ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "จิ๊กโก๋โช กับ ไฮโซทศ"

    ลำดับตอนที่ #1 : พ่อสุดหล่อ vs. หนูนางฟ้า(?)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 55




    “ไอ้ต๋อง  มึงว่าในซอยนี้ใครหล่อสุด”

     

                    เสียงเรียบๆ โมโนโทนกระแทกถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ  คนถามถอนหายใจพลางตวัดขาคร่อมมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านที่จอดอยู่เรียงรายแล้วโน้มตัวเข้าหากระจกส่องข้างเพื่อเซ็ตผมตัวเองให้ขึ้นทรงอย่างหงุดหงิด  ท่าทางอารมณ์บ่จอยแบบนั้นลูกพี่โดนสาวหักอกมาอีกแน่ๆ...  ไอ้ต๋อง ลูกกระจ๊อกจิ๊กโก๋ได้แต่คิด  ไม่กล้าเอยทักลูกพี่ออกไปให้เงาชะตาตัวเองขาด  มันรีบเช็ดมือกับเสื้อวินมอเตอร์ไซค์  แล้วรีบเข้าไปช่วยลูกพี่เซ็ตผมทรงเห็ดในกะลาครอบให้กลายเป็นทรงเกาหลีหล่อระเบิดอย่างรวดเร็ว  ปากก็ตอบเอาใจเจ้านายไปด้วย 

     

                    “โธ่เฮีย... สุดซอยนี้หรือซอยไหน  บ่มีไผหล่อเกินท่านจิ๊กโก๋โชติวุฒิครับผ้ม!”

     

                    “นั่นสิ... กูก็ว่างั้น”

     

                    ตอบแบบไม่มียางอาย เอ๊ย! ความหลงตัวเองเลยนะเนี่ยลูกพี่กู... T^T

     

     

                    “แล้วทำไมน้องดาลูกแม่ค้าส้มตำปากซอยต้องทิ้งกูไปด้วยวะ!  เออ... พอๆ กูหล่อแล้ว... เอามือออกไป”

     

                    ลูกพี่ปัดมือมันออกอย่างเร็วเมื่อเห็นว่าผมตัวเองหล่อเป็นทรงดีแล้ว  เซ็ตมากกว่านี้จากเกาหลีจะกลายเป็นกาลีซะเปล่าๆ  ไอ้ต๋องชักมือออกอย่างรวดเร็ว  ปากงุบงิบตอบ

     

                    “ก็ลูกพี่เล่นโหด... เอ๊ย! ดีเกินไปที่จะคบกับน้องดา  ทำให้น้องดาเค้ารู้ตัวเองว่าไม่คู่ควรเลยชิงบอกเลิกไงครับ”

     

                    “เหรอวะ?”

     

                    เสียงเรียบๆ ถามย้ำ  แถมตาคู่นั้นยังตวัดมามองมันราวจะถามย้ำให้แน่ใจ

     

                    “ถูกต้องทุกอย่างครับลูกพี่”

     

                    “เออว่ะ...”

     

                    หน้าโหดๆ  มึนๆ นั้นพยักขึ้นลงช้าๆ เป็นการเห็นด้วย  ก่อนที่เจ้าตัวจะเอนหลังนอนหงายป้าบลงบนเบาะมอเตอร์ไซค์   ควักบุหรี่ที่ยึดมาจากลูกน้องขึ้นมาจุดสูบด้วยท่าทางดีขึ้นนิดๆ  ขาใต้กางเกงเดฟรัดเปรี๊ยะลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่นกวนลูกกะตายกขึ้นไขว้บนแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ของคนอื่นเฉย  รองเท้าผ้าใบเลียนแบบของมียี่ห้อเก่าขาดจนมองไม่ออกว่าของจริงหรือของปลอมกระดิกดิ๊กๆ  วอนสายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมา

     

