คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : เมียรับจ้าง :: XVIII (100%)
“คุณคะนี่มันอะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” คุณนายอู๋เร่งฝีเท้าตรงเข้ามาในห้องที่สามีของเธอกำลังแต่งตัวอยู่ด้วยหน้าตาตื่น
“มีอะไรคุณ เอะอะทำไมแต่เช้า” นายใหญ่ของบ้านที่กำลังผูกเนคไทหันมาถามด้วยความสงสัย
“คุณดูนี่สิคะ” พูดพร้อมกับยื่นหนังสือพิมพ์ส่งไปให้ แล้วชี้ลงบนข้อความที่พาดหัวขนาดใหญ่
“คริสอู๋นักธุรกิจหนุ่มสุดฮอตแห่งปี จ้างผู้ชายมาแต่งหญิงอ้างเป็นเมียหลอกแม่ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะคุณ” หลังจากอ่านหัวข้อข่าวจบก็หันไปถามภรรยาของตนอย่างกระตือรือร้น เนื้อหาที่ถูกเขียนข่าวไม่สร้างความแปลกใจให้เขาเท่ากับเรื่องนี้เป็นข่าวได้อย่างไร ไม่ใช่มีเพียงแค่เขา คริส และอี้ชิงเท่านั้นที่รู้เหรอ
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้คริสจะรู้เรื่องหรือยัง ฉันว่าฉันโทรไปหาลูกดีกว่า” จบคำก็หยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูออกมากดโทรหาลูกชายอย่างร้อนใจ แต่ยังไม่ทันที่ปลายสายจะได้กดรับ โทรศัพท์ก็ถูกแย่งไปด้วยฝีมือสามีเสียก่อน
“คุณเอาไปทำไมคะ ฉันจะโทรคุยกับลูกให้รู้เรื่อง”
“ถ้าเรื่องที่คุณอยากรู้คือเรื่องที่ตาคริสจ้างอี้ชิงปลอมเป็นผู้หญิงเพื่อมาหลอกพวกเราล่ะก็ เรื่องนี้ผมรู้ ผมจะบอกคุณเอง” เพราะรู้ว่าสิ่งที่ภรรยาอยากรู้ที่สุดในตอนนี้คงเป็นเนื้อหาของข่าวมากกว่า เขาจึงชิงอธิบายเสียเอง
“คุณรู้!!?”
“ใช่ ผมรู้…” และแล้วความจริงทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดผ่านริมฝีปากหยักลึกของผู้ทรงอำนาจที่สุดในบ้านหลังนี้ ถึงแม้อี้ชิงจะขอร้องไม่ให้บอกเรื่องนี้กับภรรยาของเขาก็ตาม แต่เล่นลงข่าวหน้าหนึ่งขนาดนี้ก็คงไม่สามารถปิดได้อีกต่อไป คนที่เคยตกลงจะรักษาสัญญาก็ได้แต่ขอโทษอี้ชิงในใจ
“ตายยย ฉันจะเป็นลม” หลังจากที่ได้รู้ความจริงจากปากสามี แข้งขาทั้งสองข้างก็เกิดไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เธอแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นแต่ยังดีที่ถูกมือใหญ่ของสามีประคองไว้ได้
“ทำใจดีๆไว้คุณ หายใจเข้าลึกๆ”
“คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” หญิงวัยกลางคนมองหน้าสามีและเอ่ยถามออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ผมเพิ่งรู้เมื่อวานตอนที่เอาขนมของคุณไปให้อี้ชิงที่ห้อง ผมเห็นเขาเป็นผู้ชาย”
“โอ๊ยยย ฉันอยากจะบ้าตาย ทำไมพวกเขาต้องโกหกเราแบบนี้ด้วย ฮือๆๆ” พูดไปน้ำตาก็หยดไหลไป ร่ำไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจอย่างถึงที่สุด ไม่คิดเลยว่าคนที่เธอทั้งรักทั้งหวงจะทำกับเธอแบบนี้
“โธ่อี้ชิง อาคิดว่าจะได้หนูเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วเชียว ทำไมถึงทำกับอาแบบนี้” เธอคร่ำครวญถึงอดีตว่าที่ลูกสะใภ้ที่รักอย่างอี้ชิงไม่หยุด นายใหญ่ของบ้านทำได้เพียงกอดปลอบคนรัก ตอนนี้เขาก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างกันที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ บางครั้งก็เผลอคิดว่าถ้าอี้ชิงเป็นผู้หญิงจริงก็คงจะดี
“ฉันว่าฉันควรจะไปดูลูก” หลังจากคร่ำครวญถึงอี้ชิงอยู่นาน ความรู้สึกห่วงใยลูกชายของคนเป็นแม่ก็ผุดขึ้นมา เธอจึงรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดของสามี ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าที่ยังคงความสวยแล้วสาวเท้าออกจากห้องแต่งตัวไปหยิบสัมภาระในห้องนอนอย่างไว ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้อง สามีของเธอก็มาดึงรั้งไว้ก่อน
“คุณไม่ต้องไปหรอก เลขาผมบอกว่าคริสเข้ามาทำงานแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวผมไปดูให้เอง คุณนอนพักอยู่บ้านเถอะ”
“แต่...”
