ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic EXO] รวม SF

    ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Secret 4 (TaemKai)

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 59



    "วันนี้ได้เจอแทมินละนี่"

    "ดีใจล่ะสิมึงงงง แน่ะ"

    "หมั่นไส้จังครับ"

    จงอินคลี่ยิ้มบางๆ ตอบรับคำพูดของสมาชิกภายในวงขณะกำลังเดินอยู่ในเกตภายในสนามบินเพื่อให้พี่ๆ ทุกคนสบายใจ แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะแอบกังวลก็ตาม ก็จริงที่เขาดีใจ แต่เขาไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นไปด้วยดี ตลอดเวลาหกเดือนที่ผ่านมาทุกอย่างมันระหองระแหงไปหมด ข่าวลือเสียๆ หายๆ ของไคกับคริสตัลมีหลุดออกมาเรื่อยๆ ไหนจะทั้งตัวจงอินเองก็ทำงานหนักและแทมินทำงานหนักกว่า

    ล่าสุดที่ได้เจอกับแทมินก็เป็นในงานตอนดรีมคอนเสิร์ต ตอนนั้นมันก็ดีอยู่หรอกแต่พอหลังจบงานสุดท้ายก็มาทะเลาะกันอีกอยู่ดี

    "แกเห็นแทมินกับเตนล์เต้นยังวะจงอิน"

    "อะไร"

    "ฮิตเดอะสเตจไง กระแสแทมเตนล์แรงไปอีก" ลมหายใจของจงอินสะดุดไปชั่วครู่ทันทีเมื่อแบคฮยอนพูดถึงกระแสข้ามวงที่มาแรงในขณะนี้ ตั้งแต่เขารู้จักแทมินมา แทมินเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจใคร มนุษยสัมพันธ์ก็ไม่ได้ดีอะไร แต่แทมินสนิทกับเตนล์ได้โดยเพียงคุยกันไม่กี่คำ เจอกันไม่กี่ครั้ง และเด็กคนนั้นก็น่ารักขนาดนั้น เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขากังวล แม้จะรู้ว่ามันไม่มีอะไรแต่มันก็...


    ชวนให้หึงและหวงไม่น้อยเลย


    ตารางงานวันนี้คือ คอนเสิร์ต SMTOWN ที่โอซาก้า แน่นอนว่าหลังเวทีวุ่นวายมากเป็นปกติ หลังเวทีสองฝั่งกว้างจนถึงขั้นต้องขี่จักรยานไปนั่นหมายความว่าโอกาสที่จะได้เจอแทมินโดยบังเอิญนั้นเป็นศูนย์ และแน่นอนว่าโอกาสเดียวนั่นคือตอนขึ้น Hope ตอนจบเท่านั้น




    fan account


    ตอนที่แทมินแสดง คุณจะเห็นไคยืนมองแทมินอยู่ด้านข้างเวทีระหว่างรอแสตนบาย


    ฉันเห็นจงอินยืนอยู่ข้างเวทีมองแทมินแสดงด้วยล่ะ




    ทุกครั้งที่ได้มองแทมินบนเวที จงอินรับรู้ได้ถึงพลังที่ส่งผ่านออกมา มันทำให้เขานึกถึงค่ำคืนนั้นที่ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นในห้องซ้อม แทมินสอนเขาทุกสิ่งทุกอย่างจนมามีวันนี้ แต่ว่า...เขาเพิ่งได้เข้าใจความเป็นแฟนคลับอย่างแท้จริง ว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ทำได้แค่มองคนที่ตัวเองรักอยู่ไกลๆ แบบนี้ ทำอะไรกับมันไม่ได้นอกจากมองอยู่ตรงนี้ ให้กำลังใจอยู่ตรงนี้ และภูมิใจในตัวเขา

    แทมินจะรู้ไหม ตลอดเวลาที่ต้องห่างกันไป คิมจงอินคนนี้ต้องกลายเป็นแฟนคลับอย่างสมบูรณ์แบบ ติดตามทุกงานผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คของบ้านต่างๆ มันเจ็บปวด...ชะมัด...