                    “ที่ตอนนี้กูไม่มีแฟนเพราะกูดีเกินไป  สาวที่ไหนก็ไม่ชอบกู... เซ็งว่ะ  เทพจุติอย่างกูคงหานางฟ้าข้างกายได้ยาก  เพราะกูดีเกินไป... มึงว่ายังงั้นมั้ย”

     

                    ลูกกระจ๊อกคนสนิทกัดลิ้นกลั้นอาการสำลักอากาศแทบไม่ทัน  เทพจุติ? ... อย่างเฮียมันพญามารชัดๆ  โหด  เลว  ดุ จนสาวทั้งละแวกเข็ดขยาด  เรียกได้ว่ายอมคบพ่อค้าขนมครกข้างบ้านดีกว่าคบกับจิ๊กโก๋กวนบาทาอย่างโชติวุฒิ  หรือเฮียนัท ตามที่ลูกน้องเรียกกัน 

     

                    แต่ให้หมั่นไส้ยังไง... ในฐานะลูกน้องที่ยังต้องการเงาหัว  ก็จำต้องตอบไปอย่างนี้

     

                    “ถ... ถูกต้องทุกประการครับลูกพี่”

     

                    “ดี!  ไหนท่องคำขวัญให้ฟังอีกรอบซิ”

     

                    นิ้วเรียวยามกรีดสายกีต้าร์ครวญเพลงจีบสาวชี้สั่งไอ้ต๋อง   มือก็พาดไปเรื่อยจนขี้บุหรี่หล่นจากปลายนิ้วที่คีบลงเปื้อนกระจกรถคันข้างๆ เป็นรอยยาว  เสียงสัญญาณกันขโมยดังแสบหู  ทว่าคนต้นเหตุยังรอฟัง “คำขวัญ” อยู่อย่างไม่ทุกข์ร้อน

     

                    “ลูกพี่หล่อสุดในซอยครับ!”

     

                    “อีกทีดิ๊  ฟังแล้วรู้สึกดีว่ะ... มันเป็นสัจธรรม”

     

                    “ลูกพี่โชติวู้ดดดด หล่อสุดในซอยคร้าบบบบบ!!!”

     

                    ไอ้ต๋องยืนท่องคำขวัญที่เจ้านายคิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาด้วยจิตใจหดหู่... ได้แต่หวังว่าเมื่อลูกพี่หา “คุณนาย” นางฟ้าประจำตัวได้แล้ว  คงไม่ใช่คนที่มีนิสัยถอดแบบกันเปี๊ยบจนน่าปวดหัว

     

                    โอม  ขอให้เป็นนางฟ้าจริงๆ ด้วยเถอะวะ

     

                    .....................

                    ...............

                    .........

                    ....

     

                    ผมถอนหายใจ  ขี้เกียจจะไปตะลอนจีบลูกแม่ค้าคนไหนอีก  หลังจากที่ได้คุยกับไอ้ต๋องวันนั้นทำให้ผมคิดได้...

     

                    แทนที่เทพจุติอย่างกูจะเสียเวลากับสาวห้องแถวธรรมดา  สู้ครองตัวเป็นโสด... รอนางฟ้ามาปลดไปกอดดีกว่าว่ะ!

     

     

                    หลังจากนอนเคาะกบาลคิดมาหลายวัน  ผมตัดสินใจจะทำตัวให้ดีน้อย  ถ่อยมากกว่านี้ไปพลางๆ  เผื่อถึงเวลาที่ผมพบนางฟ้าแล้วเขาเกิดจะปฏิเสธขึ้นมาอีกเพราะผม... ดีเกินไป

     

                    ให้ตายสิ!  เกิดมาหล่อแล้วทำตัวลำบากชิบเป๋ง

     

                    ผมเริ่มนับวันรอ... รอนางฟ้าของผมจะปรากฏกายขึ้นสักที

     

                    .

                    .

                    .

     

                    เหงาว่ะ!   แม่ง... ใครรู้ตัวว่าเป็นเนื้อคู่กูรีบมาหน่อยดิ๊!

