แฉ (ตัวเอง) - นิยาย แฉ (ตัวเอง) : Dek-D.com - Writer
×

    แฉ (ตัวเอง)

    เรื่องราวความโก๊ะ ที่ไม่เหมือนใครมาแฉให้รู้กัน เรื่องที่โดนบูลลี่แต่ไม่กล้าตอบโต้ สรุปฉันเป็นคนแบบไหนกันแน่ มาแฉกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    99

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    99

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    จำนวนตอน :  4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 เม.ย. 64 / 08:34 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ 1 แฉตัวเองค่ะฟังไม่ผิด

    ก่อนอื่นต้องเล่าให้ฟังก่อนนะว่า บ้านที่ฉันอยู่ปัจจุบันนี้ มีต้นไม้ต้นหนึ่งลักษณะเป็นไม้พุ่มมีดอกคล้ายๆ กับลูกเงาะ

    แต่ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเรียกว่าต้นอะไร เอาเป็นว่าต้นไม้ต้นนี้อยู่ข้างบ้านแล้วกัน

    มีเหล่านกกระจอกมาอาศัยนอนอยู่ เป็นจำนวนหนึ่ง อันนี้จำนวนแค่ไหนก็ไม่ทราบได้ เพราะฉันเองไม่เคยนับ เอาเป็นว่าฟังจากเสียง และประเมินด้วยสายตา ก็จำนวนหนึ่ง ฝูงหนึ่งนั่นแหละ เอาง่ายๆ

    และนั่นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ฉันจะมาแฉตัวเองในวันนี้นะ

    "เริ่มเลยแล้วกัน บ่ายวานนี้หลังจากซักผ้าเสร็จ มันต้องถึงขั้นตอนที่จะต้องตากผ้าใช่ไหม ?"

    "ใช่ค่ะ"

    ฉันเองก็ทำแบบนั้นอาจจะมีใครบอกว่า จะพูดทำไมให้ใครก็ทำกัน

    นั้นสินะไม่ได้บอกให้คุณไปตากผ้า
    แต่ฉันจะเล่าให้ฟัง ว่าระหว่างที่ฉันไปตากผ้าอยู่นั้น
    ตาของฉันก็เหลือบไปเห็นนก

    "ค่ะ !!!..นกตัวในน้อย"

    ขนของมันยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ เริ่มมีบ้างเล็กน้อยที่ปีก แต่ก็ไม่ได้เยอะ ตัวของมันส่วนใหญ่ยังมีแค่หนังหุ้ม

    มันกำลังดิ้นเพื่อหนีจากมดแดงตัวใหญ่จำนวนหนึ่ง

    ใช้ล่ะ !!..ตอนที่มันกำลังดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่นั่น
    มันทำให้ฉันได้หันไปมองเห็นมันพอดี

    ตอนที่มันกำลังดิ้น เพื่อจะมีชีวิตรอด

    "ยังไงล่ะคุณ ?"

    ฉันจะทำยังไงดี
    ตัวของมันยังไม่มีขนด้วยซ้ำตัวแดงๆ มีแค่หนังหุ้ม

    โอ้ย..!!..คุณคะ

    "ฉันไม่กล้าจับ"

    สารภาพกันตรงๆ เลยว่าฉันไม่เคยจับสัตว์อะไรที่เป็นแบบนี้มาก่อน

    ปกติฉันเป็นคนที่ไม่เลี้ยงสัตว์ (ต้องภูมิใจไหมเนี่ย)

    ถามว่าชอบนกไหม ?ชอบตอนแรกฉันเคยตอบแบบนั้น

    ใช่เมื่อก่อนฉันเคยตอบคำถามแบบนี้มา

    จำได้ว่าฉันเคยตอบคำถามแบบนั้น
    เคยมีใครถามฉันมาก่อน

    แต่จำไม่ได้แล้ว ว่าถามตอนไหน ทำไมต้องถาม

    ชั่งมัน !!.นานมากแล้วใครจะไปจำได้

    แต่ก็ช่างเถอะมีใครก็ไม่รู้ถามฉันว่า สัตว์ที่ฉันชอบ และ อยากเลี้ยง คืออะไร

    และฉันก็เคยตอบไปว่านก และ ปลา ที่ฉันอยากเลี้ยง แต่ไม่รู้ทำไมนะ ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรเหมือนกัน

    ฉันถึงตอบแบบนั้นไปแต่ถ้าเท่าที่สัมผัสมา ก็มีแค่ นก และ ปลาเนี่ยแหละ

    ที่ฉันอยากเลี้ยง และฉันก็กล้าจับมันด้วย

    ว่าไปตอนนี้ก็มีหางนกยูง ที่อ่างบัวหน้าบ้านนะ
    แต่ตอนนี้เวลานี้ ที่นกตัวแดงๆ กำลังดิ้นอยู่ตรงหน้า ฉันเพื่อนหนีมดแดงตัวใหญ่ ซึ่งมันไม่มีทางที่จะหนีรอดแน่ๆ ถ้าฉันไม่ช่วยมัน

    "อันนี้จะเรียกว่าแฉได้หรือเปล่านะ ?"

