดยไม่กระทำการให้เป็นจุดสนใจของพวกอัศวิน


                   
    เจ้าได้รายละเอียดเป้าหมายที่ข้าให้คนเอาไปให้หรือยัง ซีนิกส์เอ่ยถามเมื่อโซฟิเลียกระโดดวูบเดียวขึ้นไปอยู่บนกำแพงเมือง ก่อนเธอจะพยักหน้าเป็นคำตอบ


                   
    เรน  เซเวนน์  กับ ลูคัส  วาเชนอล์ฟ โซฟิเลียเกริ่นพร้อมกับถลาร่างลงจากกำแพงอีกด้าน


                   
    ตามประวัติก็แค่ผู้ถือศีลธรรมดาไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรกับพวกอัศวินเลย


                   
    ข้าไม่ได้สนใจเรื่องเหตุผลอยู่แล้ว


                   
    เสียงพูดเรื่อยๆของสองมือสังหารที่ทำราวกับมาเดินเล่นในเมืองก็ไม่ปาน  ไม่ช้าเวลาแสดงฝีมือว่าจะเก่งอย่างปากว่าหรือไม่ก็ใกล้มาเยือน  วิหารแห่งเอลเซสตั้งตระหง่านตรงหน้า เสาลวดลายสวยงามแกะสลักด้วยหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ บันไดขั้นยาวทอดเข้าสู่บานประบานใหญ่ที่ปิดสนิท  ราวกับเชื้อเชิญ


                   
    ฆ่าผู้นำทางศาสนา...งานนี้นรกกินหัวแน่ น้ำเสียงพูดเล่นของคนที่มองอะไรสนุกเสมอ


                   
    งานอื่นทำแล้วไม่บาป ? โซฟิเลียย้อน ไม่คิดว่าคนอย่างท่านจะเกรงกลัวบาปกรรม


                   
    ซีนิกส์ส่ายหน้าแล้วตรงรี่ไปสำรวจบานประตูอย่างระมัดระวังก่อนที่บานประตูจะค่อยๆเปิดออกอย่างเงียบเชียบด้วยฝีมือของคนปากเก่ง


                   
    สุภาพสตรีก่อน ผู้เป็นสุภาพบุรุษเอ่ยก่อนที่คนถูกเชิญจะแทรกตัวเข้าไปในบานประตูอย่างว่าง่าย  เธอคงไม่มีอารมณ์จะก่อสงครามคารมกับคนตรงหน้าในเวลานี้


                   
    ความเงียบเข้าครอบคลุมจนน่าวังเวงขณะที่ซีนิกส์เคลื่อนกายไปตามพรมสีแดงสดที่ต้องกับเปลวไฟในคบเพลิง ทอดยาวไปตามทางเดิน แต่ทว่าเจ้าคนที่เดินนำเข้ามาตั้งแต่ต้นนั้นหายไปอย่างไม่ทันสังเกต


                   
    ทางแยก...สัญชาตญาณเตรียมก้าวไปทางซ้ายขณะที่เงาตะคุ่มของร่างใครบางคนที่ต้องกับแสงไฟปรากฏในทางตรงข้าม  มีดสั้นพุ่งออกจากมือโดยไม่ได้สนใจว่าเป้าหมายจะเป็นใครหรืออะไร


                   
    ชิ้ง
    !


                   
    มีดส่งเสียงกังวานราวแทงเข้ากับโลหะชั้นดี พร้อมกับที่ร่างของเรน  เซเวนน์ปรากฏขึ้นจากเงามืด โล่โปร่งแสงสีเงินกั้นระหว่างตัวเธอกับมีดที่เสียบอยู่อย่างพิลึก เธอลดมือลงช้าๆพร้อมกับที่โล่ค่อยๆจางหายไปในที่สุด มีดหล่นเคร้งลงตรงหน้า


                   
    ไม่มีวี่แววความประหลาดใจบนใบหน้าของมือสังหาร


                   
    มีดอีกหลายเล่มพุ่งเข้าใส่เป้าหมายเดิมแต่คราวนี้พวกมันลอยคว้างในอากาศครู่หนึ่งก่อนจะตกลงสู่พื้นเช่นกัน  คล้ายจะบอกว่าอาวุธเช่นนี้น่ะหรือจะมาสู้กับเวทมนตร์


                   
    คนในเสื้อคลุมดูจะรู้ว่าแม้เวทมนตร์ของเธอยังสามารถป้องกันการจู่โจมในระยะไกลเช่นนี้ได้  แต่หากคนตรงหน้าเข้าประชิดตัว...โอกาสรอดของเธอก็น้อยเต็มที  เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นหินอ่อน...เธอตัดสินใจเว้นระยะห่างจากศัตรู  หากแต่เป็นการตัดสินใจที่พลาดอย่างมหันต์