“อย่าดื้อสิคุณนายอู๋ ผมก็เป็นพ่อคริสเหมือนกันนะ ผมรู้ว่าควรทำยังไง” แต่คนเป็นแม่คงไม่รู้หรอกว่าเมื่อวานคนเป็นพ่อทำกับลูกชายอย่างไร เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่ต่อยและตบหน้าคริสไป เพราะขืนศรีภรรยารู้ว่าเผลอทำร้ายลูกชายเพราะความโกรธตัวเขาเองคงจะโดนเหมือนลูก
“ค่ะ ก็ได้ค่ะ แต่คุณอย่าลืมหาข้าวให้ลูกกินด้วยนะคะ”
“รู้แล้วครับคุณนาย” หลังจากตบปากรับคำคุณอู๋ก็พยุงคนรักไปที่เตียงนอน แล้วจัดการห่มผ้าให้ก่อนจะเรียกคนใช้ให้ขึ้นมาคอยดูแล พอสามีออกจากห้องไปน้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลรินอีกครั้ง เธอเสียใจที่อี้ชิงหลอกลวงเธอ แต่เสียใจยิ่งกว่าคือการไม่ได้อี้ชิงมาเป็นลูกสะใภ้อย่างที่คิดไว้
ทางด้านอี้ชิงหลังจากย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านก็พยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติเหมือนตอนก่อนที่จะได้เจอกับคริส ถึงแม้เมื่อคืนโทรศัพท์จะร้องไม่หยุดเพราะคริสโทรมาไม่ขาดสาย หรือแม้แต่มาทุบประตูร้านจนแทบพัง แต่เขาก็ไม่ยอมใจอ่อนให้คริสได้พบหน้าหรือได้ยินเสียงสักนิด อี้ชิงคิดทบทวนอย่างดีแล้วว่า ถ้าไม่อยากให้ตัวเองต้องเสียใจไปมากกว่านี้ก็ควรให้มันจบซะตั้งแต่ตอนนี้ หากคริสยังดึงดันแล้วเขาต้องถูกครอบครัวของคริสโกรธหรือเกลียด เขายอมอยู่แบบไม่มีคริสดีกว่า
นอกจากข้าวของเล็กน้อยที่ขนมาเขายังกลับมาพร้อมกับเงินสดจำนวนมากที่พ่อคริสเป็นผู้จ่ายค่าจ้างแทนให้ ทั้งที่ไม่รู้ว่ายอดทั้งหมดเท่าไหร่แต่อาจจะเป็นเพราะเศษเสี้ยวความรักและความเอ็นดูที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เขาจึงได้รับเงินมาเกือบห้าล้านวอน แม้จะปฏิเสธเพียงใด สุดท้ายก็ถูกบังคับให้รับไว้อยู่ดี
อากาศที่แสนบริสุทธิ์สดใสในเช้าวันนี้ไม่ได้ช่วยทำให้จิตใจของคนร่างบางกระชุ่มกระชวยขึ้น ร่างกายที่แสนโทรม ใบหน้าขาวที่ดูอิดโรยจากการนอนไม่เพียงพอและร้องไห้อย่างหนักเดินลงมาเปิดประตูร้านเหมือนคนหมดแรง อี้ชิงจัดการเตรียมข้าวของคนเดียวอย่างเชื่องช้า พอผละจากเคาน์เตอร์มาหน้าแคชเชียร์เสียงโทรศัพท์ของร้านก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
‘ฮัลโหลอี้ชิง ฉันจงอินนะ’ พอได้ยินเสียงทุ้มจากปลายสาย หยาดน้ำใสก็เอ่อขึ้นมาคลออยู่ที่หน่วยตาสวยทันที
“อะ อืม ว่าไงจงอิน” อี้ชิงเม้มปากแน่นพยายามกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ เขาไม่อยากให้จงอินรู้ว่ากำลังร้องไห้ เพราะดีใจที่ได้ยินเสียงเพื่อนที่รักที่สุดในเวลาที่เขากำลังรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้
‘เกิดอะไรขึ้นอี้ชิง ทำไมเรื่องอี้ชิงกับคริสถึงเป็นข่าวใหญ่โตขนาดนี้’ จงอินถามอย่างร้อนรน เพราะข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทำให้เขาอดเป็นห่วงคนร่างบางไม่ได้ จึงรีบติดต่อมาหาทันที