    น้ำใสรึ้นขึ้นที่ขอบตาให้ดวงตาคมเหลือกขึ้นเพื่อกลืนมันกลับลงไป จงอินคิดถึงแทมินจนแทบบ้า แต่เขากลับไม่รู้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายคิดถึงเขาสักนิดบ้างไหม หรือว่ามีใครที่เข้ามาทำให้ลืมเขาไปหรือเปล่า เขาไม่รู้อะไรเลย เข้าใจว่างานหนัก งานยุ่ง เข้าใจว่าเป็นคนไม่ติดโทรศัพท์ แต่...

    ตอบข้อความกันหน่อยได้ไหม








    -









    ในที่สุดช่วงเวลานี้ก็มาถึง เมื่อเพลง Hope ขึ้นก็เหมือนปลุกความหวังขึ้นในใจของจงอิน เขาเลี่ยงตัวจากเมมเบอร์อย่างที่เคย เขายืนรอแทมินเดินมา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาอยากจะกอดอีกคนแน่นๆ ให้สมกับความคิดถึงที่สั่งสมมาเป็นเดือนๆ เขาเอื้อมมือไปเพื่อคว้ามืออีกคนจะดึงมากอดแต่แทมินกลับ...รั้งตัวเอาไว้ จนเราหมุนตัวกันไปรอบๆ เพราะเขาพยายามที่จะกอด แต่อีกฝ่ายเบี่ยงตัวหนี

    ริมฝีปากล่างถูกขบเม้มเบาๆ ก่อนจงอินจะสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อปลอบตัวเองว่าไม่เป็นไร เพื่อเตือนตัวเองว่าเขาเข้าใจว่าแทมินกำลังรักษาระยะห่างตามที่บริษัทสั่ง แต่แล้วไงวะ? เพื่อนกันจะกอดกันไม่ได้เหรอ? เขาคว้ามือของอีกคนจับไว้แน่นแล้วเริ่มออกวิ่งให้หลุดพ้นจากตรงที่ผู้คนหนาแน่น เพราะเขากลัวเหลือเกินว่าอีกคนจะไม่อยู่กับเขาและหายไปกับคนอื่น... แทมินยิ้มให้เขา แต่มันเป็นรอยยิ้มที่จงอินไม่อยากได้เอาเสียเลย รอยยิ้มการค้าแบบนั้นที่ยิ้มให้คนอื่นๆ เหรอ ทำไมล่ะวะอีแทมิน

    จงอินข่มอารมณ์เอาไว้มาก เขาอยากอยู่กับแทมินให้มากที่สุด นานที่สุด แต่ร่างโปร่งก็ต้องชะงักเมื่อแทมินหยุดแล้วจะผละมือออกไปจนเขาต้องหันไปมอง เขากระชับมือบางไว้แน่นไม่ให้หลุดออกจากกัน และภาพที่แทมินเหยียดแขนอีกข้างไปโอบรอบเอวของรุ่นน้องที่เป็นกระแสมาแรงในตอนนี้อย่างเตนล์ทำให้มืออีกข้างของเขากำหมัดแน่น ใจของเขาเหมือนโดนบีบอย่างไรอย่างนั้น

    มือหนากระชากมือบางจนแทมินต้องปล่อยอ้อมแขนออกจากรุ่นน้องชาวต่างชาติแสนน่ารักและเดินตามเขาไปในที่สุด แต่สุดท้ายแล้วมือบางก็ค่อยๆ พยายามผละออกจากเขาทีละนิดทำทีเป็นจะโบกมือให้กับแฟนๆ และในจุดนั้นคิมจงอินคนนี้ยอมแพ้ เขายอมแพ้แล้ว... เขาปล่อยแทมินให้เป็นอิสระตามต้องการ และแทมินก็...ทิ้งเขาไปหาคนอื่นๆ

    เสียงกรีดร้องใดๆ จากโดยรอบก็ไม่ทำให้จงอินรับรู้อะไรอีกแล้ว ร่างโปร่งยืนเคว้งอยู่กลางเวทีคนเดียว ทุกอย่างมันอื้ออึงไปหมด สิ่งที่ทำได้มีเพียงกลั้นหยาดน้ำตาที่คลอหน่วยเอาไว้ไม่ให้มันไหลลงมาอาบแก้มตอบและยกมือขึ้นโบกพร้อมรอยยิ้มแสนฝืนอย่างไร้เรี่ยวแรง ทิ้งคำถามคาใจเอาไว้กับแฟนอย่างเขาไว้ว่า

    เขาทำผิดอะไร?



