คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หน้าที่
สายลมปะทะผ่านใบหน้าเธอไปด้วยแรงมหาศาล อาจเป็นเพราะลมแรงหรือเพราะความเร็วของเธอในขณะนี้เพียงพอจะทำให้อากาศธาตุอย่างลมแปรเปลี่ยนราวกับวัตถุมีคมที่กรีดแทงผิวกายทุกส่วนที่มิได้ถูกปกปิดไว้...หรือเรียกได้ว่า เป็นส่วนน้อย
ร่างของหญิงสาวใต้เสื้อคลุมยาวสีเข้มที่ไม่อาจระบุได้ชัดเจนแม้ในคืนวันเพ็ญที่ดวงจันทร์สีขาวนวลทอแสงเด่นอยู่บนฟากฟ้าที่ประดับด้วยหมู่ดาว ใบหน้าครึ่งล่างถูกปกปิดด้วยผ้าผืนยาวสีเดียวกับเสื้อคลุม สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดบนร่างกายของเธอก็คือ ดวงตาสีน้ำตาลที่ต้องกับแสงจันทร์ เป็นนัยน์ตาที่เยียบเย็นและปราศจากความรู้สึกใดๆ โดยสิ้นเชิง
ร่างใต้ผ้าคลุมกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วหากแต่เงียบสงัด ไปตามขอบกำแพงเมืองอันสูงใหญ่เบื้องหน้า อันเป็นสัญญาณว่าค่ำคืนอันทรมานนี้กำลังจะจบสิ้นลงในไม่ช้า
ประตูเมืองทิศใต้ นครดราซ์ดซาน เวลาเที่ยงคืน สมควรจะมีทหารยามเฝ้าอยู่อย่างน้อยสองคนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเหล่าชาวเมืองซึ่งกำลังจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา หากไม่ใช่ฝีมือของสตรีในเสื้อคลุมที่ยืนพิงกำแพงเมืองอยู่อย่างใจเย็น
ดราซ์ดซานเป็นนครเดียวในอาณาจักรที่มีกำแพงเมืองอายุหลายร้อยปี สาเหตุจากที่ดราซ์ดซานไม่ใช่นครที่เหมาะอย่างยิ่งแก่การประกาศสงครามหรือบุกโจมตี กำแพงเมืองที่ไม่เคยแม้แต่ถูกก้อนกรวดขว้างปาใส่ นครแห่งการค้ากลางทะเลทรายแห่งนี้ไม่มีทรัพยากรล้ำค่าใดๆ ไม่มีกองกำลังทหารหรือแม้แต่ชัยภูมิที่ตั้งแม้จะอยู่ติดทะเล แต่หน้าผาที่สูงกว่าร้อยเมตรยังเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการติดต่อเดินทาง
อีกทั้งไกลออกไปในทะเลทรายกว้างใหญ่ยังเป็นที่ตั้งของสมาคมผิดกฎหมายต่างๆ ทั้งบรรดาโจร มือสังหาร รวมทั้งเป็นที่อาศัยของสัตว์ร้ายนานาชนิด ประกอบกับอุณหภูมิอันร้อนระอุในเวลากลางวันและเย็นยะเยือกในเวลากลางคืน ผู้คนที่คิดเดินทางผ่านทะเลทรายจึงมีเป็นส่วนน้อยมาก
ทั้งสถานที่และเวลาไม่ได้เหมาะแก่การลอบสังหารแม้แต่น้อย เสียงอุทธรณ์เล็กๆในใจของคนที่กำลังยืนรอใครหรืออะไรก็ตามที่กำลังจะผ่านมาที่ทางเดินแห่งนี้ในไม่ช้า
ฆ่าคนในดราซ์ดซาน คืนวันเพ็ญ เป็นประโยคที่คนฟังคงจะนั่งหัวเราะได้เป็นวัน แต่คนที่ฟังแล้วต้องทำตามคงไม่เป็นเช่นนั้น
ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกลกว่านั้น บางสิ่งก็ดึงดูดความสนใจของเธอไป เสียงโหวกเหวกที่ดังมาแต่ไกลพร้อมกับร่างของ 'เหยื่อ' ที่ท่าทางคงเมาออกมาจากร้านเหล้าในบริเวณนี้