“ข่าว? ข่าวอะไรเหรอจงอิน” คนที่ยังไม่รู้เรื่องเอ่ยถามอย่างงงๆ
‘ก็เรื่องที่อี้ชิงเป็นเมียรับจ้างของคริสไง’
“ระ เรื่องอะไรนะ” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่คำตอบที่ได้รับทำให้ร่างบางถึงกับทรุดกายลงไปกองกับพื้น ก้อนสะอื้นที่เคยสะกดกลั้นเอาไว้ก็ถูกปล่อยออกมาจนหมด
“ฮือๆๆๆๆๆ จงอิน ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้ ฉันจะทำยังไงดี ฮือๆๆๆ” ถ้าแม้แต่จงอินยังรู้ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เขาอยากปิดบังที่สุดจะไม่รู้ แค่คิดว่าท่านจะต้องเสียใจแค่ไหนหัวใจของอี้ชิงก็ยิ่งถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออกมากเท่านั้น
“ไม่เป็นไรนะอี้ชิง อย่าร้องนะ” พอได้ยินเสียงสะอื้นไห้ราวกับจะขาดใจ จงอินก็รู้สึกสงสารเพื่อนรักเหลือเกิน อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เพื่อไปกอดปลอบใจให้อี้ชิงหายเศร้า แต่เขาไม่ใช่คนมีพลังวิเศษมันจึงเป็นไปไม่ได้
“อี้ชิงอยากให้ฉันขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย” คนที่อยู่ห่างไกลถึงเกาะเชจูเอ่ยถามขึ้นเมื่อฟังเพื่อนรักร้องไห้มาเกือบครึ่งชั่วโมง
“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ได้” ตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครือ
“แต่ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าอี้ชิงยังเป็นแบบนี้ เอาเป็นว่ามาหาฉันที่นี่แล้วกัน ฉันจะจัดการจองตั๋วและจ่ายค่าตั๋วให้”
“ไม่ต้องหรอกฉันเกรงใจ”
“มาเถอะนะอี้ชิง ฉันอยากให้อี้ชิงได้มาพักผ่อน” จงอินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังติดจะเครียดนิดๆ เขาไม่อยากให้อี้ชิงต้องร้องไห้อยู่ที่นั่นคนเดียว เขาอยากจะเป็นที่พักพิงที่ดีที่สุดให้กับเพื่อนที่เขารักมากในตอนนี้ ช่วงเวลาอาทิตย์กว่าที่ผ่านมาหลังจากไปขอโทษอี้ชิง จงอินก็คิดได้แล้วว่าสถานะใดที่เหมาะกับเขามากที่สุด ต่อจากนี้ไปเขาจะกลับมาเป็นเพื่อนที่รักที่สุดของอี้ชิงอีกครั้ง
“อือ ฉันจะไป” หลังจากครุ่นคิดอยู่นานร่างบางก็ตอบตกลง เขาอยากใช้โอกาสนี้เพื่อหนีความวุ่นวายเกี่ยวกับข่าวที่จะตามมาในอนาคต และอยากทำใจให้ลืมว่าครั้งหนึ่งเขาเคยรักผู้ชายที่ชื่อ ‘คริส’ อย่างสุดหัวใจ
บ่ายวันนั้นทุกรายการข่าวมีการรายงานเกี่ยวกับคดีใหญ่ที่ตระกูลอู๋ยื่นฟ้องร้องให้ดำเนินคดีกับสำนักข่าวโอเซนและนักข่าวที่มีฉายาว่า นักข่าวสุดหล่อ L.H. ด้วยเงินจำนวนมหาศาลเกือบห้าหมื่นล้านวอนโทษฐานละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและหมิ่นประมาท โดยทางสำนักข่าวโอเซนขอสู้คดี และปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือแก่ลู่หานเพราะอ้างว่าไม่ใช่นักข่าวในสังกัดตน