    เขาทนอยู่ด้วยความรู้สึกแบบนั้นจนถึงตอนจบเมื่อโค้งเสร็จร่างโปร่งก็รีบกลับเข้าไปด้านหลังเวทีทันที ใบหน้าซึมของคาริสม่าแห่งวงเอ็กโซเป็นจุดสังเกตให้คนที่นั่งอยู่ที่ด้านล่างเวทีอยู่ก่อนเพราะไม่ได้ขึ้นตอนจบนั้นรับรู้ถึงความผิดปกติ มีอยู่แค่คนเดียวนั่นล่ะที่ไม่ค่อยจะยอมขึ้นตอนจบไม่ว่าปีไหนๆ ก็ตาม คริสตัลจอง แฟนในนามของคิมจงอิน

    "ทำไมทำหน้าแบบนั้น ทะเลาะกับแทมินมาอีกหรือไง? บนเวทีเนี่ยนะ?" เสียงร้องทักทำให้จงอินที่กำลังจะเดินผ่านไปผินหน้ามามองก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้อีกตัวซึ่งวางอยู่ข้างๆ หญิงสาวอย่างเงียบๆ

    "นี่ ฉันยอมโดนด่าขนาดนี้เพื่อช่วยพวกเธอนะ ไม่ใช่เพื่อทำให้มันแย่ลง" จงอินยังคงเงียบ คริสตัลจึงปล่อยให้อีกคนได้ใช้เวลากับความคิดของตัวเองเพราะเธอเองก็ไม่ใช่คนช่างพูดอะไรนัก เธอเข้าบริษัทมาครั้งแรกในปี 2006 ส่วนจงอินเข้ามาในปี 2007 และเธอได้เดบิวท์อย่างรวดเร็วเป็น f(x) ในปี 2009 เพราะแบบนั้นจึงไม่ได้สนิทกันมากมายนัก แต่ก็ไม่ได้ห่างเหินจนเกินไป ถือเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกันในระดับหนึ่ง และด้วยความที่เธอสนิทกับรุ่นพี่จงฮยอนรวมถึงรู้จักกับแทมินในระดับที่ไปไหนต่อไหนด้วยกันได้บ้าง ก็ทำให้เริ่มสนิทกับจงอินมากขึ้นไปด้วย

    หลายคนมักบอกว่าเธอกับจงอินมีไลฟ์สไตล์ที่เหมือนๆ กัน ชอบอะไรเหมือนๆ กัน แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่หรอก เพียงแค่คล้ายกันเฉยๆ ยังไม่สามารถแมทช์กันได้ดีขนาดนั้น อีแทมินนู่นล่ะ ของจริงของคิมจงอินเขาล่ะ

    "มันไม่สนใจฉัน" ถ้อยคำตัดพ้อทำเอาคริสตัลถอนหายใจ คนอื่นๆ เริ่มทะยอยลงจากเวทีกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ เธอยกมือขึ้นตอบรับการทักทายของรุ่นพี่ซูเปอร์จูเนียร์เป็นระยะ แล้วไม่นานก็ตามมาด้วยเอฟเอ็กซ์และเอ็กโซที่ลงมาพร้อมๆ กัน หญิงสาวโบกมือเรียกแอมเบอร์ที่ลงมาจากเวทีเป็นคนสุดท้ายให้คนถูกเรียกเลิกคิ้วอย่างงงๆ ใบหน้าสวยพยักเพยิดไปทางคนข้างๆ ก่อนจะพูดออกมา

    "It's your duty."

    "Wha?"

    "Bye~" ร่างสูงโปร่งบนรองเท้าส้นสูงลุกขึ้นยืนพร้อมฉีกยิ้มกว้างตบบ่าของรุ่นพี่ร่วมวงเป็นการให้กำลังใจสำหรับหน้าที่อันใหญ่หลวง เมมเบอร์เอ็กโซมองกันมาที่น้องเกือบเล็กที่สุดของวงที่นั่งเงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งแปดคนยังส่งเสียงโวยวายตีกันอย่างปกติเพราะรู้ดีว่าพวกตนไม่ใช่คนที่จะปลอบจงอินให้หายจากการอารมณ์ไม่ดีได้ เพราะงั้นจึงตกเป็นหน้าที่ของแอมเบอร์ คริสตัลจองผู้มอบหมายหน้าที่ก็เดินหนีออกไปแล้วซะอย่างนั้น