อาจจะเป็นพ่อค้าต่างถิ่นที่มีเรื่องกับเหล่าผู้มีอิทธิพล อาจจะเป็นผู้มีอิทธิพลที่ขัดแย้งกันเองหรือแค่ชาวบ้านธรรมดาที่ไปเห็นหรือได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรรับรู้ แต่ทั้งหมดนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ งานลอบสังหารไม่เคยต้องมีเหตุผล แค่ให้งานเสร็จโดยเร็วและเรียบร้อยเป็นใช้ได้
มือสังหารขยับมีดสั้นสีเงินในมือ
พร้อมกับสายลมเย็นอีกระลอกเป็นสัญญาณ ร่างของเธอก็หายไปจากบริเวณเดิม ท่ามกลางความเงียบสงัดในคืนฟ้าโปร่งอันมีเพียงเหล่าดาราและจันทราเท่านั้นเป็นพยาน ไม่มีแม้แต่เสียงร้องสักแอะของเหยื่อที่บัดนี้นอนจมกองเลือด อย่าพูดถึงโอกาสร้องขอชีวิตเลย...แม้แต่โอกาสที่จะได้เตรียมใจก็คงไม่มี
"หากจะโกรธแค้น จงโกรธแค้นโชคชะตาของเจ้าเถอะ"
มือสังหารปิดงานของเธออย่างเรียบๆในเมื่อไม่มีทั้งหลักฐานและพยานย่อมยากที่ทางการจะจับมือใครดม เธอหันหลังกลับไปทางกำแพงเมือง ก่อนที่สัญชาตญาณของเธอรับรู้ได้ว่ามีผู้ชมที่ไม่ได้รับเชิญ อาจจะเป็นทหารเปลี่ยนกะ พ่อค้าที่เก็บร้านแล้วมัวร่ำวงสุราจนลืมกลับบ้านช่องหรือแค่คนโชคร้ายที่ชะตาลิขิตให้มาเห็นการแสดงอันไม่น่ารัญจวนใจนี้
จะเป็นใครหรืออะไรก็ตาม งานนี้จะให้มีพยานไม่ได้
มีดเล่มเดิมถูกเตรียมขึ้นมาในท่าเดิม ไม่แน่ว่าการแสดงครั้งนี้อาจมีให้ชมสองรอบ
ฉับพลันที่มีดสั้นในมือของนักฆ่าสาวพุ่งตรงไปยังมุมมืดที่เธอใช้เป็นที่พักพิงเมื่อครู่
เคร้ง!
เสียงมีดกระทบกับวัตถุบางอย่าง พร้อมๆกับเสียงเอ่ยอย่างราบเรียบ
"ข้าเตือนท่านหัวหน้าแล้ว ว่าไม่ควรสั่งงานเจ้าในคืนเช่นนี้ แต่ถ้าเจ้าหงุดหงิดมาก สิ่งที่เจ้าควรจะระบายใส่ก็ควรจะเป็นเป้าหมาย...ไม่ใช่ข้า"
บุรุษในชุดเสื้อคลุมแบบเดียวกับสตรีตรงหน้า พอจะบ่งบอกได้ว่าเขาเป็นมือสังหาร
"อะไรทำให้ท่านออกมาเดินเล่นชมเมืองเช่นนี้เล่า.....ซีนิกส์ โชเมส" สรรพนามที่บอกสถานะของคนทั้งสองแต่น้ำเสียงผู้เอ่ยกลับไม่มีแววแห่งความเคารพแม้แต่น้อย "ท่านคงไม่ได้คิดว่าข้าจะทำงานนี้ไม่สำเร็จ"
"อะไรทำให้เจ้าคิดว่าข้าดูถูกเจ้าเช่นนั้น.....โซฟิเลีย เมลาเรน" รูปประโยคที่ลอกมาเพื่อกวนประสาทคนตรงหน้าโดยเฉพาะ แต่ทว่าไร้ผล เครื่องหน้านิ่งพอๆกับเรือนผมสีน้ำตาลยาวของเธอที่ตัวยามไร้ซึ่งแรงลม
"เป็นงานที่สมบูรณ์แบบมาก...ความเร็วของเจ้าทำให้เหยื่อไม่รู้สึกตัว รอยที่คอนี่คงตัดผ่านหลอดลมและเส้นเลือดใหญ่ในคราวเดียว สาเหตุที่เจ้าเลือกอาวุธเป็นมีดสั้นก็คงเป็นเพราะมีใช้กันเกลื่อนกลาด" เสียงวิเคราะห์จากซีนิกส์ราวกับเขาเป็นผู้ลงมือเอง