ทางด้านลู่หาน หลังจากได้ทราบข่าวจากวิคตอเรีย ว่าตนถูกฟ้อง เขาก็หนีออกจากห้องเดิมและย้ายไปเช่าห้องเล็กๆอยู่ที่จังหวัดคยองกี ลู่หานไม่ได้มาแต่ตัว ทว่ากลับพกหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่จะเอาไว้ใช้เปิดโปงความสัมพันธ์สวาทของคริสกับอี้ชิงมาด้วย และรอโอกาสที่จะส่งมอบสิ่งนี้ให้กับสำนักข่าวใดสำนักหนึ่ง
ฝ่ายคริส คุณอู๋จัดการให้ทนายออกมายอมรับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นจริงไปตามสิ่งที่ข่าวเขียนขึ้น ยกเว้นเพียงแต่ความสัมพันธ์ระหว่างคริสกับอี้ชิงที่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกว่าคำว่านายจ้าง-ลูกจ้าง หรือเพื่อนเท่านั้น พร้อมทั้งบอกเหตุผลที่คริสไม่ได้มาเป็นผู้ชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดเองเพราะติดโปรเจ็คใหม่ของบริษัทที่กำลังดำเนินการอยู่ นักข่าวก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไร เพราะต่างก็กลัวอำนาจของตระกูลอู๋ ไม่มีใครอยากโดนฟ้องจนแทบหมดตัวเหมือนสำนักข่าวโอเซนและนักข่าวมือสมัครเล่นอย่างลู่หานแน่นอน
ห้องทำงาน
ขณะที่ร่างสูงของคริสกำลังก้มหน้าก้มตาดูแบบพิมพ์เขียวของโรงแรมสาขาใหม่ที่จะเปิดที่ฝรั่งเศสอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ข้างตัวก็ดังขึ้น เขาเลยละมือจากแผ่นกระดาษแล้วกดรับ
“ฮัลโหล”
[ฮัลโหล เป็นไงบ้างพี่ชาย ยังโอเคดีอยู่ใช่มั้ย]
“ฉันไม่โอเคว่ะไอ้ยอล อี้ชิงเขาจากฉันไปแล้ว ตอนนี้ฉันคิดถึงเขาแทบจะบ้า” พูดพลางเอนหลังพิงผนังเก้าอี้อย่างคนหมดแรง
[อ้าว คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหาเล่า]
“ฉันไปมาแล้วแต่เขาไม่ออกมาให้เห็นหน้าเลย โทรหาก็ไม่รับ” คริสถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รั้งอี้ชิงไว้หรือจะปล่อยให้เรื่องนี้จบไปเฉยๆ ขอแค่อี้ชิงยอมต่อสู้ทุกปัญหาไปกับเขา เขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้อยู่กับอี้ชิง แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น อี้ชิงเลือกที่จะแคร์ความรู้สึกของคนในครอบครัวเขามากกว่าเขา หรือมากกว่าหัวใจตัวเอง
[แล้วพี่จะทำไงต่อไป]
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะที่โรงแรมมีโปรเจ็คใหญ่ที่ฉันต้องดูแล”
[ออกมากินเหล้ากับผมมั้ยพี่ เดี๋ยวผมเลี้ยง] คนเป็นน้องที่อยากปลอบใจพี่ชายที่รักเอ่ยถาม ทว่ายังไม่ทันที่อีกคนจะได้ตอบอะไรกลับไปก็มีเสียงเล็กแหลมของใครคนหนึ่งแทรกขึ้นมาในสายเสียก่อน
[ฮัลโหลพี่คริส ทำไมพี่คริสไม่บอกน้องแพคล่ะครับว่าพี่อี้ชิงเป็นแค่เมียรับจ้าง ทำไมอ้องโออกอัน อืออ อ่อยอะโออี้ อ้องแอคอะอุยอับอี่อริส ฮัลโหลพี่คริส แค่นี้ก่อนนะตัวป่วนมาแล้ว ถ้าจะมากินเหล้าก็โทรมาหาผมนะพี่]
กึก!