    "เหย ไม่เป็นไรหน่า มันจำเป็น" มือเรียวสวยของหญิงสาวสุดเท่วางลงบนกลุ่มผมของเด็กชายที่อายุอ่อนกว่าแล้วลูบไปมา ใช้วงแขนกอดหัวของอีกคนเอาไว้แล้วดันให้เข้ามาซบที่ช่วงเอวเมื่อเด็กน้อยกำลังจะปล่อยร้ำตาร่วงเผาะ ไหล่กว้างๆ ของชายหนุ่มเต็มตัวห่อลงเหลือเพียงนิดเดียว จงอินนี่เป็นเด็กน้อยของทุกคนที่นี่ ใครๆ ก็เห็นจงอินกันมาตั้งแต่สมัยฝึก เด็กคนนี้ช่างขวนขวายและน่าเอ็นดูจนใครๆ ก็ต่างพากันหลงรักความขี้อ้อน

    วันที่ข่าวเดทของจงอินออกมาแล้วแอมเบอร์ทวีตแสดงความยินดีตามที่แทมินขอให้ทำนั่นเธอยังรู้สึกผิดบาปต่อจงอินมาจนถึงวันนี้

    ความรักหนอเลือกเกิดผิดที่ หากที่นี่ไม่ใช่เกาหลีใต้ อะไรๆ มันคงจะง่ายกว่านี้ แค่เพียงรักกันก็กลับกลายเป็นความผิดที่ต้องปิดต้องซ่อน

    "ไม่เป็นไรนะจงอิน ไม่เป็นไร" มือเรียวสวยลูบแผ่นหลังกว้างของจงอินเมื่อร่างในอ้อมกอดเริ่มสั่นเป็นลูกนก เสียงอื้ออึงจากเมมเบอร์เอ็กโซเงียบลงทันควันเมื่อเห็นจงอินกำลังสะอื้น บยอนแบคฮยอนทำท่ารูดซิปปากแล้วพยักหน้ารับหลังจากที่โดนเซฮุนสะกิดเตือน

    ใครๆ ก็เห็นว่าแทมินทิ้งจงอินเคว้งไว้กลางเวทีแล้วก็รู้เลยว่าจะต้องมีดราม่าน้ำตาแตกแน่นอน

    แล้วบริษัทก็ช่างเก็บรายละเอียดเหลือเกิน กับการจัดตารางงานที่เลี่ยงไม่ให้จงอินกับแทมินมีโอกาสได้เจอกัน แม้กระทั่งพอมาอยู่ในคอนเสิร์ตรวมแบบนี้ก็ยังจัดห้องแต่งตัวของชายนี่ให้อยู่อีกฝั่ง มันคือวิธีการบีบบังคับให้เลิกกันกรายๆ ของบริษัทนั่นเอง






    -







    "แทมิน ทำไมแกทำแบบนั้น" จงฮยอนตรงเข้าไปถามน้องเล็กของวงทันทีที่ได้เจอหน้า คีย์ยืนท้าวเอวมองเงียบๆ ส่วนมินโฮกับจินกิเองก็ลอบมองเป็นระยะๆ ระหว่างที่กำลังถอดอุปกรณ์และเครื่องประดับรุงรัง ใครๆ ก็เห็นกันหมดว่าจงอินถูกทิ้งเคว้งไว้อยู่คนเดียว จงฮยอนเองก็เพิ่งจะสังเกตเห็นตอนที่ใกล้จะจบเพลงแล้วจึงเดินเข้าไปหาไม่ทัน

    ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าตอนนี้ในสายตาใครๆ จงอินมีแฟนแล้วคือคริสตัล แต่กับการแค่เดินไปมา เล่นกับเพื่อนสนิท มันจะแปลกอะไรกัน

    "ฉันเห็นที่มันดึงมือออกจากจงอินไปกอดเตนล์"

    "หื้มมมมม?" คำพูดของคีย์ทำให้เมมเบอร์อีกสามคนที่เหลือถึงกับร้องแสดงความแปลกใจขึ้นมาพร้อมกันก่อนจะหันขวับไปมองน้องเล็กอย่างพร้อมเพรียง แทมินยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

    "แทม ทำไมแกทำแบบนี้ แกก็น่าจะรู้ว่าจงอินมันคิดมากกับอะไรแบบนี้มากแค่ไหนไม่ใช่เหรอ"