"แต่งานนี้ยังมีช่องว่างอยู่ เพราะดราซ์ดซานไม่ใช่เมืองที่มีการลอบสังหารเกิดขึ้นบ่อยนัก บางทีทางการอาจจะเกิดสงสัยและเอาจริงเอาจังกับคดีนี้ขึ้นมา..." เขาว่าต่อ หากแต่สตรีข้างกายมิได้ให้ความสนใจอีกต่อไป สายตาของนางมุ่งไปเหนือกำแพงอันสูงตระหง่านของดราซ์ดซานพร้อมกับเอ่ยขึ้น
"ท่านคงไม่ได้ตามมาจับผิดงานของข้าอีกคนใช่ไหม"
เหมือนเอ่ยกับอากาศธาตุแต่ดึงดูดสายตาของคนที่กำลังพล่ามไม่หยุดได้อย่างชะงัด
เสียงหัวเราะเบาๆที่ฟังแล้วชวนประสาท เจ้าตัวคงหัวเราะพอเป็นพิธี ไม่ใช่เพราะความขำขัน ก่อนที่ร่างของอีกหนึ่งบุรุษจะเคลื่อนออกมาจากเงามืดของกำแพงนครดราซ์ดซาน ผมสั้นชี้ไม่เป็นทรงเหมือนกับมือสังหารอีกคนข้างเธอ แตกต่างกันที่ดวงตา บุรุษผู้นี้มีดวงตาสีเทาที่ดูสบายๆ อ่านยากจนน่ากลัว แต่ดวงตาของซีนิกส์ที่เหมือนจะน่ากลัวแต่กลับให้ความรู้สึกกดดันเทียบไม่ได้กับดวงตาสีเทาคู่นั้น
"ท่านหัวหน้า" ซีนิกส์เอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ สตรีข้างกายทำท่าจะโค้งให้ แต่ 'ท่านหัวหน้า' ห้ามไว้เสียก่อน
บุรุษผู้นี้ก็คือ หัวหน้าสมาคมนักฆ่าอิสระแห่งดราซ์ดซาน ส่วนตำแหน่งรองหัวหน้าก็เป็นของท่านซีนิกส์ โชเมส ผู้กำลังยืนอึ้งอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
"ช่างบังเอิญเหลือเกินที่พวกเจ้าอยู่พร้อมหน้ากันเช่นนี้" นัยน์ตาสีเทากวาดไปทั่วบริเวณก่อนจะสะดุดกับร่าง 'เหยื่อ' ที่นอนจมกองเลือดอยู่ไม่ไกล
"ความบังเอิญนั้นไม่มี จะมีก็แต่พรหมลิขิต" ซีนิกส์เอ่ยแย้ง พลางส่งสายตากับรอยยิ้มที่ชวนให้ประสาท
"คงไม่ใช่พรหมลิขิตหรอกค่ะ อาจจะเป็นเวรกรรม"
ท่านหัวหน้าแย้มรอยยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจกับผลงานตรงหน้า
"รวดเร็ว เรียบร้อย สมเป็นเจ้า...โซฟิเลีย" คำชมรอบสองที่ได้กลับมาเพียงสีหน้าราวกับจะบอกว่า 'ถึงจะชม ข้าก็ไม่ดีใจหรอกนะ'
"หากท่านต้องการให้ข้าทำงานอีก เพียงแค่ 'สั่ง' ตรงๆข้าก็จำเป็นต้องทำตามอยู่แล้ว" คงมีเพียงโซฟิเลียที่กล้าใช้ประโยคนี้กับท่านหัวหน้าสมาคมนักฆ่าอิสระ เพราะแม้แต่ 'ท่านรองหัวหน้า' ยังยืนนิ่งไม่กล้าเปิดปาก
"เจ้ารู้ทันข้าเสมอสินะ" เขาเอ่ยพลางหยิบม้วนกระดาษออกมาจากเสื้อคลุม "นี่เป็นงานชิ้นใหม่ของพวกเจ้า"
"ข้าไม่รับงานร่วมกับคนอี่น" มือสังหารสาวแย้งทันควัน เสียงหวานนุ่มน่าฟังแต่ประโยคที่เอ่ยกลับกรีดแทงหัวใจเหลือเกิน
"งั้นคราวนี้เจ้าก็ต้องรับแล้วล่ะ" คำตอบเรียบๆแต่น้ำเสียงที่แฝงความกดดันมหาศาล ประกอบกับนัยน์ตาสีเทาคู่นั้นทำให้เจ้าของคำแย้งเมื่อครู่ได้แต่เพียงรับใบสั่งงานมาแต่โดยดี
"เอาล่ะ...หมดธุระของข้าแล้ว ข้าขอตัว" คนที่สั่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตัดบทพร้อมกับค่อยๆก้าวไปเดินไปทางประตูเมือง