               

     

     

     

     

                    สามวันมาแล้วที่ผมงดภารกิจตระเวนไปหยอกล้อสาวละแวกตลาดนี้อย่างสิ้นเชิง... ไม่มีประโยชน์   คนอย่างผมไม่ได้ถูกลิขิตมาเพื่อคู่กับสิ่งกระจอกๆ ว่ะครับ   ขืนแจกขนมจีบมั่วซั่วจะเสียใจตอนเจอนางฟ้า...

     

                    เออ  ยอมรับว่าเพ้อ  แต่ช่วยเออออตามนิดนึง

     

                    พ่อและแม่ต่างตกใจที่พบว่าลูกชายสุดที่รักอยู่ติดบ้าน... ไม่ออกไปหาเรื่องจิ๊กโก๋ซอยอื่น  หรือป้อสาวเข้าบ้านอย่างเคย  ตาพ่อโตกว่าไข่ไก่เบอร์ศูนย์พิเศษที่ร้านเจ๊กวงแล้วครับ  เพราะปกติถ้าไม่ตั้งวงก๊งเหล้าก็ตีกัน  เผลอๆ คืนนึงล่อทั้งสองอย่าง... แย่งสาวกันในวงเหล้า  ผลคือได้แผล  โดนหอบกลับบ้านไปกันจนครบทุกคน   ...แต่ก็นั่นแหละ  บางทีคนเราก็อยากเป็นคนดีบ้างอะไรบ้าง  แปลกตรงไหนวะ?

     

                    ผมล้มตัวลงนอน  เซ็งครับ... เพิ่งรู้ว่าการเป็นเด็กดีอยู่กับบ้านมันน่าเบื่อขนาดนี้  แทบไม่มีกิจกรรมพอให้ขยับตัวหรือยืดเส้นยืดสายบ้างเลย  ... ช่างแม่ง  อยู่คนเดียวอ่านการ์ตูนก็ได้วะ

     

                    มือผมค่อยๆ ขยับเปะปะควานหาหนังสือการ์ตูนที่กองเกะกะบนพื้นขึ้นมาอ่าน  อา... เล่มนี้แหละ  รูปนางเอกเซ็กกุซี่มาก  ตู้มตาตู้มใจไอ้โชที่สุด  อ่านค้างไว้ตั้งนานแล้ว  วันนี้คงจะได้อ่านต่อจนจบ 

     

                    ผมพลิกตัวนอนคว่ำเอกเขนก  เพิ่งจะเปิดเจอหน้าที่อ่านทิ้งไว้แล้วเอานิ้วชี้คั่นจะเปิดออกอ่าน  การได้นอนกลิ้งพร้อมกับหนีบหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดไว้ระหว่างนิ้วมันให้ความรู้สึกดีจริงๆ  อา... เอาละเว้ย... เซ็กกุซี่ที่สุด  เรียวขาค่อยๆ โผล่ออกมาตามมุมหน้ากระดาษ  ตามด้วยปลายแขน  ต้นคอ ..... และแล้ว  อีกเสี้ยวองคุลีก็จะถึงฉากเผยโฉมอวัยวะสำคัญ (?) ....   

     

                     .          

                     .         

                     .             

     

                    เอี๊ยด!

     

                    ผมหันขวับกลับไปดูต้นตอ  เห็นมารดาที่เคารพลองแง้มบานประตูเสียงเก่าๆ จนเสียงประตูลั่น   ดังบาดลึกถึงเซลล์ขั้วไตแบบขัดอารมณ์จนแทบอยากวางหนังสือทิ้งลงทันที 

     

                    ไม่ต้องอ่งต้องอ่านมันละกู!

     

                    “แม่มีไร?”

     

                    “เอ้อ... เอ้อ  เปล่าลูก... แค่... ยายศรีท้ายซอยเขาโทรมาบอกว่าขาเพิ่งขาด”

     

                    “แล้ว?”