    "ก็รู้ครับ" เปลือกตาสีน้ำนมหลับลงเพื่อคลายความหนักหัวกับสิ่งต่างๆ ที่รุมเร้าอยู่

    "แต่บริษัทต้องการได้ยินคำตอบว่าผมกับมันเลิกกันแล้ว พี่ไม่เห็นหรือไง ที่ผมโดนส่งมาอยู่ญี่ปุ่นนี่แบบแทบจะถาวรก็เพราะเขาจะแยกผมกับมันไม่ให้เจอกันไง ถึงขั้นเดบิวท์ที่นี่ให้กับผมอ่ะ ลงทุนขนาดไหน ไปเกาหลีทีก็ไปแค่ถ่ายฮิตเดอะสเตจแล้วก็โดนสั่งให้กลับญี่ปุ่นเลย ผมโดนเฝ้าตลอดไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลยนะ ผมจะแอบไปหามันก็ไม่ได้ ตอบข้อความมันก็ไม่ได้ ผมก็หนักใจนะ" แทมินพูดพลางลืมตาขึ้นมาเหลือบมองรอบๆ อย่างระมัดระวังว่าไม่มีใครที่ไม่ควรจะได้ยินมาได้ยินเข้า

    "แล้วแกก็ปล่อยให้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดที่ได้เจอกันพังลงไป" คีย์พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่รีรอ ร่างสูงเพรียวกอดอกมองน้องรักของตัวเองแสดงความไม่พอใจ

    พวกเขาหวงแทมินก็จริง แต่ตอนนี้แทมินก็โตมากแล้ว น้องมีแฟน และจะปล่อยให้น้องปฏิบัติกับแฟนด้วยวิธีผิดๆ แบบนี้ไม่ได้

    "แล้วพี่จะให้ผมทำไง? ถ้าพี่เป็นผมพี่จะทำไงกับปัญหาบ้าๆ ทั้งหมดนี่อ่ะ มันผิดที่ผมเหรอวะ หรือผิดที่มันเหรอ ก็แค่เรารักกันอ่ะ ผมก็เบื่อที่จะต้องมาปิดบังอะไรบ้าบอนี่แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ป้ะวะ" คีย์กลอกตาให้กับคำพูดตัดพ้อสิ้นคิดของคนเป็นน้องก่อนจะโต้ตอบไปอย่างใจเย็น

    "แกถามฉันเหรอว่าฉันจะทำยังไง? อืม ก็ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เค้าเสียใจไง เดินมาด้วยกันก็ต้องรับปัญหาไปด้วยกัน มีอะไรบอกเค้าทุกเรื่องเค้าจะได้รู้ จะได้ช่วยกันข้ามผ่านปัญหาไป ไม่ใช่เก็บทุกเรื่องไว้คนเดียวแล้วมาบอกว่าทำอะไรไม่ได้แบบนี้ หนักใจอยู่คนเดียวแบบนี้ คนรักกันเค้าไม่ปิดบังกันหรอกเว่ย แต่นี่แกกำลังปิดบังไงแทมิน จงอินมันรู้ที่ไหนว่าบริษัทสั่งลงมาขนาดนี้ ตามติดขนาดนี้? ถ้าแกพูดกับมันดีๆ มันก็เข้าใจแล้ว จงอินมันก็คิดง่ายๆ แค่ว่าออกข่าวเดทไปเรื่องทุกอย่างก็จบแต่มันไม่ไง ความรักมันจะอยู่ได้นานมันอยู่บนความเชื่อใจกับความเข้าใจ ถ้าแกทำตัวให้ไม่น่าไว้ใจแล้วแกจะให้จงอินมันเข้าใจอะไรนอกจากว่าแกไม่รักมันแล้ววะ?" คำพูดของคีย์ทำให้แทมินสะอึกจนพูดไม่ออก จินกิกับมินโฮถึงกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างไม่อยากมีส่วนร่วมในความตึงที่ก่อตัวขึ้น จงฮยอนเองก็ปิดปากเงียบไม่กล้าส่งเสียง ไม่ใช่เพราะว่าคีย์กำลังตึง แต่เพราะแทมินต่างหากที่กำลังถูกความเครียดเข้าปกคลุมอย่างหนักจนมันแผ่ออกไปทั่วบริเวณ แม้แต่พี่ๆ โซชิที่อยู่ห่างออกไปก็ยังชะโงกหน้ามาดูเพราะสงสัยในบรรยากาศแปลกๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างชายนี่บ่อยนัก