    "ฉันกำลังคิดว่าฉันจะเอายังไงดี"

    ฉันจะเอาอะไรมาตักตัวมันดี ฉันไม่กล้าจับมัน ตัวมันจะไม่มีขนมีแต่หนังแดงๆ

    จะเอาที่กวาดใบไม้หรอ ?

    จะทันไหม ?
    มันจะตายหรือเปล่า ?ทันใดนั้น ด้วยความกลัวว่ามันจะตาย ฉันตัดสินใจ หยิบตัวมันขึ้นมาด้วยมือของฉันเอง แล้วจัดการไล่มดพวกนั้นออกจากตัว เจ้านกน้อย ที่กำลังดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอด

    "แม่จ้าว !!...ฉันจับมันได้แล้ว"

    ฉันกล้าจับตัวมันแล้วคุณขา...มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ มันไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น มันก็แค่นกตัวหนึ่ง

    "ใช่ค่ะ"

    ฉันกล้าจับมันแล้ว ยังไงต่อ บังเอิญว่าตรงนั้นมีกล่องที่ฉันสั่งของออนไลน์มาพอดี มันมีตัวพลาสติก ที่เค้าใช้กันกระแทกอยู่ ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไรอีก ที่เราชอบบีบเสียงดัง แป๊กๆ นั่นแหละ คิดว่าคุณๆ น่าจะนึกออก

    นั่นแหละค่ะ ตามนั้น ฉันจัดการให้มันไปอยู่ในกล่องแห่งนั้น

    เฮ้ยย..ปลอดภัยแล้วเจ้าบุญหลง..นึกชื่อให้มันออกมาทันที ให้มันชื่อเจ้าบุญหลงเลยแล้วกัน

    แล้วไงต่อล่ะคุณ หรือให้มันอยู่ในพลาสติกแบบนี้ มันคงร้อนตายแน่

    แล้วถ้าฉันวางมันอยู่ตรงนี้ ที่หน้าบ้านมดต้องมารุมกินมันอีกแน่นอน

    เอาไงต่อต้องให้ฉันพามันไปทุกที่ก็ไม่ใช่เรื่องไหม จัดการเอากะละมังเล็กๆ ใส่น้ำเข้าไปเปลี่ยนให้มันไปอยู่ในขันเงินใบเหมาะสมเท่าที่จะหาได้ มันอยู่กับตรงนี้แล้วกัน

    ผ้าขาดๆ ไปวางหน่อยโล่งใจไปอีกเปราะหนึ่ง

    อ้าว...ยังไงต่อ มันร้องสิคะคุณ
    ยังไงอีกมันร้องสิ
    น่าจะหิวอ้าปากกว้างด้วย

    มันคงคิดว่าฉันเป็นแม่มันกระมัง
    ยังไงล่ะ..ทีนี้นกมันก็ต้องกินป่ะ

    อะไรล่ะ...มันจะกินอะไรได้บ้าง

    คิดๆ เวลาก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว
    มันน่าจะไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน
    ให้มันกินอะไรดี

    แต่เอ๊ะ..ในตู้เย็นมีนมจืดอยู่นี่ จัดการเปิดกล่องนมเทใส่ถ้วยใบเล็ก

    ตัดหลอดแล้วบีบเข้าปากมัน

    อ้าว...เจ้าบุญหลงชอบเฉย จัดไปลูกได้กินสมใจแล้ว ก็เงียบหลับไป

    " นี่ฉันกลายเป็นแม่มันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?"

    "การที่ฉันออกมาแฉตัวเอง ว่าไม่กล้าจับนกเป็นเรื่องแปลกไหม ?"

    การที่ฉันออกมาสารภาพว่าโตขนาดนี้แล้ว ฉันไม่กล้าจับตัวนกที่ไม่มีขน หรือมีขน

    (อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เท่าที่จำได้ฉันยังไม่เคยจับนกจริงๆ เลยสักครั้ง ตอบไม่ถูกว่าจะกล้าจับมันหรือเปล่า)

    แฉอีก..!! ไม่ใช่แค่นกหรอก สัตว์ทุกชนิดที่ตัวเล็กๆ ยังไม่ลืมตาฉันก็ไม่กล้าจับนะ

    อันนี้ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มีใครรู้บ้างเพราะอะไร

    แต่วันนี้ฉันสามารถก้าวข้ามมันมาได้
    ฉันสามารถจับมันขึ้นมาได้แล้ว

    เพราะฉันกลัวว่ามันจะตาย ไปต่อหน้าต่อตาฉัน และ ฉันสามารถเก็บมันมาเลี้ยงดู ป้อนนมมันได้อีก

    โดยไม่ได้ รู้สึกอี๋...เหมือนก่อน !!