     

                    แม่มีทีท่ากระมิดกระเมี้ยน  มือนับเงินชายพกเล่นแก้เขินก่อนจะตอบออกมา 

     

                    “แม่จะไปช่วย.. เอ้อ ต่อขายายศรีมันหน่อย  เรื่องชมรมการ์ดคณิตศาสตร์นั่นแหละลูก  แม่วานออกไปซื้อกับข้าวมาให้พ่อแทนแม่หน่อยได้ไหม  แม่ต้องรีบไป  แหม! คราวที่แล้วล่ะยายศรีมือขึ้นจริง  ฉันจะต้องรีบไปแก้มือ”

     

                    ประโยคท้ายๆ เหมือนคุณนายนงนุชจะบ่นงึมงำกับตัวเองมากกว่าพูดกับลูกชาย  แม่หันมายิ้มแห้งๆ แล้วรีบฉวยเงินบนโต๊ะหายออกไปทางหลังบ้านอย่างรวดเร็วชนิดชั้นเซียน  (ชำนาญการหนีตำรวจมาหลายยก)... ทิ้งให้ไอ้โชยืนค้าง  เพราะตังค์แดงๆ  ม่วงๆ  ที่แม่หยิบไปทั้งหมดนั้นมันก็...

     

                    แล้ว ค... ค่าการ์ตูนเล่มต่อไปของกูล่ะ!?!

     

                    ผมตบหน้าผากดังป้าบ  กรรมหนอกู... ขณะชำเลืองมองเศษตังค์ที่คุณนายรวบไปไม่หมดด้วยความโล่งอก  ยังดีนะที่เหลือเศษแบงค์ห้าสิบกับเหรียญอีกประมาณสิบกว่าบาทไว้พอเป็นค่ากับข้าวให้พ่ออยู่ 

     

                    เหล่มองนาฬิกาข้อมือ  อีกสิบนาทีจะห้าโมงครึ่ง  อีกเดี๋ยวป๋าก็คงเดินโต๋ออกมาบ่นว่าหิว...  ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินหยิบเงินพวกนี้ไปซื้อกับข้าวมาบำรุงบิดาบังเกิดเกล้าเกิดกะโหลก  ผมถอนหายใจหนึ่งเฮือกใหญ่ๆ  กะว่ารีดไส้ระบายลมออกจนหมดด้วยความเซ็งชีวิต  แล้วคว้าๆ ตังค์บนโต๊ะยัดกระเป๋ากางเกงเตรียมออกไปซื้อเสบียงที่ตลาดปากซอย

     

                    “เดี๋ยวมาป๋า!”

     

                    ผมตะโกนส่งๆ  ขณะยัดอวัยวะเข้าไปในรองเท้าคู่ทุกข์คู่ยาก  ไม่ลืมที่จะเตือนตัวเองว่าให้รีบๆ หาทางขูดรีดเอารองเท้าคู่ใหม่จากไอ้ต๋องมาใส่แทนคู่นี้ได้แล้ว  จะให้หวังแบมือขอตังค์ป๋าหรือคุณนายนงนุชก็ดูท่าจะลำบาก  ในเมื่อรายนึงหายใจเข้าออกเป็นหวย  เป็นไพ่ป๊อก  อีกคนก็มีแม่โขงเป็นเพื่อนกอดนอน...

     

                    ผมก้าวออกมาจากรั้วสังกะสีค่อนข้างผุ  ไม่ต้องพะวงเรื่องล็อคกลอน  เพราะโจรบางคน ...แม่ม  ยังรวยกว่ากู

     

                     คิดแล้วเครียด... วุ้ย  คิดแล้วเครียด   = *=

     

                    ผมเดินเลาะซอยออกมา  โดยไม่ลืมฝึกสมรรถภาพกล้ามเนื้อขาด้วยการเขย่งก้าวกระโดดหลบกองอึอึ๊น้องหมาไปด้วย 

     

                    อา... เลเวลอัพ  ในที่สุดลูกพี่โชติวุฒิก็สามารถพาตัวเองฝ่าด่านน้องหมามาถึงปากซอยได้สำเร็จ   โดยที่รองเท้ายังสะอาดเอี่ยมอ่อง

     

                    จริงๆ ก็... เอ่อ... อาจจะมีเศษๆ ติดมานิดหน่อย  แต่ใครมันจะสังเกตวะ!