    คีย์ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงข้างๆ มังเน่ที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือ มือบางสวยวางลงไปบนกลุ่มผมของแทมินแล้วลูบมันแผ่วเบา

    "ถ้าโทรศัพท์แกโดนเช็ค แกตอบข้อความจงอินไม่ได้ ละคือแกมีพวกฉันไว้ทำไม มีมินโฮกับจงฮยอนมันไว้ทำไม ใช้งานพวกมันสิวะครับ" แทมินไม่ใช่คนที่จะแสดงความเสียใจออกมาด้วยการร้องไห้ แต่การนิ่งของคนอายุน้อยก็ทำให้คนเป็นพี่รับรู้ได้อย่างดีว่าข้างในนั้นปวดร้าวแค่ไหน คีย์คว้าร่างของอีกคนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด จงฮยอนยิ้มแผล่วิ่งเข้ามากอดคนที่เป็นเด็กในสายตาของพวกเขาเสมอเข้าอีกคน ตามด้วยมินโฮกับจินกิที่ตามเข้ามาสมทบกอดกันเป็นก้อนกลมและหยอกล้อกันจนแทมินหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด

    "ไอ้...หายใจไม่ออกโว้ย!" คีย์แหวลั่นเมื่อจงฮยอนกับมินโฮร่วมมือกันรัดคอของคนที่พูดจาได้น่าหมั่นไส้ที่สุดในโลกเอาไว้จนในที่สุดก็แตกฮือกันออกมาเพราะคีย์บิดตัวแทบจะสามร้อยหกสิบองศา

    "เออ แล้วบริษัทตามติดแทมิน แล้วกับจงอินล่ะ? ไม่ตามติดบ้างเหรอ" เป็นพี่ใหญ่ของวงที่ได้พูดบ้างสักทีหลังจากที่ทั้งห้าตีกันจนเหนื่อยและได้เวลาที่ต้องเก็บของกันให้เสร็จและออกไปจากที่นี่กันได้แล้ว

    "ตามสิครับ แต่จงอินมันไม่รู้ เพราะมันไม่ได้สนใจโลกเลยนั่นแหละ" คนแก่ที่สุดพยักหน้ารับก่อนจะเป็นจงฮยอนที่ถามต่อขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้

    "แล้วเรื่องเตนล์นี่อะไรยังไงไอ้แทม ฉันเห็นสายตาเจ้าชู้ของแกนะ อย่ามาทำไขสือ" แทมินหัวเราะพรืดเมื่อคนเป็นพี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    "ก็น้องก็น่ารักดี ไม่คิดงั้นเหรอ"

    "เดี๋ยวจะโดน" คีย์ตวัดสายตามองคนน้องที่กำลังทำหน้ากรุ้มกริ่มด้วยสายตาตำหนิ

    "ก็พี่น้องกันไงไม่เห็นมีไร ก็เจอกันบ่อยพอสมควรก็ต้องสนิทกันบ้างดิ แล้วอีกอย่างก็ดูกระแสรายการสิครับ พอมีแทมเตนล์ขึ้นมาคนตามเพิ่มพุ่งขึ้นเลย คนโหวตก็เพิ่มทั้งผมทั้งเตนล์ แต่ว่าน้องมันก็ขี้อ้อนดีนะ" ริมฝีปากของพี่ชายทั้งสี่เบ้ลงแบบไม่ได้นัดหมายให้กับเด็กหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่แสนน่าหมั่นไส้


    คืนนี้ที่โรงแรมหรูในโอซาก้าถูกจองเกือบทั้งหมดโดยเอสเอ็มเนื่องจากจะมีคอนเสิร์ตต่อในวันพรุ่งนี้อีก ห้องพักของพี่ๆ เอสเจอยู่ชั้นแปด ของชายนี่กับเอ็นซีทีอยู่ชั้นเก้า สาวๆ อยู่ชั้นสิบ สิบเอ็ด และสิบสอง ส่วนของเอ็กโซอยู่ชั้นสิบสาม