เจ้าของเครื่องมองหน้าจอที่ถูกตัดสายไปอย่างงงๆ แต่ก็ขำออกมานิดๆเมื่อคิดภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปของคู่รักตัวป่วน น้องชายสุดหล่อกับแฟนคลับอันดับหนึ่งของเขา อย่างน้อยทั้งคู่ก็ทำให้เขาหายเครียดจากงานและชีวิตไปได้เปราะหนึ่งล่ะนะ
และก็มาถึงวันเซ็นสัญญาร่วมทุนของอู๋กรุ๊ปกับเครือลา เมซง เจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาวในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างที่ร่างสูงกำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยของสถานที่ก็รู้สึกวูบจนต้องเอามือยันกำแพงไว้ วิคตอเรียเข้ามาเห็นภาพนั้นพอดี จึงรีบเข้าไปช่วยพยุงด้วยความเป็นห่วง
“คุณคริสไปนอนพักสักงีบดีมั้ยคะ” เลขาสาวเอ่ยถามอย่างกังวลใจ เพราะเห็นคริสอาการไม่สู้ดี ยืนหลับตานิ่งไม่ไหวติงอยู่นาน
“ผมไม่เป็นไร คุณไปทำงานเถอะ”
“แต่คุณคริสยังไม่ได้นอนเลยนะคะ เมื่อคืนก็กลับจากงานเลี้ยงเกือบสว่าง วันนี้ก็ตื่นแต่เช้าอีก เอ๊ะ! แล้วคุณคริสทานข้าวเช้าหรือยังคะเนี่ย” รัวถามเป็นชุด ทำเอาคนฟังถึงกับกุมขมับเพราะเริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา
“ผมบอกให้คุณไปทำงานไงวิค” ร่างสูงเลี่ยงไม่ตอบคำถาม แถมยังขึ้นเสียงไล่เลขาสาวอีกครั้ง
“ไปเถอะค่ะคุณคริส เดี๋ยวฉันพาคุณไปทานข้าวก่อน” หญิงสาวถือวิสาสะจับมือใหญ่ของร่างสูงพร้อมออกแรงฉุดให้คนตัวโตเดินตาม แต่คริสกลับสะบัดมือออกและเตรียมต่อว่าลูกน้องตนเต็มที่ ทว่าถูกขัดขึ้นด้วยเสียงของใครคนหนึ่ง
“คุณคริสครับ ท่านประธานพอลมาถึงแล้วครับ” เพราะบุคคลสำคัญมาถึงเรื่องอาหารเช้าของคริสจะถูกลืมไปทันที
“ขอเชิญทั้งสองท่านจับมือกันหน่อยครับ” ช่างภาพจากสำนักข่าวหนึ่งที่ได้รับเชิญให้มาร่วมทำข่าวเพื่อเป็นสักขีพยานเอ่ยขอเสียงดัง เพราะอยากเก็บภาพประทับใจระหว่างคริสตัวแทนของเครืออู๋กรุ๊ปกับพอลตัวแทนของลา เมซง
“ช่วยกล่าวอะไรด้วยครับคุณคริส” หลังจากที่กดรัวชัตเตอร์จนหนำใจ เสียงเล็กแหลมของนักข่าวสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น คริสยิ้มรับด้วยความยินดี ก่อนจะรับไมค์จากมือเลขาสาว
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณพี่ๆนักข่าวทุกท่านที่มาทำข่าวในวันนี้นะครับ ผมรู้สึกยินดีมากที่ได้ร่วมทำธุรกิจกับบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่างลา เมซง และในปลายปีหน้าทุกคนจะได้พบกับ...” ร่างสูงหยุดพูดเสียดื้อๆ เมื่อรู้สึกว่าสิ่งของรอบๆตัวเริ่มหมุน สายตาคมเริ่มพร่ามัว มองเห็นนักข่าวหลายคนตรงหน้ามีหลายร่าง วิคตอเรียเห็นคริสกระพริบตาถี่พร้อมทั้งเอามือขึ้นมานวดขมับคล้ายกับคนวิงเวียนศีรษะ จึงรีบเข้ามากระซิบถามเบาๆด้วยความเป็นห่วง
“คุณคริสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ร่างสูงหลับตายืนนิ่งอยู่สักพักแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นพร้อมกับจับแขนของหญิงสาวออกจากแขนตน แล้วพึมพำเสียงเบา “ฉันไม่เป็นไร”
“ครับ ในปลายปีหน้าทุกท่านจะได้พบกับโรงแรมสุดหรูที่เป็นทั้งที่พักผ่อน ที่เที่ยวเล่น และที่ชอปปิ้ง รวมกันอยู่ในที่เดียวกลางนครปารีสอย่างแน่นอนครับ ผมหวังว่าทุกคน...”
ตุบ!
เสียงร่างสูงโปร่งกระแทกพื้น สร้างความตกใจให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก วิคตอเรียรีบเข้ามาพยุงร่างเจ้านายของตน เช่นเดียวกับคุณอู๋ที่ลุกพุ่งพรวดออกจากเก้าอี้เข้ามาหาคริสอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นักข่าวที่เหลือต่างกดชัตเตอร์รัวจนปุ่มแทบพัง บางสำนักข่าวถึงขั้นอัดวีดีโอไว้ เพื่อให้ได้ภาพเด็ดของคาสโนวาคริสล้มหมดสติระหว่างงานเซ็นสัญญา
‘สวัสดีค่ะ ต้อนรับเข้าสู่ช่วงเวลาข่าวรอบเย็นประจำวันที่...’