     

                    ผมเดินไปฮัมเพลงไปอย่างสบายอกสบายใจ  ก้าวขาพอเป็นจังหวะให้พื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้น  กำจัดซากอึอึ๊ออกไปได้บางส่วน  บร๊ะ... กูฉลาด 

     

                    “เบ๊ ~ บี  เบ๊บี่... เบบี  โอ๊วววว ~ ~  ไอต๊อดยู อัลเวสสส์  บี๊  อิน ม้าย... มายยยย!”

     

                    ผมเดินสเต็ปถอยหลังอีกเล็กน้อย  คราวนี้เดินลำบากขึ้นเพราะมีกระทะ  แก้วน้ำ  ตะหลิวไม่ใช้แล้วจากแต่ละบ้านโยนเข้ามาร่วมบริจาคทานด้วย  แต่ระดับไอ้โช... ของประเภทนี้ไม่เคยโดนกบาลว่ะ  ผมหลบซ้าย  หลบขวา  หลบซ้าย  หลบขวา และหลบขวา

     

                    เห็นไหมว่าใครเจ๋งสุดในซอย 

     

                    แต่... ฮ... ฮ... เฮ้ยยย!

     

                    ขณะที่ผมกำลังสต็ปเท้าหลบตะหลิวไม้  และแจกันลายดอกกุหลาบบิ่นๆ สีชมพูแปร๋น  เห็นได้ชัดว่าผ่านการโยนมาแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง  สมุดโน้ตปกแข็งของใครก็ไม่รู้ก็ลอยเข้ามาสัมผัสใบหน้า  สันเย็บริมห่วงซะด้วย  เจ็บแสรด

     

                    “คุณ  ระวังนะ!”

     

                    “ม... ไม่เป็นไร.... ก... กูโอเค.... คร่อก!”

     

                   .

                   .               

                   .               

                   .           

                   .              

     

     

                    ...ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้กี่โมง...

     

                    ...หรือตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน

     

                    ที่จำได้ก็คือ  ครั้งสุดท้ายก่อนที่ผมจะไม่รู้สึกตัว  มีสมุดปกแข็งลอยมากระแทกกบาลเบาๆ ... พอให้เกิดเสียงดังปั้ก  และ... อะไรนะ  การ์ตูนเหรอ ... ไม่ใช่สิ  ค่ากับข้าว?

     

                    “เฮ้ย!”  ผมลุกพรวด  “ตายห่ะ... ป๋ากู  คุณนายนุชกู!!!”

     

                    ผมแทบตาเหลือก  คว้านาฬิกาโรเล็กซ์(ประตูน้ำ) ขึ้นมาดู... เกือบทุ่มครึ่ง  ป่านนี้นอกจากตลาดจะปิดแล้ว  ป๋าช้างกับคุณนายนุชคงยังไม่ได้กินข้าวแหงๆ ไม่ได้การ... อุตส่าห์ปฏิญาณตนไว้แล้วว่าจะเป็นเด็กดี  แล้วนี่ถ้านางฟ้ามาเห็นเค้าไม่เข้าใจกูผิดแย่เหรอวะ! แล้วถ้าเค้าไม่คบกูล่ะ???

     

                    “คุณ  อยู่นิ่งๆ”

     

                    เสียงไม่คุ้นดังปรามเบาๆ  พร้อมกับกดไหล่ผมลงไปนอนกับฟูกนิ่มๆ อย่างเก่า  แสงจากหลอดไฟที่ส่องย้อนลงมาทำให้ผมเห็นหน้าไม่ถนัด

     

                    นั่นจะทำอะไรกูน่ะ... คิดจะ ‘อะบาละฮึ่มมม’ กูเหรอ??? 