    อี๋..!!! คำว่าอี๋..ของฉันคือ มันไม่ใช่รังเกียจนะ

    แต่มันเป็นการไม่กล้าสัมผัสมัน กลัวว่ามือของเราจะไปทำร้ายเขา อะไรประมาณนี้
    (ดูดีไปอีก)

    ใช่ๆ มันไม่ใช่ การแสดงความรังเกลียจนะคุณ แต่มัน คือความรู้สึกที่มันแปลกๆ หน่อย ที่เราจะไปสัมผัสที่ตัวมัน

    รู้สึกว่ามันบอบบางเกินกว่าที่เราจะเอามือไปจับประมาณนี้

    ไม่รู้ว่าใครจะเป็นเหมือนฉันหรือเปล่า ?รังเกียจไหม ?

    ก็ไม่นะ...เอาเป็นว่าฉันเป็นแม่มันไปแล้วตอนนี้ เจ้าบุญหลง

    และวันนี้ในตอนเช้า
    พอฉันตื่นขึ้นมา ก็รีบหานมให้มันกินก่อนเลย

    แต่เอ๊ะ..!! มีมะละกอสุกบดให้มันหน่อยแล้วกัน ฉันป้อนนมนกตัวน้อยไป ดูมันไป

    อดคิดถึงช่วงเวลาที่ฉันจับมันขึ้นมา แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าฉันไม่ยอมก้าวข้ามความกลัวของตัวเองในตอนนั้น มันคงตายไปแล้วในที่สุด มันคงกลายเป็นอาหารของมดพวกนั้นไปแล้ว

    มัน คือ ความโชคดี ที่ทำให้ฉันรู้ว่า การที่ฉันทำแบบนั้น ฉันก็มีจิตที่เมตตาอยู่บ้างเหมือนกัน

    "ขอบคุณนะ..เจ้าบุญหลง"

    ฉันก็อดที่จะคิดถึงแม่ไม่ได้เหมือนกัน (ดราม่านิดนึง )

    คิดถึงในวันที่ฉันเกิดมาในวันแรก ถ้าเกิดว่าแม่ของฉัน ไม่ยอม หรือไม่อยากที่จะสัมผัสตัวของฉัน คงไม่มีฉันในวันนี้

    ฉันคงไม่มีนมจากแม่ที่เลี้ยงชีวิตฉันให้อยู่รอดจนถึงทุกวันนี้

    ฉันคงไม่มีอ้อมกอดที่อบอุ่นถึงปัจจุบันนี้

    ฉันเองคงต้องไม่ต่างจาก เจ้าบุญหลงนกตัวน้อย ที่ฉันเก็บมาเลี้ยง

    มันคงถูกมดกัด
    จนขาดใจตายไปแล้วป่านนี้

    มันคงไม่มีโอกาสลืมตาดูโลกสวยงามแน่นอน

    ฉันเองก็เช่นกัน ถ้าไม่มีแม่ คงไม่มีฉันวันนี้แน่ๆ

    "ขอบคุณนะคะแม่"

    สัมผัสรักของแม่ อบอุ่นที่สุดเลยค่ะ

    แม่ คือ คนที่ให้ชีวิต และให้โอกาสทุกอย่างกับฉัน

    แม่ คือ คนที่เสียสละให้กับฉันมากมายโดยไม่มีเงื่อนไข

    แม่ไม่ต้องการอะไรจากฉันเลย

    แล้วคำถามบ้าๆ ก็เกิดขึ้นมาในหัวของฉันอีกหนึ่งคำถาม

    "จะถามดีไหมนะ ?"

    "เอาเถอะในไหนก็ไหนไหนแล้ว"

    "พูดมาซะ !! ขนาดนี้แล้วถามเลยแล้วกัน"

    ถ้าเกิดว่าวันนึง ฉันเกิดตกลงไป ในแม่น้ำกว้างใหญ่ คนแรกที่จะกระโดดลงไปช่วยฉัน ในแม่น้ำแห่งนั้น ก็คงเป็นแม่ของฉันสินะ

    แต่เอ๊ะ.!!. เดี๋ยวก่อน !!ฉันจำได้ว่า แม่ฉันว่ายน้ำไม่เป็น

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น