ร่างบางของอี้ชิงนอนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง โดยไม่ได้สนใจเสียงโทรทัศน์ที่ส่งเสียงดังจนหนวกหู
แกร๊ก
ประตูเปิดออกพร้อมกับปรากฏร่างเจ้าของห้องที่ถือของพะรุงพะรังมาเต็มสองไม้สองมือ
“อี้ชิง ทำไมเปิดทีวีเสียงดังแบบนี้” เอ็ดเพื่อนเสียงดังแข่งกับเสียงผู้ประกาศข่าว แต่คนที่ถูกต่อว่าก็ยังคงนอนนิ่งไม่แม้แต่จะละสายตาหันมามอง
“เฮ้อ อยู่มาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย” จงอินบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อนใจ ตอนแรกก็คิดว่าพอมาอยู่ในที่ใหม่ๆ พบปะผู้คนใหม่ๆ อาการซึมเศร้าจะหายไปบ้าง แต่เขาคงคิดผิดถนัด นอกจากอาการจะไม่ดีขึ้นแล้ว ยังแย่ลงกว่าเดิมอีก
อี้ชิงตอนนี้กำลังเป็นโรคคิดถึงคริสขั้นโคม่า ทุกคืนจะต้องได้ยินร่างบางละเมอเรียกชื่อของร่างสูงไม่ต่ำกว่าสองครั้ง พอเห็นรูปคริสบนนิตยสารเล่มไหนก็จะซื้อกลับมาแล้วนั่งจ้องอยู่อย่างนั้นไม่วางตา หรือแม้แต่เห็นนักท่องเที่ยวคนใดที่หน้าตาละม้ายคล้ายคริส อี้ชิงก็จะเผลอตะโกนเรียกชื่อและวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจทุกที จนเข้าใจผิดมานับครั้งไม่ถ้วน ความตั้งใจของเจ้าตัวที่จะมาทำใจให้ลืมคนชื่อคริส คงไม่ประสบความสำเร็จแล้วล่ะ ถ้ายังคิดถึงอีกคนทุกลมหายใจเข้าออกขนาดนี้
“เมื่อไหร่รายการนั้นจะมาสักทีนะ” หลังจากเอาของไปเก็บในครัวเสร็จ จงอินก็เดินมานั่งบนเตียงนอนข้างๆอี้ชิง แล้วหยิบรีโมทมาลดเสียงลง ขณะที่กำลังบ่นๆถึงรายการโปรดอยู่นั่นภาพบนจอก็ปรากฏรูปคริส
“อี้ชิงๆ คริสๆ” จงอินสะกิดบอกเพื่อนด้วยความตื่นเต้น คนที่นั่งเหม่อในตอนแรกรีบหันไปดูตามเสียงเรียกทันที
“คุณคริส!!” อุทานเสียงสูงเมื่อเห็นร่างของคนรักหมดสติล้มลงไปต่อหน้าต่อตา ใจดวงน้อยก็หล่นวูบตามภาพที่เห็น สติการรับรู้เริ่มทำงานติดขัด เขาไม่ได้ยินสิ่งที่นักข่าวสาวประกาศแม้แต่เพียงนิด เห็นเพียงภาพความวุ่นวายที่ฉายบนจอโทรทัศน์
“เดี๋ยวอี้ชิง! จะไปไหน” จงอินคว้าข้อมือเล็กของคนที่พรวดพราดลุกขึ้นจากที่นอน และทำท่าจะวิ่งออกไปข้างนอก
“ฉันจะไปหาคุณคริส” ตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงร้อนรน ตอนนี้เขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น นอกจากเป็นห่วงคริสแทบขาดใจ
“แต่...”