    โดยปกติแล้วเอ็กโซกับชายนี่จะพักอยู่ชั้นเดียวกันหรือชั้นติดกัน แต่ว่าครั้งนี้แปลกไปแสดงให้เห็นชัดเลยว่าบริษัทตั้งใจแยกจนไม่รู้จะแยกอย่างไร ตามแพลนแล้วจะแบ่งเป็นห้องละสามคน คีย์ มินโฮ จงฮยอน ส่วนอีกห้องจะเป็น จินกิ แทมิน และเมเนเจอร์ นั่นก็เพราะว่าแทมินโดนคุมความประพฤตินั่นเอง

    "คืนนี้ฉันจะไปนอนกับพี่จุนมยอนนะ"

    "ไปเล้ย! ฉันกับคีย์จะได้นอนสบายๆ" แต่มันก็มีการย้ายห้องโดยพลการได้บ้างแบบนี้ ที่อยากจะย้ายก็ย้ายกันเองอย่างเช่นที่ชเวมินโฮทำ

    "แกเสียงสูงทำไมจงฮยอน" คีย์เบ้ปากแซะการประชดของจงฮยอนให้คนถูกพาดพิงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    ทั้งหมดคือแผนการต่างหาก







    -







    "เอาเด็กมาส่งค่ะ" จมูกรั้นเรื่อสีแดงอ่อนนั่นไม่ว่าใครก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเพ่งสังเกตเลยสักนิด แอมเบอร์กับคริสตัลขึ้นมาส่งคิมจงอินที่ชั้นสิบสาม ถ้าถามว่ารู้มั้ยว่าจะโดนนักข่าวเก็บหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ก็แน่นอนว่าจงอินกับคริสตัลรู้ แต่นั่นก็ยิ่งดี เพราะเป็นการเสริมความน่าเชื่อถือว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้น แม้ว่าเรื่องจริงจะเป็นเพียงความสัมพันธ์ฉันเพื่อนก็ตาม

    "จงอิน คืนนี้จะนอนไหน?" เสียงที่ถามคือเสียงของหัวหน้าวงเอ็กโซซึ่งเอ่ยด้วยความห่วงใยเมื่อร่างโปร่งของน้องเกือบเล็กสุดเข้ามาในห้องซึ่งกำลังอัดรวมกันอยู่ในนั้นด้วยสมาชิกทั้งหกคนก่อนหน้า ส่วนอี้ชิงกับแบคฮยอนนั้นลงไปหาของกินข้างล่าง

    "ผมอยากนอน" จงอินไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับเอ่ยบอกจุดประสงค์แทน ซึ่งเป็นนัยว่า ต้องการห้องที่สงบกว่าที่เป็นอยู่

    "งั้นนายนอนห้องฉันไปละกัน ฉันคงไปนอนกับมินโฮ เซฮุนมันก็คงไปนอนกับแบคฮยอน" นั่นหมายความว่าห้องนอนย่อยห้องหนึ่งในห้องพักของเอ็กโซจะกลายเป็นของจงอินคนเดียวตลอดทั้งคืน

    คนเป็นน้องพยักหน้ารับแกนๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องนอนไป





    -





    คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน ร่างโปร่งเตรียมจะสลัดตัวออกจากการเกาะแกะของใครบางคนแต่ก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกได้ว่าสัมผัสนี้คือสัมผัสของใคร

    ใช่จริงๆ เหรอ? เรียวแขนที่โอบรั้งเอวของเขาเอาไว้อย่างนี้...

    จงอินรีบพลิกตัวเพื่อหันไปพิสูจน์ความคิดของตัวเอง และวินาทีนั้นขอบตาของเขาก็ร้อนผ่าว แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืดของห้องนอนที่ไม่ได้เปิดไฟไว้สักดวง แต่จงอินก็เห็นแทมินของเขาได้ชัดเจน ไม่ใช่ชัดเจนด้วยสายตา แต่เป็นความรู้สึกนั้นที่ชัดเจนว่าริมฝีปากอิ่มสวยนั้นกำลังคลี่ยิ้มให้กับเขา และนั่นทำให้หยาดน้ำตาหลั่งรินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่

    "ไอ้...ฮึก มึงแม่ง..." มือหนาฟาดลงที่ไหล่บางนั้นด้วยแรงที่ไม่มากนัก แทมินรีบรวบตัวคนพยศไว้ในอ้อมกอดแน่นๆ ใบหน้าคมซบลงที่อกของคนตัวบางเพื่อปล่อยให้น้ำตาไหลรินให้เสื้อของแฟนได้ซับมันทิ้งไป