"เดี๋ยวครับ" คนที่ยืนนิ่งอยู่นานเอ่ยขึ้น เป็นจังหวะพอดีกับที่ท่านหัวหน้าหันกลับมา ราวกับรู้ล่วงหน้า "ท่านคงไม่ได้มาเพียงเพื่อสั่งงาน"
"อันที่จริง..." คนถูกถามเอ่ยแล้วแย้มรอยยิ้มบาง รอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้ "...ธุระของข้ามีเพียงเท่านั้น"
แล้วร่างของหัวหน้าสมาคมนักฆ่าอิสระก็หายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะมีใครได้แย้งอะไรอีก
"งานอะไร" ซีนิกส์เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความวังเวงของสถานที่มากกว่าจะนึกสงสัยจริง
นักฆ่าสาวส่ง 'ใบสั่งงาน' ในมือให้ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยขึ้น "นักบวชสองคน"
เจ้าของนัยน์ตาสีดำหันขวับมาทางต้นเสียงราวกับไม่เชื่อ
"แค่นักบวชสองคน ต้องใช้เจ้ากับข้าหรือ"
"ช่วงนี้มีงานไม่มากนัก...แค่นักบวชก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย"
"นั่นไม่ใช่ปัญหา
" มือสังหารหนุ่มเริ่ม แต่ก็หยุดลงเกือบจะทันทีเมื่อสบกับดวงตาสีน้ำตาลที่บอกชัดเจนว่า 'นั่นเป็นคำสั่งของหัวหน้า'
"งั้นข้าจะให้คนไปหาข้อมูลมา" เขาถอนหายใจ
"แค่นักบวช ท่านจะหาข้อมูลไปทำไมกัน"
"ข้าไม่คิดว่างานนี้จะง่าย เพราะคนสั่งงานนี้คือสมาพันธ์อัศวิน" โซฟิเลียรับรู้เรื่องนี้ด้วยท่าทีสงบกว่าซีนิกส์...มาก เธอไม่มีแม้ปฏิกิริยาทางสีหน้าในขณะที่ท่านรองหัวหน้าแทบจะตะโกนประโยคสุดท้ายนั่นออกมาดังๆ
"งั้นเชิญตามสบาย ท่านบอกวันที่ลงมือ แล้วจะได้ไปให้พ้นๆหน้าข้าเสียที" โซฟิเลียตัดบท ประโยคที่ชวนให้คิดซ้ำว่าใครกันแน่ที่มีศักดิ์สูงกว่า
"อีกสิบห้าวัน" คำตอบสั้นๆ แต่คนพูดก็เหมือนจะเปิดปากพูดต่อ
มือสังหารสาวย่อมไม่ปล่อยโอกาสเช่นนั้น พร้อมกับเสียงผ้าคลุมปลิวสะบัด ร่างของเธอค่อยๆจางหายไปกับความมืดมิดของรัตติกาล
◘
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย" น้ำเสียงวิตกกังวลของหญิงสาวที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งพร้อมกับสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวไปตามทางเดินในวิหารเอลเซส ผมสีฟ้ายาวประบ่าของเธอส่องประกายกับไฟบนคบเพลิงที่จุดไว้ตามทาง
เสียงประตูเปิดและปิดลงพร้อมกับที่ดวงตาสีฟ้าใสกวาดมองไปทั่วห้องอย่างหวาดๆ โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ที่เก้าอี้ข้างหลังโต๊ะนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างอยู่ ขณะเดียวกันที่มุมห้องมีชายอีกคนนั่งอยู่ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มกำลัง
"ท่านบาทหลวง...คุณลูคัส..."