“อย่าห้ามฉันจงอิน ฉันรักเขา ฉันตัดใจจากเขาไม่ได้จริงๆ ฉันเป็นห่วงเขาจริงๆ” พรั่งพรูคำพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียน
“ฉันไม่ได้ห้าม แต่ถ้าอี้ชิงจะไป เราจะต้องไปจองตั๋วกันก่อน ไป เดี๋ยวฉันจัดการให้” เอ่ยจบก็หยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ทั้งของตนและของอี้ชิง แล้วจูงร่างบางออกจากห้องไปด้วยกัน
เวลา 1 ทุ่ม ณ โรงพยาบาลแถวคังนัม
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคนไข้ที่ชื่ออู๋อี้ฟานอยู่ห้องไหนครับ” คนร่างบางวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาสอบถามกับประชาสัมพันธ์ หลังจากที่ได้หมายเลขห้องก็เร่งฝีเท้าไปยังลิฟต์แล้วกดปุ่มเปิดอย่างร้อนใจ
เมื่อมาถึงหน้าห้องที่นางพยาบาลบอกเขาก็เคาะประตูก่อนสองครั้งตามมารยาท แล้วค่อยผลักประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้อี้ชิงกลับมาหายใจได้คล่องขึ้นอีกครั้ง จากที่เคยคิดไว้ว่าอาจจะมีสายมากมายระโยงระยางเต็มตัวร่างสูง ทว่าแท้จริงแล้วมีเพียงแค่สายน้ำเกลือเพียงเส้นเดียว
“เฮ้อ ผมนึกว่าคุณจะเป็นอะไรมากซะแล้ว” ถอนหายใจยาวพลางยืนจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้ซีดเซียว ขาวเผือด ไร้เม็ดเลือดแดงขึ้นมาล่อเลี้ยง
“ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองให้ดีครับ มาล้มต่อหน้าต่อตาผมแบบนี้ ผมเป็นห่วงจะแย่คุณรู้มั้ย” แสร้งต่อว่าคนที่ยังนอนไม่ได้สติ แล้วใช้ปลายนิ้วเรียวสวยเกลี่ยไล้ตามโครงหน้าหล่ออย่างพิสมัย
“ผมคิดถึงคุณ คุณคริส” พูดจบริมฝีปากเล็กก็โน้มลงทาบทับริมฝีปากหนาอย่างแผ่วเบาก่อนจะถอนกลีบปากออก ร่างสูงยังคงนอนนิ่งอยู่กับที่เป็นเพราะยาที่ยังไม่หมดฤทธิ์ต่อให้อี้ชิงพูดดังแค่ไหน หรือทำอะไรกับร่างกายคริสตอนนี้ ก็คงไม่รับรู้
อี้ชิงนั่งเฝ้าร่างสูงอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ก็มีนางพยาบาลเดินเข้ามาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ขณะที่เธอกำลังตรวจเช็ดขวดน้ำเกลืออยู่นั่น อี้ชิงก็เอ่ยถามอาการของร่างสูง
“เขานอนมากี่ชั่วโมงแล้วครับคุณพยาบาล”
“ก็ประมาณเกือบสามชั่วโมงได้ค่ะ ความจริงยาที่เราให้คนไข้จะออกฤทธิ์แค่สองชั่วโมงเท่านั้น แต่สงสัยคงเพลียมากเลยหลับยาวมาถึงตอนนี้”
“แล้วเขาเป็นลมเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอแค่นั้นเหรอครับ”
“พักผ่อนน้อยด้วย แล้วก็ไม่ทานข้าวเช้ามาหลายวันด้วยค่ะ เห็นว่าเป็นโรคประจำตัวของเขา”
“อ๋อ ครับ” ร่างบางพยักหน้ารับรู้ แล้วส่งยิ้มหวานแทนการขอบคุณ
“เดี๋ยวอีกสักพักคุณพ่อคุณแม่ของคนไข้คงมาถึงนะคะ เพราะเมื่อกี้โทรเข้ามาถามที่วอร์ดอยู่” เธอบอกเล่าสิ่งที่รู้มาให้ร่างบางเพราะคิดว่าคงเป็นคนรู้จักกัน แต่มันกลับสร้างความตกใจให้อี้ชิง ถ้าท่านทั้งสองเห็นเขามาหาคริสจะว่าอย่างไรทั้งๆที่สัญญาว่าจะไม่มาพบหน้าอีกแล้ว
“อีกสักพักคนไข้คงฟื้น ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเห็นคู่สนทนาของเธอเอาแต่ยืนนิ่งไม่ตอบโต้อะไร เธอเลยขอตัวออกจากห้อง อี้ชิงค้อมศีรษะตามหลังเธอไป และตอนที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นสร้อยคอเส้นเล็กที่ตะขอหลวมอยู่พอดีก็ร่วงลงบนพื้นห้องเย็นๆโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว
“ผมต้องไปแล้วนะครับ ดูแลตัวเองให้ดีด้วย แล้วผมจะคิดถึงคุณ” พูดเสียงเศร้า มองใบหน้าของคนรักด้วยแววตาเศร้าสร้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ฟื้นแล้วเหรอลูก” เสียงคุณนายอู๋ดังขึ้นเมื่อเห็นลูกชายที่รักลืมตาขึ้น ทำให้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟารีบลุกขึ้นเดินเข้ามาประชิดขอบเตียงอีกด้าน
“ขอน้ำหน่อยครับ” เสียงแหบแห้งเอ่ยขอน้ำกับมารดา คนถูกขอก็รีบรินน้ำให้ดื่มทันที
“คืนนี้ม๊าจะนอนเฝ้านะลูก”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมโตแล้ว อยู่คนเดียวได้” คริสตอบหลังจากดื่มน้ำเสร็จ แต่คนเป็นแม่ยังไม่วายหยุดพูด
“แต่ม๊าเป็นห่วงอี้ฟานนะ เผื่อเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอีกจะทำยังไง”
“งั้นก็แล้วแต่ม๊าแล้วกันครับ” เพราะขี้เกียจจะต่อความสาวความยืด เลยตอบรับง่ายๆ
“ดีมากลูกชายม๊า” ลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่ แต่คนถูกลูบกลับหันหน้าหนีพร้อมกับกล่าวว่ามารดาด้วยเสียงติดรำคาญหน่อยๆ
“อย่ามาลูบหัวผมเหมือนเด็กนะครับม๊า ผมไม่ใช่เด็กแล้ว เอ๊ะ!” ขณะที่พูดอยู่สายตาคมก็พลันไปเห็นสร้อยคอสีเงินเส้นเล็กที่แสนคุ้นตาวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง มือหนารีบเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาทันที
“ทำไมสร้อยมาอยู่ตรงนี้ครับม๊า” ถามอย่างกระตือรือร้น ทว่าคุณนายอู๋กลับส่ายหน้า
“ม๊าก็ไม่รู้เหมือนกัน มาถึงก็เห็นมันวางอยู่แล้ว ของอี้ฟานเหรอลูก”
“ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของ...” ยังพูดไม่จบประโยคแต่เหลือบไปเห็นคนเป็นพ่อรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจทำให้คริสต้องกลืนชื่ออี้ชิงลงคอไปอย่างเร็ว
“ของใครลูก” นายหญิงของบ้านยังเซ้าซี้ถาม คริสเลยต้องตอบเพื่อให้จบเรื่องไป
“ของผมครับ สร้อยเส้นนี้เป็นของผม ผมคงลืมไว้ในห้องน้ำตอนเปลี่ยนชุด พยาบาลเลยเก็บมาวางไว้ให้ตรงนี้” ร่างสูงโกหกออกมาคำโต แม้จะเห็นท่าทีสงสัยไม่หายของป๊ากับม๊า แต่ก็เลือกจะไม่พูดอะไรต่อ
เขานอนครุ่นคิดอย่างหนักว่าสร้อยเส้นนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก็อี้ชิงกลับไปจีนแล้วไม่ใช่เหรอ หรือความจริงแค่ย้ายที่อยู่ เลยเข้ามาเยี่ยมเขา แล้วทำไมไม่รอให้เขาตื่น ให้เขาได้เห็นหน้า ได้พูดคุยกันให้หายคิดถึง หรือแท้จริงแล้วอี้ชิงตั้งใจมาเพื่อคืนสร้อยเส้นนี้เท่านั้น คิดมาถึงตรงนี้หัวใจก็รู้สึกเหมือนถูกบีบรัดจนเจ็บหนึบ วันที่ตัววายไม่ถูกล้อมรอบด้วยดวงดาว วันที่เขาไม่มีอี้ชิงอยู่เคียงข้าง คงจะมาถึงแล้วสินะ
TasTo_raY Talk
50%ที่เหลือมาแล้วจ้า ครึ่งหลังนี้สงสารคริสบ้างก็แล้วกันนะ
อี้ชิงไม่ได้เจ็บอยู่ฝ่ายเดียวจริงๆ และอี้ชิงไม่ทิ้งคริสไปหาจงอินนะ
หลังจากอ่านคอมเม้นก็ทำให้เรารู้แล้วว่ายังมีคนที่ติดตามอยู่เสมอๆ
โยนหัวใจพี่คริสกับอี้ชิงใส่ให้ค่ะ
แล้วก็รู้ด้วยว่าเพราะนานๆมาอัพทีคนเลยหายหมด
อันนี้ต้องขอโทษจริงๆค่า แบบว่ายุ่งบ้างขี้เกียจบ้าง
ขอให้สนุกในการอ่าน เจอกันใหม่หลังปีใหม่ค่า
#เมียรับจ้าง
ความคิดเห็น