    "กูขอโทษ" เสียงหวานเอ่ย

    "แต่กูมีเรื่องที่จะต้องบอกมึง ซึ่งมึงอาจจะไม่พอใจกับมันเท่าไหร่"

    "อะไร?" เสียงอู้อี้พูดขึ้นก่อนจะผละออกจากแผ่นอกบาง ใบหน้าคมง้ำงอพร้อมทั้งขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเป็นอิสระคนตัวบางจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเปิดไฟให้สว่างทั่วทั้งห้อง จะได้มองเห็นหน้าแฟนชัดๆ แม้ว่าตอนนี้แฟนจะหน้าบูดก็ตาม

    "กูมีเหตุผลกับทุกอย่างที่กูทำลงไป แม้กระทั่งเรื่องไม่ตอบข้อความ แล้วตัวมึงเองก็ต้องระวังตัวด้วยเหมือนกัน" เพียงคำพูดเท่านั้นของแทมินก็เปลี่ยนใบหน้าที่ง้ำงอของจงอินพลิกไปในทันที ใบหน้าคมแสดงสีหน้าวิตกออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    "มึงควรรู้ว่าเรากำลังโดนตามทุกย่างก้าว โทรศัพท์ทั้งของกูและของมึงโดนเมเนเช็คทุกวัน การกระทำทุกการกระทำอยู่ภายใต้สายตาของบริษัททั้งสิ้น มึงเข้าใจไหมจงอิน เขาตั้งใจแยกไม่ให้เราเจอกัน เขาตั้งใจส่งกูมาอยู่ญี่ปุ่นแล้วตัดขาดกูกับมึงทุกทางเพื่อให้กูกับมึงเลิกกันไง" จงอินนิ่งค้างไปด้วยไม่คิดว่ามันจะไปถึงขั้นนั้นก่อนใบหน้าคมจะหงอยลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าความขี้น้อยใจตนเองต่างหากที่กำลังจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เลิกกัน

    "อย่างงี้...กูก็จะไม่ได้คุยกับมึง ติดต่อกับมึงไม่ได้เลยงั้นเหรอ..."

    "บางทีเมมเบอร์ในวงก็ไม่ได้มีไว้แค่หารเก้าหรอกนะครับคุณแฟน" แทมินขยิบตาอย่างยียวนจนในที่สุดจงอินก็หลุดหัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ใบหน้ายังเปื้อนด้วยน้ำตา "โทรศัพท์เมมเบอร์น่ะใช้ได้ แต่อย่าให้โจ่งแจ้ง อย่าให้พี่เมเนเห็น"

    จงอินพยักหน้ารับแสดงความเข้าใจ แทมินพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนนิ้วบางสวยจะปาดหยดน้ำตาที่คั่งค้างอยู่บนใบหน้าของคนรักออกทีละน้อย

    "กูรักมึงนะจงอิน เชื่อคำพูดกู อย่าไปเชื่ออย่างอื่น" แก้วตาคมสบเข้ากับแก้วตาคู่หวานเป็นการยืนยันอย่างหนักแน่น

    "เข้าใจแล้ว" ริมฝีปากอิ่มเข้าประกบริมฝีปากหนาของอีกคน ทันทีทันใดแขนเรียวของคนผิวเข้มก็โอบรอบคอของคนตัวบางราวกับเป็นรีแอคชั่นที่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ แทมินละเลียดชิมริมฝีปากที่ตนแสนคิดถึงทีละน้อยๆ เก็บตวงความหอมหวานให้ได้มากที่สุด เพราะหลังจากนี้ก็คง...อีกนานกว่าเราจะได้เจอกันอีก

    "กูไปละนะ ที่รักของกู"

    "กูก็รักมึงมากๆ แทมิน รู้ไว้ด้วย" ริมฝีปากอิ่มหันมาคลี่ยิ้มขณะสวมหมวกและฮู้ดเพื่อพลางตัวก่อนจะใส่ผ้าปิดปาก

    "มึงก็รู้หนิจงอิน ว่ากูจะตอบว่า กูรักมึงมากกว่าอีก"


    TWITTER:  #ฟิคความลับแทมไค

    แต่งมาตอนนี้เป็นตอนที่สี่ ขอพูดย้ำอีกทีว่าทุกอย่างคือแค่ฟิค และคือมโนของเราล้วนค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×