                   
    ฉับพลันกลุ่มควันฟุ้งกระจายทั่วบริเวณอย่างรวดเร็วบดบังรัศมีการมองเห็นของเป้าหมายได้อย่างชะงัด แล้วมีดเล่มยาวก็จ่ออยู่บนคอของเหยื่ออย่างง่ายดายนัก


                   
    เหยื่อ...ที่บัดนี้ชีวิตของเธออยู่ห่างจากความตายเพียงไม่ถึงคืบ แต่ดวงหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงความกังวลเลยแม้แต่น้อย


                   
    ไม่เคยมีใครบอกหรือไงนะว่าฆ่าคนน่ะมันบาป น้ำเสียงกวนๆเอ่ยประโยคที่คุ้นหูราวกับว่ามีคนเคยพูดมาก่อน ดังแว่วมาในกลุ่มควันสีเข้ม  พร้อมกับเสียงแหวกอากาศของวัตถุบางอย่าง 


                   
    มือสังหารปล่อยเหยื่อในมือ  แล้วหมุนตัวรับการโจมตีนั้น


                   
    เสียงกระทบกันของโลหะ  เชิงเทียนสูงที่ตั้งอยู่ตรงมุมทางเดินซึ่งตอนนี้ถูกใช้เป็นอาวุธจำเป็นถูกหยุดไว้ด้วยมีดยาวในมือของนักฆ่าหนุ่ม


                   
    ก็มีอยู่...เสียงตอบกลับเบาๆพร้อมกับที่เจ้าของมีดเล่มยาวใช้แรงทั้งหมดฟาดอาวุธใส่ขาตั้งเชิงเทียนจนมันหักลงเป็นสองท่อน  ลูคัส  วาเชนอล์ฟ


                   
    คนถูกเรียกชื่อพยุงตัวขึ้นจากแรงปะทะเมื่อครู่


                   
    ดีใจจังที่มีแฟนๆตามมาขอลายเซ็น  แต่ว่า...คราวหลังคงต้องมาเร็วกว่านี้นะมันรบกวนคนอื่นเขา สถานการณ์เสียเปรียบ  แต่ดูจากคำพูดคำจาของไอ้นักบวชตรงหน้านี่  ไม่ให้ความรู้สึกนั้นแม้แต่น้อย  แล้วก็...อย่าบังคับให้ฉันทำผิดกฎของวิหารได้ไหม ว่าจบเจ้าตัวก็ดึงดาบออกมาจากเสื้อคลุมยาวสีขาวนั้น


                   
    นักบวชนอกรีตหรือนี่ ซีนิกส์พึมพำแล้วพุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้า


                   
    เคร้ง
    !


                   
    มีดปะทะกับเกราะเวทของใครบางคนที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง  เป็นโอกาสเหมาะอีกครั้งของลูคัสที่ใช้ดาบวาดใส่เป้าหมายตรงหน้า


                   
    แต่สิ่งโดนมีเพียงอากาศธาตุเท่านั้น  ส่วนเจ้าคนที่สมควรจะโดนวิถีดาบนั้นไปเต็มๆกลับไปปรากฏร่างอยู่หน้านักบวชสาวที่ยืนนิ่งอย่างหวาดกลัวในความเร็วราวสายลมของมือสังหารผู้นั้น


                   
    ดูท่าข้าคงต้องขอชำระงานของข้าเสียที


                   
    ชิ้ง !


           
    สิ้นประโยคนั้น เสียงก้องกังวานไปทั่วทางเดินภายในวิหารเอลเซส  มีดยาวในมือนักฆ่าหนุ่มถูกวัตถุบางอย่างชนกระเด็นไปไกลลิบ  เลือดที่ควรจะไหลจากต้นคอของเหยื่อกลับอาบเต็มมือของผู้ที่ใช้มีดจ่อคอคนอยู่เมื่อครู่


                   
    เงาของร่างหญิงสาวที่ต้องกับแสงสลัวจากคบเพลิงข้างกำแพง กำลังก้าวช้าๆตรงมายังพวกเขา
     ผิวขาวเนียนที่เห็นเด่นชัดด้วยไฟจากคบเพลิงทำให้เธอดูราวกับตุ๊กตาที่มีคนจับมาใส่ชุดมือสังหารก็ไม่ปาน


                   
    อะไรกัน เสียงแผ่วเบาของคนที่เลือดไหลอาบไปทั่วแขนแล้ว  แผลไม่ใหญ่...แต่เลือดกลับไหลทะลักออกมาจากบาดแผลมากกว่าที่ควรจะเป็น


                   
    ท่านน่าจะถามท่านนักบวชทั้งสองดูนะ เสียงเย็นๆแบบเดิมของหญิงสาวตรงหน้าทำเอาเขาหันขวับไปพึ่งสองคนที่เกือบจะถูกเขาฆ่าตายไปแล้ว


                   
    ขอโทษ...ฉันยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆยอดมือสังหารแห่งดราซ์ดซานถึงบุกเข้ามาในวิหารเอลเซสลูคัสโวยวาย  ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความตกใจ...ไอ้มือสังหารตรงหน้านี่ฝีมือนับว่ายอดเยี่ยมแล้วแต่กลับถูกสาวงามอีกคนนั่นเล่นงานได้อย่างง่ายดายนัก


                   
    เสียงสั่นๆของเรน  เซเวนน์ที่เพียรพยายามจะเอ่ยชื่อใครสักคนที่พอจะจับใจความได้ว่า


                   
    ...เซียร่า   ราลอส...