     

                    อย่านะเว้ย  กูเวอร์จิ้น  และกูจะเก็บจุ๊บแรกไว้ให้นางฟ้ากูเท่านั้น 

     

                    ว่าแต่... ใครวะ  - -“ 

     

                    เห็นทีจะต้องใช้วิชาเซียนหลอกถามแบบไม่ให้รู้ตัวซะแล้ว

     

                    “มึง... ใครวะ...”

     

                    เป็นไงล่ะ... หึหึ  หลอกถามซะจับไม่ได้เลยสิกู  ฉลาดจริงๆ

     

                    “เรา... ซิน”

     

                    มือเล็กๆ เย็นๆ เอื้อมมาแปะหน้าผากผมช้าๆ  ผมตะปบหมับ... ไม่ได้แต๊ะอั๋งนะเว้ย  แต่แบบว่าอยากรู้ว่ามือนุ่มมั้ย  เอ๊ย! อยากรู้ว่าเจ้าของมือเป็นใคร 

     

                    แต่สรุป  มือนุ่มมาก  หอมด้วย!!!

     

                    “ขยับไปหน่อย  อยากเห็นหน้า...”

     

                    ...ว่าเมื่อกี้ใครคิดจะลวนลามกู

     

                    คนๆ นั้นหัวเราะใส  พลางสะบัดปลายผมไปข้างหลัง  ยิ้มนิดๆ แล้วยอมถอยไปนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ แต่โดยดี

     

                    “พนันกันเลย ว่านายไม่รู้จักเราหรอก... เด็กใหม่เพิ่งย้ายมาน่ะ   แต่เราเป็นหลานคุณป้ากนกทิพย์นะ  นายรู้จักไหม”

     

                    กนกทิพย์ไหนวะ... ผมนึกในใจ... คิดไม่ออกเพราะตอนนี้สมาธิทั้งมวล  ตั้งแต่ผม(แตกปลายหน่อยๆ) ไปจนถึงนิ้วก้อยตรีน  เข้ามารวมกันอยู่ที่จุดๆ เดียวจนหมดสิ้น

     

                    นางฟ้าของกู......  กูเจอแล้ว!

     

                    คนตรงหน้า  ตอนนี้หลบมานั่งเท้าคางมองตาแป๋ว  ผมยาวเคลียสะบัดถึงบั้นเอวยามที่คู้ตัวนั่ง  ช่วงตัวเพรียวเล็ก  รับกับใบหน้าสวยหวาน  เครื่องหน้าจิ้มลิ้ม  งามแสรดดด

     

                     โอ๊ย... กูอยากได้

     

                    นางฟ้า(ของกู) หันไปมองนาฬิกาติดผนังแบบที่มองปราดเดียวรู้เลยว่าเป็นของแพง  แล้วอุทานยิ้มๆ

     

                    “ตายแล้ว  เย็นแล้ว... บ้านอยู่ไกลมั้ย  เราจะให้คุณป้าไปส่ง  มืดแล้วมันอันตราย”

     

                    ตบท้ายด้วยยิ้มใสได้ใจพี่โชไปหนึ่งที  โอย... กระแทกใจเฮียดังป้าบ  ถึงแม้ว่าหน้าตากูจะหล่อเหลาเกินกว่าจะมีใครกล้าฉุดก็เถอะ  แต่ในเมื่อน้องนางฟ้าออกอาการเป็นห่วง  พี่ก็จะรับไว้นะจ๊ะที่รัก  >

     

                    “ขอบคุณครับ” จัดรอยยิ้มแสยะแบบหล่อที่สุดในชีวิตไปซักที  “พี่ชื่อโชติวุฒินะจ๊ะ  น้องนางฟ้... เอ่อ น้องคนสวยจะได้รู้จักพี่ไว้  ขาดเหลืออะไรก็คนกันเอง  เป็นน้องสาวคนสวยของพี่  พี่ช่วยเหลือได้ทุกอย่าง  เอาเป็นว่าพี่จะขอบคุณที่ช่วยพี่ไว้ด้วยการพาไปดินเนอร์คืนนี้แล้วกันนะจ๊ะ”

     

                    น้องนางฟ้ายิ้มค้าง... แล้วหุบปากลงดังฉับ!  มือสวยชักออกจากมือผมอย่างเขินอาย  แล้วเงื้อสูง  ทีแรกผมคิดว่าคงเป็นเพราะเขิน  จนกระทั่ง....