"ขอโทษด้วยที่เรียกออกมากลางดึกแบบนี้ เรน" คนที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่เอ่ยโดยไม่ละมือจากงานตรงหน้า
"นี่...แล้วฉันล่ะ ฉันมานั่งอยู่นี่สิบนาทีแล้วนะ" เสียงจากคนที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องฟังไม่สบอารมณ์ อาจจะเป็นเพราะคนพูดเมินตน หรือเพราะคนพูดใช้น้ำเสียงที่ 'ดูดีเกินไป' พูดกับเรน
"ขอโทษที...นายด้วย ลูคัส" คนที่ถูกเรียกว่า ท่านบาทหลวง เอ่ยขึ้นอย่างเอือมระอามากกว่าจะรู้สึกผิดจริง แล้วเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ดวงตาสีทองรับกับผมสั้นสีฟาง เขาจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีทีเดียว...อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ลูคัสรู้สึกหงุดหงิดก็เป็นได้
"ฉันเพิ่งได้รับจดหมายเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา" บาทหลวงเอ่ยขึ้น "มาจากท่านมหาเวทแห่งโอเรเนค" เขาดึงม้วนกระดาษออกมาจากเสื้อคลุม
เป็นจดหมายจากโอเรเนคจริงๆ เพราะที่ด้านหน้ามีตราของสภาเวทประทับอยู่ เรนรับม้วนกระดาษมา แล้วคลี่ออกช้าๆขณะที่ลูคัสรีบลุกจากมุมห้องมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ลายมือฉวัดเฉวียนแต่ยังคงดูประณีตงดงาม ดูเหมือนว่าผู้เขียนต้องการส่งจดหมายนี้ให้ถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วที่สุด มีใจความว่า
เรียน ผู้นำคณะนักบวชแห่งเอลเซส
ต้องขออภัยอย่างสูงที่รบกวนท่านในเวลาเช่นนี้ ข้าคือ เซียร่า ราลอส ตัวแทนคณะที่ปรึกษาแห่งสภาเวทโอเรเนค ข้าขอให้ท่านมอบจดหมายนี้แก่ เรน เซเวนน์ และ ลูคัส วาเชนอล์ฟ โดยเร็วที่สุด
ข้าต้องการพบพวกท่านด้วยสาเหตุที่ข้าจะอธิบายเมื่อเราพบกันแล้ว ท่านควรรีบเดินทางออกจากเอลเซสโดยเร็วที่สุด นักฆ่าจากดราซ์ดซานกำลังเดินทางมาเพื่อกำจัดพวกท่านตามคำสั่งของสมาพันธ์อัศวิน
ด้วยความนับถือ
เซียร่า ราลอส
เรนทำหน้าตาตื่นตกใจและยกจดหมายขึ้นปิดปาก ลูคัสสบถออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้น "นักฆ่าจะมากำจัดเราตามคำสั่งของสมาพันธ์อัศวิน ยายนี่ต้องประสาทเสียแน่ นักฆ่ากับอัศวิน...อัศวินไม่ใช้งานนักฆ่าและนักฆ่าก็ไม่รับงานจากอัศวิน"
"แต่...จดหมายนี่ลงตราของสภาเวท คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ค่ะ" เรนออกความเห็น
"ใช่ และการไปโอเรเนคก็ไม่มีอะไรเสียหาย อีกอย่างในจดหมายตอบนี่ฉันก็ถือวิสาสะตอบตกลงไปแล้ว" บาทหลวงหรือท่านหัวหน้าคณะนักบวชเอลเซสคงกำลังพูดถึงสิ่งที่ก้มหน้าก้มตาเขียนอยู่เมื่อครู่ "เรื่องวันเวลา..."
"อีกสักสองอาทิตย์ดีไหมคะ เป็นเวลาที่คนอื่นๆจะกลับมาจากการแสวงบุญที่โรน์"
"ก็แล้วแต่"
"ดี" บาทหลวงพยักหน้าสนับสนุน "งั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ ขอโทษอีกทีที่รบกวนนะ"
ความคิดเห็น