                   
    ใครคือเซียร่า  ราลอส ประสานกับเกือบเป็นเสียงเดียว ถ้าเป็นมือสังหารสองคนนั่นคงไม่มีอะไร แต่ไอ้เจ้านักบวชที่ฟังเรื่องจากบาทหลวงมาด้วยกันแท้ๆยังมาถามหน้าซื่อๆ จนคนฟังแทบจะประสาท...


                   
    หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าใสที่ยังคงดูหวาดกลัวต้องรีบสลัดความตื่นตกใจเมื่อครู่ออกไปโดยเร็ว  ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องจดหมายจากสภาเวท


                   
    สภาเวทแห่งโอเรเนคจะมายุ่งอะไรกับงานลอบสังหารของเรา หน้าที่ในการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายเป็นของสมาพันธ์อัศวิน


                   
    ง่ายๆ....ก็ไปถามท่านเซียร่าแห่งโอเรเนคดูสิ


                   
    ถ้ามันง่ายอย่างเจ้าว่าก็คงจะดี


                   
    คือ...ผู้ที่จะเข้าออกเมืองนั้นได้จะต้องมีสาส์นจากสภาเวทเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยน่ะค่ะ


                   
    ลูคัสมองหน้านักฆ่าทั้งสองอย่าใช้ความคิดก่อนจะเอ่ยประโยคที่คัดสรรคำพูดมาอย่างดี   
    แล้ว...นายเป็นนักลอบสังหารไม่ใช่หรือไงเขาหยุดแล้วทำสีหน้ากวนๆเหมือนเดิม   อย่าบอกนะว่าแค่พรางเข้าโอเรเนคน่ะนายทำไม่ได้สิ้นประโยคสุดท้าย หมัดหนักๆก็ลอยเข้าปะทะหน้าของคนกวนประสาท


                   
    น่าจะมีใครสอนสมบัติผู้ดีให้มันบ้างนะ ซีนิกส์สบถแล้วเดินนำ


                   
    ทหารยาม  พลธนู  นักดาบของสมาพันธ์  ทำไมไอ้ตอนเข้ามาเขาถึงไม่เห็นไอ้พวกบ้านี่เลยสักคน...แต่ไอ้ตอนจะกลับนี่  มันโผล่หัวมาจากไหนมากมายล่ะวะ
    !


                   
    ถึงจะคิดเช่นนั้น  ฝีมือของพวกนั้นยังห่างจากมือสังหารทั้งสองอยู่มากโข  เรียกว่าต่อให้ยกมาทั้งสมาพันธ์  สองมือสังหารนี่ก็คงจัดการได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร


                   
    ให้ฉันดูแผลให้ดีกว่าไหมคะ  เรนเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งหมดปลอดภัยอยู่นอกกำแพงเมือง  ผลจากการออกแรงจัดการตัวปัญหาทั้งหลายทำให้แผลยิ่งเปิดออก


                   
    มะ...ไม่เป็นไร  ถึงปากจะว่าอย่างนั้น  แต่นักบวชสาวก็คว้ามือไปแล้วเริ่มบริกรรมคาถาอย่างไม่สนใจเจ้าของแผลนั่นแม้แต่น้อย


                   
    เอ่อ...ขะ...ขอโทษซีนิกส์เอ่ยขึ้นในที่สุด  ความรู้สึกอับอายที่ต้องให้คนที่ตัวเองเกือบจะฆ่ามาช่วยนั้นคงมีมากกว่าความรู้สึกผิดในใจจริงๆ


                   
    แหม  เล่นขอโทษแต่สุภาพสตรีนะ  ไอ้นักฆ่าไร้น้ำยา จบประโยค หมัดที่สองก็ลอยเข้าปะทะหน้าไอ้คนที่ไม่รู้จักเจ็บแล้วจำ


                   
    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  คนเราก็มีสิ่งที่จำเป็นต้องทำกับสิ่งที่ควรจะทำไม่ใช่หรือคะ


                   
    ใช่   คนเราก็มีสิ่งที่จำเป็นต้องทำกับสิ่งที่ควรจะทำ


                   
    อย่างน้อย...การชกไอ้นักบวชนอกรีตนั่นคงเป็นหนึ่งในรายการ
    สิ่งที่ควรจะทำ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×