     

                    ผลั่กกกก!

     

     

                     “ขอโทษครับ  แต่ กู-เป็น-ผู้-ชาย”

     

                    มือขาวตบชิลล์ๆ ทั้งซ้ายและขวา  กะเอาว่าแก้มผมเป็นรอยแดงสวยประหนึ่งชโลมอุทัยทิพย์แล้วสะบัดตูดเดินหนีไปทันที  ก่อนจะจากกันยังมิวายยิ้มสวย  แต่ดูแล้วเสียวสันหลังวาบ

     

                    “อุ๊ย  รถเพิ่งน้ำมันหมด  เดินกลับเองแล้วกันเนาะ”  น้องนางฟ้าของผมสะบัดเรือนผมหยักน้อยๆ  เพิ่งสังเกตว่าพอยืนเต็มส่วนสูงแล้วปลายผมยาวถึงกลางหลังพอดี  เอหรือว่าจะยาวเคลียไหล่...

     

                    ผมว่าลูกกะตาเริ่มปูด  มองไม่ค่อยถนัดแล้วล่ะ

     

                    “แล้วคุณพี่ช่วยออกไปจากห้องกูด้วย  กูจะนอน!”

     

                    .

                    .

                    .

     

                    รีบเผ่นเร็วที่สุดในชีวิต  จากบ้านริมถนนใหญ่มาจนถึงในซอยเล็กๆ แบบไม่ต้องกลัวเหยียบอึอึ๊หมา... เพราะเมื่อกี้เพิ่งเจอนางฟ้า  แต่ดุชิบห่ะยิ่งกว่าหมาไปหมาดๆ  เสียดายที่กินเนสต์บุ้คไม่ได้ลงบันทึกไว้... เหอะๆ

     

                    กลับมาถึงบ้าน  ป๋าช้างของไอ้โชตื่นแล้ว  ส่วนคุณนายนุช... ช่างเถอะ  รายนั้นเขากินบ่อนนอนบ่อน

                       ผมเจอเสียงบุพการีอ้อแอ้ทักมาแต่ไกล...

     

                   “อ้าว  มึงไปโดนอะไรมา”

     

                   “เมียตบว่ะป๋า”  ผมตอบฉุนๆ  และแล้วก็สะดุดใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง....

     

                    หลานป้ากนกทิพย์ ... กนกทิพย์... เจ๊กวง 

     

                    น้องซินนางฟ้าเป็นหลานเจ๊กวง...

     

                    ผมรู้สึกเหมือนมีใครเอาไฟฟ้ามาช็อตจนทุกอณูประสาทตื่นตัวไปทั้งร่าง

     

                    ถ้าน้องซินเป็นหลานป้ากนกทิพย์... หลานเจ๊กวง..... งั้นก็แสดงว่า...

     

                    ตายห่ะ! นางฟ้ากูเป็นหลานเจ้าของตลาด!!! 

     

     

                    ผมรวบรวมสติ... หันกลับไปถามป๋าที่นอนสลบกอดขวดแม่โขงกลมไว้แน่น

     

                    “ป๋า  อยากมีสะใภ้เป็นทายาทตลาดบางนกเอี้ยงป่ะ?”

     

                    ใช่ครับ  อย่าตกใจ  มันก็แค่ชื่อตลาด  ไฮโซมั้ยล่ะ?

     

                    ป๋าสะบัดหน้าแดงก่ำ  มองลูกชายที่รักตาเยิ้ม

     

                    . 

                    . 

                    . 

     

                    “ถามตัวเองดีกว่าว่าหน้าอย่างมึง  เค้าจะอยากได้ทำผัวมั้ย”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×